แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Jessicas

หน้า: 1 ... 1010 1011 [1012] 1013 1014 ... 1026
18201


หลังจากหน่วยงานรัฐและเอกชนท่องเที่ยวร่วมกันผลักดันการเปิดพื้นที่นำร่องภายใต้โมเดล “7+7 Phuket Extension” หวังต่อลมหายใจผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา

กระทั่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เห็นชอบโมเดลดังกล่าว ให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วสามารถท่องเที่ยวเชื่อมต่อจากโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” สู่พื้นที่นำร่องใน 3 จังหวัดดังกล่าว ด้วยรูปแบบ 7+7 เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา

ชยพล หิรัณย์กนกกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา กล่าวว่า ตอนนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและหน่วยงานรัฐของ “จังหวัดพังงา” มีความพร้อมในการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยโมเดล 7+7 ภูเก็ต เอ็กซ์เทนชั่น เชื่อมต่อจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สู่พื้นที่นำร่องเขาหลักและเกาะยาว ภายใต้โครงการ “พังงา พร้อมต์” (Phang Nga Prompt) โดยนักท่องเที่ยวต้องพำนักภายใน จ.ภูเก็ต อย่างน้อย 7 คืนแรก ก่อนจะเดินทางเข้ามาในพื้นที่นำร่อง จ.พังงา อีก 7 คืนหลัง จนครบ 14 คืนจึงจะสามารถไปท่องเที่ยวพื้นที่อื่นๆ ในไทยได้

โดยในวันที่ 26-27 ส.ค.นี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ 9) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะเดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และความพร้อมของภูเก็ตและพังงาด้วยตัวเอง

และจากการติดตามยอดจองล่วงหน้า สมาคมฯพบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าพื้นที่นำร่องของ จ.พังงา กลุ่มแรกวันที่ 27-28 ส.ค.นี้ แต่ยังมีเพียง 7-8 คนเท่านั้น เนื่องจากเพิ่งเริ่มต้นโครงการฯ คาดว่าจะเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาชัดเจนขึ้นในเดือน ก.ย.นี้ที่จำนวน 5,000 คน สร้างรายได้ 400 ล้านบาท โดยจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค.นี้ อีกเดือนละ 10,000 คน รวมตลอดไตรมาส 4 เป็น 30,000 คน สร้างรายได้การท่องเที่ยวให้กับพังงา 2,500 ล้านบาท

หนุนรายได้รวมการท่องเที่ยวจากทั้งตลาดไทยและต่างประเทศของ จ.พังงา ตลอดปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท คิดเป็นฟื้นตัว 10% เมื่อเทียบกับรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2562 ก่อนเจอวิกฤติโควิด-19 ซึ่งปิดที่ 50,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2563 รายได้รวมฯลดลงอยู่ที่ประมาณ 10,000-20,000 ล้านบาท

“เราตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวยุโรปมาเที่ยวพื้นที่นำร่องในพังงา ไม่ว่าจะเป็นสหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอแลนด์ รัสเซีย และโปแลนด์ แต่ก็ขึ้นกับสถานการณ์การระบาดภายในประเทศและจังหวัดภูเก็ตด้วย”


สำหรับคู่มือมาตรฐานแนวทางปฏิบัติ (SOP) เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่นำร่องของ จ.พังงา มี 2 แบบใน 2 พื้นที่ ได้แก่ 1.ในพื้นที่เขาหลัก เริ่มตั้งแต่สามแยกทับละมุ อ.ท้ายเหมือง จนถึงสามแยกบ้านน้ำเค็ม อ.ตะกั่วป่า โดยจะมีการตั้งด่านเพื่อแจ้งให้นักท่องเที่ยวทราบถึงอาณาเขตพื้นที่ที่สามารถเดินทางได้ และจะมีการใช้แอพพลิเคชั่นหมอชนะในการติดตามตัวนักท่องเที่ยว โดยทางโรงแรมจะต้องตรวจสอบและคอยสแกนการเช็คอินนักท่องเที่ยวทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง และถ้าหากนักท่องเที่ยวมีการปิดโทรศัพท์ ปิดการติดตามตัว หรือออกนอกพื้นที่ที่กำหนด ระบบจะแจ้งเตือนไปยังศูนย์คอมมานด์เซ็นเตอร์ของ จ.พังงา ทันที

และ 2.ในพื้นที่เกาะยาว และพื้นที่เขาหลักบริเวณหาดนาใต้ จะสามารถเดินทางเชื่อมโยงระหว่างกิจการที่ได้มาตรฐาน SHA Plus แล้วเท่านั้น มีการดูแลควบคุมโดย SHA Plus Manager ของโรงแรมที่นักท่องเที่ยวพำนักอยู่และมีระบบติดตามตัวเช่นเดียวกัน โดยในพื้นที่ทั้งหมดจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ควบคุม และเฝ้าระวังเหตุต่างๆ อยู่เสมอ

'เงินเยียวยาประกันสังคมมาตรา 40' เช็คด่วน www.sso.go.th โอนวันนี้รับ 5,000 บาท
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยังทรงตัว! ติดเชื้อเพิ่ม 17,165 ราย พบเสียชีวิต 226 ราย ไม่รวม ATK อีก 314 ราย
‘โผทหาร’ ระเบิดเวลากองทัพ  วัฏจักร “พรรคพวก-ผลประโยชน์”
ด้านการเตรียมความพร้อมเรื่อง “กระจายวัคซีน” ปัจจุบันมีจำนวนประชากรใน จ.พังงา ได้รับการฉีดวัคซีนมากกว่า 50% แล้ว โดยในพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่อง เกาะยาว ฉีดแล้ว 70.33% ตะกั่วป่า 59.26% และท้ายเหมือง 44.43%

ขณะที่สถานประกอบการที่ได้มาตรฐาน “SHA Plus” ปัจจุบันมีทั้งหมด 180 ราย แบ่งเป็นโรงแรม 75 ราย ยานพาหนะ 70 ราย บริษัทนำเที่ยว 18 ราย ร้านอาหาร 7 ราย และสปา 5 ราย โดยเมื่อเจาะเฉพาะ “โรงแรม” ที่ได้มาตรฐานดังกล่าว คาดว่าในเดือน ก.ย.นี้จะกลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง 25% หรือราว 20 กว่าแห่ง และเปิดให้บริการเพิ่มมากขึ้นในไตรมาส 4 นี้เป็น 50-60 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพักราว 4,000-5,000 ห้อง

ส่วนตลาด “นักท่องเที่ยวไทย” หากต้องการมาเที่ยว จ.พังงา ในตอนนี้ ต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส มีผลการตรวจโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR, Antigen Test หรือด้วยเครื่องตรวจ ATK และเอกสารการจองห้องพักโรงแรม แสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่ด่าน

ทั้งนี้คาดคนไทยกลับมาเที่ยวพังงามากขึ้นในไตรมาส 4 หลังมีการประเมินสถานการณ์ล่าสุดว่าแนวโน้มยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงเทพฯจะลดลงภายในปลายเดือน ก.ย.นี้ น่าจะทำให้คนไทยรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น พร้อมออกท่องเที่ยวอีกครั้ง โดยมีโครงการรัฐ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” ที่ยังค้างอยู่มาช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวเสริมอีกแรง!

18202
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / Hot Promotion!!!
« เมื่อ: สิงหาคม 24, 2021, 05:08:50 pm »
ราคาดีมากกก!!!!!!!!

18205
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / Hot Promotion!!!
« เมื่อ: สิงหาคม 23, 2021, 09:21:09 am »
ราคาดีมากกก!!!!!!!!

18208


ชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไออาร์พีซี ได้กำหนด แผนการลงทุนใน 5 ปี (2564-2568) ด้วยงบกว่า 30,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ใช้ในโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลตามมาตรฐาน EURO V (Ultra Clean Fuel Project : UCF) ใช้วงเงินลงทุน 13,000-14,000 ล้านบาท และที่เหลือใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การซ่อมบำรุงเครื่องจักร 

รวมไปถึงการการร่วมทุนหรือซื้อกิจการ (M&A) เพื่อให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นตามวิสัยทัศน์ “สร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงานเพื่อชีวิตที่ลงตัว” หรือ To Shape Material and Energy Solutions in Harmony with Life เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนองค์กร 

นอกจากนี้เป็นแผนที่จะเป็นการสอดรับการการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก หรือ Mega trends ที่คำนึงการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจต่างๆ ของโลก อาทิ เทคโนโลยี การสื่อสาร การคมนาคม ความต้องการของลูกค้า ที่กำลังเข้าสู่การเป็นสังคมเมืองและสังคมผู้สูงอายุ ความห่วงใยสิ่งแวดล้อม รวมถึงสงครามการค้า 


“ไม่เพียงแต่จะสร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการธุรกิจเท่านั้น หากแต่ยังเป็นโอกาสสำคัญของไออาร์พีซีที่จะเพิ่มประสิทธิภาพและความแข็งแกร่งให้กับองค์กร และจะร่วมมือทั้งภายในกลุ่ม ปตท.และพันธมิตร เช่น ควบรวมกิจการให้ธุรกิจขยายตัวรวดเร็ว​”



นอกจากนี้ ไออาร์พีซีจะให้ความสำคัญต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการใช้วัสดุหมุนเวียนและการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถรองรับความต้องการใช้งานทางการแพทย์และสุขภาพ โดยโครงการผลิตเม็ดพลาสติก พี เกรด เมลต์โบลน (PP Melt Blown: Polypropylene Melt blown) ซึ่ง Melt Blown มีเส้นใยขนาดเล็ก มีการกรองที่ดี ซึ่งนำเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตหน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 และชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) โดยจะเริ่มทดสอบผลิตได้ในเดือน ก.ย.นี้ และจะผลิตเชิงการค้าปลายปีนี้ โดยผลิตเม็ด PP Melt blown ประมาณ 4,000 ตันต่อปี จากความต้องการของประเทศ 10,000 ตันต่อปี

กลุ่มนวัตกรรมทางการเกษตร ได้แก่ ซิงค์ออกไซด์นาโน (ZnO NANO) ที่พัฒนาต่อยอดมาจากซิงค์ออกไซด์ (ZnO) ทำให้มีขนาดเล็กระดับอนุภาคนาโน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุอาหารเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของพืชได้ดียิ่งขึ้นเพิ่มผลิตผลทางการเกษตรและปลอดภัยต่อทั้งเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม

สำหรับการสร้างสรรค์ด้านการใช้พลังงาน จะขยายผลธุรกิจในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแห่งอนาคต ทั้งพลังงานทางเลือก และพลังงานหมุนเวียน ซึ่งในอนาคตเทรนด์เหล่านี้จะเป็นเทรนด์หลักของการใช้พลังงาน เช่น วัสดุเคลือบแผงโซลาร์เซลล์ลดความร้อน และอุปกรณ์เก็บพลังงานสำรองให้รถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น ตลอดจนการปรับปรุงกระบวนการผลิตโรงกลั่นน้ำมันให้ได้เป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมากขึ้น

“ไออาร์พีซี ยังคงดำเนินธุรกิจด้านการผลิตปิโตรเคมีและการกลั่นที่เราเชี่ยวชาญมายาวนานกว่า 40 ปี ต่อไป ขณะเดียวกันก็ต่อยอดนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่า และต่อยอดในการแสวงหาความร่วมมือจากพันธมิตรด้วย ซึ่งเราจะเดินตาม 3 แนวทางนี้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ”

' ไออาร์พีซี รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 มีรายได้จากการขายสุทธิ 56,858 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 1 ปี 2564 โดยรายได้จากราคาขายเพิ่มขึ้น 16% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และปริมาณขายเพิ่มขึ้น 2% ในขณะที่โรงกลั่นน้ำมันมีอัตราการกลั่นอยู่ที่ 194,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 4% เนื่องจากในไตรมาส 1 ปีนี้ มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของหน่วยผลิต ADU1 ของโรงกลั่นน้ำมันเป็นเวลา 17 วัน บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 8,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% มีสาเหตุหลักจากส่วนต่างราคา ผลิตภัณฑ์ทั้งปิโตรเลียมและปิโตรเคมีส่วนใหญ่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ต้นทุน Crude Premium ปรับตัวเพิ่มขึ้น

สำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 2564 มีรายได้จากการขายสุทธิ 105,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับงวด 6 เดือนแรกปี 2563 ส่วนใหญ่เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 43% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยโรงกลั่นน้ำมันมีอัตราการกลั่นอยู่ที่ 190,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 1% และไออาร์พีซี มี Market GIM อยู่ที่ 15,692 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88% เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลายจากการที่ทั่วโลกได้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้น

ในขณะที่สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร ซึ่งทำให้ไออาร์พีซีมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิรวม 8,509 ล้านบาท หรือ 7.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ประกอบด้วย กำไรจากสต๊อกน้ำมัน 8,329 ล้านบาท และกำไรจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมันที่เกิดขึ้นจริง 180 ล้านบาท เทียบกับครึ่งแรกของปี 2563 ที่ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันสุทธิรวม 6,722 ล้านบาท ส่งผลให้ไออาร์พีซี มี Accounting GIM 24,201 ล้านบาท หรือ 22.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 22,589 ล้านบาท หรือ 21.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ค่าใช้จ่ายดำเนินงานมีจำนวน 6,634 ล้านบาท ลดลง 3% ส่งผลให้ไออาร์พีซี มี EBITDA จำนวน 17,678 ล้านบาท เทียบกับครึ่งแรกของปี 2563 ที่มีผลขาดทุนของ EBITDA จำนวน 4,932 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิ 10,155 ล้านบาท ซึ่งเป็นมากจากความต้องการของตลาดจาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่วนครึ่งปีหลังก็ยังมีความท้าทายอยู่ ซึ่งต้องดูประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้าและการกระจายของวัคซีน

18209
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / Hot Promotion!!!
« เมื่อ: สิงหาคม 22, 2021, 05:09:31 pm »
ราคาดีมากกก!!!!!!!!

18210
ข้าวกล้องออร์แกนิค  ข้าวอินทรีย์กรมการข้าวส่งทั่วไทย   ข้าวหอมสุรินทร์ เกษตรกรจังหวัดสุรินทร์ปลูกข้าวปลอดสาร    จากนาข้าวเคมีสู่นาข้าวปลอดสาร   กลุ่มผลิตข้าวปลอดสาร  ถ้าไม่อยากกินยาตลอดชีวิตให้กิน “ข้าวกล้อง” เป็นยาการที่ข้าวเปลือกอินทรีย์ถูกขัดสี ทำให้สูญเสียสารอาหารที่จำเป็นออกไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งขัดสีเป็นข้าวขาวหลายครั้งเท่าไร สารอาหารยิ่งเหลือน้อยลงไป การหันกลับมากินข้าวกล้อง เหมือนบรรพบุรุษของเรา จึงเป็นวิถีชีวิตที่ถูกต้อง ช่วยไม่ให้เป็นโรคอันไม่ควรจะเป็น เนื่องจากขาดสารอาหาร
 
การฝึกกินข้าวกล้องออแกนิค ( ข้าวอินทรีย์ไทยมีราคาแพง )
1. คนที่เพิ่งหัดกินข้าวกล้อง ( 'ข้าวออร์แกนิค' ดีต่อสุขภาพ
) อาจใช้วิธีง่ายๆ คือนำข้าวกล้องผสมกับข้าวขาวในอัตราส่วน 1 : 2 โดยแช่ข้าวกล้องก่อนนำไปหุงรวมกับข้าวขาว เพื่อจะได้สุกพร้อมๆ กัน และค่อยๆ เพิ่มปริมาณข้าวกล้อง จนเปลี่ยนเป็นข้าวกล้องทั้งหมด ท่านก็จะกินข้าวที่ได้คุณค่าอาหารอย่างเต็มที่ 
2. การกินข้าวกล้องก็คือควรกินขณะยังอุ่นๆ โดยทั่วไป พอข้าวสุก ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุประมาณ 5-10 นาทีแล้วควรรีบกิน ข้าวจะนุ่มกินได้ง่าย และให้ค่อยๆ เคี้ยวพอละเอียด จะได้รสชาติหวานอร่อยของข้าวกล้อง ตาม  สถานการณ์ข้าวออร์แกนิคไทย
3. ควรกินข้าวกล้องที่สุกแล้วให้หมดในมื้ออาหารนั้น เพราะข้าวกล้องบูดเสียได้ง่ายกว่าข้าวขาวทั่วๆ ไป

วิธีหุงข้าวกล้องอินทรีย์  ความหมายของข้าวออร์แกนิค

1. ก่อนซาวข้าวควรเก็บสิ่งแปลกปลอมออกเสียก่อน และซาวข้าวเบาๆ ด้วยเวลาสั้นๆ เพียงครั้งเดียว เพื่อไม่ให้วิตามินสูญเสียไปกับน้ำซาวข้าว
2. การหุงข้าวกล้องนั้น ต้องใส่น้ำมากกว่าหุงข้าวขาว การหุงข้าวกล้อง 1 ส่วนจึงควรเติมน้ำประมาณ 2-3 เท่า ถ้าจะให้ประหยัดเวลาหุง ควรแช่ข้าวกล้องก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง วิธีนี้อาจทำให้สูญเสียวิตามินบางอย่างที่ละลายน้ำไปบ้าง แต่ไม่แนะนำให้แช่ข้าวเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะข้าวที่มีสี แต่ถ้าจำเป็นต้องแช่ข้าว แนะนำให้ใช้น้ำที่แช่ข้าวนำกลับไปใช้ในการหุ้ง เพื่อลดการสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระในข้าว โดยเฉพาะข้าวสี
3. สำหรับข้าวใหม่หรือข้าวเก่านั้น จะมีผลต่อการหุงต้มเช่นกัน เพราะข้าวใหม่เมื่อหุงสุกจะมีลักษณะเมล็ดข้าวติดกันมาก ส่วนข้าวเก่าเมื่อหุงสุกการติดกันของเมล็ดข้าวจะน้อย เนื่องจากข้าวเก่าเมล็ดข้าวจะแห้งกว่าข้าวใหม่
เหตุนี้จึงทำให้บางท่านหุงข้าวแล้วบอกว่าใช้น้ำมากเท่าเดิมทำไมข้าวจึงแฉะหรือร่วน ซึ่งก็ต้องถามผู้ขายว่า เป็นข้าวเก่าหรือข้าวใหม่ ส่วนจะให้แฉะหรือร่วนแล้วแต่จะชอบ ผู้หุงข้าวจึงต้องใส่น้ำให้เหมาะสมหรือต้องใช้ศิลปะในการหุงเช่นกัน


ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  จากนาข้าวเคมีสู่นาข้าวอินทรีย์

277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://www.hor.boutique
Facebook : https://www.facebook.com/Rice.For.Infant/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique วิธีปลูกข้าวอินทรีย์  

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ1.ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ 2.ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์   ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิ 3.ข้าวปกาอำปึลอินทรีย์ (#ข้าวพื้นถิ่นจังหวัดสุรินทร์) 4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์ 5.ข้าวกล้องมะลิแดงอินทรีย์ 6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์ 7. ข้าวไรซ์เบอรี่

#ข้าวกล้องอินทรีย์สุรินทร์ #ข้าวกล้องออแกนิคสุรินทร์ #ข้าวกล้องปลอดสารสุรินทร์ #ข้าวกล้องเพื่อสุขภาพสุรินทร์ #ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์ #ข้าวกล้องเมืองสุรินทร์

 

 

 

 

 
 

18211


ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสซูเปอร์สตาร์ชายขวัญใจแฟนๆ ประกาศขอหยุดพักตลอดฤดูกาล 2021 ไปเรียบร้อยแล้ว รวมถึงขอไม่ลงแข่ง แกรนด์ สแลม ยูเอส โอเพน เพื่อเอาเวลาไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ขา

นักหวดมือ 4 โลกจากสเปน บาดเจ็บที่ขาซ้ายมาตั้งแต่ลงแข่ง แกรนด์ สแลม เฟรนช์ โอเพน รอบรองชนะเลิศ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหายตัวไปเยียวยาอาการบาดเจ็บ และไม่ส่งสัญญาณคัมแบ็กใดๆ ทั้งที่ ยูเอส โอเพน จะเริ่มวันที่ 29 สิงหาคมนี้

กระนั้น นาดาล ให้คำตอบกระจ่างผ่าน ทวิตเตอร์ ว่าจะไม่ลงสนามแล้วในปีนี้ เพื่อโฟกัสกับการรักษาอาการบาดเจ็บจนกว่าจะหายดี ซึ่งหมายความว่าจะไม่ลงแข่ง แกรนด์ สแลม ที่มหานครนิวยอร์ค ด้วยเช่นกัน

"สวัสดีทุกคน ผมอยากแจ้งข่าวไม่ค่อยดีว่าผมได้ปิดฉากฤดูกาล 2021 แล้ว พูดตามตรงว่าผมทรมานกับอาการที่เท้ามากเกิน 1 ปีแล้ว และอยากใช้เวลาแก้ไขอาการบาดเจ็บ หรืออย่างน้อยก็ทำให้มันดีขึ้นเพื่อให้ลงเล่นได้ใน 2-3 ปีข้างหน้า"

"ผมจะทำทุกทางด้วยความกระตือรือร้น เพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และกลับมาแข่งขันซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของผม ทุกอย่างจะสำเร็จตามเป้าหากขาของผมหายดี ผมสัญญาว่าจะทำงานอย่างหนักเพื่อลงเล่นกีฬานี้ต่อไป" นาดาล ระบุ

18214


“The Weeknd” สร้างประวัติศาสตร์ พาเพลงฮิตข้ามปี “Blinding Lights” ทำลายสถิติเป็นเพลงที่อยู่บนชาร์ต Billboard Hot 100 นานสุดถึง 88 สัปดาห์

เรียกเสียงฮือฮากันยกใหญ่ เมื่อซุปตาร์เจ้าพ่อเพลง R&B อย่าง “The Weeknd” ได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ หลังจากเพลง“Blinding Lights” เพลงสุดฮิตที่กวาดยอดวิวไปมากกว่า 400 ล้านวิว และล่าสุดได้กลายเป็นเพลงที่อยู่บน Billboard Hot 100 นานสุดในประวัติศาสตร์ ถึง 88 สัปดาห์

Blinding Lights แซงหน้าแชมป์เก่าอย่าง “Radioactive” ของ “Imagine Dragons” ที่เคยทำสถิติไว้ไปหลายช่วงตัว

เพลง Blinding Lights สร้างสถิติอยู่บนชาร์ต Billboard Hot 100 นานถึง 88 สัปดาห์
เพลง Blinding Lights สร้างสถิติอยู่บนชาร์ต Billboard Hot 100 นานถึง 88 สัปดาห์

“Blinding Lights” เป็นเพลงที่ถูกปล่อยออกมาภายใต้สังกัด “XO/Republic Records” และเป็นซิงเกิลจากอัลบั้มชุดที่ 4 “After Hours” ที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคมปี 2019

เพลงนี้เริ่มแรกอยู่ในอันดับที่ 11 บนชาร์ต Billboard Hot 100 ก่อนจะทะยานขึ้นสู่อันดับที่ 1 บนชาร์ตได้สำเร็จเมื่อเดือนเมษายน ปี 2020

The Weeknd ใน MV เพลง Blinding Lights
The Weeknd ใน MV เพลง Blinding Lights

หลังจากนั้น ซิงเกิล “Blinding Lights” ก็ยังคงปรากฏอยู่ในชาร์ตให้เห็นกันต่อไปอีกเรื่อย ๆ โดยในสัปดาห์ล่าสุด “Blinding Lights” ก็ยังอยู่ในชาร์ตลำดับที่ 16 ซึ่งถือว่าอยู่ในชาร์ตมาเป็นเวลา 88 สัปดาห์แล้ว

เรียกได้ว่า “Blinding Lights” เป็นซิงเกิลที่อยู่บน Billboard Hot 100 ยาวนานที่สุดของ “The Weeknd” ตั้งแต่ที่เขาทำเพลงออกมา

Take My Breath ซิงเกิ้ลใหม่ของ The Weeknd
Take My Breath ซิงเกิ้ลใหม่ของ The Weeknd

นอกจากนี้ล่าสุด “The Weeknd” ได้ปล่อยผลงานใหม่ “Take My Breath” ที่เปิดตัวไปอย่างร้อนแรงในอันดับที่ 6 บน Billboard Hot 100 และเป็นผลงานแรกหลังจากที่เขาได้เปิดตัวอัลบั้ม “After Hours” ที่ได้โปรดิวซ์ชื่อดังอย่าง “Max Martin และ Oscar Holter” มาร่วมงาน

เพลงนี้ยังคงมากับซาวด์ดนตรีที่ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะของ “The Weeknd” พร้อมกับมิวสิควิดีโอที่ได้ “Cliqua” ผู้กำกับที่เคยร่วมงานกันในอัลบั้ม “After Hours” มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานในครั้งนี้ “Take My Breath” เป็นโปรเจ็กต์ที่ดีที่สุดที่เขาเคยทำมา สำหรับใครที่คิดถึงกลิ่นไอ R&B ของ “The Weeknd” สามารถรับฟังได้แล้วทุกช่องทางสตรีม

18215


นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า นักลงทุนไทยมีโอกาสที่ในปีนี้จะเข้ามาลงทุนในทองคำมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่สถาบันคุ้มครองเงินฝากลดการคุ้มครองเหลือ 1 ล้านบาท อาจทำให้มีเงินลงทุนบางส่วนถูกโยกมาพักไว้ที่ทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย และไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ โดยจากต้นปีถึงปัจจุบันพบว่ามีนักลงทุนมาเปิดบัญชีซื้อขายทองคำกับวายแอลจีเพิ่มขึ้นในทุกประเภททั้งทองคำแท่ง ออมทอง รวมไปถึงการลงทุนตลาดอนุพันธ์

ขณะที่แนวโน้มราคาทองคำมองว่า หลังการปรับลดค่อนข้างมากในสัปดาห์ก่อน แต่ในระยะสั้นเริ่มมีการดีดกลับ แต่ก็ยังมีแรงขายเมื่อปรับตัวขึ้นไปถึงแนวต้านทำให้การเคลื่อนไหวในช่วงนี้จะยังเป็นการแกว่งตัวในกรอบ อย่างไรก็ดีสาเหตุที่ราคาทองคำไม่ได้ปรับลดลงอย่างรวดเร็วเช่นสัปดาห์ก่อน เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน การที่จีนคุมเข้มกฎระเบียบในบริษัทกลุ่มเทคโนโลยี และการระบาดของ โควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงจากแรงซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลให้ตลาดทองคำยังคงปรับตัวลดลงอย่างจำกัด

ทั้งนี้เมื่อต้นสัปดาห์ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่เป็นแนวโน้มการปรับขึ้นในระยะสั้น แม้ต้นสัปดาห์จะปรับขึ้นมาค่อนข้างดี แต่เมื่อทองคำเข้าใกล้แนวต้านจะมีแรงขายออกมา แต่แรงขายก็ไม่ได้ทำให้ทองคำปรับลงมามาก ดังนั้นในระยะนี้นักลงทุนต้องจับตาว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวไปแบบไหน เพราะแม้จะมีสัญญาณบวกในระยะสั้นแต่ระยะกลางยังเป็นสัญญาณอ่อนตัว โดยเฉพาะราคาทองคำในประเทศที่ขณะนี้ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าช่วงสั้นๆ

อย่างไรก็ตามปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำในช่วงนี้มีทั้งปัจจัยลบและปัจจัยบวก โดยในด้านปัจจัยลบนั้นมาจากกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่ขายทองคำออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำกลับมามีสัญญาณชะลอตัว หรือ ขยับขึ้นอย่างจำกัด รวมถึงปัจจัยของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ต้องจับตามอง

ส่วนปัจจัยบวกทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ถูกกดดันจากผลกระทบการระบาดของโควิด -19 และกรณีที่จีนมีนโยบายป้องปรามการขยายตัวของธุรกิจเทคโนโลยี ห้ามการผูกขาด ห้ามแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ทำให้หุ้นในจีนปรับฐานและอ่อนตัวลงในช่วงหลายวันที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ทั้งนี้ บริษัทเทคโนโลยีของจีนนั้นจดทะเบียนทั้งในตลาดหุ้นจีนและสหรัฐจึงอาจส่งผลกระทบในวงกว้าง ประเด็นนี้จึงเป็นหนึ่งปัจจัยที่พยุงทองคำให้ไม่ปรับตัวลดลงไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับปัจจัยทางเทคนิค หากทองคำมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องและขึ้นไปยืนเหนือ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะทำให้มีโอกาสปรับตัวได้อีกแม้ว่าทิศทางทองคำระยะกลางยังเป็นลักษณะอ่อนตัวลง แต่หากราคาไม่มีระดับต่ำสุดใหม่และมีปัจจัยบวกมาหนุนจากการไหลเข้าของเงินทุนที่ไหลออกจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตลาดหุ้นก็มีโอกาสปรับขึ้นได้ โดยมองแนวต้านระยะสั้นที่ 1,796 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 28,350 บาท หากผ่านได้มีโอกาสทดสอบ 1,814 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 28,650 บาท ด้านแนวรับ 1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 27,900 บาทโดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,751 หรือ 27,650 บาท

18216
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / Hot Promotion!!!
« เมื่อ: สิงหาคม 21, 2021, 12:43:02 pm »
ราคาดีมากกก!!!!!!!!

หน้า: 1 ... 1010 1011 [1012] 1013 1014 ... 1026