แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Jessicas

หน้า: 1 ... 250 251 [252] 253 254 ... 257
4519


นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า  GULF ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit) จำนวน 1,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 412 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน

สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลกำไรของโครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ศรีราชา (GSRC) หน่วยที่ 1 ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 662.5 เมกะวัตต์ ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 โดยมี Load Factor เฉลี่ยเท่ากับ 88% ในไตรมาสนี้ ประกอบกับโครงการโรงไฟฟ้า 12 SPP ภายใต้กลุ่ม GMP และโครงการโรงไฟฟ้า 7 SPP ภายใต้กลุ่ม GJP ที่รับรู้ Core Profit เพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมที่สูงขึ้นในทุกภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็ก โดย 12 SPP มี Load Factor เฉลี่ยของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมในไตรมาสนี้ เท่ากับ 63% เทียบกับ 51% ปีที่แล้ว

ขณะที่ 7 SPP มี Load Factor เฉลี่ยเท่ากับ 66% ในไตรมาสนี้ เทียบกับ 57% ในปีก่อน นอกจากนี้ โรงไฟฟ้า 2 IPP ภายใต้กลุ่ม GJP ยังมีปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพิ่มขึ้น 148% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2563 ส่งผลให้โรงไฟฟ้าเดินเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้ง ในไตรมาส 2 ปี 2564 ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก PTT NGD จำนวน 63 ล้านบาท จากการที่ GULF เข้าไปลงทุนในสัดส่วน 42% ด้วย


ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2564 Core Profit ในไตรมาสนี้ลดลง 989 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41.4% เนื่องจากไม่มีการบันทึกเงินปันผลรับจาก INTUCH ในไตรมาสนี้ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล Borkum Riffgrund 2 (BKR2) มีปริมาณการขายไฟฟ้าที่ลดลงจากปัจจัยด้านฤดูกาล ซึ่งไตรมาส 2 และไตรมาส 3 นับเป็น low season เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 1 และ ไตรมาส 4 ซึ่งถือเป็น high season ของพลังงานลมในทะเลที่ประเทศเยอรมนี

ในไตรมาส 2 ปี 2564 GULF มีรายได้รวม (Total Revenue) 11,845 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,707 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29.6% จากไตรมาส 2 ปี 2563 จากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 1 ที่เปิดดำเนินการในไตรมาส 1 ปี 2564 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล BKR2 ที่รับรู้รายได้ครั้งแรกในไตรมาส 4 ปี 2563

อีกทั้ง ยังรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมของกลุ่ม GMP อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ GTN1 และ GTN2 ที่ประเทศเวียดนาม ลดลงเล็กน้อยจากการจำกัดการรับซื้อไฟฟ้าชั่วคราว (Temporary Curtailment) เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศเวียดนาม

อัตรากำไร EBITDA Margin ในไตรมาส 2 ปี 2564 เท่ากับ 35.6% เพิ่มขึ้นจาก 31.9% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติที่ลดลง 8.7% จากปีก่อน แม้ว่าค่า Ft เฉลี่ยจะลดลงก็ตาม


นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

GULF มีกำไรสุทธิ (Net Profit) ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ ซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เท่ากับ 1,407 ล้านบาท ลดลง 25.2% เทียบกับผลกำไรสุทธิ 1,881 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2563 เนื่องจากในปีก่อนมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized Gain) จำนวน 892 ล้านบาท เทียบกับ 6 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปีนี้

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 GULF มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Interest-Bearing Debt to Equity) เท่ากับ 1.75 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าข้อกำหนดสิทธิสำหรับหุ้นกู้ (Bond Covenant) ที่ 3.50 เท่า

นางสาวยุพาพิน กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ GULF ได้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH แล้วเสร็จ ทำให้มีสัดส่วนการถือหุ้น INTUCH ทั้งสิ้น เท่ากับ 42.25% โดย GULF ได้ทำการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินในประเทศทั้งสิ้นจำนวน 48,612 ล้านบาท โดย GULF มีแผนในการออกและเสนอขายหุ้นกู้มูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาทภายในปีนี้ โดยจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ไปลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ และชำระคืนเงินกู้ที่ใช้ในการซื้อหุ้น INTUCH ในบางส่วน นอกจากนี้ บริษัทฯ จะรับรู้เงินปันผลรับทันที ประมาณ 1,600 ล้านบาทในไตรมาส 3 นี้

สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2564 GULF ยังมีโครงการที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเลที่ประเทศเวียดนาม (Mekong Wind) ระยะที่ 1-3 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 128 เมกะวัตต์ ที่จะทยอยเปิดดำเนินการระหว่างไตรมาส 3-4 ปีนี้, โครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 2 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 662.5 เมกะวัตต์ ที่กำหนดเปิดดำเนินการในเดือนตุลาคม 2564

โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่ประเทศโอมาน (DIPWP) จำนวน 326 เมกะวัตต์ ระยะที่ 1 ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 40 เมกะวัตต์ ที่จะเปิดดำเนินการระหว่างไตรมาส 3-4 และโครงการ solar rooftop ภายใต้ Gulf1 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 20 เมกะวัตต์ ที่จะทยอยเปิดดำเนินการภายในสิ้นปี ส่งผลให้ GULF มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวมทั้งสิ้น 7,922 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2564

4520


ถึงนาทีนี้ธุรกิจโรงแรมยังมองไม่เห็นหนทางฟื้นจากอาการโคม่า ล่าสุดแบงก์ชาติเผยผลสำรวจผู้ประกอบการโรงแรมยังอ่วมพิษโควิด-19 ทรุดลงต่อเนื่อง สภาพคล่องหดหายอยู่ได้อีกไม่เกิน 3 เดือน ขณะที่อัตราการเข้าพักดิ่งสุดเหลือแค่ 10% ร้องขอวัคซีน-พักหนี้-พยุงการจ้างงาน 

ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม (HSI) ซึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ร่วมกับสมาคมโรงแรมไทย จัดทำขึ้นเป็นประจำทุกเดือนยังไม่มีทีท่าจะผ่านพ้นวิกฤต หนำซ้ำกลับหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ แม้รัฐบาลจะพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศและเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ด้วยโครงการนำร่อง  “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์”  เชื่อมโยงกับจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ ก็ตาม

ล่าสุด ผลสำรวจฯ ในเดือนกรกฎาคม 2564 จากผู้ประกอบการที่พักแรม 304 แห่ง (เป็น ASQ 28 แห่ง Hospitel 4 แห่ง) ระหว่างวันที่ 13-26 กรกฎาคม 2564 พบว่า ผู้ประกอบการที่พักแรมได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ต่อเนื่อง โดยอัตราการเข้าพักยังอยู่ในระดับต่ำมาก เฉลี่ยอยู่ที่ 10% ซึ่งทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้เกือบ 60% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่มีสภาพคล่องลดลงจากเดือนก่อน และเพียงพอในการดำเนินธุรกิจไม่เกิน 3 เดือน ขณะที่การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติส่งผลบวกต่ออัตราการเข้าพักโดยรวมไม่มากนัก

ทั้งนี้ หากไม่รวมกลุ่มที่ปรับตัวมารับลูกค้าต่างชาติที่ทำงานในไทย และ workation, staycation รวมถึงกลุ่มที่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามโครงการ “แซนด์บ็อกซ์” ซึ่งส่วนมากเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ อัตราการเข้าพักเฉลี่ยในเดือนกรกฎาคม 2564 จะอยู่ที่เพียง 6.5% เท่านั้น ส่วนคาดการณ์อัตราการเข้าพักทั้งประเทศในเดือนสิงหาคม 2564 จะปรับลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 8% โดยทุกภูมิภาคของประเทศไทยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยต่ำกว่า 10%

อัตราการเข้าพักที่ลดลงดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบทำให้ 58% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ มีสภาพคล่องลดลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2564 และเพียงพอในการดำเนินธุรกิจได้ไม่เกิน 3 เดือน และมีอีก 23% ที่มีสภาพคล่องเพียงพอไม่ถึง 1 เดือน ซึ่งกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศ ขณะที่ 57% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ทั้งหมด รายได้ยังกลับมาไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19

จากการสำรวจสถานะกิจการของผู้ประกอบการ 272 แห่ง (ไม่รวม ASQ และฮอสพิเทล) มีโรงแรมเพียง 40.1% ที่ยังเปิดกิจการปกติ ที่เหลือ 38.2% เปิดกิจการเพียงบางส่วน และอีกกว่า 21.7% ที่ยังปิดกิจการชั่วคราว โดยสัดส่วนของโรงแรมที่ปิดกิจการชั่วคราวเพิ่มขึ้นจากเดือน มิ.ย.เล็กน้อย 2.2%

ผลสำรวจยังบ่งชี้ว่า จากโรงแรมจำนวน 272 แห่ง (ไม่รวมโรงแรมที่เป็น ASQ และ Hospitel) พบว่า 56% ของโรงแรมที่ปิดกิจการชั่วคราวนั้น คาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการได้อีกครั้งในไตรมาส 4/2565 และราว 13.6% คาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการได้ในไตรมาส 1/2565 ส่วนอีก 6.8% คาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการได้ในไตรมาส 2/2565 และอีก 11.9% จะกลับมาเปิดดำเนินกิจการได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565

 ขณะที่สถานการณ์รายได้ในเดือนกรกฎาคม พบว่าโรงแรมส่วนใหญ่ยังมีรายได้อยู่ในระดับต่ำ โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งหรือ 56.9% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ทั้งหมด มีรายได้กลับมาไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ส่วนโรงแรมที่มีรายได้ที่ระดับ 11-30% มีสัดส่วน 18.3%, โรงแรมที่มีรายได้ระดับ 31-50% มีสัดส่วน 3.6%, โรงแรมที่มีรายได้ระดับ 51-70% มีสัดส่วน 7.1% และโรงแรมที่มีรายได้ระดับมากกว่า 70% มีสัดส่วน 14.2% 

สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ส่งผลบวกต่ออัตราการเข้าพักโดยรวมไม่มากนัก โดยพบว่า 50% ของโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต มองว่าอัตราการเข้าพักของโรงแรมที่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นไปตามที่คาด ซึ่งมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 16% ขณะที่อีก 43% ของโรงแรมในจังหวัดสุราษฎร์ธานี มองว่าอัตราการเข้าพักของโรงแรมที่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้แย่กว่าที่คาด โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่อยู่ในระดับต่ำเพียง 6% เท่านั้น และพบว่าผู้ประกอบการโรงแรมกว่า 69% เห็นด้วยกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่เป็นโรงแรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการโรงแรมกลับมาจ้างงานเฉลี่ย 53% ของช่วงก่อนเกิดโควิด-19 (หากไม่รวมกลุ่มปิดกิจการชั่วคราวจะเฉลี่ยอยู่ที่ 59%)



 นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) ระบุว่า ปัจจุบันการจ้างงานในภาคการท่องเที่ยวลดลงแล้วกว่า 50% หากดูตัวเลขในภาวะปกติจะมีโรงจดทะเบียนกับสมาคม 16,282 โรงแรม มีพนักงานในระบบมากกว่า 860,000 คน แต่หลังจากโควิด-19 คาดว่ามีพนักงานตกงานมากกว่า 460,000 คน และออกจากภาคธุรกิจการท่องเที่ยวไปแล้ว ที่เหลืออีกประมาณ 400,000 คน อาจได้รับเงินเดือนไม่เต็มเดือน ลดเวลาทำงาน เพราะโรงแรมไม่มีรายได้เลย

หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ สมาคมโรงแรมไทย ได้เรียกร้องต่อรัฐบาลให้เข้ามาช่วยเหลือ เช่น การจัดหาและกระจายวัคซีนให้เร็วกว่าแผน, มาตรการช่วยเหลือเงินกู้และพักชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ย เพื่อพยุงไม่ให้ผู้ประกอบการขายกิจการทิ้ง, ขอลดต้นทุนค่าไฟฟ้า รวมทั้งการสนับสนุนค่าจ้างเพื่อพยุงการจ้างงานรอวันธุรกิจฟื้นคืน

อย่างไรก็ตาม สำหรับ  “โครงการโกดังพักหนี้”  ที่รัฐบาลออกมาช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมนั้น นายกสมาคมโรงแรมไทย สะท้อนว่า ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการน้อยกว่าเท่าที่ควร เนื่องจากแบงก์พาณิชย์มีเงื่อนไขมากมาย เช่น ให้เฉพาะลูกหนี้ชั้นดี มูลค่าหนี้ต่ำ ทำให้ยากเข้าถึงความช่วยเหลือ

ส่วนมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินำร่อง “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” นั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ช่วง 40 วันของโครงการ นับจากวันที่ 1 กรกฎาคม – 9 สิงหาคม 25664 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าร่วมโครงการสะสม 18,654 คน ไม่พบผู้ติดเชื้อ 18,602 คน คัดกรองพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 52 คน

ด้านยอดจองห้องพักโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA+ พบว่าตลอดไตรมาส 3/2564 มีจำนวน 353,529 คืน แบ่งเป็นเดือนกรกฎาคม 190,843 คืน เดือนสิงหาคม 143,566 คืน และเดือนกันยายน 19,120 คืน ส่วนยอดการจองในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 – กุมภาพันธ์ 2565 มีจำนวน 9,797 คืน

แต่อย่างไรก็ตาม ความพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มียอดผู้ติดเชื้อรายวันทะลุขึ้นหลัก 2 หมื่นคนแล้วนั้น ยังยากที่จะประสบผลสำเร็จ หลายชาติมีคำเตือนต่อพลเมืองที่จะเดินทางมายังไทย โดยล่าสุดหน่วยงานป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐ หรือ ซีดีซี (U.S. Centers for Disease Control and Prevention) ยกระดับให้ไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงมากต่อการระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ยังปรับคำเตือนสูงสุดขั้นที่ 4 สำหรับผู้ที่จะเดินทางมาประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 70 ประเทศที่อยู่ในกลุ่มที่ 4 เช่นเดียวกับไทย เช่น บราซิล ชิลี อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ขณะที่ก่อนหน้านี้ สหภาพยุโรปได้ถอดรายชื่อประเทศไทยออกจากลิสต์ประเทศที่ปลอดภัย (EU White List) จากการระบาดของโควิด-19

 นับเป็นมหาวิกฤตของธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวที่ยังคงมืดมนอนธการ ไม่ต่างไปจากอนาคตของประเทศไทยในยามนี้ 

4521


นางสาวอรรัตน์ ชุติมิต รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Retail and Business Banking ธนาคารไทยพาณิชย์  กล่าวว่า  นอกจากมาตรการช่วยเหลือขั้นต่ำตามประกาศของธปท.โดยการพักชำระหนี้ 2 เดือน ที่ผ่านมา ทางธนาคารยังมีมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง โดยได้ให้คำปรึกษาและพิจารณาร่วมกับลูกค้าในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าสามารถดำรงชีพได้ในระยะยาว

รวมถึงในช่วงที่ผ่านมา ทางธนาคารมีมาตรการช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารจะประเมินลูกค้าตามสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ เช่น ข้อมูลความเสี่ยง การคาดการณ์กระแสเงินสดใหม่ การฟื้นตัวของอุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจ จากนั้น ธนาคารจะกำหนดแพ็คเกจการช่วยเหลือที่เหมาะสมกับลูกค้า ซึ่งอาจรวมถึงการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ การปรับอัตราการผ่อนชำระหนี้ การลดอัตราดอกเบี้ย การปรับดอกเบี้ยเป็นขั้นบันได (step-up rates) เป็นต้น

รายงานข่าวจากธนาคารไทยพาณิชย์ พบว่า ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. - 10 ส.ค. 2564 มีลูกค้าสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อเพื่อธุรกิจรายย่อย (sSME) ลงทะเบียนเพื่อเข้ามาตรการพักหนี้ 2 เดือน จำนวน 262,451 ราย คิดเป็นยอดหนี้ 108,937 ล้านบาท  ทั้งนี้ ธนาคารก็ยังคงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดอย่างต่อเนื่อง เพื่อพิจารณาความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้กับลูกค้าทุกกลุ่มด้วยมาตรการที่เหมาะสมอย่างตรงจุด

"แอลเอชแบงก์ คุยลูกค้าทุกราย ย้ำช่วยตรงจุด"  

รายงานข่าวจากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH BANK พบว่า  จำนวนลูกค้าที่ขอพักหนี้ตามมาตรการล่าสุด ที่ธนาคารให้พักหนี้ 3 เดือน มากกว่ามาตรการธปท.ให้ 2 เดือน มีจำนวน 49 ราย คิดเป็นยอดหนี้ 3,400 ล้านบาท ซึ่งธนาคารอนุมัติทุกราย

ประกอบกับตอนนี้ธนาคารยังมีมาตรการช่วยเหลือตามมาตรการ premtive ของธปท. อยู่แล้ว เช่น ลดค่างวดจ่ายเท่าที่มีความสามารถจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยพักเงินต้น จ่ายดอกเบี้ยบางส่วน พักเงินต้น พักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งธนาคารจะคุยกับลูกค้าทุกรายเพื่อช่วยเหลือได้ตรงประเด็นในระยะยาว 

4522


นายบุญชัย จิระพงษ์ตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะสตีล จำกัด (มหาชน) หรือTHE เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการในงวดไตรมาส 2 ของปี 2564 บริษัทฯ รักษาความสามารถการเติบโตของกำไรต่อเนื่องจากไตรมาสแรก โดยมีกำไรสุทธิ 360.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 341.22 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 1,805.40% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 18.90 ล้านบาท

ในงวดไตรมาส 2 ของปี 2564 นี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 4,191.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 148.92% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จำนวน 1,684.05 ล้านบาท เป็นไปตามปริมาณการขายเหล็กเพิ่มขึ้นราว 83.98% เนื่องจากการนำเข้าวัตถุดิบเหล็กจากต่างประเทศลดลง รับผลจากการขนส่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้ปริมาณเหล็กในประเทศขาดแคลน ราคาขายเหล็กเฉลี่ยทั้งไตรมารถเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ราว 38.84% และส่งผลให้ไตรมาสนี้ มีกำไรขั้นต้น 475.50 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้ามีกำไรขั้นต้นเพียง 38.82 ล้านบาท


เมื่อพิจารณางบ 6 เดือนแรก พบว่าบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 709.73 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 141.82 ล้านบาท และมีรายได้รวม 7,394 ล้านบาท ทำให้คาดว่ารายได้รวมในปีนี้ น่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 13,000 ล้านบาท

“ประเทศจะยังคงเผชิญปัญหาวัตถุดิบเหล็กขาดแคลน ภายหลังประเทศปรับลดกำลังการผลิตเหล็กลง และจะทำให้ราคาขายเหล็กม้วนดำ ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัท ทรงตัวในระดับสูง ต่อไป ทำให้มีความเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปี 2564 นี้ มีโอกาสจะสร้างสถิติสูงสุด (นิวไฮ)”

4523


โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นักเทนนิสขวัญใจแฟนๆ ตลอดกาล ฉลองวันเกิดอายุ 40 ปีไปเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา ก่อนบอกข่าวร้ายว่ายังไม่มีกำหนดกลับคืนสังเวียนเทนนิสเร็วๆ นี้

เฟเดอเรอร์ เพิ่งลงสนามไปเพียง 13 แมตช์ ในปี 2021 หลังมีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าจนต้องเข้ารับการผ่าตัด และไม่ได้ลงแข่งมหกรรมโอลิมปิก 2020 ให้กับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์

ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้นแตะหลัก 4 ทำให้ "เฟดเอ็กซ์" ต้องยอมรับความจริงว่าการฟื้นฟูร่างกายนั้นไม่เร็วเท่าสมัยหนุ่ม จนไม่สามารถบอกแน่ชัดได้ว่าจะกลับมาลงสนามหวดแร็กเก็ตได้เมื่อไหร่

"ผมสบายดี ได้หยุดพักผ่อน แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมาสักพักแล้วเพราะอาการที่หัวเข่า ดังนั้นผมเลยต้องหยุดทำทุกอย่างตั้งแต่จบศึกวิมเบิลดัน ซึ่งสัปดาห์นี้ต้องไปพบแพทย์และทีมงาน แล้วมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ซึ่งทุกอย่างก็ยังไม่มีอะไรแน่นอน"

"ทุกอย่างมันต่างไปจากเดิม คำถามก็มีแต่เรื่องง่ายๆ อันดับโลกของผมเป้นยังไง แล้วจะกลับมาแข่งรายการไหน ผมรู้สึกอย่างไรเมื่อจะได้กลับไปซ้อม เป้าหมายคืออะไร ถึงจะกระตือรือร้นกว่าแต่ก่อน แต่ก็ตอบได้ยากอยู่เหมือนกัน"

4524


นางอาภัสรา ภาณุพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SVT เปิดเผยถึง สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ทั่วประเทศ ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ภาครัฐ ยังคงเข้มมาตรการลดความแออัดในที่สาธารณะและปูพรมฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วประเทศ ลดโอกาสการแพร่ระบาดและติดเชื้อไวรัสโควิด-19

SVT ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจขายสินค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ แบรนด์ SUN Vending พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งปันและร่วมสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อฟันฝ่าสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ไปให้ได้ โดย SVT ได้นำ Vending Machine จำนวน 4 เครื่อง ที่จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น เครื่องดื่ม, ขนมขบเคี้ยว, อุปกรณ์เสริมสำหรับมือถือ,หน้ากากอนามัย, น้ำยาฆ่าเชื้อ และเจลแอลกอฮอล์ เป็นต้น ไปติดตั้งบริการบริเวณประตูทางเข้าที่1 และ 3 สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ประชาชนที่มารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้มีเครื่องดื่ม หรือขนมขบเคี้ยวรับประทาน เพิ่มความสดชื่นและมีพลังระหว่าที่รอคิดเข้ารับการฉีดวัคซีน 

โดยสินค้าทั้งหมดภายในตู้ SVT ได้ร่วมมือกับคู่ค้า นำสินค้าคุณภาพมาตรฐานมาจัดจำหน่ายในราคาพิเศษ เพื่อลดภาระค่าครองชีพ แบ่งเบาภาระคนไทยช่วงวิกฤตโควิด-19 รวมถึงยังเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้น



สำหรับ Vending Machine ทั้ง 4 เครื่อง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่เหมาะสำหรับยุค New Normal ตัวเครื่องรองรับการชำระค่าสินค้าผ่าน Cashless Payment ต่างๆ อาทิ พร้อมเพย์, TrueMoney Wallet, Rabbit Line Pay รวมถึงเงินสดทั้งเหรียญและธนบัตร เพื่อความสะดวกรวดเร็วและง่ายสำหรับการใช้บริการของผู้บริโภค โดยเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติทุกเครื่อง ผ่านการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค

“SVT ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ที่ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่เป็นด่านหน้า รับมือสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 และส่งเสริมให้คนไทยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด -19 อย่างทั่วถึง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ประเทศไทยก้าวผ่านสถานการณ์โควิด-19 กลับคืนสู่สภาวะปกติให้เร็วที่สุด” นางอาภัสรา กล่าว

ขณะที่ นายพิศณุ โชควัฒนา รองผู้อำนวยการสายงานการผลิต บริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SVT กล่าวว่า การนำ Vending Machine ทั้ง 4 เครื่อง มาติดตั้งให้บริการที่ศูนย์ฉีดวัคซีน สถานีกลางบางซื่อ ถือเป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนได้เป็นอย่างดี ช่วยแบ่งเบาภาระของภาครัฐในการจัดหาเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว มาให้บริการประชาชนที่มารับการฉีดวัคซีน

4525


หากเอ่ยชื่อของ “ณุศาศิริ” แวดวงตลาดที่อยู่อาศัยหรืออสังหาริมทรัพย์ รู้จักชื่อชั้นเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะคร่ำหวอดในวงการมานาน 25 ปี ยังมีโครงการมากมายออกสู่ตลาดทั้งโครงการแนวราบ บ้านเดี่ยวหรู โครงการแนวสูง คอนโดมเนียม แตกไลน์ไปสู่การพัฒนาโครงการห้างค้าปลีกรูปแบบคอมมูนิตี้ มอลล์ เป็นต้น

เส้นทางการเติบโตและแนวทางการพัฒนาธุรกิจ “ณุศาศิริ” ไม่หยุดอยู่แค่ตลาดที่อยู่อาศัย แต่ยังมอโอกาสใหม่ๆ ในธุรกิจท่องเที่ยว หวยออนไลน์ ธุรกิจทางการแพทย์ ล่าสุดยังปั้นโมเดล “Medical Technology” การเปิดแพลตฟอร์มเพื่อสุขภาพและการแพทย์ “Morhello” รุกสู้วิกฤติด้วยการตั้งศูนย์วิจัยพืชเศรษฐกิจใหม่ของไทยอย่าง “กัญชา-กัญชง” เพื่อแปรรูปสู่ตลาดโลกด้วย 

ทว่า ล่าสุดชื่อของ “ณุศาศิริ” ยังปรากฏบนหน้าสื่อ ในฐานะที่ได้รับการแต่งตั้งจาก บริษัท ออสท์แลนด์ แคปปิตอล จำกัด เพื่อเข้าประมูลชุดตรวจโควิด-19 แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (COVID-19 Antigen self-test Test Kits : ATK)ในโครงการสปสช.ด้วย 

“ณุศาศิริ” มีทุนจดทะเบียนบริษัท 200 ล้านบาท ย้ำถึงการมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนธุรกรรมต่างๆ ขณะที่ตลอดเส้นทางธุรกิจ 25 ปี สร้างที่อยู่อาศัยมากมายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค    

ย้อนรอย 25 ปี ของบริษัท ณุศาศิริ เดิมชื่อบริษัท อั่งเปา แอสเสท จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเกรียงกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2503 เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งทอ จากนั้นปี 2537 ได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนหรือเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) และลุยพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเจาะทุกทำเลทั่วทุกหัวมุมเมืองทุกภาคของประเทศไทยด้วยมูลค่านับหมื่นล้านบาท เช่น เปิดตัวบ้านกฤษณา บ้านสไตล์ Bali ที่จังหวัดอุดรธานี, 

ณุศาศิริ Flexfible Function Home บ้านที่ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามความต้องการ, ณุศาศิริ พระรามสอง (Nusasiri city rama2) โครงการไฮเอนด์บนเนื้อที่กว่า 350 ไร่,โรงเรียนนานาชาติ นอร์วิช (Norwich international school), คอนโดมิเนียม ณุศาศิริ (Nusasiri Grand condominium)คอนโดมิเนียมแห่งแรกในกรุงเทพ ที่มีทางเดินเชื่อมรถไฟฟ้าแห่งแรกในกรุงเทพ, ณุศา ชีวานี่ พัทยา (Nusa chivani pattaya), หมู่บ้านสุขภาพ สไตล์ ทัชคานี่ แห่งแรกของภาคตะวันออก พร้อมการออกแบบภายในแบบ Universal home  ผู้สูงอายุสามารถอยู่ได้อย่างสบาย และปลอดภัย

เมอเวนพิค มาย โฮโซน เขาใหญ่(Movenpick my ozone khaoyai) ซึ่งเป็นโครงการบ้านเพื่อสุขภาพเต็มรูปแบบ มีศูนย์บริการทางการแพทย์ ดูแลรักษาตลอด 24 ชั่วโมง(ชม.) สนามกอล์ฟมาตรฐาน 18 หลุม โดยไฮไลท์เด่นตั้งอยู่บนพื้นที่มีโอโซนอันดับ 7 ของโลก ด้วยพื้นที่ 1,200 ไร่ บนเขาใหญ่นั่นเอง นอกจากนี้ ยังมี นุศา ลากูน่า ภูเก็ต(Nusa laya phuket)


“ณุศาศิริ” ยังก้าวสู่ธุรกิจท่องเที่ยวอย่างยิ่งใหญ่ ปี 2519 เมื่อบริษัทลูกอย่าง บริษัท ณุศา เลเจนด์ สยาม จำกัด ลงทุนใหญ่ 4,000 ล้านบาท เนรมิต “เลเจนด์ สยาม พัทยา (Legend Siam Pattaya)” ให้เป็นซิกเนอร์ท่องเที่ยวของไทย บนเนื้อที่กว่า 164 ไร่ หรือใช้พื้นที่กว่า 100,000 ตารางเมตร(ตร.ม.) รวบรวมอัตลักษณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นทั้ง 77 จังหวัดของประเทศไทยไว้ในพื้นที่เดียว รองรับนักท่องเที่ยวร่วม 20,000 คนต่อวัน 

ก้าวสู่ปีที่ 25 “ณุศาศิริ” ยังมุ่งสร้างการเติบโตอย่างมีศักยภาพ ภายใต้เป้าหมายที่เด่นชัดในการนำสินค้าไทยสู่ตลาดโลก  จึงผนึกพันธมิตรทางการค้า บริษัท CSR จากประเทศจีน ทุ่มกว่า 1,000 ล้านบาท รุกตลาดปั้นโมเดลธุรกิจใหม่  Medical Technology ตั้งศูนย์วิจัยนำ “กัญชา กัญชง” แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดโลก

ทั้งนี้ บริษัทมีแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าและบริการเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวม บริหารจัดการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำทั้งการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทุกหมวด ทั้งสกินแคร์ เครื่องดื่ม และ[^_^] ฯลฯที่มีสารสกัดจากกัญชา และ กัญชง ผ่านทุกช่องทาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ  

“ศิริญา เทพเจริญ” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) ฉายภาพ ณุศาศิริ ได้ขับเคลื่อนธุรกิจและก้าวไปสู่ความเป็นสากล ทั้งในด้านอสังหาริมทรัพย์ ท่องเที่ยว และด้านสุขภาพ ฯลฯ มีการร่วมมือกับบริษัทชั้นนำระดับโลก เพื่อดูแลและบริหารการจัดการต่างๆ และจากประวัติอันยาวนาน บริษัทได้เติบโตคู่กับคนไทย  ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านทุกสถานการณ์ จนก้าวสู่ความสำเร็จ และเข้าสู่ปีที่ 25 อย่างมั่นคง 

“เรามุ่งมั่นสร้างแบรนด์ ณุศาศิริ ให้ก้าวไปในทิศทางใหม่อย่างยิ่งใหญ่ฉลองปีที่ 25 ของเราอีกครั้ง”

การเคลื่อนทัพสู่ธุรกิจสุขภาพ ตลอดจนเกาะเทรนด์พืชกัญชา-กัญชงที่มาแรง เพื่อสะท้อนการรุกตลาดจริงจัง บริษัทเตรียมความพร้อมด้วยการปรับพื้นที่ใน 2 โครงการ เนื้อที่i;,นับ “พันไร่” ได้แก่ พื้นที่โครงการ “เลเจนด์ สยาม พัทยา แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม แลนด์มาร์ค ธีมพาร์ค และแหล่งชอปปิงที่ใหญ่สุดในภาคตะวันออก จะถูกปรับให้เป็นแหล่งปลูกกัญชา -กัญชงในเชิงงานศึกษาวิจัย เป็นศูนย์การเรียนรู้กัญชา กัญชง ของโลก เพิ่มความรู้ความเข้าใจในประโยชน์ของพืชมหัศจรรย์นี้สู่สายตานักท่องเที่ยว 

อีกทำเลคือโครงการ เมอเวนพิค มาย โอโซน เขาใหญ่ จะสร้างให้เป็นเมืองกัญชาเพื่อสุขภาพครบวงจร ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมารักษาและฟื้นฟูสุขภาพในประเทศไทยแบบระยะยาว 

 นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งใจจะสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่ ในนาม “ณุศาเทค” ลุยงานด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ(AI) เพื่องานวิจัยและเก็บข้อมูลด้านสุขภาพของคนไทย ให้เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่จะเป็นศูนย์กลางในเรื่องสุขภาพ ครบจบในที่เดียว ในชื่อ “MORHELLO” แพลตฟอร์มเพื่อสุขภาพและการแพทย์ที่ผู้บริโภคจะได้ใกล้ชิดติดหมอผ่านจอโดยคุณหมอฮัลโหล จะตอบโจทย์ทุกข้อข้องใจ การรักษาเยียวยา การพึ่งพา ไม่ใช่เรื่องที่เข้าถึงยากอีกต่อไป 

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถาณะการณ์วิกฤติโควิด 19  การเปิดแพลตฟอร์ม Morhello ร่วมกับ โรงพยาบาลพานาซี ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมช่วยกู้วิกฤติเตียงล้น โดยทั้งให้คำปรึกษาและหาเตียงรองรับผู้อยู่ในระยะสีเขียว และเหลือง จัดหายาวิตามินโดสสูงที่เป็นจุดเด่นของ โรงพยาบาลพานาซี รวมทั้งจัดหาชุดตรวจโควิด ทั้งชนิดตรวจหาเชื้อจากน้ำลายและหาเชื้อในโพรงจมูกด้วยตนเองมาให้คนสามารถสั่งได้ผ่านแพลตฟอร์มหมอฮัลโหล 

“หมอฮัลโหล จะเป็นแสงสว่างแค่ปลายนิ้ว คลิ๊กเดียว จบครบเรื่องสุขภาพ โดยในอนาคตเรายังมีโครงการต่อเนื่องเรื่องสุขภาพเข้ามาต่อยอดเพิ่มเติม“ ศิริญา กล่าว  

สำหรับ ณุศาศิริ มีรายได้ระดับ “พันล้านบาท” แต่ปี 2563 บริษัทมีรายได้กว่า 709 ล้านบาท ขณะที่บรรทัดสุดท้าย(Bottom line) ยังเผชิญภาวะ “ขาดทุน” ต่อเนื่อง โดยย้อนหลัง 5 ปีการขาดทุนเป็นดังนี้ ไตรมาส 1 ปี 2564 ขาดทุนกว่า 200 ล้านบาท ปี 2563 ขาดทุนกว่า 900 ล้านบาท ปี 2562 ขาดทุนกว่า 600 ล้านบาท ปี 2561 ขาดทุนกว่า 200 ล้านบาท ปี 2560 ขาดทุนกว่า 200 ล้านบาท 

4526


ลิโอเนล เมสซี ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์ ประเดิมซ้อมมื้อแรกกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ต้นสังกัดใหม่แล้ว ก่อนพูดคุยกับ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ดาวยิงรุ่นน้องที่จะต้องประสานงานกันในซีซั่นนี้

หลังเปิดตัวเป็นนักเตะใหม่ของ เปแอสเช เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่ผ่านมา แข้งวัย 34 ปี ก็สวมสตั๊ดลงซ้อมกับยักษ์ใหญ่แห่ง ลีก เอิง ฝรั่งเศส เป็นมื้อแรก ที่ คัมป์ เดส ลอดจ์ ร่วมกับทีมงานใหม่ โชว์การวิ่งสปีด และมีเลี้ยง.วอร์มอัพเล็กน้อย

ถือเป็นการเคาะสนิมเพราะหลังจากพา อาร์เจนติน่า ครองถ้วยแชมป์ โคปา อเมริกา เมื่อเดือนกรกฏาคม ที่ผ่านมา เจ้าตัวก็เข้าโหมดพักผ่อนกับครอบครัว และบินมาเซ็นสัญญาที่ฝรั่งเศส โดยไม่ได้แตะลูก.เลย

นอกจากนี้ แข้งบัลลง ดอร์ 6 สมัย ได้มีโอกาสเจอกับ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ดาวยิงรุ่นน้องเลือดเฟรนช์ ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยทำความคุ้นเคยกัน เพราะซีซั่นนี้ทั้งสองต้องลงสนามยิงประตูร่วมกัน เช่นเดียวกับ เนย์มาร์ ที่จะมาประสานพลังซัลโว

สำหรับ เมสซี มีโอกาสลงสนามนัดแรกให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส แบบทันที หากผ่านความฟิตสำหรับเกมเจอกับ สตาร์สบูร์ก วันที่ 14 สิงหาคม นี้

4527


แคลิฟอร์เนียกลายเป็นมลรัฐแรกของอเมริกาที่บังคับให้ครูทุกคนต้องฉีดวัคซีนหรือตรวจโควิดทุกสัปดาห์ หลังยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันพุ่งทะลุ 10,000 คน หรือเพิ่มขึ้นจากช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาถึง 10 เท่า ขณะที่ผู้อำนวยการซีดีซีเรียกร้องให้ว่าที่คุณแม่ หรือผู้หญิงที่วางแผนตั้งครรภ์หรือที่กำลังให้นมบุตร เข้ารับการฉีดวัคซีน เนื่องจากผลศึกษาพบวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอไม่เพิ่มความเสี่ยงแท้ง

จำนวนผู้ติดโควิดทั่วสหรัฐฯ พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้จากการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา

ในวันพุธ (11 ส.ค.) เกวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกคนในโรงเรียนทั้งรัฐบาลและเอกชนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือไม่ก็ต้องแสดงผลตรวจโควิดทุกสัปดาห์ เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองมั่นใจในการส่งบุตรหลานกลับเข้าเรียนในโรงเรียนในปีการศึกษาใหม่ที่เริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลานี้

เช่นเดียวกับอีกหลายรัฐในอเมริกา แคลิฟอร์เนียสามารถจัดการกับวิกฤตโรคระบาดที่เลวร้ายที่สุดได้เมื่อต้นปีและการดำเนินชีวิตกลับสู่ภาวะปกติเป็นส่วนใหญ่ ทว่า ขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในรัฐนี้กลับเพิ่มขึ้นเกิน 10,000 คนทุกวัน หรือมากกว่าช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาถึง 10 เท่า และแพทย์ระบุว่า ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่คือผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน

ขณะเดียวกัน ข้อมูลของรอยเตอร์ระบุว่า จำนวนเคสใหม่ในอเมริกาเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าจากเดือนที่แล้ว โดยจำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ยในรอบ 7 วันพุ่งขึ้นเป็น 118,000 คนเมื่อวันอังคาร (10)

คำสั่งของนิวซอม ทำให้แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐแรกในอเมริกาที่บังคับให้บุคลากรทางการศึกษาทั้งหมดฉีดวัคซีน เพิ่มเติมจากกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และยังเกิดขึ้นขณะที่ผู้พิพากษาศาลแขวงในดัลลัส ระงับชั่วคราวการบังคับใช้คำสั่งของเกร็ก แอ็บบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเทกซัส ที่ห้ามไม่ให้บังคับสวมหน้ากากป้องกันภายในรัฐ

แอ็บบอตต์ รวมทั้ง รอน ดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ที่สังกัดพรรครีพับลิกันเช่นเดียวกัน กำลังเผชิญการท้าทายจากภายในรัฐของตนเอง เกี่ยวกับคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบังคับให้ประชาชนหรือลูกจ้างสวมหน้ากาก

ในทางกลับกัน เคต บราวน์ ผู้ว่าการรัฐออริกอน ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต ประกาศวันอังคาร บังคับให้ลูกจ้างทั้งหมดในส่วนบริหารของรัฐต้องฉีดวัคซีน และยังฟื้นคำสั่งสวมหน้ากากภายในอาคารทั่วทั้งรัฐ

ต้นสัปดาห์นี้กระทรวงกลาโหมอเมริกันก็ประกาศจะดำเนินการภายในเดือนหน้าเพื่อบังคับให้ทหารทุกนายต้องฉีดวัคซีน

นอกจากนั้น ในเร็วๆ นี้ นิวยอร์กซิตีประกาศแผนจะกำหนดให้ประชาชนต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนก่อนเข้าใช้บริการในร้านอาหารและฟิตเนส รวมทั้งพื้นที่สาธารณะในอาคารอื่นๆ โดยที่เมืองลอสแองเจลิสมีแนวโน้มบังคับใช้มาตรการนี้เช่นเดียวกัน

ในอีกด้านหนึ่ง พญ.โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี) ออกมาเรียกร้องให้สตรีมีครรภ์ ตลอดจนถึงสตรีที่วางแผนตั้งครรภ์หรือที่ให้นมลูกอยู่ ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโควิดโดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตาที่กำลังระบาดรุนแรง

จากข้อมูลล่าสุด สตรีมีครรภ์เพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส

ซีดีซีสำทับว่า การวิเคราะห์ข้อมูลปัจจุบันพบว่า ในสตรีมีครรภ์เกือบ 2,500 คนที่ฉีดวัคซีนเทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอ เช่น วัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา ก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ มีอัตราการแท้งอยู่ที่ 13% เทียบกับอัตราการแท้งจากสาเหตุทั่วไปซึ่งอยู่ที่ 11-16% อยู่แล้ว จึงหมายความว่าไม่ได้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

ยิ่งเมื่อคำนึงถึงว่าการติดโรคโควิด-19 จะเพิ่มอัตราความเสี่ยงในการเจ็บป่วยหนักและเพิ่มความยุ่งยากต่อการตั้งครรภ์ด้วยแล้ว การฉีดวัคซีนป้องกันจึงมีประโยชน์มากกว่า ซีดีซีชี้

(ที่มา : เอพี, เอเอฟพี, รอยเตอร์)

4528


องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) เตือนว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกอาจทะลุระดับ 300 ล้านรายภายในต้นปีหน้า หากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงดำเนินต่อไปในทิศทางปัจจุบัน และได้เรียกร้องให้บรรดาผู้นำทั่วโลกชะลอการแพร่ระบาดด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านอุปกรณ์ตรวจเชื้อ, การรักษา และวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แก่บรรดาประเทศยากจน

นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของดับเบิลยูเอชโอ เปิดเผยในการแถลงข่าวเมื่อวันพุธ (11 ส.ค.) ว่า การคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นเพียง 1 สัปดาห์หลังจากดับเบิลยูเอชโอ รายงานว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกจำนวน 200 ล้านรายแล้ว

นายแพทย์ทีโดรสกล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่ไม่มีการรายงานนั้น อาจทำให้ยอดติดเชื้อจริงๆ สูงกว่าที่มีการรายงานอย่างมาก

“ยอดติดเชื้อจะถึง 300 ล้านรายหรือไม่ และจะไปถึงระดับดังกล่าวรวดเร็วเพียงใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคน” นายแพทย์ทีโดรสระบุ

บรรดาเจ้าหน้าที่ของดับเบิลยูเอชโอ เปิดเผยถึงความต้องการเงินทุน 7.7 พันล้านดอลลาร์อย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยในการแจกจ่ายวัคซีน, ออกซิเจน และการรักษาพยาบาลในประเทศที่มีรายได้ต่ำ ขณะที่นายแพทย์ทีโดรสผลักดันให้มีการจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มทางเลือกในการรักษาผู้ติดเชื้อตั้งแต่อาการน้อยจนถึงอาการรุนแรง

ด้าน Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกรายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกสะสมนั้นมีจำนวน 205,103,455 รายแล้ว และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 4,332,308 ราย โดยสหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (36,897,983) รองลงมาคืออินเดีย (32,052,127) และบราซิล (20,213,388)

4529


นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เผยว่า บริษัทจะทำการเสนอการลงทุนแบบแอคทีฟของกองทุนรวมผสม ที่ลงทุนแบบไม่มีความเสี่ยงต่างประเทศ จัดตั้งเป็นกองทุนเปิด MFC Thai Opportunity Drama-Addict Fund Series 1 (กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไทย ออพพอร์ทูนิตี้ ซีรี่ส์ 1) หรือ MTOP1

MTOP1 มีจุดเด่นคือ กองทุนคาดหวังผลตอบแทนเป้าหมาย 5% ใน 5 เดือน เทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปัจจุบันที่ 1% ต่อปี โดยสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ตั้งแต่ 0-100% ตามภาวะตลาด ซึ่งการลงทุนจะพิจารณาจากปัจจัยเร่งที่จะสามารถทำให้กองทุนบรรลุผลตอบแทนเป้าหมายใน 5 เดือน

ที่ผ่านมาทาง MFC มีกองทุนหลากหลายที่ลงทุนในหุ้นหรือตราสารหนี้ในต่างประเทศซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าพอใจ ในขณะเดียวกันเราเห็นว่า การลงทุนในประเทศไทยก็มีความน่าสนใจไม่น้อยแม้จะอยู่ในช่วงวิกฤต COVID-19 ที่หนักหน่วง แต่ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมยังสร้างผลประกอบการได้เป็นอย่างดี ทั้งเป็นการลงทุนแบบไม่มีความเสี่ยงต่างประเทศ กองทุน MTOP1 จึงเข้าลงทุนในตราสารแห่งทุน ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ตราสารแห่งหนี้ ที่ออกโดยสถาบันการเงินที่มีความมั่นคงสูง และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment grade) ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน หรือตราสารอนุพันธ์ โดยลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน SET50 Index Futures เป็นต้น

ภาพรวมตลาดมีปัจจัยสนับสนุนให้กองทุนนี้น่าลงทุน 3 ปัจจัย ได้แก่ 1) การเร่งผลิตและแจกจ่ายวัคซีนทั่วโลกซึ่งจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่และส่งผลให้แต่ละประเทศสามารถเปิดประเทศได้ส่งผลบวกโดยตรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกรวมถึงไทย 2) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ 3) การฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกส่งผลดีต่อภาคการส่งออกไทย โดยทางผู้จัดการกองทุนมีกลยุทธ์การจัดพอร์ตโฟลิโอโดยเน้นลงทุนในหุ้นรายตัวที่มีพื้นฐานดี และมีปัจจัยสนับสนุน เฉพาะตัว ซึ่งแม้การแพร่ระบาดระลอกสามในประเทศจะยังควบคุมไม่ได้ในทันที แต่กำไรของหุ้นเหล่านี้ก็จะยังสามารถเติบโตได้ดีและราคาหุ้นมีความแข็งแกร่งแม้ในช่วงตลาดปรับฐาน

ยกตัวอย่างเช่น หุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจส่งออกและการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีผลดำเนินงานแข็งแกร่งสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงหุ้นในกลุ่มธุรกิจ New S-Curve หรือหุ้นที่ได้รับประโยชน์จาก mega trend เช่น หุ้นที่เกี่ยวข้องกับกัญชง หลังรัฐบาลไทยได้ปลดล็อกกัญชงให้เอกชนสามารถนำพืชชนิดนี้มาใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆได้ และหุ้นกลุ่มการเงินที่ประกอบธุรกิจบริหารหนี้เสียและทวงหนี้ จากปริมาณหนี้เสียและหนี้พักชำระในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทางธนาคารพาณิชย์จึงต้องทยอยขายหนี้ออกมาปริมาณมาก ปัจจัยนี้จะช่วยให้หุ้นในกลุ่มบริหารหนี้เสียสามารถมีกำไรเติบโตได้ดี

ทั้งนี้ MTOP1 เปิดขายและให้จองซื้อได้ระหว่างวันที่ 16 - 20 สิงหาคม 2564 มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อในแต่ละครั้ง 1,000 บาทกองทุน กองทุนสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ และมีนโยบายไม่จ่ายเงินปันผล อย่างไรก็ตามในช่วงระยะเวลา 5 เดือนแรก นับแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหรือ สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนออกจากกองทุนนี้

4530


บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด(มหาชน) หรือ EA แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 2 ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 มีกำไรสุทธิ 1,190 ล้านบาท หรือ 0.32 บาทต่อหุ้น เพิ้มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,149 ล้านบาท หรือ 0.31 บาทต่อหุ้น 

ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปีนี้มีกำไรสุทธิ 2,602 ล้านบาท หรือ 0.70 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 2,601 ล้านบาท หรือ 0.70 บาทต่อหุ้น


โดยบริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้รวมสำหรับไตรมาสที่ 2  จำนวน 4,935.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 759.78 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,175.30 ล้านบาท และมีรายได้รวมสำหรับงวด 6 เดือนแรกปีนี้จำนวน 9,641.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 704.80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.89% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 8,936.71 ล้านบาท

สำหรับฐานะการเงินของบริษัทฯและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 มิ.ย.2564 จำนวน 81,829.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563 จำนวน 3,346.17 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.26 โดยมีรายการที่เปลี่ยนแปลงหลักๆ เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด จำนวน 4,210.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี2563 จำนวน 1,260.02 ล้านบาทหรือร้อยละ 42.70 เนื่องมาจากกำไรที่เกิดจากการดำเนินงานและเงินกู้ยืมเพื่อการดำเนินงานโครงการใหม่ของ

มีหนี้สินรวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 จำนวน 49,897.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563 จำนวน 1,040.32 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.13 เนื่องจากเงินกู้ยืมเพื่อการดำเนินงานโครงการใหม่ของกลุ่มบริษัท และมีส่วนของผู้ถือหุ้น   จำนวน 31,932.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก สิ้นปี 2563 จำนวน 2,305.85 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.78 เนื่องจากกำไรสุทธิของครึ่งแรกของปี 2564

4531


รัฐบาลสิงคโปร์แถลงวันนี้ (11 ส.ค.) ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวดีเกินคาดในช่วงไตรมาส 2 และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ว่าจะเติบโตระหว่าง 6-7% โดยมีปัจจัยหนุนจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ ทั้งในสิงคโปร์และตลาดสำคัญอื่นๆ

กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมสิงคโปร์เปิดเผยว่า จีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัว 14.7% เมื่อเทียบปีต่อปี สูงกว่าตัวเลข 14.3% ที่รัฐบาลคาดการณ์เอาไว้ และมากกว่าตัวเลข 14.2% ที่นักวิเคราะห์คาดหมาย ทว่ายังคงต่ำกว่าจีดีพีไตรมาส 2/2019 หรือช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 ประมาณ 0.6%

รัฐบาลยังได้ปรับคาดการณ์จีดีพีตลอดทั้งปีว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 6-7% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เพียง 4-6%

แกเบรียล ลิม ปลัดกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมสิงคโปร์ ระบุว่า “เศรษฐกิจสิงคโปร์มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากภาคอุตสาหกรรมที่เปิดกว้างสู่ภายนอก (outward-oriented sectors)”

ลิม ชี้ว่า การผ่อนคลายมาตรการควบคุมพรมแดนจะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมที่อิงกับผู้บริโภคโดยตรง (consumer-facing sectors) และลดปัญหาขาดแคลนคนทำงานในกลุ่มอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องพึ่งแรงงานต่างด้าว

อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวยังคงฟื้นตัวช้ากว่าที่ประเมินไว้ โดยคาดว่ากิจกรรมจะยังคงต่ำกว่าระดับก่อนมีโควิด-19 ไปจนถึงสิ้นปีนี้

กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมสิงคโปร์ระบุด้วยว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากการระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลตา แต่อัตราการฉีดวัคซีนก็เพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งช่วยให้ประเทศเหล่านี้สามารถเดินหน้าเปิดเศรษฐกิจได้

แม้จะยังคงมาตรการจำกัดทางสังคมบางส่วนไว้ แต่รัฐบาลสิงคโปร์ได้เริ่มวางยุทธศาสตร์ที่จะทำให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัยในระยะยาว โดยจะเน้นไปที่การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรมากที่สุด

สถานการณ์โควิด-19 ในสิงคโปร์ยังถือว่าเบากว่าหลายๆ ประเทศ โดยมีผู้ติดเชื้อสะสมเพียง 65,000 คนเศษ และเสียชีวิต 45 คน

ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี 

4532


วันที่ 11 สิงหาคม 2564 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานมอบถุงปันสุข กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2564 ให้แก่พนักงานจ้างเหมาบริการ ประกอบด้วย พนักงานรักษาความปลอดภัย พนักงานทำความสะอาด คนขับรถ และคนสวนที่ปฏิบัติหน้าที่ ณ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน รวม 47 คน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พนักงานในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สำหรับถุงปันสุขได้บรรจุเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ประกอบด้วย ข้าวสาร ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไข่ไก่ รวมไปถึงอุปกรณ์จำเป็นเพื่อการป้องกันตนเองจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบด้วย หน้ากากอนามัย และสเปรย์แอลกอฮอล์ เพื่อเป็นประโยชน์ในช่วงที่สถานการณ์ยังต้องเฝ้าระวัง



ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน จะเห็นว่าทุกคนต่างได้รับผลกระทบในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ซึ่ง กพร. ได้รวบรวมเงินจากกลุ่มของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นำไปซื้อของอุปโภคบริโภค ปันน้ำใจแก่พนักงานจ้างเหมาบริการที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำ กพร. เพื่อร่วมบรรเทาค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต พร้อมจัดหาวัสดุอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 ในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามที่เกิดความเดือดร้อน ทำให้เห็นว่าคนไทยมีน้ำใจไม่ทอดทิ้งกัน พร้อมให้คามช่วยเหลือกันอยู่เสมอ

“แม้ว่าในขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ได้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะจบลงเมื่อไหร่ แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือน้ำใจจากผู้ให้ที่ได้ส่งต่อเพื่อคลายทุกข์แก่ผู้รับ และขอเป็นกำลังใจให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ รวมถึงบุคลากรทุกคนในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ แล้วเราจะผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน” รมช.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

4533


วิวิด บาย เวอริต้า (Vivid By Verita) บาร์วิตามิน ณ โรงแรม อนันตรา สยาม กรุงเทพ จัดโปรโมชั่นพิเศษเอาใจคนรักสุขภาพในเดือนแห่งวันแม่ ตลอด สิงหาคม 2564 นี้ ด้วยโปร กลูตาไธโอน แมกซ์ ไอวี ดริป (Glutathione Max IV Drip) ซื้อ ดริป 3 ครั้ง แถมฟรี 1 ครั้ง ในราคาเพียง 9,000 บาท++ โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพของวิวิดได้คิดค้นสูตรเฉพาะที่สามารถส่งผ่านประโยชน์จากกลูตาไธโอนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อการช่วยชะลอวัยและโรคต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่ เพื่อมอบผิวที่สดใส พร้อมภูมิคุ้มกันและสุขภาพที่แข็งแรงสำหรับช่วงเวลาแสนตึงเครียดนี้



นักวิจัยค้นพบว่ากลูตาไธโอนคือกุญแจสำคัญในการทำงานของร่างกายในหลายด้าน ตั้งแต่เสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการผลิตวิตามินซีและอี ไปจนถึงช่วยดีท็อกซ์ร่างกายจากสารอนุมูลอิสระและโลหะหนัก เช่น ปรอท และอื่น ๆ อีกมากมาย การให้กลูตาไธโอนในระดับที่เหมาะสมผ่านทางเส้นเลือดอย่าง กลูตาไธโอน แมกซ์ ไอวี ดริป ที่ วิวิด บาย เวอริต้า จึงให้ประโยชน์อย่างมากมาย ดังนี้

- ปกป้องร่างกายจากสารอนุมูลอิสระที่อาจทำลายเซลล์ผิว ระบบไหลเวียนโลหิต และอื่น ๆ
- เสริมสร้างประสิทธิภาพการกำจัดไขมันของตับ เพื่อป้องกันความเสียหายจากการสะสมของไขมัน แอลกอฮอล์ และโรคตับอื่น ๆ
- ลดอาการที่เกิดจากโรคพาร์กินสันและอาการดื้อต่ออินซูลินที่อาจนำไปสู่โรคเบาหวานประเภท 2



สามารถแบ่งปันสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นให้กับคนที่คุณรัก ด้วยโปรโมชั่น กลูตาไธโอน แมกซ์ ไอวี ซื้อ ดริป 3 ครั้ง แถม 1 ครั้ง ในราคาเพียง 9,000 บาท++ โดยใช้เวลา 15 นาที ในการเติมดริปแต่ละครั้ง ในบรรยากาศการตกแต่งที่เรียบง่าย สวยงาม ทันสมัย และผ่อนคลาย โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมทางการแพทย์ของ วิวิด บาย เวอริต้า เป็นผู้ให้บริการและดูแล



วิวิด บาย เวอริต้า ณ โรงแรม อนันตรา สยาม กรุงเทพ ยังคงเปิดให้บริการทางด้านสุขภาพเฉพาะทาง ด้วยการดูแลสุขภาพและฟื้นฟูร่างกายด้วย ไอวี ดริป สูตรเฉพาะที่มีส่วนประกอบสำคัญอย่าง วิตามินซี ซิงค์สำหรับภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง โคเอ็นไซม์คิวเท็น บำรุงการทำงานของสมอง Rhodiola, Ashwagandha และ Valerian ต่อสู้กับความเหนื่อยล้าและความเครียด แอล – คาร์นิทีน และ Rhodiola ช่วยเรื่องพลังงาน และเมลาโทนิน, กรดอะมิโน 5-HTP, Ashwagandha เพื่อการผ่อนคลายและการนอนหลับ โดยแพทย์ผู้มากประสบการณ์และการวิจัยและพัฒนาสูตรเพื่อประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชั่น กลูตาไธโอน แมกซ์ ไอวี ดริป 3 แถม 1 หรือปรึกษาทผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของเราได้ที่ อีเมล์ [email protected] โทร. 02 003 4918 หรือ ไลน์@: @vividbyverita

4534


กำแพงเพชร – คลังจังหวัดกำแพงเพชรชี้ระเบียบการเงินมีผู้รับผิดชอบแต่ละขั้นตอนชัดเจน..เชื่อเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี สสจ.กำแพงเพชร ยักยอกงบโควิดกว่า 12 ล้าน ปกติทำหรืออนุมัติคนเดียวไม่ได้แน่

ความคืบหน้ากรณี เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร โอนเงินเพื่อใช้ในกิจการดูแลป้องกันรักษาการแพร่ ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดกำแพงเพชร เข้าบัญชีตนเองเป็นเงินกว่า 12 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นหน่วยงานต้นสังกัดได้ออกคำสั่งให้ออกไว้ก่อนแล้วนั้น

นางยุภารัตน์ เนื่องจำนงค์ คลังจังหวัดกำแพงเพชร เปิดเผยว่าส่วนตัวยังไม่เห็นข้อมูลรายละเอียดจากหน่วยงานดังกล่าว แต่ในฐานะที่ดูแลการเบิกจ่ายงบประมาณของจังหวัดผ่านคลัง โดยทั่วไปแล้วจะมีการวางระบบการเงินและบัญชีไว้อย่างชัดเจน

แต่เงินดังกล่าวทราบว่าเป็นการโอนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้าหน่วยงานต้นสังกัดคือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกําแพงเพชร เพื่อดำเนินการตามหนังสือสั่งการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องภายในของสำนักงานสาธารณสุข ที่จะต้องบริหารจัดการงบประมาณให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ด้วยหลักการเก็บรักษา-การเบิกจ่าย เงินหลวงนั้น จะมีระเบียบข้อกฎหมายผู้รับผิดชอบในแต่ละระดับที่ชัดเจน ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ผู้จัดทำเอกสาร ผ่านหัวหน้างานหรือหัวหน้าฝ่ายไปจนถึงผู้อนุมัติ ทุกคนต้องมีอำนาจความรับผิดชอบเกี่ยวกับงบประมาณและการดำเนินงานในแต่ละครั้งที่แตกต่างกันไป

ส่วนที่ว่าพนักงานจ้างสามารถที่จะแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่รับผิดชอบได้หรือไม่นั้น ตามระเบียบได้เปิดช่องให้ไว้ว่า หากเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานมีคนไม่เพียงพอ ก็สามารถแต่งตั้งพนักงานดังกล่าวให้ดำเนินการที่เกี่ยวกับการเงินได้ แต่ต้องคำนึงถึงความเสียหายของส่วนราชการเป็นหลัก

และการเบิกจ่าย งบประมาณตามกิจกรรมต่างๆ ก็จะมีลำดับขั้นตอน ควบคู่รายละเอียดของเอกสาร เสนอให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาตรวจสอบความถูกต้องและอนุมัติตามขั้นตอน และหลังจากที่โอนเงินจ่ายให้แก่ผู้รับจ้างหรือหน่วยงานย่อยแล้ว ก็จะต้องรายงานเสนอรายละเอียดเพื่อเป็นการตรวจสอบอีกครั้ง

ซึ่งจะเห็นได้ว่าหากกระบวนการทำมือและการทำทางอิเล็กทรอนิกส์ มีการตรวจสอบที่ถูกต้องตรงกันแล้ว ความผิดพลาดก็ย่อมไม่เกิดขึ้น แต่ในกรณีดังกล่าว คงจะต้องตรวจสอบว่าเกิดจากจุดบกพร่องในขั้นตอนไหนต่อไป และเชื่อว่าการเบิกจ่ายงบประมาณในแต่ละครั้งนั้น ระเบียบ หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายจะทำหรืออนุมัติคนเดียวไม่ได้แน่นอน

4535


หุ้นเช้าปิดลบ 3.01 จุด ขายทำกำไรหุ้นปลอดภัยคาดหวังเร่งฉีดวัคซีนหนุนคลายล็อก-เปิดประเทศ ช่วงนี้จึงได้เห็นการเริ่มปรับพอร์ต ขายทำกำไรหุ้นปลอดภัย อย่างกลุ่มโรงพยาบาล, กลุ่มชิปปิ้ง เป็นต้น หันมาเก็บหุ้น Domestic play และหุ้นที่ราคาลงไปจากผลกระทบโควิด ก็สามารถหาจังหวะในการซื้อได้ คาดว่า 3-4 เดือนข้างหน้าหลังคลายล็อกดาวน์แล้วหุ้นกลุ่มเหล่านี้จะกลับมา

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเริ่มเห็นการชะลอมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยดัชนีฯขึ้นไปแถว 1,550 จุดจากนั้นย่อตัวลงมา แม้ดาวโจนส์ทำนิวไฮตอบรับวุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการสร้างงาน โดยตลาดฯขึ้นต่อไปได้ไม่นานก็ย่อตัวลงในเวลาต่อมา

แต่บ้านเรามีปัจจัยหนุนจากการเร่งฉีดวัคซีนได้มากขึ้นเกิน 4 แสนโดสต่อวัน จึงเกิดความคาดหวังจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู้เร็วขึ้น นำไปสู่การคลายล็อกดาวน์และการเปิดประเทศได้เร็วตามมา ช่วงนี้จึงได้เห็นการเริ่มปรับพอร์ต ขายทำกำไรหุ้นปลอดภัย อย่างกลุ่มโรงพยาบาล, กลุ่มชิปปิ้ง เป็นต้น หันมาเก็บหุ้น Domestic play และหุ้นที่ราคาลงไปจากผลกระทบโควิด ก็สามารถหาจังหวะในการซื้อได้ คาดว่า 3-4 เดือนข้างหน้าหลังคลายล็อกดาวน์แล้วหุ้นกลุ่มเหล่านี้จะกลับมา

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบอย่างไร้ทิศทาง พร้อมแนะติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป

ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,539.61 จุด ลดลง 3.01 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.20% มูลค่าการซื้อขายราว 50,980 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายพิชัย กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ แนวรับ 1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550 จุด

4536


ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของ "โควิด-19" ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่ยังคงมียอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงทุกวัน ทั้งนี้ เป็นผลจากการที่เจ้าหน้าที่เร่งตรวจคัดกรองเชิงรุกให้มากขึ้นในหลายๆ ชุมชน พร้อมกันนั้นทาง กทม. ก็ได้จัดตั้ง "ศูนย์พักคอย" หรือ Community Isolation ให้ครอบคลุมทุกเขตพื้นที่ให้เร็วที่สุด เพื่อรองรับ "ผู้ป่วยโควิด" ที่ไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้ ให้มาแยกกักที่ศูนย์ฯ

โดยเมื่อวานนี้ (9 ส.ค.64) มีข้อมูลอัพเดทเกี่ยวกับจำนวนศูนย์พักคอยที่เปิดให้บริการแล้ว พร้อมทั้งจำนวนเตียงทั้งหมดที่มีของแต่ละแห่ง โดยมีทั้งหมด 49 แห่ง แบ่งเป็น 6 โซนทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ดังนี้

1. โซนกรุงเทพฯ เหนือ

เขตบางเขน : ศูนย์กีฬารามอินทรา      มี 150 เตียง
เขตจตุจักร : ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์    มี 180 เตียง
เขตจตุจักร : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยจตุจักร มี 120 เตียง
เขตดอนเมือง : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยดอนเมือง มี 113 เตียง
เขตหลักสี่ : ศูนย์ไปรษณีย์หลักสี่         มี 118 เตียง
เขตสายไหม : วัดราษฎร์นิยมธรรม      มี 170 เตียง
เขตบางซื่อ : วัดมัชฌันติการาม          มี 120 เตียง
เขตลาดพร้าว : อาคารสำนักงานส่งเสริมวิชาการ 2 (พม.) มี 141 เตียง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

เช็ค 26 จุดตรวจโควิด! 'ชมรมแพทย์ชนบท' ลุยภารกิจวันสุดท้าย ย้ำ 'ไม่เสร็จไม่เลิก'
'หมอชนบท'ลงพื้นที่ 'ตรวจโควิด' 26 จุดใน กทม. พบการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่
'ผู้ป่วยโควิด-19' รอเตียงกว่า 2,000 ราย ครองเตียงเกือบ 4 หมื่นราย
อัพเดท 'โควิดวันนี้' 10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด กทม.พุ่ง 4,226 ราย
สมัครผ่อนของ 0% 40 เดือนกับ Citi คลิกเลย

2. โซนกรุงเทพฯ กลาง 

เขตพระนคร : วัดอินทรวิหาร อาคารปฏิบัติธรรม มี 170 เตียง
เขตดินแดง : อาคารกีฬาเวสน์ 2  มี 150 เตียง
เขตดุสิต : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยเกียกกาย  มี 52 เตียง
เขตห้วยขวาง : ศูนย์พักคอยตันปัน มี 145 เตียง
เขตวังทองหลาง : วิทยาลัยพาณิชยการอินทราชัย มี 100 เตียง
เขตป้อมปราบฯ : วัดมังกรกมลลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) เฉพาะพระ-เณร  มี 20 เตียง
เขตพญาไท : ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนชุมชนวัดไผ่ตัน มี 50 เตียง
ราชเทวี : อาคารวิทยาลัยเทคโนโลยีพาณิชยการเจ้าพระยา มี 170 เตียง
3. โซนกรุงเทพฯ ใต้

เขตสาทร : วัดสุทธิวราราม มี 70 เตียง
เขตคลองเตย : วัดสะพาน มี 500 เตียง
เขตสวนหลวง : วัดปากบ่อ มี 140 เตียง
เขตบางนา : โรงเรียนเพี้ยนพินอนุสรณ์ มี 99 เตียง
เขตบางคอแหลม : วัดไทร มี 40 เตียง
เขตยานนาวา : โรงเรียนวัดดอกไม้ มี 150 เตียง
เขตวัฒนา : โรงเรียนสุเหร่าบ้านดอน มี 85 เตียง
เขตปทุมวัน : โรงเรียนวัดบรมนิวาส มี 50 เตียง
เขตพระโขนง : วัดบุญรอดธรรมาราม มี 71 เตียง
เขตบางรัก : โรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒารามฯ มี 50 เตียง
4. กรุงเทพฯ ตะวันออก

เขตประเวศ : ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมหนองบอน มี 120 เตียง
เขตลาดกระบัง : ร้านจงกั๋วเหยียน มี 200 เตียง
เขตสะพานสูง : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยสะพานสูง มี 140 เตียง
เขตบางกะปิ : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางกะปิ มี 133 เตียง
เขตหนองจอก : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยหนองจอก มี 100 เตียง
เขตบึงกุ่ม : โรงเรียนสุขุมนวพันธ์อุปถัมภ์ มี 100 เตียง
เขตมีนบุรี : ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มี 200 เตียง
เขตคลองสามวา : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยคลองสามวา  มี 176 เตียง
'พยากรณ์อากาศ' วันนี้ 'กรมอุตุนิยมวิทยา' ชี้ ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง - กทม. มีฝน 40%
สุดเศร้า! สาธารณสุขเมืองกรุงล้มเหลว ล็อกดาวน์ไร้ผล ยอด 'ผู้ติดเชื้อ' พุ่งคนตายเพียบ
จับตาอสังหาฯ“ซอมบี้เฟิร์ม”พุ่งหลังวิกฤติซ้อนวิกฤติต้นทุนพุ่ง-ดีมานด์ลด
5. กรุงธนเหนือ 

เขตบางกอกน้อย : วัดศรีสุดาราม  มี 80 เตียง
เขตทวีวัฒนา : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยทวีวัฒนา  มี 114 เตียง
เขตคลองสาน : อาคารกิจไพบูลย์ อิมพอร์ต  มี 150 เตียง
เขตธนบุรี : มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จ  มี 94 เตียง
เขตจอมทอง : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยจอมทอง  มี 70 เตียง
บางพลัด : โรงเรียนบางยี่ขัน  มี 91 เตียง
เขตบางกอกใหญ่ : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางกอกใหญ่  มี 50 เตียง
เขตตลิ่งชัน : โรงเรียนวัดตลิ่งชัน  มี 56 เตียง
6. กรุงธนใต้

เขตบางแค : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางแค  มี 150 เตียง
เขตบางขุนเทียน : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางขุนเทียน มี 120 เตียง
เขตทุ่งครุ : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยทุ่งครุ มี 51 เตียง
เขตทุ่งครุ : โรงเรียนสอนศาสนามูฮัมมะดียะห์ มี 60 เตียง
เขตภาษีเจริญ : ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย มี 140 เตียง
เขตหนองแขม : โรงเรียนมนต์จรัสสิงห์อนุสรณ์ มี 100 เตียง
เขตราษฎร์บูรณะ : ศูนย์พักคอยโกดัง บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ มี 200 เตียง
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ Call Center สายด่วน 1330 สปสช. และ "สายด่วนโควิด" ของทั้ง 50 เขตในกรุงเทพฯ รวบรวมมาให้ทราบกันด้วย โดยจะรับเคสผู้ป่วยโควิดในกรุงเทพฯ เข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาล 2 แบบ คือ 1) การกักตัวที่บ้าน หรือ Home Isolation และ 2) การกักตัวในชุมชนที่ศูนย์พักคอย หรือ Community Isolation

1. กรุงเทพฯ เหนือ

จตุจักร 0 2026 3100
ดอนเมือง 0 2026 3122
บางเขน 0 2026 3166
บางซื่อ 0 2026 3233
ลาดพร้าว 0 2026 3499
สายไหม 0 2026 3500
หลักสี่ 0 2026 6800

2. กรุงเทพฯ กลาง

ดินแดง 0 2092 7016
ดุสิต 0 2092 7121
ป้อมปราบศัตรูพ่าย 0 2092 7313
พญาไท 0 2092 7580
พระนคร 0 2092 7643
ราชเทวี 0 2092 7701
วังทองหลาง 0 2092 7910
สัมพันธวงศ์ 0 2094 1429
ห้วยขวาง 0 2096 9112

3. กรุงเทพฯ ใต้

คลองเตย 0 2096 2823
บางคอแหลม 0 2096 2824
บางนา 0 2096 2825
บางรัก 0 2096 2826
ปทุมวัน 0 2096 2827
พระโขนง 0 2096 2828
ยานนาวา 0 2096 2829
วัฒนา 0 2096 2830
สวนหลวง 0 2096 2831
สาทร 0 2096 2832



4. กรุงเทพฯ ตะวันออก

คลองสามวา 0 2096 9202
คันนายาว 0 2483 5000
บางกะปิ 0 2483 5001
บึงกุ่ม 0 2483 5002
ประเวศ 0 2483 5003
มีนบุรี 0 2483 5004
ลาดกระบัง 0 2483 5005
สะพานสูง 0 2483 5006
หนองจอก 0 2483 5007

5. กรุงธนเหนือ

คลองสาน 0 2023 9900
จอมทอง 0 2023 9911
ตลิ่งชัน 0 2023 9922
ทวีวัฒนา 0 2023 9933
ธนบุรี 0 2023 9944
บางกอกน้อย 0 2023 9966
บางกอกใหญ่ 0 2023 9977
บางพลัด 0 2023 9988

6. กรุงธนใต้

ทุ่งครุ 0 2483 5008
บางขุนเทียน 0 2483 5009
บางแค 0 2483 5010
บางบอน 0 2483 5011
ภาษีเจริญ 0 2483 5012
ราษฎร์บูรณะ 0 2483 5013
หนองแขม 0 2483 5014

----------------------

อ้างอิง : ศบค.(7 ส.ค. 64), สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล (9 ส.ค. 64)

หน้า: 1 ... 250 251 [252] 253 254 ... 257