แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - totheworld

หน้า: [1]
1
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / เคล็ดลับการออมผ่านแอพบันทึกรายรับรายจ่าย
« เมื่อ: สิงหาคม 22, 2024, 03:24:40 pm »

แอพบันทึกรายรับรายจ่ายเป็นตัวช่วยสำหรับการเก็บออมเงินที่ใครหลายคนเลือกนำมาใช้ควบคู่กับแอปพลิเคชันธนาคารต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม การมีตัวช่วยอย่างแอพบันทึกการเงินเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มทำงานที่ล้วนตั้งเป้าหมายในการเก็บเงินเพื่อนำไปใช้ทำตามความฝันเรื่องต่าง ๆ เพราะเราควรรู้เคล็ดลับการเก็บออมที่มีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน ดังนั้น บทความชิ้นนี้เราจึงมีสาระน่ารู้ในเรื่องดังกล่าวมาฝาก ไปติดตามกันเลย


เก็บเงินสำหรับกรณีฉุกเฉิน

การเริ่มต้นใช้แอพวางแผนการใช้เงินที่มีประสิทธิภาพ เราควรเริ่มจากการเก็บเงินสำหรับกรณีฉุกเฉินให้เป็นเสียก่อน โดยอาจเริ่มต้นแบ่งรายรับเข้าฝากสำหรับกรณีฉุกเฉินอย่างน้อย 3 - 6 เท่าของค่าใช้จ่ายที่มีต่อเดือน และเราควรบันทึกเอาไว้ว่าเงินก้อนนี้ที่เราเก็บผ่านแอพจัดการเงิน ต้องใช้สำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น นำไปใช้จ่ายในกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือตกงาน ทั้งนี้ เงินออมส่วนดังกล่าวยังสามารถนำไปฝากหรือลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน และกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นได้อีกด้วย เพราะจะสะดวกในเรื่องการถอนได้ทุกวันทำการ


สำรวจความรับผิดชอบของตนเอง

เราควรทราบว่าหน้าที่การงานหรือความรับผิดชอบต่าง ๆ ของตนเองมีมากน้อยแค่ไหน เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าเราควรทำประกันหรือไม่ ซึ่งสำหรับผู้ที่ยังไม่มีครอบครัว หรือมีภาระหนี้สินที่สามารถจัดการได้ อาจไม่จำเป็นต้องทำประกันชีวิต แต่สำหรับผู้ที่มีคนต้องดูแล อาจเลือกแอพวางแผนการเงินที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการทำประกันชีวิตที่ได้ทุนประกัน หรือความคุ้มครองประมาณ 5 เท่าของรายจ่ายที่ต้องรับผิดชอบต่อปี ในขณะเดียวกันหากเป็นประกันสุขภาพ เราอาจพิจารณาว่าประกันที่มีอยู่ครอบคลุมหรือตอบโจทย์ความต้องการมากน้อยแค่ไหน


เลือกการลงทุนที่เหมาะสม
   
แค่การเก็บออมหรือประหยัดค่าใช้จ่ายผ่านแอพการใช้เงินอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ ดังนั้น การเลือกลงทุนอย่างเหมาะสมกับตัวเรา จะช่วยให้มีรายรับเพิ่มเข้ามาอย่างเป็นระบบมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับใครที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานนั้นยังมีเวลาเก็บออมเงินอีกนาน สามารถดูรายละเอียดแอพการใช้เงินที่จะกระจายพอร์ตการลงทุมไปยังทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงสูงได้ ในการจัดสรรเงินที่ใช้ในการลงทุนนั้น

นอกจากนี้ บางแอพการใช้เงินในปัจจุบันสามารถประเมินอายุและความเสี่ยงที่สามารถรับได้ว่ามีมากน้อยอย่างไรต่อการลงทุน โดยอาจเลือกทำแบบสอบถามเพื่อประเมินระดับความเสี่ยงในการลงทุนที่เหมาะสมกับเรา เพื่อให้เราได้ทราบถึงระดับความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของตัวเอง ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน


สรุป

เคล็ดลับการออมผ่านแอพบันทึกรายรับรายจ่ายนี้ อาจช่วยให้เราสามารถเก็บเงิน หรือวิเคราะห์การใช้จ่ายผ่านแอพวางแผนการเงินได้ในระดับหนึ่ง เพราะสิ่งสำคัญคือเราต้องมีวินัยด้านการใช้จ่ายด้วยตนเอง จึงจะทำให้เป้าหมายการเงินประสบความสำเร็จตามต้องการ

2
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / ทำไมถึงต้องทำ SEO ?
« เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2024, 12:08:09 pm »

ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ก็ตาม คุณก็ยังควรทำ SEO อยู่ดี นั่นก็เป็นเพราะว่าการแข่งขันบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าคุณจะมีธุรกิจขนาดใด ขอเพียงแค่คุณมีความสม่ำเสมอ มีความคิดสร้างสรรค์ และรู้เทคนิคการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ SEO เท่านี้คุณก็สามารถสร้างการเข้าถึง และแข่งขันกับธุรกิจขนาดอื่น ๆ ได้ผ่านเสิร์ชเอนจิ้นอย่าง Google
   

อะไรคือ SEO ?
   
สำหรับท่านที่ยังไม่รู้จัก SEO หรือ Search Engine Optimization คือการทำการตลาดออนไลน์แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกผลักดันให้ไปอยู่บน “Google ในหน้าแรก” ซึ่งนี่จะช่วยสร้างการมองเห็น และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจที่มากขึ้น
   

ต้องรู้อะไรบ้างถ้าจะทำ ?
 
การทำ SEO คือศาสตร์และศิลป์ระหว่างการเข้าใจความต้องการของมนุษย์ และกฎระเบียบข้อบังคับของระบบ เพียงแค่คุณทำตามกฎข้อบังคับของ Google  และออกแบบสร้างสรรค์ทั้งในส่วนของเว็บไซต์ เนื้อหาคอนเทนต์ให้ถูกใจกลุ่มเป้าหมาย เพียงแค่นี้การเติบโตบนหน้าการค้นหาก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว

   
ถ้ามันง่าย งั้นทำ SEO เองดีกว่าไหม ไม่ต้องไปจ้างให้เปลืองเงิน ?
   
เชื่อว่าคุณน่าจะเคยเห็นพวกบริการรับทำ SEO โปรโมทเว็บไซต์จากบริษัท เอเจนซี่ หรือฟรีแลนซ์ต่าง ๆ มากมาย และมันมีข้อแตกต่างอะไรระหว่าง การจ้างเขาทำ กับเราทำเองละ? ข้อแตกต่างอาจจะมีในเรื่องของเวลาในการศึกษา และประสบการณ์ในการทำ ซึ่งเราได้ทำเปรียบเทียบมาให้แล้ว
 

ถ้าคุณเลือกจ้างบริษัทหรือเอเจนซี่ที่รับทำ SEO

ข้อดี
- คุณจะมีเวลาไปหาบริการจัดการธุรกิจของตัวเองเหมือนเดิม
- คุณภาพของงานทั้งในเรื่องของการผลิตคอนเทนต์ ทำ Backlink ปรับปรุงเว็บไซต์ และการทำ Keyword Research ที่มีมากกว่า
การให้คำแนะนำในเรื่องการตลาดออนไลน์
- รายงานผลประจำเดือน

ข้อเสีย
- เสียเงิน
- อาจไม่ได้ผลจริง (เช่นในกรณีที่คุณดันไปจ้างบริษัทแย่ๆ)
   

ทำด้วยตัวเอง

ข้อดี
- ไม่เสียเงิน
- ได้รับความรู้ หรือทดลองทำให้อะไรใหม่ ๆ
- ทำให้คุณเข้าใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น (จากการต้องหาข้อมูลเพื่อนำไปผลิตคอนเทนต์ด้วยตัวเอง)

ข้อเสีย
- เสียเวลา (ทั้งเวลาที่ต้องใช้เพื่อศึกษาเพื่อทำ SEO และเวลาเพื่อผลิตคอนเทนต์เป็นประจำสม่ำเสมอ)
- การทำ Keyword Research ที่อาจไม่มีประสิทธิภาพมากพอ (เพราะเวลาได้ Keyword มาแล้ว ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง อันดับทั้งหมดที่คุณเคยทำมาก่อนหน้าก็จะหายไป ต้องเริ่มใหม่หมด)
 
   
SEO คือการมีโฆษณาออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงบน Google ตราบใดก็ตามที่พวกเขาทำการค้นหา คนเหล่านั้นย่อมเจอเข้ากับเว็บไซต์ของคุณอย่างแน่นอน และด้วยธรรมชาติของการเป็นโฆษณาที่ต้องอาศัยความถี่ในการเพิ่มการจดจำ เพราะงั้นคุณก็จำเป็นที่จะต้องผลิตคอนเทนต์ออกมาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มหรือรักษาอันดับในหน้าการค้นหาของตัวเองไว้ให้ดี ผมเชื่อว่าถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ คุณก็น่าจะสนใจการทำ SEO แล้วละ ทีนี้ก็เหลือแค่ว่า คุณคิดที่จะทำเอง หรือคิดที่จะจ้างบริษัทรับทำ SEO ?

3
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / เลือกบริการรับ ทำ SEO โปรโมท เว็บไซต์ จากเอเจนซี่ดีอย่างไร
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 14, 2024, 11:52:48 am »

ในปัจจุบันแบรนด์จำนวนมากเลือกที่จะไม่ใช้บริการรับ ทำ SEO โปรโมท เว็บไซต์ จากเอเจนซี่ เนื่องจากเหตุผลหลักคือ ต้องการทำด้วยตนเองเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายทำการตลาดออนไลน์ภายในองค์กร แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แบรนด์สินค้าไม่เป็นที่รับรู้ในกลุ่มลูกค้า และที่สำคัญเว็บไซต์ไม่สามารถติดอยู่บน google หน้า แรก ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับการตลาดยุคนี้

ดังนั้น ในบทความชิ้นนี้เราจะมาเล่าให้ฟังว่า เลือกบริการรับ ทำ SEO โปรโมท เว็บไซต์ จากเอเจนซี่ดีอย่างไร


- ได้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดูแลธุรกิจของเรา

เอเจนซี่ที่รับทำSEO ล้วนมีประสบการณ์ผ่านการทำงานด้านการตลาดออนไลน์มาแล้วมากมาย จึงรู้จุดอ่อน จุดแข็งในการลงโฆษณา google ที่จะสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าของแบรนด์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญคือช่วยให้เรารู้ว่าจะต้องพัฒนาธุรกิจในเรื่องใด เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ตลาดได้ตามที่ต้องการ


- ได้ใช้เครื่องมือกับธุรกิจอย่างเหมาะสม

เอเจนซี่จะช่วยเลือกเครื่องมือออนไลน์ให้กับธุรกิจของเราได้อย่างเหมาะสม ตัวอย่างเช่น การเลือกใช้   search engine optimization คือเครื่องมือที่จะทำให้เว็บไซต์ของลูกค้ามีโอกาสติดอยู่หน้าค้นหาลำดับแรกบน Google ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสการมองเห็นสินค้าและบริการจากกลุ่มเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น และนั่นจึงส่งผลมายังเรื่องยอดขายของแบรนด์นั้น ๆ ต่อไป

ดังนั้น นอกจากธุรกิจของเราจะได้ผู้มีความเชี่ยวชาญเข้ามาช่วยดูแลแล้ว เราจะได้ทราบเกี่ยวกับเครื่องมือออนไลน์ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ให้มีความเหมาะสมกับการตลาดยุค 4.0 อีกด้วย
   

- ได้รู้แนวทางพัฒนาธุรกิจของเรา

เมื่อบริษัทdigital marketing ช่วยโปรโมตธุรกิจของเราด้วยเครื่องมือออนไลน์ไปสักระยะ จะทำให้เจ้าของแบรนด์รู้แนวทางพัฒนาธุรกิจในลำดับต่อไป ตัวอย่างเช่น หากเจาะกลุ่มเป้าหมายแล้วผลลัพธ์ยังไม่ได้ตามที่ต้องการ อาจเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เป็นฐานลูกค้าที่อาจมีความชอบใกล้เคียงกับฐานลูกค้าหลัก ก็จะช่วยให้แบรนด์ของเราเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น และมีโอกาสที่จะสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นด้วย
   
   
สรุป

การเลือกบริการรับ ทำ SEO โปรโมท เว็บไซต์ จากเอเจนซี่จะช่วยให้แบรนด์ได้ทำงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านการตลอดออนไลน์ ซึ่งสามารถคาดหวังผลลัพธ์ได้มากกว่าการทำเองอยู่ในองค์กรของตน และมีโอกาสผิดพลาดน้อยกว่า จึงไม่ส่งผลลบไปยังธุรกิจของตน

นอกจากนี้ เจ้าของแบรนด์ยังได้รู้แนวทางการเลือกใช้เครื่องมือออนไลน์ เพื่อช่วยพัฒนาธุรกิจได้อย่างไม่เหมาะสม และรู้จุดอ่อน จุดด้อยของธุรกิจ ปรับหาแนวทางเพื่อให้สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายหลัก เป้าหมายใกล้เคียง จึงจะช่วยต่อยอดในการพัฒนาธุรกิจของเราในระยะยาวต่อไป

4
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / แผ่นแปะแก้ปวดแบบเย็น มีตัวยาที่สำคัญอะไรบ้าง และเลือกใช้งานอย่างไรให้เหมาะสม
« เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2023, 02:41:03 pm »

แผ่นแปะแก้ปวดแบบเย็น คือหนึ่งในยาทากล้ามเนื้ออักเสบที่ได้รับการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากชนิดครีมมาเป็นพลาสเตอร์ หรือที่เรียกกันติดปากว่าแผ่นแปะนั่นเอง โดยผลิตภัณฑ์รูปแบบดังกล่าวได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ที่ทำงานออฟฟิศ ซึ่งมักพบอาการปวดกล้ามเนื้อจากโรคออฟฟิศซินโดรมเป็นหลัก และในบทความชิ้นนี้เราจะมาเล่าสาระน่ารู้ให้ทุกคนทราบว่า ผลิตภัณฑ์นี้มีตัวยาที่สำคัญอะไรบ้าง รวมถึงควรเลือกใช้งานอย่างไรให้เหมาะสม ถ้าพร้อมแล้ว เราไปติดตามกันเลย


- ตัวยาสำคัญ

โดยทั่วไปแล้วแผ่นแปะแก้ปวดแบบเย็นจะมาพร้อมส่วนผสมของเมนทอล การบูร ยูคาลิปตัส ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยทำให้เส้นเลือดหดตัว และสามารถลดอาการบวม อาการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงยังเหมาะกับอาการปวดเฉียบพลันที่เป็นมาไม่เกิน 72 ชั่วโมง เช่น อาการบวม ฟกช้ำ เคล็ดขัดยอกหลังออกกำลังกาย เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีแผ่นแปะแก้ปวดแบบร้อนให้เลือกใช้งานเช่นเดียวกัน โดยรูปแบบการทำงานจะคล้ายกับยาทากล้ามเนื้อทั่วไปที่มีสรรพคุณช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้บริเวณที่ใช้แผ่นแปะแก้ปวดแบบร้อนมีเลือดไหลเวียนเยอะขึ้น จากนั้นเลือดจะนำพาสารอาหารมาหล่อเลี้ยงบริเวณที่ปวด และนำพาสารอักเสบออกไป ช่วยให้อาการปวดบรรเทาลง เหมาะกับอาการปวดที่เป็นมาระยะหนึ่ง เช่น ปวดกล้ามเนื้อแบบเรื้อรังหรือออฟฟิศซินโดรม


- คำแนะนำการใช้งาน

ยาทาแก้ปวดกล้ามเนื้อที่ดีที่สุด คือการใช้งานให้ถูกประเภทกับอาการปวด ซึ่งโดยทั่วไปเราควรตรวจสอบส่วนผสมของยาทาแก้ปวดรูปแบบแผ่นแปะก่อนซื้อ เพื่อหลีกเลี่ยงสารหรือยาสมุนไพรที่อาจทำให้แพ้ จากนั้นจึงเลือกตามสูตรที่เหมาะกับอาการปวด โดยแผ่นแปะทั้งสองสูตรจะต่างกันตรงที่ลักษณะอาการปวด และความรู้สึกเย็นสบาย รวมถึแสบร้อนที่บริเวณผิวหนัง นอกจากนี้ ควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่มีความเรียบร้อย ไม่มีรอยฉีกขาด ระบุวันเดือนปีที่ผลิตหรือหมดอายุอย่างชัดเจน

สำหรับการเก็บรักษาแผ่นแปะแก้ปวด แนะนำให้เก็บในอุณหภูมิห้องปกติ หรือหากเป็นสูตรเย็นสามารถนำเข้าตู้เย็นได้เช่นกัน เพื่อทำให้แผ่นแปะสามารถกักเก็บความเย็นไว้ได้ แต่ที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นแผ่นแปะแก้ปวดแบบเย็นหรือแบบร้อน หากใช้ไม่หมด ควรใช้ที่หนีบปากถุงพลาสติก จะช่วยให้แผ่นแปะที่เหลือยังคงประสิทธิภาพได้ดีเช่นกัน


สรุป

ตัวยาในแผ่นแปะแก้ปวดแบบเย็นอย่างเมนทอล การบูร และยูคาลิปตัส มีคุณสมบัติทำให้เส้นเลือดหดตัว และลดอาการบวม อาการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เราควรเลือกใช้งานแผ่นแปะให้ตรงกับอาการปวด จะทำให้อาการปวดบรรเทาลง และไม่กลับเป็นซ้ำอีก

5
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / ข้อเสียในการซักผ้าด้วยมือ คืออะไร เพราะอะไรเราจึงต้องให้ความสำคัญ
« เมื่อ: กันยายน 25, 2023, 10:23:15 pm »

ทุกวันนี้การซักผ้าด้วยมือยังเป็นวิธีที่ใช้กันโดยทั่วไปในครอบครัวที่ไม่ได้มีเครื่องซักผ้าเป็นของตนเอง ซึ่งในบทความชิ้นนี้เราจะมาแบ่งปันข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับข้อเสียในการซักผ้าด้วยมือให้ทุกคนได้ทราบกัน นอกจากนี้ ยังมีรายละเอียดอื่น ๆ เกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของวิธีซักผ้าแบบต่าง ๆ ที่น่าสนใจมาฝากกัน เอาล่ะ ไม่รอช้า เราไปติดตามกันเลย


- ข้อเสียในการซักผ้าด้วยมือ

ข้อเสียในการซักผ้าด้วยมือที่เห็นผลได้ชัดเจน คือการที่สารเคมีจากน้ำยาซักผ้า และน้ำยาปรับผ้านุ่มสัมผัสกับผิวของเราโดยตรง ซึ่งบางสูตรของผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะเป็นแบบสูตรเข้มข้น จึงอาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง มือลอก หรือขึ้นผื่นแพ้ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น เมื่อเราซักผ้าด้วยมือเสร็จแล้ว ควรล้างน้ำสะอาดและฟอกสบู่อีกที จากนั้นให้ทาโลชั่น เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวที่มือของเรา
   
นอกจากนี้ การซักผ้าด้วยมืออาจทำให้เราเสียเวลาแทบทั้งวัน และยังทำให้เปลืองแรงขยี้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น หากเราต้องซักผ้ากองโตก็อาจทำให้วันหยุดของเราแทบไม่ได้พักผ่อนเลยก็เป็นได้


- ข้อดีของการซักผ้าด้วยมือ
   
การซักผ้าด้วยมือแม้จะเปลืองแรงและเวลาของเรา แต่ก็ช่วยให้สามารถขจัดคราบสิ่งสกปรกเฉพาะจุดบนเสื้อผ้าของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจเป็นบริเวณที่เครื่องซักผ้าไม่สามารถทำความสะอาดได้ นอกจากนี้ การซักผ้าด้วยมือยังไม่ทำให้เสื้อผ้าของเราย้วยหรือยืดอีกด้วย


- ข้อเสียของการซักผ้าด้วยเครื่อง

แน่นอนว่าการซักผ้าด้วยเครื่องย่อมมีข้อจำกัดที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตัวอย่างเช่น เสื้อผ้าที่เรานำลงไปซักอาจเกิดการยืดหรือหด อันเกิดมาจากแรงปั่นของเครื่องซักผ้า ในขณะเดียวหากเราไม่ได้ทำความสะอาดถังปั่นอย่างสม่ำเสมอ ก็อาจเกิดแบคทีเรียหรือสิ่งสกปรกหมักหมมภายในเครื่อง เมื่อเรานำผ้าลงไปซักก็จะทำให้ไม่สะอาด และยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อีกด้วย


- ข้อดีของการซักผ้าด้วยเครื่อง

ข้อดีของการซักผ้าด้วยเครื่องก็คือ ช่วยประหยัดเวลาและแรงของเราได้เป็นอย่างดี ทำให้เราสามารถเปลี่ยนไปทำงานอย่างอื่นระหว่างวันได้ นอกจากนี้ สารเคมีจากน้ำซักผ้า รวมถึงน้ำยาปรับผ้านุ่มจะไม่สัมผัสกับผิวมือเราโดยตรง ช่วยให้หลีกเลี่ยงอาการแพ้หรือผิวลอกที่อาจเกิดขึ้นภายหลังได้

   
สรุป

ข้อเสียในการซักผ้าด้วยมือจะส่งผลกับผิวที่มือได้มากกว่าเสื้อผ้าของเรา แต่สำหรับการซักผ้าด้วยเครื่องก็มีข้อดีและข้อจำกัดเช่นเดียวกัน ดังนั้น เราควรพิจารณาวิธีทำความสะอาดเสื้อผ้าของเราตามความเหมาะสม รวมถึงสภาพการเงินของเราในระยะยาว

6
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / วิธีดูแลโซฟาหรูหราให้คงสภาพเหมือนใหม่เสมอ
« เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2023, 04:07:17 pm »

โซฟาหรูหราถือเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญที่ส่วนใหญ่จะมีราคาสูง เนื่องจากใช้วัสดุเกรดคุณภาพและมีขั้นตอนการผลิตที่ไม่เหมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่น ๆ ที่อยู่ภายในห้องรับแขก นั่นจึงทำให้มีรายละเอียดวิธีการดูแลรักษาสภาพโซฟาหรูที่เราต้องทำความเข้าใจอยู่พอสมควร

ดังนั้น ในวันนี้เราจึงอยากพาทุกคนไปดูวิธีการรักษาโซฟาห้องรับแขกที่ผลิตจากวัสดุต่าง ๆ อย่างถูกต้องกัน เพื่อให้โซฟาตัวโปรดของเรายังคงดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ เอาล่ะ พร้อมกันแล้วใช่ไหม ตามไปดูกันเลย


ขั้นตอนการดูแลโซฟาหนัง

1. ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาด เป็นวิธีพื้นฐานในการดูแลไม่ให้ฝุ่นจับโซฟาและโต๊ะกลางกระจก แต่หากมีสิ่งสกปรกหรือคราบอาหารติดอยู่ ให้เราใช้ผ้าสะอาดที่บิดหมาดเช็ดทำความสะอาดได้เลย เพราะหากหนังเปียก โซฟาจะทิ้งรอยไปตลอดนั่นเอง

2. ไม่วางโซฟาหนังและโต๊ะคอนโซลในตำแหน่งที่ต้องรับแดดเป็นเวลานาน แต่ควรวางในห้องที่อากาศปลอดโปร่ง มีลมผ่าน เพราะรังสียูวีจากแสงแดดจะทำให้ผืนหนังของโซฟา และเนื้อไม้ของโต๊ะแห้งกรอบและเกิดรอยแตกลายในที่สุด

3. หลีกเลี่ยงการวางตำแหน่งโซฟาหรูหราที่โดนแอร์โดยตรง เพราะลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศมีผลทำให้ผืนหนังของโซฟาแห้งแตกเช่นเดียวกับแสงแดด แต่หากจำเป็นต้องวางในตำแหน่งที่ต้องโดนแอร์ เราแนะนำให้หาผลิตภัณฑ์ดูแลหนังโดยเฉพาะมาทาโซฟาตัวโปรดประมาณ 2  ครั้งต่อเดือน เพียงเท่านี้ผืนหนังก็จะสวยงามเหมือนใหม่อยู่เสมอ

4. ห้ามใช้ฟิล์มยืดหุ้มเพื่อเก็บโซฟาหนัง เนื่องจากผืนหนังจะไม่สามารถถ่ายเทความชื้นได้ และส่งผลให้สีหนังเปลี่ยน รวมถึงทิ้งรอยไว้บนโซฟา ดังนั้นให้เราใช้ผ้าคลุมเพื่อกันฝุ่นจับตัวบนโซฟาเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว


ขั้นตอนการดูแลโซฟาผ้า

1. ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดทำความสะอาดทั่วโซฟาได้ตามปกติ แต่ในกรณีที่มีคราบสกปรกฝังลึกในเนื้อผ้า ให้เราเลือกใช้น้ำยาขจัดคราบสำหรับเฟอร์นิเจอร์บุผ้าเท่านั้น เพราะจะมีส่วนผสมของน้ำยาที่เป็นมิตรต่อผ้ามากกว่าน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป

2. หากโซฟาปรับนอนมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เราสามารถนำไปตากแดดเพื่อลดกลิ่นอับชื้นได้ แต่ไม่ควรตากนานจนเกินไป เพราะจะทำให้สีผ้าของโซฟาซีดจางลงได้

3. ระมัดระวังของมีคมเกี่ยวโดนโซฟา โดยเฉพาะคนที่มักเก็บกุญแจต่าง ๆ ไว้ในกระเป๋ากางเกง ซึ่งบางครั้งปลายกุญแจอาจพลาดไปขูดกับผ้าโซฟาที่วางอยู่ในห้องนั่งเล่นวินเทจ จนทำให้เกิดรอยขีดหรือเป็นขุยได้


สรุป

การดูแลรักษาโซฟาหรูหราซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ห้องรับแขกชิ้นสำคัญนั้น เราควรใช้วิธีที่ถูกต้องและเหมาะสมกับวัสดุโซฟาแต่ละชนิด เนื่องจากทั้งหนังและผ้ามีโครงสร้างของเส้นใยที่แตกต่างกัน เมื่อเกิดคราบสกปรกจึงต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ไม่ทำลายพื้นผิวของวัสดุนั้น ๆ เพื่อเป็นการถนอมโซฟาตัวโปรดให้มีสภาพเหมือนใหม่อยู่เสมอ

7
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / เทคนิคการเปิดหัวตาเหมาะกับใคร และช่วยแก้ปัญหาตรงส่วนไหน ?
« เมื่อ: มีนาคม 10, 2023, 12:13:02 pm »

เชื่อว่าหลายคนที่สนใจอยากทำศัลยกรรมบริเวณรอบดวงตาจะต้องเคยได้ยิน เรื่องของเทคนิคการเปิดหัวตามาไม่มากก็น้อย เนื่องจากคนส่วนใหญ่มุ่งความสนใจไปที่การจัดแต่งตาสองชั้นเสียมากกว่า จนอาจมองข้ามเทคนิคที่ทำให้ตาขยาย รูปตาเรียว กรอบตาดูหวาน ตากลมโตแลดูสดใส ซึ่งผลลัพธ์เหล่านี้ต่างเป็นสิ่งที่สาว ๆ ชาวเอเชียต้องการ แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำเรามาดูกันดีกว่าว่า เทคนิคเปิดหัวตานี้เหมาะกับใคร และสามารถช่วยแก้ปัญหาตรงส่วนไหนได้บ้าง เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ตามไปดูพร้อม ๆ กันเลย !
 

การศัลยกรรมเปิดหัวตาเหมาะกับใคร ?

- ผู้ที่มีลักษณะหัวตาปิด รูปตาแคบ หรือดวงตาแลดูไม่สดใส

- ผู้ที่ดวงตาเล็กและสั้น ซึ่งเกิดจากเนื้อที่โค้งลงมาปิดทับบริเวณหัวตา

- ผู้ที่มีลักษณะหัวตางุ้มลงหรือมีเนื้อคลุมด้านหัวตาค่อนข้างมาก

- ผู้ที่ดวงตาดูดุดัน ตาดูไม่หวาน เนื่องจากหัวตาปิด

- ผู้ที่ดวงตาดูห่างจากกัน เพราะมีเนื้อคลุมปิดหัวตาเพิ่มระยะห่างของดวงตาทั้งสองข้าง

- ผู้ที่หัวตาดำอยู่ชิดกับหัวตามากเกินไป เนื่องจากพื้นที่บริเวณหัวตามีน้อย
              
ซึ่งส่วนใหญ่เทคนิคการศัลยกรรมตานี้มักมาควบคู่กับการทำตาสองชั้น เพื่อให้กรอบตาดูกว้างขึ้น เห็นดวงตากลมโตสวยงาม ตลอดจนปรับตำแหน่งดวงตาให้ได้สัดส่วนรับกับใบหน้ามากยิ่งขึ้น


เทคนิคศัลยกรรมเปิดหัวตาช่วยแก้ปัญหาตรงจุดไหน ?

- ช่วยกำจัดเนื้อที่ปกคลุมบริเวณหัวตา เพื่อให้ตาดูหวานกลมโต

- แก้ไขรูปตาที่ดูสั้น ให้มีลักษณะเรียวยาว ตาดูกลมโต และได้สัดส่วน

- ช่วยแก้ปัญหาขนตาทิ่มดวงตาจนเกิดอาการระคายเคือง

- แก้ปัญหาดวงตาดูเข ผิดรูป

- หากเนื้อหัวตาปิดดวงตามากจนแทบมองไม่เห็น การศัลยกรรมตาตกจะช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ให้มองเห็นได้ดียิ่งขึ้น

- ช่วยกำจัดหนังตาบริเวณข้างจมูกที่เหี่ยวย่นในผู้สูงอายุ
              
เทคนิคการเปิดหัวตาแม้จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องดวงตาได้ในหลาย ๆ ด้าน แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความสามารถของแพทย์ด้วย เพราะหากผ่าตัดออกมาไม่ดี อาจทำให้เห็นรอยแผลกรีดหัวตาหรือแผลบริเวณมุมหัวตาได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรมเสมอ !
 

สรุป
              
เทคนิคการศัลยกรรมเปิดหัวตาเหมาะกับคนที่มีปัญหาด้านกรอบตาต่าง ๆ เช่น หัวตาปิด รูปตาดูแคบ ตาเล็ก ตาสั้น ตางุ้ม หรือมีปัญหาด้านการมองเห็นเพราะเนื้อตาคลุมปิดดวงตา ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ได้จากการศัลยกรรม ดังนั้นหากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องการยกกระชับกรอบตาใหม่ละก็ อย่าลืมนำเทคนิคเปิดหัวตาไปพิจารณากันด้วยล่ะ เพื่อให้ดวงตาแลดูสมส่วนดั่งที่ใจคุณต้องการ

8
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / วิธีการเลือกซื้อผ้าเช็ดตัวสำหรับเล่นฟิตเนส
« เมื่อ: มีนาคม 10, 2023, 12:09:07 pm »
           
จากสถิติพบว่าสมาชิกของฟิตเนสจะไปออกกำลังสัปดาห์ละสองครั้ง เพื่อเพิ่มความฟิตให้แก่ร่างกาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่จะดีกับสุขภาพมากกว่าหากคุณซื้อผ้าเช็ดตัวไว้เป็นของตัวเองเมื่อไปฟิตเนสทุกครั้ง เนื่องจากฟิตเนสนั้นเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียต่าง ๆ ถึงแม้ว่าจะมีการดูแลทำความสะอาดอุปกรณ์สม่ำเสมอ แต่ในระหว่างวันพบว่าลู่วิ่งไฟฟ้า จักรยานออกกำลังกาย และฟรีเวทโดยเฉลี่ยแล้วเต็มไปด้วยเชื้อโรค – มากกว่า 1 ล้านตัวต่อตารางนิ้ว ดังนั้นการซื้อผ้าเช็ดตัวเพื่อซับเหงื่อของตัวเองจึงเป็นมารยาทที่ดีเมื่อไปฟิตเนส
 

ข้อดีของการซื้อผ้าเช็ดตัวส่วนตัว

✓ ช่วยให้คุณรู้สึกเย็นสบายขึ้นขณะออกกำลังกาย

✓ ช่วยให้ใบหน้าและร่างกายของคุณรู้สึกสะอาดและแห้งอยู่เสมอ

✓ ลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค เมื่อคุณใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อแทนมือของคุณ ซึ่งอาจสัมผัสกับแบคทีเรียบนอุปกรณ์ออกกำลังกายมาก่อน

✓ คุณอาจซื้อผ้าเช็ดตัวอีกผืนมาเพื่อจับอุปกรณ์ที่คุณใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง
 

ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อผ้าเช็ดตัวออกกำลังกาย

1. วัสดุ  วัสดุ 2 ชนิดที่พบมากที่สุดคือผ้าฝ้ายและไมโครไฟเบอร์ ผ้าเช็ดตัวผ้าฝ้ายเป็นที่นิยมมากกว่า เนื่องจากดูดซับและความทนทานที่น่าเหลือเชื่อ นอกจากนี้ยังแห้งเร็วและให้สัมผัสที่เป็นธรรมชาติอย่างอ่อนโยนเมื่อเช็ดตัว

2. ขนาดและรูปร่าง เมื่อไปฟิตเนส คุณจะต้องการผ้าขนหนูที่พาดคอพาดบ่าได้ง่าย นั่นเป็นสาเหตุที่ผ้าเช็ดตัวสำหรับออกกำลังกาย
ต้องมีขนาดค่อนข้างเล็ก กะทัดรัด และพกพาได้ง่าย เพื่อให้สามารถม้วนพับและใส่ในกระเป๋าฟิตเนสได้ง่าย

3. ความนุ่ม ใคร ๆ ก็อยากได้ผ้าขนหนูนุ่มๆ เพราะคุณต้องใช้ผ้าขนหนูสำหรับออกกำลังกายกับผิวที่บอบบางที่สุดในร่างกาย นั่นคือใบหน้าของคุณ เลือกซื้อผ้าเช็ดตัวคุณภาพดี ที่มีทั้งความนุ่มที่ไม่ทำให้ใบหน้าระคายเคืองและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

4. การทำให้แห้ง ไม่ว่าคุณจะเลือกผ้าขนหนูออกกำลังกายแบบใดก็ตาม ให้มองหาผ้าเช็ดตัวซับน้ำดีที่แห้งเร็ว เลือกแบบไม่บอบบางเกินไป แต่ยังเบาบางพอที่จะแห้งเร็ว

5. ความทนทาน มองหาผ้าขนหนูสำหรับออกกำลังกายที่มีตะเข็บเย็บสองครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการหลุดลุ่ย และโครงสร้างการทอแบบสานกล้วย จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความทนทาน
 

สรุป
           
หลังจากอ่านมาทั้งหมดแล้ว คุณคงเห็นประโยชน์และข้อดีมากมายของการซื้อผ้าเช็ดตัวส่วนตัวพกไปเล่นฟิตเนส นอกจากจะเป็นการรักษาสุขภาพอนามัยที่ดีของตนเองแล้ว ยังเป็นการสร้างจิตสำนึกการใช้งานร่วมกัน การรักษาความสะอาด เป็นมารยาทที่ดีและนึกถึงใจผู้อื่นอีกด้วย เชื่อว่าทุกคนคงอยากออกกำลังกายอยู่ในฟิตเนสที่สะอาดสะอ้านดูดี เริ่มต้นได้ง่าย ๆ จากการซื้อผ้าเช็ดตัวมาใช้เองกันเถอะ!

9
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / นมผงแคลเซียมสูงช่วยให้ลูกสูงขึ้นได้จริงไหม ?
« เมื่อ: มีนาคม 08, 2023, 02:34:54 pm »

คุณแม่ที่ให้ลูกดื่มนมผงแคลเซียมสูงต่างก็อยากให้ลูกมีส่วนสูงตรงตามมาตรฐานกันทั้งนั้น เพราะเชื่อกันว่าแคลเซียมเป็นสารอาหารที่สามารถช่วยในเรื่องขอการเพิ่มส่วนสูงได้ แต่ทว่าความเชื่อนี้จะเป็นความจริงหรือไม่ แล้วแท้ที่จริงมีปัจจัยใดที่เกี่ยวข้องกับความสูงโดยตรง ในวันนี้เราจะมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้ลูกน้อยของคุณได้รับประโยชน์ของการดื่มนมผงสำหรับเด็กอ่อนอย่างเต็มประสิทธิภาพ และมีส่วนสูงตรงตามที่ใจปรารถนา
 

แคลเซียมในนมผงสำหรับเด็ก คืออะไร ?
              
เป็นสารอาหารชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายเป็นอย่างมาก โดยแคลเซียมเป็นส่วนประกอบหลักของกระดูกและฟันทำให้โครงสร้างแข็งแรง ช่วยให้เลือดแข็งตัว ช่วยในเรื่องการทำงานของระบบประสาทในส่วนของกล้ามเนื้อ เป็นตัวกระตุ้นการทำงานของโปรตีนที่เป็น Carboxyglutamic acid ให้จับเข้ากับแคลเซียม Hydroxyapatite เพื่อทำการสร้างและสลายกระดูก รวมไปถึงควบคุมความเป็นกรดด่างภายในร่างกาย สิ่งเหล่านี้ต่างเป็นประโยชน์ของนมเด็กที่มีแคลเซียมเป็นส่วนประกอบ ซึ่งนับว่ามีประโยชน์ต่อลูกน้อยมากอยู่พอสมควร
 

แคลเซียมเพิ่มความสูงได้จริงไหม ?
              
มาถึงคำถามที่หลายคนอยากรู้คำตอบกันมากที่สุด โดยสารอาหารในนมผงย่อยง่ายชนิดนี้สามารถเพิ่มความสูงได้จริง หากแต่ต้องทานร่วมกับโปรตีนและต้องเป็นโปรตีนที่มาจากพืชตระกูลถั่วเท่านั้น ทั้งยังต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านช่วงอายุในวัยเจริญพันธุ์ รวมไปถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอต่างมีส่วนช่วยในเรื่องการเพิ่มส่วนสูงทั้งสิ้น ดังนั้นคุณแม่ที่อยากให้ลูกมีส่วนสูงตามมาตรฐานก็ควรให้ลูกดื่มนมผงแคลเซียมสูงที่มีโปรตีนจากถั่วในปริมาณที่เหมาะสมร่วมด้วยเป็นดีที่สุด


อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมมีอะไรบ้าง ?

- นมผงสำหรับเด็ก : เป็นอาหารจานหลักสำหรับเด็กวัยแรกเกิดที่มีส่วนช่วยในเรื่องการเจริญเติบโต เพื่อให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านร่างกายและสมองอย่างสมวัย

- ชีส : อุดมไปด้วยพลังงาน แคลเซียม และมีโปรตีนสูง ซึ่งชีสมีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีวิตามินดีกับแมกนีเซียมที่ช่วยให้กระดูกแข็งแรงอีกด้วย

- โยเกิร์ต : ผลิตภัณฑ์จากนมวัวที่ผ่านการหมักแบคทีเรียชนิดดีมากกว่า 1 ชนิดขึ้นไป โดยแบคทีเรียเหล่านี้จะช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายให้ดียิ่งขึ้น
 

สรุป
              
การให้ลูกดื่มนมผงแคลเซียมสูงช่วยเพิ่มส่วนสูงได้จริงไหม ? คำตอบคือ จริง แต่ต้องทานร่วมกับโปรตีน และอยู่ภายใต้ปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรรมพันธุ์ของคุณพ่อคุณแม่ อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ รวมไปถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อความสูงของเราทุกคนทั้งสิ้น ฉะนั้น การดื่มนมผงแคลเซียมสูงจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

10
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / ‘เครื่องดักยุงไฟฟ้า’ มีความสำคัญอย่างไร ทำไมคุณควรมีติดบ้านไว้สักเครื่อง ?
« เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2022, 01:36:35 pm »

ยุง เป็นสัตว์นำโรคชนิดหนึ่งที่สามารถเข้าออกบ้านของเราได้อย่างอิสระ โดยโรคที่ติดมากับยุงนั้น ได้แก่ ไข้เลือดออก ไข้มาลาเรีย และไข้ซิกา ด้วยเหตุนี้หลาย ๆ คนจึงมักจะนำ ‘เครื่องดักยุงไฟฟ้า’ มาติดตั้งไว้ภายในบ้าน เพื่อใช้แทนยากันยุงที่อาจหลงเหลือกลิ่นของสารเคมีติดตามเฟอร์นิเจอร์หรือข้าวของชิ้นอื่น ๆ และในวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ ‘เครื่องดักยุงไฟฟ้า’ ให้มากขึ้นกันดีกว่า เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปดูกันเลย !
 

เครื่องดักยุงไฟฟ้า มีกี่ประเภท และแต่ละแบบมีกลไกการทำงานต่างกันอย่างไร ?
              
อย่าเข้าใจผิดว่าเจ้าเครื่องนี้จะมีการทำงานเหมือนกับ ‘เครื่องไล่แมลงไฟฟ้า’ เชียวล่ะ เพราะอันที่จริงแล้ว กระบวนการทำงานของทั้งสอง เรียกได้ว่า เป็นขั้วตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง โดยเครื่องสำหรับดักยุงจะล่อยุงตัวร้ายให้เข้ามาใกล้ ก่อนที่จะกำจัดยุงจนสิ้นชีพในพริบตาราวกับใช้ไม้ตียุง ซึ่งในปัจจุบันตัวเครื่องสำหรับดักจับยุงถูกผลิตออกมา 2 ประเภท ดังต่อไปนี้
 
1.เครื่องดักยุงไฟฟ้าแบบพัดลม
สิ่งที่ล่อให้ยุงบินเข้ามาใกล้ตัวเครื่องคือ หลอดไฟ UV เคลือบไทเทเนียมไดออกไซด์ โดยไทเทเนียมไดออกไซด์จะผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีความคล้ายคลึงกับลมหายใจของมนุษย์ ก๊าซชนิดนี้จึงเป็นตัวล่อชั้นดี และเมื่อยุงบินเข้ามาในระยะหวังผล พัดลมจะดูดยุงเข้ามาขังไว้ภายในเครื่องที่มีตาข่ายดักจับเตรียมไว้ จากนั้นยุงก็จะตายภายในเวลา 2-3 ชั่วโมง
 
2.เครื่องดักยุงแบบตะแกรงไฟฟ้า
ตัวเครื่องใช้หลอดไฟ UV เคลือบไทเทเนียมไดออกไซด์หลอกล่อยุงเหมือนอย่างเคย แต่คราวนี้สิ่งที่ยุงต้องเผชิญไม่ใช่พัดลมดูด หากแต่เป็นตะแกรงไฟฟ้าที่จะช็อตยุงให้ตายคาที่ในพริบตา นอกจากนี้ผู้ใช้งานต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะถ้าเผลอเอามือไปแตะโดนตะแกรงไฟฟ้าเสียเอง ก็อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้งานได้ด้วยเหมือนกัน


ความสำคัญของ ‘เครื่องดักยุงไฟฟ้า’ ที่ควรค่าแก่การมีติดไว้ที่บ้านเป็นอย่างยิ่ง

- ใช้งานง่ายเพียงเสียบปลั๊ก และที่สำคัญคุณไม่ต้องไล่ตบยุงให้เปลืองแรง

- ไม่มีกลิ่นเหม็นของสารเคมีเหมือนยากันยุง และปลอดภัยต่อสุขภาพ

- กำจัดยุงได้จำนวนมาก ขณะที่เปิดใช้งานเครื่องดักยุงไฟฟ้าอยู่

              
ก็จบไปแล้วกับ เรื่องราวของเครื่องดักยุงไฟฟ้าที่เรานำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ เพียงคุณเสียบปลั๊กแล้วปล่อยเครื่องให้ทำงานไป ยุงตัวร้ายก็แทบจะไม่เหลือรอดมากวนใจคุณได้อีกเลย ทั้งยังไม่ต้องเปลืองแรง และไม่มีกลิ่นของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ใช้งานอีกด้วย ดังนั้น หากใครกำลังมองหาวิธีกำจัดยุงแบบง่าย ๆ จนแทบไม่ต้องทำอะไร ‘เครื่องดักยุงไฟฟ้า’ นี่แหละตอบโจทย์ได้ดีที่สุด !

11
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / 4 เคล็ดลับการนั่งโต๊ะทำงาน ขนาดเล็กไม่ให้เสียสุขภาพ
« เมื่อ: มกราคม 24, 2022, 02:30:03 pm »

ชาวออฟฟิศอย่างเราต้องเคยประสบพบเจอกับอาการปวดเมื่อยตามบ่า ไหล่ หลัง หรือต้นคอกันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสาเหตุก็มาจากการนั่งโต๊ะทำงาน ขนาดเล็กเกินไป นั่งแบบผิด ๆ หรือนั่งนานจนแทบไม่ได้ขยับร่างกายเลยนั่นเอง และถ้าคุณยังฝืนนั่งต่อโดยเลือกที่จะมองข้ามเรื่องนี้ไปล่ะก็ อาการปวดเมื่อยจะยิ่งหนักขึ้น ตลอดจนกลายเป็น ‘โรคออฟฟิศซินโดรม’ ในที่สุด
              
แต่อย่างไรก็ดี เราสามารถป้องกันปัญหาสุขภาพนี้ได้ด้วย การปรับอิริยาบถท่านั่งทำงานบนโต๊ะทำงาน สวยๆ เสียใหม่เท่านั้นเอง และในวันนี้เราก็มี 4 เคล็ดลับดี ๆ ในการนั่งโต๊ะทำงาน ขนาดเล็กไม่ให้เสียสุขภาพมาฝาก ซึ่งจะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย !
 

1.นั่งหลังตรงแนบชิดกับพนักเก้าอี้
              
ประการแรกคือ พยายามบังคับตัวเองให้นั่งหลังตรง ไม่ก้มตัวไปด้านหน้าหรือเอนหลังจนเสียสมดุล เนื่องจากอาจส่งผลให้กระดูกสันหลังคดงอ เสื่อมสภาพลง และมีอาการปวดหลังเรื้อรังพ่วงมาด้วย หรือหากพบว่าโต๊ะทำงานไม้ตัวโปรดของคุณ อยู่ห่างจากตัวมากไปก็ควรขยับโต๊ะทำงานเข้ามุมพอดีกับวงแขน เพื่อป้องกันการเอนตัวไปด้านหน้าและหัวไหล่จะได้ไม่เจ็บตามไปด้วย
 

2.วางแขนให้ได้มุมตั้งฉากกับหัวไหล่
              
การวางข้อศอกบนที่พักแทนให้ได้มุม 90 องศา ขณะนั่งพิมพ์งานเป็นเวลานาน จะช่วยลดอาการเมื่อยล้าบริเวณหัวไหล่และข้อแขนที่ต้องยกอยู่ตลอดเวลาให้ได้พักบ้าง ดังนั้น ก่อนเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ ออฟฟิศอย่าง โต๊ะทำงานมีปลั๊ก หรือเก้าอี้นั่งทำงาน แน่นอนว่าคุณควรมองหาเก้าอี้ตัวที่มีที่พักแขนด้วยจึงจะดีต่อสุขภาพมากกว่าตัวธรรมดาเป็นไหน ๆ
 

3.วางก้นให้ชิดกับพนักเก้าอี้
              
อีกหนึ่งจุดสังเกตของการนั่งหลังตรงคือ ส่วนก้นต้องชิดติดกับพนักเก้าอี้เป็นมุมฉากอยู่ตลอดเวลา และอย่าเผลอกระเถิบตัวเข้าหาโต๊ะทำงานไม้ล่ะ เพราะเมื่อรู้สึกตัวอีกที หลังกับก้นของคุณจะไม่อยู่ติดพนักพิงอีกต่อไป ซึ่งการวางก้นให้ชิดกับพนักพิงช่วยให้เราสามารถถ่ายเทน้ำหนักของกล้ามเนื้อซ้ายและขวาได้เท่า ๆ กัน ส่งผลให้ไม่มีอาการปวดเมื่อยตามมาในภายหลัง

 
4.สายตาต้องอยู่ระนาบเดียวกับจอคอมพิวเตอร์
              
ท่านั่งทำงานที่ถูกต้องสายตาของเราจะต้องได้ระดับกับจอคอมพิวเตอร์พอดิบพอดี ไม่ก้มหรือเงยมากจนเกินไป เพราะเราอาจต้องเพ่งหรือจ้องหน้าจอมากกว่าปกติ จนทำให้เกิดอาการตาล้าในเวลาต่อมา ฉะนั้น หากเก้าอี้ไม่สามารถปรับระดับให้เหมาะกับโต๊ะทำงาน สวยๆได้ ก็แนะนำให้คุณหาหนังสือเล่มหนา หรือสิ่งของอื่น ๆ มารองใต้หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อเพิ่มความสูงเป็นดีที่สุด
 
              
จบไปแล้วกับ 4 เคล็ดลับดี ๆ ในการนั่งโต๊ะทำงาน ขนาดเล็กไม่ให้เสียสุขภาพ เนื่องจากท่านั่งเป็นสาเหตุหลักของอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ซึ่งอาการจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมในเวลาต่อมา ถ้าหากยังไม่ปรับท่านั่งโต๊ะทำงานไม้ตัวโปรดให้ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรเริ่มใส่ใจสุขภาพตั้งแต่ตอนนี้ และนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ รับรองเลยว่า ชีวิตการทำงานของคุณจะดีขึ้นอย่างแน่นอน !!

12
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / 4 เรื่องน่ารู้ของ ‘Ferrari 296GTB’ ซูเปอร์คาร์สายสปอร์ตแห่งปี 2021
« เมื่อ: ตุลาคม 27, 2021, 04:11:03 pm »

ภาพ : Ferrari 296 GTB ‘Assetto Fiorano’ (ด้านหน้า) / เครดิต

หลังจากที่ Ferrari ค่ายรถซูเปอร์คาร์ยักษ์ใหญ่ ได้เปิดตัวม้าลำพองสายเลือดใหม่อย่าง Ferrari 296GTB รถสปอร์ตพลังปลั๊ก-อิน ไฮบริดรุ่นใหม่ ที่ดีไซน์ภายนอกกะทัดรัดโดดเด่นไม่ซ้ำใคร พร้อมด้วยเครื่องยนต์ V6 ที่เร็วแรงไม่แพ้ตัว V8 เลย ก็ทำเอาใครหลายคนไฮป์ไปตาม ๆ กัน แต่ทว่าความพิเศษของ Ferrari 296GTB ไม่ได้มีเพียงแค่นั้น และในวันนี้เรามี 4 เรื่องน่ารู้ของรถซูเปอร์คาร์พลังไฮบริดคันนี้มาฝากกัน โดยจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันได้เลย !!
 

1.สมรรถนะโดยรวมของ Ferrari 296GTB
              
เรียกได้ว่าเป็นรถหรูที่วางเครื่องยนต์ไว้กลางลำ และขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง อีกทั้งยังเสริมด้วยแพ็กเกจแอโรไดนามิกส์ใหม่ ๆ ส่วนด้านหน้าเป็นระบบแบบแอคทีฟ ซึ่งทำงานร่วมกับสปอยเลอร์หลัง โดยในรุ่นปกติสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 360 กม. ที่อัตราเร็ว 250 กม./ชม.
              
แต่หากคุณเลือกแพ็กเกจ Assetto Fiorano เพื่อเพิ่มสมรรถนะของตัวรถ 296GTB ก็จะมีการเสริมแดมเปอร์แบบแม่เหล็กไฟฟ้ามาให้ รวมไปถึงเปลี่ยนอุปกรณ์บางชิ้น ได้แก่ การใช้ชิ้นส่วนประเภทคาร์บอนไฟเบอร์ทดแทนเพื่อ[^_^], ติดกระจกหลังแบบ Lexan, ใส่ยางสมรรถนะสูง MICHELIN Pilot Sport Cup 2 R และเพิ่มลวดลายพิเศษให้ดูต่างจากรุ่นปกติอย่างชัดเจน
 

2.ห้องโดยสารที่เน้นคนขับเป็นหลัก !
              
ภายใน Ferrari 296GTB ถูกดีไซน์ให้ดูเรียบง่ายเป็นระเบียบ และออกแบบจัดเรียงอุปกรณ์ทั้งหมดโดยเน้นคนขับเป็นหลัก ซึ่งจะประกอบไปด้วย จอ Head-up display, มาตรวัดระบบฟลูดิจิทัลแบบแสดงผลทั้งหมด รวมไปถึงเบาะนั่งทรงบัคเก็ตบุหนังอิตาเลียนสุดหรูด้วยเช่นกัน
 

3.Ferrari 296GTB มีเทคโนโลยีขับขี่อันน่าทึ่ง !

- ระบบ Transition Manager Actuator : ตัวควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้า

- ระบบ Brake-by-wire : เบรกที่ผสานการทำงานทั้งระบบไฮดรอลิกและไฟฟ้า

- ระบบ Motor Generator Unit-Kinetic : นำพลังงานที่สูญเสียไปจากการเบรกแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า


ภาพ : Ferrari 296 GTB ‘Assetto Fiorano’ (ด้านหลัง) / เครดิต

4.เพิ่มอรรถรสแห่งการขับขี่ Ferrari 296GTB ด้วยโหมด eManettino
              
ฟังก์ชันพิเศษที่เราสามารถเลือก โหมดการขับขี่เองได้ตามต้องการ โดยมีทั้ง...

- eDrive : ใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนในการขับเคลื่อน ซึ่งให้ความเร็วสูงสุดเพียง 135 กม./ชม. เท่านั้น

- Hybrid : ขับเคลื่อนด้วยกำลังของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าในเวลาเดียวกัน โดยเป็นสถานะเริ่มต้นของตัวรถ

- Performance : เครื่องยนต์จะทำงานตลอดเวลา เหมาะสำหรับการขับขี่แบบสปอร์ต

- Qualify : จะรีดสมรรถนะสูงสุดของ Ferrari 296GTB ออกมา (ประมาณ 830 แรงม้า) และชาร์จไฟกลับเข้าไปยังแบตเตอรี่ในกำลังที่ต่ำกว่าปกติ
 
              
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 4 เรื่องน่ารู้ของ Ferrari 296GTB ซูเปอร์คาร์สายเลือดผสมหรือไฮบริด ซึ่งแม้ว่าขนาดรถจะมีความกะทัดรัดกว่ารุ่นอื่น ๆ แต่ด้วยกำลังของเครื่องยนต์ V6 ก็ทำให้ Ferrari 296GTB ทำความเร็วได้ไม่แพ้รถรุ่นก่อนหน้าแต่อย่างใด นอกจากนี้ราคาเปิดตัวเริ่มต้นที่ 269,000 ยูโร หรือราว ๆ 10.3 ล้านบาทเท่านั้น โดยคุณสามารถจับจองกันได้แล้ววันนี้ กับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือเลือกคลิกตาม Link นี้ได้เลย !

13
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / 3 ข้อพิจารณาในการเลือกโต๊ะกินข้าววินเทจ ให้โดนใจคุณที่สุด
« เมื่อ: ตุลาคม 08, 2021, 01:48:28 pm »

โต๊ะกินข้าววินเทจ หนึ่งในเฟอร์นิเจอร์สุดหรู ที่ช่วยให้ห้องอาหารดูมีสีสัน สวยงาม และมีชีวิตชีวามากขึ้น ทั้งยังเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะนั่งทานอาหารร่วมโต๊ะ หรือนั่งพักผ่อนหลังมื้ออาหารและสนทนากันก็ตาม ทว่าการจะเลือกโต๊ะอาหารไม้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นในวันนี้เราจะมาบอก 3 ข้อพิจารณาเลือกโต๊ะทานอาหารที่ตอบโจทย์คุณมากที่สุด เอาล่ะ อย่ารอช้า ไปดูกันเลยดีกว่า !
 

1.พิจารณาจากรูปทรงของโต๊ะอาหาร
 
- โต๊ะทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส เหมาะสำหรับใช้ในคอนโดมิเนียม หรืออะพาร์ตเมนต์ที่มีพื้นที่จำกัด โดยโต๊ะกินข้าวสี่เหลี่ยมนี้ เรียกได้ว่าเป็นรูปทรงคลาสสิกที่นิยมกันมาอย่างช้านาน เนื่องจากสามารถปรับให้เข้ากับห้องอาหารขนาดต่าง ๆ ได้อย่างสบาย ๆ
 
- โต๊ะทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่กินพื้นที่มากพอสมควร จึงเหมาะสำหรับใช้ในบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ทั้งนี้สี่เหลี่ยมผืนผ้ายังเป็นรูปทรงโต๊ะกินข้าวไม้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด จึงมีให้เลือกใช้งานหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น สไตล์โมเดิร์น หรือวินเทจก็ตาม
 
- โต๊ะทรงกลม แม้ว่าโต๊ะทานอาหารทรงกลมจะไม่ค่อยนิยมเท่า 2 แบบแรก แต่ด้วยความโค้งมนบริเวณขอบโต๊ะ จึงมั่นใจในความปลอดภัยจากการกระแทกได้พอสมควร ซึ่งด้วยเหตุนี้ผนวกกับเรื่องโชคลาภ ส่งผลให้ครอบครัวคนจีนชื่นชอบใช้โต๊ะกินข้าว 6 ที่นั่งทรงนี้เป็นพิเศษนั่นเอง   
 

2.พิจารณาจากวัสดุที่ใช้ทำ
              
ปัจจุบันโต๊ะทานอาหารมีให้เลือกหลายแบบ โดยมีทั้งโต๊ะกินข้าว หินอ่อน, โต๊ะที่ทำจากไม้สไตล์วินเทจ และโต๊ะกระจก Tempered Glass ซึ่งคุณสามารถเลือกตามธีมห้องหรือในแบบที่คุณชื่นชอบได้เลย แต่ถึงกระนั้นก็อย่าลืมตรวจเช็กเรื่องความแข็งแรงทนทาน, วิธีทำความสะอาด รวมไปถึงการบำรุงรักษาระยะยาวด้วยล่ะ !

 
3.พิจารณาจากพื้นที่จัดวาง
              
อันที่จริงโต๊ะทานอาหารควรวางห่างจากผนัง 1.25 เมตร เพื่อที่ว่าจะได้มีช่องในการเดินเข้าออก โดยการจะเลือกโต๊ะขนาดไหนดีนั้น ก็คำนวณได้จากจำนวนสมาชิกทุกคนในครอบครัว อีกทั้งความสูงของโต๊ะทานอาหารควรจะอยู่ราว ๆ 75 ซม. ส่วนเก้าอี้กินข้าวก็ควรสูงประมาณ 45 ซม. และที่สำคัญบนโต๊ะทานอาหารต้องมีพื้นที่เพียงพอสำหรับทุกคน โดยเว้นระยะห่างคนละ 60 ซม. หรือให้พูดง่าย ๆ คือ ข้อศอกไม่ชนกันนั่นแหละ
              
              

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 3 ข้อพิจารณาในการเลือกโต๊ะกินข้าววินเทจ โดยต้องขอบอกไว้ก่อนว่า เนื้อหาดังกล่าว ไม่ใช่กฎเกณฑ์ตายตัว คุณสามารถนำไปพลิกแพลงประยุกต์ใช้ตามใจชอบได้เลย และสำคัญที่สุดอย่าลืมตระเตรียมวัดขนาดพื้นที่จัดวางให้พร้อม ก่อนเลือกซื้อชุดโต๊ะกินข้าวสไตล์วินเทจนี้ด้วยล่ะ เดี๋ยวหาว่าไม่เตือน !!

14
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / SEO คืออะไร ? รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ SEO สั้น ๆ แต่ได้ใจความ
« เมื่อ: สิงหาคม 26, 2021, 01:36:44 pm »

เชื่อว่าใครก็ตามที่กำลังมองหาเอเจนซี่รับทำการตลาดออนไลน์ คงจะมีคำถามมากมายเกี่ยวกับ SEO ที่อยากจะได้คำตอบก่อนเริ่มใช้บริการ เช่น SEO คืออะไร, อยากให้เว็บไซต์ติดอันดับเร็ว ๆ ต้องทำอย่างไร หรือมีรายงานการทำ SEO ให้ดูไหม ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนี่คือการลงทุนทางธุรกิจอย่างหนึ่ง จึงต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าอยู่เสมอ และเพื่อการณ์นั้น ในวันนี้เราได้รวบรวมคำถามพร้อมคำตอบเกี่ยวกับ SEO ที่มักพบเจอบ่อย ๆ มาให้คุณแล้ว...ลองเลื่อนลงมาด้านล่างนี้สิ ไม่แน่คุณอาจจะพบคำตอบที่ตามหาอยู่ก็เป็นได้ !
 

บริการ SEO คืออะไร ?
              
นี่เป็นคำถามที่พบเจอบ่อยที่สุด โดย SEO หรือ Search Engine Optimization คือ กระบวนการสร้างทราฟฟิกหรือจำนวนผู้เข้าชม ที่มีคุณภาพมายังเว็บไซต์ของเราบน Search Engine ต่าง ๆ เช่น Google, Yahoo หรือ Baidu เป็นต้น มีเป้าหมายเพื่อให้เว็บไซต์ปรากฏบนหน้าแรกของการค้นหาในอันดับที่สูงกว่าคู่แข่ง ซึ่งต้องอาศัยวิธีการต่าง ๆ Keyword และความชำนาญของผู้รับทำ SEO มืออาชีพ
 

สามารถทำ Local SEO หรือ อันดับเฉพาะพื้นที่ได้อยู่ไหม ?
              
การทำอันดับเฉพาะพื้นที่ยังสามารถทำได้อยู่ และเหมาะมากกับธุรกิจขนาดเล็ก SME หรือกิจการที่มีงบโฆษณาน้อย ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ลูกค้าบริเวณโดยรอบรู้จักคุณมากขึ้น


SEO สามารถทำเองได้ไหม ?
              
ขอบอกเลยว่า อยู่ที่ความสะดวกของแต่ละคน อันที่จริงคุณเองก็สามารถทำได้ แต่ถ้าคุณยังไม่ชำนาญหรือไม่มีเวลามากพอ แนะนำให้ใช้บริการจากเอเจนซี่รับ ทำ SEO โปรโมท เว็บไซต์จะดีกว่า ซึ่งประหยัดทั้งเวลาและเรี่ยวแรง ช่วยให้คุณโฟกัสกับส่วนอื่น ๆ ของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
 

อยากขึ้น Google หน้า แรกเร็ว ๆ ต้องใช้เวลานานแค่ไหน ?
              
เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบตายตัวให้ เพราะว่าการจะปั้นอันดับเว็บไซต์นั้น มีปัจจัยมากมายเป็นตัวกำหนด เช่น จำนวนการค้นหาของ Keyword ที่ใช้, จำนวนคู่แข่ง, Keyword ที่คล้ายกัน รวมไปถึงปัจจัยที่เกี่ยวกับเว็บไซต์อื่น ๆ อีก ซึ่งถ้าจะให้คาดคะเนก็ราว ๆ 4-8 เดือน จึงเห็นผลลัพธ์ที่ต้องการ


มีรายงานผลการทำ SEO ให้ดูไหม ?
              
บริษัทรับทำ SEO จะต้องมี Report ทุกเดือน นับตั้งแต่วันที่เริ่มแคมเปญตลอดจนทุก ๆ สิ้นเดือน เพื่อใช้เช็กดูผลลัพธ์ของแคมเปญโฆษณาว่าต้องมีการปรับแก้อะไรไหม รวมถึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการตลาดในอนาคต หรือเทรนด์ใหม่ ๆ เพิ่มเติมด้วย เพราะเอเจนซี่เปรียบเสมือนพาร์ทเนอร์คนหนึ่ง ซึ่งคุณสามารถขอคำปรึกษาได้ตลอดเวลา
 
              
และนี่คือ คำถามเกี่ยวกับ SEO ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ แม้ว่าจะมีบางข้อที่คุณอาจรู้คำตอบอยู่แล้วอย่าง SEO คืออะไร แต่หากคุณอยากจะให้การลงทุนในครั้งนี้คุ้มค่ามากที่สุด ก็คงจะมีคำถามอีกมากมายที่คุณต้องการคำตอบ และเราหวังว่าเนื้อหาข้างต้นจะตอบคำถามในใจคุณให้กระจ่างได้ไม่มากก็น้อย ทั้งนี้เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปอย่างที่ใจคุณต้องการนั่นเอง

15
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / นาฬิกา Klasse14 ในไทย หาซื้อได้ที่ไหนบ้าง ?
« เมื่อ: ตุลาคม 20, 2020, 08:24:31 am »
   
เพื่อน ๆ รู้จักกันหรือเปล่าเอ่ยกับ Klasse14 นาฬิกาแฟชั่นสัญชาติอิตาลีน้องใหม่ไฟแรง (สูง!) ด้วยงานออกแบบที่มีเอกลักษณ์ จากผลงานของครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ชื่อดัง ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ สนใจละก็ตอนนี้นาฬิกา Klasse14 ในไทยเขาหาซื้อกันได้แล้วนะ!!! แต่ถ้ายังไม่อิน งั้นเรามาทำความรู้จักกันก่อน !
 

ที่มาของนาฬิกา Klasse 14
นาฬิกา Klasse14 คือแบรนด์นาฬิกาแฟชั่นน้องใหม่ที่ก่อตั้งในปี 2014 ที่ได้ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์อย่างมาริโอ โนบิเล่ (Mario Nobile) เป็นผู้ออกแบบขึ้นมาด้วยความคิดที่มองว่าโลกใบนี้นั้นเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็นการขับรถเร็วที่ชวนตื่นเต้นเร้าใจ หากแต่ก็แฝงไว้ด้วยความอันตราย หรืออาหารอร่อย ที่มักจะมาพร้อมกับไขมันและโรคภัย เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ที่เรามีความขัดแย้งและบุคลิกเฉพาะตัวที่ต่างกันออกไป ซึ่งความโดดเด่นไม่เหมือนใครนี่เองคือสิ่งที่มาริโอ โนบิเล่ต้องการบอกเล่าผ่านผลงานของพวกเขา


Volare
นี่คือซีรีส์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวบนท้องฟ้า ด้วยสีสันบนนาฬิกาอันเป็นตัวแทนของช่วงเวลาย่ำรุ่ง ยามเที่ยง ยามเย็น และยามค่ำคืนอันมืดมิด นาฬิกา Klasse14 ซีรีส์ Volare ใช้เข็มนาฬิกาที่หักงอขึ้นเป็นตัวแทนของอิสรภาพ ดั่งปีกนกที่โผบินอย่างเสรี และใช้หน้าปัดนาฬิกาเป็นท้องฟ้าอันไร้ขอบเขต 
 

Imperfect
Klasse14 ราคา และความงามอันเป็นเอกลักษณ์ “เราแต่ละคนล้วนมีความงามในแบบของตัวเอง” นี่คือคอนเซ็ปที่มาริโอ โนบิเล่ (Mario Nobile) ต้องการสื่อสารผ่านผลงานชิ้นนี้ ด้วยหน้าปัดนาฬิกาที่ไม่เต็มร้อย เว้าแหว่ง จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพื่อบอกเล่าถึงความสวยงามอันเกิดจากความไม่สมบูรณ์แบบ
 

Disco Volante
ความลึกลับจากบนท้องฟ้า ห้วงอวกาศดำมืดอันไร้ที่สิ้นสุด และมนุษย์ต่างดาว นี่คือความสนใจในวัยเด็กของมาริโอ โนบิเล่ (Mario Nobile) ที่ดึงเอามาเป็นคอนเซ็ปของนาฬิกา Klasse14 ซีรีส์นี้ ด้วยรูปทรงกลมของนาฬิกาที่ถูกออกแบบให้ดูคล้ายกับ UFO  และเส้นสายบนหน้าปัดที่ออกแบบให้ดูมินิมอล เรียบง่าย
 
ตัวแทนจำหน่าย Klasse14 อย่างเป็นทางการในไทยที่พร้อมให้ไปจับจอง!
แน่นอนว่ายังมีซีรีส์อื่น ๆ อีกมากมายที่กำลังตามมา ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ สนใจละก็ ตอนนี้ก็ได้มี Klasse14 ในไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเพื่อน ๆ สามารถไปดูได้ที่เพจ Klasse14 Thailand และเว็บไซต์ Trocadero Time ได้เลย!


สรุป
เป็นยังไงกันบ้างกับนาฬิกา Klasse14 ที่เข้าในไทยมาแล้ว บอกได้เลยว่าแต่ละซีรีส์ที่ถูกนำเข้ามานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์และความโดดเด่นเฉพาะตัว ถ้าสนใจเจ้าแบรนด์นาฬิกาแฟชั่นน้องใหม่แบรนด์นี่ล่ะก็ ถ้างั้นลองไปหาซื้อกันดูซี้!

16
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / ธุรกิจ E Commerce จะแข็งแรง ต้องหาที่รับทำ SEO ควบคู่ไปด้วย!
« เมื่อ: กันยายน 24, 2020, 02:45:43 pm »

คงไม่มีใครไม่รู้จักกับ E Commerce วิธีที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณได้พบเจอกับกลุ่มเป้าหมาย และผู้คนมากมายผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็มักจะเน้นไปที่การวางระบบ และการตกแต่งหน้าเว็บให้สวยงาม แต่! ทราบหรือไม่ว่านอกจากหน้าตาที่ผู้คนต้องเห็นแล้ว เบื้องหลังเองก็สำคัญไม่แพ้กัน และต่อไปนี้คือเหตุผลที่คุณควรหาคน บริษัท หรือเอเจนซี่ที่ “รับทำ SEO” ควบคู่ไปด้วย!
 
เพราะการทำ SEO คือการเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจ
การทำเว็บ E Commerce คือวิธีที่ธุรกิจของคุณจะพบเจอกับลูกค้าได้ง่ายที่สุดก็คือการพบเจอบนเสิร์ชเอนจิ้น ผ่านหน้าค้นหาที่กลุ่มเป้าหมายกำลังมองหาสิ่งที่พวกเขาต้องการ และบังเอิญที่ว่าคุณสามารถตอบสนองสิ่งนั้นได้พอดี
แต่แน่นอนว่าทางเลือกนั้นอาจไม่ได้มีเพียงแค่ธุรกิจเดียว เพราะยังมีคู่แข่งอีกหลายสิบ หลายร้อยบริษัทที่พร้อมจะเข้ามาแย่งลูกค้าไป ดังนั้นแล้วการที่เว็บไซต์ของคุณถูกพบเห็นเป็นเว็บไซต์แรก ๆ ย่อมสร้างโอกาสที่พวกเขาจะใช้บริการกับคุณมากกว่า ถูกไหม ? แล้วจะดีแค่ไหนถ้าเว็บไซต์ทางธุรกิจของคุณติดอยู่บน Google หน้าแรก ? กัน ด้วย SEO ความต้องการที่ว่าเป็นจริงได้!
 
เอาละถ้าพอเข้าใจเหตุผลแล้ว ถ้างั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าถ้าจะทำ SEO นั้น ต้องมีขั้นตอนและกระบวนการอะไรกันบ้าง
 
SEO คือ ?
SEO หรือ Search Engine Optimization คือกระบวนการที่เกิดจากการศึกษาการทำงานของอัลกอริทึมและพฤติกรรมความชอบของผู้คน

- Keyword Research
ด้วยการทำ Keyword Research ที่มีประสิทธิภาพ นี่จะทำให้เสิร์ชเอนจิ้นอย่าง Google เข้าใจเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น และยิ่ง Google เข้าใจเว็บไซต์ของคุณมากเท่าไหร่ เวลาที่กลุ่มเป้าหมายค้นหา พวกเขาก็จะมีโอกาสพบเจอกับคุณมากขึ้นเท่านั้น
- วางระบบ
ถ้าทำเว็บ E Commerce งั้นคุณก็น่าจะเคยได้ยินเรื่อง UX/UI ที่เกี่ยวกับการออกแบบเพื่อสร้างประสบการณ์ใช้งานด้านบวกให้กับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ แต่แค่นั้นยังไม่พอ เพราะถ้าคุณอยากจะอยู่บน Google หน้าแรกละก็ ยังต้องมีในเรื่องของ Pagespeed Sitemap และอื่น ๆ อีกมากมาย
- Link building
หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า Backlink นี่คือทางลัดที่เร็วและถูกระเบียบที่ดีที่สุดสำหรับการทำให้เว็บไซต์ของคุณเติบโต และถูกประเมินว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพในสายตาของ Google ด้วยการนำลิงก์เว็บไซต์ของคุณไปวางไว้บนเว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีคะแนนและความน่าเชื่อถือในสายตาของ Google
- คอนเทนต์
นอกจากในส่วนเทคนิคทั้งสามอย่างที่เราพูดถึงกันไปแล้ว คอนเทนต์เองก็คือส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีคุณค่าและถูกผลักดันขึ้นไปยังหน้าแรก ๆ ได้ง่ายขึ้น เพียงแต่ว่าคอนเทนต์ที่ทำลงบนเว็บไซต์ E Commerce ของคุณนั้นจะต้องไม่ใช่แบบธรรมดาทั่วไป แต่ต้องเป็นคอนเทนต์สำหรับ SEO ! ด้วยการแทรก Keyword ที่เราได้จาก Keyword Research ลงไป พร้อมกับทำให้เนื้อหาคอนเทนต์มีประโยชน์และสมูทที่สุด


ทำเองได้ไหม ไม่เห็นต้องจ้างบริษัทรับทำ SEO อะไรพวกนั้นเลย ?
SEO ที่มีคุณภาพจะต้องมีการสร้าง Backlink และอัปเดตคอนเทนต์อยู่สม่ำเสมอ เพราะกฎระเบียบหรือรูปแบบการทำมีการปรับเปลี่ยนไปตามการอัปเดตระบบของเสิร์ชเอนจิ้น
ซึ่งในจุดนี้เองที่ทำให้ตัวแทน บริษัท หรือเอเจนซี่ที่รับทำ SEO โปรโมท เว็บไซต์เข้ามามีบทบาท เพราะด้วยความที่งานดังกล่าวมันเป็นงานหากิน หรือรายได้หลักของพวกเขา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะติดตามอัปเดตข่าวสาร และปรับปรุงกลยุทธ์การทำ SEO ของตัวเองให้มีคุณภาพอยู่เสมอ
 

สรุป
บริการรับทำ SEO ยังจำเป็นสำหรับคุณไหม ? ต้องลองถามตัวเองว่าเรามีเวลามากพอหรือไม่ ? ถ้ามีเวลาและขยันมากพอคุณก็อาจทำได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าไม่อยากเหนื่อย และต้องการจัดสรรเวลาไปดูแลธุรกิจมากกว่าละก็ การมองหาบริการรับทำ SEO ก็อาจเป็นทางออกที่ดีกว่าเพื่อรากฐานที่มั่นคงของธุรกิจคุณบนโลกออนไลน์ สุดท้ายก็อยู่ที่คุณแล้วว่าจะเลือกอะไร!
 

หน้า: [1]