แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 40
1
จัดฟันบางนา: การจัดฟันแบบใส สามารถออกแบบรอยยิ้มได้

รอยยิ้ม ถือเป็นสิ่งแรกของความสัมพันธ์และเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกประทับใจเมื่อพบเห็น แน่นอนว่า ใครๆ ก็อยากจะมีรอยยิ้มที่สวยงาม มั่นใจ เป็นที่ประทับใจ ดังนั้น รอยยิ้มของเราจึงถือเป็นภาพลักษณ์ที่สามารถแสดงออกได้ถึงความจริงใจ และยังเป็นเสน่ห์ติดตัวของเราที่ใครก็ไม่สามารถเอาไปได้ องค์ประกอบสำคัญของรอยยิ้มแน่นอนว่า อยู่ที่ปากของเรา ยิ่งถ้าเรามีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีฟันที่เรียงตัวสวยงามเป็นธรรมชาติก็จะทำให้เรามีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ได้ไม่ยาก ดังนั้น การที่เรามีฟันที่สวย สุขภาพดี ก็จะทำให้เรามีบุคลิกภาพที่มั่นใจได้อีกด้วย เช่นเดียวกับการจัดฟันแบบใส หลายคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างของฟัน ก็คงจะรู้สึกไม่มั่นใจเวลายิ้ม


แต่ในปัจจุบันนี้ ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้ารับการจัดฟันแบบใส ที่ต้องบอกว่า เป็นการจัดฟันที่มีประสิทธิภาพ มีผลการรักษาที่แม่นยำ เพราะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษา จึงทำให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพ จุดเด่นของการจัดฟันแบบใส นอกจากเรื่องของเครื่องมือที่สามารถถอดออกได้แล้ว ก็ยังมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาวางแผนในการรักษา ทำให้เราสามารถออกแบบรอยยิ้มร่วมกับทันตแพทย์ได้ เพราะก่อนเข้ารับการรักษา ทันตแพทย์จะทำการวางแผนการรักษาและผู้เข้ารับการรักษาสามารถร่วมพูดคุยและเห็นการเคลื่อนตัวของฟันได้ เห็นการทำงานของเครื่องมือได้ด้วยรูปแบบ 3D ด้วยเหตุนี้เอง การจัดฟันแบบใส จึงทำให้เราสามารถออกแบบรอยยิ้มของเราได้

สำหรับวันนี้ทางคลินิก เราจะมาพูดถึงการสร้างรอยยิ้มที่มั่นใจได้ในขณะที่เข้ารับการจัดฟันแบบใส ซึ่งต้องบอกว่า การเข้ารับการรักาด้วยการจัดฟันแบบใส สามารถตอบโจทย์ของใครได้หลายๆคนเลยทีเดียว ถึงแม้ว่า การจัดฟันจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องของลักษณะฟัน รูปร่างของฟันได้ ต่างคนที่เคยผ่านการเข้ารับการจัดฟันแบบสวมใส่เครื่องมือแบบติดแน่น ก็อาจจะยังมีอุปสรรคในเรื่องของการยิ้มทั้งๆที่มีเหล็กจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก


ซึ่งอาจจะทำให้ใครหลายๆคนไม่ถูกใจมากนัก เพราะอาจจะรู้สึกไม่มั่นใจเวลาที่มีเครื่องมือการจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก ซึ่งการจัดฟันแบบใส สามารถตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาในเรื่องของการยิ้มได้เป็นอย่างดี อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เครื่องมือการจัดฟันแบบใส มีลักษณะเป็นพลาสติกใส มีความบางและถูกออกแบบมาให้เข้ากับรูปร่างฟันของแต่ละบุคคล ดังนั้น ปัญหาในเรื่องของการยิ้มแล้วรู้สึกไม่มั่นใจจะหมดไปทันที เมื่อเข้ารับการจัดฟันแบบใส การจัดฟันแบบใส ทำให้เราสามารถออกแบบรอยยิ้มของเราได้ ทำให้เรายิ้มได้อย่างมั่นใจในแบบของเรา เพราะก่อนการเข้ารับการจัดฟัน ทันตแพทย์จะทำการออกแบบ วางแผนการรักษาของเราด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาสามารถเห็นผลการรักษาได้ล่วงหน้า นี่ถือเป็นอีกหนึ่งข้อดีของการเข้ารับการจัดฟันแบบใส


ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า การที่เราเข้ารับการจัดฟันแบบใส จะช่วยทำให้เรามีรอยยิ้มที่มั่นใจในระหว่างการจัดฟัน โดยที่ไม่มีอุปสรรคในเรื่องของเครื่องมือทำให้รู้สึกกังวลเวลายิ้ม ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพให้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยเสริมสร้างในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันได้เป็นอย่างดี เพราะการจัดฟันแบบใส ผู้เข้ารับการจัดฟัน สามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันได้ขณะทำความสะอาดช่องปากและฟัน เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในแง่ของความมั่นใจและในแง่ของสุขภาพช่องปากและฟันเลยทีเดียว

สำหรับใครที่สนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อของรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษาและแนะนำวิธีการดูแล ปฏิบัติตัวในระหว่างการจัดฟันได้อย่างถูกต้อง ทางคลินิกของเรายังได้รับการรับรองสูงสุดจาก Invisalign ให้สามารถให้บริการจัดฟันแบบใสได้อย่างปลอดภัยตามมาตรฐานสากล และมีความน่าเชื่อถือแก่ผู้เข้ารับบริการ ว่า เมื่อคุณเข้ารับการรักษาจากทางคลินิกจะทำให้คุณมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน และยังช่วยทำให้มีฟันที่เรียกตัวกันอย่างสวยงาม สามารถใช้งานฟันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

2
มือถือ Huawei หัวเหว่ย Huawei NovaY91
N/A

หัวเหว่ย Huawei NovaY91
รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น              หัวเหว่ย Huawei NovaY91
   ราคากลาง             -
   จำนวนซิม           2 ซิม
   แบบดีไซน์          จอสัมผัส
   สี                    Silver(Moonlight Silver), Black(Black)
   ความถี่-เครือข่าย
3G
4G

   ขนาด-น้ำหนัก                     ยาว 171.6 x กว้าง 79.9 x หนา 8.9 มม., น้ำหนัก 214 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)    128 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด      -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ        ความจุแบตเตอรี่ 7,000 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ                   จอสัมผัส (LCD 16.7 ล้านสี)
   ความละเอียด            6.95 นิ้ว, 2,376 x 1,080 px
   รายละเอียดอื่น

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                กล้องหลัง (50 Mpx), กล้องหน้า (8 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                            Auto Focus, Flash, ซูมดิจิตอล

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)               4 ? Cortex-A73 Based 2.4 GHz + 4 ? Cortex-A53 Based 1.9 GHz
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)
   หน่วยความจำ (RAM)                 8.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก                 USB(Type-C 2.0), Bluetooth(5.0, Support BLE, SBC, AAC), Jack(USB Type-C earjack)
   ระบบรับส่งข้อความ                      -
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต               3G, 4G

3
Doctor At Home: วัณโรคปอด (Pulmonary Tuberculosis: PTB)

วัณโรคปอด (Pulmonary Tuberculosis: PTB) เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการป่วยและเสียชีวิตทั่วโลก

สาเหตุ
วัณโรคปอดเกิดจากการสูดหายใจเอาละอองเสมหะที่มีเชื้อวัณโรคปะปนอยู่ในอากาศ เมื่อผู้ป่วยวัณโรคที่อยู่ในระยะแพร่เชื้อ ไอ จาม พูดดัง ตะโกน หัวเราะ หรือร้องเพลง เชื้อวัณโรคจะฟุ้งกระจายออกมาในรูปของละอองฝอยขนาดเล็กมาก (1-5 ไมโครเมตร) ที่สามารถลอยอยู่ในอากาศได้นาน และเมื่อมีคนสูดหายใจเอาละอองฝอยที่มีเชื้อนี้เข้าไป เชื้อก็จะเข้าไปถึงถุงลมปอดและทำให้เกิดการติดเชื้อได้

แม้ว่าการติดเชื้อจะเกิดขึ้นได้ง่าย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับเชื้อจะป่วยเป็นวัณโรคทันที เชื้ออาจจะซ่อนตัวอยู่ในร่างกายเป็นเวลานานเป็นปีหรือสิบปี (เรียกว่า วัณโรคแฝง) และจะแสดงอาการของโรคออกมาเมื่อร่างกายอ่อนแอลง หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ป่วยเป็นวัณโรคได้ง่ายขึ้น:

การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรคปอดระยะแพร่เชื้อเป็นเวลานาน เช่น ผู้ที่อยู่บ้านเดียวกัน หรือเพื่อนร่วมงานในห้องเดียวกัน
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV/เอดส์, ผู้ป่วยเบาหวาน, ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง, ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันเป็นเวลานาน (เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์)
การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการเสพสารเสพติด
ภาวะทุพโภชนาการ
ผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก
การอยู่ในสถานที่แออัด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก

อาการ
อาการของวัณโรคปอดอาจแตกต่างกันไปตามระยะและความรุนแรงของโรค ในระยะเริ่มต้นอาจไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย แต่เมื่อโรคลุกลามมากขึ้น อาการที่พบบ่อยได้แก่:

ไอเรื้อรัง: ไอมีเสมหะหรือไอแห้งๆ นานกว่า 2-3 สัปดาห์ขึ้นไป
ไอมีเลือดปน: บางครั้งอาจไอเป็นเลือดสดๆ ซึ่งเป็นสัญญาณอันตราย
มีไข้ต่ำๆ: มักมีไข้ในช่วงบ่ายหรือกลางคืน และอาจมีไข้สูงได้
เหงื่อออกมากผิดปกติในเวลากลางคืน: โดยเฉพาะช่วงดึกๆ หรือเช้ามืด
น้ำหนักลด: โดยไม่ทราบสาเหตุและไม่ได้ตั้งใจลด
เบื่ออาหาร: ไม่อยากอาหาร ทานได้น้อย
อ่อนเพลีย อ่อนแรง: รู้สึกไม่สดชื่น ไม่มีแรง
เจ็บหน้าอก: โดยเฉพาะขณะหายใจเข้าออกหรือไอ
หายใจเหนื่อยง่าย: เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
หากมีอาการเหล่านี้ โดยเฉพาะไอเรื้อรังนานกว่า 2-3 สัปดาห์ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย

การติดต่อ
วัณโรคปอดติดต่อจากคนสู่คนผ่านทางอากาศ (airborne transmission) เมื่อผู้ป่วยวัณโรคปอดในระยะแพร่เชื้อ ไอ จาม พูด ตะโกน หัวเราะ หรือร้องเพลง ทำให้เกิดละอองฝอย (droplet nuclei) ที่มีเชื้อโรคฟุ้งกระจายออกมาในอากาศ ละอองฝอยขนาดเล็ก 1-5 ไมโครเมตรเหล่านี้สามารถลอยอยู่ในอากาศได้นาน และแพร่เชื้อให้ผู้ที่สูดเข้าไปได้ง่าย

การวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยวัณโรคปอดโดย:

ซักประวัติและตรวจร่างกาย: โดยละเอียดเกี่ยวกับอาการและปัจจัยเสี่ยง
ตรวจเสมหะ: เพื่อหาเชื้อวัณโรค (AFB smear) และ/หรือเพาะเชื้อ (Culture)
เอกซเรย์ปอด (Chest X-ray): เพื่อดูความผิดปกติของปอดที่บ่งชี้ถึงวัณโรค
การทดสอบผิวหนัง (Tuberculin Skin Test - TST หรือ Mantoux test): เพื่อตรวจหาการติดเชื้อวัณโรคในร่างกาย
ตรวจเลือด (Interferon Gamma Release Assay - IGRA): เช่น QuantiFERON-TB Gold Test สำหรับการวินิจฉัยวัณโรคแฝง


การรักษา
วัณโรคปอด สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากผู้ป่วยรับประทานยาอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และสม่ำเสมอ

การใช้ยาปฏิชีวนะ: เป็นการรักษาหลัก โดยปกติจะใช้ยาหลายชนิดร่วมกันเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อดื้อยา
ระยะเข้มข้น (Initial Phase): 2 เดือนแรก รับประทานยา 4 ชนิด (เช่น Isoniazid, Rifampicin, Pyrazinamide, Ethambutol) เพื่อฆ่าเชื้อจำนวนมากและลดการแพร่กระจายเชื้อ
ระยะต่อเนื่อง (Continuation Phase): 4 เดือนถัดไป รับประทานยา 2 ชนิด (เช่น Isoniazid, Rifampicin) เพื่อกำจัดเชื้อที่เหลือและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
รวมระยะเวลาการรักษา: โดยทั่วไปประมาณ 6 เดือน หรืออาจนานกว่านั้นในบางกรณี เช่น วัณโรคนอกปอด หรือวัณโรคดื้อยา
สิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาคือ ผู้ป่วยต้องรับประทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง ห้ามหยุดยาเอง แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม เพราะการหยุดยาเองอาจทำให้เชื้อดื้อยา และรักษายากขึ้นมาก

ภาวะแทรกซ้อน
หากไม่ได้รับการรักษา หรือรักษาไม่ต่อเนื่อง วัณโรคปอดสามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เช่น:

วัณโรคแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น: เช่น เยื่อหุ้มสมอง (วัณโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ), กระดูกสันหลัง (วัณโรคกระดูก), ต่อมน้ำเหลือง, ไต, ตับ, หัวใจ
ฝีในปอด: หรือปอดถูกทำลายอย่างรุนแรง
ภาวะมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด: (Pleural Effusion)
ไอเป็นเลือดรุนแรง: จนอาจทำให้ช็อก
ภาวะหายใจล้มเหลว:
เชื้อดื้อยา: หากผู้ป่วยไม่กินยาตามกำหนด ทำให้การรักษายากขึ้นมากและต้องใช้ยาที่มีราคาแพงและมีผลข้างเคียงมากขึ้น
เสียชีวิต: หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม

การป้องกัน
ฉีดวัคซีน BCG: สำหรับเด็กแรกเกิด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อวัณโรคชนิดรุนแรง
หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรคระยะแพร่เชื้อ: หากจำเป็นต้องสัมผัส ให้สวมหน้ากากอนามัย

ผู้ป่วยวัณโรคควรปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด:
สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกของการรักษา หรือจนกว่าแพทย์จะยืนยันว่าไม่แพร่เชื้อแล้ว
ปิดปากและจมูกทุกครั้งเมื่อไอหรือจาม โดยใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชู ปิดปากและจมูก และทิ้งลงถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิด

บ้วนเสมหะลงในภาชนะที่ปิดมิดชิด
อยู่ในห้องที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก แสงแดดส่องถึง ไม่ควรนอนร่วมกับผู้อื่นในช่วงแพร่เชื้อ
ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง: เช่น การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
ตรวจสุขภาพประจำปี: โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่สัมผัสผู้ป่วยวัณโรค หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการ
ตรวจคัดกรองวัณโรค

หากมีข้อสงสัยหรือมีอาการที่เข้าข่ายวัณโรคปอด ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที

4
motor show 2025: Nissan ขยายเครือข่ายเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการ นิสสัน ชลบุรี มอเตอร์ เอ็กซ์เพรส แห่งใหม่ใน จ.ชลบุรี

นิสสัน ประเทศไทย ขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย สานต่อความมุ่งมั่นในการให้บริการลูกค้าทั่วประเทศ ด้วยการเปิดโชว์รูม และศูนย์บริการ นิสสัน ชลบุรี มอเตอร์ เอ็กซ์เพรส แห่งใหม่ในอำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี

โชว์รูม นิสสัน ชลบุรี มอเตอร์ เอ็กซ์เพรส แห่งใหม่นี้ เป็นศูนย์บริการครบวงจรแบบ 3S (จำหน่ายรถยนต์, ศูนย์บริการ, อะไหล่แท้) ที่มีความพร้อมสำหรับบริการลูกค้าในทุกด้าน ตั้งแต่ การจำหน่ายรถยนต์ใหม่ทุกรุ่น รวมถึงมีศูนย์บริการมาตรฐานที่มีทีมช่าง ผู้เชี่ยวชาญ และอุปกรณ์มาตรฐานสูง พร้อมทั้งศูนย์ซ่อมสี และตัวถัง ที่ใช้อะไหล่แท้ และที่มีประสิทธิภาพ มอบความมั่นใจสูงสุด ครอบคลุมการบริการทุกรูปแบบตามที่ลูกค้าต้องการ

โทชิฮิโระ ฟูจิคิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย และนิสสัน อาเซียน กล่าวว่า “การเปิดโชว์รูม นิสสัน ชลบุรี มอเตอร์ เอ็กซ์เพรส ในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการให้บริการลูกค้าในจังหวัดชลบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง เราขอขอบคุณพันธมิตรผู้จำหน่ายที่เชื่อมั่นในแบรนด์นิสสันและร่วมเดินทางไปกับเราในเส้นทางนี้ เราจะร่วมกันส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ยอดเยี่ยม เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าชาวไทย นิสสันยังคงเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และโชว์รูมแห่งใหม่นี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นในทุกภูมิภาค เราหวังว่าจะได้เติบโตและสนับสนุนกันต่อไปในอนาคต”

สมพงษ์ ชัยสมบูรณ์สุข กรรมการผู้จัดการ นิสสัน ชลบุรี มอเตอร์ เอ็กซ์เพรส กล่าวว่า “เรามีความเชื่อมั่นในแบรนด์นิสสันมาโดยตลอด เรามั่นใจในมาตรฐาน คุณภาพ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงการบริหารงานด้านการบริการหลังการขาย จึงเป็นเหตุผลที่เราตัดสินใจเปิดโชว์รูมแห่งใหม่นี้ เรามุ่งมั่น และพร้อมที่จะให้บริการอย่างครอบคลุมในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อให้ลูกค้ามีความพึงพอใจสูงสุด”


สำหรับโชว์รูม นิสสัน ชลบุรี มอเตอร์ เอ็กซ์เพรส ตั้งอยู่บนถนนเลี่ยงเมืองชลบุรี มีพื้นที่จัดแสดงรถยนต์ที่กว้างขวาง พร้อมศูนย์บริการหลังการขายแบบครบวงจร เปิดให้บริการวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 08.00–17.00 น. โดยแผนกขายเปิดให้บริการเพิ่มเติมในวันอาทิตย์ เวลา 09.00–16.00 น. ลูกค้าในจังหวัดชลบุรีและพื้นที่ใกล้เคียงสามารถเข้ามาสัมผัสประสบการณ์กับรถยนต์นิสสันและบริการต่าง ๆ ได้ด้วยตนเองที่โชว์รูมแห่งใหม่ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้านิสสัน โทร. 02-401-9600 หรือ เว็บไซต์ นิสสัน ประเทศไทย
 

5
การจัดฟันเด็ก แก้ไขปัญหาช่องฟันห่างได้ไหม
 
เด็กหลายคนมีปัญหาในเรื่องของฟันห่าง ฟันซ้อนเก ฟันล้ม ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ไม่ดูแลรักษาความสะอาดในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน จนทำให้เกิดฟันผุ จนถึงขั้นสูญเสียฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนอาจจะยังมีความคิดที่ว่า ฟันน้ำนมของเด็กนั้น ไม่มีความสำคัญ แต่แท้จริงแล้ว ฟันน้ำนมของเด็กนั้น สามารถบ่งบอกสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กในอนาคตได้ เพราะฟันน้ำนมมีผลต่อการขึ้นของฟันแท้

ซึ่งฟันแท้ก็จะอยู่กับเด็กไปตลอดชีวิต ดังนั้น ถ้าหากละเลยในเรื่องขอสุขอนามัยช่องปากและฟันของเด็ก อาจจะทำให้เด็กมีฟันที่ไม่สวยงามและอาจจะส่งผลทำให้เกิดปัญหาฟันในเรื่องอื่นๆได้ เช่น ปัญหาช่องฟันห่างในเด็ก ถือว่าเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อบุคลิกภาพของเด็ก อาจจะทำให้มีเพื่อนล้อ หรือสร้างความไม่มั่นใจให้กับตัวเด็กได้ ถือว่าเป็นทำให้เด็กเกิดทัศนคติที่ไม่ดีเกี่ยวฟัน จนทำให้เกิดอาการกลัวหมอฟันจนไม่กล้าเข้ารับการรักษาเกี่ยวกับฟันได้

ดังนั้น ทัศนคติก็เป้นเรื่องที่สำคัญที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องคอยแนะนำคอยสอนให้เด็กได้เข้าใจและรู้จักวิธีการทำความสะอาดที่ถูกต้อง และถ้าเด็กมีปัญหาฟัน ควรรีบพาเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจและแก้ไขทันที ในปัจจุบันวงการทันตกรรมของเรา มีนวัตกรรมที่สามารถแก้ไขปัญหาฟันในเด็กได้ตั้งแต่อายุยังน้อย นั่นก็คือ การจัดฟันในเด็ก ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาฟันของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างหลากหลาย แต่วันนี้คลินิกเราจะมาพูดถึงปัญหาช่องฟันห่างหรือที่เราเรียกว่า ฟันหลอ นั่นเอง ซึ่งทำให้เด็กโดนเพื่อนล้อ และทำให้เสียความมั่นใจได้
 
การจัดฟันในเด็ก ก็เป็นอีกหนึ่งกระบวนการ ที่สามารถแก้ไขฟันที่มีความไม่สมดุลจากการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติให้กลับไปสู่สภาพที่ปกติ ซึ่งการปรับเปลี่ยนโครงสร้างฟันที่ถูกเลื่อนไปจะเกิดจากการใช้แรงทั้งจากเครื่องมือภายนอกและภายในช่องปาก เป็นตัวช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการปรับแต่งโครงสร้างฟันใหม่ และกระดูกที่ล้อมบริเวณรากฟันจะละลายเสริมสร้างโครงสร้างใหม่ของกระดูกแบบค่อยเป็นค่อยไป ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานในการรักษา


แต่ข้อดีก็คือ สามารถทำให้เด็กกลับมามีฟันที่เรียงตัวอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติได้ และยังช่วยทำให้สามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย สำหรับปัญหาช่องฟันห่างในเด็กนั้น อาจมีสาเหตุจากขนาดของซี่ฟันที่ไม่เท่ากัน ฟันหาย หรือเนื้อยึดริมฝีปากที่ใหญ่กว่าปกติ เนื้อเยื่อดังกล่าวขยายเริ่มจากด้านในของริมฝีปากไปจนถึง เนื้อเยื่อเหงือกซึ่งเป็นตำแหน่งที่อยู่ของฟันบนสองซี่หน้า
สาเหตุที่รองลงมาได้แก่ปัญหาการจัดตำแหน่งในช่องปาก เช่น ขากรรไกรบนยื่น หรือการยื่นออกมาของฟัน 1 ซี่ ซึ่งก็มีวิธีการรักษาได้หลากหลายแบบ รวมไปถึงการจัดฟันในเด็กด้วย การรักษาด้วยการจัดฟันเพื่อย้ายฟัน สามารถปิดช่องฟันห่างให้สนิทได้ และถือว่าเป็นการรักษาในระยะยาว เพราะจะทำให้ฟันเคลื่อนตัวไปในตำแหน่งที่ทันตแพทย์กำหนดไว้ นั่นก็คือ เคลื่อนตัวไปยังช่องว่างระหว่างฟันนั่นเอง เพียงเท่านี้ก็สามารถแก้ไขปัญหาฟันห่างได้แล้ว อย่างไรก็ตาม การจัดฟันในเด็ก นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาฟันแล้ว ยังสามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้อีกด้วย จะทำให้ใบหน้าเข้าที่มากยิ่งขึ้น ช่วยส่งเสริมในเรื่องของบุคลิกภาพได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
 
หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันของบุตรหลานของท่านและสนใจเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดต่างๆได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟันในเด็ก เพื่อที่จะให้บุตรหลานของท่านได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย ช่วยปลูกฝังทัศนคติที่ดีในการดูแลสุขภาพฟัน และรู้จักวิธีการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกต้อง เพื่อที่จะได้มีฟันที่สวยงามและแข็งแรง สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และส่งเสริมในเรื่องของพัฒนาการในเด็กอีกด้วย

6
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ภาวะไตวาย (Renal failure)

ภาวะไตวาย (ไตล้ม ไตไม่ทำงาน ก็เรียก) หมายถึงภาวะที่เนื้อไตทั้ง 2 ข้างถูกทำลายจนทำงานไม่ได้ หรือได้น้อยกว่าปกติ ทำให้น้ำและของเสียไม่ถูกขับออกมา จึงเกิดการคั่งจนเป็นพิษต่อร่างกาย นอกจากนี้ยังทำให้เกิดผลกระทบต่อดุลของอิเล็กโทรไลต์ และความเป็นกรดด่างในเลือด รวมทั้งเกิดภาวะพร่องฮอร์โมนบางชนิดที่ไตสร้าง การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้นำไปสู่อาการผิดปกติของอวัยวะแทบทุกส่วนของร่างกาย

ภาวะไตวายสามารถแบ่งเป็น ไตวายเฉียบพลัน (มีอาการเกิดขึ้นฉับพลัน และเป็นอยู่นานเป็นวันและเป็นสัปดาห์) กับ ไตวายเรื้อรัง (ค่อย ๆ เกิดขึ้นทีละน้อยนานเป็นแรมเดือนแรมปี)

โรคนี้จัดเป็นภาวะที่มีอันตรายร้ายแรง พบได้บ่อยในผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไตวายเรื้อรัง จะพบได้บ่อยขึ้นในคนที่มีอายุมากขึ้น เนื่องจากจะมีโอกาสเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ (เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคไต โรคติดเชื้อ เป็นต้น) ที่มีภาวะแทรกซ้อนต่อไต หรือมีการใช้ยาที่มีพิษต่อไตมากขึ้น
 

สาเหตุ

ไตวายเฉียบพลัน (acute renal failure) อาจมีสาเหตุมาจากโรคไตโดยตรงหรือภาวะผิดปกติที่อยู่นอกไต ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของไตก็ได้ เช่น

    ภาวะช็อกจากปริมาตรของเลือดลดลง ทำให้เลือดไปเลี้ยงไตน้อยลง เช่น การตกเลือด การสูญเสียน้ำ ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน เป็นต้น
    โรคหัวใจและหลอดเลือดที่มีผลทำให้เลือดไปเลี้ยงไตน้อยลง เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย ภาวะหัวใจวาย ความดันโลหิตสูงรุนแรง
    การติดเชื้อรุนแรง เช่น มาลาเรีย เล็ปโตสไปโรซิส ภาวะโลหิตเป็นพิษ
    โรคไต เช่น หน่วยไตอักเสบเฉียบพลัน กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน
    ความผิดปกติของหลอดเลือดในไต เช่น หลอดเลือดแดงไตตีบ (renal artery stenosis) ภาวะมีสิ่งหลุดอุดตันในหลอดเลือดแดงไต (renal embolism)
    การอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะ เช่น นิ่วในทางเดินปัสสาวะ ท่อไตถูกผูกโดยความเผอเรอจากการผ่าตัดในช่องท้อง ต่อมลูกหมากโต ท่อปัสสาวะตีบ เนื้องอกกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น
    งูพิษกัด เช่น งูแมวเซาหรืองูทะเลกัด
    ต่อต่อย ผึ้งต่อย
    ผลข้างเคียงจากยาหรือสารเคมี เช่น ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาต้านเอซ ซัลฟา คาน่าไมซิน เจนตาไมซิน อะมิคาซิน ไซโคลสปอรีน แอมโฟเทอริซินบี สารไอโอดีนที่ใช้ฉีดในการตรวจเอกซเรย์พิเศษ เป็นต้น
    ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ เช่น ครรภ์เป็นพิษ รกลอกตัวก่อนกำหนด
    อื่น ๆ เช่น ภาวะเม็ดเลือดแดงแตก ตับวาย

ไตวายเรื้อรัง (chronic renal failure) ส่วนใหญ่มักเกิดจากภาวะแทรกซ้อนของเบาหวานและความดันโลหิตสูงที่ขาดการรักษาอย่างจริงจัง

อาจเกิดจากโรคไตเรื้อรัง เช่น หน่วยไตอักเสบ กรวยไตอักเสบเรื้อรัง โรคไตเนโฟรติก นิ่วไต โรคถุงน้ำไตชนิดหลายถุง*

นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากโรคเกาต์ เอสแอลอี ภาวะยูริกในเลือดสูง ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง โรคเอดส์ พิษจากยา (เช่น ยาแก้ปวด ลดไข้-เฟนาซิติน ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ลิเทียมไซโคลสปอรีน ยาต้านมะเร็ง เป็นต้น) พิษจากสารตะกั่วหรือแคดเมียม เป็นต้น

*ถุงน้ำไตชนิดหลายถุง (polycystic kidney) มีลักษณะเป็นถุงน้ำ (cyst) จำนวนมากซึ่งพบที่ไตทั้ง 2 ข้าง เป็นความผิดปกติที่เป็นมาแต่กำเนิดซึ่งถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ ถุงน้ำจะค่อย ๆ โตขึ้นเบียดเนื้อไตที่ปกติจนไตทำหน้าที่ผิดปกติ ซึ่งมักปรากฏอาการแสดงของโรคเมื่ออายุมากขึ้น ผู้ป่วยมักมีภาวะความดันโลหิตสูง มีการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ (รวมทั้งภายในถุงน้ำ) บ่อย และเกิดภาวะไตวายเรื้อรังในที่สุด

อาการ

ไตวายเฉียบพลัน อาการเด่นชัด คือ มีปัสสาวะออกน้อยกว่า 400 มล. ใน 24 ชั่วโมง หรือไม่มีปัสสาวะออกเลย (ไม่มีอาการปวดปัสสาวะ และสวนปัสสาวะก็ไม่มีปัสสาวะออกมากกว่านี้) ต่อมาไม่นานผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา ในที่สุดผู้ป่วยจะมีอาการซึม สับสน ชัก และหมดสติ

ผู้ป่วยอาจมีประวัติการใช้ยาหรือมีอาการเจ็บป่วยนำมาก่อน เช่น ไข้ ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไต โรคตับ งูกัด ต่อต่อย ตกเลือด ภาวะช็อกจากสาเหตุต่าง ๆ เป็นต้น

ไตวายเรื้อรัง อาการขึ้นกับความรุนแรงของโรค โดยในระยะแรกอาจไม่มีอาการให้สังเกตได้ชัดเจน และมักจะตรวจพบจากการตรวจเลือด (พบว่ามีระดับครีอะตินีนและบียูเอ็นสูง) ในขณะตรวจเช็กสุขภาพ หรือมาพบแพทย์ด้วยโรคอื่น

ผู้ป่วยจะมีอาการชัดเจนเมื่อเนื้อไตทั้ง 2 ข้างถูกทำลายจนทำหน้าที่ได้น้อยกว่าร้อยละ 5 ของไตปกติ โดยจะสังเกตว่ามีปัสสาวะออกมาก และปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ท้องเดินบ่อย นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ขาดสมาธิ ตามัว ผิวหนังแห้งและมีสีคล้ำ คันตามผิวหนัง ชาตามปลายมือปลายเท้า

บางรายอาจมีอาการหอบเหนื่อย สะอึก เป็นตะคริว ใจหวิว ใจสั่น เจ็บหน้าอก บวม หรือมีเลือดออกตามผิวหนังเป็นจุดแดงจ้ำเขียว หรืออาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด

เมื่อเป็นถึงขั้นสุดท้าย ผู้ป่วยจะมีอาการซึม ชัก หมดสติ


ภาวะแทรกซ้อน

ไตวายเฉียบพลัน เนื่องจากไตขับน้ำไม่ได้ ทำให้เกิดการคั่งของน้ำในกระแสเลือด (hypervolemia) เป็นผลทำให้เกิดความดันโลหิตสูง และภาวะหัวใจวายตามมา

นอกจากนี้ยังเกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง (เนื่องจากไตขับสารนี้ได้น้อยลง) อาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหยุดเต้นได้ ภาวะเลือดเป็นกรด (เนื่องจากขับกรดที่ได้จากการเผาผลาญโปรตีนได้น้อยลง) ทำให้มีอาการหายใจหอบลึก ภาวะแทรกซ้อนทางสมอง (เช่น ซึม ชัก) เนื่องจากภาวะยูรีเมีย (uremia) ภาวะเลือดออกง่าย เนื่องจากเกล็ดเลือดไม่จับตัว ทำให้มีเลือดออกง่าย อาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือด เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (pericarditis) เกิดจากการคั่งของสารบียูเอ็น (บียูเอ็นมากกว่า 100 มก./ดล.) จะมีอาการไข้สูง เจ็บหน้าอก ภาวะติดเชื้อง่าย เนื่องจากภูมิคุ้มกันต่ำ อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษตามมา

ภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวข้างต้นล้วนมีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตได้ นอกจากนี้ยังอาจพบภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่มีความรุนแรงไม่มาก ได้แก่ ภาวะซีดเนื่องจากไตสร้างสาร อีริโทรพอยเอทิน (erythropoietin) ไม่ได้ สารนี้มีความสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง เมื่อขาดก็ทำให้สร้างเม็ดเลือดแดงได้ไม่ดี ภาวะฟอสเฟตในเลือดสูง ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ ทำให้เกิดอาการมือจีบเกร็ง เป็นตะคริว ภาวะแมกนีเซียมในเลือดสูง ภาวะยูริกในเลือดสูง

ไตวายเรื้อรัง นอกจากจะพบภาวะแทรกซ้อนแบบเดียวกับไตวายเฉียบพลันแล้ว ยังอาจพบปอดอักเสบ เยื่อหุ้มปอดอักเสบ ปลายประสาทอักเสบ (ชาปลายมือปลายเท้า) โรคกระเพาะ ภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง ภาวะต่อมพาราไทรอยด์ทำงานมากเกิน (hyperparathyroidism) ภาวะกระดูกอ่อน (osteomalacia) ต่อมอัณฑะทำงานน้อย ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย (องคชาตไม่แข็งตัว) ประจำเดือนผิดปกติ หรือประจำเดือนขาด


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

ไตวายเฉียบพลัน อาจตรวจไม่พบอะไร นอกจากอาการของโรคที่เป็นสาเหตุ (เช่น ความดันต่ำและชีพจรเร็วในผู้ป่วยที่มีภาวะช็อก อาการดีซ่านในผู้ป่วยโรคตับ ไข้ในผู้ป่วยมาลาเรียหรือโรคติดเชื้อ เป็นต้น)

บางรายอาจพบอาการซีด หายใจหอบลึก ความดันโลหิตสูง มือจีบเกร็งหรือเป็นตะคริว หรือใช้เครื่องฟังตรวจปอดได้ยินเสียกรอบแกรบ (crepitation)

ในระยะท้าย อาจพบอาการซึม ชัก หมดสติ

ไตวายเรื้อรัง จะมีสิ่งตรวจพบเมื่อเป็นโรคในระยะรุนแรงมากแล้ว ได้แก่ อาการซีด ความดันโลหิตสูง ผิวหนังแห้งและมีสีคล้ำ จุดแดงจ้ำเขียวตามผิวหนัง

บางรายอาจพบอาการเท้าบวม (กดบุ๋ม) ชีพจรเต้นไม่สม่ำเสมอ หรือใช้เครื่องฟังตรวจปอดได้ยินเสียงกรอบแกรบ (crepitation)

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือด (พบระดับบียูเอ็นและครีอะตินีนสูงกว่าปกติ ยิ่งสูงมากก็แสดงว่าโรคยิ่งรุนแรง ระดับโพแทสเซียมฟอสเฟตและแมกนีเซียมสูง ระดับแคลเซียมต่ำ เลือดมีภาวะเป็นกรด ระดับฮีโมโกลบินต่ำ) ตรวจปัสสาวะ (พบสารไข่ขาว น้ำตาล เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว) เอกซเรย์ อัลตราซาวนด์ และตรวจพิเศษอื่น ๆ บางรายอาจต้องทำการตรวจชิ้นเนื้อไต (renal biopsy) โดยการเจาะเอาเนื้อเยื่อไตไปตรวจ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ไตวายเฉียบพลัน แพทย์จะรับไว้รักษาในโรงพยาบาล ให้การรักษาโรคหรือภาวะที่เป็นสาเหตุ และแก้ไขภาวะผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น จำกัดปริมาณของน้ำ โซเดียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม และโปรตีน ฉีดยาขับปัสสาวะ-ฟูโรซีไมด์ ให้โซเดียมไบคาร์บอเนต แก้ภาวะเลือดเป็นกรด ให้เลือดในรายที่ตกเลือด เป็นต้น

ถ้าจำเป็นอาจต้องทำการฟอกล้างของเสียหรือล้างไต (dialysis)

ผลการรักษาขึ้นกับสาเหตุที่พบ ถ้าเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะ ภาวะช็อกจากปริมาตรของเลือดลดลง โรคติดเชื้อ พิษจากยาบางชนิด ก็อาจมีทางรักษาให้หายขาดได้ อย่างไรก็ตาม ภาวะไตวายเฉียบพลันมักเกิดขึ้นรวดเร็ว และมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง จึงมีโอกาสเป็นอันตรายถึงตายได้ค่อนข้างสูง

2. ไตวายเรื้อรัง ถ้ามีสาเหตุชัดเจนก็ให้รักษาโรคที่เป็นสาเหตุ (เช่น ให้ยาควบคุมโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคเกาต์ ผ่าตัดนิ่วในไต เป็นต้น)

นอกจากนี้ ยังต้องรักษาภาวะผิดปกติต่าง ๆ ที่เป็นผลมาจากไตวาย เช่น

    จำกัดปริมาณโปรตีนที่กินไม่เกินวันละ 40 กรัม (ไข่ไก่ 1 ฟอง มีโปรตีน 6-8 กรัม นมสด 1 ถ้วย มีโปรตีน 8 กรัม เนื้อสัตว์ 1 ขีด มีโปรตีน 23 กรัม)
    จำกัดปริมาณน้ำที่ดื่ม โดยคำนวณจากปริมาณปัสสาวะต่อวันบวกกับน้ำที่เสียไปทางอื่น (ประมาณ 800 มล./วัน) เช่น ถ้าผู้ป่วยมีปัสสาวะ 600 มล./วัน น้ำที่ควรได้รับเท่ากับ 600 มล.+800 มล. (รวมเป็น 1,400 มล./วัน) เป็นต้น
    จำกัดปริมาณโซเดียมที่กิน ถ้ามีอาการบวมหรือมีปัสสาวะน้อยกว่า 800 มล./วัน ควรงดอาหารเค็ม งดใช้เครื่องปรุง (เช่น น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสทุกชนิด) ผงชูรส สารกันบูด อาหารที่ใส่ผงฟู อาหารกระป๋อง น้ำพริก กะปิ ปลาร้า ของดอง หนำเลี้ยบ
    จำกัดปริมาณโพแทสเซียมที่กิน ถ้ามีปัสสาวะน้อยกว่า 800 มล./วัน ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีเกลือโพแทสเซียมสูง เช่น ผลไม้แห้ง ส้ม มะละกอ มะขาม มะเขือเทศ น้ำมะพร้าว ถั่ว สะตอ มันทอด หอย เครื่องในสัตว์ เป็นต้น

หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้โพแทสเซียมในเลือดสูง เช่น อะมิโลไรด์ (amiloride) ไตรแอมเทอรีน (triamterene) สไปโรโนแล็กโทน (spironolactone) ยาต้านเอซ ยาที่เข้าสารโพแทสเซียม เป็นต้น

    จำกัดปริมาณแมกนีเซียมที่กิน ด้วยการงดยาลดกรดที่มีเกลือแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์
    ถ้ามีระดับฟอสเฟตในเลือดสูง หรือภาวะเลือดเป็นกรด ให้กินยาเม็ดแคลเซียมคาร์บอเนต (650 มก.) ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง
    ถ้าบวม ให้ยาขับปัสสาวะ-ฟูโรซีไมด์
    ถ้ามีความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจวาย ก็ให้ยารักษาภาวะเหล่านี้
    ถ้าซีด อาจต้องให้เลือด บางรายแพทย์อาจสั่งให้ฉีดฮอร์โมนอีริโทรพอยเอทิน (erythropoietin) เพื่อกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง (ยานี้มีราคาแพง และอาจทำให้ความดันโลหิตสูง)

สำหรับผู้ป่วยที่ไตวายเรื้อรังระยะท้าย (มักมีระดับครีอะตินีนและบียูเอ็นในเลือดสูงเกิน 10 และ 100 มก./ดล. ตามลำดับ) การรักษาทางยาจะไม่ได้ผล จำเป็นต้องทำการฟอกล้างของเสียหรือล้างไต (dialysis) ซึ่งมีอยู่หลายวิธี ได้แก่

    การล้างไตผ่านทางช่องท้องอย่างต่อเนื่อง (continuous ambulatory peritoneal dialysis/CAPD) วิธีนี้แพทย์สามารถฝึกให้ผู้ป่วยทำเองที่บ้านได้ นับว่าสะดวก แต่ต้องทำการเปลี่ยนถุงน้ำยาวันละ 4 ครั้ง ทุก ๆ วันตลอดไป และแพทย์จะนัดมาเปลี่ยนสายน้ำยาที่ใช้ฟอกล้างของเสียทุก 1 เดือน ผู้ป่วยสามารถทำงานและปฏิบัติภารกิจได้เหมือนคนปกติ
    การล้างไตโดยการฟอกเลือด (hemodialysis) นิยมเรียกว่า การล้างไตด้วยเครื่องไตเทียม หรือการทำไตเทียม ผู้ป่วยต้องไปทำที่โรงพยาบาลสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

การทำการล้างไตทั้ง 2 วิธี จะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี (สามารถทำงาน ออกกำลังกาย และมีเพศสัมพันธ์ได้เช่นคนปกติ) มีชีวิตยืนยาวขึ้น บางรายอาจอยู่ได้นานเกิน 10 ปีขึ้นไป แต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างแพง

ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะท้ายบางราย แพทย์อาจพิจารณาทำการผ่าตัดปลูกถ่ายไตหรือเปลี่ยนไต (renal transplantation) ซึ่งนับว่าเป็นวิธีรักษาที่ได้ผลดีที่สุดในปัจจุบัน สามารถช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนคนปกติ และมีอายุยืนยาว (อายุการทำงานของไตใหม่ ร้อยละ 18-55 อยู่ได้นาน 10 ปี) แต่การปลูกถ่ายไตเป็นวิธีรักษาที่ยุ่งยาก ราคาแพง และจะต้องหาไตจากญาติสายตรงหรือผู้บริจาคที่มีไตเข้าได้กับเนื้อเยื่อของผู้ป่วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ป่วยอาจต้องทำการล้างไตไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหาไตที่เข้ากันได้ นอกจากนั้นภายหลังการปลูกถ่ายไต ผู้ป่วยต้องกินยากดภูมิคุ้มกัน (เช่น สเตียรอยด์ ไซโคลสปอริน อะซาไทโอพรีน) ทุกวันตลอดไป เพื่อป้องกันมิให้ร่างกายมีปฏิกิริยาต่อต้านไตใหม่


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการอ่อนเพลีย ซีด เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ตามปลายมือปลายเท้าเป็นตะคริว เท้าบวม หรือมีเลือดออกตามผิวหนังเป็นจุดแดงจ้ำเขียว เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง (เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เกาต์ โรคไต) หรือมีประวัติใช้ยาแก้ปวด หรือแก้ข้ออักเสบมานาน ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นไตวาย ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ไม่ควรปรับขนาดยาเอง หรือซื้อยากินเอง เพราะยาบางชนิดอาจมีพิษต่อไต หรืออาจต้องปรับลดขนาดยาลงจากที่ใช้ในคนปกติ รวมทั้งไม่ควรกินยาหม้อหรือยาต้มที่ประกอบด้วยสมุนไพรชนิดต่าง ๆ เพราะอาจทำให้ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง การใช้ยาเองอย่างผิด ๆ อาจทำให้เกิดอันตราย

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หายใจหอบ เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน เท้าบวม เป็นตะคริว ซึม ชัก มีเลือดออก หรือมีอาการไม่สบาย (เช่น ไข้ ปวดท้อง ท้องเดิน  เป็นต้น)
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

1. ตรวจเช็กดูว่าเป็นความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคเกาต์หรือไม่ ถ้าเป็นต้องรักษาอย่างจริงจังและต่อเนื่องจนสามารถควบคุมระดับความดันโลหิต ระดับน้ำตาลและยูริกในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

2. เมื่อเป็นโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ กรวยไตอักเสบ) หรือมีภาวะอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ (เช่น นิ่ว ต่อมลูกหมากโต) จะต้องทำการรักษาให้หายขาด

3. เมื่อป่วยเป็นโรคติดเชื้อ งูกัด หรือท้องเดิน ต้องรีบรักษา อย่าปล่อยจนเกิดภาวะช็อก ซึ่งมีผลทำให้ไตวายตามมาได้

4. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่อาจมีพิษต่อไต และระมัดระวังการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีเลือดไปเลี้ยงไตไม่ดี (เช่น ตับแข็ง หัวใจวาย หลอดเลือดแดงไตตีบ ภาวะช็อกจากปริมาตรของเลือดลดลง)

ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ควรติดต่อกับแพทย์อย่าได้ขาด ควรกินยาและปฏิบัติตัว รวมทั้งการควบคุมอาหารตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีอายุยืนยาวต่อไปอีกนาน

2. ไตวายเป็นภาวะที่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงต่อร่างกาย ถ้าเป็นเรื้อรังมักจะมีความยุ่งยากและสิ้นเปลืองในการรักษา ดังนั้น จึงควรหาทางป้องกันมิให้เป็นโรคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง ควรรักษาตัวอย่างจริงจังจนสามารถควบคุมโรคได้ จะได้ลดความเสี่ยงต่อการเป็นไตวายแทรกซ้อน

3. การปลูกถ่ายไตเป็นวิธีรักษาภาวะไตวายเรื้อรังระยะท้ายที่ดีที่สุดในปัจจุบัน จึงควรรณรงค์ให้ผู้คนทั่วไปหันมาบริจาคไตกันให้มากขึ้น จะได้มีไตบริจาคช่วยเหลือให้ผู้ป่วยพ้นจากความทุกข์ทรมาน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีเช่นคนปกติ

คุณสมบัติของผู้ป่วยที่จะรับการปลูกถ่ายไต

    อายุไม่เกิน 55 ปี ถ้าอายุมากการผ่าตัดมักจะไม่ค่อยได้ผลเนื่องจากหลอดเลือดแข็ง
    ไม่มีโรคที่สำคัญ เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคตับ โรคมะเร็ง เป็นต้น
    ไม่เป็นโรคติดเชื้อ เนื่องจากหลังปลูกถ่ายไต ผู้ป่วยต้องกินยากดภูมิคุ้มกัน อาจทำให้โรคติดเชื้อลุกลามรุนแรงได้
    มีจิตใจหนักแน่นมั่นคง เพราะหลังผ่าตัดอาจมีภาวะแทรกซ้อนได้หลายอย่าง จึงต้องพร้อมที่จะต่อสู้กับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้
    มีความมุ่งมั่นในการรักษาสุขภาพให้ดี และสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกินยาอย่างเคร่งครัด


7
ประโยชน์และหลักการทำงานของท่อลมร้อนในอาคาร

ท่อลมร้อนในอาคารเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบปรับอากาศและระบายอากาศ (HVAC - Heating, Ventilation, and Air Conditioning) โดยเฉพาะในอาคารที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิภายในให้เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน, ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, หรือแม้แต่โรงพยาบาล

ประโยชน์ของท่อลมร้อนในอาคาร

ควบคุมอุณหภูมิและความสบาย (Temperature Control & Comfort):

ให้ความอบอุ่น: ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น ท่อลมร้อนทำหน้าที่ลำเลียงอากาศอุ่นที่ผลิตจากอุปกรณ์ทำความร้อน (Heater หรือ AHU ที่มี Heating Coil) ไปยังพื้นที่ต่างๆ ภายในอาคาร เพื่อรักษาอุณหภูมิให้เหมาะสมและสร้างความสบายให้กับผู้อยู่อาศัยหรือผู้ใช้งาน
กระจายความร้อนสม่ำเสมอ: การออกแบบระบบท่อที่ดีช่วยให้ความร้อนกระจายไปทั่วถึงทุกซอกมุมของห้องหรืออาคาร ทำให้ไม่มีจุดที่ร้อนจัดหรือเย็นจัดเกินไป


ประหยัดพลังงาน (Energy Efficiency):

ลดการสูญเสียความร้อน: ท่อลมร้อนที่มีการออกแบบและติดตั้งฉนวนกันความร้อนอย่างเหมาะสมจะช่วยลดการสูญเสียพลังงานความร้อนระหว่างทาง ทำให้ลมร้อนไปถึงจุดใช้งานด้วยอุณหภูมิที่ใกล้เคียงกับที่ผลิตได้มากที่สุด ซึ่งช่วยลดภาระของเครื่องทำความร้อนและประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน
ควบคุมการไหลเวียน: ระบบท่อที่ได้รับการปรับสมดุลอย่างดีจะช่วยให้พัดลมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องใช้พลังงานมากเกินความจำเป็น

ควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality - IAQ):

ระบายอากาศเสีย: แม้จะเป็นท่อ "ลมร้อน" แต่ในระบบ HVAC แบบรวมศูนย์ ท่อเดียวกันอาจใช้ในการระบายอากาศเสีย หรือควบคุมการหมุนเวียนของอากาศภายใน เพื่อนำอากาศที่ปนเปื้อน (เช่น คาร์บอนไดออกไซด์, กลิ่น) ออกไป และนำอากาศบริสุทธิ์เข้ามา
ควบคุมความชื้น: ในบางระบบ ท่อลมร้อนอาจทำงานร่วมกับอุปกรณ์ลดความชื้น เพื่อควบคุมระดับความชื้นสัมพัทธ์ในอาคารให้เหมาะสม ป้องกันการเกิดเชื้อราและแบคทีเรีย


ความปลอดภัย (Safety):

ป้องกันการสัมผัสความร้อน: ท่อลมร้อนที่หุ้มฉนวนอย่างถูกต้องจะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้อยู่อาศัยหรือพนักงานสัมผัสกับพื้นผิวท่อที่ร้อนจัดโดยตรง ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุและการบาดเจ็บ
ลดความเสี่ยงจากอัคคีภัย: การติดตั้งท่อลมร้อนตามมาตรฐานที่กำหนด รวมถึงการเลือกใช้วัสดุทนไฟในบางส่วน จะช่วยลดความเสี่ยงที่ความร้อนสูงเกินไปจะไปจุดชนวนให้เกิดเพลิงไหม้


ความยืดหยุ่นในการออกแบบ (Design Flexibility):

ท่อลมร้อนช่วยให้วิศวกรสามารถวางแผนการจ่ายอากาศร้อนได้อย่างยืดหยุ่นไปยังพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่หรือมีรูปทรงซับซ้อน
หลักการทำงานของท่อลมร้อนในอาคาร
หลักการทำงานของท่อลมร้อนในอาคารเป็นส่วนหนึ่งของระบบ HVAC ซึ่งมักจะทำงานร่วมกับระบบปรับอากาศหรือระบบระบายอากาศแบบรวมศูนย์:

การผลิตลมร้อน (Heat Generation):

ฮีทเตอร์ไฟฟ้า (Electric Heater): ลมถูกเป่าผ่านขดลวดทำความร้อนไฟฟ้า
คอยล์น้ำร้อน (Hot Water Coil): น้ำร้อนที่ผลิตจากหม้อไอน้ำ (Boiler) จะไหลผ่านคอยล์ และลมจะถูกเป่าผ่านคอยล์นั้นเพื่อรับความร้อน
ฮีทเตอร์แก๊ส/น้ำมัน (Gas/Oil Furnace): ใช้เชื้อเพลิงเผาไหม้เพื่อทำความร้อนให้กับลมโดยตรงหรือผ่าน Heat Exchanger
ปั๊มความร้อน (Heat Pump): ดึงความร้อนจากภายนอกอาคาร (หรือจากแหล่งความร้อนอื่น) มาถ่ายเทให้กับลม


การดูดและเป่าลม (Air Movement):

พัดลม (Fan/Blower): พัดลมจะดูดอากาศจากพื้นที่ภายในอาคาร (Return Air) หรืออากาศภายนอกอาคาร (Fresh Air) หรือผสมทั้งสองอย่าง
อากาศที่ถูกดูดเข้ามาจะผ่านไปยังอุปกรณ์ทำความร้อน (Heater/Coil) เพื่อให้อากาศมีอุณหภูมิสูงขึ้น


การลำเลียงลมร้อน (Hot Air Distribution):

เมื่ออากาศถูกทำความร้อนแล้ว พัดลมจะทำหน้าที่ เป่าลมร้อน นั้นผ่านเข้าสู่ ระบบท่อลม (Ductwork)
ระบบท่อลมจะถูกออกแบบให้เป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกัน เพื่อลำเลียงลมร้อนไปยังพื้นที่เป้าหมายต่างๆ ภายในอาคาร
แดมเปอร์ (Dampers): เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งในท่อลม เพื่อควบคุมปริมาณลมร้อนที่ไหลไปยังแต่ละห้องหรือโซน สามารถปรับได้ด้วยมือหรืออัตโนมัติ
หัวจ่ายลมร้อน (Supply Air Diffusers/Grilles): ลมร้อนจะถูกปล่อยเข้าสู่พื้นที่ผ่านหัวจ่ายลมเหล่านี้ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ลมกระจายตัวได้อย่างเหมาะสมและสร้างความสบาย


การหมุนเวียนอากาศ (Air Circulation):

อากาศในห้องที่ได้รับความร้อนแล้ว จะไหลกลับเข้าสู่ ท่อลมกลับ (Return Air Duct)
ท่อลมกลับจะนำอากาศที่เย็นลงแล้วกลับไปยังเครื่องทำความร้อนหรือชุด AHU (Air Handling Unit) เพื่อนำไปทำความร้อนและหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ช่วยให้เกิดการประหยัดพลังงาน


การควบคุมอุณหภูมิ (Temperature Control):

เทอร์โมสตัท (Thermostat): เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งในพื้นที่ใช้งาน ทำหน้าที่วัดอุณหภูมิและส่งสัญญาณไปยังระบบควบคุมของเครื่องทำความร้อนหรือ AHU เพื่อให้เปิด-ปิด หรือปรับระดับการทำงานของระบบให้รักษาอุณหภูมิในห้องให้คงที่ตามที่ตั้งไว้
โดยสรุปแล้ว ท่อลมร้อนในอาคารเป็นโครงข่ายเส้นทางที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ลมร้อนที่จำเป็นถูกส่งไปยังจุดที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำ และสร้างสภาพแวดล้อมที่สบายและปลอดภัยภายในอาคาร.

8
บริการด้านอาหาร: อาหารช่วยแก้ข้ออักเสบ

อาหารบำบัด เป็นการใช้อาหารช่วยในการรักษาโรคโดยการดัดแปลงอาหารธรรมดาให้เป็นอาหารที่เหมาะสมกับโรคที่เป็นอยู่ และจัดให้ถูกหลักโภชนาการ โดยมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญ คือ ช่วยรักษาหรือบรรเทาอาการของโรค รวมทั้ง ช่วยป้องกันการเกิดอาการรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างที่ได้รับการรักษาโรค อาหารมีประโยชน์และความสำคัญต่อผู้ป่วยมาก เพราะอาหารที่ผู้ป่วยได้รับขณะเจ็บป่วยมีส่วนทำให้อาการของโรคบรรเทาลง หรือกำเริบขึ้นได้


ดั้งนั้น การให้โภชนบำบัดที่เหมาะสม จะทำให้เกิดประโยชน์ช่วยป้องกันและแก้ไขภาวะโภชนาการของผู้ป่วย สามารถปรับปริมาณสารอาหารบางอย่างให้อยู่ในระดับที่ร่างกายจะสามารถใช้ได้ และยังช่วยปรับน้ำหนักของผู้ป่วยให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้มี สุขภาพที่แข็งแรงบรรเทาและรักษาอาการของโรคที่เป็นอยู่ เช่น อาการข้ออักเสบที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้ ซึ่งเกิดจากความทรุดโทรมของกระดูกอ่อนที่หุ้มข้อกระดูกค่อย ๆ หายไป ทำให้ข้อกระดูกเสียดสีกันเวลาเคลื่อนไหว จนเกิดอาการข้อยึด ส่งผลให้ปวดบริเวณข้อ ดังนั้นเราจะมาพูดถึงอาหารบำบัดที่ช่วยบรรเทาอาการข้ออักเสบได้ แถมยังดีต่อสุขภาพโดยรวมของเราอีกด้วย

อาหารที่เหมาะสมกับผู้ป่วยโรคนี้ ส่วนใหญ่แพทย์จะแนะนำให้รับประทานอาหารลักษณะเดียวกับผู้ควบคุมน้ำหนัก ซึ่งเน้นเป็นอาหารไขมันต่ำ และเน้นให้รับประทานผักผลไม้เป็นหลัก เพราะคนอ้วนหรือคนที่ป่วยเป็นโรคข้ออักเสบ ต้องพยายามควบคุมน้ำหนักควบคู่กับการรักษาโรค อาจจะเน้นไปที่อาหารกลุ่มธัญพืชที่มีการขัดสีน้อย เช่น ข้าวกล้อง แป้งไม่ขัดขาว และผักใบเขียวต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งเบต้าแคโรทีน แคลเซียม โดเลต เหล็ก วิตามินซี ควรรับประทานให้ได้ทุกวัน นอกจากอาหารควบคุมน้ำหนักต่าง ๆ แล้ว ผู้ป่วยควรบริรับประทานปลาที่มีน้ำมันปลาด้วย เพราะกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่อยู่ในปลา มีคุณสมบัติยับยั้งการอักเสบของข้อกระดูก ควรรับประทานปลาทีมีกรดไขมันโอเมก้า-3 ได้แก่ ปลาแชลมอน ปลาซาดีนปลากระบอก ปลาทู ปลาดุก ปลาช่อน สามารถช่วยต่อสู้กับอาการอักเสบในคนที่มีอาการปวดข้อได้ หรือในคนที่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เมื่อรับประทานปลาเหล่านี้จะดีต่อสุขภาพมาก


ต่อมาคือ ธัญพืชที่ไม่ขัดสีมากนัก ได้แก่ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮสวีท จมูกข้าวสาลี ถั่วต่างๆ เพราะอาหารกลุ่มนี้มีไฟเบอร์สูง สารอาหารที่ดีต่อระบบขับถ่าย และมันสามารถช่วยบรรเทาอาการอักเสบได้ รวมไปถึงควรเน้นรับประทานผักผลไม้ ที่อุดมไปด้วยสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ จะช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย และช่วยต่อสู้กับอาการข้ออักเสบได้ เช่น แอปเปิ้ล ที่อุดมไปสารต้านอนุมูลอิสระสูง อย่างสารไบโอฟลาโวนอยด์มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ แอปเปิ้ล

จึงเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยภาวะเลือดเป็นกรดไขข้อรูมาติก โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคเกาต์ ช่วยชะลอกระบวนการของข้อกระดูกอักเสบได้ ต่อมาคือ อาหารที่ประกอบไปด้วยขิงหรือน้ำขิงร้อนๆ ก็ถือว่าดีต่อสุขภาพมากเช่นเดียวกัน เพราะการรับประทานขิงสามารถลดอาการปวดข้อ อาการบวมลดลง ทั้งยังช่วยผู้ป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้ออักเสบให้หายปวดอีกด้วย เพราะขิงจะช่วยสกัดฮอร์โมนที่เกี่ยวกับอาการอักเสบได้ เมื่อรับประทานขิงผงเป็นประจำทุกวันจะช่วยอาการข้อขัดของผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมและบรรเทาอาการจากโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุด ของการมีสุขภาพที่ดี หรือมีระบบโภชนาการที่ดีนั้น การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็นการช่วยทำให้เรามีร่างกายที่แข็งแรงห่างกลโรคได้ เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี ซึ่งเน้นย้ำมาตลอดให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย และที่สำคัญควรจะหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ยิ่งในตอนนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังน่าเป็นห่วง ทางที่ดีที่สุดเราควรดูแลสุขภาพ ล้างมือบ่อยๆ และสวมหน้ากากอนามัย เลือกรับประทานอาหารที่จะทำให้เราร่างกายแข็งแรง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยทำให้เรา ห่างไกลจากโรคได้และยังช่วยทำให้มีสุขภาพที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

9
ตรวจโรคพังผืดส้นเท้าอักเสบ (Plantar fasciitis)

พังผืดส้นเท้าอักเสบ (เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ โรครองช้ำ ก็เรียก) เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยของอาการปวดส้นเท้าหรือฝ่าเท้า พบได้บ่อยขึ้นตามอายุที่มากขึ้น พบบ่อยในคนอายุ 40-60 ปี และพบในผู้หญิงมากว่าผู้ชาย มักพบในคนอ้วน นักกีฬา นักวิ่ง ผู้ที่ทำงานหนัก หรือสวมใส่รองเท้าไม่เหมาะสม

โรคนี้อาจเป็นเรื้อรัง แต่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง


สาเหตุ

พังผืดที่ส้นเท้า (เอ็นฝ่าเท้า) เป็นพังผืดที่ยึดจากกระดูกส้นเท้าไปยังนิ้วเท้า ทำหน้าที่รักษารูปทรงของเท้า และเป็นตัวกันกระแทกของกระดูกเท้า ถ้าหากมีแรงกดดันต่อพังผืดนาน ๆ หรือซ้ำ ๆ ก็ทำให้เกิดการอักเสบได้

แรงกดดันอาจเกิดจากการมีน้ำหนักถ่วง (เช่น คนอ้วน ยกของหนัก) หรือเกิดจากการวิ่ง เต้นรำ เดินขึ้นบันได ผู้ที่ทำงานที่ต้องยืนหรือเดินบนพื้นแข็งหรือขรุขระนาน ๆ

นอกจากนี้ อาจมีสาเหตุอื่น ๆ เช่น กล้ามเนื้อน่องหรือเอ็นร้อยหวายขาดความยืดหยุ่น โครงสร้างเท้าผิดปกติ (ส้นเท้าแบน อุ้งเท้าโก่งเกินไป หรือส้นเท้าบิดออกด้านนอก) มีข้อเท้า ข้อเข่า หรือข้อสะโพกที่ผิดปกติ (ทำให้การเดินและการลงน้ำหนักผิดปกติ) ใช้รองเท้าที่ไม่เหมาะ (เช่น พื้นรองเท้าบาง ส้นสูง ส้นรองเท้าแข็งขาดความยืดหยุ่น)

โรคนี้ยังพบได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวาน (ซึ่งอธิบายสาเหตุไม่ได้) และโรคข้ออักเสบ เช่น โรคปวดข้อรูมาตอยด์

ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการกำเริบโดยไม่ทราบสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงที่ชัดเจน


อาการ

มีลักษณะเฉพาะ คือ รู้สึกปวดตรงฝ่าเท้าตรงบริเวณส่วนท้ายใกล้กับกระดูกส้นเท้า ลักษณะปวดจี๊ดคล้ายถูกมีดปักขณะเดินลงน้ำหนัก มักจะมีอาการใน 2-3 ก้าวแรกที่ลุกขึ้นเดินหลังตื่นนอนตอนเช้า หรือหลังจากนั่งพักนาน ๆ เนื่องจากในช่วงที่เริ่มเดินลงน้ำหนักใหม่ ๆ เกิดการกระชากของเอ็นฝ่าเท้าที่อักเสบทันทีทันใด แต่หลังจากเดินต่อไปสักพัก (ราว 2-3 นาทีไปแล้ว) เอ็นฝ่าเท้าค่อย ๆ ยืดหยุ่นขึ้น อาการก็จะทุเลาไปเอง

มักจะปวดเพียงข้างเดียว อาการอาจค่อย ๆ เกิดขึ้นทีละน้อย หรือเกิดขึ้นฉับพลันก็ได้ อาจเป็นเพียงเล็กน้อยน่ารำคาญ หรือปวดรุนแรงจนเดินไม่ค่อยถนัดก็ได้

ในระยะแรกอาจเกิดอาการเป็นครั้งคราวหลังตื่นนอนตอนเช้าหรือหลังจากนั่งพักนาน ๆ แต่ถ้าอาการมากขึ้น ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดส้นเท้ามากขึ้นและบ่อยขึ้นในช่วงระหว่างวัน หรือหลังจากยืนหรือเดินนาน ๆ ภายหลังเดินขึ้นบันได ยืนหรือเดินบนปลายเท้า อาการปวดจะลุกลามจากส้นเท้าไปทั่วฝ่าเท้าจนเดินไม่ถนัด หรือต้องคอยนั่งพัก

ส่วนมากจะเป็นอยู่นาน 2-3 เดือน ก็ทุเลาไปเอง บางรายอาจนานกว่านั้น อาจเป็น ๆ หาย ๆ หรือเป็นต่อเนื่องอยู่เรื่อย ๆ ตลอดไป


ภาวะแทรกซ้อน

อาจทำให้มีอาการปวดส้นเท้าเรื้อรัง กระทบต่อการเดินและการทำกิจวัตรประจำวัน

นอกจากนี้ ลักษณะท่าทางการเดินที่เปลี่ยนไปจากปกติเพื่อลดอาการเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ อาจส่งผลให้มีอาการปวดหลัง สะโพก เข่า และน่องตามมาได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

อาจพบอาการเจ็บส้นเท้าขณะให้ยืนบนปลายเท้า

เวลาใช้นิ้วกดแรง ๆ ตรงตำแหน่งที่ปวดจะรู้สึกเจ็บ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. แนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าและกิจกรรมที่ทำให้โรคกำเริบ (เช่น วิ่ง เดิน หรือยืนนาน ๆ ยกของหนัก) [^_^]ตัว ประคบด้วยน้ำแข็ง วันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที บริหารกล้ามเนื้อน่อง เอ็นร้อยหวาย และพังผืดส้นเท้า ให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนก ไพร็อกซิแคม นาโพรเซน) ถ้าได้ผลควรให้ยานาน 6-8 สัปดาห์

2. ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 2 สัปดาห์ หรือปวดรุนแรง หรือสงสัยว่าอาจเกิดจากสาเหตุอื่น แพทย์อาจต้องทำการเอกซเรย์หรือตรวจพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติม

ถ้าไม่พบว่าเกิดจากสาเหตุอื่น แพทย์จะให้การรักษาอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น กายภาพบำบัด การบริหารยืดเหยียดเอ็นร้อยหวายและเอ็นฝ่าเท้า การใช้อุปกรณ์เสริมอุ้งเท้าด้านใน (arch support)  การใช้อุปกรณ์แก้ไขภาวะผิดปกติของเท้า (เช่น รองเท้า เทปพันเท้า) การใช้เฝือกใส่เวลาเข้านอนเพื่อยืดกล้ามเนื้อน่องและพังผืดส้นเท้า

หากไม่ได้ผล แพทย์จะทำการบำบัดด้วยคลื่นกระแทก (shock wave therapy) เพื่อลดปวดและการซ่อมสร้างเนื้อเยื่อใหม่ (re-healing)

ในรายที่มีอาการปวดมาก แพทย์อาจใช้วิธีฉีดสเตียรอยด์เข้าพังผืด (ซึ่งปัจจุบันเป็นวิธีที่ไม่นิยมนัก เพราะต้องใช้เวลานานถึง 18 เดือนจึงจะหายขาด และในบางรายโรคอาจกำเริบขึ้นมาได้อีก)

การรักษาด้วยวิธีดังกล่าวข้างต้น มักจะหายได้เป็นส่วนใหญ่

มีเพียงส่วนน้อยมากที่อาจต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัด และเนื่องจากการผ่าตัดอาจมีภาวะแทรกซ้อน (เช่น การติดเชื้อ การเจ็บปวดต่อเนื่อง การเกิดความรู้สึกชาและเหมือนมีเข็มตำที่ส้นเท้า และอาจส่งผลให้ฝ่าเท้าแบนถาวรได้) แพทย์จะพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัดเฉพาะในรายที่การรักษาด้วยวิธีอื่นล้มเหลว และผู้ป่วยมีอาการปวดรุนแรงเท่านั้น


การดูแลตนเอง

ถ้ามั่นใจหรือได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นพังผืดส้นเท้าอักเสบ ควรดูแลตนเองดังนี้

    ประคบด้วยน้ำแข็ง วันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที
    หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าและกิจกรรมที่ทำให้โรคกำเริบ (เช่น วิ่ง เดิน หรือยืนนาน ๆ ยกของหนัก)
    บริหารกล้ามเนื้อน่อง เอ็นร้อยหวาย และพังผืดส้นเท้าตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด
    [^_^]ตัว ถ้ามีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน
    ใส่รองเท้าที่มีพื้นรองเท้าที่สามารถลดแรงกระแทก และใช้อุปกรณ์เสริมอุ้งเท้าด้านใน (arch support) ตามคำแนะนำของแพทย์ และหลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูงและรองเท้าที่พื้นบางหรือส้นแข็ง
    ถ้าปวด กินยาแก้ปวด พาราเซตามอล* หรือยาที่แพทย์แนะนำ

ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการปวดมาก หรือเดินลำบาก
    ดูแลตนเอง 1 สัปดาห์แล้วไม่ทุเลา
    มีประวัติการแพ้ยา เป็นสตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร หรือผู้มีโรคตับ โรคไต หรือโรคประจำตัวอื่น ๆ ที่มีการใช้ยาหรือแพทย์นัดติดตามการรักษาอยู่เป็นประจำ
    หลังกินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยา จากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ

การป้องกัน

โรคนี้อาจป้องกันได้ด้วยการปฏิบัติตัวดังนี้

    [^_^] ถ้ามีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน
    อย่าเดินเท้าเปล่าบนพื้นที่แข็ง
    เลือกสวมใส่รองเท้าที่พื้นหนาแต่มีความยืดหยุ่นสามารถรองรับแรงกระแทกได้ดี และหลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูง
    เวลาเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย ควรทำการอบอุ่นร่างกายก่อน และอย่าใส่รองเท้ากีฬาที่เสื่อมสภาพ
    ก่อนลุกจากเตียงหลังตื่นนอน ควรทำการบริหารยืดพังผืดส้นเท้า โดยการจับนิ้วเท้าเหยียดขึ้น
    ถ้ามีโครงสร้างเท้าผิดปกติ (ส้นเท้าแบน อุ้งเท้าโก่งเกินไป หรือส้นเท้าบิดออกด้านนอก) ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตัดรองเท้าพิเศษให้เข้ากับรูปเท้า

ข้อแนะนำ

1. อาการปวดส้นเท้าอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น กระดูกส้นเท้าแตก (จากการบาดเจ็บ) รากประสาทถูกกดทับ โรคข้ออักเสบเรื้อรังอื่น ๆ รวมทั้งกระดูกส้นเท้างอก ดังนั้นถ้ารักษาโรคพังผืดส้นเท้าอักเสบแล้วไม่ดีขึ้น แพทย์ก็จะทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุ

2. การเอกซเรย์ส้นเท้าอาจพบกระดูกส้นเท้างอก (heel spur) พบเป็นผลึกหินปูนงอกออกมาจากกระดูกส้นเท้า ภาวะนี้ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการและอันตรายใด ๆ อาจมีอาการปวดถ้ามีการอักเสบซึ่งพบได้เป็นครั้งคราว ภาวะนี้มีสาเหตุและการรักษาแบบเดียวกับพังผืดส้นเท้าอักเสบ

10
ดอกเบี้ยเงินฝาก: ออมง่าย ถึงเป้าหมายเร็ว…ฝากเงินล้านแรกไว้บัญชีออมทรัพย์ไหนได้ดอกเบี้ยเยอะสุด

การออมเงินไว้ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง เหมาะกับคนที่ต้องการออมเงินแบบไม่เร่งรีบ ไม่ค่อยมีเวลาในการมาคอยติดตามดูบัญชี หรือไม่ถนัดในเรื่องการลงทุน ซึ่งหลายคนก็เข้าใจว่าการฝากเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์จะได้ผลตอบแทนน้อยกว่าการนำเงินไปฝากไว้ในบัญชีฝากประจำ หรือนำไปลงทุนอื่นๆ แต่ปัจจุบันมีเงินฝากดอกเบี้ยสูงที่เป็นแบบบัญชีดิจิทัล ที่นอกจากจะเปิดบัญชีง่าย สะดวก เพราะสามารถเปิดบัญชีออนไลน์ได้แล้ว ยังให้ดอกเบี้ยเงินฝากสูงเทียบเท่าบัญชีเงินฝากประจำอีกด้วย 

เช็กให้ดีก่อนตัดสินใจ ออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง ต้องเลือกแบบไหน?

เปรียบเทียบดอกเบี้ย 5 บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดิจิทัล มีเงินล้าน ฝากที่ไหนได้ดอกเบี้ยเยอะสุด
โดยปกติก่อนที่จะตัดสินใจเลือกเปิดบัญชีเงินฝาก ทุกคนจะดูอัตราดอกเบี้ยของบัญชีเงินฝากนั้นๆ เป็นอันดับแรก และก็ตามด้วยเงื่อนไขของดอกเบี้ยที่จะได้รับ ดังนั้น วันนี้เราจะพามาเปรียบเทียบดอกเบี้ยเงินฝาก ของบัญชีออมทรัพย์แบบดิจิทัลว่าบัญชีดิจิทัลไหนที่ให้ดอกเบี้ยสูงสุดกันแน่

จากตารางเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยข้างต้น มีหลายๆ บัญชีที่ให้ดอกเบี้ยสูง แต่ด้วยเงื่อนไขวงเงินฝากที่แตกต่างกัน เราจะลองคำนวณดูว่าถ้าต้องการฝากเงิน 1,000,000 บาท ในบัญชีเหล่านี้ บัญชีไหนจะให้ผลตอบแทนสูงที่สุด

1. บัญชีออมทรัพย์ ttb Me save / ttb
 
รายละเอียดดอกเบี้ย (รวมโบนัส) :
 
ยอดเงินฝากไม่เกิน 100,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 2.20% ต่อปี
ยอดเงินฝากส่วนที่เกิน 100,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 1.60% ต่อปี
ยอดเงินฝากส่วนที่เกิน 1,000,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 1.20% ต่อปี
*รับดอกเบี้ยรวมโบนัส เมื่อมียอดเงินฝากมากกว่าถอนในแต่ละเดือน
คำนวณดอกเบี้ยสำหรับเงินฝาก 1 ล้านบาท ระยะเวลาฝาก 1 ปี ดังนี้
 
ยอดเงิน 100,000 บาทแรก รับดอกเบี้ย 2,200 บาท
ส่วนที่เกิน 100,000 - 1,000,000 บาท (900,000 บาท) รับดอกเบี้ย 14,400 บาท
รวม 1 ปี เงินฝาก 1,000,000 บาท ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ttb Me save ได้รับดอกเบี้ย (2,200 + 14,000) = 16,600 บาท
2. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคาร A
 
รายละเอียดดอกเบี้ย :
 
ยอดเงินฝากไม่เกิน 50,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 2.00% ต่อปี
ยอดเงินฝากมากกว่า 50,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 1.55% ต่อปี
ยอดเงินฝากส่วนที่เกิน 1,000,000 บาทขึ้นไป รับอัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อปี
คำนวณดอกเบี้ยสำหรับเงินฝาก 1 ล้านบาท ระยะเวลาฝาก 1 ปี ดังนี้
 
ยอดเงินฝาก 50,000 บาทแรก รับดอกเบี้ย 1,000 บาท
ยอดเงินฝากส่วนที่เกิน 50,000 - 1,000,000 บาท (950,000 บาท) รับดอกเบี้ย 14,725 บาท
รวม 1 ปี เงินฝาก 1,000,000 บาท ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคาร A ได้รับดอกเบี้ย (1,000 + 14,725) = 15,725 บาท
3. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคาร B
 
รายละเอียดดอกเบี้ย :
 
ยอดเงินฝากไม่เกิน 1,000,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 1.50% ต่อปี
ยอดเงินฝากมากกว่า 1,000,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.65% ต่อปี
คำนวณดอกเบี้ยสำหรับเงินฝาก 1 ล้านบาท ระยะเวลาฝาก 1 ปี ดังนี้
 
ยอดเงินฝาก 1,000,000 บาทแรก รับดอกเบี้ย 15,000 บาท
รวม 1 ปี เงินฝาก 1,000,000 บาท ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคาร B ได้รับดอกเบี้ย 15,000 บาท
4. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคาร C
 
รายละเอียดดอกเบี้ย :
 
ยอดเงินฝากน้อยกว่า หรือเท่ากับ 1,000,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 1.50% ต่อปี
ยอดเงินฝากมากกว่า 1,000,000 บาท แต่ไม่เกิน 2,000,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี
ยอดเงินฝากมากกว่า 2,000,000 บาท แต่ไม่เกิน 25,000,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อปี
ยอดเงินฝากมากกว่า 25,000,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อปี
ยอดเงินฝากมากกว่า 50,000,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี
คำนวณดอกเบี้ยสำหรับเงินฝาก 1 ล้านบาท ระยะเวลาฝาก 1 ปี ดังนี้
 
ยอดเงินฝาก 1,000,000 บาทแรก รับดอกเบี้ย 15,000 บาท
รวม 1 ปี เงินฝาก 1,000,000 บาท ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคาร C ได้รับดอกเบี้ย 15,000 บาท
5. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคาร D
 
รายละเอียดดอกเบี้ย :
 
ยอดเงินฝากไม่เกิน 1,000,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 1.30% ต่อปี
ยอดเงินฝากมากกว่า 1,000,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี
คำนวณดอกเบี้ยสำหรับเงินฝาก 1 ล้านบาท ระยะเวลาฝาก 1 ปี ดังนี้
 
ยอดเงินฝาก 1,000,000 บาทแรก รับดอกเบี้ย 13,000 บาท
รวม 1 ปี เงินฝาก 1,000,000 บาท ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคาร D ได้รับดอกเบี้ย 13,000 บาท
สรุปแล้ว จากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในบัญชีเงินฝากดิจิทัล ttb Me save บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคาร A ธนาคาร B ธนาคาร C และธนาคาร D สำหรับยอดเงินฝาก 1,000,000 บาท เมื่อฝากเงินตามเงื่อนไขของธนาคาร เงินที่ฝากไว้กับบัญชีเงินฝากดิจิทัล ttb Me save ได้ดอกเบี้ยสูงสุด ถึง 16,600 บาท
 
บัญชีทีทีบี มีเซฟ (ttb ME save) ปรับดอกเบี้ยใหม่ ได้มากกว่าเดิม
 
บัญชี ttb Me save เป็นบัญชีเงินฝากดิจิทัล ออมง่ายได้ดอกเบี้ยสูง เพียงย้ายเงินมาฝากที่บัญชีดิจิทัล ttb Me save ดอกเบี้ยสูงสุด 2.2% ดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไปถึง 8.8 เท่า
 
รายละเอียดดอกเบี้ย :
 
เงื่อนไขการเปิดบัญชี :
เป็นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดิจิทัล
ไม่มีขั้นต่ำในการเปิดบัญชีครั้งแรก หรือฝากเพิ่มครั้งต่อไป
ไม่จำกัดจำนวนเงินฝากสูงสุด ไม่จำกัดระยะเวลาฝาก
สามารถเปิดบัญชีได้ผ่านทาง แอป ttb touch โดยลูกค้า 1 ราย สามารถเปิดบัญชีได้เพียง 1 บัญชี เท่านั้น
ผู้ใช้บริการจะต้องมีอายุขั้นต่ำ 18 ปีบริบูรณ์และมีสัญชาติไทย
ชื่อบัญชีเงินฝากต้องเป็นชื่อเดียวกันกับชื่อเจ้าของบัญชี ไม่อนุญาตให้ใช้ชื่ออื่นหรือนามแฝง และชื่อบัญชีเงินฝากจะต้องเป็นชื่อบุคคลเดียว ไม่ใช่ชื่อบัญชีเงินฝาก "และ / หรือ / เพื่อ / โดย"
ไม่สามารถใช้บริการร่วมกับบัตรเดบิตทุกประเภท และไม่สามารถใช้บัญชีเพื่อทำธุรกรรมชำระค่าสาธารณูปโภค ชำระค่าสินค้าและบริการ ชำระเงินกู้ รวมถึงการสมัครบริการหักบัญชีอัตโนมัติเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการได้
การคำนวณดอกเบี้ย คำนวณดอกเบี้ยให้ทุกวันตามยอดเงินคงเหลือ ณ สิ้นวัน โดยธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง คือ เดือนมิถุนายนและธันวาคม หักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ของจานวนดอกเบี้ยที่ได้รับ หากดอกเบี้ยบัญชีออมทรัพย์ที่ได้รับรวมทุกธนาคารเกิน 20,000 บาทต่อปี ธนาคารจะหักภาษี ณ ที่จ่ายตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร
จำนวนวันที่ใช้ในการคำนวณดอกเบี้ย : 365 หรือ 366 วัน

11
ประโยชน์ของการจัดฟันเด็ก

หลายคนคงเคยกังวลในเรื่องของปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน เพราะนอกจากจะเป็นปัญหาทางด้านสุขภาพในร่างกายของเราแล้ว ยังทำให้ขาดความมั่นใจในรอยยิ้มและบุคลิกภาพของตัวเองอีกด้วย เนื่องจากมีปัญหาฟันซ้อนเก ฟันห่าง หน้าอูม ทำให้ต้องยิ้มแบบเหนียมอาย ปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้ด้วยการจัดฟัน ถือว่าเป็นการช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของผู้ป่วยได้เป็นอย่างมาก และเพิ่มความมั่นใจในการดำเนินชีวิตประจำวัน


สำหรับปัญหาเกี่ยวกับการสบฟัน ทำให้กัดฟันแล้วชนเหงือก ริมฝีปาก กระพุ้งแก้ม เป็นผลให้รับประทานอาหารได้ไม่สะดวก บดเคี้ยวอาหารก็ไม่ละเอียด บางรายกัดเส้นก๋วยเตี๋ยวก็ไม่ขาด เป็นที่มาของโรคทางระบบทางเดินอาหาร เช่นกระเพาะอาหารอักเสบ หรือกรดไหลย้อน ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย ในบางกรณีการจัดฟันยังช่วยในเรื่องของการปรับโครงสร้างของใบหน้าในเด็กได้อีกด้วย เพราะการจัดฟันสามารถช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของใบหน้าของเด็กได้ เพราะเด็กยังมีโครงสร้างของใบหน้าและขากรรไกรที่ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ การจัดฟันก็จะช่วยในเรื่องของการปรับโครงหน้าได้ และส่งผลต่อการขึ้นใหม่ของฟันแท้อีกด้วย

สำหรับการจัดฟันในเด็กนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนยังมองว่า ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็น แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิด เพราะเนื่องจากเด็กบางคนมีความผิดปกติของฟันมาตั้งแต่เล็กๆ เด็กบางคนมีขนาดขากรรไกรเล็ก ไม่สมดุลกับจำนวนซี่ฟัน จนทำให้ฟันซ้อน เด็กบางคนขากรรไกรยื่น ฟันสบคร่อม ซึ่งความผิดปกติเหล่านี้ สาเหตุใหญ่จะเกิดจากกรรมพันธุ์ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟัน รวมไปถึงการที่เด็กมีพฤติกรรมต่างๆ เช่น การที่เด็กติดดูดนิ้ว อาจไม่มีผลเสียหายอะไร หากยังอยู่ในช่วงเด็กเล็ก แต่ถ้าหากเด็กยังติดการดูดนิ้ว ไปจนถึงอายุ 5-6 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ฟันแท้เริ่มขึ้นก็อาจเป็นสาเหตุทำให้ฟันหน้าอยู่ผิดตำแหน่ง ทำให้เกิดการสบฟันที่ผิดปกติขั้นรุนแรงได้


สำหรับการสบฟันที่มีความผิดปกติในเด็กนั้น สามารถสังเกตได้จากพฤติกรรมและสภาพฟันของเด็ก โดยจะมีอาการคือ ฟันซ้อน ฟันขึ้นผิดตำแหน่ง ฟันหน้ายื่น ฟันน้ำนมหลุดเร็วเกินไป หรือหลุดช้าเกินไป หรือต้องเสียฟันน้ำนมแบบไม่ปกติ ฟันสบลึก หรือฟันสบคร่อม ฟันหรือลักษณะขากรรไกร ดูผิดสัดส่วน เด็กยังติดการดูดนิ้วจนอายุเกิน 5 ปี สามารถกัดหรือบดเคี้ยวอาหารลำบาก และชอบหายใจทางปาก นั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า เด็กอาจจะมีความผิดปกติของฟัน และควรที่เข้ารับการจัดฟัน แม้การจัดฟันแบบเบื้องต้นในเด็ก อาจไม่ได้จำเป็นสำหรับเด็กทุกคน หากในช่วงอายุ 7-10 ปี และหากพบสัญญาณของความผิดปกติ ก็จะได้รีบแก้ไขตั้งแต่เนิ่น อาจแก้ไขได้ เพราะเป็นช่วงที่กระดูกขากรรไกรกำลังเจริญเติบโตนั่นเอง

สำหรับประโยชน์ของการจัดฟันในเด็ก นอกเหนือจะทำให้เด็กมีรอยยิ้มที่สวยงาม สดใสสมวัยแล้ว ยังทำให้เด็กมีความมั่นใจ เพราะการจัดฟันในเด็กยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กได้หลายอย่าง ที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ เมื่อเด็กมีฟันที่เรียงสวยงามเป็นธรรมชาติ ไม่ซ้อนเก เด็กก็จะแปรงฟันได้ง่ายขึ้น ทำความสะอาดได้ดีขึ้น ซึ่งเรื่องความสะอาดในช่องปาก ถือเป็นเรื่องสุขอนามัยเบื้องต้นที่จะอยู่กับเด็กไปตลอดชีวิต

นอกจากนั้นทันตแพทย์ผู้ทำการจัดฟัน อาจมีส่วนช่วยหาทางบรรเทา ภาวะหยุดหายใจขณะหลับในเด็กได้ด้วย สามารถช่วยบำบัดพฤติกรรมเด็กที่ติดการดูดนิ้ว ซึ่งสามารถสร้างผลเสียหาย ต่อการสบฟันในอนาคต ช่วยวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการออกเสียง การหายใจ และการบดเคี้ยวอาหารของเด็กได้เป็นอน่างดี สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง ท่านใดสนใจ จะพาบุตรหลานของท่าน เข้ารับการจัดฟัน สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้จากทางคลินิก ได้ ทางเรามีบริการจัดฟันในเด็ก โดยทันตแพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก จึงมั่นใจได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีรอยยิ้มที่สดใส สมวัยอย่างแน่นอน

12
สร้างรายได้ จากการขายหมูนุ่มกะเพรากรอบ กลิ่นหอมใบกะเพรา รสชาติเผ็ดร้อน

หมูนุ่มกะเพรากรอบเป็นอาหารตามสั่งที่หลายคนชื่นชอบ ด้วยรสชาติจัดจ้านของกะเพราแท้ๆและความนุ่มของหมูที่ผัดเข้ากันอย่างลงตัว เพิ่มความพิเศษด้วยใบกะเพราทอดกรอบที่โรยหน้า ทำให้ได้ทั้งรสสัมผัสและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ หมูนุ่มกะเพรากรอบแปลว่าหมูนุ่มๆกับกะเพรากรอบการนำความอร่อยเข้มข้นของหมูหมักมาผสมผสานกับความกรุบกรอบของใบกะเพราทอดกรอบ

หมูนุ่ม : หมายถึงเนื้อหมูหมักที่นุ่ม มักจะแล่เป็นแผ่นบางๆ แล้วผัดจนเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำและมีรสชาติดี โดยมักจะหมักไว้ก่อนด้วยซีอิ๊ว ซอสหอยนางรม น้ำตาลเล็กน้อย และบางครั้งก็อาจหมักด้วยกระเทียมเพื่อเพิ่มรสชาติ

กะเพรากรอบ : “กะเพรา” หมายถึง กะเพรา สมุนไพรที่มีรสชาติเผ็ดและมีกลิ่นหอม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของอาหารไทย กะเพราชนิดนี้จะนำกะเพราไปทอดจนกรอบ ทำให้ได้เนื้อสัมผัสและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ส่วนผสมที่สำคัญ
หมูหมักแล่บาง
กระเทียมพริก (ผัดให้เผ็ดจัด)
ซอสหอยนางรม, ซอสถั่วเหลือง, น้ำตาล (สำหรับปรุงรส)
กะเพรากรอบ (ทอดแยก)
เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

ตัวเลือก: ไข่ดาวด้านบน (ไคเต้า)
หมูนุ่มรสเด็ดที่ผสมผสานกับใบกะเพรากรอบทำให้กะเพราหมูกรอบโดดเด่น กะเพราหมูกรอบสามารถจับเอารสชาติที่เข้มข้นของอาหารไทยได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเผ็ด เค็ม และหอมกรุ่น อีกทั้งยังมีเนื้อสัมผัสที่ตัดกันอย่างลงตัวเพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับทุกคำที่รับประทาน

เมนูนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารไทยรสจัดจ้านและหอมกลิ่นกะเพรา หากคุณกำลังมองหาอาหารตามสั่งที่ไม่ซับซ้อน แต่ให้รสชาติจัดเต็ม หมูนุ่มกะเพรากรอบ

ไม่ว่าคุณจะเพลิดเพลินกับอาหารริมถนนหรือร้านอาหารมื้อเที่ยงที่คุณชื่นชอบ หมูผัดกะเพรากรอบก็เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบเมื่อคุณอยากทานอะไรสักอย่างที่อิ่มท้อง เผ็ด และเป็นเอกลักษณ์ของไทย

เคล็ดลับ : ขอไข่ดาวด้านบนและแตงกวาหั่นเป็นแว่นเป็นเครื่องเคียงเพื่อปรับสมดุลความเผ็ดร้อน


13
คำถามยอดนิยม การจัดฟันเด็ก แพงหรือไม่ ?

การเข้ารับการจัดฟัน เป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ซึ่งผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างฟัน และลักษณะของฟันที่มีการขึ้นแบบผิดปกติจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ยากขึ้น เช่นเดียวกันกับเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันก็จะทำให้รู้สึกไม่มั่นใจและรับประทานอาหารได้ไม่เต็มที่ ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมในวัยเด็กที่ส่งผลทำให้การขึ้นของฟันแท้มีความผิดปกติบวกกับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร


เนื่องจากเด็กมักชอบรับประทานอาหารที่มีรสหวานหรือเครื่องดื่มที่มี ส่วนผสมของน้ำตาลเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดฟันผุได้ง่าย ดังนั้น การทำความสะอาดช่องปากและฟันของเด็ก ถือเป็นเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรช่วยกันดูแลให้บุตรหลานของท่านรู้จักวิธีการทำความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกวิธีตั้งแต่อายุยังน้อยหรือตั้งแต่ยังมีฟันน้ำนม ซึ่งฟันน้ำนมนั้น เป็นส่วนสำคัญในกระบวนการขึ้นของฟันแท้ เพราะฉะนั้น การดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของลูกน้อยของท่าน ควรได้รับการดูแลตั้งแต่ช่วงฟันน้ำนมเพราะถ้าหากเด็กได้รับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันก็จะทำให้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ป้องกันการเกิดฟันผุและโรคเหงือกอักเสบที่อาจจะตามมาได้ในอนาคต  ในปัจจุบัน

พ่อแม่ผู้ปกครองเริ่มหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพฟันของเด็กประกอบกับได้มีการจัดฟันในเด็กซึ่งถือเป็นนวัตกรรมในวงการทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมากเช่นเดียวกัน เพราะสามารถแก้ไขปัญหาฟันของเด็กได้ตั้งแต่อายุ 12 -15 ปี และยังมีการจัดฟันในเด็กที่เรียกว่าการจัดฟัน EF LINE ซึ่งการจัดฟันในรูปแบบนี้สามารถรักษาปัญหาฟันในเด็กได้ตั้งแต่อายุ 4-15 ปีเลยทีเดียว ซึ่งต้องบอกว่าวงการทันตกรรมของเราในปัจจุบันถือว่า ก้าวหน้าไปมากทำให้ปัญหาต่างๆเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ


สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดมีความสนใจที่จะให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก แต่ก็มีข้อกังวลนั่นก็คือในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการจัดฟันในเด็ก หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าการจัดฟันในเด็กนั้นจะต้อง มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงค่าใช้จ่ายในเรื่องของการจัดฟันในเด็กเพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้เลือกแนวทางที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุดและได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพด้วย


สำหรับเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดฟันในเด็ก คือสิ่งแรกที่พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคน อยากจะทราบซึ่งในประเทศไทยของเราถ้าจัดฟันในเด็กจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 50,000 บาท แต่ราคาก็จะขึ้นอยู่กับคลินิกทันตกรรมด้วย ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีความแตกต่างกันรวมไปถึงจะขึ้นอยู่กับปัญหาของฟันของเด็กด้วย แต่ในข้อนี้ก็ไม่ต้องกังวลเพราะค่าจัดฟันในเด็กจะเป็นการทยอยจ่ายเช่นเดียวกับการจัดฟันในผู้ใหญ่ แต่การจัดฟันในเด็กก็อาจจะมีรายละเอียดของเครื่องมือบางชนิดที่มีความแตกต่างจากการจัดฟันในผู้ใหญ่ ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากปัญหาในช่องปากและฟันของเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ยิ่งถ้าเด็กบางคนมีปัญหาของขากรรไกรร่วมด้วย การรักษาก็จะยุ่งยากซับซ้อนมากยิ่งขึ้นอาจจะต้องใช้เครื่องมือแบบพิเศษซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าปกตินั่นเอง ซึ่งค่าใช้จ่ายในการจัดฟัน เราสามารถปรึกษากับทางคลินิกได้


สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดที่อยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกของเรา ทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมของเด็กมาอย่างยาวนาน ทั้งยัง มีเจ้าหน้าที่ที่คอยให้คำปรึกษาและแนะนำในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการจัดฟัน ซึ่งต้องบอกว่า พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ต้องกังวล เพราะท่านสามารถวางแผนในเรื่องของค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับตัวเองได้ เพราะเราอยากให้เด็กทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง มีรอยยิ้มที่สดใส และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
 

14
วิธีสร้างอาชีพ พิเศษด้วยการขายอาหารทำเองเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการทำอาหารของคุณให้เกิดประโยชน์

ในโลกทุกวันนี้ ผู้คนจำนวนมากมองหาวิธีที่จะสร้างรายได้พิเศษและหนึ่งในทางเลือกที่ทำได้จริงและคุ้มค่าที่สุดคือการขายอาหารที่บ้าน ไม่ว่าคุณจะมีความหลงใหลในการทำอาหารหรือต้องการเปลี่ยนทักษะการทำอาหารของคุณให้กลายเป็นธุรกิจ การขายอาหารจากที่บ้านอาจเป็นโอกาสที่ดีได้ การหา[^_^]จากการขายอาหารทำที่บ้านเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการใช้ทักษะการทำอาหารของคุณให้เกิดประโยชน์

การสร้างรายได้เพิ่มเติมนี่คือวิธีที่คุณสามารถเริ่มต้นและทำให้ธุรกิจอาหารที่บ้านของคุณประสบความสำเร็จ

1. เลือกอาหารที่เหมาะสมในการขาย
การเลือกประเภทอาหารที่ถูกต้องเป็นขั้นตอนแรก โปรดพิจารณาสิ่งต่อไปนี้:
สินค้าที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการเช่น เบเกอรี่ อาหารเพื่อสุขภาพ ขนมขบเคี้ยว หรืออาหารจานโฮมเมดแบบดั้งเดิม
อาหารที่เหมาะกับทักษะของคุณ – เน้นไปที่อาหารที่คุณทำดีที่สุดและอาหารที่ผู้คนชื่นชอบ
อายุการเก็บรักษาที่ยาวนานและบรรจุภัณฑ์ที่สะดวก – หากคุณวางแผนจะขายทางออนไลน์หรือจัดส่ง โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าอาหารยังคงมีความสด

2. เข้าใจกฎระเบียบด้านอาหารในท้องถิ่น
ก่อนเริ่มต้น ควรตรวจสอบกฎหมายด้านอาหารในพื้นที่ของคุณก่อน สถานที่บางแห่งกำหนดให้ต้องมีใบอนุญาตหรือการตรวจสอบด้านสุขภาพสำหรับธุรกิจอาหารที่ทำที่บ้าน การปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของอาหารจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายและสร้างความไว้วางใจจากลูกค้าได้

3. ตั้งค่าธุรกิจของคุณ
หากต้องการให้ธุรกิจอาหารของคุณประสบความสำเร็จ โปรดพิจารณาขั้นตอนสำคัญเหล่านี้:
สร้างแบรนด์ – เลือกชื่อและออกแบบโลโก้ที่เรียบง่ายเพื่อดึงดูดลูกค้า
กำหนดราคาของคุณ – คำนวณต้นทุนส่วนผสม แรงงาน และบรรจุภัณฑ์เพื่อกำหนดราคาที่สามารถแข่งขันได้
ตัดสินใจเลือกช่องทางการขาย – คุณสามารถขายผ่านโซเชียลมีเดีย แอปส่งอาหาร หรือตลาดท้องถิ่น

4. โปรโมตอาหารโฮมเมดของคุณ
การตลาดเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จ ต่อไปนี้เป็นวิธีส่งเสริมธุรกิจของคุณ:
ใช้โซเชียลมีเดีย – แพลตฟอร์มเช่น Facebook, Instagram และ TikTok สามารถช่วยจัดแสดงอาหารของคุณได้
เสนอตัวอย่างและโปรโมชั่น – ให้ลูกค้าที่สนใจได้ชิมอาหารของคุณและมอบส่วนลดพิเศษ
กระตุ้นการตลาดแบบปากต่อปาก – ลูกค้าที่พึงพอใจสามารถช่วยกระจายข่าวสารเกี่ยวกับธุรกิจของคุณได้

5. ให้บริการลูกค้าอย่างดีเยี่ยม
การบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยมทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ ตอบคำถามอย่างรวดเร็ว รักษาคุณภาพอาหาร และจัดส่งตรงเวลา ลูกค้าที่พึงพอใจมีแนวโน้มที่จะแนะนำธุรกิจของคุณให้กับผู้อื่น

การขายอาหารทำเองที่บ้านเป็นช่องทางที่ทำกำไรและสนุกสนานในการหารายได้พิเศษได้ การเลือกอาหารที่ถูกต้อง ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ และให้บริการลูกค้าอย่างยอดเยี่ยม จะช่วยให้คุณสร้างธุรกิจอาหารที่บ้านที่ประสบความสำเร็จได้ เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ และขยายธุรกิจของคุณตามจังหวะของคุณเอง

15
คอนโดใหม่ 2025: อควารัส จอมเทียน พัทยา (Aquarous Jomtien Pattaya)
N/A

อควารัส จอมเทียน พัทยา (Aquarous Jomtien Pattaya)
เตรียมพบกับคอนโดสไตล์สวนน้ำแห่งใหม่ ใกล้ หาดจอมเทียน พัทยา จาก แอสเซทไวส์ ได้ในเร็วๆ นี้

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ                     อควารัส จอมเทียน พัทยา (Aquarous Jomtien Pattaya)
 เจ้าของโครงการ               แอสเซทไวส์
 ราคา                              N/A
 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล                    คอนโดตากอากาศ, คอนโดประเภทอื่น
 ความสูงคอนโด                 โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะกรรมสิทธิ์              โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี                 โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ขนาดห้องที่มี                    โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 เนื้อที่ทั้งหมด                    โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนตึก                        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนชั้น                        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้อง                      โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ที่จอดรถทั้งหมด                โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ค่าบำรุงส่วนกลาง               โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค                   โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน       บางละมุง
 ที่ตั้ง         ซอยบุณย์กัญจนา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี 20150

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:       โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ศูนย์การค้า/ไลฟ์สไตล์
1.Makro Pattaya (South) 3 กม.
2.Lotus Pattaya (South) 3.7 กม.
3.Outlet Mall Pattaya 3.8 กม.
4.Big C Pattaya 4.5 กม.
5.Royal Garden Pattay 6 กม.
6.Central Pattaya 6.9 กม.
7.Central Marina 8 กม.
8.Terminal 21 Pattaya 10 กม.

สถานศึกษา
1.Regent International school 17.9 กม.

โรงพยาบาล
1.Jomtien Hospita 3.9 กม.
2.Pattaya Memorial Hospital 7.1 กม.
3.Pattaya Inter Hospital 8.1 กม.
4.Bangkok Hospital Pattaya 9.1 กม.

สถานที่สำคัญอื่นๆ
1.Under Water World 2.7 กม.
2.Go-Kart Pattaya Speedway 2.8 กม.
3.Pattaya View Point 4.4 กม.
4.Bali Hai Pier Pattaya 5.4 กม.
5.Walking Street 5.6 กม.
6.Ocean Marina Yacht Club 10.8 กม.

 ปีที่สร้างเสร็จ         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

16
จัดฟันบางนา: ข้อแนะนำการใช้ และรักษาดูแล “รีเทนเนอร์” ที่ถูกต้อง

“รีเทนเนอร์” ก็คือเครื่องมือคงสภาพฟันหลังจากการถอดอุปกรณ์จัดฟันออก ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าหากทำการจัดฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ทำการใส่รีเทนเนอร์อย่างสม่ำเสมอก็อาจจะทำให้ฟันกลับไปยังตำแหน่งเดิมหรืออาจจะผิดรูปไปเลยก็ได้ รีเทนเนอร์จึงถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญมากๆในการคงสภาพฟันหลังถอดอุปกรณ์จัดฟัน และสามารถรักษาอาการในช่องปากชนิดอื่นๆบางชนิดอีกด้วย จึงควรใส่อย่างสม่ำเสมอตามที่ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ

ซึ่งในวันนี้จะขอมาเอาใจท่านผู้อ่านที่กำลังจัดฟัน หรือกำลังใส่รีเทนเนอร์อยู่ รวมถึงผู้ที่คิดว่ากำลังจะจัดฟันได้ทราบถึงข้อมูล วิธีใช้ และการดูแลรักษา รีเทนเนอร์ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


ความผิดปกติอื่นๆ ที่รีเทนเนอร์รักษาได้ ?

อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่า “รีเทนเนอร์” มีหน้าที่หลักๆก็คือ คงสภาพฟันหลังจากที่ถอดอุปกรณ์จัดฟัน ไม่ให้กลับไปตำแหน่งเดิมก่อนที่จะทำการใส่อุปกรณ์จัดฟัน แถมยังสามารถรักษาโรคผิดปกติต่างๆดังต่อไปนี้

– ฟันห่าง

การใส่รีเทนเนอร์นั้นสามารถช่วยให้ผู้ที่มีช่องว่างระหว่างฟันเพียงเล็กน้อย สามารถเคลื่อนกลับมาปิดสนิทได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องทำการจัดฟันและใช้ระยะเวลาไม่นาน

– ภาวะลิ้นยื่นเข้าออกช่องปากตลอดเวลา

สามารถแก้ไขอาการภาวะลิ้นยื่นได้ด้วยรีเทนเนอร์ที่ออกแบบมาเพื่อบังคับให้ลิ้นแตะเพดานปากและไม่ลอดออกมาในขณะพูด

– ความผิดปกติข้อต่อขากรรไกร

ความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร จะทำให้เกิดการสบฟันที่ผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการนอนกัดฟัน ซึ่งเป็นหนึ่งในต้อนเหตุของการทำลายเคลือบฟัน ส่งผลให้สุขภาพฟันไม่แข็งแรง ซึ่งหากมีอาการดังกล่าวทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมักแนะนำให้ใส่รีเทนเนอร์เพื่อป้องกันความผิดปกติดังกล่าว


ข้อแนะนำในการใช้รีเทนเนอร์

ต้องขอบอกเลยว่าจริงๆแล้วรีเทนเนอร์มีอายุการใช้งานหลายปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านผู้ใช้จะทำการดูแลรักษาได้ดีพอหรือไม่ ซึ่งหากทำตามข้อแนะนำดังต่อไปนี้รับรองว่าท่านจะสามารถใช้รีเทนเนอร์ได้นานที่สุดโดยมีรายละเอียดดังนี้

– ควรเก็บรีเทนเนอร์ไว้ในที่มิดชิด และสำคัญที่สุดคือต้องห่างจากบริเวณที่เสี่ยงต่อการสัมผัสความร้อน เช่น ไมโครเวฟ เครื่องเป่าผม เตาแก๊ส และที่สำคัญห้ามทำความสะอาดรีเทนเนอร์ด้วยน้ำร้อนเด็ดขาด

– ควรแช่รีเทนเนอร์ในน้ำทุกครั้งที่ทำการถอดออก เพราะหากว่าปล่อยไว้ให้แห้งรีเทนเนอร์จะสามารถแตกหักได้ง่ายกว่าปกติ

– ไม่ควรแช่รีเทนเนอร์ในน้ำที่มีสารเคมี เช่น น้ำยาบ้วนปาก หรือน้ำยาล้างฟันปลอม ควรแช่ในน้ำสะอาดเท่านั้น

– ทำความสะอาดกล่องใส่รีเทนเนอร์ด้วยน้ำอุ่นผสมน้ำสบู่ และเช็ดให้แห้ง อย่าให้อับชื้นเพราะจะทำให้เกิดเชื้อโรคได้

– หากว่ารีเทนเนอร์แตกหัก หรือผิดรูปร่าง รวมถึงมีคราบสกปรกที่ไม่สามารถทำความสะอาดให้ออกได้ ควรรีบนำไปให้ทันตแพทย์ดูเพื่อเปลี่ยนอันใหม่ และให้ทำการเปลี่ยนรีเทนเนอร์ตามระยะเวลาที่ทันตแพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด


วิธีทำความสะอาดรีเทนเนอร์ที่ถูกต้อง ?

– เมื่อทำการถอดรีเทนเนอร์ออกให้ทำความสะอาดคราบสกปรกในทันที หากปล่อยทิ้งไว้คราบต่างๆอาจเกาะติดแน่นจนไม่สามารถทำความสะอาดออกได้

– ใช้แปรงสีฟันที่มีขนนุ่ม กับน้ำอุ่นที่ผสมยาสีฟันในการล้างทำความสะอาดทุกครั้งหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ

– ใช้ก้านสำลีขนาดเล็กเช็ดทำความสะอาดในซอกที่ยากต่อการใช้แปรงสีฟันเข้าถึง พยายามทำความสะอาดทุกซอกให้สะอาดเพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของเศษอาหารและเชื้อโรคต่างๆ

– ปรึกษาทันตแพทย์ทุกครั้งหากว่านำรีเทนเนอร์ไปแช่น้ำยาบ้วนปาก เพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจสอบรีเทนเนอร์ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายในระยะยาว และควรฟังคำแนะนำจากทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด

– ที่สำคัญที่สุดหากว่ารีเทนเนอร์มีปัญหาเพียงเล็กน้อย ก็ควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อให้ตรวจเช็คสภาพก่อนนำมาใช้เพื่อความปลอดภัยของช่องปากท่านเอง

ทั้งหมดนี้ก็คือสิ่งที่แนะนำและอยากให้ทำตามอย่างเคร่งครัดเพราะสุขภาพช่องปากไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หากผิดพลาดท่านอาจจะต้องกลับมาจัดฟันใหม่อีกรอบ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นระยะ

17
จัดฟันบางนา: มือใหม่ควรรู้ จัดฟันครั้งแรก ควรเตรียมตัวอย่างไร

เชื่อว่ามีหลายๆท่าน ที่ประสบปัญหาเรื่องของฟันผิดรูป ซึ่งส่งผลอย่างมากในเรื่องของบุคลิกภาพเบื้องต้น ไม่กล้าที่จะพูดคุยติดต่องาน ไม่กล้ายิ้มกว้างอย่างมั่นใจ รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร ปัญหาฟันล้มในอนาคต การที่ท่านมีรูปแบบฟันที่เรียงตัวไม่เป็นระเบียบ จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องได้รับการแก้ไข

แต่ก็คงมีหลายๆท่าน ที่อยากจะทำการจัดฟันให้เป็นระเบียบ แต่ไม่ทราบว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไร หรือเตรียมตัวอย่างไรในการพบทันตแพทย์เพื่อทำการจัดฟัน

อีกอย่างคือในยุคสมัยนี้มีอุปกรณ์และระบบมากมายเพื่อให้ท่านได้เลือกในการจัดฟัน ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าเทคโนโลยีอุปกรณ์จัดฟันในสมัยนี้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และไม่สร้างปัญหาต่างๆในการใช้ชีวิตประจำวันคงหนี้ไม่พ้นการจัดฟันแบบใส Invisalign

โดยในวันนี้จะขอนำรายละเอียดเกี่ยวกับการเตรียมตัว เพื่อให้ท่านผู้อ่านที่คิดจะทำการจัดฟันได้ศึกษาเบื้องต้นกันก่อนที่จะเข้ารับการรักษา โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


– ขั้นตอนเตรียมตัวก่อนการจัดฟัน

ต้องบอกเลยว่าก่อนที่ท่านผู้อ่านจะเริ่มทำการจัดฟัน คงต้องมีการเตรียมตัวก่อนเริ่มรับบริการ รวมถึงต้องทราบทุกมุมของผลที่จะตามมาในอนาคต

โดยหากว่าท่านผู้อ่านต้องการที่จะจัดฟันแน่นอนแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำเลย คือ เลือกคลีนิคที่มีมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ และไว้ใจได้ขอย้ำว่าสำคัญมากๆ ในการเลือกคลีนิค เพราะทันตแพทย์แต่ละคนจะมีความชำนาญที่ต่างกัน การวิเคราะห์ถึงปัญหาก็ต่างกัน จึงควรเลือกให้เหมาะสม

เมื่อท่านเลือกคลีนิคได้แล้วก็มุ่งหน้าเข้าไปหาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อปรึกษาและตรวจสุขภาพในช่องปาก เพื่อดูความผิดปกติต่างๆในช่องปากของท่าน เนื่องจากว่าก่อนที่จะทำการจัดฟัน ช่องปากของท่านจะต้องได้รับการรักษา ฟันผุ ฟันคุด หรือหินปูน ให้เป็นปกติเสียก่อน

หลังจากนั้นก็จะเริ่มวิเคราะห์ลักษณะฟัน การสบฟัน ฟันยื่น ฟันห่าง และฟันเก เพื่อทำการวางแผนในการจัดฟัน โดยทันตแพทย์จะให้ผู้ป่วยเป็นผู้ตันสินใจในการเลือกรูปแบบ ในการจัดฟัน แต่ทุกอย่างที่ท่านเลือกก็จะต้องอยู่ภายใต้การให้คำปรึกษาของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกขั้นตอนเช่นกัน

ซึ่งขอแนะนำว่า ท่านควรมองหาการจัดฟันแบบใส Invisalign หลังจากนั้นทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็จะให้คำแนะนำต่างๆ รวมถึงค่าใช้จ่าย หากสงสัยสิ่งใดให้รีบถาม เพราะท่านจะต้องทำการจัดฟันกับทันตแพทย์ท่านนี้ไปอีกกว่า 2 ปี เลยทีเดียว


– ขั้นตอนการจัดฟันแบบใส Invisalign ครั้งแรก

1.    ขั้นตอนแรกเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ทันตแพทย์จะทำการถ่ายภาพเอ็กซเรย์ พิมพ์ฟัน เพื่อใช้ไว้เป็นข้อมูลในการกำหนดแผนการในการรักษาของผู้ทำการจัดฟันในแต่ละราย เนื่องจากว่าทุกคนมีลักษณะฟันไม่เหมือนกัน การวางแผนในการรักษาจึงมีความแตกต่างกัน ไม่สามารถที่จะใช้สูตรสำเร็จใดๆได้

2.    ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะทำการส่งแบบพิมพ์ และข้อมูลต่างๆของคนไข้ ไปยังห้องแล็บอินวิสไลน์ที่ประเทศสหรัสอเมริกา (USA) เพื่อที่จะดำเนินการในขั้นตอนระบบวางแผนแบบ 3D ซึ่งจะใช้คอมพิวเตอร์ในการช่วงวางแผนอีกรอบหนึ่ง

3.    เมื่อผ่านการวิเคราะห์ของทางด้านห้องแล็บบอินวิสไลน์ที่ประเทศสหรัสอเมริกาแล้ว ทางนั้นจะส่งแผนการรักษาอย่างละเอียดให้กับทางด้านของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ทำการรักษาอีกครั้ง และทางด้านของทันตแพทย์จะนัดแจ้งคนไข้เพื่อแจ้งแผนการรักษา ซึ่งในขั้นตอนนี้เองท่านจะเห็นลักษณะการเรียงตัวของฟันระหว่างการรักษาและหลังการรักษา เมื่อตกลงก็จะเริ่มสั่งทำอุปกรณ์จัดฟันแบบใสต่อไป

4.    เมื่ออุปกรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทันตแพทย์จะแจ้งเพื่อให้ท่านเข้ามารับอุปกรณ์ในการจัดฟัน ที่ได้ทำการผลิตออกมาตามแผนในการรักษาเฉพาะบุคคล

5.    เมื่อได้อุปกรณ์แล้ว ให้ท่านพยายามใส่ให้ติดปากตลอดเวลาจะถอดได้ก็ต่อเมื่อรับประทานอาหาร และแปรงฟันเท่านั้น และไปตามนัดของทันตแพทย์ทุกๆ 2-3 เดือน เพื่อตรวจดูลักษณะการเคลื่อนที่ของฟัน และรับชุดเครื่องมือจัดฟันแบบใสชุดใหม่ เพื่อดำเนินตามแผนการที่วางไว้เป็นขั้นตอน

6.    หลังจากที่ทำการจัดฟันเสร็จเรียบร้อยแล้วจำเป็นจะต้องใส่รีเทรนเนอร์ต่อตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เพื่อไม่ให้ฟันของท่านกลับมาเรียงตัวผิดระเบียบหรือเกิดการซ้อนเกอีกครั้ง ถือเป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนทั้งหมด


18
มอเตอร์โชว์ Ford และ Mazda แต่งตั้ง มร. ซิลวิโอ อิลลี ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด คนใหม่

ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี และ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประกาศแต่งตั้ง มร. ซิลวิโอ อิลลี ขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 ต่อจาก มร. เคนอิจิโร่ ซารุวาตาริ ที่หมดวาระ

การแต่งตั้ง มร. อิลลี เกิดขึ้นพร้อมกับการขยายกำลังการผลิตของโรงงานเอเอที เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก การขยายกำลังการผลิตครั้งนี้ตอกย้ำบทบาทสำคัญของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ระดับโลก และแสดงถึงความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจของฟอร์ดและมาสด้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย นอกจากนี้ยังมีการเริ่มสายการผลิตรถกระบะรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง ฟอร์ด เรนเจอร์ ซุปเปอร์ ดิวตี้ รถกระบะสมรรถนะสูง ที่มาพร้อมความสามารถในการลากจูงและบรรทุกที่เหนือชั้น ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มนักเดินทางสายลุย ที่ต้องการรถที่มีสมรรถนะสูง รวมถึงผู้ประกอบการหรือลูกค้าองค์กรที่ต้องการรถสำหรับภารกิจหนัก ซึ่งรถกระบะทั่วไปไม่สามารถรองรับได้ โดยฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ได้ทำการเปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์ ซุปเปอร์ ดิวตี้ อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย และมีแผนที่จะส่งออกฟอร์ด เรนเจอร์ ซุปเปอร์ ดิวตี้ ที่ผลิตในประเทศไทยไปยังตลาดต่างๆ ทั่วโลก และเตรียมขายในประเทศไทยปี 2569

“ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการบริหารการผลิตจากโรงงานฟอร์ดทั้งในอเมริกาใต้ และอาเซียน พร้อมทั้งความรู้เรื่องการพัฒนาคุณภาพในการผลิตรถยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ เรามั่นใจว่า มร.อิลลี จะขับเคลื่อนโรงงานเอเอทีให้ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง และยกระดับขีดความสามารถของโรงงานให้ก้าวไปอีกขั้น นอกจากนี้การผลิตฟอร์ด เรนเจอร์ ซุปเปอร์ ดิวตี้ ในประเทศไทยไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์ของฟอร์ดเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของฟอร์ดที่มีต่อศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอีกด้วย” มร. อังเดร คาวาลาโร ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มตลาดนานาชาติของฟอร์ด กล่าว

มร. อิลลี มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลการผลิตและส่งมอบรถยนต์รุ่นสำคัญอย่าง ฟอร์ด เรนเจอร์ และ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั่วโลก และยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้โรงงานฟอร์ดทุกแห่งในอาเซียนปรับปรุงกระบวนการผลิตและลดต้นทุนการผลิตลงอย่างมีประสิทธิภาพ
 
มร. ซิลวิโอ อิลลี เริ่มต้นเส้นทางในสายงานผลิตตั้งแต่ระดับมัธยมที่โรงเรียนเทคนิคเฮนรี ฟอร์ด ซึ่งตั้งอยู่ในโรงงานปาเชโก (โรงงานฟอร์ด อาร์เจนตินา) ก่อนคว้าปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกลจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส และต่อยอดความรู้ด้านวิศวกรรมคุณภาพ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งชาติในอาร์เจนตินา และด้านการบริหารจัดการบุคลากรจากมหาวิทยาลัย UNIFACS ในบราซิล
 
ก่อนเข้าดำรงตำแหน่งประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด มร.อิลลี ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายผลิตของฟอร์ด ประจำภูมิภาคอาเซียน ขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาโรงงานประกอบรถยนต์ของฟอร์ดในประเทศไทยและเวียดนาม

หน้า: [1] 2 3 ... 40