แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - deam205

หน้า: 1 ... 1061 1062 [1063] 1064 1065 ... 1104
19117


ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 27 ก.ย.2564

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ หลังมีรายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในสหรัฐฯ ชะลอตัวลง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือน ส.ค. อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนลบเนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,869.37 จุด เพิ่มขึ้น 71.37 จุด หรือ +0.21% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,443.11 จุด ลดลง 12.37 จุด หรือ -0.28% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,969.97 จุด ลดลง 77.73 จุด หรือ -0.52%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง ซึ่งบดบังการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน แต่ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 วัน หลังผลการเลือกตั้งได้ลดโอกาสที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาลผสมฝ่ายซ้าย

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 462.42 จุด ลดลง 0.87 จุด หรือ -0.19%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,650.91 จุด เพิ่มขึ้น 12.45 จุด หรือ +0.19%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,573.88 จุด เพิ่มขึ้น 42.13 จุด หรือ +0.27% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,063.40 จุด เพิ่มขึ้น 11.92 จุด หรือ +0.17%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร ขณะที่การพุ่งขึ้นของหุ้นโรลส์-รอยซ์ช่วยหนุนตลาดบวกขึ้นด้วย

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,063.40 จุด เพิ่มขึ้น 11.92 จุด หรือ +0.17%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะพุ่งขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 4 ต.ค.

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 1.47 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 75.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.2561

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 79.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.2561

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เป็นปัจจัยกดดันตลาด

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 1,752 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 26.9 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 22.694 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาแพลทินัมส่งมอบเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 1.7 ดอลลาร์ หรือ 0.17% ปิดที่ 981.6 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 3.40 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,947.70 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสในวันนี้

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.06% แตะที่ 93.3812 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.01 เยน จากระดับ 110.78 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9259 ฟรังก์ จากระดับ 0.9250 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2622 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2660 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1698 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1716 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3708 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3660 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7286 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7256 ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 34,869.37 จุด เพิ่มขึ้น 71.37 จุด, +0.21%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,443.11 จุด ลดลง 12.37 จุด, -0.28%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 14,969.97 จุด ลดลง 77.73 จุด, -0.52%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,063.40 จุด เพิ่มขึ้น 11.92 จุด, +0.17%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,650.91 จุด เพิ่มขึ้น 12.45 จุด, +0.19%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,573.88 จุด เพิ่มขึ้น 42.13 จุด, +0.27%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 60,077.88 จุด เพิ่มขึ้น 29.41 จุด, +0.05%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,122.50 -22.32 จุด, -0.36%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,533.05 จุด เพิ่มขึ้น 0.99 จุด, +0.06%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,956.26 จุด เพิ่มขึ้น 4.73 จุด, +0.07%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,100.30 จุด เพิ่มขึ้น 38.95 จุด, +1.27%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,208.78 จุด เพิ่มขึ้น 16.62 จุด, +0.07%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,582.83 จุด ลดลง 30.24 จุด, -0.84%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 17,313.77 จุด เพิ่มขึ้น 53.58 จุด, +0.31%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 3,133.64 จุด เพิ่มขึ้น 8.40 จุด, +0.27%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 30,240.06 จุด ลดลง 8.75 จุด, -0.03%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,384.20 จุด เพิ่มขึ้น 41.60 จุด, +0.57%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,690.70 จุด เพิ่มขึ้น 41.40 จุด, +0.54%

19118
ที่บนเขาวิวภูทับเบิก หล่มเก่า (เพชรบูรณ์) ไร่ละ140000 แบ่งขาย โทร 083-7124115

19122


การตลาด - โลกเปลี่ยน พฤติกรรมคนดูทีวีเปลี่ยน วันนี้ Thai PBS แม้จะได้ชื่อว่าเป็นสื่อสาธารณะ แต่ก็ไม่ได้หยุดนิ่ง พร้อมปั้น ‘VIPA’ ลุย OTT จับกลุ่มคนรุ่นใหม่ เชื่อเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายเข้ามาเติมเต็มความเป็นองค์กรสื่อสาระที่ชัดเจนขึ้น ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ภายใต้งบลงทุนด้านคอนเทนต์ร่วม 1,000 ล้านบาทต่อปี

Thai PBS กับภาพความเป็นองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยตลอด 13 ปีที่ผ่านมา ได้ดำเนินการภายใต้ภารกิจของความเป็นสื่อสาธารณะที่สร้างสรรค์เพื่อสังคม เข้าถึงประชาชนด้วย 2 ช่องทีวี คือ ช่อง Thai PBS หมายเลข 3 และช่อง ALTV หมายเลข 4 ในรูปแบบช่องทีวีเรียนสนุก พื้นที่การเรียนรู้สำหรับทุกคน รวมไปถึงการจัดทำเครือข่ายสาธารณะ เข้าถึงชุมชนด้วยการจัดประชุมหารือทั้งในรูปแบบออนไลน์และออนกราวนด์ ภาพจำของ Thai PBS จึงเป็นช่องที่เน้นสาระให้ความรู้ ไม่แสวงหาผลกำไร

แต่ปัจจุบันการแข่งขันของสื่อทีวีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีแพลตฟอร์มการรับชมใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา โดยเฉพาะวิดีโอสตรีมมิ่ง ทั้ง Youtube, TikTok และ Facebook Live รวมไปถึง OTT ผู้ให้บริการวิดีโอ ออนดีมานด์ อย่าง Netflix, WeTV, Viu, iqiyi เป็นต้น ล้วนแล้วแต่จัดเป็นคู่แข่งที่ทำให้การเข้าถึงกลุ่มผู้ชมของ ThaiPBS ลดน้อยถอยลง โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่



รศ.ดร.วิลาสินี พิพิธกุล ผู้อำนวยการ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) กล่าวว่า ปัจจุบันฐานผู้ชมส่วนใหญ่ของช่อง Thai PBS คือกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งทางช่อง Thai PBS เองก็เตรียมที่จะปรับปรุงคอนเทนต์ให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะคอนเทนต์รายการข่าว ในปี 2565 ที่จะมาถึงจะมีการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงนำเสนอให้มีความน่าสนใจมากขึ้น ภายใต้งบผลิตคอนเทนต์ต่อปีรวม 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60-65% ของงบประมาณแต่ละปีที่ทาง ส.ส.ท.ได้รับการจัดสรรมา

อย่างไรก็ตาม จากการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันของสื่อทีวีในปัจจุบัน ทาง ส.ส.ท.เองถึงแม้จะเป็นสื่อสาธารณะไม่แสวงหากำไร แต่ก็ต้องปรับตัวให้ทันเช่นกัน



โดยในปี 2563 ที่ผ่านมาได้เริ่มซอฟต์ลอนช์ เปิดให้บริการ ‘VIPA’ แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งในรูปแบบ SVOD ที่ไม่มีโฆษณา และไม่มีค่าใช้จ่าย และถือเป็นผู้ให้บริการ OTT ในประเทศรายแรกที่เป็นสัญชาติไทยอย่างแท้จริง

ที่ผ่านมาสามารถเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุเฉลี่ย 25 ปีขึ้นไปได้ในหลักหมื่นคน แต่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จากการนำเสนอคอนเทนต์ซีรีส์ Drama for All ที่ได้ มิว-ศุภศิษฏ์ มาร่วมแสดง ส่งผลให้ยอดผู้ใช้บริการ VIPA เพิ่มเป็น 50,000 รายในปัจจุบัน

“Thai PBS วันนี้ถือเป็นองค์กรสื่อสาระที่มีภาพชัดเจนมากขึ้นจากแต่ก่อน จากที่มีทีวีอยู่ 2 ช่อง คือ ช่อง Thai PBS และช่อง ALTV ในวันนี้มี VIPA วิดีโอสตรีมมิ่งเข้ามาเสริมในส่วนของแพลตฟอร์มออนไลน์ ถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่มาเติมเต็มองค์กรให้กลายเป็นสื่อสาธารณะที่เข้าถึงผู้ชมได้ครอบคลุมทุกกลุ่มทุกแพลตฟอร์มอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ในอนาคตทางองค์กรจะเน้นพัฒนาคอนเทนต์ร่วมกับผู้จัดทั้งภาคเอกชน รายเล็ก และกลุ่มอิสระ รวมถึงภาครัฐด้วย ที่สำคัญ มองไปถึงระดับองค์กรสื่อต่างประเทศในสเต็ปต่อไปทั้งในเอเชีย และระดับโกล.” รศ.ดร.วิลาสินีกล่าว



*** อัดฉีดกว่า 65 ล้าน ปั้น VIPA ลุย OTT

นางสาวกนกพร ประสิทธิ์ผล ผู้อำนวยการสำนักสื่อใหม่ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) กล่าวว่า สำหรับ VIPA ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาได้กว่า 2 ปี ซึ่งเฉพาะงบลงทุนด้านคอนเทนต์ปีแรกใช้ไปกว่า 30 ล้านบาท ปีนี้ใช้ไปอีกกว่า 35 ล้านบาท รวมแล้วเป็น 65 ล้านบาท หรือเฉลี่ยวางแผนลงทุนผลิตคอนเทนต์ปีละ 30 ล้านบาท โดยเป็นงบที่อยู่ในงบผลิตคอนเทนต์รวมปีละ 1,000 ล้านบาทที่ ส.ส.ท.ได้รับมา

แนวทางคอนเทนต์ที่นำเสนออยู่บน VIPA นั้นจะเน้นความเป็นเอ็กซ์คลูซีฟคอนเทนต์เป็นหลัก ทั้งในรูปแบบเฟิสต์รันดูได้บน VIPA ก่อน หรือเป็นคอนเทนต์ที่ต่อยอดจากรายการเดิมที่ออกอากาศทางช่อง Thai PBS อยู่ก่อนแล้ว และดูได้เฉพาะบน VIPA เท่านั้น 



ทั้งนี้ VIPA ถือเป็น OTT แพลตฟอร์มสัญชาติไทย ที่มีจุดแข็งอยู่ที่การรับชมฟรี ไม่มีโฆษณา และนำเสนอคอนเทนต์ที่มุ่งให้สาระ ซึ่งแตกต่างจาก OTT ทั่วไปที่เน้นบันเทิง ดรามาซีรีส์เป็นหลัก ส่งผลให้ VIPA จึงมีความแตกต่างและเป็นทางเลือกสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ในตลาดสตรีมมิ่งเมืองไทย ด้วยเนื้อหารายการที่คัดสรรมาให้ผู้ชมแบ่งเป็นหลายประเภท เพื่อตอบสนองความสนใจและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างหลากหลาย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “คนช่างเลือก” และจะมีแคมเปญสื่อสารชุดอื่นๆ ให้ติดตามต่อไป

สำหรับคอนเทนต์ที่ให้บริการบน VIPA นั้นประกอบด้วย 3 กลุ่มหลัก คือ 1. VIPA ORIGINAL เป็นเนื้อหาที่ VIPA ตั้งใจเปิดพื้นที่เพื่อการสร้างสรรค์ผลงานหลากหลายและแตกต่างโดยผู้ผลิตไทย เช่น ยินดีที่ได้รู้จัก, หนังพาไป, ชีวิตออกวิ่ง, เกษตรอีซี่ ซึ่งผลิตขึ้นสำหรับผู้ชม VIPA เพียงที่เดียว

2. VIPA Exclusive for Thai Fan เนื้อหาคุณภาพที่คัดสรรมาจากทั่วทุกมุมโลก เพิ่มบริการเพื่อรองรับการเข้าถึงอย่างเข้าใจสำหรับผู้ชมคนไทยโดยเฉพาะ เช่น สารคดีจาก DOC CLUB และซีรีส์คุณภาพ

3. VIPA Selected Program กลุ่มเนื้อหาที่คัดเลือกจากรายการคุณภาพที่ออกอากาศทางไทยพีบีเอส ช่องหมายเลขสาม เป็นรายการที่มีทั้งสาระและความบันเทิง รวมถึงรายการที่มียอดผู้ชมหน้าจอสูง เช่น ภัตตาคารบ้านทุ่ง, ดูให้รู้, สารคดีไทยพีบีเอส, ซิตคอมและละครไทยพีบีเอส, ละครชุด อย่า อยู่ อย่าง อยาก รวมถึง “ปลายจวัก” ละครคุณภาพการันตีรางวัลจากเวทีระดับประเทศอีกด้วย



“การเปิดตัว VIPA ในครั้งนี้เชื่อว่าภายในสิ้นปีจะมีผู้เข้าชมไม่ต่ำกว่า 1 แสนราย โดยผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน VIPA ได้ทั้งในระบบ Android และ iOS หรือรับชมผ่าน www.VIPA.me” นางสาวกนกพรกล่าว

19123



เรื่องหนักอกหนักใจของคนที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย คือไม่ว่าใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตัวใดก็แพ้ไปหมด แต่ปัญหานี้แก้ได้เพียงแค่ลองใช้อิมัลชั่น Biotherm Life Plankton™ Sensitive Emulsion เนื้อบางเบา ที่สามารถฟื้นคืนสภาพผิวให้กลับมาแลดูแข็งแรงได้อย่างอ่อนโยน พร้อมช่วยให้ผิวหน้ากลับมาแลดูสุขภาพดีได้อีกครั้ง ช่วยให้ผู้หญิงที่เคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแล้วเกิดการแพ้ เปลี่ยนมุมมองใหม่แห่งการบำรุงผิว เพื่อผิวที่แลดูแข็งแรงขึ้น โดยไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรืออาการระคายเคือง 


สัมผัสบางเบานุ่มดุจครีม เข้มข้นประดุจเซรั่มของ Life Plankton™ Sensitive Emulsion พร้อมปลอบประโลมผิวหน้าของผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย เนื่องด้วยเนื้อสัมผัสสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว พร้อมปลอบประโลมผิวที่เคยถูกทำร้ายมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพของช่วยฟื้นบำรุงปราการผิว รวมถึงลดเลือนรอยแดงต่าง ๆ เพื่อผิวที่แลดูสุขภาพดี ทั้งยังรู้สึกได้ถึงความเรียบเนียนของผิวและแลดูกระชับขึ้น รวมถึงมีสีผิวที่แลดูสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น อีกทั้งภายในอิมัลชั่นขวดนี้ก็ไม่มีส่วนผสมใด ๆ ที่เป็นอันตรายต่อผิวหน้า เพราะปราศจากพาราเบน แอลกอฮอล์ สารแต่งสี น้ำมันแร่ และสารก่อภูมิแพ้จากน้ำหอม อีกทั้งผ่านการทดสอบแล้วว่าปลอดภัยต่อผู้ที่มีปัญหาผิวบอบบาง หรือมีแนวโน้มว่าจะเกิดการแพ้ขึ้นได้ 


ส่วนผสมที่สำคัญที่อัดแน่นอย่างภายในอิมัลชั่น Biotherm Life Plankton™ Sensitive Emulsion คือส่วนผสมที่เป็นหนึ่งในส่วนผสมระดับตำนานซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของไบโอเธิร์มเลยทีเดียวนั่นคือ LIFE PLANKTON™ เข้มข้นสูงสุดถึง 5% ซึ่งมีคุณสมบัติชั้นดีที่ช่วยในการปลอบประโลมผิวที่เคยอ่อนแอ ทั้งยังทำหน้าที่มอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้อีกด้วย และสุดท้ายคือ NEUROSENSINE™ (dipeptide) ส่วนผสมตัวสุดท้ายที่ช่วยยกระดับการปลอบประโลมผิวให้แข็งแรงขึ้นอีกขั้น จึงมอบผิวเรียบที่แลดูเนียนละเอียด และรู้สึกถึงผิวที่แลดูกระชับมากยิ่งขึ้น พร้อมเผยสีผิวบนใบหน้าที่แลูสม่ำเสมอและดูสุขภาพดีมากกว่าที่เคย 


โดยพิสูจน์แล้วจากผู้หญิงทั้ง 51 คนซึ่งทดลองใช้ Life Plankton™ Sensitive Emulsion ขวดนี้จริง ๆ พบทันทีหลังการใช้ว่าอิมัลชั่นขวดนี้ช่วยทำให้ผิวรู้สึกถึงชุ่มชื้นมีชีวิตชีวา เบาสบายผิวหน้าทั้งยังสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ตลอดทั้งวัน โดยภายหลังจากการใช้ 1 สัปดาห์จะรู้สึกว่าผิวของตนดูกระชับ แลดูเนียนนุ่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้ทดสอบกับผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่ายแล้วว่าหลังจากใช้งานหนึ่งเดือน 92% พบว่ารู้สึกถึงความกระชับขึ้นของผิว 96% พบว่า ผิวของตนนั้นแลดูนุ่มลื่นมากขึ้น ซึ่งผู้หญิงคนไหนอยากพิสูจน์ประสิทธิภาพของอิมัลชั่นขวดนี้สามารถสั่งซื้อมาทดลองใช้ได้เลยค่ะ 


สเต็ปการดูแลผิวด้วยอิมัลชั่นขวดนี้เริ่มต้นด้วยนำอิมัลชั่น Life Plankton™ Sensitive Emulsion เทลงบนฝ่ามือ โดยควรแนะนำให้ใช้ภายหลังการใช้น้ำตบแพลงตอน  LIFE PLANKTON™ ESSENCE หรือ LIFE PLANKTON™ ELIXIR  เรียบร้อยแล้ว เมื่อเทครีมลงบนฝ่ามือเรียบร้อยแล้วก็ลองใช้ปลายนิ้วเกลี่ยครีมเบา ๆ แล้วลูบไล้ให้ทั่วทั้งใบหน้า โดยเริ่มจากแก้ม จมูก และหน้าผาก นอกจากนี้ อย่าลืมลูบไล้ตามแนวของกระดูก และบริเวณขมับเพื่อเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด 


ซึ่งไม่ยากเลยหากใครต้องการลองใช้ โดยตอนนี้ Biotherm Life Plankton™ Sensitive Emulsion มีเพียงขนาดเดียวเท่านั้นคือปริมาณ 75 ml ในราคา 1,900 บาท โดยทุกคนสามารถซื้อเพียงผลิตภัณฑ์เดียวก็ได้หรือใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นในไลน์เดียวกันอย่าง เซรั่ม Life Plankton™ Elixir หรือน้ำตบ Life Plankton™ Essence ก็ได้ 


หากสนใจสั่งซื้อสินค้า และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมของอิมัลชั่น รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ Biotherm สามารถสั่งซื้อสินค้าสามารถสั่งซื้อทางช่องทางออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.biotherm.co.th/  หรือสอบถามได้ทั้งที่เคาน์เตอร์ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงช่องทางโซเชียล มีเดียของ Biotherm โดยเพียงแค่ใช้คุณก็จะมีผิวที่แข็งแรงและมีสุขภาพที่ดีขึ้นแล้วค่ะ 
 

19126


ธปท. แนะเจ้าหนี้-ลูกหนี้ประนีประนอมกันมากขึ้น ลด “เส้นแบ่ง” จับมือฝ่าวิกฤต ยันพร้อมออกมาตรการหนุนธุรกิจปรับตัวรับการแข่งขันในโลกยุคใหม่ที่กระแส “ดิจิทัล-ESG” มาแรงและเร็ว พร้อมขอบคุณรัฐบาลขยายเพดานหนี้สาธารณะเป็น 70%

วันที่ 27 กันยายน 2564 นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในการบรรยายพิเศษ หัวข้อ มาตรการช่วยเหลือและการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยยุคโควิด ในงานประชุมสามัญประจำปี 2564 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า  ประเทศไทยเคยผ่านวิกฤตที่หนักหน่วงมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตปี 2540 วิกฤตการเงินโลกปี 2551 วิกฤตน้ำท่วมปี 2554 และมาถึงวิกฤตรอบนี้ ซึ่งหนักกว่ารอบก่อน ๆ แต่ภาคอุตสาหกรรมไทยจะผ่านพ้นไปได้อีกครั้ง เพราะมีความเข้มแข็ง สามารถปรับตัวได้เร็ว 

โดยเห็นได้จากปีที่แล้ว ในช่วง lockdown ที่ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงจากระดับก่อนโควิดถึง 20% แต่สามารถฟื้นกลับมาได้ใน 4 ไตรมาส เช่นเดียวกับช่วงน้ำท่วมปี 2554 ที่ดัชนีฯ ลดลงถึงเกือบ 30% แต่สามารถฟื้นกลับมาได้ภายใน 2 ไตรมาส จึงเชื่อว่า ท้ายที่สุด จะผ่านพ้นจากวิกฤตนี้ไปได้ แต่จะพ้นอย่างไร ในแบบที่ให้คนรอดมากที่สุด ลดแผลเป็นให้เหลือน้อยที่สุด

“สิ่งสำคัญไม่ใช่เพียงแค่แต่ละภาคส่วนทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจในบทบาทและข้อจำกัดของกันและกัน เพื่อไม่ให้เกิด “เส้นแบ่ง” ว่าปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เป็นของลูกหนี้หรือเจ้าหนี้ ลูกจ้างหรือนายจ้าง รายเล็กหรือรายใหญ่ เพราะทุกคนต่างก็ได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย และแต่ละคนก็อยู่ในหลายบทบาท มีหมวกหลายใบที่ต้องสวม ตัวอย่างเช่น ถ้าท่านเป็นเจ้าของธุรกิจ SMEs ท่านก็อาจเป็นลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ แต่ในขณะเดียวกัน ท่านก็อาจเป็นเจ้าหนี้การค้า และเป็นนายจ้างของลูกจ้างด้วย ดังนั้น การหันหน้าเข้าหากัน การประนีประนอมกันมากขึ้น และมองให้รอบด้าน จะทำให้เราเห็นทางออกในการก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันได้อีกครั้ง” ผู้ว่าฯ ธปท.กล่าว


นายเศรษฐพุฒิ กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการต่าง ๆที่ทำไปแล้ว เป็นมาตรการที่ออกมาเป็นการเน้นเพื่อช่วยให้ธุรกิจและรายย่อยผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปให้ได้มากที่สุด แต่แน่นอนว่าคงยังไม่เพียงพอสำหรับระยะข้างหน้า ที่ธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทาย และต้องพยายามเติบโตให้ได้อย่างยั่งยืนในโลกยุคใหม่ ซึ่ง ธปท. พร้อมมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนและจูงใจให้ทุกฝ่ายสามารถปรับตัวได้ในช่วงเปลี่ยนผ่านได้อย่างราบรื่นและทันการณ์

ทั้งนี้ การปรับตัวที่จำเป็นต่อการวางรากฐานให้ธุรกิจและเศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งระยะข้างหน้ามีหลายเรื่องเป็นกระแสใหม่ แต่จะมีอย่างน้อย 2 กระแสสำคัญที่มาแรงและมาเร็ว ที่ทุกคนต้องเตรียมรับมือ อย่างแรกคือ กระแสดิจิทัล และ กระแส ESG (Environmental, Social, and Governance) 

“สองกระแสดังกล่าว นับวันจะยิ่งมีบทบาทต่อการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ที่สำคัญ เราต้องออกจากวิกฤตนี้ด้วยแผลเป็นที่น้อยที่สุด และมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งในการปรับตัวรองรับกระแสโลกใหม่ได้ดีขึ้น” นายเศรษฐพุฒิกล่าว

นายเศรษฐพฺฒิ กล่าวว่า สำหรับภาคธุรกิจ ภายใต้บริบทที่ปัจจัยภายนอกมีความไม่แน่นอนสูง การวางแผนทางการเงิน การบริหารความเสี่ยง การดำเนินกิจการหรือการลงทุนใหม่ จะต้องให้น้ำหนักมากขึ้นกับกระแสโลกใหม่ ทั้งการให้ความสำคัญกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง และกระแสเรื่องดิจิทัลที่จะทำให้ธุรกิจต้องแข่งขันกันมากขึ้น 


ในส่วนของประชาชน ต้องเตรียมรับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อาทิ เร่งวางแผนทางการเงิน จัดเตรียมเงินสำรองสำหรับใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ทางการเงินมากขึ้น ขณะเดียวกัน ต้องเพิ่มความสำคัญกับการเท่าทันกับกระแสดิจิทัล เพราะนอกจากจะเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับงานในโลกใหม่แล้ว ยังช่วยป้องกันการหลอกลวงในรูปแบบต่าง ๆ ที่อาจมีเพิ่มขึ้นได้

ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าวด้วยว่า ในส่วนของภาครัฐเอง ต้องปรับตัวไปสู่การเป็น facilitator โดยเฉพาะการปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของเอกชนมากขึ้น และในการแก้ปัญหาวิกฤตโควิดนี้ ภาครัฐได้ดำเนินนโยบายแบบ countercyclical เพื่อเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน

“ต้องขอบคุณภาครัฐ ที่ล่าสุดได้ขยายเพดานหนี้สาธารณะให้สูงขึ้นเป็น 70% แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะดูแลสถานการณ์ให้ได้มากขึ้นและต่อเนื่อง แต่ก็ต้องใส่ใจกับการใช้งบประมาณที่เพิ่มขึ้น ให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใส เพื่อให้เศรษฐกิจกลับไปเติบโตอย่างเต็มศักยภาพได้ยั่งยืน” ผู้ว่าฯ ธปท.กล่าว

19127
ต้องการถมดิน ถมที่ นึกถึงเรา เริ่มที่เราจบที่เรา ไม่ใช่นายหน้า ติดต่อ 080-022-3804
รับทุกขนาดพื้นที่ ฟรีตรวจสอบพื้นที่ประมาณ ราคา

19128


“โฆษกรัฐบาล” ปลื้มยอดใช้จ่ายผ่านมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐทะลุ 7.7 หมื่นล้านบาท แจงปรับลดจำนวนสิทธิ “คนละครึ่ง เฟส 3” และ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ “นายก”กำชับดูแลทุกกลุ่มเพื่อพลิกโฉมประเทศ

26 กันยายน 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับมาตรการเยียวยาและมาตรการพลิกโฉมประเทศ กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ จากวิสัยทัศน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อาทิ มาตรการบรรเทาภาระค่าสาธารณูปโภค มาตรการบรรเทาค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา มาตรการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตน ม.33 ม.39 และ ม.40 โครงการเยียวยาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่ง โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการกลับมาเปิดกิจการร้านอาหาร รวมถึงร้านค้าต่างๆ ตามเงื่อนไข COVID-Free Setting ประชาชนเริ่มเชื่อมั่น ออกมาใช้จ่ายมากขึ้นภายใต้การป้องกันตัวเองแบบครอบจักรวาล Universal Prevention อย่างระมัดระวังสูงสุด


 

ทั้งนี้ ทำให้ยอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ ผู้ใช้สิทธิสะสมรวม 39.01 ล้านคน ยอดใช้จ่าย สะสม รวม 77,755.2 ล้านบาท แบ่งเป็น

1) โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 24.27 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 66,911.6 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 34,044.2 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 32,867.4 ล้านบาท

2) โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 76,219 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 2,254 ล้านบาท และยอดใช้จ่ายด้วย e-voucher สะสม 94.5 ล้านบาท

3) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.53 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 7,937.7 ล้านบาท

4) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 1.13 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 557.4 ล้านบาท


 
นายธนกร กล่าวอีกว่า รัฐบาลยังปรับปรุงรายละเอียดโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การลงทะเบียนของผู้ที่เข้าร่วมโครงการ ดังนี้ 1.โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ปรับลดจำนวนกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับสิทธิจากเดิม 31 ล้านสิทธิ เป็น 28 ล้านสิทธิ 2.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ปรับลดจำนวนกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับสิทธิจากเดิม 1.4 ล้านสิทธิเป็น 1 ล้านสิทธิ โดยในวันที่ 1 ตุลาคม นี้ กระทรวงการคลังจะโอนเงินคนละครึ่งรอบที่ 2 จำนวน 1,500 บาท โดยเชื่อมกับระบบ Food Delivery Platform ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2564  ซึ่งขณะนี้มี Grab และ Lineman ได้รับอนุมัติเข้าร่วมโครงการแล้ว ถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนเข้าถึงบริการได้มากขึ้น สอดคล้องกับชีวิตวิถีใหม่ New Normal ในยุคโควิด-19 และยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในไตรมาสที่ 4 ระหว่างเดือนตุลาคม - ธันวาคมของปี 2564 ให้ขยายตัวมากขึ้นด้วย

“ขณะนี้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 คงเหลือประมาณ 1 ล้านสิทธิ และสิทธิโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้เหลือประมาณ 5 แสนสิทธิ ขอเชิญชวนประชาชนผู้ที่ไม่เคยรับสิทธิ ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้จนกว่าสิทธิจะเต็ม ผ่านทางแอพพลิเคชันเป๋าตัง เว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com และ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของท่านนายกฯ ในการช่วยเหลือบรรเทาภาระประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโควิด-19 เพื่อดูแลประชาชนทุกกลุ่ม และให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไป” โฆษกรัฐบาล กล่าว

19129


เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ยอมรับว่า เบรนท์ฟอร์ด สมควรมีแต้ม หลังเสมอกับทีมของตน 3-3 ไม่โทษเจ้าบ้านเน้นโยนยาว ถือว่าเป็นสไตล์การเล่นหนึ่งของฟุต. ทำแนวรับของทีมถึงกับรวน เสียดาย โม ซาลลาห์ ยิงทิ้งขว้าง แม้จะทุบสถิติได้อีกในนัดนี้

    ลิเวอร์พูล ลงสนามเป็นคู่ดึก เมื่อคืนวันเสาร์ ได้รับการคาดหมายว่าจะเก็บ 3 คะแนนเต็มได้ไม่พลาดในการเยือน ทีมน้องใหม่ที่ เบรนท์ฟอร์ด คอมมูนิตี้ สเตเดี้ยม แม้ทีมร่วมหัวตารางพากันสะดุดไปหมดเมื่อช่วงหัวค่ำ แต่สุดท้าย ทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์ ก็เก็บได้เพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น หลังจากโดนเจ้าบ้านเล่นงาน เอาประตูขึ้นนำได้ก่อน ก่อนที่สถานการณ์จะพลิกไปมาจนแบ่งแต้มกันไปในที่สุด
    อีธาน พินน็อค ช่วยให้ เบรนท์ฟอร์ด ออกนำก่อน ในนาทีที 27 แต่ ลิเวอร์พูล ตอบโต้กลับและพลิกขึ้นนำ จาก ดิโอโก โชตา น.31 และ โม ซาลาห์ น.54 และหลังจากที่ ไวทาลี ชาเนลท์ ตีเสมอให้ทีมเจ้าบ้าน ได้ในนาทีที่ 63 เคอร์ติน โจนส์ ก็ช่วยให้ ทีมเยือน ขึ้นนำอีกหน ในนาทีที่ 67 แต่ท้ายเกม เบรนท์ฟอร์ด ก็กลับมาสู่เกมได้อีก จากลูกยิงขของ โยอาน วิสซา ก่อนหมดเวลา 8 นาที จบเกม ทีมน้องใหม่พรีเมียร์ลีก เปิดบ้านเสมอ ลิเวอร์พูล อย่างสุดมัน 3-3
    หลังเกม คล็อปป์ ยอมรับว่า เบรนท์ฟอร์ด เล่นได้แบบสมควรมีแต้มติดมือแล้ว "พวกเขาสมควรได้ทั้ง 3 ประตูที่เกิดขึ้น สำหรับวิธีการเล่นของพวกเขา"
    "เห็นได้ชัดว่าเราไม่สามารถรับมือกับ.โยนยาวของพวกเขาได้ในวันนี้ แต่เราก็ควรที่จะยิงได้มากกว่าที่ทำได้"
    "ผมไม่คิดว่าคุณจะคอนโทรลพวกเขาได้ดีไปกว่านี้แล้ว เราสร้างโอกาสลุ้นประตูได้มากมายหลายครั้ง แต่เมื่อถึงเกมรับเราไม่สามารถจัดการได้"
    "สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ เราควรยิงให้ได้มากกว่าที่ทำได้ ถ้าเราชนะ 3-2 หรือ 4-3 เราก็ยังต้องเอ่ยปากยอมรับอยู่ดีว่าเรามีปัญหาทีเดียวในเกมรับ"
    "ผมไม่มีปัญหาเมื่ออีกทีมเล่นฟุต.สไตล์นี้ เพราะนั่นก็เป็นการเล่นแบบหนึ่งของฟุต. คุณต้องสร้างบางสิ่งที่ช่วยให้ชนะในเกมได้ พวกเขาสมควรกับหนึ่งคะแนนในวันนี้ เพราะพวกเขาต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ผมเคารพในความมุ่งมั่นตั้งใจของพวกเขา แต่ก็มีหลายเหตุการณ์?เราควรทำได้ดีกว่านี้ และมันจะทำให้เกมแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง"
    ซาลาห์ตอนนี้อยู่กับ ลิเวอร์พูล เป็นฤดูกาลที่ 5 แล้ว หลังจากย้ายมาจาก โรม่า เมื่อตอนซัมเมอร์ปี 2017 ประตูที่เขาทำได้ในนัดนี้ ทำให้ กองหน้าทีมชาติอียิปต์ ยิงให้ ทีมได้ครบ 100 ประตูแล้ว แต่ปัญหาคือเกมนี้ยิงทิ้งขว้างเกินไป หากไม่แล้วน่าจะช่วยทีมเก็บ 3 คะแนนเต็มได้
    สรุปผล.พรีเมียร์ลีก เมื่อคืนวันเสาร์ มีดังนี้ เชลซี แพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-1, แมนฯ ยูฯ แพ้ แอสตัน วิลล่า 0-1, เลสเตอร์ เสมอ เบิร์นลี่ย์ 2-2, เอฟเวอร์ตัน ชนะ นอริช 2-0, ลีดส์ แพ้ เวสต์แฮม 1-2, วัตฟอร์ด เสมอ นิวคาสเซิล 1-1 และ เบรนท์ฟอร์ด เสมอ ลิเวอร์พูล 3-3

19131


อังเดร รูเบลฟ กับ อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ สองนักเทนนิสหนุ่มตัวแทนจากทีมยุโรป ผนึกกำลังร่วมกันคว้าชัยชนะเหนือคู่แข่งทีมเวิล์ด ก่อนผงาดคว้าแชมป์ศึกเทนนิสแห่งศักดิ์ศรี เลเวอร์ คัพ 2021 ไปครอบครอง เมื่อคืนวันที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา

ศึกเทนนิสแห่งศักดิ์ศรี 'เลเวอร์ คัพ' ครั้งที่ 4 ณ สังเวียน ทีดี การ์เดน สหรัฐอเมริกา เดินทางมาถึงการแข่งขันวันสุดท้ายระหว่างทีมยุโรป กับทีมเวิลด์ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน ทีมยุโรป นำโด่งที่ 11-1 แต้ม และวันสุดท้ายก็แข่งกันอีก 4 คู่ ผู้ชนะแต่ละแมตช์จะคว้า 3 แต้มให้ทีมฝั่งตัวเอง

ปรากฏว่าแค่คู่เดียวก็จบเลยเมื่อในประเภทชายคู่ เมื่อฝั่งยุโรป ส่ง อังเดร รูเบลฟ มือหวดหนุ่มแห่งรัสเซีย จับคู่ อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ จากเยอรมนี ลงมาหวดกับตัวแทนฝั่งทีมเวิลด์อย่าง ไรลี โอเปลก้า จากสหรัฐอเมริกา กับ เดนิส ชาโปวาลอฟ จากแคนาดา ก่อนที่ ซเวเรฟ กับ รูเบลฟ จะหวดชนะไปได้ 2-1 เซต 6–2, 6–7(4–7), 10–3

ผลที่ออกมาทำให้ ยุโรป คว้า 3 แต้มเข้าทีม สะสมเป็น 14 แต้ม และนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทีมหวดจากยุโรป ชนะทีมเวิลด์ 14-1 แต้ม คว้าแชมป์ เลเวอร์ คัพ เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน นับตั้งแต่จัดรายการนี้ครั้งแรกเมื่อปี 2017 และเว้นวรรคไปในปี 2020 เพราะการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

สำหรับทีมหวดของยุโรป ชุดแชมป์ เลเวอร์ คัพ 2021 ประกอบด้วย ดานิล เมดเวเดฟ (มือ 2 โลก), สเตฟานอส ซิตซิปาส (มือ 3 โลก), อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ (มือ 4 โลก), อังเดร รูเบลฟ (มือ 5 โลก), มัตเตโอ แบร์เร็ตตินี (มือ 7 โลก), แคสเปอร์ รัดด์ (มือ 10 โลก), เฟลิเซียโน่ โลเปซ (มือ 110 โลก) ส่วนกัปตันทีมคือ บียอร์น บอร์ก ตำนานหวดแห่งสวีเดน

19132


เกมแห่งศักดิ์ศรีของสองทีมแห่งกรุงโรม จบลงด้วยชัยชนะของฝั่ง ลาซิโอ หลังเค้นฟอร์มเฉือนชนะ โรม่า แบบสุดมัน 3-2 ศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เมื่อคืนวันที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา

กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี
ลาซิโอ 3-2 โรม่า

ดาร์บีแห่งกรุงโรม ลาซิโอ อันดับ 8 มี 8 แต้ม เผชิญหน้า โรม่า อันดับ 4 มี 12 แต้ม เกมนี้ 'อินทรีฟ้าขาว' ส่งหน้าสาม เปโดร, ชิโร่ อิมโมบิเล่, เฟลิเป้ แอนเดอร์สัน ลงไปวัดคมกับ แทมมี อับราฮัม, สเตฟาน เอล ชาราวี และ เฮนริค มคิทาร์ยาน ตัวบุกฝั่ง 'หมาป่า'

เริ่มมา 10 นาที ลาซิโอ นำก่อนเลย เฟลิเป้ แอนเดอร์สัน โยนโด่งจากขวาเข้ากบาล เซร์เกจ มิลินโควิช-ซาวิช ขึ้นโขกตุง 1-0 ขณะที่ นาที 18 ลาซิโอ สวนมาเอาประตูอีกรอบ ชิโร่ อิมโมบิเล่ พา.มาป้ายต่อให้ เปโดร แปเบียดเสารวดเร็ว 2-0

นาที 36 ลาซิโอ ชวดเม็ดสาม ชิโร่ อิมโมบิเล่ หลุดขึ้นหน้ามาแล้วซัดโป้งขวาแต่เข้าข้างตาข่าย แต่แล้ว นาที 40 โรม่า ตีไข่แตกสำเร็จจากเตะมุม จอร์แดน เวเรตูด์ เปิดโด่งมาให้ ไอบาเนซ สะบัดคอโหม่งไล่ 1-2 แล้วจบครึ่งแรกไปด้วยผลนี้

ครึ่งหลัง นาที 62 ลาซิโอ หนีห่างไปอีก ชิโร่ อิมโมบิเล่ ลากหลุดมาหลบนายประตู แล้วแปะออกขวาให้ เฟลิเป้ แอนเดอร์สัน วิ่งมาซัดโป้ง 3-1 แต่นาที 67 โรม่า ได้จุดโทษหลัง นิโคโล่ ซานิโอโล่ โดนเสียบล้มคะมำแล้ว จอร์แดน เวเรตูด์ ยิงเข้าซ้ายสุดเอื้อมของ เปเป้ เรน่า ไล่ตามมา 2-3

โรม่า อยากได้อีกลูกเพื่อตีเสมอ นาที 76 แทมมี อับราฮัม โหม่งตั้งมา เฮนริค มคิทาร์ยาน ซัดซ้ายแต่ เปเป้ เรน่า ยังเซฟไว้ สุดท้ายเวลาที่เหลือไม่มีประตูแล้ว จบเกม ลาซิโอ ได้ 3 แต้มเข้าบ้านแบบหวุดหวิด

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลาซิโอ - เปเป้ เรน่า, ฟรานเชสโก้ อาเซอร์บี, ลุยซ์ เฟลิเป้, เอลเซียด ไฮซาจ, อดัม มารูซิช, ลูคัส เลว่า, หลุยส์ อัลเบร์โต้, เซอร์เกจ มิลินโควิช-ซาวิช, ชิโร่ อิมโมบิเล่, เฟลิเป้ แอนเดอร์สัน, เปโดร
โรม่า - รุย พาทริซิโอ, ไอบาเนซ, จานลูก้า มันชินี, มาเทียว วิน่า, ริค คาร์สดอร์ป, เฮนริค มคิทาร์ยาน, จอร์แดน เวเรตูด์, ไบรอัน คริสตันเต้, สเตฟาน เอล ชาราวี, นิโคโล่ ซานิโอโล่, แทมมี อับราฮัม

19133
ขายที่นา [ลาดหลุมแก้ว] 5ไร่ ๆละ800000 บ่อเงิน โทร 083-7124115

19134
ที่บนเขาวิวภูทับเบิก หล่มเก่า (เพชรบูรณ์) ไร่ละ140000 แบ่งขาย โทร 083-7124115

หน้า: 1 ... 1061 1062 [1063] 1064 1065 ... 1104