แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 22
1
สูตรเครื่องดื่มแก้เมาค้าง ดื่มปุ๊บสร่างปั๊บ

นักปาร์ตี้ทั้งหลายจะมีใครที่ไม่เคยผ่านอาการเมาค้าง หรือที่เรียกว่า แฮงก์ (Hangover) คงจะไม่มี ดื่มแอลกอฮอล์กันหนักหน่วงจนคลื่นไส้อาเจียน ที่สำคัญมีอาการปวดหัวตึ้บจนลุกไปเรียน ตื่นไปทำงานกันแทบจะไม่ไหว ไม่ดีเอาซะเลย อย่าปล่อยให้อาการเมาค้างแบบนี้เกิดขึ้นกับคุณบ่อยนักนะคะ ถ้าไม่อยากแฮงก์จนเสียงานเสียการ ลองมาดูเครื่องดื่มแก้แฮงก์ที่เรานำมาฝากทางนี้เลยดีกว่า วิธีแก้อาการเมาค้าง พะอืดพะอม รับรองว่า ดื่มปุ๊บสร่างปั๊บ ตื่นเช้าขึ้นมาจะได้สดชื่นสบาย ๆ


1. กาแฟ

           
          กาแฟถือเป็นเครื่องดื่มแก้เมาค้างยอดนิยมของใครหลาย ๆ คน เพราะในกาแฟมีคาเฟอีนที่จะช่วยให้หายจากอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ และกาแฟจะเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น แต่ต้องเป็นกาแฟที่ไม่ใส่นม หรือน้ำตาล จะได้ผลดีและเร็วที่สุด



2. น้ำแตงกวาดอง
           
          แค่พูดถึงชื่อ น้ำแตงกวาดอง ก็ทำเอาสร่างเมาขึ้นมาทันทีเลย ลองได้ตักซดเข้าไปสักอึกนึง คงจะตาตื่นกันเป็นแถว ๆ แต่จริง ๆ แล้ว ในน้ำแตงกวาดองมีเกลือผสมอยู่ ถือเป็นเกลือแร่ชั้นดีเลยทีเดียว และมีน้ำส้มสายชูที่จะช่วยในการย่อยอาหารและขับเอาแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายได้เร็วยิ่งขึ้นด้วย วิธีดื่ม คือ

      - น้ำแตงกวาดองล้วน ๆ 1-2 ช้อนโต๊ะ
      - ผสมน้ำแตงกวาดอง 2 ช้อนโต๊ะ กับน้ำต้มสุก 1 แก้ว



3. น้ำขิง หรือชามินต์

          ดูเหมือนเครื่องดื่ม 2 แก้วนี้จะเป็นเครื่องดื่มอันดับต้น ๆ ที่หลาย ๆ คนเลือกให้เป็นเครื่องดื่มแก้เมาค้างฝีมือฉมัง เพราะดื่มแล้วหายแฮงก์เร็วทันใจ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ขิงที่มีรสชาติเผ็ดร้อน และใบสะระแหน่ที่มีกลิ่นหอมเย็น จะช่วยแก้อาการคลื่นไส้ได้ดีทีเดียว ยิ่งถ้าใส่น้ำผึ้งลงไปอีกสักนิด น้ำผึ้งจะทำปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ จะช่วยให้ชะล้างและทำลายแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไปได้อย่างรวดเร็วทีเดียว แถมการดื่มชาเข้าไปจะช่วยให้คุณตื่นนอนตอนเช้าได้แบบสบาย ๆ ไม่ปวดหัวมากกว่าการดื่มกาแฟด้วย

ส่วนผสม ชาสะระแหน่

      • ใบสะระแหน่สดหรือแบบตากแห้งบดละเอียด 2 ช้อนชา
      • น้ำร้อน 1 แก้ว
      • น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม ปริมาณตามชอบ

วิธีทำชาสะระแหน่

      ► ชงใบสะระแหน่ในน้ำร้อน จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็น นำไปกรองเอาแต่น้ำชา เติมน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมตามความชอบ



 4. เครื่องดื่มเกลือแร่

           
        ง่าย ๆ เลยแค่คุณเมาแล้วไปร้านสะดวกซื้อ หยิบเครื่องดื่มเกลือแร่มาสักหนึ่งขวด กระดกให้หมดขวด หรือถ้าที่บ้านมีเกลือแร่ชนิดผงที่ไว้ชงดื่มเวลาท้องเสียก็สามารถใช้ได้เช่นกัน โดยใส่เกลือแร่ชนิดผง 1 ซอง ชงกับน้ำต้มสุก 1 แก้ว



5. น้ำอัดลม

           
         น้ำอัดลมถือเป็นวิธีที่ชาวอังกฤษนิยมดื่มแก้แฮงก์ เพราะน้ำอัดลมจะช่วยขับแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดออกไป รวมทั้งส่วนผสมของน้ำอัดลม โดยเฉพาะน้ำอัดลมกลิ่นโคล่า จะช่วยลดสารอะซิทัลดีไฮด์ และเอทานอล ที่เป็นเหตุทำให้เกิดอาการปวดหัวได้ ถ้าวันไหนคุณปวดหัวแต่ไม่ได้เมา ก็ลองดื่มน้ำอัดลมเข้าไปก็ช่วยได้เหมือนกัน



6. น้ำมะพร้าว
           
          น้ำมะพร้าวแบบไทย ๆ สามารถแก้อาการเมาค้างได้สบาย ๆ เพราะในน้ำมะพร้าวเป็นแหล่งรวมของสารอิเล็กโทรไลต์ (Electrolytes) หรือสารชนิดเดียวกับที่อยู่ในเครื่องดื่มเกลือแร่ จะช่วยทดแทนน้ำให้กับร่างกายที่สูญเสียไปจากการดื่มหนัก ๆ เหมือนกับเกลือแร่นั่นเอง



7. น้ำผัก-ผลไม้สีเขียว

           
          ทำไมต้องสีเขียว ก็เพราะว่าในน้ำผัก-ผลไม้สีเขียวนั้นเต็มไปด้วยโพแทสเซียมที่จะช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายของคุณภายหลังจากการดื่มแอลกอฮอล์ ลดอาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า ปวดเมื่อยตามตัวได้ดีทีเดียว

ส่วนผสม กรีนสมูทตี้

      • ผักกาดคอส (หั่นเป็นชิ้น) 100 กรัม
      • แตงกวา (หั่นเป็นชิ้น) 50 กรัม
      • น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ
      • แอปเปิลเขียว (ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้น) 30 กรัม
      • กีวี (ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้น) 30 กรัม

วิธีทำกรีนสมูทตี้

      ► นำส่วนผสมทุกอย่างปั่นรวมกันจนละเอียด
      ► รินใส่แก้วเล็ก ๆ ดื่มทันทีเป็นมื้อเช้า ช่วยล้างพิษในร่างกาย


 8. สมูทตี้ผลไม้

           
          การดื่มหนัก ๆ จะทำให้ร่างกายสูญเสียโพแทสเซียม ส่งผลให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า คลื่นไส้ เวียนหัว และใจสั่น การได้ดื่มสมูทตี้ผลไม้จะช่วยให้ร่างกายกลับมากระปรี้กระเปร่าขึ้น เป็นแหล่งรวมโพแทสเซียมชั้นดี โดยเฉพาะสมูทตี้กล้วยหอมนมสดน้ำผึ้ง เพราะกล้วยหอมเต็มไปด้วยแร่ธาตุ และน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยในการสลายแอลกอฮอล์ให้หมดไปจากร่างกายด้วย ส่วนผสมก็มีแค่กล้วยหอม นมสด และน้ำผึ้งเท่านั้นเอง
           
          แต่ถ้าใครมีข้อครหาว่า เอ้า ! แล้วเมาหนักขนาดนี้จะมีแรงที่ไหนมานั่งปั่นสมูทตี้กิน ก็ให้ใช้วิธีปั่นสมูทตี้แล้วไปแช่เย็นเตรียมไว้ก่อนจะไปสังสรรค์ พอกลับมาจากปาร์ตี้ก็นำออกมาดื่ม รับรองว่าหายแฮงก์เลยล่ะ

ส่วนผสม สมูทตี้กล้วยหอม

      • กล้วยหอมแช่แข็ง 1 ลูก
      • นมพร่องมันเนย แช่เย็นจัด 1 1/2 ถ้วย
      • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ แช่เย็นจัด 1 ถ้วย
      • น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำสมูทตี้กล้วยหอม
         
      ► ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องปั่น ปั่นผสมจนเนียนละเอียดเข้ากันดี เทใส่แก้ว พร้อมดื่ม



9. สมูทตี้เนยถั่ว
             

          เวลาเมาค้างหลายคนอาจจะคุ้นเคยกับการดื่มกาแฟหรือชา แต่คาแฟอีนในกาแฟและชาจะช่วยแค่ให้คุณหายจากอาการอาเจียนเท่านั้น ลองทำสมูทตี้เนยถั่วดื่มดู เพราะเครื่องดื่มแก้วนี้จะให้โปรตีนที่มากกว่า และโปรตีนนี้เองจะเป็นตัวช่วยให้คุณหายจากอาการเมาค้างได้เร็วขึ้น

ส่วนผสม เนยถั่วกับกล้วยหอมสมูทตี้ (นิตยสารแม่บ้าน)
           
      • นมสด 1 ถ้วยตวง
      • กล้วยหอมแช่แข็ง 1 ลูก
      • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
      • เนยถั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
      • น้ำแข็ง 1 ถ้วยตวง
      • น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
           
      ► นำส่วนผสมทุกอย่างปั่นให้เข้ากันจนละเอียด รินใส่แก้ว แช่ตู้เย็น เตรียมไว้


10. สมูทตี้ขิงกับส้ม
             

          เครื่องดื่มแก้วนี้เป็นเครื่องดื่มล้างพิษที่สามารถช่วยแก้อาการเมาค้างได้ เพราะในเลมอนมีสารที่จะช่วยกระตุ้นการทำงานของตับให้สามารถขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ขิงจะช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน และส้มจะช่วยเพิ่มรสชาติที่กลมกล่อมทำให้ดื่มง่าย และยังอุดมไปด้วยวิตามินอีกด้วย

ส่วนผสม

      • น้ำส้มคั้น 1 ถ้วย
      • ขิง หั่นแว่น 3-5 ชิ้น
      • น้ำแข็ง 1 ถ้วย
      • น้ำผึ้ง ตามชอบ
      • เกลือป่น เล็กน้อย

วิธีทำ

      ► ใส่ทุกอย่างลงในเครื่องปั่น ปั่นผสมจนเนียนละเอียด เทใส่แก้ว พร้อมดื่ม


11. น้ำผึ้งมะนาวผสมขิง

           
          เครื่องดื่มแก้เมาค้างแก้วนี้เป็นการรวมเอา 3 ตัวท็อปอย่าง น้ำผึ้ง ที่มีส่วนช่วยทำลายแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไปได้ ขิง ที่ช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน และน้ำนะนาวหรือน้ำเลมอน ที่สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของตับให้สามารถขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย ถ้าใครไม่สามารถดื่มแบบเพียว ๆ ได้ก็สามารถผสมน้ำเข้าไปสักหน่อย ทำเก็บใส่ขวด แช่ไว้ในตู้เย็น คราวนี้ล่ะ ต่อให้เมาแฮงก์ขนาดไหนก็ไม่ต้องกลัว

ส่วนผสม

      • ขิงขูดละเอียด 3/4 ถ้วย (หรือ 4 ออนซ์)
      • น้ำมะนาว 1 ถ้วย
      • น้ำร้อน 1/2 ถ้วย
      • น้ำผึ้ง 1 ถ้วย
      • น้ำแข็ง

วิธีทำ

       1. ผสมน้ำร้อนกับน้ำผึ้งเข้าด้วยกัน ใส่ขิงขูดลงไปคนผสมให้เข้ากัน พักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จนขิงเข้ากันดีกับน้ำผึ้ง

       2. เติมน้ำมะนาว คนผสมให้เข้ากัน ยกลงกรองผ่านกระชอนหรือตะแกรงเอาเฉพาะน้ำ จากนั้นเทน้ำขิงมะนาวใส่แก้วที่มีน้ำแข็งพอประมาณ พร้อมดื่ม


12. น้ำผลไม้ผสมเกลือ

             
          น้ำผลไม้ผสมเกลือแก้วนี้เป็นเครื่องดื่มจำพวกเกลือแร่ที่คุณก็สามารถทำเองได้ง่าย ๆ แค่ผสมน้ำเปล่ากับน้ำผลไม้ที่มี และใส่เกลือลงไปเล็กน้อย คนผสมให้เข้ากันแล้วดื่ม เครื่องดื่มแก้วนี้จะช่วยขับแอลกอฮอล์ออกไปได้ แถมยังเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยใส่เกลือลงในน้ำผลไม้ที่ชอบ คนผสมให้เข้ากัน

 

13. สมูทตี้แตงโมผสมแตงกวา

             
          ถ้าจะพูดถึงเครื่องดื่มที่ช่วยเรียกความสดชื่นให้กับร่างกายจะไม่มีแตงโมร่วมวงด้วยก็คงจะกระไรอยู่ เพราะในแตงโมและแตงกวา หรือผลไม้ตระกูลแตง จะมีน้ำมาก เมื่อดื่มเข้าไปจะทำให้ร่างกายคุณสดชื่นขึ้น วิธีทำก็แค่นำแตงโม แตงกวา น้ำมะนาว ใบสะระแหน่ และเกลือ ไปปั่นจนละเอียด เทใส่แก้ว ตามด้วยน้ำแข็งและโซดา ดื่มให้เย็นซ่าชื่นใจ เท่านี้ก็จะช่วยลดอาการเมาค้างได้ดีทีเดียว

ส่วนผสม

      • แตงกวา ปอกเปลือกหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ลูก
      • เนื้อแตงโม (แกะเมล็ดออก หั่นชิ้นเล็ก) 100 กรัม
      • ใบสะระแหน่ 1/4 ถ้วย
      • น้ำตายทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ
      • เกลือป่น เล็กน้อย
      • น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

      ► ใส่แตงกวา เนื้อแตงโม น้ำตาลทรายแดง เกลือป่น และน้ำมะนาว ลงในเครื่องปั่น ปั่นผสมจนเนื้อเนียนละเอียด เทใส่แก้ว นำไปแช่ในตู้เย็น เตรียมไว้


14. แพร์รี ออยส์เตอร์ (Prairie Oyster)
             
          แพร์รี ออยส์เตอร์ (Prairie Oyster) เป็นเครื่องดื่มที่ชาวอเมริกันดื่มแก้แฮงก์ มีส่วนผสมของไข่ดิบ ซอสวูสเตอร์หรือซอสเปรี้ยว เกลือ พริกไทยดำ และซอสเผ็ด ซึ่งชาวอเมริกันเชื่อว่า ถ้าดื่มแก้วนี้ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น เพราะไข่ดิบมีโปรตีน ที่จะช่วยขับแอลกอฮอล์ที่ตกค้างในร่างกายออกไปได้เร็วยิ่งขึ้น ส่วนของเหลวต่าง ๆ ทั้งบรั่นดี ซอสเปรี้ยว ซอสเผ็ด และน้ำส้มสายชู มีส่วนช่วยให้หายคลื่นไส้อาเจียนได้อีกด้วย

ส่วนผสม

      • บรั่นดี 25 มิลลิลิตร
      • ซอสเปรี้ยวหรือวูสเตอร์ซอส (Worcesterfhire Sauce) 1/4 ช้อนชา
      • น้ำส้มสายชู 1/2 ช้อนชา
      • ซอสเผ็ดหรือซอสพริก 1 ช้อนชา
      • ไข่แดง 1 ฟอง

วิธีทำ

      ► ใส่ส่วนผสมของเหลวลงในแก้ว ตามด้วยไข่แดง พร้อมดื่ม



15. นมช็อกโกแลตผสมชีสพาย


          เครื่องดื่มแก้แฮงก์แก้วนี้เป็นที่นิยมของชาวนิวซีแลนด์ ที่เชื่อว่า การดื่มนมช็อกโกแลตร้อน ๆ ผสมกับชีสพาย เพราะทั้งสองอย่างนี้จะให้โปรตีนแก่ร่างกายเรา ซึ่งจะช่วยเพิ่มกรดอะมิโมต่าง ๆ ในร่างกายเราไม่ว่าจะเป็น ทอรีน หรือซีสเทอีน รวมทั้งยังช่วยขับแอลกอฮอล์ที่ตกค้างออกจากร่างกายได้ด้วย


16. ซุปมิโซะ


          ถึงแม้จะไม่ใช่เครื่องดื่มแต่ก็สามารถยกซดแก้แฮงก์ได้ดีทีเดียวกับ ซุปมิโซะ ในขณะที่คุณกำลังเมาแฮงก์อยู่นั้น ร่างกายของคุณต้องการกรดอะมิโน น้ำ วิตามิน และแร่ธาตุ ในการฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาปกติ มีนักวิชาการได้กล่าวไว้ว่า ซุปมิโซะนี่แหละที่จะช่วยแก้แฮงก์ได้ เพราะในซุปมิโซะมีน้ำที่จะช่วยเรียกความสดชื่น มีโซเดียมที่จะช่วยดูดซึมน้ำเอาไว้ และมีของหมักดอง ที่เป็นแหล่งรวมแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพ มีประโยชน์ในการช่วยย่อยอาหารอีกด้วย

ส่วนผสม
           
      • น้ำเปล่า
      • ฮอนดาชิ
      • สาหร่ายวากาเมะ
      • มิโซะสำเร็จรูป
      • เต้าหู้นิ่มหั่นเต๋า   
 
วิธีทำ
           
      ► ใส่น้ำลงในหม้อ ตามด้วยฮอนดาชิ คนผสมให้เข้ากัน จากนั้นใส่สาหร่ายวากาเมะลงไปต้มจนเดือด
      ► ใส่มิโซะลงไปต้มจนเดือด ใส่เต้าหู้ ต้มจนเดือดอีกครั้ง ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ


17. น้ำเปล่าผสมไส้กรอก
             
          แค่พูดชื่อเครื่องดื่มแก้แฮงก์แก้วนี้ดูจะแปลกไปสักหน่อย แต่ชาวสกอตแลนด์เขาบอกว่า การนำไส้กรอกไปผสมกับน้ำเปล่าแล้วนำไปดื่ม จะช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานช้าลง แถมยังทำให้ท้องไม่ว่างแล้วเมาช้าลงนั่นเอง


18. น้ำสต๊อกปลา
           

          น้ำสต๊อกปลา เป็นเครื่องดื่มแก้แฮงก์ตำรับชาวเปรู ด้วยวิธีการน้ำสต๊อกปลาผสมกับน้ำมะนาวคั้นประมาณ 2-3 ลูก น้ำเลมอน และน้ำเปล่า ในปริมาณที่เท่ากัน จากนั้นใส่กระเทียมและขิงลงไปอีกสักหน่อย จะช่วยให้ร่างกายที่อ่อนเพลียรู้สึกดีขึ้น และในน้ำมะนาวมีกลูโคสและกรดซิตริก จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญและขับแอลกอฮอล์ได้เร็วขึ้น


2
ออมสิน เปิดให้กู้โครงการ "สินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม" ตั้งเป้าแก้หนี้ครัวเรือนตามนโยบายรัฐ ลดดอกเบี้ย 4 กลุ่มสินเชื่อ ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2567 เป็นต้นไป
 
ตามที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐ และสอดรับกับบทบาทธนาคารเพื่อสังคม ธนาคารจึงพิจารณาออกมาตรการรีไฟแนนซ์ ภายใต้โครงการ “สินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม” รับรีไฟแนนซ์หนี้เดิม (ไม่ใช่การปล่อยสินเชื่อใหม่) เพื่อช่วยลดภาระแก่ลูกหนี้ 4 กลุ่ม ด้วยหลักเกณฑ์ดอกเบี้ยต่ำ พร้อมเงื่อนไขพิเศษอื่น ตั้งเป้าช่วยเหลือประชาชนลดภาระการชำระหนี้ ผ่อนสบายมากขึ้น หรือผู้ที่รีไฟแนนซ์แล้วแต่ประสงค์ผ่อนชำระเงินงวดเท่าเดิม ก็จะตัดเงินต้นมากขึ้นเพราะดอกเบี้ยลดลง ทำให้ปิดหนี้ได้เร็วขึ้น โดยมีรายละเอียดหลักเกณฑ์ทั้ง 4 มาตรการ ดังนี้
 
1. Re-Card : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้บัตรเครดิต
▪️ เพื่อไปชำระหนี้บัตรเครดิตของสถาบันการเงิน หรือ Non-Bank อื่น โดยการรีไฟแนนซ์/รวมหนี้บัตรเครดิตมาผ่อนชำระกับธนาคารออมสินในรูปแบบเงินกู้ระยะยาว (Long Term Loan)
▪️ วงเงินกู้ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้รวม สูงสุดไม่เกินรายละ 500,000 บาท
▪️ ไม่ต้องมีหลักประกัน
 
2. Re P-Loan : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan : P-Loan)
▪️ เพื่อไปชำระหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล P-Loan ของสถาบันการเงิน หรือ Non-Bank อื่น
▪️ วงเงินให้กู้ตามภาระหนี้คงเหลือของสัญญากู้เดิม สูงสุดไม่เกินรายละ 100,000 บาท
▪️ ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี
▪️ ไม่ต้องมีหลักประกัน
 
3. Re-Nano : รับรีไฟแนนซ์สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อย
▪️ เพื่อไปชำระหนี้สินเชื่อ Nano Finance ที่กู้ไปเพื่อลงทุนในการประกอบอาชีพ
▪️ วงเงินให้กู้ตามภาระหนี้คงเหลือของสัญญากู้เดิม สูงสุดไม่เกินรายละ 200,000 บาท
▪️ ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 8 ปี
▪️ ธนาคารออมสินร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการค้ำประกันการกู้
 
4. Re-Home : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย
▪️ เพื่อไถ่ถอนจำนองที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินอื่น วงเงินกู้ 1-5 ล้านบาท
▪️ อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% ต่อปี
▪️ เงื่อนไขพิเศษผ่อนต่ำ ปีที่ 1 ผ่อนชำระเงินงวดล้านละ 3,000 บาท/เดือน ปีที่ 2 ล้านละ 4,000 บาท/เดือน และปีที่ 3 ล้านละ 5,000 บาท/เดือน
 
ทั้งนี้ ธนาคารสนับสนุนนโยบายรัฐในการแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนของประชาชน ให้สามารถมีเงินเหลือใช้สอยดำรงชีพโดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบ รวมถึงส่งเสริมการปลูกฝังทัศนคติการกู้เงินเท่าที่จำเป็นและผ่อนไหว โดยมาตรการสินเชื่อรีไฟแนนซ์ “โครงการสินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม” เพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน เปิดให้ยื่นขอกู้ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 และจัดทำนิติกรรมสัญญาภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567



money expo: ออมสิน เปิดให้กู้โครงการ "สินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม" ตั้งเป้าแก้หนี้ครัวเรือนลดดอกเบี้ย 4 กลุ่มสินเชื่อ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/moneyexpo/

3
วันนี้เราจะมาเรียนรู้ถึง การให้บริการ รถรับจ้าง ที่ทุกคน จะต้องได้ใช้บริการอย่างแน่นอนอย่างน้อย คุณต้องเคยใช้บริการ รถรับจ้างขนของ มาบ้างอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น รถกระบะรับจ้างขนของ รถ 6 ล้อรับจ้างขนของ รถรับจ้างขนของย้ายบ้าน  รถสิบล้อรับจ้าง รถเทรลเลอร์รับจ้าง รถขนของแต่ละอย่างที่คุณเคยใช้บริการนั้นก็อาจจะต้อง เคยใช้หรือว่าจ้างมาบ้างแล้ว เช่นจ้างให้ไป ขนย้ายสำนักงาน ขนย้ายสินค้าโรงงาน ขนย้ายหอ ย้ายคอนโด ขนของย้ายบ้าน ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์

และอื่นๆอีกมากมายที่ท่านเคยใช้บริการมา ท่านรู้หรือไม่ว่า เราควรเลือกใช้บริการรถรับจ้างแบบไหน? รถขนของ ชนิดใดและจากทีมผู้ให้บริการที่มีลักษณะการให้บริการอย่างไร จึงจะคุ้มค่ากับสิ่งที่เราต้องการอยากจะได้คำว่า คุ้มค่า ของเรานั้นคุ้มค่าอยู่ที่ตรงไหน แน่นอนว่าทุกคนย่อมมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน งานขนย้ายของแต่ละชนิดจึงไม่เหมือนกัน เราไม่รู้หรอกว่าลูกค้าหรือผู้ใช้บริการแต่ละคนนั้นจะขนย้ายสินค้าประเภทอะไร แต่ความต้องการนั้นแตกต่างกันแน่นอน บางคนอาจจะเลือกดูที่ราคาค่าขนย้ายเป็นหลัก ดูว่าเจ้านี้ถูกหรือไม่


บริการรถกระบะรับจ้างราคาถูก

ว่าเจ้านี้มีค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายให้เขาตรงตามงบที่เรามีในมือหรือเปล่า ถ้าหากว่าคุณเลือกที่จะใช้ บริการรถรับจ้าง เพียงแค่ราคาค่าขนย้ายถูกนั้น คุณอาจจะคิดผิดก็ได้ แน่นอนตามสโลแกนที่ว่าของถูกและดีไม่มีในโลก หากเราเลือกในแนวทางนั้นคุณก็จะเจอความเสี่ยง ซึ่งความเสี่ยงที่ว่านี้นั้นคืออะไรบ้างนั้น ก็คือเสี่ยงในเรื่องของสินค้าที่คุณอาจจะชำรุดเสียหาย แตกบ้าง ร้าวบ้าง ทำให้เกิดผลกระทบตามมาอย่างมากมาย

ถ้าเป็นสินค้าที่คุณต้องส่งลูกค้าภายในวันนั้น คุณจะทำอย่างไรจะกลับไปแก้ไขงานคงไม่น่าจะทันอาจจะต้องโดนเสียค่าปรับจากลูกค้าและความไม่ไว้วางใจในผู้ให้บริการหรือลูกค้าไม่มีความไว้วางใจในการบริหารการจัดการของเรานั่นเองดังนั้นเราจึงมาตั้ง วัตถุประสงค์และความต้องการของเราให้ดีก่อน ที่จะเลือกใช้บริการรถรับจ้างขนของเจ้าไหน? ซึ่งวันนี้ เราได้มีการหาข้อมูลจากผู้ให้บริการ รถรับจ้าง มากมายและ เราก็ต้องขอขอบคุณทีมงานขนส่ง ซึ่งวันนี้คุณลุงเจริญแกได้ให้ข้อมูลและข้อคิดที่ดีแก่ผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการไว้เป็นอย่างดีมาก


ซึ่งลุงเจริญได้กล่าวถึง การให้บริการรถรับจ้างนั้นแน่นอนว่า ผู้ใช้บริการก็ต้องการที่จะประหยัดต้นทุน ผู้ให้บริการก็ต้องการให้งานขนย้ายของออกมานั้นดีที่สุด ทุกความต้องการของแต่ละคนนั้นย่อมส่งผลไปในทิศทางบวกร่วมกันอย่างแน่นอน แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่า รถกระบะรับจ้างขนของ คันนี้จะขนของและขนย้ายสินค้าของเราได้ไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย หรือ รถ6ล้อรับจ้างขนของ คันนี้จะสามารถขนย้ายสินค้าของเราได้หมดตามที่เราต้องการ ดังนั้น เราจึงต้องมาเรียนรู้กับผู้ให้บริการ รถรับจ้างอย่างไรบ้าง

1. ดูว่า รถรับจ้างขนของ ที่ให้บริการนั้นสภาพดีและสะอาดหรือไม่ สำคัญมากครับเพราะจะมีผลต่อสินค้าของคุณอย่างแน่นอนดังนั้น ก่อนที่จะใช้บริการ รถขนของ ควรที่จะดูสภาพรถเป็นสำคัญ สะอาดหรือไม่ ขนย้ายไปแล้วรถไม่เสียระหว่างทางแน่นอนใช่หรือไม่

2. ผู้ให้บริการมีรถรับจ้างขนของจำนวนมากมายไว้ให้เราได้เลือก ตรงตามวัตถุประสงค์ของเรา เพื่อที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายของเรานั่นเอง ก็คือยกตัวอย่างเช่น ทีมงานขนส่ง จะต้องมีทั้ง รถกระบะรับจ้าง รถรับจ้างย้ายบ้าน รถขนของ  รถ 6 ล้อรับจ้าง รถพ่วงรับจ้าง รถสิบล้อรับจ้าง เป็นต้น เพราะอะไร ก็เพราะว่าลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการมีปริมาณของที่แตกต่างกัน หากมาที่นี่แล้วจบทุกกระบวนการ โดยไม่ต้องไปหาที่อื่นก็จะทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อถือ และไว้วางใจนั่นเอง

3. พนักงานผู้ให้บริการพูดจาสุภาพมีความเป็นกันเอง คือว่าเป็น Service Mind คนไทยทุกคนย่อมที่จะชอบการให้บริการที่ดีคำพูดที่ดีต่อลูกค้านั่น แสดงถึงความใส่ใจในรายละเอียดให้ความใส่ใจต่อลูกค้า

4.บริการที่ดีครอบคลุม ไม่ว่าลูกค้าต้องการขนย้ายอะไร จะต้องทำได้ทุกอย่างเช่น ขนย้ายบ้าน ขนย้ายหอพัก ขนย้ายคอนโด รับจ้างขนของ ทั่วไป ขนย้ายสำนักงานเป็นต้น มีความพร้อมที่จะตอบสนองทุกความต้องการลูกค้า

5. มีรถให้บริการในทุกจุดทั่วประเทศไทย นั่นคือลูกค้าที่ต้องการจะใช้ บริการรับจ้างขนของ นั้นแน่นอนว่ามีม

6. มีพนักงานช่วยยกของให้กับลูกค้าซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่มีความสำคัญมาก บางคนมีปริมาณสินค้าที่มาก ไม่สามารถที่ยกได้ด้วยตัวเองก็จะต้องใช้บริการคนยกสินค้า บางคนมีสินค้าเพียงนิดเดียวแต่ไม่ต้องการที่จะเหนื่อยก็ต้องเรียกใช้บริการพนักงานยกสินค้าซึ่งปัจจัยในทุกๆอย่างนั้นมีความแตกต่างกันแต่มีวัตถุประสงค์ความต้องการเหมือนกันนั่นคือต้องการเด็กยกทั้งนั้นผู้ให้บริการ รถรับจ้างที่ดี จะต้องมีความพร้อมในเรื่องการขนของเป็นอย่างดี

นี่คือเหตุผลหลายประการที่เราได้จาก ทีมงานขนส่ง ต้องขอขอบพระคุณคุณลุงเจริญที่ สละเวลาและให้ข้อมูลเนื้อหากับเรา เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ เพราะถือว่าเป็นบทความที่เกี่ยวกับการให้บริการ รถรับจ้างขนของ ในทุกรูปแบบ เพื่อให้คนที่ได้อ่านได้ศึกษาอย่างครบ ก่อนที่จะตัดสินใจจ้าง รถกระบะรับจ้าง รถ6ล้อรับจ้าง และหากท่านต้องการที่อยากจะทราบข้อมูลและรายละเอียดที่เกี่ยวกับการว่าจ้างงานขนย้ายของมากกว่านี้ ท่านสามารถที่จะโทรไปปรึกษากับลุงเจริญได้ง่ายๆ หรืออยากจะทราบค่าใช้จ่ายในการบริการคร่าวๆ



รถกระบะรับจ้าง รถ6ล้อรับจ้าง ต้องเลือกใช้ ย้ายบ้าน ย้ายทั่วไป อย่างไรคุ้ม ขนของ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.rodrubjang-pickup.com/

4
หลายคนทราบดีว่า การทำครอบฟัน คือการครอบหรือคลุมฟันที่เกิดความเสียหายให้กลับมาแข็งแรง คืนรูปร่าง ขนาด และลักษณะภายนอกให้ดีขึ้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟัน ในแง่ของการเกิดฟันผุ ฟันแตก ฟันร้าว ซึ่งเป็นอุปสรรคในการทำความสะอาดช่องปากและฟัน หรือแม้กระทั่งการรับประทานอาหาร ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ปัญหาเหล่านี้เข้ารับการทำครอบฟัน โดยการทำครอบฟันนั้น จะใช้วัสดุในการครอบฟันแบบถาวร ก็คือ โลหะผสม เซรามิก หรือทองผสม เป็นต้น ในส่วนของวัสดุที่ใช้ครอบฟันแบบชั่วคราว ได้แก่ พลาสติกและโลหะ ซึ่งการทำครอบฟันก็จะมีประโยชน์และข้อดีต่อสุขภาพช่องปากและฟันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันไม่ให้ฟันที่อ่อนแอแตกหักหรือถูกทำลาย ในกรณีที่เข้ารับการรักษารากฟันก็ต้องมีความจำเป็นต้องทำการครอบฟัน เพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงของฟันที่มีการอุดขนาดใหญ่

นอกจากนี้ยังประโยชน์ในเรื่องของการช่วยยึดสะพานฟัน ปกปิดสภาพฟันที่ดูไม่ดีหรือมีสีฟันที่ไม่ปกติ และสุดท้ายก็คือ ทำครอบฟันเพื่อความสวยงามของฟัน ทำให้รู้สึกมั่นใจ มีรอยยิ้ม ฟันสวยเป็นธรรมชาติอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การทำครอบฟันถึงแม้ว่าจะมีข้อดีตามที่กล่าวมา แต่ผู้เข้ารับการรักษาก็ควรที่จะดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากฟันด้วย เพราะครอบฟันก็มีอายุการใช้งาน มีการสึกได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงอายุการใช้งานของครอบฟันและวิธีการดูแลครอบฟันอย่างถูกวิธี เพื่อที่จะได้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


สำหรับอายุการใช้งานของครอบฟัน จะมีอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่า 10 ปี ซึ่งต้องอาศัยการดูแลสุขภาพช่องปากของแต่ละบุคคลด้วย ซึ่งผู้เข้ารับการรักษาจะต้องแปรงฟันที่ถูกวิธี และใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อการทำความสะอาดได้อย่างเต็มที่ และที่สำคัญผู้เข้ารับการรักษาจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด รวมถึงควรรับประทานอาหารที่อ่อนนุ่ม ไม่แข็งหรือเหนียวเกินไป ครอบฟันถูกใช้งานอย่างทะนุถนอม จะช่วยทำให้ครอบฟันของเราใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนานขึ้นนั่นเอง เพราะฉะนั้น ในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟัน จึงเป็นเรื่องที่ควรเอาใจใส่เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน หรือผู้ที่ไม่มีปัญหา เพราะการทำความสะอาดช่องปาก เป็นกิจวัตรที่ทุกคนจะต้องทำอยู่แล้ว


ดังนั้น หากเราอยากมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ก็ควรที่จะดูแลรักษาความสะอาดให้ดี และพฤติกรรมการรับประทานอาหารก็มีความสำคัญด้วยเช่นเดียวกัน ต่อมาในเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดครอบฟันอย่างถูกวิธี อย่างแรกเลยคือ ผู้เข้ารับการรักษาควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่แข็งและเหนียว เพราะจะทำให้ครอบฟันหลุดหรือแตกได้ ซึ่งก็อาจจะทำให้การแก้ไขทำได้ยากยิ่งขึ้นด้วย และควรทำความสะอาดช่องปากและฟันด้วยการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันบริเวณครอบฟัน เพื่อป้องกันการเกิดโรคเหงือกอักเสบ และเพื่อเป็นการทำความสะอาดครอบฟันให้สามารถมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น


นอกจากนี้ ผู้เข้ารับการรักษาบางรายอาจจะมีอาการเสียวฟัน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้เข้ารับการรักษาบางราย หากมีอาการให้งดรับประทานอาหารร้อนหรือเย็นเกินไป และทำความสะอาดอย่างถูกวิธี และควรเข้าพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือนหรือปีละ 2 ครั้ง เพื่อเข้ารับการตรวจลักษณะของครอบฟันและตรวจสุขภาพช่องปากและฟันเพื่อให้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ทางคลินิก Idol Smile เราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง และปราศจากปัญหาที่เกี่ยวกับช่องปาก เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ นอกจากเราจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของคุณได้ดีขึ้นได้อีกด้วย หากใครสนใจเข้ารับการรักษาด้วยการทำครอบฟัน สามารถติดต่อกับทางคลินิกได้ เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของทันตกรรมคอยให้คำปรึกษา เพื่อให้คุณมีสุขภาพช่องปากที่ดี

 

จัดฟันบางนา: อายุการใช้งานและการดูแลรักษาที่ถูกต้องของการครอบฟัน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/category/จัดฟันบางนา/

5
ตั้งแต่อดีตสู่ปัจจุบัน มีการพัฒนาเป็นอย่างมากสำหรับการรักษาและนวัตกรรมด้านทันตกรรม โดยเฉพาะ การรักษาด้วยการจัดฟัน ซึ่งถือว่ามีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาทางด้านนี้เป็นจำนวนมากไม่แพ้การรักษาทันตกรรมด้านอื่นๆ

ซึ่งนวัตกรรมด้านการจัดฟัน ถือว่าเติบโตรวดเร็วจากการวิจัยและศึกษาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทราบว่าการรักษาทางทันตกรรมด้วยวิธีการจัดฟันนั้น มีข้อดีต่างๆมากมาย แต่ต้องขอบอกเลยว่าแม้การรักษาด้วยการจัดฟันนั้นจะเป็นวิธีที่ดีมากๆเพียงใดก็ตามแต่หากว่าท่านไม่ดูแลรักษา หรือทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด ท่านก็อาจจะมีโอกาสเสี่ยงต่างๆได้เช่นกัน

ซึ่งในวันนี้ทางด้าน Clinic ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมกว่า 15 ปี โดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง จะขอมาอธิบายถึงอาการแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการจัดฟัน เพื่อให้รู้จักป้องกันและแก้ไข โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

 

อาการแทรกซ้อนจากการจัดฟัน ?

ต้องขอบอกเลยว่า การรักษาไม่ว่าจะรักษาอะไรก็ตาม จะต้องมีปัจจัยเสี่ยงอยู่เสมอ เพราะ ไม่มีการรักษาใดๆในโลกที่มีแต่ข้อดี 100% ทุกการรักษาต้องมีปัจจัยเสี่ยงและข้อจำกัดด้วยกันทั้งสิ้น ผู้ที่จะเข้ารับการรักษาจึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องศึกษาปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้ดังต่อไปนี้

– มีความเสี่ยงในการเกิดฟันผุ โรคเหงือก และที่พบมากคือการเกิดจุดด่างขาวบนผิวเคลือบฟัน ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดจากการที่ผู้ป่วยรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากเกินไป และไม่ได้ทำความสะอาดด้วยวิธีที่ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้แม้ว่าไม่ได้ทำการจัดฟันก็เกิดขึ้นได้ แต่ต้องยอมรับว่าผู้ที่ใส่อุปกรณ์จัดฟันจะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น

– ในผู้ป่วยที่ทำการรักษาด้วยการจัดฟันบางราย อาจจะเกิดปัญหารากฟันลดลงในขณะที่ทำการจัดฟัน ซึ่งโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่จะไม่มีผลกระทบใดๆต่อประสิทธิภาพการบดเคี้ยวอาหาร

– อย่างที่ทราบกันดีว่าการจัดฟันเป็นการบังคับให้ฟันเคลื่อนที่ไปอยู่ในจุดที่ต้องการ แต่การเคลื่อนฟันนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อเหงือกและสุขภาพของกระดูกที่ลองรับฟันของบางคนที่ดูแลสุขภาพฟันหรือกำจัดจุลินทรีย์ในช่องปากไม่หมด ช่องปากไม่สะอาด ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการเหงือกอักเสบได้

– หลังจากที่จัดฟันเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ควรใส่เครื่องมือคงสภาพฟันอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากว่าละเลยอาจจะส่งผลให้เกิดฟันผิดรูปดังเดิมได้ ซึ่งรวมถึงพฤติกรรมบางอย่างเช่น การหายใจทางปาก การเล่นดนตรีเครื่องเป่าเป็นประจำ การงอกขึ้นของฟันคุด เป็นต้น และพฤติกรรมเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทันตแพทย์ไม่สามารถควบคุมได้

– ในบางกรณีอาจจะส่งผลถึงข้อต่อขากรรไกร ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการปวดที่ข้อต่อดังกล่าว รวมถึงปวดศีรษะ ปวดในหู ซึ่งหากว่ามีอาการเหล่านี้ควรรีบบอกทันตแพทย์โดยด่วน

– สำหรับผู้ป่วยที่เคยประสบอุบัติเหตุเกี่ยวกับฟัน หรือเคยมีฟันผุลึกมากๆ การเคลื่อนตัวของฟันในขณะที่จัดฟันอาจจะมีผลกระทบต่อเส้นประสาท ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้ทำการรักษารากฟันให้เป็นปกติเสียก่อน

– เครื่องมืออุปกรณ์จัดฟัน อาจส่งผลให้เกิดการระคายเคือง หรืออาจจะเกิดแผลบริเวณเหงือก แก้ม และริมฝีปากได้ ซึ่งถือว่าเป็นปกติ

– อุปกรณ์จัดฟันอาจจะมีโอกาสเสี่ยงในการหลุดได้ในบางราย ซึ่งหากว่าอุปกรณ์จัดฟันหลุดหรือหัก ให้รีบเข้าพบทันตแพทย์ผู้ที่ทำการรักษาโดยด่วน

– ในผู้ป่วยที่จัดฟันเพื่อแก้ไขการซ้อนเก จำเป็นที่จะต้องถอนฟันบางซี่ออกเสียก่อน เพื่อแก้ไขการไม่สมดุลของโครงสร้างขากรรไกร

– ไม่อาจกำหนดระยะเวลาในการจัดฟันได้แน่นอน ขึ้นอยู่กับการเจริญเติบโตของกระดูกที่น้อยหรือมากกว่าปกติ ความร่วมมือของผู้ป่วยที่เข้ารับการจัดฟัน การรักษาความสะอาดในช่องปาก การผิดนัดหมายของทันตแพทย์ ล้วนแต่มีผลกับระยะเวลาในการจัดฟันทั้งสิ้นการที่ใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นในการรักษา ส่งผลต่อผลการรักษาด้วยเช่นกัน


ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็คือ อาการแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้หรืออาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่ตัวผู้ป่วยในเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาด และระเบียบวินัยต่างๆนั่นเองที่จะช่วยลดโอกาสการเกิดอาการแทรกซ้อนเหล่านั้นได้



อาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ จากการจัดฟัน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/

6
ยาแก้เมาเหล้า: วิตามินที่ทดแทนร่างกายเมื่อร่างกายต้องการพลังงาน  หลังจากที่เราออกกำลังกายแล้ว การบริโภควิตามินและ[^_^]ที่ถูกต้องจะสามารถช่วยให้ร่างกายกลับมาสู่สภาวะที่ดีและส่งเสริมกระบวนการฟื้นฟูได้ดีขึ้น วิตามินและเกลือแร่ที่มีประโยชน์หลังจากการออกกำลังกาย ได้แก่ วิตามินบีชนิดต่างๆ โดยเฉพาะ วิตามินบี 12 และ กรดโฟลิก เนื่องจากมีบทบาทสําคัญในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง และเกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาผลาญสารอาหารเป็นพลังงาน

วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมและการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย ช่วยทําให้แผลหายเร็วขึ้น

วิตามินเอ เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์และ ช่วยส่งเสริมการทํางานของระบบภูมิคุ้มกัน

สำหรับเกลือแร่ที่ผู้ออกกำลังควรให้ความสําคัญ คือ แคลเซียมและธาตุเหล็ก เนื่องจากแคลเซียมมีส่วนช่วยสร้างกระดูกและฟัน เกี่ยวข้องกับการยืดหดของกล้ามเนื้อและเส้นประสาทในการเคลื่อนไหว การขาดแคลเซียม อาจทำให้เป็นตะคริวได้ เกลือแร่ที่สำคัญอีกชนิด คือ ธาตุเหล็ก ที่เป็นส่วนสําคัญในการสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง เกี่ยวข้องกับการส่งออกซิเจนเพื่อมาเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย ทําให้ร่างกายสามารถผลิตพลังงานโดยระบบแอโรบิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เราควรบริโภคอาหารที่สมดุลและมีสารอาหารที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมกระบวนการฟื้นฟูและการเจริญเติบโตของร่างกายหลังจากการออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายสามารถใช้ประโยชน์จากสารอาหารได้สูงสุด


เครื่องดื่มชูกำลัง กับสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน

ทางเลือกหนึ่งในการสร้างความกระปรี้กระเปร่าเมื่อมีอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยล้า คือการดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง (energy drink) ซึ่งมักมีส่วนประกอบที่สำคัญ ได้แก่ คาเฟอีน สารให้ความหวานที่เป็นแหล่งพลังงาน เช่น น้ำตาลซูโครส  และส่วนประกอบอื่นๆ เช่น กรดอะมิโน คาร์นิทีน อิโนซิทอล สารสกัดสมุนไพร เช่น โสม ซึ่งเรามักได้ยินคำเตือนว่า “ห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวด โปรดสังเกตคำเตือนบนฉลากก่อนดื่มทุกครั้ง” ในโฆษณาเครื่องดื่มชูกำลังอยู่บ่อยๆ เนื่องจากส่วนประกอบเหล่านี้ควรได้รับในปริมาณที่เหมาะสม เช่น คาเฟอีนไม่ควรดื่มเกิน 250 มิลลิกรัม เนื่องจากทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงชั่วคราว แต่หากดื่มอย่างต่อเนื่องอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนา และหากบริโภคในปริมาณมากกว่า 10 กรัมขึ้นไป ส่งผลให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ส่วนน้ำตาลในเครื่องดื่มชูกำลังนั้น อาจส่งผลให้เกิดภาวะอ้วนในระยะยาว และทำให้ผู้ป่วยเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ รวมถึงเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดมากขึ้น


สำหรับสารอื่นๆ อาจต้องพิจารณาเป็นรายชนิด เช่น สารสกัดโสม อาจต้องระวังในผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด เช่น วาร์ฟาริน (warfarin) ที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกจากยาได้  ดังนั้นการพิจารณาดื่มเครื่องดื่มชูกำลังควรต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคอ้วน นอกจากนี้หากมีอาการเหนื่อยล้า ควรจัดการสาเหตุและเข้ารับการประเมินจากแพทย์หากมีอาการรุนแรง หรือไม่ดีขึ้นเมื่อปรับพฤติกรรมหรือจัดการเบื้องต้นแล้ว เช่น นอนหลับอย่างเพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารหรือผลิตเสริมอาหารที่ส่งเสริมการใช้พลังงานของร่างกาย



ยาแก้เมาเหล้า: วิตามินที่ทดแทนร่างกายเมื่อร่างกายต้องการพลังงาน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/

7
สำหรับสายปาร์ตี้ที่นิยมสังสรรค์หลังเลิกงาน ไม่ว่าจะ ดื่มเพื่อความสนุกสนาน ผ่อนคลายความเครียด หรือกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ในบทความนี้ มีวิธีทำให้สร่างเมาอย่างรวดเร็วมาฝาก รับรองว่าจะช่วยให้คุณสามารถตื่นไปทำงานในเช้าวันใหม่ได้อย่างสดใส ไม่มีอาการเมาค้าง หรือแฮงค์อย่างแน่นอน

วิธีทำให้สร่างเมาอย่างรวดเร็ว ทำได้ง่าย ๆ สายปาร์ตี้ห้ามพลาด!

วิธีทำให้สร่างเมาอย่างรวดเร็ว สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้

    หากคุณเป็นคนที่เมาง่าย แนะนำให้หยุดดื่มก่อนเวลากลับบ้านสักสองถึงสามชั่วโมง
    ควรสลับไปดื่มน้ำเปล่าบ่อย ๆ ครั้งละ 1 – 2 แก้ว เพื่อให้ร่างกายขับสารตกค้างจากแอลกอฮอล์ออกทางปัสสาวะ
    ดื่มน้ำผักผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยวหวาน เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น และเติมวิตามินและแร่ธาตุที่สูญเสียไปตากการดื่มแอลกอฮอล์ แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบดื่มน้ำผักผลไม้ ก็สามารถรับประทานวิตามินชนิดเม็ดฟู หรือเครื่องดื่มวิตามินบีรวม วิตามินซี แมกนีเซียม หรือกรดอะมิโนแอล-ซีสเทอีน  ก็ได้เช่นกัน
    หากมีอาการปวดหัว ตัวร้อน สามารถรับประทานยาแก้ปวดกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ได้ เช่น แอสไพริน หรือไอบูโพรเฟน
    หากมีอาการคลื่นไส้อาเจียน สามารถดื่มน้ำขิง หรือชามินต์ เพื่อบรรเทาอาการได้
    สามารถรับประทานอาหารอ่อน ๆ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม หรือต้มเลือดหมู เพื่อบรรเทาอาการเมาค้างได้
    สามารถอาบน้ำเย็นเพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น และสร่างเมาได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณมีอาการคลื่นไส้อาเจียนหรืออยู่ในภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำเย็น เพราะภาวะเหล่านี้จะทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิลดลงอยู่แล้ว


วิธีทำให้สร่างเมา

แอลกอฮอล์อยู่ในร่างกายเราได้นานเท่าไร ต้องใช้ระยะเวลากี่ชั่วโมงถึงจะสร่างเมา?

หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วทำไมคนเราถึงใช้ระยะเวลาในการสร่างเมาไม่เท่ากัน นั่นก็เพราะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราการกำจัดแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย
โดยส่วนใหญ่แล้ว เมื่อเราดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป ร่างกายจะเริ่มเผาผลาญแอลกอฮอล์ในอัตรา 20 mg/dL ต่อชั่วโมง ด้วยอัตราความเร็วที่คงที่ เช่น ถ้าในร่างกายมีแอลกอฮอล์อยู่ 40 mg/dL ก็จะใช้ระยะเวลาในการกำจัด 2 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณมีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในเลือดสูงจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ น้ำหนักตัว ผลข้างเคียงจากการใช้ยา หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตอนท้องว่าง หรือดื่มปริมาณมาก ๆ ในระยะเวลาสั้น ๆ ก็จะส่งผลให้กำจัดแอลกอฮอล์ได้ช้ากว่าปกตินั่นเอง


เราต้องนอนกี่ชั่วโมงถึงจะสร่างเมา?

หลังจากที่คุณทำตามวิธีทำให้สร่างเมาอย่างรวดเร็วที่เราแนะนำไปในข้างต้นแล้ว ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7 – 8 ชั่วโมง ก็จะช่วยให้ร่างกายตื่นมาสดชื่น และสร่างเมาได้


แล้วอาการเมาค้างเกิดจากอะไร?

ส่วนใครที่ตื่นมาแล้วมีอาการเมาค้าง แม้ว่าจะทำตามวิธีทำให้สร่างเมาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล เนื่องจากร่างกายของแต่ละคนจะผลิตเอนไซม์ Acetal dehydrogenase ที่ใช้ในการเปลี่ยนแอลกอฮอล์ในร่างกายที่อยู่ในรูปของสาร Acetal aldehyde ที่มีพิษต่อร่างกาย ให้กลายเป็นสาร Acetate ที่ไม่มีพิษ และสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้แตกต่างกัน

สำหรับคนที่ผลิตเอนไซม์ Acetal dehydrogenase ได้ในปริมาณที่จำกัด ก็อาจจะทำให้ยังคงมีสาร Acetal aldehyde สะสมอยู่ แม้ว่าจะนอนหลับพักผ่อนข้ามวันแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเมาค้างได้นั่นเอง
แนะนำเคล็ดลับเตรียมความพร้อมก่อนไปดื่ม เพื่อป้องกันอาการแฮงค์


เพื่อให้วิธีทำให้สร่างเมาอย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เรามีเคล็ดลับในการเตรียมความพร้อมของร่างกายก่อนไปปาร์ตี้มาฝาก ใครที่รู้ตัวว่าเป็นคนเมาง่าย แฮงค์ง่าย ควรทำตามข้อแนะนำเหล่านี้เลย

    ควรรับประทานอาหารรองท้องสักหน่อย อย่าปล่อยให้ท้องว่าง เพราะถ้าดื่มตอนที่ท้องว่าง จะทำให้แอลกอฮอล์ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว
    ควรรับประทานวิตามินรวม และกรดอะมิโนแอล-ซีสเทอีน ก่อนไปปาร์ตี้ เพื่อลดการอักเสบของตับจากการถูกแอลกอฮอล์ทำร้าย
    ควรพักผ่อนให้เพียงพอก่อนไปดื่ม ไม่ควรไปดื่มตอนที่สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง เพราะอาจจะยิ่งกระตุ้นให้อาการป่วยรุนแรงขึ้นได้
    ในระหว่างที่ดื่ม แนะนำให้ดื่มทีละน้อย ๆ อย่าดื่มรวดเดียว หรือใส่ปริมาณแอลกอฮอล์เข้มข้นมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เมาได้ง่ายกว่าปกติ
    หลังจากที่ปาร์ตี้แล้ว ควรดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายขับสารแอลกอฮอล์ออกทางปัสสาวะได้มากขึ้น


สรุปบทความวิธีทำให้สร่างเมาอย่างรวดเร็ว

เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีทำให้สร่างเมาอย่างรวดเร็ว และเคล็ดลับการเตรียมความพร้อมก่อนไปปาร์ตี้ที่เรานำมาแนะนำในบทความนี้ จะเห็นได้เลยว่า สามารถทำตามได้ไม่อยาก และช่วยลดโอกาสเกิดการเมาค้าง หรือแฮงค์ได้อย่างแน่นอน



วิธีแก้แฮงค์ ทำให้สร่างเมาอย่างรวดเร็ว ทำได้ง่าย ๆ สายปาร์ตี้ห้ามพลาด! อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/

8
ฝี เป็นตุ่มหนองหรือถุงหนอง ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อ แล้วเกิดการอักเสบกลายเป็นหนองขังอยู่ใต้ผิวหนัง พบได้ทุกส่วนของร่างกาย เรียกว่า "Abscess" ซึ่งหมายถึงฝีทุกชนิด*

ถ้าเป็นตุ่มฝีที่เกิดจากการอักเสบของรูขุมขนและเนื้อเยื่อโดยรอบ เรียกว่า "Boils" หรือ "Furuncles" (ถ้าขึ้นหลายหัวติด ๆ กัน เรียกว่า "Carbuncles" หรือ ฝีฝักบัว) ซึ่งพบได้บ่อยในบริเวณที่มีการเสียดสีและมีเหงื่อออกมาก เช่น ใบหน้า คอ ไหล่ รักแร้ ก้น เป็นต้น นอกจากนี้อาจพบเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคผิวหนัง เช่น สิว หิด เหา เป็นต้น

ฝีที่ผิวหนังพบได้ในคนทุกวัย ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น เบาหวาน เอดส์ กินสเตียรอยด์เป็นประจำ ขาดอาหาร) มีสุขอนามัยที่ไม่ดี มีการสัมผัสสารเคมีที่ระคายผิวหนัง มีความเสี่ยงที่จะเป็นฝีได้ง่ายและบ่อย

*ฝี (abscess) นอกจากพบที่ผิวหนังซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มสแตฟีโลค็อกคัสแล้ว ยังอาจพบที่อวัยวะต่าง ๆ ได้ ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อจุลชีพต่าง ๆ กันไป และแต่ละชนิดอาจมีชื่อเรียกจำเพาะ เช่น กุ้งยิง(sty/hordeolum), ฝีทอนซิล (peritonsillar abscess), ฝีรำมะนาดหรือฝีปริทันต์ (periodontal abscess), ฝีสมอง (brain abscess), ฝีตับ (liver abscess), ฝีไต (kidney abscess), ฝีปอด (lung abscess), ฝีรอบทวารหนัก (perianal abscess), ฝีคัณฑสูตร (fistula in ano) เป็นต้น


สาเหตุ

ฝีที่ผิวหนังส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มสแตฟีโลค็อกคัส อาจติดต่อโดยการสัมผัสถูกผู้ป่วยโดยตรง โดยเชื้อจะเข้าไปในบริเวณผิวหนังที่มีรอยแยกหรือรอยบาดแผลเล็ก ๆ ทำให้เกิดการอักเสบ กลายเป็นตุ่มฝีหรือถุงฝีซึ่งบรรจุด้วยเชื้อโรค เม็ดเลือดขาว และเซลล์ตาย


อาการ

มักจะขึ้นเป็นตุ่ม หรือก้อนบวม รู้สึกปวด กดถูกเจ็บ ผิวหนังบริเวณนั้นมีลักษณะแดงร้อน

ในรายเป็นฝีที่เกิดจากรูขุมขนอักเสบ (boils) จะพบมีเส้นผมหรือขนอยู่ตรงกลาง

ผู้ป่วยบางรายอาจมีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ร่วมด้วย

ระยะที่ขึ้นเป็นฝีใหม่ ๆ จะมีลักษณะแข็ง ตุ่มนี้จะขยายโตขึ้นและเจ็บมาก ต่อมาค่อย ๆ นุ่มลงและกลัดหนอง บางครั้งเมื่อฝีเป่งมาก ๆ อาจแตกเองได้ (หลังฝีขึ้นไม่กี่วัน หรือ 1-2 สัปดาห์) แล้วอาการเจ็บปวดและอาการไข้ที่อาจมีตอนแรกจะทุเลา

บางครั้งอาจพบต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียงอักเสบด้วย เช่น ถ้าเป็นฝีที่เท้า อาจมีไข่ดัน (ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ) บวมและปวด ถ้าเป็นที่มือ ก็อาจมีการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ เป็นต้น


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่มักดูแลรักษาให้หายขาด และไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ยกเว้นอาจเป็นแผลเป็น

ผู้ที่เป็นเบาหวานหรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจเป็นฝีได้บ่อย และหากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่แรกอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เชื้ออาจลุกลามเข้ากระแสเลือด ทำให้เป็นฝีที่ไต (perinephric abscess) กระดูกอักเสบเป็นหนอง (osteomyelitis) โลหิตเป็นพิษ

ถ้าเป็นฝีตรงบริเวณกลาง ๆ ใบหน้า (เช่น กลางสันจมูก หรือริมฝีปากบน) แล้วบีบแรง ๆ เชื้ออาจแพร่กระจายเข้าสมองเป็นอันตรายถึงตายได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ในบางรายแพทย์อาจจะดูดเอาหนองไปตรวจหาเชื้อ

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นจัด ๆ (ขนาดที่พอทนได้ อย่าร้อนจัด) ประคบวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 10-15 นาที ช่วยให้ตุ่มฝีไม่โตขึ้น และสุกเร็วขึ้น

2. ให้ยาแก้ปวดลดไข้

3. ถ้ามีไข้ มีฝีหลายหัว หรือเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบร่วมด้วย แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ เช่น ไดคล็อกซาซิลลิน โคอะม็อกซิคลาฟ หรืออีริโทรไมซินนาน 5-7 วัน

4. ถ้าฝีสุก (ฝีนุ่มเต็มที่) อาจใช้เข็มเจาะดูด หรือผ่าระบายหนองออก พร้อมกับใส่ผ้าเป็นหมุดระบายหนอง ชะล้างแผลและเปลี่ยนหมุดทุกวัน จนกระทั่งแผลตื้น


การดูแลตนเอง

หากสงสัยเป็นฝี ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นฝี ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    อย่าบีบหัวฝี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าขึ้นตรงกลางใบหน้า
    หลีกเลี่ยงการกินยาชุด หรือยาลูกกลอน ซึ่งอาจมียาสเตียรอยด์ผสม ทำให้ฝีลุกลามได้


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 2-3 วัน
    มีไข้สูง หนาวสั่น เบื่ออาหาร หรือ ฝีลุกลามมากขึ้น
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

    รักษาความสะอาดของร่างกาย อาบน้ำฟอกสบู่วันละ 2 ครั้ง
    กินอาหารที่มีประโยชน์เป็นประจำ
    หลีกเลี่ยงการกินยาชุด หรือยาลูกกลอนซึ่งอาจมียาสเตียรอยด์ผสม ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง
    เมื่อมีบาดแผลเล็กน้อยที่ผิวหนัง ควรดูแลแผลให้สะอาดและรักษาแผลให้หายดี


ข้อแนะนำ

1. ถ้าเป็นฝีบ่อย ๆ อาจมีภูมิคุ้มกันต่ำ เนื่องจากขาดอาหาร โลหิตจาง เป็นเบาหวาน เอดส์ หรือกินสเตียรอยด์นาน ๆ

ควรตรวจหาสาเหตุ และให้การดูแลรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น ควรตรวจปัสสาวะ ถ้าพบมีน้ำตาล ก็อาจเป็นเบาหวาน ควรส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาล

2. ผู้ป่วยที่เป็นเมลิออยโดซิส อาจแสดงอาการของการติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่น ตุ่มนูน ตุ่มหนอง ฝี แผลอักเสบ แผลเรื้อรัง เป็นต้น ถ้าให้การรักษาแล้วไม่ได้ผล หรือสงสัยเป็นเมลิออยโดซิส (เช่น พบในคนอีสานที่เป็นเบาหวาน) ก็ควรส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด



โปรแกรมหมอประจำบ้านอัจริยะ: ฝี (Abscess/Boils/Furuncles)  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com

9
เสียวหมี่ Xiaomi RedmiNote 13 (8GB/256GB)
โดดเด่นในทุกช็อต กล้อง 3 ตัว 108MP
จอแสดงผล 120Hz FHD+ AMOLED
ประสิทธิภาพอันทรงพลังของ Snapdragon®
ชาร์จเร็ว 33W พร้อมแบตเตอรี่ 5000mAh*

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น             เสียวหมี่ Xiaomi RedmiNote 13 (8GB/256GB)
   ราคากลาง            -
   จำนวนซิม          2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์         จอสัมผัส
   สี                     Black(Midnight Black), Green(Mint Green), Yellow(Ocean Sunset)

   ความถี่-เครือข่าย
2G(GSM: 850 900 1800 1900MHz)
3G(WCDMA:1/5/8)
4G(LTE FDD:1/3/5/7/8/20/28 | LTE TDD:38/40/41)

   ขนาด-น้ำหนัก                    ยาว 162.24 x กว้าง 75.55 x หนา 7.97 มม., น้ำหนัก 188.5 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)    256 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด      -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ        ความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ                  จอสัมผัส (AMOLED)
   ความละเอียด           6.67 นิ้ว, 1,080 x 2,400 px

   รายละเอียดอื่น
อัตรารีเฟรช: สูงสุด 120Hz
ความสว่าง: ความสว่างสูงสุด 1800 nits
อัตราคอนทราสต์: 5,000,000:1
ช่วงสีกว้าง 100% DCI-P3
กระจก Corning® Gorilla® 3

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด               กล้องหลัง (108 Mpx), กล้องหน้า (16 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                           -

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)          Snapdragon? 685 Octa-Core CPU สูงสุด 2.8GHz
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)      Adreno 610
   หน่วยความจำ (RAM)                 8.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก                 USB(Type-C), Bluetooth(5.1), Jack(3.5 มม.), Wi-Fi(802.11a/b/g/n/ac)
   ระบบรับส่งข้อความ                       -
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต                3G, WiFi, 4G, 5G

มือถือ Xiaomi เสียวหมี่ Xiaomi RedmiNote 13 (8GB/256GB) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/mobilephone/xiaomi/

10
อาหารธาตุเหล็กสูงในความเข้าใจของหลาย ๆ คนอาจไปโฟกัสที่บรรดาเนื้อสัตว์ ทว่าจริง ๆ แล้วในผัก ผลไม้ ธัญพืช หลายชนิดก็มีธาตุเหล็กในปริมาณไม่น้อยเหมือนกัน ดังนั้นในช่วงเทศกาลกินเจ หรือคนที่กินมังสวิรัติอยู่ตลอด ก็สามารถรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงได้ โดยที่ไม่ต้องเบียดเบียนสัตว์น้อยใหญ่ แต่ก่อนที่จะไปเช็กลิสต์อาหารธาตุเหล็กสูงว่ามีชนิดไหนบ้าง เรามารู้จักประโยชน์ของธาตุเหล็กต่อร่างกายกันก่อน


ธาตุเหล็กสำคัญอย่างไร ถ้าขาดไปอันตรายไหม

ธาตุเหล็กเป็นกลุ่มแร่ธาตุชนิดละลายน้ำ มีความสำคัญในด้านเสริมสร้างฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดง และทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ดังนั้นหากร่างกายขาดธาตุเหล็กไปอาจส่งผลให้ความเข้มข้นของเลือดลดลง เพราะสร้างเลือดได้ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

และถ้าขาดธาตุเหล็กเป็นเวลานาน ๆ อาจเสี่ยงเกิดภาวะเลือดจาง (Anemia) ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย วิงเวียน หนาวง่าย สมาธิสั้น ความเฉียบคมฉับไวในการตอบสนองหรือคิดวิเคราะห์ช้าลง ยิ่งขาดธาตุเหล็กนานเท่าไร อาการจะรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะการขาดธาตุเหล็กในเด็กเล็กก็อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของสมองเด็ก ทำให้เด็กมีพัฒนาการด้อยกว่าเด็กที่ไม่เคยขาดธาตุเหล็กเลย

คนทั่วไปต้องการธาตุเหล็กวันละเท่าไร
           
โดยปกติร่างกายของผู้ใหญ่ควรได้รับธาตุเหล็กประมาณ 10.4 มิลลิกรัมต่อวัน ในเพศชาย ส่วนเพศหญิงควรได้รับธาตุเหล็กประมาณ 24.7 มิลลิกรัมต่อวัน แต่สำหรับวัยรุ่น หญิงในช่วงมีประจำเดือน หญิงตั้งครรภ์ จะมีความต้องการธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น ซึ่งเราสามารถรับธาตุเหล็กได้จากอาหารที่รับประทานในแต่ละวันได้เลยค่ะ


อาหารที่มีธาตุเหล็กสูงมีอะไรบ้าง

อย่างที่บอกว่าเราสามารถรับธาตุเหล็กได้จากอาหารที่เรากินกันอยู่ทุกวัน โดยธาตุเหล็กมักจะมีอยู่มากในอาหารประเภทเครื่องในสัตว์ (ตับและม้าม) เลือด เนื้อสัตว์ ไข่แดง ไก่ ปลา หอยกาบ หอยแมลงภู่ หอยนางรม อาหารทะเลต่าง ๆ โดยธาตุเหล็กในอาหารกลุ่มนี้จะเป็นสารประกอบฮีม (Heme iron) ซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมได้โดยตรง และจะดูดซึมไปใช้ได้ค่อนข้างมาก

นอกจากนี้ ธาตุเหล็กยังมีอยู่ในอาหารประเภทผัก ถั่ว ธัญพืชต่าง ๆ ด้วยนะคะ แต่จะเป็นธาตุเหล็กในรูปแบบสารประกอบที่ไม่ใช่ฮีม (non-heme iron) ซึ่งการดูดซึมจะทำได้น้อยกว่าแบบฮีม หรืออาจต้องพึ่งปัจจัยการส่งเสริมการดูดซึมจากอาหารประเภทอื่นที่กินไปพร้อมกันด้วย
อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง

สำหรับสายกินเจ-มังสวิรัติ มีอะไรบ้าง
           
การรับธาตุเหล็กจากอาหารสายกรีน เช่น ผัก ธัญพืช และถั่ว โดยไม่รับธาตุเหล็กจากเนื้อสัตว์ใด ๆ ก็จะทำให้ร่างกายไม่ได้รับธาตุเหล็กในรูปแบบฮีม ซึ่งเป็นธาตุเหล็กชนิดที่ร่างกายดูดซึมได้ง่ายและดูดซึมได้ดี ทว่าในช่วงที่กินเจ หรืองดเว้นเนื้อสัตว์อยู่ ธาตุเหล็กจากอาหารต่อไปนี้ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีค่ะ

1. ถั่ว

พืชตระกูลถั่วมีธาตุเหล็กอยู่บ้างเหมือนกัน และมีอยู่ในถั่วหลายชนิดให้เลือกรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วขาว ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ถั่วแระญี่ปุ่น ถั่วลันเตา อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น
 

2. เต้าหู้

เต้าหู้ก็ทำมาจากถั่วเหลือง ดังนั้นถ้าไม่ชอบกินถั่วชนิดขบเคี้ยวต่าง ๆ อย่างข้อแรก มารับธาตุเหล็กจากเต้าหู้แทนก็ได้ค่ะ แถมยังทำเมนูเจได้อีกหลายเมนูเลยด้วย และนอกจากธาตุเหล็กแล้ว เต้าหู้และถั่วก็ยังเป็นอาหารที่มีโปรตีนอยู่พอสมควรด้วยนะ


3. เมล็ดฟักทอง

ธัญพืชเคี้ยวเพลินอย่างเมล็ดฟักทองก็มีธาตุเหล็กอยู่เช่นกัน เลือกไปกินเล่นระหว่างวัน หรือจะนำไปแต่งหน้าเมนูขนมเจต่าง ๆ ก็ได้ และในเมล็ดฟักทองก็ไม่ได้มีแค่ธาตุเหล็กนะคะ แต่ยังอุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น สังกะสี แมกนีเซียม หรืออยากได้โปรตีนก็มีให้
 

4. งา

ไม่ว่าจะงาดำหรืองาขาวก็ล้วนมีธาตุเหล็กด้วยกันทั้งคู่ แถมยังประกอบไปด้วยแร่ธาตุสำคัญ อย่างโปรตีน แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินอี และสังกะสี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อระบบเมตาบอลิซึม ดังนั้นใครอยาก[^_^]ไปด้วยก็จัดงาดำหรืองาขาวได้ตามใจชอบ
 

5. ข้าวโอ๊ต

มื้อเช้า ๆ ที่อยากเติมธาตุเหล็กให้ร่างกาย จัดข้าวโอ๊ตได้เลยค่ะ และนอกจากธาตุเหล็กแล้ว ข้าวโอ๊ตยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่เรียกว่าเบต้ากลูแคน ซึ่งมีคุณสมบัติกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ช่วยในการทำงานของลำไส้ และมีส่วนลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย อีกทั้งยังมีโปรตีนจากพืช แมกนีเซียม สังกะสี และโฟเลตมาด้วย
 

6. ผักกูด

ผักพื้นบ้านอย่างผักกูดก็มีธาตุเหล็กอยู่พอสมควร ที่สำคัญยังเป็นผักราคาถูก หาง่าย ไฟเบอร์แน่น ช่วยในการขับถ่าย ในช่วงละเว้นเนื้อสัตว์จะนำผักกูดไปต้มกะทิหรือผัดผักเจก็อร่อยทุกเมนู
 

7. ใบชะพลู

น่าจะคุ้นเคยกันดีกับใบชะพลู โดยเฉพาะคนที่ชอบกินเมนูเมี่ยงต่าง ๆ และใบชะพลูก็ไม่ได้แค่อร่อยและมีประโยชน์เท่านั้น แต่ยังจัดเป็นผักที่มีธาตุเหล็กสูงอีกชนิดหนึ่งเลย จึงมีสรรพคุณช่วยบำรุงเลือดอีกด้วย
 

8. มะเขือพวง

ใครที่เมื่อก่อนเขี่ยมะเขือพวงออกนอกจานทุกครั้งที่เจอ นับแต่นี้กลับตัวกลับใจยังทันนะคะ โดยเฉพาะคนที่ต้องการเสริมธาตุเหล็กให้ร่างกาย เพราะผักชนิดนี้มีทั้งธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส และไฟเบอร์ในกลุ่มเพกติน ซึ่งเป็นเส้นใยละลายน้ำ ช่วยเคลือบผนังลำไส้ ช่วยในการย่อยอาหาร และมีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
 

9. เห็ดหูหนู

เห็ดหูหนูก็เป็นเห็ดยอดฮิตในช่วงกินเจ หรือในกลุ่มคนละเว้นเนื้อสัตว์ เพราะนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย ทั้งต้ม ผัด ยำ นึ่ง ตุ๋น อีกทั้งรสชาติก็อร่อย เคี้ยวกรุบ ๆ ให้สัมผัสที่มากกว่าแค่เห็ดทั่วไป ใครชอบก็จัดไว้เพิ่มธาตุเหล็กให้ตัวเองได้เลย
 

10. มันฝรั่ง

อย่าคิดว่ามันฝรั่งเป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตชนิดดีเท่านั้น เพราะในพืชหัวชนิดนี้ก็มีธาตุเหล็กให้ร่างกายด้วยเหมือนกัน พร้อมด้วยวิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ อาทิ แคลเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และสังกะสี รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซี และวิตามินบี 6
 

11. มะละกอสุก

นอกจากมะละกอสุกจะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระชนิดเบต้าแคโรทีนแล้ว ยังมีทั้งธาตุเหล็ก วิตามินซี วิตามินเอ แคลเซียม โพแทสเซียม ไทอะนิน ไนอะซิน ไฟเบอร์ และผลสุกยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก ถ่ายยาก บำรุงธาตุ บำรุงน้ำนม และช่วยย่อยอาหารอีกด้วย
 

12. น้ำลูกพรุน

ถ้าพูดถึงผลไม้ที่ช่วยในการขับถ่าย น้ำลูกพรุนจะติดโผอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว เพราะมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำอยู่มาก และผลไม้ชนิดนี้ยังมีธาตุเหล็กที่เรามองหา พร้อมแมกนีเซียม วิตามินซี สารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ทองแดง สังกะสี โบรอน แมงกานีส และโพแทสเซียม
 


อาหารสุขภาพ ธาตุเหล็กสูง สำหรับคนกินเจ มังสวิรัติ กินอย่างไรช่วยบำรุงเลือด  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

11
การเข้ารับการจัดฟัน ถือว่าเป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่ง ที่ช่วยแก้ไขปัญหาฟันได้แทบจะทุกกรณี แต่การจัดฟันนั้น ก็มีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันที่สวมใส่เครื่องมือแบบติดแน่น การจัดฟันแบบใส การจัดฟันแบบเร็ว ซึ่งการจัดฟันในรูปแบบต่างๆที่กล่าวมานั้น ก็จะมีข้อแตกต่างกันออกไป มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน และแก้ไขปัญหาได้แตกต่างกัน เช่นเดียวกับการจัดฟันในเด็กและการจัดฟันในผู้ใหญ่ แน่นอนว่าก็จะมีความแตกต่างกัน เพราะการจัดฟันในเด็กจะมีการใช้เครื่องมือที่แตกต่างกัน หลายคนเคยจัดฟันในตอนเด็กและอาจจะละเลยในการสวมใส่เครื่องมือที่ต้องใส่หลังการจัดฟัน เพื่อช่วยคงสภาพฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม พอโตมาก็อาจจะมีปัญหาอื่นๆตามมา จนต้องเข้ารับการจัดฟันอีกครั้ง ก็จะเห็นในข้อแตกต่างระหว่างการจัดฟันในเด็กกับการจัดฟันตอนโต และวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงข้อแตกต่างของการจัดฟันในเด็กและการจัดฟันตอนโต ว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร เผื่อพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็อาจจะเป็นแนวทางในการตัดสินใจ และจะได้เห็นข้อแตกต่างจากการจัดฟันตอนโต


ต้องบอกก่อนว่า การจัดฟันในเด็ก ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยจะมีความจำเป็นมากเท่าไหร่ แต่การที่เราปลูกฝังหรือส่งเสริมบุตรหลานของท่านในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าหากบุตรหลานของท่านมีสัญญาณสุขภาพช่องปากและฟันที่มีความผิดปกติของการขึ้นของฟัน หรือแม้กระทั่งการที่บุตรหลานของท่านมีพฤติกรรมการดูดนิ้ว จนอาจจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างของฟัน ต้องบอกว่า การจัดฟันในเด็ก สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ เพราะการจัดฟันในเด็กนั้น สามารถเริ่มจัดฟันได้ตั้งแต่อายุ 7-15 ปี เพราะในวัยนี้ ฟันน้ำนมจะหลุดออกหมดแล้ว และฟันแท้ก็ขึ้นครบแล้ว ซึ่งการจัดฟันในเด็ก ถือว่าเป็นประโยชน์ นอกจากจะทำให้เด็กมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามตั้งแต่เด็กแล้ว ยังสามารถทำให้เด็กมีรอยยิ้มได้อย่างมั่นใจและยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กได้หลายอย่าง ที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ เมื่อมีฟันเรียงสวย ไม่ซ้อนเก เด็กก็จะแปรงฟันได้ง่ายขึ้น สำหรับการจัดฟันตอนโตนั้น ถือว่าเป็นการรักษาที่ได้รับความนิยมมาก เพราะผู้ใหญ่บางคนก็มีปัญหาเกี่ยวกับฟันที่มีความผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นฟันห่าง ฟันซ้อน ฟันเก ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบุคลิกภาพ


การรับประทานอาหาร ซึ่งอาจจะทำให้การบดเคี้ยวอาหารนั้น ไม่ดีเท่าที่ควร และยังส่งผลต่อการทำความสะอาดช่องปากและฟันด้วย ถ้าหากเราทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ดี ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาช่องปากตามมาได้ จึงเลือกใช้วิธีการเข้ารับการจัดฟัน เพื่อที่จะช่วยแก้ไขปัญหาฟัน แต่การจัดฟันสำหรับผู้ใหญ่ ก็สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า การจัดฟันในผู้ใหญ่อาจจะช้ากว่าการจัดฟันในเด็ก และมีข้อจำกัดมากกว่าเด็ก เนื่องจากเด็กอยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต ร่างกายสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดี การเคลื่อนฟันในเด็กเลยมักง่ายกว่า มีผลแทรกซ้อนน้อยกว่า ต่างกับการจัดฟันในผู้ใหญ่ที่ร่างกายเริ่มมีความเสื่อมถอย แต่อย่างไรก็ตาม ทันตแพทย์ก็จะต้องดูความเหมาะสม ตามภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย


ดังนั้น การจัดฟันในเด็ก กับ การจัดฟันตอนโต นั้น ก็จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของ ข้อจำกัดในเรื่องของอายุ สภาพของร่างกาย อัตราการเคลื่อนของฟัน รวมไปถึงการตอบสนองต่อการรักษา แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถเข้ารับการจัดฟันได้เช่นเดียวกัน  หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟัน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่คลินิกทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา และจะช่วยแก้ไขปัญหาฟันของท่านได้อย่างตรงจุดและถูกต้อง เพราะทางเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี อยากให้มีรอยยิ้มที่สดใส มั่นใจ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข

การจัดฟันเด็ก กับ การจัดฟันตอนโต ต่างกันอย่างไร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/

12
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองชัยชนะจากการแข่งขัน “เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2023” โดยทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศประเภททีม ชัยชนะครั้งแรกของรถออล-นิว ไทรทัน แรลลี่คาร์ โดยรถแข่งทั้งหมดของทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท สามารถเข้าเส้นชัยและทำเวลาได้ดีกว่าทีมอื่นๆ ที่ส่งรถเข้าแข่งขัน 2 คันขึ้นไป การคว้าชัยในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงสมรรถนะ ความแข็งแกร่ง และความทนทานของออล-นิว ไทรทัน ในการแข่งขันที่เต็มไปด้วยความท้าทายได้อย่างยอดเยี่ยม

Mitsubishi

ในศึก “เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2023” รถแข่งหมายเลข #101 ขับแข่งโดย “โอห์ม” ชยพล โยธา โดยมี “ต่อ” พีรพงษ์ สมบัติวงศ์ เป็น Co-driver คู่ใจ ร่วมกันคว้ารางวัลอันดับที่ 3 ประเภทบุคคล มาได้สำเร็จ ขณะที่ มร. คัตซูฮิโกะ ทากูชิ และ มร. ทาคาฮิโระ ยาสุอิ จากประเทศญี่ปุ่น พร้อมออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน หมายเลข #112 เข้าสู่เส้นชัยในอันดับที่ 8  ถือเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมซึ่งทำให้ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศประเภททีมมาครอง พร้อมตอกย้ำสมรรถนะที่เหนือกว่าของ รถกระบะรุ่นใหม่ ด้วยผลงานของ มร. ริฟัต ซุงการ์ จากอินโดนีเซีย และชูพงศ์ ชัยวรรณ กับออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน หมายเลข #106 ที่เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 32 โดยทั้งคู่ยังสามารถทำเวลาเข้าเส้นชัยในอันดับสูงสุดในการแข่งขันวันที่ 5 (SS 5) อีกด้วย ทั้งนี้ การแข่งขันเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2023 ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 – 19 สิงหาคม 2566 ในประเทศไทย และ สปป.ลาว


มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราทุกคนภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จของทีมมิตซูบิชิ แรลลี่ อาร์ท และสมรรถนะของ ออล-นิว ไทรทัน ที่ได้รับการปฏิวัติมาใหม่ทุกอณู รางวัลที่ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่ อาร์ท คว้ามาครองและผลงานของนักแข่ง แสดงถึงศักยภาพของออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ทั้งในด้านสมรรถนะและความทนทาน แม้จะมีระยะเวลาการเตรียมตัวที่ค่อนข้างจำกัด ผลลัพธ์อันน่าภาคภูมิใจนี้ที่ได้สะท้อนถึงสมรรถนะที่เหนือกว่าของรถกระบะรุ่นใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี  และเมื่อผสานกับความสามารถของนักแข่งและทีมงานสนับสนุน เราหวังว่าจะสามารถคว้าแชมป์ในปีหน้าได้สำเร็จ และที่สำคัญ เราจะใช้ข้อมูลและประสบการณ์จากการแข่งขัน เพื่อนำมาใช้พัฒนาการผลิตรถยนต์รุ่นต่างๆ ที่จะขายในตลาดต่อไปในอนาคต”

“นอกจากออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แล้ว รถยนต์มิตซูบิชิ ทุกรุ่น ล้วนได้รับการพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของดีเอ็นเอสายเลือดแชมป์แรลลี่ จิตวิญญาณที่มุ่งมั่นสู่ชัยชนะและความทุ่มเทสู่การเป็นแชมป์ คือพลังขับเคลื่อนการพัฒนารถยนต์ทุกรุ่นของเรา เพราะชัยชนะของเราคือชัยชนะของทุกคน รวมถึงลูกค้าของเราด้วย รถยนต์เหล่านี้ได้รับการจัดแสดงที่งาน Big Motor Sale 2023 ทั้งออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน และรถยนต์รุ่นอื่น  ๆ ของเราที่มีมาตรฐานคุณภาพสูงสุด ได้แก่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีลีท และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส” มร. โคอิโตะ กล่าวเพิ่มเติม
 
ไฮไลท์ภายในงาน Big Motor Sale 2023 คือ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ซึ่งได้รับการสร้างสรรค์ใหม่ทั้งคันด้วยการหลอมรวมความเป็น “ที่สุด” แห่งดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) เพื่อมอบความปลอดภัย มั่นใจ และสะดวกสบายในการขับขี่ภายใต้สภาพอากาศและสภาพถนนที่หลากหลาย ทั่วโลก ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน มาพร้อมการออกแบบใหม่ทั้งหมดที่สะท้อนความทรงพลัง มีขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งยิ่งกว่า และโครงสร้างเมกาเฟรมที่มีน้ำหนักเบา เติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยเครื่องยนต์คลีนดีเซลไฮเปอร์เพาเวอร์ มีพละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร มอบอัตราเร่งและสมรรถนะที่เป็นเลิศ พร้อมความประหยัดน้ำมัน ภายในห้องโดยสารใช้วัสดุคุณภาพสูงที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ของมิตซูบิชิ มอบความสวยงามผสานความสะดวกสบาย ใช้งานง่ายและทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้อง     ละสายตาจากถนน ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน เจนเนอเรชั่นที่ 6 รุ่นใหม่ล่าสุดนี้จะปฏิวัติวงการรถกระบะและสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับรถกระบะระดับโลกอย่างแท้จริง


หนึ่งในรุ่นย่อยที่ได้รับการจัดแสดงคือ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นดับเบิ้ล แค็บ พลัส 2.4 อัลตร้า เกียร์    อัตโนมัติ โดดเด่นด้วยตัวถังที่แข็งแกร่งบึกบึน สไตล์เส้นสายแนวราบ และการผสมผสานไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED เข้ากับไฟส่องสว่างหน้าแบบมัลติโปรเจคเตอร์ LED เพื่อความทันสมัยและทรงพลัง ภายในห้องโดยสารไม่เพียงมีระบบชาร์จไร้สาย ยังมีเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสคมชัดระดับ Full HD ขนาด    9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto เสริมสมรรถนะการขับขี่ด้วยระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้าย แบบควบคุมด้วยเบรก(Limited Slip Differential – Brake Control Type) ระบบความปลอดภัยเพียบพร้อมด้วยถุงลม 7 ตำแหน่ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Active Stability Control: ASC) และระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Traction Control System: TCL) รวมถึงระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System: ABS) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Brakeforce Distribution: EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist: BA) นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill-Start Assist: HSA) และระบบความปลอดภัยขั้นสูง ‘DIAMOND SENSE’ ประกอบด้วยระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation: FCM) ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto High Beam: AHB) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Blind Spot Warning with Lane Change Assist: BSW with LCA)  ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) และกล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM)

รุ่นดับเบิ้ลแค็บที่จัดแสดงอีกรุ่นหนึ่ง คือ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นดับเบิ้ล แค็บ 2.4 ไพร์ม ขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ "SUPER SELECT 4WD II" ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ นอกจากนี้ ยังเป็นรถกระบะคันแรกในประเทศไทยที่ผสานระบบ Active Yaw Control (AYC) ที่ช่วยเพิ่มความสมดุลขณะเข้าโค้ง โดยระบบจะควบคุมการทำงานของล้อด้านในโค้งกับล้อด้านนอกโค้งให้หมุนสัมพันธ์กัน เพื่อรักษาเสถียรภาพการเข้าโค้งอย่างแม่นยำ ควบคู่ไปกับโหมดการขับขี่ 7 โหมด สิ่งเหล่านี้มอบความสามารถในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ดีเยี่ยมทั้งออนโรดและออฟโรด ทำให้มั่นใจ ขับสนุกและปลอดภัยมากขึ้นทุกการเดินทาง


อีกหนึ่งรุ่นย่อยคือ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นซิงเกิ้ล แค็บ 2.4 โปร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Easy Select 4WD พร้อมระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้าย แบบควบคุมด้วยเบรก(Limited Slip Differential – Brake Control Type) ภายในห้องโดยสารมีระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto เบาะนั่งตกแต่งด้วยวัสดุบุนุ่มระดับพรีเมียม ระบบความปลอดภัยได้แก่ถุงลม 3 ตำแหน่ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว(Active Stability Control: ASC)  ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล(Traction Control System: TCL) ระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก(Anti-lock Braking System: ABS)  ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Brakeforce Distribution: EBD)  และระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist: BA)  รวมถึงระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill-Start Assist: HSA) สีภายนอกมีทั้งหมด 4 สี ได้แก่      สีขาว Solid White สีเงิน Blade Silver สีเทา Graphite Gray และสีดำ Jet Black Mica

ภายในบูธยังมี มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 2.4D 4WD Elite Edition โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II อันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา “ออล วีล คอนโทรล” (All Wheel Control: AWC) สุดอัจฉริยะ ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับเคลื่อนจากแบบ 2 ล้อ เป็นระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อได้ในทันที แม้ในขณะที่ตัวรถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง และยังสามารถคงการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อได้อย่างต่อเนื่องในความเร็วสูง ซึ่งแตกต่างอย่างโดดเด่นจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั่วๆ ไป ทั้งยังช่วยเสริมสมรรถนะการเกาะถนนและการทรงตัว ให้ควบคุมตัวรถได้ง่ายดายและคล่องตัวบนทุกสภาพถนน รวมถึงถนนที่เปียกหรือลื่น เติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมและรื่นรมย์ สุดมั่นใจและปลอดภัยยิ่งกว่าโดยเฉพาะขณะที่ขับขี่ด้วยความเร็วสูง และยังช่วยลดความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าในขณะที่เดินทางระยะไกล ซึ่งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สุดอัจฉริยะ ระดับตำนานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส นี้ ก็เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่อยู่ใน ออล-นิว ไทรทัน เช่นกัน

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 2.4D 4WD Elite Edition มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.4 MIVEC  ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Sport Mode และ Paddle Shift ช่วงล่างโครงสร้างคอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าพร้อมแผงตกแต่งใต้กันชนหน้าและหลังสีดำ ยกระดับสมรรถนะการขับขี่ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD ll  พร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ  Full-time All Wheel Control เพิ่มความปลอดภัยบนถนนลื่น ขับสนุก ลุยได้ทุกเส้นทาง นอกจากนี้ยังมีระบบ เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน All-Round Advanced Safety Technology ภายในห้องโดยสารเต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพกับระบบเครื่องเสียงพรีเมียม Mitsubishi Power Sound System เบาะหนังสังเคราะห์พร้อมคุณสมบัติสะท้อนความร้อน QUOLE MODURE ระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้าด้านผู้ขับขี่ และเทคโนโลยีระบบปรับอากาศ nanoeTMX ช่วยให้อากาศบริสุทธิ์ตลอดทุกเส้นทาง

มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส รถยนต์รุ่นยอดนิยมก็ได้รับการจัดแสดงภายในบูธเช่นกัน ผสานความสมบูรณ์แบบระหว่างดีไซน์ที่โดดเด่นและรองรับการใช้งานอย่างเต็มที่ นิยามของความลงตัวระหว่างรถเอสยูวีและรถครอสโอเวอร์ ใช้วัสดุคุณภาพสูงระดับพรีเมียมที่มอบสไตล์ที่สะดุดตาและความสปอร์ตทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายในห้องโดยสาร มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส มาพร้อมระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) มอบการขับขี่ที่มีเสถียรภาพด้วยการควบคุมพละกำลังและแรงดันเบรกทั้งล้อด้านในและด้านนอกขณะเข้าโค้ง เพื่อยกระดับความปลอดภัยและการยึดเกาะถนน รวมถึงระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว(Active Stability Control: ASC) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล(Traction Control System: TCL) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน(Hill-Start Assist: HSA)  ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ (Emergency Stop Signal System: ESS) ถุงลมนิรภัยคู่หน้า คานเหล็กนิรภัยกันกระแทกด้านข้างประตู และการปกป้องคนเดินถนน มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส  มาพร้อมระยะความสูงใต้ท้องรถ 220 มม. ซึ่งสูงที่สุดในระดับเดียวกัน จึงเป็นรถยนต์ 7 ที่นั่งระดับพรีเมียมที่สมบูรณ์แบบสำหรับครอบครัวทันสมัยและผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งและการผจญภัย


นอกจากนี้ยังมีแคมเปญพิเศษ ‘Early Bird Package’ สำหรับลูกค้าที่จองออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ภายในงานนี้ เพื่อเพิ่มความสนุกในการเป็นเจ้าของรถกระบะรุ่นใหม่ก่อนใคร โดยสามารถเลือกรับฟรีอุปกรณ์ตกแต่งแท้หรือรับสิทธิพิเศษสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์เสริม สำหรับลูกค้าที่จองออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ก่อนวันที่ 31 สิงหาคม 2566 และรับรถภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2566 จะได้รับสิทธิพิเศษดังนี้

•    ฟรี ชุดแพ็คเกจอุปกรณ์ตกแต่งแท้ “TRAIL PACKAGE” สำหรับรุ่นดับเบิ้ล แค็บ ยกสูง และ 4WD
•    การสนับสนุนค่าใช้จ่าย “WHEEL & TIRE PACKAGE” สำหรับการซื้อและติดตั้งล้ออัลลอย และ/หรือเปลี่ยนยางรถยนต์ มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับรุ่นซิงเกิ้ล แค็บ


all new mitsubishi triton 2024: Mitsubishi ฉลองชัยชนะครั้งแรกของรถกระบะ All-New TRITON  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/mitsubishi/triton/

13
อาหาร 9 อย่างที่ดีที่สุดสำหรับนักวิ่ง


1. เนื้อปลา

อาหารประเภทโปรตีนมีความสำคัญต่อนักวิ่ง เพราะโปรตีนมีกรดอะมิโนที่ร่างกายต้องนำไปใช้ในการเสริมสร้างหรือซ่อมแซมกล้ามเนื้อ เช่น กล้ามเนื้อขา , หัวใจ เป็นต้น อาหารอะไรก็ตามที่มาจากสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อปลา และนม ถือว่าเป็นอาหารที่ดี แต่สาเหตุที่เนื้อปลาโดดเด่นที่สุดก็เพราะว่ามีไขมันดีอยู่เยอะนั่นเอง

ปลาที่อุดมไปด้วยไขมันดี ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาแมกเคอเรล เหล่านี้ถือเป็นแหล่งรวมกรดไขมันโอเมก้า 3 ชั้นเลิศ จัดเป็นไขมันที่เซลล์ของเราต้องการ ซึ่งจะช่วยลดอาการอักเสบทั่วทั้งร่างกาย จึงมีความสำคัญต่อนักวิ่งเพราะช่วยในการฟื้นตัวและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ หลังจากการฝึกหรือการแข่งขัน

 

2. กรีกโยเกิร์ต

กรีกโยเกิร์ต 1 ถ้วยจัดเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีสำหรับกล้ามเนื้อ และมีคาร์โบไฮเดรตสำหรับเป็นพลังงานด้วย นอกจากนั้นยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ กรีกโยเกิร์ตจัดว่าเป็นอาหารที่ดีต่อนักวิ่ง เพราะพกพาง่าย ย่อยง่าย แถมยังสามารถหยิบมาทานตอนลงแข่งหรือตอนอยู่บนถนนได้อีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตามควรอ่านฉลากก่อนซื้อด้วย หรือไม่ก็ให้หากรีกโยเกิร์ตที่ให้เรามาเติมน้ำผึ้งหรือแยมด้วยตัวเอง ใส่ผลไม้ลงไปเพื่อให้ได้รับคาร์โบไฮเดรต หรืออาจใส่ลงในสมูทตี้ก็ได้ หากอยากได้แคลอรี่น้อยลงให้เลือกทานกรีกโยเกิร์ตแบบมีไขมัน 0 เปอร์เซนต์ แต่หากต้องการแคลอรี่เพิ่มเพื่อวิ่งระยะไกล ก็ให้ทานแบบ Full Fat หรือแบบมีไขมัน 5% ได้เลย

 

3. ไข่

ไข่คือหนึ่งในอาหารที่มีโปรตีนที่ดีที่สุด (เพราะมีโครงสร้างเหมือนโปรตีนในร่างกายมนุษย์) ไข่มีกรดอะมิโนทั้งหมดที่ร่างกายต้องการเพื่อสร้างหรือซ่อมแซมกล้ามเนื้อ และยังมีไขมันที่ดีต่อสุขภาพ และมีวิตามิน D ซึ่งจะช่วยให้กระดูกแข็งแรงมีสุขภาพดี แถมยังช่วยส่งเสริมการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้ออีกด้วย

 

4. ผงโปรตีน

นักวิ่งเกือบทุกคนที่ลงแข่งขันเป็นอาชีพ เมื่อไปถึงช่วงเวลาหนึ่งยังไงก็ต้องมีการใช้ผงโปรตีน มีบางคนชอบใส่ลงไปในสมูทตี้เพื่อให้เป็นมื้ออาหารที่ส่งเสริมการฟื้นร่างกาย การใช้ผงโปรตีนเป็นทางเลือกที่สะดวกมากสำหรับคนที่ไม่มีเวลาเตรียมอาหาร เพียงเราผสมกับนมหรือน้ำ ใส่ผลไม้ ผักใบเขียวหรือถั่วลงไปก็ใช้ได้แล้ว

 

5. ผักผลไม้สดหรือแบบแช่แข็ง

ผักผลไม้มีไฟเบอร์ซึ่งจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารของเรามีสุขภาพดี ทั้งยังมีวิตามิน แร่ธาตุ และอิเล็กโทรไลต์ เช่น โพแทสเซียม , แมกนีเซียม ที่ช่วยควบคุมระดับน้ำในร่างกาย ส้มและผักมักมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งดีกับคนที่ต้องออกกำลังกายที่ต้องเจอกับอากาศร้อนและมีการสูญเสียเหงื่อเป็นจำนวนมาก

 

6. ข้าวโอ๊ต

ข้าวโอ๊ตมีประโยชน์ต่อนักวิ่ง เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์และประโยชน์ของธัญพืช เป็นอาหารที่มอบคาร์โบไฮเดรตให้แก่เรา โดยที่มันจะค่อยๆ ถูกย่อยช้าๆ หมายความว่ามันจะมอบพลังงานคุณภาพดีได้เป็นเวลานาน นานมากพอที่จะเป็นเชื้อเพลิงในการวิ่งระยะไกล ข้าวโอ๊ตถือว่าเป็นธัญพืชชั้นยอด เพราะมันช่วยให้เรามีพลังงานตลอดเวลา ทั้งยังมีไฟเบอร์แบบละลายน้ำที่จะถูกย่อยช้าๆ ผ่านระบบย่อยอาหาร ซึ่งจะทำให้เราอิ่มได้นานขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในเลือด ซึ่งช่วยเพิ่มระดับพลังงานให้เพิ่มขึ้นอย่างเต็มที่

 

7. ถั่ว (Bean)

ถั่วและพืชตระกูลถั่วจัดว่าเป็นอาหารอีกหนึ่งประเภทที่ดีต่อนักวิ่ง มีทั้งโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ทั้งยังเป็นแหล่งรวมแมกนีเซียม ซึ่งส่งเสริมการทำงานของเส้นประสาทและการหดตัวของกล้ามเนื้อ แล้วก็ยังมีไฟเบอร์ซึ่งดีต่อระบบการย่อยอาหาร

คนที่ชอบทานถั่วมักมีน้ำหนัก , ระดับน้ำตาลในเลือด และคอเลสเตอรอลกำลังดี นั่นเป็นเพราะไฟเบอร์แบบละลายน้ำซึ่งมีมากในถั่ว นอกจากนี้ถั่วยังเป็นของทานเล่นที่ดี สามารถใส่ลงในสลัด ทานคู่กับชีสหรือเมนูอาหารเย็นอื่นๆ ก็ได้

 

8. ควินัว

เช่นเดียวกับข้าวโอ๊ต ควินัวเป็นธัญพืชที่ดีต่อสุขภาพและมีไฟเบอร์สูง แต่จุดขายคือเป็นธัญพืชที่มีโปรตีนมากที่สุด สามารถเป็นแหล่งโปรตีนบำรุงกล้ามเนื้อสำหรับคนที่กินมังสวิรัติได้ วิธีรับประทานก็จะเหมือนกับการทานข้าวและธัญพืชอื่นๆ สามารถใช้เป็นเครื่องเคียง สามารถนำไปนาบกระทะกับหัวหอม แครอทและถั่ว หรือใช้เติมโปรตีนลงในจานสลัดก็ได้ ควินัวเป็นอาหารที่ปรุงได้เร็วไม่เสียเวลา สามารถเก็บลงในช่องแช่แข็งในตู้เย็นแล้วเอามาอุ่นในไมโครเวฟได้

 

9. ถั่ว (Nut)

เป็นถั่วคนละประเภทกับข้อ 7 ถือเป็นแหล่งโปรตีน คาร์โบไฮเดรตและไขมันดี ทั้งยังเป็นแหล่งรวมอิเล็กโทรไลต์ เช่น โซเดียม (ถ้าเป็นถั่วเติมเกลือ) , แมกนีเซียม จึงเป็นอาหารที่ดีต่อการฟื้นตัว นอกจากนี้ยังเป็นอาหารที่พกพาง่าย สามารถพกไปโรงยิมได้ แถมยังมีวิธีรับประทานที่หลากหลาย ยกตัวอย่างได้ดังนี้

 

การใส่อัลมอนด์ลงไปในชามข้าวโอ๊ต

การใส่ถั่วพีแคนลงในกราโนล่า

การใส่วอลนัทลงในสลัดหรือผักคั่วกระทะ

ถั่วทุกชนิดมีประโยชน์ มีไขมันดี ซึ่งจะช่วยมอบพลังงานในระยะยาว มีแมกนีเซียมที่ช่วยเรื่องการหดตัวของกล้ามเนื้อ และมีวิตามิน E ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ถ้าหากเพื่อนๆ ไม่ทานถั่ว ก็อยากให้ลองเมล็ดพืชอย่างอื่น เช่น เมล็ดฟักทอง , เมล็ดทานตะวัน , เมล็ดเจีย , เมล็ด Flex เป็นต้น



ยาชูกำลัง: อาหาร 9 อย่างที่ดีที่สุดสำหรับนักวิ่ง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/

14
รถกระบะรับจ้าง ขนย้ายบ้านราคาถูก จังหวัดเชียงราย
การขนย้ายบ้านเป็นกระบวนการที่ต้องการความพิถีพิถันและความระมัดระวัง เพราะการเลือกบริษัทขนย้ายหอราคาถูกที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้เป็นสิ่งสำคัญ เอาเป็นว่าการเลือกบริการขนย้ายหอราคาถูกในจังหวัดเชียงราย รถกระบะรับจ้างจังหวัดเชียงราย จะทำให้การย้ายบ้านของคุณเป็นไปได้อย่างราบรื่นและมีความสะดวกสบาย ในบทความนี้ เราจะกล่าวถึงขั้นตอนการขนย้ายหอราคาถูกในจังหวัดเชียงราย และเราจะแนะนำบริษัทขนย้ายหอราคาถูก รถรับจ้างขนของจังหวัดเชียงราย ที่คุณสามารถเลือกใช้บริการได้


ขั้นตอนการขนย้ายหอราคาถูกในจังหวัดเชียงราย

1. วางแผนการขนย้ายหอ
ขั้นแรกในการขนย้ายหอ รถรับจ้าง ราคาถูกในจังหวัดเชียงรายคือการวางแผนการขนย้ายหออย่างถูกต้องและรอบคอบ คุณควรประเมินปริมาณของทรัพย์สินที่ต้องการขนย้ายและกำหนดงบประมาณที่สามารถใช้ได้ นอกจากนี้คุณยังควรตรวจสอบประวัติและความเชี่ยวชาญของบริษัทขนย้ายหอราคาถูกที่คุณต้องการจะเลือกใช้ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณได้เลือกบริการที่มีคุณภาพและปลอดภัย

2. ค้นหาบริษัทขนย้ายหอราคาถูกที่เหมาะสม
หลังจากคุณได้วางแผนการขนย้ายหออย่างเหมาะสมแล้ว คุณควรเริ่มต้นการค้นหาบริษัทขนย้ายหอราคาถูกที่เหมาะสมสำหรับคุณ คุณสามารถใช้โซเชียลมีเดีย อินเทอร์เน็ต หรือข้อมูลที่ได้รับจากคนที่เคยใช้บริการมาก่อนเพื่อหาบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการขนย้ายหอ ที่มีความปลอดภัยและราคาถูก อย่างไรก็ตาม ควรใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่มีการประเมินและรีวิวจากลูกค้าเพื่อประโยชน์ในการตัดสินใจใช้ รถกระบะรับจ้างจังหวัดเชียงราย

3. เปรียบเทียบค่าบริการขนย้ายหอราคาถูก
เมื่อคุณได้รับชื่อของบริษัทขนย้ายหอราคาถูกที่เหมาะสม รถรับจ้างขนของจังหวัดเชียงราย คุณควรทำการเปรียบเทียบค่าบริการของแต่ละบริษัท ในกระบวนการนี้ คุณควรคำนึงถึงความถูกและคุณภาพของบริการที่ได้รับ อย่างไรก็ตาม ควรจำไว้ว่าราคาถูกอาจไม่ได้หมายความว่าคุณได้รับบริการที่ดีเสมอ คุณควรคำนึงถึงราคาในระดับที่เหมาะสมกับงบประมาณและความพึงพอใจในการขนย้ายหอ

4. ตรวจสอบความปลอดภัยและคุณภาพ
เมื่อคุณได้ทำการเปรียบเทียบค่าบริการของบริษัทแล้ว คุณควรตรวจสอบความปลอดภัยและคุณภาพของบริษัทเหล่านั้น คุณควรตรวจสอบว่าบริษัทมีประกันภัยที่เพียงพอและอุปกรณ์การขนย้ายหอที่ใช้มีคุณภาพ เช่น รถกระบะรับจ้างขนย้ายบ้าน เชียงราย ที่มีการบำรุงรักษาอย่างถูกต้องและปลอดภัย


บริษัทขนย้ายหอราคาถูกในจังหวัดเชียงราย
หากคุณกำลังมองหาบริษัทขนย้ายหอราคาถูกในจังหวัดเชียงราย รถรับจ้างขนของจังหวัดเชียงราย นี่คือรายชื่อบริษัทที่คุณสามารถพิจารณาใช้บริการได้:

1. บริษัทขนย้ายหอราคาถูก
บริษัทขนย้ายหอราคาถูก  เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการขนย้ายหอ พวกเขามีทีมงานที่มีความเป็นมืออาชีพและมีความรับผิดชอบในการดำเนินงาน ราคาบริการของบริษัทขนย้ายหอราคาถูก รถกระบะรับจ้าง มีความเหมาะสมและตรงตามงบประมาณของคุณ

2. บริษัทขนย้ายหอราคาถูก
บริษัทขนย้ายหอราคาถูก เป็นบริษัทที่มีเครือข่ายและสาขาทั่วประเทศ พวกเขาให้บริการขนย้ายหอในจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียงอื่นๆ ราคาบริการของบริษัทขนย้ายหอราคาถูก ยังคงคุณภาพสูงและมีความเชื่อถือได้

3. บริษัทขนย้ายหอย้ายบ้าน
บริษัทขนย้ายหอราคาถูก รถกระบะรับจ้างจังหวัดเชียงราย เป็นบริษัทที่มีการให้บริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง พวกเขามีพนักงานที่เชี่ยวชาญและคุณภาพของบริการที่ยอดเยี่ยม ราคาบริการของบริษัทขนย้ายหอราคาถูก มีความเหมาะสมและคุ้มค่า

สรุปรถรับจ้างขนของเชียงราย
การเลือกบริษัทขนย้ายหอราคาถูกที่มีคุณภาพและราคาที่เหมาะสมในจังหวัดเชียงรายเป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรให้ความสำคัญ ควรทำการวางแผนการขนย้ายหออย่างถูกต้อง ค้นหาบริษัทขนย้ายหอที่เหมาะสม และเปรียบเทียบค่าบริการของแต่ละบริษัท อย่างไรก็ตาม อย่าลืมตรวจสอบความปลอดภัยและคุณภาพของบริษัทก่อนที่จะตัดสินใจใช้บริการ หลังจากที่คุณเลือกบริษัทที่เหมาะสมแล้ว คุณสามารถเริ่มขั้นตอนการขนย้ายหอราคาถูกในจังหวัดเชียงรายได้เลย



รถกระบะรับจ้างจังหวัดเชียงราย ขนย้ายบ้าน ย้ายหอ ราคาถูก ใกล้ฉัน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.rodrubjang-pickup.com/

15
ฝุ่นที่เกาะในบ้านมาจากไหนบ้าง?
         
ก่อนที่จะบอกเทคนิคการกำจัดฝุ่น เราต้องรู้สาเหตุของการเกิดฝุ่นว่ามาจากที่ใดได้บ้าง


ฝุ่นที่ลอยมาตามอากาศ
         
แน่นอนว่าพอหมดช่วงหน้าฝนเข้าสู่หน้าหนาว และยาวมาจนถึงหน้าร้อน ปัญหาสิ่งแวดล้อมหนัก ๆ ของบ้านเราในช่วงนี้ก็คือ ฝุ่น PM2.5 หรือฝุ่นขนาดเล็กที่ลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพเราเมื่ออยู่ข้างนอกแล้ว ยังสามารถเข้ามาในบ้านได้ ทั้งตอนที่เราเปิดประตูหน้าต่าง หรือแม้แต่ตอนปิดอยู่ก็อาจเล็ดลอดมาทางช่องระบายอากาศอื่น ๆ ได้เช่นกัน


ฝุ่นที่เกิดจากเส้นใยเสื้อผ้าต่าง ๆ
         
เสื้อผ้าที่เราสวมใส่ หรือไม่ว่าจะเป็นผ้าปูที่นอน ม่าน หมอน สำลี ผ้าต่าง ๆ ก็สามารถทำให้เกิดเส้นใยที่ฟุ้งกระจายเป็นฝุ่นได้


ฝุ่นที่เกิดจากร่างกายมนุษย์
         
ฟังดูอาจจะน่ากลัว แต่จริง ๆ แล้วร่างกายคนเราก็สามารถสร้างฝุ่นขึ้นมาได้นะครับ ไม่ว่าจะเป็นจากเศษเซลล์ผิวหนัง เศษหนังศีรษะ รังแค เศษเล็บ ต่าง ๆ เมื่อร่วงและสะสมกันเยอะ ๆ ก็ทำให้เกิดความสกปรกได้


ฝุ่นที่เกิดจากแมลงและสัตว์เลี้ยง
         
นอกจากฝุ่นจากร่างกายมนุษย์แล้ว เรียกได้ว่าสัตว์เลี้ยงเป็นตัวผลิตฝุ่นได้เป็นอย่างดีเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นจากขนน้องหมา แมว นก แล้วยังมีฝุ่นที่เกิดจากเศษอาหารที่น้องๆ ทานได้ด้วย นอกจากนั้นอาจจะมีสิ่งขับถ่ายของแมลง โดยเฉพาะแมลงสาบและจิ้งจกก็กลายเป็นฝุ่นและเชื้อโรคได้
 

เทคนิคการลดฝุ่น
          1. จัดวางสิ่งของต่าง ๆ เข้าตู้ที่ปิดมิดชิด หรือ จัดวางให้เป็นระเบียบ เพื่อการทำความสะอาดที่ง่ายและลดพื้นที่ที่ฝุ่นจะเกาะ
          2. หากเลือกได้ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ใช่ผ้า เช่น โซฟาหนัง เก้าอี้ไม้ เป็นต้น
          3. สัตว์เลี้ยงควรแยกโซนให้ชัดเจนกับคน เพื่อการทำความสะอาดที่ง่าย
          4. ใช้เครื่องฟอกอากาศ ซึ่งสามารถช่วยลดฝุ่นขนาดเล็กที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพเราได้
          5. ก่อนออกนอกบ้าน อย่าลืมตรวจสอบหน้าต่างและช่องระบายอากาศต่าง ๆ ให้ปิดสนิทอยู่เสมอ
          6. ปลูกต้นไม้รอบ ๆ บ้าน เพื่อเป็นแนวป้องกันฝุ่นในอากาศ นอกจากจะช่วยลดฝุ่นแล้วยังช่วยสร้างบรรยากาศร่มรื่นให้บ้านอีกด้วย
 

เทคนิคการกำจัดฝุ่น
          1. เมื่อทำความสะอาด ควรเริ่มจากที่สูงก่อน ลดการใช้แปรงปัดฝุ่น เพื่อไม่ให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย ให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดตามซอกและมุม
          2. ใช้น้ำยาดันฝุ่นหรือผลิตภัณฑ์กำจัดฝุ่นผสมน้ำแล้วทำความสะอาด หากไม่มีอาจใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มผสมน้ำแล้วใช้เช็ดตามตู้และซอกมุมต่าง ๆ ได้
          3. ใช้เครื่องดูดฝุ่นแทนการใช้ไม้กวาด นอกจากจะกำจัดฝุ่นได้ดีกว่าและไม่ยุ่งยากแล้ว ยังป้องกันฝุ่นที่ฟุ้งกระจายอีกด้วย
          4. สำหรับเศษผมหรือเศษเล็ก ๆ ต่าง ๆ สามารถใช้ลูกกลิ้งเทปกาวช่วยในการเก็บ เพื่อให้ง่ายยิ่งขึ้นได้



บริการทำความสะอาด: เทคนิคลดฝุ่นในบ้าน ลดฝุ่นในบ้าน ให้ห่างไกลฝุ่น อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/soft-services/

16
สายตาสั้น เป็นความผิดปกติของสายตา ที่มีอาการมองใกล้ชัด แต่มองไกลไม่ชัด เป็นภาวะที่พบได้บ่อย (พบได้ประมาณร้อยละ 25 ของเด็กในวัยเรียน) อาจเป็นเพียงตาข้างเดียว หรือ 2 ข้างก็ได้ และสายตาทั้ง 2 ข้างอาจจะสั้นไม่เท่ากันก็ได้

โรคนี้มักพบเป็นกันหลายคนในหมู่ญาติพี่น้องในครอบครัวเดียวกัน

สายตาสั้น แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ สายตาสั้นชนิดไม่รุนแรง (ซึ่งพบเห็นเป็นส่วนใหญ่ มีภาวะสายตาสั้นไม่รุนแรง และไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง) และสายตาสั้นชนิดรุนแรง (ซึ่งพบได้น้อย สายตาสั้นค่อนข้างมากถึงรุนแรง และมักมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง)


สาเหตุ

สายตาสั้น มีสาเหตุจากกระจกตามีความโค้งมากกว่าปกติ ซึ่งมีกำลังในการหักเหแสงมากขึ้น ทำให้จุดรวมแสงของภาพของวัตถุที่อยู่ไกลตกอยู่ข้างหน้าจอตา ไม่ตกตรงจอตาพอดี จึงมีอาการมองไกล ๆ ไม่ชัด

  สายตาสั้นยังอาจเกิดจากกระบอกตามีความยาว (ระยะจากกระจกตาถึงจอตา) มากกว่าปกติ ทำให้จุดรวมแสงของภาพของวัตถุที่อยู่ไกลตกไม่ถึงจอตา ทำให้เกิดอาการมองไกลไม่ชัด มักทำให้มีสายตาสั้นที่ค่อนข้างมากถึงรุนแรง

เชื่อว่าความผิดปกติดังกล่าวเป็นสิ่งที่เป็นมาแต่กำเนิดโดยธรรมชาติของคนคนนั้น อาจมีความสัมพันธ์กับกรรมพันธุ์และเชื้อชาติ

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดอาการสายตาสั้น ได้แก่ การใช้เวลามากในการเพ่งมองวัตถุที่อยู่ใกล้ (เช่น การอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ ดูจอคอมพิวเตอร์) หรือการเล่นสมาร์ตโฟนเป็นเวลานาน ๆ เป็นประจำ การใช้เวลาในที่กลางแจ้งน้อย


อาการ

สายตาสั้น จะมีอาการมองไกล ๆ (เช่น มองกระดานดำ ดูโทรทัศน์) ไม่ชัด ต้องคอยหยีตา แต่มองใกล้ (เช่น อ่านหนังสือ ดูจอคอมพิวเตอร์) ได้ชัดเจน

  ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดศีรษะหรือตาล้าจากการเพ่งมองวัตถุที่อยู่ไกล

เด็กที่มีสายตาสั้น อาจมีอาการกะพริบตาบ่อย ใช้นิ้วขยี้ตาบ่อย นั่งดูทีวีใกล้จอ และถ้าสายตาสั้นมาก ๆ อาจมีอาการตาเขร่วมด้วย

สำหรับสายตาสั้นชนิดไม่รุนแรง จะเริ่มมีอาการแสดงในระยะที่เริ่มเข้าโรงเรียน และจะค่อย ๆ เป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งอายุ 25 ปีจึงอยู่ตัวไม่สั้นมากขึ้น สายตาสั้นชนิดนี้จะไม่สั้นมาก และไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง

  ในรายที่เป็นสายตาสั้นชนิดรุนแรง ซึ่งมักเกิดจากมีกระบอกตายาวกว่าปกติมากและอาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง อาจพบว่าในระยะแรกจะมีอาการสายตาสั้นคล้ายชนิดไม่รุนแรง แต่จะมีสายตาสั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุที่มากขึ้น แม้เลยวัย 25 ปีไปแล้ว หรืออาจพบมีอาการสายตาสั้นขนาดมาก ๆ มาตั้งแต่อายุน้อย (ในวัยรุ่น) จะสังเกตเห็นเมื่อเด็กเริ่มหัดเดิน มักจะเดินชนถูกสิ่งกีดขวาง หกล้มบ่อย ๆ หรือเวลามองดูอะไรต้องเข้าไปใกล้ ๆ จนตาแทบชิดกับวัตถุที่มอง ต้องสวมแว่นหนา ๆ อาจต้องเปลี่ยนแว่นแรงขึ้นเรื่อย ๆ

  สายตาสั้นชนิดรุนแรงที่พบตั้งแต่วัยเด็กดังกล่าว เรียกว่า "สายตาสั้นชนิดร้าย (malignant myopia)" เป็นภาวะที่พบได้น้อย มีความผิดปกติที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม


ภาวะแทรกซ้อน

ความบกพร่องในการมองเห็น ทำให้เกิดความบกพร่องในการเรียนและการทำงาน และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย (เช่น ขณะขับรถ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร)

เด็กเล็กที่มีสายตาสั้นมาก ๆ อาจเกิดอาการตาเขได้

สำหรับสายตาสั้นชนิดรุนแรง อาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ต้อกระจก ต้อหิน จอประสาทตาฉีกขาดหรือหลุดลอก เลือดออกที่จอตา เป็นต้น ทำให้ตาบอดได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยด้วยการใช้เครื่องตรวจวัดสายตาและการตรวจสุขภาพตาซึ่งมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน และอาจวัดสายตาด้วยการทดลองให้มองผ่านเลนส์หลาย ๆ ขนาดเพื่อหาขนาดที่ให้ความคมชัดที่สุด

บางครั้งแพทย์อาจให้ยาหยอดตาขยายรูม่านตา เพื่อเปิดมุมกว้างสำหรับการตรวจภายในลูกตาได้ละเอียด อาจทำให้เห็นแสงจ้า หรือรู้สึกตาพร่ามัวอยู่สักพักใหญ่ และจะหายดีหลังจากยาหมดฤทธิ์


การรักษาโดยแพทย์

ถ้ามีอาการเล็กน้อย และไม่มีอุปสรรคต่อการเรียนหรือการทำงาน แพทย์อาจแนะนำให้เฝ้าสังเกตอาการและนัดมาตรวจวัดสายตาเป็นระยะ

สำหรับผู้ที่มีสายตาสั้นซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเรียนหรือการทำงาน แพทย์จะทำการแก้ไขด้วยการให้ผู้ป่วยใส่แว่นชนิดเลนส์เว้า หรือเลนส์สัมผัสหรือคอนแทคเลนส์* ตามขนาดสายตาที่ตรวจวัดได้

ในผู้ที่เป็นสายตาสั้นชนิดรุนแรง แพทย์จะนัดมาตรวจวัดสายตา ปรับเปลี่ยนแว่น และตรวจดูภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดตามมาเป็นระยะ

  แพทย์อาจให้การรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมกับการใช้เลเซอร์ เพื่อปรับความโค้งของกระจกตาให้จุดรวมแสงตกบนจอตาพอดี สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 20 ปี มีสายตาที่คงที่แล้ว และไม่มีภาวะที่เป็นข้อห้ามในการทำการผ่าตัด การรักษาด้วยการผ่าตัดแบบนี้มีอยู่หลายวิธี

  ที่นิยมได้แก่ วิธีที่เรียกว่า เลสิก (LASIK ซึ่งย่อมาจาก laser assisted in situ keratomileusis) โดยแพทย์จะใช้มีดเฉพาะ (microkeratome) ฝานกระจกตาโดยรอบ และใช้เลเซอร์ (excimer laser) ยิงให้กระจกตาส่วนที่อยู่ตรงกลางแบนลงให้ได้ขนาดที่เหมาะกับระดับของสายตาสั้น

นอกจากนี้ แพทย์อาจรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ** รวมทั้งการผ่าตัดฝังเลนส์เทียม (intraocular lens implant/IOL) โดยแพทย์จะผ่ากระจกตาเป็นรอยเล็ก ๆ แล้วฝังเลนส์ตาเทียมเข้าไปในตาของผู้ป่วย ซึ่งช่วยให้จุดรวมแสงของภาพของวัตถุที่อยู่ไกลตกตรงจอตา ทำให้มองเห็นได้ชัดขึ้น

ผลการรักษา ส่วนใหญ่ช่วยให้มีสายตาเป็นปกติ สำหรับสายตาสั้นชนิดรุนแรงซึ่งพบได้เป็นส่วนน้อยอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้

*ผู้ที่มีสายตาผิดปกติ บางคนอาจนิยมใส่เลนส์สัมผัสหรือคอนแท็กต์เลนส์ (contact lenses) ซึ่งมีให้เลือกอยู่หลายชนิด การใช้เลนส์สัมผัสมีข้อควรระวังในการใช้และการดูแลเป็นพิเศษมากกว่าการใส่แว่น หากใช้ไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ตาและแผลกระจกตา (corneal ulcer) ได้ ก่อนใช้ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น รู้สึกเคืองตา น้ำตาไหลมากกว่าปกติ ตาแดง ตามัว เป็นต้น ควรถอดเลนส์สัมผัสออก และไปปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

**ในปัจจุบัน นอกจากเลสิก (LASIK) แล้ว ยังมีวิธีใหม่ ๆ ในการรักษาสายตาสั้นอีกหลายวิธี เช่น Laser-assisted subepithelial keratectomy (LASEK), Photorefractive keratectomy (PRK), Small incision lenticule extraction (SMILE) เป็นต้น ซึ่งมีข้อดี ข้อเสีย ข้อห้ามและข้อควรระวังต่าง ๆ กันไป ควรปรึกษาจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ได้ความชัดเจนว่าวิธีไหนที่เหมาะกับสภาพของผู้ป่วยแต่ละราย


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการมองไกลไม่ชัด เด็กมีอาการกะพริบตาหรือขยี้ตาบ่อย ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นสายตาสั้น ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการสายตาสั้นมากขึ้น หรือใส่แว่นสายตาแล้วยังมองเห็นไม่ชัด
    มีอาการตาล้า หรือปวดศีรษะบ่อย
    สงสัยมีภาวะแทรกซ้อนหรือความผิดปกติอื่น ๆ เช่น ปวดศีรษะมาก ปวดตามาก ตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อน เห็นแสงวาบคล้ายฟ้าแลบหรือแสงแฟลช หรือเห็นจุดดำคล้ายเงาหยากไย่หรือแมลงลอยไปมา เป็นต้น


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากเกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างตาที่เป็นมาแต่กำเนิด

อาจลดความเสี่ยงของการเกิดอาการสายตาสั้นลงด้วยการปฏิบัติตัวดังนี้

1. การส่งเสริมให้เด็กวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาวช่วงต้นใช้เวลาอยู่ในที่กลางแจ้งให้มากขึ้น โดยสันนิษฐานว่า แสงอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด มีส่วนช่วยยับยั้งไม่ให้กระบอกตามีความยาวมากกว่าปกติ จึงช่วยลดการเกิดสายตาสั้นได้*

2. ดูแลสุขภาพตา เพื่อป้องกันไม่ให้สายตาแย่ลง โดยการปฏิบัติตัวดังนี้

    หมั่นออกกำลังกาย ไม่สูบบุหรี่ และบริโภคอาหารสุขภาพ โดยลดของมัน ของหวาน ของเค็ม และกินผัก ผลไม้และปลาให้มาก ๆ
    ลดการสัมผัสรังสีอัลตราไวโอเลต โดยการสวมแว่นตากันแดดเวลาออกกลางแดดจ้า
    ใส่แว่นสายตาที่เหมาะกับระดับสายตา
    ใส่อุปกรณ์ป้องกันตาเวลาทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บของตา (เช่น เล่นกีฬา ตัดหญ้า ทาสี หรือการสัมผัสสารเคมี)
    ควบคุมโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง (ถ้าเป็นโรคเหล่านี้)
    ป้องกันอาการตาล้า โดยการพักตาเวลาใช้สายตามาก (เช่น อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ ดูจอคอมพิวเตอร์) ทุก ๆ 20 นาที ให้มองวัตถุที่อยู่ห่างระยะ 20 ฟุต นาน 20 วินาที
    ทำกิจกรรมที่ต้องใช้สายตา (เช่น อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ) ในที่ที่มีแสงสว่างที่มากพอ
    หมั่นตรวจเช็กสุขภาพตา (ตามที่แพทย์แนะนำ)


*https://www.news-medical.net/health/Myopia-Prevention.aspx  และ
 https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/nearsightedness/diagnosis-treatment/drc-20375561

ข้อแนะนำ

1. ผู้ที่มีสายตาสั้นชนิดไม่รุนแรง อาจไม่ทราบว่าตัวเองมีสายตาผิดปกติเนื่องจากไม่มีอาการที่เด่นชัด ดังนั้น แนะนำว่าคนทั่วไปทั้งเด็กและผู้ใหญ่ควรตรวจวัดสายตาเป็นระยะ ตามโรงเรียนต่าง ๆ ควรมีแผ่นวัดสายตา (ที่นิยมใช้กันคือ Snellen chart) ไว้ตรวจวัดสายตานักเรียนทุกคน ถ้าพบว่าผิดปกติ จะได้ส่งเด็กไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาล

  2. ผู้ที่เป็นสายตาสั้น จะใส่แว่นประจำหรือไม่ก็ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสายตา ความเชื่อที่ว่าใส่แว่นประจำหรือเปลี่ยนแว่นบ่อย ๆ ทำให้ตาสั้นมากขึ้นจึงไม่เป็นความจริง ถ้าสายตาจะสั้นมากขึ้นก็เพราะธรรมชาติของคนคนนั้น โดยทั่วไปเมื่ออายุประมาณ 25 ปี สายตามักจะอยู่ตัว ไม่ต้องเปลี่ยนแว่นบ่อย



ตรวจสุขภาพ: สายตาสั้น (Myopia/Nearsightedness) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/symptom-checker

17
เอคิว เอลิคซ์ เรซิเดนซ์ ศูนย์วิจัย (AQ Alix Residence Soonvijai)
ราคา : เริ่มต้น 3,200,000 บาท (ณ. วันเปิดตัว)

จุดเด่น
คอนโด Low-Rise เพชรบุรีตัดใหม่ 47 ใกล้ Airport Link รามคำแหง และ MRT สถานีเพชรบุรี เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

รายละเอียดโครงการคอนโดมิเนียม-โปรโมชั่น
ชื่อโครงการ : เอคิว เอลิคซ์ เรซิเดนซ์ ศูนย์วิจัย (AQ Alix Residence Soonvijai)
ดูคอนโดราคาใกล้เคียง  ดู เอคิว เอสเตท ทุกโครงการ  ดู เอคิว เอสเตท ใกล้รถไฟฟ้า
เจ้าของโครงการ : เอคิว เอสเตท
ราคา : เริ่มต้น 3,200,000 บาท (ณ. วันเปิดตัว)
ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม. : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

ลักษณะทำเล : คอนโดในเมือง
ความสูงคอนโด : Low Rise (ไม่เกิน 8 ชั้น)
ลักษณะกรรมสิทธิ์ : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
ประเภทห้องที่มี : 1 ห้องนอน
ขนาดห้องที่มี : ตั้งแต่ 27.75 ถึง 37.60 ตร.ม.
เนื้อที่ทั้งหมด : 2 งาน 72.00 ตร.ว.
จำนวนตึก : 1 อาคาร
จำนวนชั้น : 7 ชั้น
จำนวนห้อง : 66 ยูนิต
ที่จอดรถทั้งหมด : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
ค่าบำรุงส่วนกลาง : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
สาธารณูปโภค : รปภ., กล้องวงจรปิดโครงการ, ประตู Key Card
โซน : รัชดา, ห้วยขวาง, พระราม 9, เพชรบุรี
ที่ตั้งคอนโดมิเนียม : ซ.เพชรบุรีตัดใหม่ 47 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ

ขนส่งสาธารณะ : รถไฟฟ้า ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน บางซื่อ - หัวลำโพง (สถานีเพชรบุรี), ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน บางซื่อ - หัวลำโพง (สถานีเพชรบุรี)รถไฟฟ้าAirport Rail Link (สถานีปัจจุบัน) (สถานีรามคำแหง)
สถานที่สำคัญใกล้เคียง :
รพ.กรุงเทพ
ท็อปส์ มาร์เก็ต อาร์ซีเอ
โชว์ ดีซี
รพ.เพชรเวช
ฟอร์จูนทาวน์
เซ็นทรัล พระราม 9
มศว ประสานมิตร
 
ปีที่สร้างเสร็จ : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

คอนโดติดรถไฟฟ้า เอคิว เอลิคซ์ เรซิเดนซ์ ศูนย์วิจัย (AQ Alix Residence Soonvijai) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/condo/publictransport/

18
การเข้ารับการจัดฟัน เป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ซึ่งผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างฟัน และลักษณะของฟันที่มีการขึ้นแบบผิดปกติจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ยากขึ้น เช่นเดียวกันกับเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันก็จะทำให้รู้สึกไม่มั่นใจและรับประทานอาหารได้ไม่เต็มที่ ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมในวัยเด็กที่ส่งผลทำให้การขึ้นของฟันแท้มีความผิดปกติบวกกับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร


เนื่องจากเด็กมักชอบรับประทานอาหารที่มีรสหวานหรือเครื่องดื่มที่มี ส่วนผสมของน้ำตาลเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดฟันผุได้ง่าย ดังนั้น การทำความสะอาดช่องปากและฟันของเด็ก ถือเป็นเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรช่วยกันดูแลให้บุตรหลานของท่านรู้จักวิธีการทำความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกวิธีตั้งแต่อายุยังน้อยหรือตั้งแต่ยังมีฟันน้ำนม ซึ่งฟันน้ำนมนั้น เป็นส่วนสำคัญในกระบวนการขึ้นของฟันแท้ เพราะฉะนั้น การดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของลูกน้อยของท่าน ควรได้รับการดูแลตั้งแต่ช่วงฟันน้ำนมเพราะถ้าหากเด็กได้รับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันก็จะทำให้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ป้องกันการเกิดฟันผุและโรคเหงือกอักเสบที่อาจจะตามมาได้ในอนาคต  ในปัจจุบัน

 
พ่อแม่ผู้ปกครองเริ่มหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพฟันของเด็กประกอบกับได้มีการจัดฟันในเด็กซึ่งถือเป็นนวัตกรรมในวงการทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมากเช่นเดียวกัน เพราะสามารถแก้ไขปัญหาฟันของเด็กได้ตั้งแต่อายุ 12 -15 ปี และยังมีการจัดฟันในเด็กที่เรียกว่าการจัดฟัน EF LINE ซึ่งการจัดฟันในรูปแบบนี้สามารถรักษาปัญหาฟันในเด็กได้ตั้งแต่อายุ 4-15 ปีเลยทีเดียว ซึ่งต้องบอกว่าวงการทันตกรรมของเราในปัจจุบันถือว่า ก้าวหน้าไปมากทำให้ปัญหาต่างๆเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดมีความสนใจที่จะให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก แต่ก็มีข้อกังวลนั่นก็คือในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการจัดฟันในเด็ก หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าการจัดฟันในเด็กนั้นจะต้อง มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงค่าใช้จ่ายในเรื่องของการจัดฟันในเด็กเพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้เลือกแนวทางที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุดและได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพด้วย


สำหรับเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดฟันในเด็ก คือสิ่งแรกที่พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคน อยากจะทราบซึ่งในประเทศไทยของเราถ้าจัดฟันในเด็กจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 50,000 บาท แต่ราคาก็จะขึ้นอยู่กับคลินิกทันตกรรมด้วย ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีความแตกต่างกันรวมไปถึงจะขึ้นอยู่กับปัญหาของฟันของเด็กด้วย แต่ในข้อนี้ก็ไม่ต้องกังวลเพราะค่าจัดฟันในเด็กจะเป็นการทยอยจ่ายเช่นเดียวกับการจัดฟันในผู้ใหญ่ แต่การจัดฟันในเด็กก็อาจจะมีรายละเอียดของเครื่องมือบางชนิดที่มีความแตกต่างจากการจัดฟันในผู้ใหญ่ ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากปัญหาในช่องปากและฟันของเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ยิ่งถ้าเด็กบางคนมีปัญหาของขากรรไกรร่วมด้วย การรักษาก็จะยุ่งยากซับซ้อนมากยิ่งขึ้นอาจจะต้องใช้เครื่องมือแบบพิเศษซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าปกตินั่นเอง ซึ่งค่าใช้จ่ายในการจัดฟัน เราสามารถปรึกษากับทางคลินิกได้

 
สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดที่อยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกของเรา ทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมของเด็กมาอย่างยาวนาน ทั้งยัง มีเจ้าหน้าที่ที่คอยให้คำปรึกษาและแนะนำในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการจัดฟัน ซึ่งต้องบอกว่า พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ต้องกังวล เพราะท่านสามารถวางแผนในเรื่องของค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับตัวเองได้ เพราะเราอยากให้เด็กทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง มีรอยยิ้มที่สดใส และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


คำถามยอดนิยม การจัดฟันเด็ก แพงหรือไม่ ? อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/

หน้า: [1] 2 3 ... 22