แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 23
19
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: [email protected]
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



20
แก้แฮงค์ เร่งด่วนใน 10 นาที

ผู้ชายกับการปาร์ตี้สังสรรค์ เป็นอะไรที่ตัดขาดจากกันได้ยาก ยิ่งทำงานที่ต้องพบปะลูกค้า บางครั้งการดื่มเล็กน้อยก็ช่วยให้ สามารถพูดคุยเจรจาธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น แต่หากวันไหนคุณเกิดลืมตัวดื่มมากไปสักหน่อย จนตื่นมาแล้วรู้สึกว่ายังมีอาการ แฮงค์ ผมมีวิธีแก้อาการที่ว่านี้อย่างเร่งด่วนมาฝาก

เริ่มที่การเพิ่มความสดใสและสลัดความมึนออกไป วิธีง่ายๆ ก็แค่เอาเครื่องดื่มประเภทวอดก้าที่เหลือๆ จากปาร์ตี้ ปริมาณสัก 1/4 ถ้วย กับมะนาวสด สะอาด 1 ผล คั้นเอาแต่น้ำ นำส่วนผสมทั้งสองมาผสมให้เข้ากัน แล้วใช้สำลีชุบนำมาซับผิวหน้าปล่อยให้แห้ง จากนั้นหากบริเวณใต้ตาดูเหนื่อยล้า ให้นำช้อนที่เราใช้กินข้าวนี่แหละ 2 อันไปแช่ไว้ใน ช่องแช่แข็งของตู้เย็นสักพัก จากนั้นก็นำมาวาง ทาบไว้ตรงบริเวณตาทั้ง 2 ข้างประมาณ 5 นาที จะทาบที่ใบหน้าด้วยก็ได้ นอกจากตื่นจากอาการแฮงค์แล้ว ยังช่วยให้ใบหน้าสดชื่น และดวงตาสดใส ลดอาการบวมใต้ตาได้อีกด้วย

ส่วนอาการคลื่นเหียนอยากอาเจียน ลองชงน้ำขิงดื่มดู ใช้แบบซองสำเร็จก็ได้นะครับ หากไม่มีจริงๆ ก็ดื่มน้ำสมุนไพรของไทยเรานี่ก็ช่วยได้ ดื่มน้ำกระเจี๊ยบเย็นๆ รสเปรี้ยวชุ่มฉ่ำ ช่วยให้ร่างกายสดชื่นได้ไม่ยาก หรือถ้ายังไม่หายล่ะก็แนะนำ น้ำเก็กฮวย ถ้าโลกหมุน ปวดและวิงเวียนศีรษะ เพราะเก็กฮวยมีสรรพคุณช่วยลด อาการปวดเวียนได้

ง่ายๆ ไม่เกิน 10 นาที รับรองว่าคุณจะกลับหล่อเฟี้ยวเหมือนเดิม


8 อาหาร ที่ควรกินเพื่อป้องกันไม่ให้โทรม หลังโหมปาร์ตี้มาอย่างหนัก

หลังจากที่เมื่อคืนคุณโหมปาร์ตี้มาอย่างหนักและเมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วรู้สึกไม่กระฉับกระเฉง สมองตื้อๆ หรือมีอาการมึนงง นั่นอาจเป็นเพราะว่าร่างกายยังคงอ่อนเพลีย ไม่เข้าที่เข้าทางก็เป็นได้ค่ะ เพราะเป็นธรรมดาของทุกคนที่ต้องการการพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาเหมือนเดิมหลังจากออกไปตระเวนราตรีหรือออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ค่ะ

     แต่นอกจากการนอนหลับเพื่อพักผ่อนร่างกายแล้ว การเลือกกินอาหารก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้ร่างกายกลับมาสดใสได้เหมือนเดิม ซึ่งสำหรับใครที่มีนัดสังสรรค์หรือปาร์ตี้บ่อยๆ แล้วล่ะก็ ลองกินอาหารทั้ง 8 อย่างนี้ที่เรานำมาฝากกัน จะช่วยให้ร่างกายสดชื่นได้เร็วขึ้นค่ะ

 
8 อาหารป้องกันไม่ให้โทรม

 
1. โยเกิร์ต

นอกจากจะอร่อยแล้วยังมีประโยชน์อีกด้วย เพราะแลคโตบาซิลลัส แบคทีเรียตัวสำคัญในโยเกิร์ตนั้นช่วยรักษาแผลอักเสบในลำไส้ ซึ่งเป็นผลมาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปค่ะ

 
2. ชาเขียว

ชาเขียวได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระค่ะ ซึ่งเจ้าสารต้านอนุมูลอิสระนี่เองที่เป็นตัวช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายจากการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์รวมถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอ เพียงแค่ลองจิบชาเขียวอุ่นๆ ในตอนเช้าจะทำให้คุณสดชื่นขึ้นได้ค่ะ

 
3. น้ำเปล่า

น้ำเปล่าช่วยในการดีท็อกซ์และขับสารพิษออกจากร่างกาย เพียงแค่คุณค่อยๆ จิบน้ำเปล่าตลอดทั้งวันจะทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้ ซึ่งหากจะให้ดีควรเป็นน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องจะช่วยให้ร่างกายไม่ต้องทำงานหนักค่ะ

 
4. ผักสด

ผักสดทั้งหลายเป็นแหล่งรวมของวิตามินที่มีประโยชน์ค่ะ ซึ่งสารอาหารที่สำคัญในผักและผลไม้นี่เองที่ช่วยปรับอารมณ์ของเราให้สมดุลย์ ใครที่รู้สึกว่าร่างกายไม่สดชื่นลองหันมากินผักเยอะๆ ก็จะช่วยได้ค่ะ

 
5. น้ำขิง

สาร antispasmodic มักพบได้ในขิงและเปปเปอร์มิ้นต์ค่ะ ซึ่งสารชนิดนี้มีสรรพคุณในการช่วยคลายกล้ามเนื้อ ทำให้ผู้ที่ดื่มน้ำขิงรู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ อีกทั้งขิงยังช่วยย่อยอาหารและลดอาการท้องอืดอันเกิดจากการที่เรากินอาหารมากเกินไปนั่นเอง

 
6. กล้วย

กล้วย รวมถึงมะพร้าวและมันฝรั่ง มีสรรพคุณในการช่วยลดความดันโลหิต ซึ่งเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปค่ะ นอกจากนี้กล้วยยังสามารถลดอาการบวมจากการรับโซเดียมหรือการกินเค็มมากเกินไปได้อีกด้วย

 
7. ข้าวโอ๊ต

ข้าวโอ๊ตมีสารอาหารและเส้นใยสูง แต่ในขณะเดียวกันก็อ่อนโยนต่อกระเพาะอาหาร ซึ่งการกินข้าวโอ๊ตจะช่วยให้ร่างกายไม่ต้องทำงานหนัก ถือเป็นการช่วยฟื้นฟูร่างกายได้อีกทางค่ะ

 
8. ผลไม้

เช่นเดียวกับผักสดค่ะ ผลไม้มีวิตามินและสารอาหารที่ร่างกายต้องการอยู่มาก รวมถึงการกินผักและผลไม้ ยังเป็นการช่วยร่างกายดีท็อกซ์ได้อีกทางด้วย



21
วิตามินบำรุงสมอง อาหารบำรุงสมองคนทำงาน

เหล่าพนักงานออฟฟิศที่ต้องทำงานในทุกๆวัน ล้วนต้องเคยมีอาการเหนื่อยล้า ไม่ว่าจะทั้งจากการทำงาน ความเครียด หรือเรื่องอื่นๆ ส่วนหนึ่งล้วนมาจากสมองเราทำงานหนัก ทุกวัน เราจึงต้องบำรุงรักษาสมองของเราให้ว่องไว ฉลาดปราดเปรื่องไปนาน ๆ ใครที่เริ่มหลง ๆ ลืม ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังหนุ่มยังสาวจนอาจเกิดปัญหาต่อการทำงาน ควรรีบดูแลรับประทานอาหารบำรุงสมองของคุณโดยด่วน ส่วนวิธีการก็ไม่ยากเย็นแต่อย่างใด เพียงเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมอง ดังต่อไปนี้


1. สร้างเซลส์สมองด้วยโอเมก้า-3

เซลส์สมองของเราส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยไขมันจำเป็นที่เรียกว่า โอเมก้า-3 ช่วยในการสร้างเสริมและซ่อมแซมเซลส์สมอง โดยเราสามารถหาโอเมก้า-3 ได้จากอาหารต่อไปนี้

    แซลมอน
    ปลาทูน่า
    น้ำมันแฟลกซีด
    น้ำมันคาโนลา
    วอลนัท
    จมูกข้าวสาลี
    ไข่


2. ปกป้องสมองด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

เมื่อเราอายุมากขึ้น อนุมูลอิสระในกระแสเลือดจะทำลายเซลส์สมองของเรา ถ้าเราไม่ต่อสู้กับมัน ความจำของเราก็จะค่อย ๆ เสื่อมลงไปตามกาลเวลา เราจึงต้องกินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระจำพวก

    บลูเบอร์รี่และผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่
    บร็อคโคลี่
    แครอท
    กระเทียม
    องุ่นแดง
    ปวยเล้ง
    ถั่วเหลือง
    ชา
    มะเขือเทศ
    โฮลเกรน


3. เพิ่มพลังสมองด้วยโปรตีนและไทโรซีน

สมองของเราไม่ได้มีแค่เซลส์ประสาท แต่ยังมีสารสื่อประสาททำหน้าที่เหมือนแมสเซนเจอร์ส่งสัญญาณจากเซลล์ประสาท เซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่ง หากเรามีสารสื่อประสาทน้อยเกินไป สมองเราก็จะทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เรามาเพิ่มสารสื่อประสาทด้วยการกินอาหารต่อไปนี้กันดีกว่า

    ผลิตภัณฑ์จากนม
    ไข่
    อาหารทะเล
    ถั่วเหลือง


4. หล่อเลี้ยงสมองด้วยน้ำ

น้ำเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตจริง ๆ ไม่ใช่แค่ร่างกายที่ต้องการน้ำ แต่รวมถึงสมองของเราด้วย เพราะการขาดน้ำมีผลต่อสมองทำให้ความสามารถในการจดจำลดลง ถ้าอยากสมองดีเราต้องดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 2 ลิตร หรือ 6 – 8 แก้วต่อวัน


5. บำรุงสมองด้วยวิตามินและเกลือแร่

ยังมีวิตามินและแร่ธาตุอีกหลายชนิดที่จำเป็นต่อการทำงานของสมอง อาทิ

    วิตามินบี 6
    วิตามินบี 12
    วิตามินซี
    ธาตุเหล็ก
    แคลเซียม

วิตามินและเกลือแร่เหล่านี้สามารถหาได้จากอาหารที่เรากินเข้าไปอยู่แล้ว แต่ก็สามารถเสริมได้ด้วยการกินวิตามินรวมพร้อมอาหาร ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดี ทำให้ร่างกายและสมองนำวิตามินเหล่านี้ไปใช้ได้ดียิ่งขึ้น


6. ควบคุมการทำงานของสมองด้วยไฟเบอร์

ไฟเบอร์มีความสำคัญต่อสมองของเราอย่างมาก เพราะไฟเบอร์ช่วยในการทำงานของสมอง ควบคุมการดูดซึมน้ำตาลให้อยู่ในระดับที่สม่ำเสมอ และในปริมาณที่เหมาะสม อาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่จะช่วยลดน้ำตาลในกระแสเลือดของเราได้ดี ได้แก่

    ผลไม้แห้ง เช่น แอพริคอต ลูกพรุน ลูกเกด
    ผัก เช่น บล็อคโคลี่ ถั่วเขียว ปวยเล้ง
    ถั่วต่าง ๆ
    อัลมอนด์ และแฟลกซ์ซีด
    ผลไม้ เช่น อโวคาโด กีวี ส้ม ลูกแพร์ แอปเปิล
    ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวบาร์เลย์ ข้าวกล้อง

วิตามินและเกลือแร่เหล่านี้สามารถหาได้จาก อาหารที่เรากินเข้าไปอยู่แล้ว แต่ก็สามารถเสริมได้ด้วยการกินวิตามินรวมพร้อมอาหาร ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดี ทำให้ร่างกายและสมองนำวิตามินเหล่านี้ไปใช้ได้ดียิ่งขึ้น

รู้อย่างนี้แล้ว เพื่อนๆในวัยทำงานที่รู้ตัวว่ากำลังเกิดอาการเหนื่อยล้าจากการใช้สมองทำงานจนเกิดอาการเบลอ มึน งง อย่าลืมมองหาอาหารที่มีประโยชน์เพือ่บำรุงสมองคนทำงานอย่างเราๆกันด้วย รวมถึงการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและการออกกำลังกายที่เหมาะสม จะช่วยให้ร่างกายและสมองพร้อมในการทำงานในแต่ละวันยิ่งกว่าเดิมครับ

22
จัดฟันบางนา: สุขภาพช่องปากไม่ดี เสี่ยงโรคมะเร็งในช่องปาก


เชื่อว่าหลายๆท่านคงทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่า สุขภาพช่องปากไม่ว่าจะเป็นเหงือก ฟัน หรือ ลิ้น ต่างมีความสำคัญในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก เพราะ ช่องปากเป็นส่วนสำคัญในการรับประทานอาหาร พูดพูดคุยสนทนา รวมถึงในด้านบุคลิกภาพเบื้องต้นเพื่อเสริมความมั่นใจ และทราบไหมว่าช่องปากยังเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคและแบคทีเรียต่างๆมากมาย ซึ่งหากว่าไม่ทำความสะอาดแบคทีเรียเหล่านั้นก็อาจจะเกิดการทำลายฟันของท่านได้โดยรวดเร็ว และแค่นั้นยังไม่พอหากว่าท่านไม่ได้รับการรักษาปล่อยทิ้งไว้ อาจจะส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรงมากมาย รวมถึงเป็นหนึ่งในต้นเหตุหลักๆของ “มะเร็งช่องปาก” อีกด้วย

ในวันนี้ทางด้าน Clinic จะขอพาท่านผู้ชมมาทำความรู้จักกับ มะเร็งช่องปาก ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และ สามารถตรวจเช็คได้อย่างไรบ้าง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

 
มะเร็งช่องปากคืออะไร ?

มะเร็งช่องปาก หรือ มะเร็งในช่องปาก คือการที่มีก้อนเนื้อร้าย เกิดขึ้นที่บริเวณในช่องปาก โดยจะสามารถเกิดขึ้นได้หลายส่วน เช่น ริมฝีปาก ลิ้น กระพุ้งแก้ม เหงือก ลิ้นไก่ เพดานปากซึ่งสามารถเกิดได้ทั้งเพดานอ่อนและเพดานแข็ง พื้นปากใต้ลิ้น ต่อมทอนซิล กระดูกขากรรไกร รวมถึงส่วนบนของลำคอ แต่อวัยวะส่วนที่มักพบได้บ่อยว่าเป็นโรคมะเร็งช่องปากก็คือ ลิ้น และ พื้นปากใต้ลิ้น

จากข้อมูลการศึกษาของสถาบันวิจัยทันตกรรมและกะโหลกศีรษะและใบหน้าแห่งชาติ หรือ National institute of Dental and Craniofacial Research ได้มีการระบุไว้ว่า มะเร็งช่องปากนั้นสามารถเป็นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่จากการสำรวจวิจัยอย่างละเอียดจะพบว่า ผู้ชายที่มีอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป เป็นโรคมะเร็งในช่องปากมากผู้หญิงถึง 3 เท่า อาจเป็นเพราะผู้ชายมีปัจจัยเสี่ยงที่มากกว่า เช่น การชอบสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการละเลยการตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ

 

สาเหตุของการเป็นมะเร็งในช่องปาก ?

ต้องขอบอกเลยว่าในขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดโรคมะเร็งในช่องปาก แต่จากการศึกษาวิจัยทำให้ทราบถึงปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งในช่องปาก เช่น การสูบบุหรี่ พฤติกรรมการรับประทาน รวมถึงสุขภาพช่องปากไม่ดีเรื้อรัง เป็นต้น แต่จริงๆแล้วภาวะเสี่ยงยังมีอีกหลายอย่างมากมายโดยมีดังต่อไปนี้

– การตากแดดเป็นระยะเวลานานๆ มีส่วนในการทำให้เกิดโรคมะเร็งที่ริมฝีปาก เพราะ ประมาณ 30% ของผู้ป่วยมะเร็งริมฝีปาก มีประวัติการสัมผัสแสงแดดเป็นระยะเวลานาน

– รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ร้อนจัดเป็นประจำ เนื่องจากว่า ความร้อนของอาหารหรือเครื่องดื่มจะเป็นส่วนสำคัญในการส่งผลให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุในช่องปาก และเมื่อถูกสร้างความระคายเคืองเป็นประจำก็อาจจะส่งผลให้เยื่อบุในช่องปากเกิดเซลล์มะเร็งได้

– การติดเชื้อไวรัสบางชนิดเช่น เชื้อไวรัสเอสพีวี ซึ่งเป็นไวรัสชนิดเดียวกันกับมะเร็งปากมดลูก

– การมีสุขภาพในช่องปากไม่ดี เช่น ฟันผุเรื้อรัง

– เนื้อเยื่อบุในช่องปาก เป็นแผลเรื้อรังจากฟันเก ฟันบิ่น หรือฟันหัก ที่ทำให้เกิดขอบคมบาดเนื้อเยื่อในช่องปากซ้ำๆ ส่งผลให้เกิดแผลเรื้อรังเป็นระยะเวลานาน

– การใส่ฟันปลอมที่หลวม ก่อให้เกิดการระคายเคืองเรื้อรัง และมีส่วนในการกักเก็บสะสมสารก่อมะเร็งได้ง่าย

– การกินหรือเคี้ยว หมาก พลู ยาฉุน ยาเส้น

– การรับประทานผักผลไม้ที่น้อยเกินไปทำให้ร่างกายและช่องปากขาดสารอาหารบางชนิด

– สูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน

 

วิธีการตรวจมะเร็งช่องปากเบื้องต้น ด้วยตนเอง ?

ต้องขอบอกเลยว่าท่านสามารถจะตรวจสอบความผิดปกติเบื้องต้นได้ โดยหากว่าพบความผิดปกติของเนื้อเยื่อหรืออวัยวะต่างๆของช่องปาก เช่น ฝ้าขาว ฝ้าแดง มีก้อนเนื้อในช่องปากหรือลำคอ หรือ เป็นแผลในช่องปากที่ไม่หายใน 3 สัปดาห์ โดยหากว่าพบอาการดังที่กล่าวมาเหล่านี้ ให้ทำการพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุโดยเร็วที่สุด โดยมีวิธีเช็คเบื้องต้นคือ

– ดึงริมฝีปากบนขึ้น เพื่อตรวจดูเยื่อบุส่วนบนและเหงือกด้านนอก

– ยกริมฝีปากบนเพื่อตรวจดูริมฝีปากบน

– ยกริมฝีปากด้านข้าง เพื่อตรวจดูกระพุ้งแก้มและเหงือกด้านใน

– ดึงริมฝีปากด้านล่างลง เพื่อตรวจดูเยื่อบุส่วนล่างและเหงือกด้านนอก

– แหงนหน้าอ้าปากให้กว้างเพื่อตรวจดูเพดานปาก

– อ้าปากให้กว้าง กดลิ้นเพื่อตรวจดู ลิ้นไก่ ต่อมทอนซิล และ เพดานอ่อน

– ยกลิ้นขึ้นเพื่อตรวจดูลิ้นด่านล่าง และพื้นปากใต้ลิ้น

 

หากว่าพบความผิดปกติไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งก็ตาม ให้รีบเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสอบ เนื่องจากว่าหากยิ่งทำการรักษาได้รวมเร็วจะยิ่งทำให้การรักษานั้นง่ายขึ้นและปลอดภัยสูงตามไปด้วย

23
all new mitsubishi triton 2024: มิตซูบิชิ Mitsubishi Mirage Smart CVT ปี 2019

Mitsubishi Mirage Facelift 2019 รูปลักษณ์ภายนอกดีไซน์ใหม่ดึงดูดทุกสายตามากยิ่งขึ้นด้วย กระโปรงหน้าดีไซน์ใหม่ กระจังหน้าตกแต่งด้วยเส้นสีแดง กันชนหน้าใหม่ ไฟหน้าแบบ Bi-LED พร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ ชุดไฟตัดหมอกแบบใหม่ ไฟท้ายแบบ LED และ ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 15 นิ้ว สะดุดตามากขึ้นด้วย สีเหลือง Sand Yellow


ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขนาด 1.2 ลิตร DOHC พร้อมระบบวาล์วแปรผัน MIVEC ที่ให้ความประหยัดและประสิทธิภาพสูงสุด ครบครันด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย ได้แก่ ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM-LS) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็วเฉพาะด้านหน้า (RMS-Forward) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) และระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL) พร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้าสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า รวมถึงระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (BA) ซึ่งทำงานประสานกันเพื่อมอบความมั่นใจให้ผู้ขับขี่บนทุกเส้นทาง รถยนต์ทั้งสองรุ่นยังติดตั้งระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)

รายละเอียดเบื้องต้น
   
แบรนด์              Mitsubishi
รุ่น                   มิตซูบิชิ Mitsubishi Mirage Smart CVT ปี 2019
ประเภทรถ          รถเก๋ง 5 ประตู, Eco Car - รถอีโคคาร์
ปีที่เปิดตัว          2019
ราคา                579,000 บาท ดูรถยนต์ราคาใกล้เคียง


ดีไซน์
   
ภายนอก

ล้อแม็ก (15")
สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรค (แบบ LED)
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว (แบบ LED)
ไฟตัดหมอก (หน้า)
ปัดน้ำฝนกระจกหลัง
ไฟหน้า (ปิดอัตโนมัติหลังจากดับเครื่องยนต์)
ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์
ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบพิเศษ (ปรับความเร็วอัตโนมัติ)
ไฟหน้า LED (Bi-LED)
ไฟหน้าซีนอน (Bi-Xenon พร้อมไฟหรี่แบบ Spectrum LED)
   

ภายใน

เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้
ระบบนำทาง (Navigator)
ตกแต่งภายใน (แบบ Piano Black)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์
พวงมาลัยหุ้มหนัง (ตกแต่งแบบ Piano Black & Chrome)
พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้
หัวเกียร์หุ้มหนัง


สเปค
   
เครื่องยนต์                     3A92, 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว MIVEC
ขนาดเครื่องยนต์ (CC)      1,193 CC
กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)   78 แรงม้า
ระบบเกียร์                     เกียร์ออโต้แบบ CVT
รูปแบบเกียร์                   พร้อม Sportronic Invecs III
ระบบเบรค ABS              มี (พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA)
ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง      เบนซิน 95, เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), แก๊สโซฮอล์ 91, เบนซิน E20
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)       N/A
ระบบจ่ายน้ำมัน               ECI-MULTI 32 Bit
น้ำหนักตัวรถ   
ประเภทยางรถยนต์
ขนาดล้อ (นิ้ว)
ระบบขับเคลื่อน              ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย   อุปกรณ์ความปลอดภัย
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ
ตัวถังนิรภัย
เซ็นทรัลล็อค
กุญแจรีโมท
กุญแจนิรภัย
ไฟเบรกดวงที่ 3
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ
เข็มขัดนิรภัย
พวงมาลัยยุบตัวได้
กระจกนิรภัย
คานเหล็กเสริมนิรภัย
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน
กล้อง

24
เช็คลิสต์รายการ บริการทำความสะอาด สำหรับสำนักงาน มีอะไรที่ไม่ควรมองข้าม ?

การทำความสะอาดสำนักงานเป็นการทำความสะอาดที่จำเป็นและควรค่าแก่การให้ความสำคัญ  เพราะการทำงานในออฟฟิศที่มีแต่ฝุ่นหรือความสกปรกคงไม่น่าอยู่สักเท่าไหร่ อีกทั้งมีอุปกรณ์หรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่ต้องใช้ประจำยิ่งต้องได้รับการทำความสะอาดอย่างทั่วถึง

หลายครั้งที่เรามักมองข้ามความสำคัญของการทำความสะอาดตามจุดหรือซอกมุมต่างๆในสำนักงาน ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาเรื่องสุขภาพหรือบรรยากาศการทำงานที่ไม่ดีเท่าที่ควรในอนาคต ทั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้เราจึงมีเช็คลิสต์ราคาทำความสะอาดสำหรับสำนักงาน มีอะไรบ้างที่ไม่ควรมองข้าม ?


ทำความสะอาดสำนักงานมีอะไรบ้างที่ไม่ควรมองข้าม ?

สำนักงานเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของพนักงาน เพราะเป็นสถานที่ที่พวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำงาน ดังนั้น ความสะอาดของสำนักงานจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะด้วยการใช้แม้บ้านทำความสะอาดหรือบริการรับทำความสะอาดทั่วไปก็ตาม เพราะนอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพและสุขอนามัยของพนักงานแล้ว ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์และบรรยากาศในการทำงานอีกด้วย


สำหรับเช็คลิสต์รายการทำความสะอาดสำหรับสำนักงานนั้น โดยทั่วไปแล้วจะมีรายการดังนี้

1.    ทำความสะอาดพื้น พื้นเป็นพื้นผิวที่สัมผัสมากที่สุดในสำนักงาน ดังนั้นจึงควรทำความสะอาดทุกวันด้วยเครื่องดูดฝุ่นหรือไม้ถูพื้น โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดพื้นที่เหมาะสม แนะนำว่าควรมีแม้บ้านทำความสะอาดรองรับจุดนี้ เพื่อลดความสกปรกแบบรายวัน

2.    ทำความสะอาดโต๊ะทำงาน โต๊ะทำงานเป็นพื้นที่ส่วนตัวของพนักงาน ดังนั้นจึงควรให้พนักงานมีส่วนร่วมในการทำความสะอาด โดยทำความสะอาดสิ่งของบนโต๊ะให้เรียบร้อย เช็ดโต๊ะด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ และถูด้วยน้ำยาทำความสะอาดโต๊ะเป็นประจำได้ยิ่งดี

3.    ทำความสะอาดห้องน้ำ ห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ดังนั้นจึงควรทำความสะอาดทุกวันด้วยน้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำอย่างสม่ำเสมอ อาจจะต้องใช้บริการรับทำความสะอาดเข้ามาช่วยในส่วนนี้เพื่อรักษาความสะอาดและกำจัดกลิ่นอย่างทั่วถึง

4.    ทำความสะอาดหน้าต่าง หน้าต่างเป็นจุดที่แสงธรรมชาติส่องเข้ามาและด้านนอกมักเต็มไปด้วยฝุ่นและมลภาวะมากมาย ดังนั้นจึงควรทำความสะอาดเป็นประจำเพื่อให้แสงสว่างส่องผ่านเข้ามาได้อย่างเต็มที่ แนะนำว่าสำหรับสำนักงานที่อยู่สูงอาจจะต้องให้บริการรับทำความสะอาดเข้ามาดูแลเพื่อความปลอดภัย

    ทำความสะอาดอุปกรณ์สำนักงาน อุปกรณ์สำนักงาน เช่น เครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสาร คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ควรทำความสะอาดเป็นประจำเพื่อป้องกันฝุ่นละอองและเชื้อโรคเกาะติด โดยเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ และเช็ดด้วยผ้าแห้ง


นอกจากรายการทำความสะอาดข้างต้นแล้ว ยังมีสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามอีก ได้แก่

1.    กำจัดขยะ ขยะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ดังนั้นจึงควรกำจัดขยะเป็นประจำทุกวัน โดยแยกขยะให้เป็นประเภทต่าง ๆ เช่น ขยะทั่วไป ขยะรีไซเคิล ขยะอันตราย เป็นต้น

2.    ตรวจเช็คสภาพอุปกรณ์ อุปกรณ์สำนักงาน เช่น ปลั๊กไฟ สวิตช์ไฟ หลอดไฟ เป็นต้น ควรตรวจเช็คสภาพเป็นประจำเพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรหรืออุบัติเหตุ

3.    ปรับปรุงบรรยากาศ บรรยากาศในการทำงานที่ดีจะช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงควรปรับปรุงบรรยากาศในการทำงาน เช่น เพิ่มต้นไม้หรือดอกไม้ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่สบายตา เป็นต้น

โดยในการทำความสะอาดสำนักงานนั้น ควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ โดยกำหนดตารางการทำความสะอาดที่เหมาะสมกับขนาดและลักษณะของสำนักงาน เพื่อให้สำนักงานสะอาดและน่าอยู่


ใช้บริการรับทำความสะอาด ให้สำนักงานปราศจากความสกปรกอย่างทั่วถึง

ทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและควรค่าที่สุดสำหรับการทำความสะอาดสำนักงานคือการใช้บริการแม่บ้านทำความสะอาด หรือบริการรับทำความสะอาดแบบรายเดือน เพราะการทำความสะอาดแบบรายเดือนจะช่วยให้สำนักงานสะอาดอย่างสม่ำเสมอ และช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานได้อย่างเต็มที โดยปราศจากความสกปรก และเพิ่มบรรยากาศการทำงานที่ดีต่อสุขภาพจิตและสุขภาพโดยรวมด้วย

นอกเหนือจากนี้ หากต้องการบริการรับทำความสะอาดที่ใช้น้ำยาปลอดสารเคมีเพื่อเรื่องสุขภาพหรือความปลอดภัยของพนักงาน การใช้บริการแม่บ้านทำความสะอาดควรเลือกดูบริษัททำความสะอาดที่มีมาตรฐานและใช้น้ำยาไร้สารเคมีด้วย เพียงเท่านี้ก็มั่นใจได้แล้วว่าสำนักงานจะสะอาดและปราศจากสารเคมี สุขภาพดีกันถ้วนหน้า



25
bigbike ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน Harley-Davidson Touring Street Glide ปี 2024
1,640,000 บาท

ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน Harley-Davidson Touring Street Glide ปี 2024
Harley-Davidson Touring Street Glide ถมอเตอร์ไซค์ทัวร์ริ่งครอสคันทรีแบบดั้งเดิม ด้วยเครื่องยนต์ MILWAUKEE-EIGHT 117 ความจุของกระบอกสูบสูงสุดในรถรุ่น Touring มาตรฐานของ H-D ให้คุณสัมผัสกับสุดยอดแห่งการขับขี่

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์              Harley-Davidson
   รุ่น                   ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน Harley-Davidson Touring Street Glide ปี 2024
   ประเภทรถ          Sport Touring Bigbike, รถครูสเซอร์-ชอปเปอร์
   ปีที่เปิดตัว          2024
   ราคา               1,640,000 บาท

สเปค
   รูปแบบเกียร์                เกียร์ธรรมดา
   ระบบเกียร์                   6 เกียร์
   รายละเอียดเครื่องยนต์     Milwaukee-Eight 117
   ระบบระบายความร้อน      อากาศ
   ระบบสตาร์ท                สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)    1923 CC
   แบบเครื่องยนต์             4 จังหวะ (Milwaukee-Eigh 117)
   ระบบจุดระเบิด
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง          แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), เบนซิน 95
   ระบบจ่ายน้ำมัน                   หัวฉีด (Electronic Sequential Port Fuel Injection (ESPFI))
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)          22.7 ลิตร
   ระบบกันสะเทือน                 ล้อหน้า วาล์วแบบ Dual Bending ขนาด 49 มม., ล้อหลัง 3 in Dual Outboard Emulsion พร้อมระบบปรับพรีโหลดอัตโนมัติ
   ระบบเบรค                        ล้อหน้า ดิสก์เบรก (จานเบรกคู่แบบลอย), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (จานเบรกแบบคงที่)
   แบบวงล้อ                        aluminum
   ขนาดยาง                        ล้อหน้า 130/60B19 61H, ล้อหลัง 180/55B18 M/C 80H
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)     2,410 x - x 715 มม.
   น้ำหนักตัวรถ                       368.00 กก.

26
ภาวะแทรกซ้อน จากการจัดฟันเด็ก 

 
การจัดฟันในเด็ก ถือเป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากในปัจจุบันนี้ เด็กไทยเป็นจำนวนมาก มีอาการฟันผุ เนื่องจากการรับประทานอาหารและการไม่ทำความสะอาดช่องปากและฟัน รวมไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะไม่มีเวลาในการแนะนำหรือสอนเด็กเกี่ยวกับวิธีการแปรงฟันอย่างถูกต้อง ดังนั้น เด็กไทยจึงเกิดฟันผุมาก ซึ่งบางคนอาจจะร้ายแรงถึงขั้นสูญเสียฟันไปเลยทีเดียว เมื่อเด็กสูญเสียฟันไป ก็ส่งผลทำให้เกิดปัญหาฟันอื่นๆตามมามากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเกิดปัญหาฟันห่าง ฟันล้ม ซึ่งส่งผลทำให้เด็กไม่มั่นใจในบุคลิกภาพของตัวเอง ทำให้รับประทานอาหารได้ลำบาก จนอาจจะส่งผลทำให้เกิดปัญหาร่างกายได้ เพราะเมื่อเด็กรับประทานอาหารได้ลำบาก อาจจะทำให้เด็กเกิดอาการเบื่ออาหารได้ ทำให้เกิดโรคขาดสารอาหารได้


ดังนั้น สุขภาพช่องปากและฟัน จึงมีคความสัมพันธ์กับสุขภาพร่างกายโดยรวมของเด็ก จึงเป้นสาเหตุที่ว่า เด็กควรที่จะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี แต่การแก้ไขปัญหาฟันสำหรับเด็กที่มีฟันผุ และเกิดการสูญเสียฟัน แน่นอนว่า การเข้ารับการจัดฟันในเด็ก จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่าวตรงจุด แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ตามแต่ มักจะมีข้อดีและข้อเสียเหมือนกัน การเข้ารับการจัดฟันในเด็กก็เช่นเดียวกัน ก็มีข้อเสียเหมือน ซึ่งอาจจะทำให้เด็กเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงภาวะแทรกซ้อนของการจัดฟฟันในเด็ก ที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับเด็ก แต่ถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองใส่ใจในเรื่องของสุขภพช่องปากและฟันและทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ก็จะช่วยลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้


สำหรับภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น ในเด็กที่เข้ารับการจัดฟัน อย่างแรกเลยก็คือ การเกิดฟันผุ โรคเหงือก ถ้ากรณีที่เด็กรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป และไม่ทำความสะอาดฟันอย่างถูกวิธีและอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปัญหานี้ก็เกิดขึ้นได้ตามปกติแม้จะไม่ได้รับการจัดฟัน แต่การจัดฟันก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคดังกล่าวได้มากขึ้นนั่นเอง ต่อมาก็คือ ปัญหาการเคลื่อนฟัน อาจมีผลต่อสุขภาพของกระดูกและเหงือกที่รองรับฟันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีรอยโรคเดิมอยู่แล้ว ในเด็กที่มีการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติ การจัดฟันจะช่วยลดการสูญเสียฟัน หรือการเกิดเหงือกอักเสบได้ ส่วนการเกิดเหงือกอักเสบหรือการเกิดการละลายตัวของกระดูกเบ้าฟัน จะเกิดได้ในกรณีที่เด็กไม่สามารถทำความสะอาดฟันเพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์ ออกจากฟันได้หมด ต่อมาก็คือปัญหาที่มักพบได้บ่อยเลยก็คือ การใช้เครื่องมือทางทันตกรรมจัดฟัน อาจทำให้เกิดแผลในช่องปาก หรือเกิดการกระทบกระแทกต่อฟันได้บ้าง ส่วนการสึกของฟันที่ผิดปกติอาจเกิดขึ้นเองได้ถ้าเด็กมีการบดเคี้ยวที่รุนแรงกว่าปกติ และอีกหนึ่งภาวะแทรกซ้อนก็คือ  เครื่องมือจัดฟันอาจหลุด และคนไข้อาจกลืนลงไปด้วยความบังเอิญ


ซึ่งควรที่จะระมัดระวัง ยิ่งในเด็ก พ่อแม่ต้องคอยระวังให้มากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันอันตราย ทั้งหมดนี้คือภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นกับเด็กที่เข้ารับการจัดฟัน ทางที่ดีควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์จะดีที่สุด อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องคอยสังเกตอาการของเด็ก ระหว่างอยู่ในช่วงการจัดฟันด้วย เพราะถือว่าเป้นเรื่องที่ดี เพราะถ้าหากเด็กมีปัญหา ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง หรือควรพามาพบทันตแพทย์เพื่อรับการแก้ไขได้ทันที


หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถพาเด็กมาพบกับทันตแพทย์จัดฟันได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่ยินดีให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้อง โดยยึดหลักการและปัญหาฟันของเด็ก เป็นที่ตั้ง เพื่อที่จะได้รับการแก้ไขปัญหาที่ดีและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทันตแพทย์ของเรายังมีความเชี่ยวชาญด้านทันนตกรรมในเด็ก จึงสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างตรงจุด เพราะเราอยากให้เด็กๆทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

 

27
สูตรเครื่องดื่มแก้เมาค้าง ดื่มปุ๊บสร่างปั๊บ

นักปาร์ตี้ทั้งหลายจะมีใครที่ไม่เคยผ่านอาการเมาค้าง หรือที่เรียกว่า แฮงก์ (Hangover) คงจะไม่มี ดื่มแอลกอฮอล์กันหนักหน่วงจนคลื่นไส้อาเจียน ที่สำคัญมีอาการปวดหัวตึ้บจนลุกไปเรียน ตื่นไปทำงานกันแทบจะไม่ไหว ไม่ดีเอาซะเลย อย่าปล่อยให้อาการเมาค้างแบบนี้เกิดขึ้นกับคุณบ่อยนักนะคะ ถ้าไม่อยากแฮงก์จนเสียงานเสียการ ลองมาดูเครื่องดื่มแก้แฮงก์ที่เรานำมาฝากทางนี้เลยดีกว่า วิธีแก้อาการเมาค้าง พะอืดพะอม รับรองว่า ดื่มปุ๊บสร่างปั๊บ ตื่นเช้าขึ้นมาจะได้สดชื่นสบาย ๆ


1. กาแฟ

           
          กาแฟถือเป็นเครื่องดื่มแก้เมาค้างยอดนิยมของใครหลาย ๆ คน เพราะในกาแฟมีคาเฟอีนที่จะช่วยให้หายจากอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ และกาแฟจะเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น แต่ต้องเป็นกาแฟที่ไม่ใส่นม หรือน้ำตาล จะได้ผลดีและเร็วที่สุด



2. น้ำแตงกวาดอง
           
          แค่พูดถึงชื่อ น้ำแตงกวาดอง ก็ทำเอาสร่างเมาขึ้นมาทันทีเลย ลองได้ตักซดเข้าไปสักอึกนึง คงจะตาตื่นกันเป็นแถว ๆ แต่จริง ๆ แล้ว ในน้ำแตงกวาดองมีเกลือผสมอยู่ ถือเป็นเกลือแร่ชั้นดีเลยทีเดียว และมีน้ำส้มสายชูที่จะช่วยในการย่อยอาหารและขับเอาแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายได้เร็วยิ่งขึ้นด้วย วิธีดื่ม คือ

      - น้ำแตงกวาดองล้วน ๆ 1-2 ช้อนโต๊ะ
      - ผสมน้ำแตงกวาดอง 2 ช้อนโต๊ะ กับน้ำต้มสุก 1 แก้ว



3. น้ำขิง หรือชามินต์

          ดูเหมือนเครื่องดื่ม 2 แก้วนี้จะเป็นเครื่องดื่มอันดับต้น ๆ ที่หลาย ๆ คนเลือกให้เป็นเครื่องดื่มแก้เมาค้างฝีมือฉมัง เพราะดื่มแล้วหายแฮงก์เร็วทันใจ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ขิงที่มีรสชาติเผ็ดร้อน และใบสะระแหน่ที่มีกลิ่นหอมเย็น จะช่วยแก้อาการคลื่นไส้ได้ดีทีเดียว ยิ่งถ้าใส่น้ำผึ้งลงไปอีกสักนิด น้ำผึ้งจะทำปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ จะช่วยให้ชะล้างและทำลายแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไปได้อย่างรวดเร็วทีเดียว แถมการดื่มชาเข้าไปจะช่วยให้คุณตื่นนอนตอนเช้าได้แบบสบาย ๆ ไม่ปวดหัวมากกว่าการดื่มกาแฟด้วย

ส่วนผสม ชาสะระแหน่

      • ใบสะระแหน่สดหรือแบบตากแห้งบดละเอียด 2 ช้อนชา
      • น้ำร้อน 1 แก้ว
      • น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม ปริมาณตามชอบ

วิธีทำชาสะระแหน่

      ► ชงใบสะระแหน่ในน้ำร้อน จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็น นำไปกรองเอาแต่น้ำชา เติมน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมตามความชอบ



 4. เครื่องดื่มเกลือแร่

           
        ง่าย ๆ เลยแค่คุณเมาแล้วไปร้านสะดวกซื้อ หยิบเครื่องดื่มเกลือแร่มาสักหนึ่งขวด กระดกให้หมดขวด หรือถ้าที่บ้านมีเกลือแร่ชนิดผงที่ไว้ชงดื่มเวลาท้องเสียก็สามารถใช้ได้เช่นกัน โดยใส่เกลือแร่ชนิดผง 1 ซอง ชงกับน้ำต้มสุก 1 แก้ว



5. น้ำอัดลม

           
         น้ำอัดลมถือเป็นวิธีที่ชาวอังกฤษนิยมดื่มแก้แฮงก์ เพราะน้ำอัดลมจะช่วยขับแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดออกไป รวมทั้งส่วนผสมของน้ำอัดลม โดยเฉพาะน้ำอัดลมกลิ่นโคล่า จะช่วยลดสารอะซิทัลดีไฮด์ และเอทานอล ที่เป็นเหตุทำให้เกิดอาการปวดหัวได้ ถ้าวันไหนคุณปวดหัวแต่ไม่ได้เมา ก็ลองดื่มน้ำอัดลมเข้าไปก็ช่วยได้เหมือนกัน



6. น้ำมะพร้าว
           
          น้ำมะพร้าวแบบไทย ๆ สามารถแก้อาการเมาค้างได้สบาย ๆ เพราะในน้ำมะพร้าวเป็นแหล่งรวมของสารอิเล็กโทรไลต์ (Electrolytes) หรือสารชนิดเดียวกับที่อยู่ในเครื่องดื่มเกลือแร่ จะช่วยทดแทนน้ำให้กับร่างกายที่สูญเสียไปจากการดื่มหนัก ๆ เหมือนกับเกลือแร่นั่นเอง



7. น้ำผัก-ผลไม้สีเขียว

           
          ทำไมต้องสีเขียว ก็เพราะว่าในน้ำผัก-ผลไม้สีเขียวนั้นเต็มไปด้วยโพแทสเซียมที่จะช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายของคุณภายหลังจากการดื่มแอลกอฮอล์ ลดอาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า ปวดเมื่อยตามตัวได้ดีทีเดียว

ส่วนผสม กรีนสมูทตี้

      • ผักกาดคอส (หั่นเป็นชิ้น) 100 กรัม
      • แตงกวา (หั่นเป็นชิ้น) 50 กรัม
      • น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ
      • แอปเปิลเขียว (ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้น) 30 กรัม
      • กีวี (ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้น) 30 กรัม

วิธีทำกรีนสมูทตี้

      ► นำส่วนผสมทุกอย่างปั่นรวมกันจนละเอียด
      ► รินใส่แก้วเล็ก ๆ ดื่มทันทีเป็นมื้อเช้า ช่วยล้างพิษในร่างกาย


 8. สมูทตี้ผลไม้

           
          การดื่มหนัก ๆ จะทำให้ร่างกายสูญเสียโพแทสเซียม ส่งผลให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า คลื่นไส้ เวียนหัว และใจสั่น การได้ดื่มสมูทตี้ผลไม้จะช่วยให้ร่างกายกลับมากระปรี้กระเปร่าขึ้น เป็นแหล่งรวมโพแทสเซียมชั้นดี โดยเฉพาะสมูทตี้กล้วยหอมนมสดน้ำผึ้ง เพราะกล้วยหอมเต็มไปด้วยแร่ธาตุ และน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยในการสลายแอลกอฮอล์ให้หมดไปจากร่างกายด้วย ส่วนผสมก็มีแค่กล้วยหอม นมสด และน้ำผึ้งเท่านั้นเอง
           
          แต่ถ้าใครมีข้อครหาว่า เอ้า ! แล้วเมาหนักขนาดนี้จะมีแรงที่ไหนมานั่งปั่นสมูทตี้กิน ก็ให้ใช้วิธีปั่นสมูทตี้แล้วไปแช่เย็นเตรียมไว้ก่อนจะไปสังสรรค์ พอกลับมาจากปาร์ตี้ก็นำออกมาดื่ม รับรองว่าหายแฮงก์เลยล่ะ

ส่วนผสม สมูทตี้กล้วยหอม

      • กล้วยหอมแช่แข็ง 1 ลูก
      • นมพร่องมันเนย แช่เย็นจัด 1 1/2 ถ้วย
      • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ แช่เย็นจัด 1 ถ้วย
      • น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำสมูทตี้กล้วยหอม
         
      ► ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องปั่น ปั่นผสมจนเนียนละเอียดเข้ากันดี เทใส่แก้ว พร้อมดื่ม



9. สมูทตี้เนยถั่ว
             

          เวลาเมาค้างหลายคนอาจจะคุ้นเคยกับการดื่มกาแฟหรือชา แต่คาแฟอีนในกาแฟและชาจะช่วยแค่ให้คุณหายจากอาการอาเจียนเท่านั้น ลองทำสมูทตี้เนยถั่วดื่มดู เพราะเครื่องดื่มแก้วนี้จะให้โปรตีนที่มากกว่า และโปรตีนนี้เองจะเป็นตัวช่วยให้คุณหายจากอาการเมาค้างได้เร็วขึ้น

ส่วนผสม เนยถั่วกับกล้วยหอมสมูทตี้ (นิตยสารแม่บ้าน)
           
      • นมสด 1 ถ้วยตวง
      • กล้วยหอมแช่แข็ง 1 ลูก
      • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
      • เนยถั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
      • น้ำแข็ง 1 ถ้วยตวง
      • น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
           
      ► นำส่วนผสมทุกอย่างปั่นให้เข้ากันจนละเอียด รินใส่แก้ว แช่ตู้เย็น เตรียมไว้


10. สมูทตี้ขิงกับส้ม
             

          เครื่องดื่มแก้วนี้เป็นเครื่องดื่มล้างพิษที่สามารถช่วยแก้อาการเมาค้างได้ เพราะในเลมอนมีสารที่จะช่วยกระตุ้นการทำงานของตับให้สามารถขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ขิงจะช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน และส้มจะช่วยเพิ่มรสชาติที่กลมกล่อมทำให้ดื่มง่าย และยังอุดมไปด้วยวิตามินอีกด้วย

ส่วนผสม

      • น้ำส้มคั้น 1 ถ้วย
      • ขิง หั่นแว่น 3-5 ชิ้น
      • น้ำแข็ง 1 ถ้วย
      • น้ำผึ้ง ตามชอบ
      • เกลือป่น เล็กน้อย

วิธีทำ

      ► ใส่ทุกอย่างลงในเครื่องปั่น ปั่นผสมจนเนียนละเอียด เทใส่แก้ว พร้อมดื่ม


11. น้ำผึ้งมะนาวผสมขิง

           
          เครื่องดื่มแก้เมาค้างแก้วนี้เป็นการรวมเอา 3 ตัวท็อปอย่าง น้ำผึ้ง ที่มีส่วนช่วยทำลายแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไปได้ ขิง ที่ช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน และน้ำนะนาวหรือน้ำเลมอน ที่สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของตับให้สามารถขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย ถ้าใครไม่สามารถดื่มแบบเพียว ๆ ได้ก็สามารถผสมน้ำเข้าไปสักหน่อย ทำเก็บใส่ขวด แช่ไว้ในตู้เย็น คราวนี้ล่ะ ต่อให้เมาแฮงก์ขนาดไหนก็ไม่ต้องกลัว

ส่วนผสม

      • ขิงขูดละเอียด 3/4 ถ้วย (หรือ 4 ออนซ์)
      • น้ำมะนาว 1 ถ้วย
      • น้ำร้อน 1/2 ถ้วย
      • น้ำผึ้ง 1 ถ้วย
      • น้ำแข็ง

วิธีทำ

       1. ผสมน้ำร้อนกับน้ำผึ้งเข้าด้วยกัน ใส่ขิงขูดลงไปคนผสมให้เข้ากัน พักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จนขิงเข้ากันดีกับน้ำผึ้ง

       2. เติมน้ำมะนาว คนผสมให้เข้ากัน ยกลงกรองผ่านกระชอนหรือตะแกรงเอาเฉพาะน้ำ จากนั้นเทน้ำขิงมะนาวใส่แก้วที่มีน้ำแข็งพอประมาณ พร้อมดื่ม


12. น้ำผลไม้ผสมเกลือ

             
          น้ำผลไม้ผสมเกลือแก้วนี้เป็นเครื่องดื่มจำพวกเกลือแร่ที่คุณก็สามารถทำเองได้ง่าย ๆ แค่ผสมน้ำเปล่ากับน้ำผลไม้ที่มี และใส่เกลือลงไปเล็กน้อย คนผสมให้เข้ากันแล้วดื่ม เครื่องดื่มแก้วนี้จะช่วยขับแอลกอฮอล์ออกไปได้ แถมยังเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยใส่เกลือลงในน้ำผลไม้ที่ชอบ คนผสมให้เข้ากัน

 

13. สมูทตี้แตงโมผสมแตงกวา

             
          ถ้าจะพูดถึงเครื่องดื่มที่ช่วยเรียกความสดชื่นให้กับร่างกายจะไม่มีแตงโมร่วมวงด้วยก็คงจะกระไรอยู่ เพราะในแตงโมและแตงกวา หรือผลไม้ตระกูลแตง จะมีน้ำมาก เมื่อดื่มเข้าไปจะทำให้ร่างกายคุณสดชื่นขึ้น วิธีทำก็แค่นำแตงโม แตงกวา น้ำมะนาว ใบสะระแหน่ และเกลือ ไปปั่นจนละเอียด เทใส่แก้ว ตามด้วยน้ำแข็งและโซดา ดื่มให้เย็นซ่าชื่นใจ เท่านี้ก็จะช่วยลดอาการเมาค้างได้ดีทีเดียว

ส่วนผสม

      • แตงกวา ปอกเปลือกหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ลูก
      • เนื้อแตงโม (แกะเมล็ดออก หั่นชิ้นเล็ก) 100 กรัม
      • ใบสะระแหน่ 1/4 ถ้วย
      • น้ำตายทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ
      • เกลือป่น เล็กน้อย
      • น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

      ► ใส่แตงกวา เนื้อแตงโม น้ำตาลทรายแดง เกลือป่น และน้ำมะนาว ลงในเครื่องปั่น ปั่นผสมจนเนื้อเนียนละเอียด เทใส่แก้ว นำไปแช่ในตู้เย็น เตรียมไว้


14. แพร์รี ออยส์เตอร์ (Prairie Oyster)
             
          แพร์รี ออยส์เตอร์ (Prairie Oyster) เป็นเครื่องดื่มที่ชาวอเมริกันดื่มแก้แฮงก์ มีส่วนผสมของไข่ดิบ ซอสวูสเตอร์หรือซอสเปรี้ยว เกลือ พริกไทยดำ และซอสเผ็ด ซึ่งชาวอเมริกันเชื่อว่า ถ้าดื่มแก้วนี้ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น เพราะไข่ดิบมีโปรตีน ที่จะช่วยขับแอลกอฮอล์ที่ตกค้างในร่างกายออกไปได้เร็วยิ่งขึ้น ส่วนของเหลวต่าง ๆ ทั้งบรั่นดี ซอสเปรี้ยว ซอสเผ็ด และน้ำส้มสายชู มีส่วนช่วยให้หายคลื่นไส้อาเจียนได้อีกด้วย

ส่วนผสม

      • บรั่นดี 25 มิลลิลิตร
      • ซอสเปรี้ยวหรือวูสเตอร์ซอส (Worcesterfhire Sauce) 1/4 ช้อนชา
      • น้ำส้มสายชู 1/2 ช้อนชา
      • ซอสเผ็ดหรือซอสพริก 1 ช้อนชา
      • ไข่แดง 1 ฟอง

วิธีทำ

      ► ใส่ส่วนผสมของเหลวลงในแก้ว ตามด้วยไข่แดง พร้อมดื่ม



15. นมช็อกโกแลตผสมชีสพาย


          เครื่องดื่มแก้แฮงก์แก้วนี้เป็นที่นิยมของชาวนิวซีแลนด์ ที่เชื่อว่า การดื่มนมช็อกโกแลตร้อน ๆ ผสมกับชีสพาย เพราะทั้งสองอย่างนี้จะให้โปรตีนแก่ร่างกายเรา ซึ่งจะช่วยเพิ่มกรดอะมิโมต่าง ๆ ในร่างกายเราไม่ว่าจะเป็น ทอรีน หรือซีสเทอีน รวมทั้งยังช่วยขับแอลกอฮอล์ที่ตกค้างออกจากร่างกายได้ด้วย


16. ซุปมิโซะ


          ถึงแม้จะไม่ใช่เครื่องดื่มแต่ก็สามารถยกซดแก้แฮงก์ได้ดีทีเดียวกับ ซุปมิโซะ ในขณะที่คุณกำลังเมาแฮงก์อยู่นั้น ร่างกายของคุณต้องการกรดอะมิโน น้ำ วิตามิน และแร่ธาตุ ในการฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาปกติ มีนักวิชาการได้กล่าวไว้ว่า ซุปมิโซะนี่แหละที่จะช่วยแก้แฮงก์ได้ เพราะในซุปมิโซะมีน้ำที่จะช่วยเรียกความสดชื่น มีโซเดียมที่จะช่วยดูดซึมน้ำเอาไว้ และมีของหมักดอง ที่เป็นแหล่งรวมแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพ มีประโยชน์ในการช่วยย่อยอาหารอีกด้วย

ส่วนผสม
           
      • น้ำเปล่า
      • ฮอนดาชิ
      • สาหร่ายวากาเมะ
      • มิโซะสำเร็จรูป
      • เต้าหู้นิ่มหั่นเต๋า   
 
วิธีทำ
           
      ► ใส่น้ำลงในหม้อ ตามด้วยฮอนดาชิ คนผสมให้เข้ากัน จากนั้นใส่สาหร่ายวากาเมะลงไปต้มจนเดือด
      ► ใส่มิโซะลงไปต้มจนเดือด ใส่เต้าหู้ ต้มจนเดือดอีกครั้ง ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ


17. น้ำเปล่าผสมไส้กรอก
             
          แค่พูดชื่อเครื่องดื่มแก้แฮงก์แก้วนี้ดูจะแปลกไปสักหน่อย แต่ชาวสกอตแลนด์เขาบอกว่า การนำไส้กรอกไปผสมกับน้ำเปล่าแล้วนำไปดื่ม จะช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานช้าลง แถมยังทำให้ท้องไม่ว่างแล้วเมาช้าลงนั่นเอง


18. น้ำสต๊อกปลา
           

          น้ำสต๊อกปลา เป็นเครื่องดื่มแก้แฮงก์ตำรับชาวเปรู ด้วยวิธีการน้ำสต๊อกปลาผสมกับน้ำมะนาวคั้นประมาณ 2-3 ลูก น้ำเลมอน และน้ำเปล่า ในปริมาณที่เท่ากัน จากนั้นใส่กระเทียมและขิงลงไปอีกสักหน่อย จะช่วยให้ร่างกายที่อ่อนเพลียรู้สึกดีขึ้น และในน้ำมะนาวมีกลูโคสและกรดซิตริก จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญและขับแอลกอฮอล์ได้เร็วขึ้น


28
ออมสิน เปิดให้กู้โครงการ "สินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม" ตั้งเป้าแก้หนี้ครัวเรือนตามนโยบายรัฐ ลดดอกเบี้ย 4 กลุ่มสินเชื่อ ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2567 เป็นต้นไป
 
ตามที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐ และสอดรับกับบทบาทธนาคารเพื่อสังคม ธนาคารจึงพิจารณาออกมาตรการรีไฟแนนซ์ ภายใต้โครงการ “สินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม” รับรีไฟแนนซ์หนี้เดิม (ไม่ใช่การปล่อยสินเชื่อใหม่) เพื่อช่วยลดภาระแก่ลูกหนี้ 4 กลุ่ม ด้วยหลักเกณฑ์ดอกเบี้ยต่ำ พร้อมเงื่อนไขพิเศษอื่น ตั้งเป้าช่วยเหลือประชาชนลดภาระการชำระหนี้ ผ่อนสบายมากขึ้น หรือผู้ที่รีไฟแนนซ์แล้วแต่ประสงค์ผ่อนชำระเงินงวดเท่าเดิม ก็จะตัดเงินต้นมากขึ้นเพราะดอกเบี้ยลดลง ทำให้ปิดหนี้ได้เร็วขึ้น โดยมีรายละเอียดหลักเกณฑ์ทั้ง 4 มาตรการ ดังนี้
 
1. Re-Card : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้บัตรเครดิต
▪️ เพื่อไปชำระหนี้บัตรเครดิตของสถาบันการเงิน หรือ Non-Bank อื่น โดยการรีไฟแนนซ์/รวมหนี้บัตรเครดิตมาผ่อนชำระกับธนาคารออมสินในรูปแบบเงินกู้ระยะยาว (Long Term Loan)
▪️ วงเงินกู้ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้รวม สูงสุดไม่เกินรายละ 500,000 บาท
▪️ ไม่ต้องมีหลักประกัน
 
2. Re P-Loan : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan : P-Loan)
▪️ เพื่อไปชำระหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล P-Loan ของสถาบันการเงิน หรือ Non-Bank อื่น
▪️ วงเงินให้กู้ตามภาระหนี้คงเหลือของสัญญากู้เดิม สูงสุดไม่เกินรายละ 100,000 บาท
▪️ ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี
▪️ ไม่ต้องมีหลักประกัน
 
3. Re-Nano : รับรีไฟแนนซ์สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อย
▪️ เพื่อไปชำระหนี้สินเชื่อ Nano Finance ที่กู้ไปเพื่อลงทุนในการประกอบอาชีพ
▪️ วงเงินให้กู้ตามภาระหนี้คงเหลือของสัญญากู้เดิม สูงสุดไม่เกินรายละ 200,000 บาท
▪️ ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 8 ปี
▪️ ธนาคารออมสินร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการค้ำประกันการกู้
 
4. Re-Home : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย
▪️ เพื่อไถ่ถอนจำนองที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินอื่น วงเงินกู้ 1-5 ล้านบาท
▪️ อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% ต่อปี
▪️ เงื่อนไขพิเศษผ่อนต่ำ ปีที่ 1 ผ่อนชำระเงินงวดล้านละ 3,000 บาท/เดือน ปีที่ 2 ล้านละ 4,000 บาท/เดือน และปีที่ 3 ล้านละ 5,000 บาท/เดือน
 
ทั้งนี้ ธนาคารสนับสนุนนโยบายรัฐในการแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนของประชาชน ให้สามารถมีเงินเหลือใช้สอยดำรงชีพโดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบ รวมถึงส่งเสริมการปลูกฝังทัศนคติการกู้เงินเท่าที่จำเป็นและผ่อนไหว โดยมาตรการสินเชื่อรีไฟแนนซ์ “โครงการสินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม” เพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน เปิดให้ยื่นขอกู้ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 และจัดทำนิติกรรมสัญญาภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567



money expo: ออมสิน เปิดให้กู้โครงการ "สินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม" ตั้งเป้าแก้หนี้ครัวเรือนลดดอกเบี้ย 4 กลุ่มสินเชื่อ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/moneyexpo/

29
วันนี้เราจะมาเรียนรู้ถึง การให้บริการ รถรับจ้าง ที่ทุกคน จะต้องได้ใช้บริการอย่างแน่นอนอย่างน้อย คุณต้องเคยใช้บริการ รถรับจ้างขนของ มาบ้างอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น รถกระบะรับจ้างขนของ รถ 6 ล้อรับจ้างขนของ รถรับจ้างขนของย้ายบ้าน  รถสิบล้อรับจ้าง รถเทรลเลอร์รับจ้าง รถขนของแต่ละอย่างที่คุณเคยใช้บริการนั้นก็อาจจะต้อง เคยใช้หรือว่าจ้างมาบ้างแล้ว เช่นจ้างให้ไป ขนย้ายสำนักงาน ขนย้ายสินค้าโรงงาน ขนย้ายหอ ย้ายคอนโด ขนของย้ายบ้าน ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์

และอื่นๆอีกมากมายที่ท่านเคยใช้บริการมา ท่านรู้หรือไม่ว่า เราควรเลือกใช้บริการรถรับจ้างแบบไหน? รถขนของ ชนิดใดและจากทีมผู้ให้บริการที่มีลักษณะการให้บริการอย่างไร จึงจะคุ้มค่ากับสิ่งที่เราต้องการอยากจะได้คำว่า คุ้มค่า ของเรานั้นคุ้มค่าอยู่ที่ตรงไหน แน่นอนว่าทุกคนย่อมมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน งานขนย้ายของแต่ละชนิดจึงไม่เหมือนกัน เราไม่รู้หรอกว่าลูกค้าหรือผู้ใช้บริการแต่ละคนนั้นจะขนย้ายสินค้าประเภทอะไร แต่ความต้องการนั้นแตกต่างกันแน่นอน บางคนอาจจะเลือกดูที่ราคาค่าขนย้ายเป็นหลัก ดูว่าเจ้านี้ถูกหรือไม่


บริการรถกระบะรับจ้างราคาถูก

ว่าเจ้านี้มีค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายให้เขาตรงตามงบที่เรามีในมือหรือเปล่า ถ้าหากว่าคุณเลือกที่จะใช้ บริการรถรับจ้าง เพียงแค่ราคาค่าขนย้ายถูกนั้น คุณอาจจะคิดผิดก็ได้ แน่นอนตามสโลแกนที่ว่าของถูกและดีไม่มีในโลก หากเราเลือกในแนวทางนั้นคุณก็จะเจอความเสี่ยง ซึ่งความเสี่ยงที่ว่านี้นั้นคืออะไรบ้างนั้น ก็คือเสี่ยงในเรื่องของสินค้าที่คุณอาจจะชำรุดเสียหาย แตกบ้าง ร้าวบ้าง ทำให้เกิดผลกระทบตามมาอย่างมากมาย

ถ้าเป็นสินค้าที่คุณต้องส่งลูกค้าภายในวันนั้น คุณจะทำอย่างไรจะกลับไปแก้ไขงานคงไม่น่าจะทันอาจจะต้องโดนเสียค่าปรับจากลูกค้าและความไม่ไว้วางใจในผู้ให้บริการหรือลูกค้าไม่มีความไว้วางใจในการบริหารการจัดการของเรานั่นเองดังนั้นเราจึงมาตั้ง วัตถุประสงค์และความต้องการของเราให้ดีก่อน ที่จะเลือกใช้บริการรถรับจ้างขนของเจ้าไหน? ซึ่งวันนี้ เราได้มีการหาข้อมูลจากผู้ให้บริการ รถรับจ้าง มากมายและ เราก็ต้องขอขอบคุณทีมงานขนส่ง ซึ่งวันนี้คุณลุงเจริญแกได้ให้ข้อมูลและข้อคิดที่ดีแก่ผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการไว้เป็นอย่างดีมาก


ซึ่งลุงเจริญได้กล่าวถึง การให้บริการรถรับจ้างนั้นแน่นอนว่า ผู้ใช้บริการก็ต้องการที่จะประหยัดต้นทุน ผู้ให้บริการก็ต้องการให้งานขนย้ายของออกมานั้นดีที่สุด ทุกความต้องการของแต่ละคนนั้นย่อมส่งผลไปในทิศทางบวกร่วมกันอย่างแน่นอน แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่า รถกระบะรับจ้างขนของ คันนี้จะขนของและขนย้ายสินค้าของเราได้ไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย หรือ รถ6ล้อรับจ้างขนของ คันนี้จะสามารถขนย้ายสินค้าของเราได้หมดตามที่เราต้องการ ดังนั้น เราจึงต้องมาเรียนรู้กับผู้ให้บริการ รถรับจ้างอย่างไรบ้าง

1. ดูว่า รถรับจ้างขนของ ที่ให้บริการนั้นสภาพดีและสะอาดหรือไม่ สำคัญมากครับเพราะจะมีผลต่อสินค้าของคุณอย่างแน่นอนดังนั้น ก่อนที่จะใช้บริการ รถขนของ ควรที่จะดูสภาพรถเป็นสำคัญ สะอาดหรือไม่ ขนย้ายไปแล้วรถไม่เสียระหว่างทางแน่นอนใช่หรือไม่

2. ผู้ให้บริการมีรถรับจ้างขนของจำนวนมากมายไว้ให้เราได้เลือก ตรงตามวัตถุประสงค์ของเรา เพื่อที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายของเรานั่นเอง ก็คือยกตัวอย่างเช่น ทีมงานขนส่ง จะต้องมีทั้ง รถกระบะรับจ้าง รถรับจ้างย้ายบ้าน รถขนของ  รถ 6 ล้อรับจ้าง รถพ่วงรับจ้าง รถสิบล้อรับจ้าง เป็นต้น เพราะอะไร ก็เพราะว่าลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการมีปริมาณของที่แตกต่างกัน หากมาที่นี่แล้วจบทุกกระบวนการ โดยไม่ต้องไปหาที่อื่นก็จะทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อถือ และไว้วางใจนั่นเอง

3. พนักงานผู้ให้บริการพูดจาสุภาพมีความเป็นกันเอง คือว่าเป็น Service Mind คนไทยทุกคนย่อมที่จะชอบการให้บริการที่ดีคำพูดที่ดีต่อลูกค้านั่น แสดงถึงความใส่ใจในรายละเอียดให้ความใส่ใจต่อลูกค้า

4.บริการที่ดีครอบคลุม ไม่ว่าลูกค้าต้องการขนย้ายอะไร จะต้องทำได้ทุกอย่างเช่น ขนย้ายบ้าน ขนย้ายหอพัก ขนย้ายคอนโด รับจ้างขนของ ทั่วไป ขนย้ายสำนักงานเป็นต้น มีความพร้อมที่จะตอบสนองทุกความต้องการลูกค้า

5. มีรถให้บริการในทุกจุดทั่วประเทศไทย นั่นคือลูกค้าที่ต้องการจะใช้ บริการรับจ้างขนของ นั้นแน่นอนว่ามีม

6. มีพนักงานช่วยยกของให้กับลูกค้าซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่มีความสำคัญมาก บางคนมีปริมาณสินค้าที่มาก ไม่สามารถที่ยกได้ด้วยตัวเองก็จะต้องใช้บริการคนยกสินค้า บางคนมีสินค้าเพียงนิดเดียวแต่ไม่ต้องการที่จะเหนื่อยก็ต้องเรียกใช้บริการพนักงานยกสินค้าซึ่งปัจจัยในทุกๆอย่างนั้นมีความแตกต่างกันแต่มีวัตถุประสงค์ความต้องการเหมือนกันนั่นคือต้องการเด็กยกทั้งนั้นผู้ให้บริการ รถรับจ้างที่ดี จะต้องมีความพร้อมในเรื่องการขนของเป็นอย่างดี

นี่คือเหตุผลหลายประการที่เราได้จาก ทีมงานขนส่ง ต้องขอขอบพระคุณคุณลุงเจริญที่ สละเวลาและให้ข้อมูลเนื้อหากับเรา เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ เพราะถือว่าเป็นบทความที่เกี่ยวกับการให้บริการ รถรับจ้างขนของ ในทุกรูปแบบ เพื่อให้คนที่ได้อ่านได้ศึกษาอย่างครบ ก่อนที่จะตัดสินใจจ้าง รถกระบะรับจ้าง รถ6ล้อรับจ้าง และหากท่านต้องการที่อยากจะทราบข้อมูลและรายละเอียดที่เกี่ยวกับการว่าจ้างงานขนย้ายของมากกว่านี้ ท่านสามารถที่จะโทรไปปรึกษากับลุงเจริญได้ง่ายๆ หรืออยากจะทราบค่าใช้จ่ายในการบริการคร่าวๆ



รถกระบะรับจ้าง รถ6ล้อรับจ้าง ต้องเลือกใช้ ย้ายบ้าน ย้ายทั่วไป อย่างไรคุ้ม ขนของ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.rodrubjang-pickup.com/

30
หลายคนทราบดีว่า การทำครอบฟัน คือการครอบหรือคลุมฟันที่เกิดความเสียหายให้กลับมาแข็งแรง คืนรูปร่าง ขนาด และลักษณะภายนอกให้ดีขึ้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟัน ในแง่ของการเกิดฟันผุ ฟันแตก ฟันร้าว ซึ่งเป็นอุปสรรคในการทำความสะอาดช่องปากและฟัน หรือแม้กระทั่งการรับประทานอาหาร ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ปัญหาเหล่านี้เข้ารับการทำครอบฟัน โดยการทำครอบฟันนั้น จะใช้วัสดุในการครอบฟันแบบถาวร ก็คือ โลหะผสม เซรามิก หรือทองผสม เป็นต้น ในส่วนของวัสดุที่ใช้ครอบฟันแบบชั่วคราว ได้แก่ พลาสติกและโลหะ ซึ่งการทำครอบฟันก็จะมีประโยชน์และข้อดีต่อสุขภาพช่องปากและฟันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันไม่ให้ฟันที่อ่อนแอแตกหักหรือถูกทำลาย ในกรณีที่เข้ารับการรักษารากฟันก็ต้องมีความจำเป็นต้องทำการครอบฟัน เพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงของฟันที่มีการอุดขนาดใหญ่

นอกจากนี้ยังประโยชน์ในเรื่องของการช่วยยึดสะพานฟัน ปกปิดสภาพฟันที่ดูไม่ดีหรือมีสีฟันที่ไม่ปกติ และสุดท้ายก็คือ ทำครอบฟันเพื่อความสวยงามของฟัน ทำให้รู้สึกมั่นใจ มีรอยยิ้ม ฟันสวยเป็นธรรมชาติอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การทำครอบฟันถึงแม้ว่าจะมีข้อดีตามที่กล่าวมา แต่ผู้เข้ารับการรักษาก็ควรที่จะดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากฟันด้วย เพราะครอบฟันก็มีอายุการใช้งาน มีการสึกได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงอายุการใช้งานของครอบฟันและวิธีการดูแลครอบฟันอย่างถูกวิธี เพื่อที่จะได้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


สำหรับอายุการใช้งานของครอบฟัน จะมีอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่า 10 ปี ซึ่งต้องอาศัยการดูแลสุขภาพช่องปากของแต่ละบุคคลด้วย ซึ่งผู้เข้ารับการรักษาจะต้องแปรงฟันที่ถูกวิธี และใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อการทำความสะอาดได้อย่างเต็มที่ และที่สำคัญผู้เข้ารับการรักษาจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด รวมถึงควรรับประทานอาหารที่อ่อนนุ่ม ไม่แข็งหรือเหนียวเกินไป ครอบฟันถูกใช้งานอย่างทะนุถนอม จะช่วยทำให้ครอบฟันของเราใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนานขึ้นนั่นเอง เพราะฉะนั้น ในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟัน จึงเป็นเรื่องที่ควรเอาใจใส่เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน หรือผู้ที่ไม่มีปัญหา เพราะการทำความสะอาดช่องปาก เป็นกิจวัตรที่ทุกคนจะต้องทำอยู่แล้ว


ดังนั้น หากเราอยากมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ก็ควรที่จะดูแลรักษาความสะอาดให้ดี และพฤติกรรมการรับประทานอาหารก็มีความสำคัญด้วยเช่นเดียวกัน ต่อมาในเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดครอบฟันอย่างถูกวิธี อย่างแรกเลยคือ ผู้เข้ารับการรักษาควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่แข็งและเหนียว เพราะจะทำให้ครอบฟันหลุดหรือแตกได้ ซึ่งก็อาจจะทำให้การแก้ไขทำได้ยากยิ่งขึ้นด้วย และควรทำความสะอาดช่องปากและฟันด้วยการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันบริเวณครอบฟัน เพื่อป้องกันการเกิดโรคเหงือกอักเสบ และเพื่อเป็นการทำความสะอาดครอบฟันให้สามารถมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น


นอกจากนี้ ผู้เข้ารับการรักษาบางรายอาจจะมีอาการเสียวฟัน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้เข้ารับการรักษาบางราย หากมีอาการให้งดรับประทานอาหารร้อนหรือเย็นเกินไป และทำความสะอาดอย่างถูกวิธี และควรเข้าพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือนหรือปีละ 2 ครั้ง เพื่อเข้ารับการตรวจลักษณะของครอบฟันและตรวจสุขภาพช่องปากและฟันเพื่อให้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ทางคลินิก Idol Smile เราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง และปราศจากปัญหาที่เกี่ยวกับช่องปาก เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ นอกจากเราจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของคุณได้ดีขึ้นได้อีกด้วย หากใครสนใจเข้ารับการรักษาด้วยการทำครอบฟัน สามารถติดต่อกับทางคลินิกได้ เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของทันตกรรมคอยให้คำปรึกษา เพื่อให้คุณมีสุขภาพช่องปากที่ดี

 

จัดฟันบางนา: อายุการใช้งานและการดูแลรักษาที่ถูกต้องของการครอบฟัน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/category/จัดฟันบางนา/

31
ตั้งแต่อดีตสู่ปัจจุบัน มีการพัฒนาเป็นอย่างมากสำหรับการรักษาและนวัตกรรมด้านทันตกรรม โดยเฉพาะ การรักษาด้วยการจัดฟัน ซึ่งถือว่ามีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาทางด้านนี้เป็นจำนวนมากไม่แพ้การรักษาทันตกรรมด้านอื่นๆ

ซึ่งนวัตกรรมด้านการจัดฟัน ถือว่าเติบโตรวดเร็วจากการวิจัยและศึกษาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทราบว่าการรักษาทางทันตกรรมด้วยวิธีการจัดฟันนั้น มีข้อดีต่างๆมากมาย แต่ต้องขอบอกเลยว่าแม้การรักษาด้วยการจัดฟันนั้นจะเป็นวิธีที่ดีมากๆเพียงใดก็ตามแต่หากว่าท่านไม่ดูแลรักษา หรือทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด ท่านก็อาจจะมีโอกาสเสี่ยงต่างๆได้เช่นกัน

ซึ่งในวันนี้ทางด้าน Clinic ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมกว่า 15 ปี โดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง จะขอมาอธิบายถึงอาการแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการจัดฟัน เพื่อให้รู้จักป้องกันและแก้ไข โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

 

อาการแทรกซ้อนจากการจัดฟัน ?

ต้องขอบอกเลยว่า การรักษาไม่ว่าจะรักษาอะไรก็ตาม จะต้องมีปัจจัยเสี่ยงอยู่เสมอ เพราะ ไม่มีการรักษาใดๆในโลกที่มีแต่ข้อดี 100% ทุกการรักษาต้องมีปัจจัยเสี่ยงและข้อจำกัดด้วยกันทั้งสิ้น ผู้ที่จะเข้ารับการรักษาจึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องศึกษาปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้ดังต่อไปนี้

– มีความเสี่ยงในการเกิดฟันผุ โรคเหงือก และที่พบมากคือการเกิดจุดด่างขาวบนผิวเคลือบฟัน ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดจากการที่ผู้ป่วยรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากเกินไป และไม่ได้ทำความสะอาดด้วยวิธีที่ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้แม้ว่าไม่ได้ทำการจัดฟันก็เกิดขึ้นได้ แต่ต้องยอมรับว่าผู้ที่ใส่อุปกรณ์จัดฟันจะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น

– ในผู้ป่วยที่ทำการรักษาด้วยการจัดฟันบางราย อาจจะเกิดปัญหารากฟันลดลงในขณะที่ทำการจัดฟัน ซึ่งโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่จะไม่มีผลกระทบใดๆต่อประสิทธิภาพการบดเคี้ยวอาหาร

– อย่างที่ทราบกันดีว่าการจัดฟันเป็นการบังคับให้ฟันเคลื่อนที่ไปอยู่ในจุดที่ต้องการ แต่การเคลื่อนฟันนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อเหงือกและสุขภาพของกระดูกที่ลองรับฟันของบางคนที่ดูแลสุขภาพฟันหรือกำจัดจุลินทรีย์ในช่องปากไม่หมด ช่องปากไม่สะอาด ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการเหงือกอักเสบได้

– หลังจากที่จัดฟันเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ควรใส่เครื่องมือคงสภาพฟันอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากว่าละเลยอาจจะส่งผลให้เกิดฟันผิดรูปดังเดิมได้ ซึ่งรวมถึงพฤติกรรมบางอย่างเช่น การหายใจทางปาก การเล่นดนตรีเครื่องเป่าเป็นประจำ การงอกขึ้นของฟันคุด เป็นต้น และพฤติกรรมเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทันตแพทย์ไม่สามารถควบคุมได้

– ในบางกรณีอาจจะส่งผลถึงข้อต่อขากรรไกร ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการปวดที่ข้อต่อดังกล่าว รวมถึงปวดศีรษะ ปวดในหู ซึ่งหากว่ามีอาการเหล่านี้ควรรีบบอกทันตแพทย์โดยด่วน

– สำหรับผู้ป่วยที่เคยประสบอุบัติเหตุเกี่ยวกับฟัน หรือเคยมีฟันผุลึกมากๆ การเคลื่อนตัวของฟันในขณะที่จัดฟันอาจจะมีผลกระทบต่อเส้นประสาท ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้ทำการรักษารากฟันให้เป็นปกติเสียก่อน

– เครื่องมืออุปกรณ์จัดฟัน อาจส่งผลให้เกิดการระคายเคือง หรืออาจจะเกิดแผลบริเวณเหงือก แก้ม และริมฝีปากได้ ซึ่งถือว่าเป็นปกติ

– อุปกรณ์จัดฟันอาจจะมีโอกาสเสี่ยงในการหลุดได้ในบางราย ซึ่งหากว่าอุปกรณ์จัดฟันหลุดหรือหัก ให้รีบเข้าพบทันตแพทย์ผู้ที่ทำการรักษาโดยด่วน

– ในผู้ป่วยที่จัดฟันเพื่อแก้ไขการซ้อนเก จำเป็นที่จะต้องถอนฟันบางซี่ออกเสียก่อน เพื่อแก้ไขการไม่สมดุลของโครงสร้างขากรรไกร

– ไม่อาจกำหนดระยะเวลาในการจัดฟันได้แน่นอน ขึ้นอยู่กับการเจริญเติบโตของกระดูกที่น้อยหรือมากกว่าปกติ ความร่วมมือของผู้ป่วยที่เข้ารับการจัดฟัน การรักษาความสะอาดในช่องปาก การผิดนัดหมายของทันตแพทย์ ล้วนแต่มีผลกับระยะเวลาในการจัดฟันทั้งสิ้นการที่ใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นในการรักษา ส่งผลต่อผลการรักษาด้วยเช่นกัน


ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็คือ อาการแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้หรืออาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่ตัวผู้ป่วยในเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาด และระเบียบวินัยต่างๆนั่นเองที่จะช่วยลดโอกาสการเกิดอาการแทรกซ้อนเหล่านั้นได้



อาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ จากการจัดฟัน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/

32
ยาแก้เมาเหล้า: วิตามินที่ทดแทนร่างกายเมื่อร่างกายต้องการพลังงาน  หลังจากที่เราออกกำลังกายแล้ว การบริโภควิตามินและ[^_^]ที่ถูกต้องจะสามารถช่วยให้ร่างกายกลับมาสู่สภาวะที่ดีและส่งเสริมกระบวนการฟื้นฟูได้ดีขึ้น วิตามินและเกลือแร่ที่มีประโยชน์หลังจากการออกกำลังกาย ได้แก่ วิตามินบีชนิดต่างๆ โดยเฉพาะ วิตามินบี 12 และ กรดโฟลิก เนื่องจากมีบทบาทสําคัญในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง และเกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาผลาญสารอาหารเป็นพลังงาน

วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมและการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย ช่วยทําให้แผลหายเร็วขึ้น

วิตามินเอ เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์และ ช่วยส่งเสริมการทํางานของระบบภูมิคุ้มกัน

สำหรับเกลือแร่ที่ผู้ออกกำลังควรให้ความสําคัญ คือ แคลเซียมและธาตุเหล็ก เนื่องจากแคลเซียมมีส่วนช่วยสร้างกระดูกและฟัน เกี่ยวข้องกับการยืดหดของกล้ามเนื้อและเส้นประสาทในการเคลื่อนไหว การขาดแคลเซียม อาจทำให้เป็นตะคริวได้ เกลือแร่ที่สำคัญอีกชนิด คือ ธาตุเหล็ก ที่เป็นส่วนสําคัญในการสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง เกี่ยวข้องกับการส่งออกซิเจนเพื่อมาเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย ทําให้ร่างกายสามารถผลิตพลังงานโดยระบบแอโรบิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เราควรบริโภคอาหารที่สมดุลและมีสารอาหารที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมกระบวนการฟื้นฟูและการเจริญเติบโตของร่างกายหลังจากการออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายสามารถใช้ประโยชน์จากสารอาหารได้สูงสุด


เครื่องดื่มชูกำลัง กับสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน

ทางเลือกหนึ่งในการสร้างความกระปรี้กระเปร่าเมื่อมีอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยล้า คือการดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง (energy drink) ซึ่งมักมีส่วนประกอบที่สำคัญ ได้แก่ คาเฟอีน สารให้ความหวานที่เป็นแหล่งพลังงาน เช่น น้ำตาลซูโครส  และส่วนประกอบอื่นๆ เช่น กรดอะมิโน คาร์นิทีน อิโนซิทอล สารสกัดสมุนไพร เช่น โสม ซึ่งเรามักได้ยินคำเตือนว่า “ห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวด โปรดสังเกตคำเตือนบนฉลากก่อนดื่มทุกครั้ง” ในโฆษณาเครื่องดื่มชูกำลังอยู่บ่อยๆ เนื่องจากส่วนประกอบเหล่านี้ควรได้รับในปริมาณที่เหมาะสม เช่น คาเฟอีนไม่ควรดื่มเกิน 250 มิลลิกรัม เนื่องจากทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงชั่วคราว แต่หากดื่มอย่างต่อเนื่องอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนา และหากบริโภคในปริมาณมากกว่า 10 กรัมขึ้นไป ส่งผลให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ส่วนน้ำตาลในเครื่องดื่มชูกำลังนั้น อาจส่งผลให้เกิดภาวะอ้วนในระยะยาว และทำให้ผู้ป่วยเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ รวมถึงเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดมากขึ้น


สำหรับสารอื่นๆ อาจต้องพิจารณาเป็นรายชนิด เช่น สารสกัดโสม อาจต้องระวังในผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด เช่น วาร์ฟาริน (warfarin) ที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกจากยาได้  ดังนั้นการพิจารณาดื่มเครื่องดื่มชูกำลังควรต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคอ้วน นอกจากนี้หากมีอาการเหนื่อยล้า ควรจัดการสาเหตุและเข้ารับการประเมินจากแพทย์หากมีอาการรุนแรง หรือไม่ดีขึ้นเมื่อปรับพฤติกรรมหรือจัดการเบื้องต้นแล้ว เช่น นอนหลับอย่างเพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารหรือผลิตเสริมอาหารที่ส่งเสริมการใช้พลังงานของร่างกาย



ยาแก้เมาเหล้า: วิตามินที่ทดแทนร่างกายเมื่อร่างกายต้องการพลังงาน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/

33
สำหรับสายปาร์ตี้ที่นิยมสังสรรค์หลังเลิกงาน ไม่ว่าจะ ดื่มเพื่อความสนุกสนาน ผ่อนคลายความเครียด หรือกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ในบทความนี้ มีวิธีทำให้สร่างเมาอย่างรวดเร็วมาฝาก รับรองว่าจะช่วยให้คุณสามารถตื่นไปทำงานในเช้าวันใหม่ได้อย่างสดใส ไม่มีอาการเมาค้าง หรือแฮงค์อย่างแน่นอน

วิธีทำให้สร่างเมาอย่างรวดเร็ว ทำได้ง่าย ๆ สายปาร์ตี้ห้ามพลาด!

วิธีทำให้สร่างเมาอย่างรวดเร็ว สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้

    หากคุณเป็นคนที่เมาง่าย แนะนำให้หยุดดื่มก่อนเวลากลับบ้านสักสองถึงสามชั่วโมง
    ควรสลับไปดื่มน้ำเปล่าบ่อย ๆ ครั้งละ 1 – 2 แก้ว เพื่อให้ร่างกายขับสารตกค้างจากแอลกอฮอล์ออกทางปัสสาวะ
    ดื่มน้ำผักผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยวหวาน เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น และเติมวิตามินและแร่ธาตุที่สูญเสียไปตากการดื่มแอลกอฮอล์ แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบดื่มน้ำผักผลไม้ ก็สามารถรับประทานวิตามินชนิดเม็ดฟู หรือเครื่องดื่มวิตามินบีรวม วิตามินซี แมกนีเซียม หรือกรดอะมิโนแอล-ซีสเทอีน  ก็ได้เช่นกัน
    หากมีอาการปวดหัว ตัวร้อน สามารถรับประทานยาแก้ปวดกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ได้ เช่น แอสไพริน หรือไอบูโพรเฟน
    หากมีอาการคลื่นไส้อาเจียน สามารถดื่มน้ำขิง หรือชามินต์ เพื่อบรรเทาอาการได้
    สามารถรับประทานอาหารอ่อน ๆ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม หรือต้มเลือดหมู เพื่อบรรเทาอาการเมาค้างได้
    สามารถอาบน้ำเย็นเพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น และสร่างเมาได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณมีอาการคลื่นไส้อาเจียนหรืออยู่ในภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำเย็น เพราะภาวะเหล่านี้จะทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิลดลงอยู่แล้ว


วิธีทำให้สร่างเมา

แอลกอฮอล์อยู่ในร่างกายเราได้นานเท่าไร ต้องใช้ระยะเวลากี่ชั่วโมงถึงจะสร่างเมา?

หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วทำไมคนเราถึงใช้ระยะเวลาในการสร่างเมาไม่เท่ากัน นั่นก็เพราะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราการกำจัดแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย
โดยส่วนใหญ่แล้ว เมื่อเราดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป ร่างกายจะเริ่มเผาผลาญแอลกอฮอล์ในอัตรา 20 mg/dL ต่อชั่วโมง ด้วยอัตราความเร็วที่คงที่ เช่น ถ้าในร่างกายมีแอลกอฮอล์อยู่ 40 mg/dL ก็จะใช้ระยะเวลาในการกำจัด 2 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณมีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในเลือดสูงจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ น้ำหนักตัว ผลข้างเคียงจากการใช้ยา หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตอนท้องว่าง หรือดื่มปริมาณมาก ๆ ในระยะเวลาสั้น ๆ ก็จะส่งผลให้กำจัดแอลกอฮอล์ได้ช้ากว่าปกตินั่นเอง


เราต้องนอนกี่ชั่วโมงถึงจะสร่างเมา?

หลังจากที่คุณทำตามวิธีทำให้สร่างเมาอย่างรวดเร็วที่เราแนะนำไปในข้างต้นแล้ว ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7 – 8 ชั่วโมง ก็จะช่วยให้ร่างกายตื่นมาสดชื่น และสร่างเมาได้


แล้วอาการเมาค้างเกิดจากอะไร?

ส่วนใครที่ตื่นมาแล้วมีอาการเมาค้าง แม้ว่าจะทำตามวิธีทำให้สร่างเมาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล เนื่องจากร่างกายของแต่ละคนจะผลิตเอนไซม์ Acetal dehydrogenase ที่ใช้ในการเปลี่ยนแอลกอฮอล์ในร่างกายที่อยู่ในรูปของสาร Acetal aldehyde ที่มีพิษต่อร่างกาย ให้กลายเป็นสาร Acetate ที่ไม่มีพิษ และสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้แตกต่างกัน

สำหรับคนที่ผลิตเอนไซม์ Acetal dehydrogenase ได้ในปริมาณที่จำกัด ก็อาจจะทำให้ยังคงมีสาร Acetal aldehyde สะสมอยู่ แม้ว่าจะนอนหลับพักผ่อนข้ามวันแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเมาค้างได้นั่นเอง
แนะนำเคล็ดลับเตรียมความพร้อมก่อนไปดื่ม เพื่อป้องกันอาการแฮงค์


เพื่อให้วิธีทำให้สร่างเมาอย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เรามีเคล็ดลับในการเตรียมความพร้อมของร่างกายก่อนไปปาร์ตี้มาฝาก ใครที่รู้ตัวว่าเป็นคนเมาง่าย แฮงค์ง่าย ควรทำตามข้อแนะนำเหล่านี้เลย

    ควรรับประทานอาหารรองท้องสักหน่อย อย่าปล่อยให้ท้องว่าง เพราะถ้าดื่มตอนที่ท้องว่าง จะทำให้แอลกอฮอล์ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว
    ควรรับประทานวิตามินรวม และกรดอะมิโนแอล-ซีสเทอีน ก่อนไปปาร์ตี้ เพื่อลดการอักเสบของตับจากการถูกแอลกอฮอล์ทำร้าย
    ควรพักผ่อนให้เพียงพอก่อนไปดื่ม ไม่ควรไปดื่มตอนที่สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง เพราะอาจจะยิ่งกระตุ้นให้อาการป่วยรุนแรงขึ้นได้
    ในระหว่างที่ดื่ม แนะนำให้ดื่มทีละน้อย ๆ อย่าดื่มรวดเดียว หรือใส่ปริมาณแอลกอฮอล์เข้มข้นมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เมาได้ง่ายกว่าปกติ
    หลังจากที่ปาร์ตี้แล้ว ควรดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายขับสารแอลกอฮอล์ออกทางปัสสาวะได้มากขึ้น


สรุปบทความวิธีทำให้สร่างเมาอย่างรวดเร็ว

เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีทำให้สร่างเมาอย่างรวดเร็ว และเคล็ดลับการเตรียมความพร้อมก่อนไปปาร์ตี้ที่เรานำมาแนะนำในบทความนี้ จะเห็นได้เลยว่า สามารถทำตามได้ไม่อยาก และช่วยลดโอกาสเกิดการเมาค้าง หรือแฮงค์ได้อย่างแน่นอน



วิธีแก้แฮงค์ ทำให้สร่างเมาอย่างรวดเร็ว ทำได้ง่าย ๆ สายปาร์ตี้ห้ามพลาด! อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/

34
ฝี เป็นตุ่มหนองหรือถุงหนอง ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อ แล้วเกิดการอักเสบกลายเป็นหนองขังอยู่ใต้ผิวหนัง พบได้ทุกส่วนของร่างกาย เรียกว่า "Abscess" ซึ่งหมายถึงฝีทุกชนิด*

ถ้าเป็นตุ่มฝีที่เกิดจากการอักเสบของรูขุมขนและเนื้อเยื่อโดยรอบ เรียกว่า "Boils" หรือ "Furuncles" (ถ้าขึ้นหลายหัวติด ๆ กัน เรียกว่า "Carbuncles" หรือ ฝีฝักบัว) ซึ่งพบได้บ่อยในบริเวณที่มีการเสียดสีและมีเหงื่อออกมาก เช่น ใบหน้า คอ ไหล่ รักแร้ ก้น เป็นต้น นอกจากนี้อาจพบเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคผิวหนัง เช่น สิว หิด เหา เป็นต้น

ฝีที่ผิวหนังพบได้ในคนทุกวัย ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น เบาหวาน เอดส์ กินสเตียรอยด์เป็นประจำ ขาดอาหาร) มีสุขอนามัยที่ไม่ดี มีการสัมผัสสารเคมีที่ระคายผิวหนัง มีความเสี่ยงที่จะเป็นฝีได้ง่ายและบ่อย

*ฝี (abscess) นอกจากพบที่ผิวหนังซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มสแตฟีโลค็อกคัสแล้ว ยังอาจพบที่อวัยวะต่าง ๆ ได้ ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อจุลชีพต่าง ๆ กันไป และแต่ละชนิดอาจมีชื่อเรียกจำเพาะ เช่น กุ้งยิง(sty/hordeolum), ฝีทอนซิล (peritonsillar abscess), ฝีรำมะนาดหรือฝีปริทันต์ (periodontal abscess), ฝีสมอง (brain abscess), ฝีตับ (liver abscess), ฝีไต (kidney abscess), ฝีปอด (lung abscess), ฝีรอบทวารหนัก (perianal abscess), ฝีคัณฑสูตร (fistula in ano) เป็นต้น


สาเหตุ

ฝีที่ผิวหนังส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มสแตฟีโลค็อกคัส อาจติดต่อโดยการสัมผัสถูกผู้ป่วยโดยตรง โดยเชื้อจะเข้าไปในบริเวณผิวหนังที่มีรอยแยกหรือรอยบาดแผลเล็ก ๆ ทำให้เกิดการอักเสบ กลายเป็นตุ่มฝีหรือถุงฝีซึ่งบรรจุด้วยเชื้อโรค เม็ดเลือดขาว และเซลล์ตาย


อาการ

มักจะขึ้นเป็นตุ่ม หรือก้อนบวม รู้สึกปวด กดถูกเจ็บ ผิวหนังบริเวณนั้นมีลักษณะแดงร้อน

ในรายเป็นฝีที่เกิดจากรูขุมขนอักเสบ (boils) จะพบมีเส้นผมหรือขนอยู่ตรงกลาง

ผู้ป่วยบางรายอาจมีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ร่วมด้วย

ระยะที่ขึ้นเป็นฝีใหม่ ๆ จะมีลักษณะแข็ง ตุ่มนี้จะขยายโตขึ้นและเจ็บมาก ต่อมาค่อย ๆ นุ่มลงและกลัดหนอง บางครั้งเมื่อฝีเป่งมาก ๆ อาจแตกเองได้ (หลังฝีขึ้นไม่กี่วัน หรือ 1-2 สัปดาห์) แล้วอาการเจ็บปวดและอาการไข้ที่อาจมีตอนแรกจะทุเลา

บางครั้งอาจพบต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียงอักเสบด้วย เช่น ถ้าเป็นฝีที่เท้า อาจมีไข่ดัน (ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ) บวมและปวด ถ้าเป็นที่มือ ก็อาจมีการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ เป็นต้น


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่มักดูแลรักษาให้หายขาด และไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ยกเว้นอาจเป็นแผลเป็น

ผู้ที่เป็นเบาหวานหรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจเป็นฝีได้บ่อย และหากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่แรกอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เชื้ออาจลุกลามเข้ากระแสเลือด ทำให้เป็นฝีที่ไต (perinephric abscess) กระดูกอักเสบเป็นหนอง (osteomyelitis) โลหิตเป็นพิษ

ถ้าเป็นฝีตรงบริเวณกลาง ๆ ใบหน้า (เช่น กลางสันจมูก หรือริมฝีปากบน) แล้วบีบแรง ๆ เชื้ออาจแพร่กระจายเข้าสมองเป็นอันตรายถึงตายได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ในบางรายแพทย์อาจจะดูดเอาหนองไปตรวจหาเชื้อ

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นจัด ๆ (ขนาดที่พอทนได้ อย่าร้อนจัด) ประคบวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 10-15 นาที ช่วยให้ตุ่มฝีไม่โตขึ้น และสุกเร็วขึ้น

2. ให้ยาแก้ปวดลดไข้

3. ถ้ามีไข้ มีฝีหลายหัว หรือเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบร่วมด้วย แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ เช่น ไดคล็อกซาซิลลิน โคอะม็อกซิคลาฟ หรืออีริโทรไมซินนาน 5-7 วัน

4. ถ้าฝีสุก (ฝีนุ่มเต็มที่) อาจใช้เข็มเจาะดูด หรือผ่าระบายหนองออก พร้อมกับใส่ผ้าเป็นหมุดระบายหนอง ชะล้างแผลและเปลี่ยนหมุดทุกวัน จนกระทั่งแผลตื้น


การดูแลตนเอง

หากสงสัยเป็นฝี ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นฝี ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    อย่าบีบหัวฝี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าขึ้นตรงกลางใบหน้า
    หลีกเลี่ยงการกินยาชุด หรือยาลูกกลอน ซึ่งอาจมียาสเตียรอยด์ผสม ทำให้ฝีลุกลามได้


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 2-3 วัน
    มีไข้สูง หนาวสั่น เบื่ออาหาร หรือ ฝีลุกลามมากขึ้น
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

    รักษาความสะอาดของร่างกาย อาบน้ำฟอกสบู่วันละ 2 ครั้ง
    กินอาหารที่มีประโยชน์เป็นประจำ
    หลีกเลี่ยงการกินยาชุด หรือยาลูกกลอนซึ่งอาจมียาสเตียรอยด์ผสม ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง
    เมื่อมีบาดแผลเล็กน้อยที่ผิวหนัง ควรดูแลแผลให้สะอาดและรักษาแผลให้หายดี


ข้อแนะนำ

1. ถ้าเป็นฝีบ่อย ๆ อาจมีภูมิคุ้มกันต่ำ เนื่องจากขาดอาหาร โลหิตจาง เป็นเบาหวาน เอดส์ หรือกินสเตียรอยด์นาน ๆ

ควรตรวจหาสาเหตุ และให้การดูแลรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น ควรตรวจปัสสาวะ ถ้าพบมีน้ำตาล ก็อาจเป็นเบาหวาน ควรส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาล

2. ผู้ป่วยที่เป็นเมลิออยโดซิส อาจแสดงอาการของการติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่น ตุ่มนูน ตุ่มหนอง ฝี แผลอักเสบ แผลเรื้อรัง เป็นต้น ถ้าให้การรักษาแล้วไม่ได้ผล หรือสงสัยเป็นเมลิออยโดซิส (เช่น พบในคนอีสานที่เป็นเบาหวาน) ก็ควรส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด



โปรแกรมหมอประจำบ้านอัจริยะ: ฝี (Abscess/Boils/Furuncles)  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com

35
เสียวหมี่ Xiaomi RedmiNote 13 (8GB/256GB)
โดดเด่นในทุกช็อต กล้อง 3 ตัว 108MP
จอแสดงผล 120Hz FHD+ AMOLED
ประสิทธิภาพอันทรงพลังของ Snapdragon®
ชาร์จเร็ว 33W พร้อมแบตเตอรี่ 5000mAh*

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น             เสียวหมี่ Xiaomi RedmiNote 13 (8GB/256GB)
   ราคากลาง            -
   จำนวนซิม          2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์         จอสัมผัส
   สี                     Black(Midnight Black), Green(Mint Green), Yellow(Ocean Sunset)

   ความถี่-เครือข่าย
2G(GSM: 850 900 1800 1900MHz)
3G(WCDMA:1/5/8)
4G(LTE FDD:1/3/5/7/8/20/28 | LTE TDD:38/40/41)

   ขนาด-น้ำหนัก                    ยาว 162.24 x กว้าง 75.55 x หนา 7.97 มม., น้ำหนัก 188.5 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)    256 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด      -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ        ความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ                  จอสัมผัส (AMOLED)
   ความละเอียด           6.67 นิ้ว, 1,080 x 2,400 px

   รายละเอียดอื่น
อัตรารีเฟรช: สูงสุด 120Hz
ความสว่าง: ความสว่างสูงสุด 1800 nits
อัตราคอนทราสต์: 5,000,000:1
ช่วงสีกว้าง 100% DCI-P3
กระจก Corning® Gorilla® 3

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด               กล้องหลัง (108 Mpx), กล้องหน้า (16 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                           -

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)          Snapdragon? 685 Octa-Core CPU สูงสุด 2.8GHz
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)      Adreno 610
   หน่วยความจำ (RAM)                 8.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก                 USB(Type-C), Bluetooth(5.1), Jack(3.5 มม.), Wi-Fi(802.11a/b/g/n/ac)
   ระบบรับส่งข้อความ                       -
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต                3G, WiFi, 4G, 5G

มือถือ Xiaomi เสียวหมี่ Xiaomi RedmiNote 13 (8GB/256GB) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/mobilephone/xiaomi/

36
อาหารธาตุเหล็กสูงในความเข้าใจของหลาย ๆ คนอาจไปโฟกัสที่บรรดาเนื้อสัตว์ ทว่าจริง ๆ แล้วในผัก ผลไม้ ธัญพืช หลายชนิดก็มีธาตุเหล็กในปริมาณไม่น้อยเหมือนกัน ดังนั้นในช่วงเทศกาลกินเจ หรือคนที่กินมังสวิรัติอยู่ตลอด ก็สามารถรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงได้ โดยที่ไม่ต้องเบียดเบียนสัตว์น้อยใหญ่ แต่ก่อนที่จะไปเช็กลิสต์อาหารธาตุเหล็กสูงว่ามีชนิดไหนบ้าง เรามารู้จักประโยชน์ของธาตุเหล็กต่อร่างกายกันก่อน


ธาตุเหล็กสำคัญอย่างไร ถ้าขาดไปอันตรายไหม

ธาตุเหล็กเป็นกลุ่มแร่ธาตุชนิดละลายน้ำ มีความสำคัญในด้านเสริมสร้างฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดง และทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ดังนั้นหากร่างกายขาดธาตุเหล็กไปอาจส่งผลให้ความเข้มข้นของเลือดลดลง เพราะสร้างเลือดได้ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

และถ้าขาดธาตุเหล็กเป็นเวลานาน ๆ อาจเสี่ยงเกิดภาวะเลือดจาง (Anemia) ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย วิงเวียน หนาวง่าย สมาธิสั้น ความเฉียบคมฉับไวในการตอบสนองหรือคิดวิเคราะห์ช้าลง ยิ่งขาดธาตุเหล็กนานเท่าไร อาการจะรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะการขาดธาตุเหล็กในเด็กเล็กก็อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของสมองเด็ก ทำให้เด็กมีพัฒนาการด้อยกว่าเด็กที่ไม่เคยขาดธาตุเหล็กเลย

คนทั่วไปต้องการธาตุเหล็กวันละเท่าไร
           
โดยปกติร่างกายของผู้ใหญ่ควรได้รับธาตุเหล็กประมาณ 10.4 มิลลิกรัมต่อวัน ในเพศชาย ส่วนเพศหญิงควรได้รับธาตุเหล็กประมาณ 24.7 มิลลิกรัมต่อวัน แต่สำหรับวัยรุ่น หญิงในช่วงมีประจำเดือน หญิงตั้งครรภ์ จะมีความต้องการธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น ซึ่งเราสามารถรับธาตุเหล็กได้จากอาหารที่รับประทานในแต่ละวันได้เลยค่ะ


อาหารที่มีธาตุเหล็กสูงมีอะไรบ้าง

อย่างที่บอกว่าเราสามารถรับธาตุเหล็กได้จากอาหารที่เรากินกันอยู่ทุกวัน โดยธาตุเหล็กมักจะมีอยู่มากในอาหารประเภทเครื่องในสัตว์ (ตับและม้าม) เลือด เนื้อสัตว์ ไข่แดง ไก่ ปลา หอยกาบ หอยแมลงภู่ หอยนางรม อาหารทะเลต่าง ๆ โดยธาตุเหล็กในอาหารกลุ่มนี้จะเป็นสารประกอบฮีม (Heme iron) ซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมได้โดยตรง และจะดูดซึมไปใช้ได้ค่อนข้างมาก

นอกจากนี้ ธาตุเหล็กยังมีอยู่ในอาหารประเภทผัก ถั่ว ธัญพืชต่าง ๆ ด้วยนะคะ แต่จะเป็นธาตุเหล็กในรูปแบบสารประกอบที่ไม่ใช่ฮีม (non-heme iron) ซึ่งการดูดซึมจะทำได้น้อยกว่าแบบฮีม หรืออาจต้องพึ่งปัจจัยการส่งเสริมการดูดซึมจากอาหารประเภทอื่นที่กินไปพร้อมกันด้วย
อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง

สำหรับสายกินเจ-มังสวิรัติ มีอะไรบ้าง
           
การรับธาตุเหล็กจากอาหารสายกรีน เช่น ผัก ธัญพืช และถั่ว โดยไม่รับธาตุเหล็กจากเนื้อสัตว์ใด ๆ ก็จะทำให้ร่างกายไม่ได้รับธาตุเหล็กในรูปแบบฮีม ซึ่งเป็นธาตุเหล็กชนิดที่ร่างกายดูดซึมได้ง่ายและดูดซึมได้ดี ทว่าในช่วงที่กินเจ หรืองดเว้นเนื้อสัตว์อยู่ ธาตุเหล็กจากอาหารต่อไปนี้ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีค่ะ

1. ถั่ว

พืชตระกูลถั่วมีธาตุเหล็กอยู่บ้างเหมือนกัน และมีอยู่ในถั่วหลายชนิดให้เลือกรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วขาว ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ถั่วแระญี่ปุ่น ถั่วลันเตา อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น
 

2. เต้าหู้

เต้าหู้ก็ทำมาจากถั่วเหลือง ดังนั้นถ้าไม่ชอบกินถั่วชนิดขบเคี้ยวต่าง ๆ อย่างข้อแรก มารับธาตุเหล็กจากเต้าหู้แทนก็ได้ค่ะ แถมยังทำเมนูเจได้อีกหลายเมนูเลยด้วย และนอกจากธาตุเหล็กแล้ว เต้าหู้และถั่วก็ยังเป็นอาหารที่มีโปรตีนอยู่พอสมควรด้วยนะ


3. เมล็ดฟักทอง

ธัญพืชเคี้ยวเพลินอย่างเมล็ดฟักทองก็มีธาตุเหล็กอยู่เช่นกัน เลือกไปกินเล่นระหว่างวัน หรือจะนำไปแต่งหน้าเมนูขนมเจต่าง ๆ ก็ได้ และในเมล็ดฟักทองก็ไม่ได้มีแค่ธาตุเหล็กนะคะ แต่ยังอุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น สังกะสี แมกนีเซียม หรืออยากได้โปรตีนก็มีให้
 

4. งา

ไม่ว่าจะงาดำหรืองาขาวก็ล้วนมีธาตุเหล็กด้วยกันทั้งคู่ แถมยังประกอบไปด้วยแร่ธาตุสำคัญ อย่างโปรตีน แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินอี และสังกะสี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อระบบเมตาบอลิซึม ดังนั้นใครอยาก[^_^]ไปด้วยก็จัดงาดำหรืองาขาวได้ตามใจชอบ
 

5. ข้าวโอ๊ต

มื้อเช้า ๆ ที่อยากเติมธาตุเหล็กให้ร่างกาย จัดข้าวโอ๊ตได้เลยค่ะ และนอกจากธาตุเหล็กแล้ว ข้าวโอ๊ตยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่เรียกว่าเบต้ากลูแคน ซึ่งมีคุณสมบัติกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ช่วยในการทำงานของลำไส้ และมีส่วนลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย อีกทั้งยังมีโปรตีนจากพืช แมกนีเซียม สังกะสี และโฟเลตมาด้วย
 

6. ผักกูด

ผักพื้นบ้านอย่างผักกูดก็มีธาตุเหล็กอยู่พอสมควร ที่สำคัญยังเป็นผักราคาถูก หาง่าย ไฟเบอร์แน่น ช่วยในการขับถ่าย ในช่วงละเว้นเนื้อสัตว์จะนำผักกูดไปต้มกะทิหรือผัดผักเจก็อร่อยทุกเมนู
 

7. ใบชะพลู

น่าจะคุ้นเคยกันดีกับใบชะพลู โดยเฉพาะคนที่ชอบกินเมนูเมี่ยงต่าง ๆ และใบชะพลูก็ไม่ได้แค่อร่อยและมีประโยชน์เท่านั้น แต่ยังจัดเป็นผักที่มีธาตุเหล็กสูงอีกชนิดหนึ่งเลย จึงมีสรรพคุณช่วยบำรุงเลือดอีกด้วย
 

8. มะเขือพวง

ใครที่เมื่อก่อนเขี่ยมะเขือพวงออกนอกจานทุกครั้งที่เจอ นับแต่นี้กลับตัวกลับใจยังทันนะคะ โดยเฉพาะคนที่ต้องการเสริมธาตุเหล็กให้ร่างกาย เพราะผักชนิดนี้มีทั้งธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส และไฟเบอร์ในกลุ่มเพกติน ซึ่งเป็นเส้นใยละลายน้ำ ช่วยเคลือบผนังลำไส้ ช่วยในการย่อยอาหาร และมีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
 

9. เห็ดหูหนู

เห็ดหูหนูก็เป็นเห็ดยอดฮิตในช่วงกินเจ หรือในกลุ่มคนละเว้นเนื้อสัตว์ เพราะนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย ทั้งต้ม ผัด ยำ นึ่ง ตุ๋น อีกทั้งรสชาติก็อร่อย เคี้ยวกรุบ ๆ ให้สัมผัสที่มากกว่าแค่เห็ดทั่วไป ใครชอบก็จัดไว้เพิ่มธาตุเหล็กให้ตัวเองได้เลย
 

10. มันฝรั่ง

อย่าคิดว่ามันฝรั่งเป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตชนิดดีเท่านั้น เพราะในพืชหัวชนิดนี้ก็มีธาตุเหล็กให้ร่างกายด้วยเหมือนกัน พร้อมด้วยวิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ อาทิ แคลเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และสังกะสี รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซี และวิตามินบี 6
 

11. มะละกอสุก

นอกจากมะละกอสุกจะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระชนิดเบต้าแคโรทีนแล้ว ยังมีทั้งธาตุเหล็ก วิตามินซี วิตามินเอ แคลเซียม โพแทสเซียม ไทอะนิน ไนอะซิน ไฟเบอร์ และผลสุกยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก ถ่ายยาก บำรุงธาตุ บำรุงน้ำนม และช่วยย่อยอาหารอีกด้วย
 

12. น้ำลูกพรุน

ถ้าพูดถึงผลไม้ที่ช่วยในการขับถ่าย น้ำลูกพรุนจะติดโผอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว เพราะมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำอยู่มาก และผลไม้ชนิดนี้ยังมีธาตุเหล็กที่เรามองหา พร้อมแมกนีเซียม วิตามินซี สารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ทองแดง สังกะสี โบรอน แมงกานีส และโพแทสเซียม
 


อาหารสุขภาพ ธาตุเหล็กสูง สำหรับคนกินเจ มังสวิรัติ กินอย่างไรช่วยบำรุงเลือด  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 23