แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - libraryca

หน้า: [1] 2 3 ... 8
1
จำหน่าย บัวล่าง / บัวบน / บัวเชิงผนัง / บัวเชิงผนัง PVC 



จำหน่าย บัวล่าง / บัวบน / บัวเชิงผนัง / บัวเชิงผนังPVC / บัวPVC / ตัวจบ
เซี้ยม / บัวพื้นรามิเนส / คิ้วบัว / บัวPS / จมูกบันได / สามเหลี่ยมลบมุม

Call : 081-6428556 , 081-6428557
Website : http://www.cct-group.in.th

Email : [email protected]
ติดต่อ : cctgroup
เบอร์โทรศัพท์ : 0816428557
มือถือ : 0816428557
E-mail : [email protected]



2
จำหน่าย บัวล่าง / บัวบน / บัวเชิงผนัง / บัวเชิงผนัง PVC 



จำหน่าย บัวล่าง / บัวบน / บัวเชิงผนัง / บัวเชิงผนังPVC / บัวPVC / ตัวจบ
เซี้ยม / บัวพื้นรามิเนส / คิ้วบัว / บัวPS / จมูกบันได / สามเหลี่ยมลบมุม

Call : 081-6428556 , 081-6428557
Website : http://www.cct-group.in.th

Email : [email protected]
ติดต่อ : cctgroup
เบอร์โทรศัพท์ : 0816428557
มือถือ : 0816428557
E-mail : [email protected]



3
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กระทู้

4
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กระทู้

5
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กระทู้

6
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กระทู้

7
หญ้าเทียมคืออะไร,ผลิตจากอะไร,มีประโยชน์อย่างไรและการดูแลรักษาหญ้าเทียมทำได้อย่างไรหญ้าเทียมคืออะไร

[img width=548,height=365]http://www.cctgroup.co.th/wp-content/uploads/2016/07/artificial-truf-variety.jpg[/img]
หญ้าเทียม หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า artificial turf เป็นพื้นผิวที่ทำมาจากเส้นใยสังเคราะห์ โดยทำให้ดูเหมือนหญ้าธรรมชาติ มักใช้กับสนามกีฬาที่เป็นกีฬาที่เล่นบนสนามหญ้าจริง,สนามหญ้าตามที่พักอาศัยและยังสามารถนำไปตกแต่งภายในบ้านได้อีกด้วยเช่นกัน หญ้าเทียมกลายมาเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่สำคัญเพราะว่าหญ้าเทียมอาจจะเป็นสิ่งที่มาแทนที่หญ้าจริงได้อย่างเต็มรูปแบบด้วยความที่หญ้าเทียมใช้งานง่าย อดทน ไม่จุกจิก หากคุณอยากทำสนามหญ้าในบ้าน แต่คุณคาดว่าอนาคตคุณอาจจะไม่มีเวลามาดูแลหญ้าจริงๆของคุณหน้าบ้าน หรือ อาจจะไม่อยากจ้างช่างตัดหญ้าดูแลหญ้าของคุณ คุณก็อาจจะเปลี่ยนมาเป็นการติดตั้งหญ้าเทียมก็ได้
     ประโยชน์ของหญ้าเทียม หญ้าเทียมคือนวัตกรรมใหม่ที่จะมาช่วยตอบสนองความต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในบริเวณที่ต้องการและทำให้ใกล้ชิดธรรมชาติได้มากขึ้น โดยสามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งด้านกีฬา จัดสวน สนามเด็กเล่น โดยที่ไม่ต้องดูแลรักษามาก ทำให้สนามดูเขียวสวยตลอดเวลา อีกทั้งอายุการใช้งานนาน 6-8 ปี โดยไม่ต้องการบำรุงรักษามากนัก

[img width=501,height=323]http://www.cctgroup.co.th/wp-content/uploads/2016/07/turf_crosssection-shaw_sport.jpg[/img]
     หญ้าเทียมผลิตมาจากอะไร หญ้าเทียมผลิตจากพลาสติกประเภท โพลีเอทิลีน หรือโพลีโพรไพลีนซึ่งมีความปลอดภัยสูงผสมสาร UV Stabilizer ทนแสงแดด และการใช้งานภายนอกได้ดี Polyethylene (PE) นำมาทอยึดติดกับ แผ่นรอง (Backing) ซึ่งจะทำให้หญ้าติดกับแผ่นรองอย่างแน่นสนิทและมีรูระบายน้ำอยู่ด้านหลังโดยความสูงของใบหญ้าและลักษณะเฉพาะตัวโดยทั่วไป จะขึ้นอยู่กับความต้องการใช้ในงานนั้นๆ หญ้าเทียมต้องการการดูแล แต่น้อยกว่าการดูแลรักษาหญ้าจริง ซึ่งการดูแลรักษาโดยทั่วไปสำหรับสนามกีฬา คือการแปรงหญ้า เติม infill (ถ้ามี) และทำความสะอาดเล็กน้อยในแต่ละอาทิตย์ขึ้นอยู่กับการใช้งานของหญ้าเทียมนั้นๆ หญ้าเทียมมีสารป้องกันสีซีดจางจากแสงยูวี (UV resistant) และในการรับประกันจะมีการรับประกันในส่วนของความซีดจางของสีตามจำนวนปีในการใช้งาน ซึ่งการผลิตด้วยพลาสติกประเภท PE ก็จะมีหลายเกรดด้วยเช่นกันขึ้นอยู่กับว่าความต้องการของท่านเป็นแบบไหน ส่วนประกอบของหญ้าเทียมมี 3 ส่วนใหญ่ๆก็คือ ใบหญ้าเทียม ผ้ายึดหญ้าเทียม และยางเคลือบหญ้าเทียม
ส่วนที่ 1 ใบหญ้าเทียม ผลิตมาจากพลาสติกประเภท PE อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น พลาสติกมีหลายเกรดอยู่ที่ความต่างการว่าต้องการแบบไหน
ส่วนที่ 2 คือ ผ้ายึดหญ้าเทียม โดยทั่วไปจะไม่แแตกต่างกัน คือทำจากพลาสติก
ส่วนที่ 3 ก็สำคัญคือการเคลือบยางที่ด้านหลัง (Backing) ถ้าหนาจะดีมาก

การดูแลรักษาและการทำความสะอาดหญ้าเทียม หญ้าเทียมนั้นดูแลไม่ยากครับ อายุการใช้นานก็นานพอสมควรอย่างที่ผมได้อธิบายไปแล้วในเบื้องต้น หญ้าเทียมนั้นค่อนข้างจะมีความคงทนสูงมาก เพียงแค่ต้องคำนึงถึงวิธีการติดตั้ง และสถานที่ติดตั้งเป็นหลัก เพื่อที่จะได้เลือกวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับเรา
1.การดูแลหญ้าเทียม
1.1 ถ้าเปื้อนเศษดิน โคลน คราบมันต่างๆ ใช้แปลงซักผ้าขัดออกเบาๆและใช้น้ำเปล่าฉีดได้เลยครับ
1.2 ถ้าโดนน้ำมันต่างๆที่มีคุณสมบัติการกัดกร่อน รีบแช่น้ำเปล่า ประมาณครึ่งชั่วโมงครับ หลังจากนั้นใช้แปลงซักผ้าถูเบาๆ ล้างน้ำอีกรอบให้สะอาด ตากให้แห้ง ก่อนนำไปติดตั้งที่เดิมครับ
1.3 ถ้าหญ้าหลุดออกจากกัน สามารถใช้กาวร้อนติดได้ครับ
1.4 กรณีเป็นหญ้าปูพื้นที่เดินเหยียบได้ จะมีความคงทนสูงมากอยู่แล้ว สามารถใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดสิ่งสกปรกออกได้เลย โดยไม่ต้องระวังว่าหญ้าจะหลุดติดออกมา เพราะเทคโนโยลีการผลิตในปัจจุบัน ทำให้ต้นหญ้ายึดติดกับตัวพรมอยู่อย่างแน่นหนา แต่ถ้าหากไม่อยากใช้เครื่องดูดฝุ่น ก็สามารถใช้ไม้กวาดทางมะพร้าว กวาดแบบสนามหญ้าจริงได้เลย เพราะจะทำให้เศษใบไม้ หรือฝุ่นหลุดออกได้เช่นกัน
หมายเหตุ การซักล้างทำความสะอาด ไม่ควรใช้ผงซักฟอก หรือน้ำยาที่มีฤทธิ์การกัดกร่อนมาซักล้างครับ เพราะจะทำให้สีของหญ้าเทียมซีด ครับ
2.อายุการใช้งาน อายุการใช้งานขึ้นอยู่กับ ใช้งานกลางแจ้ง หรือในที่ร่มครับ และก็เกรดของหญ้าเทียมครับ ดูตัวอย่างเช่น สนามฟุตบอลหญ้าเทียมครับผม ตากแดด โดนเหยียบวันละหลายรอบ อยู่ได้สามสี่ปี กว่าจะเปลี่ยนครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เกรด ของหญ้าเทียมและลักษณะการใช้งานภายนอกหรือภายในตัวอาคาร เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องคำนึงครับ

ข้อดีและข้อเสียของหญ้าเทียมเมื่อเปรียบเทียบกับหญ้าจริงแล้ว ค่อนข้างจะมีหลายข้ออยู่เหมือนกัน
ข้อดีของหญ้าเทียม เนื่องจากหญ้าเทียมถูกผลิตมาเพื่อทดแทนหญ้าจริงและมีความทนทานกว่าหญ้าจริง การดูแลรักษาก็ไม่ยุ่งยาก
– มีความทนทานกว่าหญ้าจริง
– อายุการใช้งานอยู่ได้ 6-8 ปี โดยที่ไม่ต้องดูแลรักษาอะไรมากนัก
– สามารถติดตั้งได้ภายในที่พักอาศัย
ข้อเสียของหญ้าเทียม เนื่องจากหญ้าเทียมเป็นพื้นผิวที่ทำมาจากเส้นใยสังเคราะห์ โดยทำให้ดูเหมือนกับหญ้าธรรมชาติ
– จึงทำให้หญ้าเทียมไม่อ่อนนุ่มเหมือนหญ้าธรรมชาติมากนัก
– หญ้าเทียมจะดูดและเก็บความร้อนและคลายร้อนช้าและเพราะคุณสมบัตินี้หญ้าเทียมทำให้มันร้อนเกินไปที่จะเล่นในสภาพอากาศที่ร้อน
– ผู้ใช้งานอาจเสี่ยงได้รับสารอินฟิลซึ่งเป็นสารพิษเคมีที่มีอยู่ในหญ้าเทียม
– ยางที่ใช้ปูเป็นพื้นของหญ้าเทียมนี้มีผลกระทบต่อผู้เป็นโรคหอบหืด
– จำเป็นต้องทำความสะอาดเป็นบางครั้งบางคราว
– ถ้าใช้หญ้าเทียมเป็นมาเวลานานผนพื้นดิน พื้นดินนั้นก็จะหมดแร่ธาตุที่จะปลูกหย้าจริงได้อีก
http://www.cctgroup.co.th

8
[เจาะลึก] “พื้นไม้ลามิเนต” คืออะไร,ผลิตมาจากอะไร,ขั้นตอนการติดตั้งและอื่นๆ



ผมเคยเขียนไปหลายๆบทความเกี่ยวกับพื้นไม้ลามิเนตทั้งเรื่อง ไม้ผลิตมาจากอะไร,ขั้นตอนการลามิเนตไม้,การดูแลรักษาไม้และขั้นตอนการติดตั้งพื้นไม้ลามิเนต แต่เนื่องจากผมห่างหายไปนานไม่ได้เขียนบทความเลยในช่วงหลังๆมานี้ วันนี้ผมเลยอยากจะเอาทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับพื้นไม้ลามิเนตแบบเจาะลึกกันไปเลย รวมถึงอาจจะสอดแทรกการใช้อุปกรณ์ตัวจบของพื้นไม้ลามิเนตเข้าไปด้วยว่าควรจะใช้แบบไหนให้ถูกและอุปกรณ์ตัวจบนั้นมีกี่ชนิดและหลักการใช้นั้นเป็นอย่างไร

พื้นไม้ลามิเนตไม่ได้เป็นไม้จริงๆ100%
เริ่มต้นเลยทำไมต้องเรียกว่า  “พื้นไม้ลามิเนต ” บางท่านอาจคิดว่าพื้นไม้ลามิเนตนั้นผลิตจากไม้แท้ๆเลยแต่จริงๆแล้ว “พื้นไม้ลามิเนตไม่ใช่ไม้จริง 100%“ นะครับ มันเป็นการทำให้เหมือนไม้จริงมากกว่าเพราะตัวไม้ลามิเนตนั้นจะถูกอัดด้วยผงไม้จนเกิดมาเป็นไม้ทั้งแผ่นเพื่อจะที่ลามิเนตอีกทีนึง หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นไม้สำเร็จรูปที่ผลิตขึ้นมาโดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ โดยยังคงมีพื้นฐานที่มีไม้เป็นส่วนประกอบ คือ แผ่นไม้ลามิเนต และใน 1 แผ่นไม้ลามิเนตนั้นประกอบไปด้วยชั้นต่างๆ 4 ชั้น ซึ่งชั้นตรงกลางที่มีความหนาที่สุดจะทำมาจากไม้ โดยนำไม้เนื้อแข็งมาย่อยให้เป็นผงละเอียด แล้วนำไปผสมกับสารอื่นๆ จากนั้นจึงทำให้ออกมาเป็น แผ่นโดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ โดยเราเรียกวิธีนี้ว่า HDF (High Density Fiber) ซึ่งดูจะได้ไม้ที่ดูคล้ายไม้ธรรมชาติแต่มีความแข็งแรงและยืดหดตัวน้อยกว่าไม้จริงหลายเท่า ส่วนชั้นที่ 2 จะเป็นส่วนของลายไม้ออกแบบโดยคอมพิวเตอร์ซึ่งใช้ปิดทับชั้นไม้ HDF โดยชั้นบนจะเป็นผิวหนังที่ป้องกันการขีดข่วนส่วนล่างจะเป็นแผ่นป้องกันความชื้น แล้วนำทั้ง 4 ชั้น มาเข้ากระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ออกมาเป็นแผ่นไม้ลามิเนต ด้วยการนำไปหลอมละลายให้เป็นเนี้อเดียวกันทำให้ไม้ลามิเนตไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เอาล่ะครับเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจกันมากที่สุด ผมจึงได้หารูปมาแล้วจะอธิบายเป็นขั้นๆให้ทุกคนเข้าใจมากขึ้นครับ ดูตามรูปภาพ


 
1.พื้นไม้ลามิเนตชั้นบน
เป็นชั้นที่แสดงถึงลายไม้ จึงต้องมีความทนทานสูง เพื่อไม่ให้เกิดริ้วรอยบนพื้นไม้ ลวดลายบนพื้นไม้ลามิเนตนั้นมาจากการใช้ภาพถ่ายลายไม้เสมือนจริง หรือออกแบบโดยคอมพิวเตอร์ และนำไปเคลือบทับด้วย เมลามีน ลามิเนต เพื่อให้ทนทานต่อการเกิดรอย นอกจากนี้ยังเคลือบด้วยเรซินที่ทนทาน Abrasion&Decorate Layer
2.พื้นไม้ลามิเนตชั้นกลาง
จะเป็นชั้นที่หนาที่สุดในพื้นไม้แบบลามิเนต และทำจากไม้ที่ย่อยเป็นผงแล้วมาอัดเข้าแผ่นด้วยความดันสูง หรือที่เรียกกันว่า HDF Boardผู้ผลิตบางรายอาจจะใส่สารป้องกันความชื้นลงในชั้นนี้ด้วย
3.พื้นไม้ลามิเนตชั้นล่าง
จะเป็นชั้นที่ป้องกันความชื้น โดยผู้ผลิตบางรายจะเคลือบด้วยเมลามีน เพื่อให้เกิดความแข็งแรง และป้องกันความชื้นได้ดียิ่งขึ้น
 

พื้นไม้ลามิเนตกลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก?
พื้นไม้ลามิเนตเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะความทนทาน สวยงามและติดตั้งง่าย อีกทั้งยังราคาถูกถ้าเทียบกับกระเบื้องยาง ปัจจุบันพี้นไม้ลามิเนตมีระบบล๊อกที่เชื่อมต่อระหว่างแผ่นไม้ ( Click Lock ) การเปลี่ยนจากการเชื่อมต่อด้วยการทากาวมาเป็นการเชื่อมโดยใช้กลไกเล็กๆน้อยๆโดยการเพิ่มตัวคลิกเข้าไปเพื่อให้มันติดกันง่ายขึ้นมากกว่าเดิมและยังทำให้การติดตั้งเป็นไปได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว พี้นไม้ลามิเนต ส่วนมากจะมาพร้อมกับ Option ไร้กาว และมันเหมาะกับทุกลวดลายและพื้นผิว สามารถปรับใช้พี้นไม้ลามิเนตเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายได้ เคาท์เตอร์ ทำครัวเป็นผลิตภัณฑ์แรกๆที่ใช้กับเคาท์เตอร์ทำครัวก็สามารถนำมาปูพื้นได้ ลามิเนตเหมาะกับบริเวณที่ต้องการความทนทาน และในที่สุดมันก็กลายเป็นวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมมากทั้งในอเมริกาและที่อื่นๆทั่วโลก
 

คุณสมบัติของพื้นไม้ลามิเนต

ถ้าพูดถึงเรื่องคุณสมบัติของพื้นไม้ลามิเนตนั้น ก็คือ ติดตั้งได้เร็ว น้ำหนักเบา และทนทาน หลายปีหลายๆคนที่ มีความเชื่อว่าไม้ลามิเนตไม่ดีนั้น ส่วนมากมีปัญหาหลังจากการติดตั้ง และช่างติดตั้งที่ไม่ชำนาญมากพอ ส่วนเรื่องของเสียง ที่เวลาเดินบนไม้ลามิเนตแล้วเกิดเสียงเหมือนไม้กรอบตัวนั้น สาเหตุส่วนใหญ่มาจากพื้นเดิมนั้นไม่ได้ระนาบ มีลักษณะเป็นคลื่น เมื่อติดตั้งไม้ลามิเนตไปแล้วเวลาเราเดินบน พื้นไม้ ทำให้ไม้ยุบตัวลงผ่านรอยคลื่นใต้ไม้ลามิเนตอีกชั้นหนึ่งจึงทำให้เกิดเสียงดังบางครั้ง ติดตั้งไม้ลามิเนตไปแล้ว ไม้เกิดการขยายตัวมากกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม้ลามิเนตมีปัญหา ถ้ายังไม่พอผมจะแยกคุณสมบัติของพื้นไม้ลามิเนตเป็นข้อๆดังนี้
1. พื้นไม้ลามิเนต ทนต่อรอยขีดข่วน หรือกระทั่งกรงเล็บของสัตว์เลี้ยงของท่าน
2. พื้นไม้ลามิเนต ทนต่อแรงตกหรือกดกระแทก
3. พื้นไม้ลามิเนต ทนความร้อนของก้นบุหรี่ และคราบของนิโคตินสามารถเช็ดออกได้โดยง่าย
4. พื้นไม้ลามิเนต ไม่เป็นคราบ สามารถเช็ดออกได้ง่าย
5. พื้นไม้ลามิเนต สีและลายไม่ซีดจาง แม้จากการตากแดดโดยตรงก็ตาม
6. พื้นไม้ลามิเนต ดูแลรักษาความสะอาดง่าย และทนต่อน้ำยาทำความสะอาดต่างๆที่ใช้ภายใน บ้าน ไม่สามารถทำให้ผิวหน้าเป็นรอยได้
7. พื้นไม้ลามิเนต ปลอดภัยเนื่องจากพื้นลามิเนตไม่มีขั้นตอนการผลิตที่ต้องใช้สาร Dioxins จึงปลอดภัยต่อ สุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และด้วยพื้นผิวที่สะอาดถูกสุขอนามัยไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้
8. พื้นไม้ลามิเนต แข็งแรงมาก แม้การเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ก็ไม่ทำให้เกิดรอย (สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทำเมื่อวางของหนักๆบนพื้นก็คือใช้สักหลาดรองส่วนที่ สัมผัสกับพื้นเท่านั้นเอง)
9. พื้นไม้ลามิเนต ติดตั้งได้ง่ายและเร็ว สามารถติดตั้งทับบนพื้นเดิมได้เลย

 

การดูแลและรักษาพื้นไม้ลามิเนต
สิ่งที่เราควรรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาและหลีกเลี่ยงสำหรับพื้นไม้ลามิเนต บอกได้ว่าพื้นไม้ลามิเนตนั้นไม่ต้องการการดูแลมาก แต่ก็มีบางสิ่งที่ควรจะนึกถึงไว้ก่อนที่จะเลือกซื้อ และควรนึกถึงเมื่อคุณได้ติดตั้งไปแล้ว ซึ่งประเด็นที่ควรพิจารณาก็มีดังนี้
ควรทำ :
– คิดถึงสถานที่ที่คุณจะปูพื้น ตัดสินได้จากการเดินผ่านไปมาว่ามากน้อยขนาดไหนและระดับความชื้น เพื่อที่คุณจะสามารถตัดสินใจได้ว่าพื้นแบบไหนเหมาะที่สุด อย่าลืมเช็ค AC rating ด้วย
– เลือกแผ่นรองที่สามารถป้องกันความชื้นที่มาจากใต้พื้นได้
– อ่านคู่มือการติดตั้งอย่างละเอียด
– จ้างช่างมาถ้าคุณไม่แน่ใจว่าจะทำได้
– ต้องมั่นใจว่าชั้นใต้พื้นได้ระดับ สะอาดและแห้ง
– เมื่อคุณปูพื้นไม้ลามิเนต คุณควรจะเว้นระยะห่างจากเส้นรอบวงของบริเวณที่คุณจะปูสัก 10 มม. ซึ่งรวมไปถึงการเว้นระยะห่างนี้ให้กับเครื่องเรือนหรือวัสดุที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ด้วย คุณควรเว้นไว้เพราะต้องเผื่อการขยายตัวด้วย เมื่อใช้ไปพื้นไม้ลามิเนตจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิบ้าง
– เมื่อปูพี้นไม้ลามิเนตไปแล้ว ถ้าเกิดมีอะไรหกลงพื้นก็ควรทำความสะอาดอย่าปล่อยทิ้งไว้นาน
– ใช้ไม้ม๊อบหมาดๆหรือเครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาด
– ใช้แผ่นรองขาเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้ เพื่อลดโอกาสการเกิดรอยขีดข่วน
– ถ้าทำได้ก็ให้ยกเฟอร์นิเจอร์หนักๆอย่าลากไปตามพื้น
– นอกจากแผ่นรองขาแล้ว ให้ใช้ชิ้นผ้ารองเฟอร์นิเจอร์หนักๆใหญ่ๆก่อนที่จะเคลื่อนย้ายมันบนพื้นลามิเนตของคุณ ถ้ามันหนักมากก็อย่าลืมหาผู้ช่วยมาด้วย
– ถ้าห้องของคุณถูกแสงแดดโดยตรงก็ควรปิดผ้าม่านหรือที่บังแดดเพื่อลดโอกาสการเกิดสีซีดจาง

หลีกเลี่ยง :
– การปูพื้นไม้ลามิเนตบนพื้นพรม
– ปูพื้นไม้ลามิเนตบริเวณที่ความชื้นสูง
– ปูทั้งๆที่แถวแรกมันเบี้ยว แถวแรกมีความสำคัญต่อการปูพื้นที่เหลือทั้งหมดมาก
– ใช้แว๊กซ์ น้ำยาขัดเงา หรือน้ำยาขัดพื้นทำความสะอาดพื้นไม้ลามิเนต เพราะมันจะก่อความเสียหายได้
– การเคลือบเงาหรือขัดพี้นไม้ลามิเนต
– ใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของสบู่ หรือน้ำยาขัดเงาต่างๆบนพื้นไม้ลามิเนต
– เดินบนพื้นไม้ลามิเนตขณะสวมรองเท้าส้นแหลม หรือรองเท้ากีฬาที่ปุ่มมีโลหะหรือเดือย
– ราดน้ำลงบนพื้นเพื่อทำความสะอาด นั่นอาจทำให้พื้นไม้ลามิเนตของคุณกลายเป็นลอนๆได้

 

AC Raingคืออะไร ?
AC Rating ของพื้นไม้ลามิเนตนั้นก็มีความสำคัญมากเหมือนกันเพราะจะบอกได้ว่า พื้นไม้ลามิเนตที่ใช้นั้นมีความทนทานมากแค่ไหน AC Rating ของพื้นไม้ลามิเนตคืออะไร? AC rating คือคำที่ใช้บอกถึงระดับความทนทานของพื้นไม้ลามิเนต มันถูกใช้โดยองค์กรอิสระที่ชื่อว่า European Producers of Laminate Flooring (EPLF) AC rating เป็นโค้ดบอกความทนต่อแรงบีบอัดของพื้นไม้ลามิเนต ซึ่งช่วยให้ลูกค้าเลือกผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้นและเหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น การกำหนด AC rating นั้น จะต้องมีการทดสอบหลายอย่างเช่น ความทนทานต่อการไหม้ รอยข่วน คราบ และการกระแทก และยังทดสอบไปถึงความทนทานต่อขาของเฟอร์นิเจอร์ ฐานเก้าอี้ หรืออะไรก็ตามที่ต้องวาง และเคลื่อนย้ายบนพื้นด้วย พื้นไม้ลามิเนตจะได้ตรา AC rating ต่อเมื่อผ่านการทดสอบทุกขั้นตอนแล้วเท่านั้น ถ้าไม่ผ่านแม้แต่ขั้นเดียวก็จะไม่ได้ใช้สัญลักษณ์ AC rating ทันที ระดับของ AC rating นั้นจะพิจารณาร่วมกับผลการทดสอบ และสถานที่ที่จะนำไม้ลามิเนตนั้นไปใช้ด้วย คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับ AC rating ระดับ AC rating ต่างๆจะแสดงใน diagram ข้างล่าง อธิบายถึงวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์และความทนทาน ระดับต่างๆจะถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
ระดับที่อยู่อาศัยและการค้า ซึ่งจะแบ่งย่อยออกไปตามความหนักเบาในการใช้งาน มีคนเดินผ่านไปมามาก (heavy) ทั่วไป (general) หรือปานกลาง (moderate) คำอธิบายของ AC rating สัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องและการใช้งานที่เหมาะสมจะถูกอธิบายดังนี้
AC 1 : 21 (ที่พักอาศัย, เดินผ่านปานกลาง : เหมาะกับห้องนอนหรือห้องรับแขก)
AC 2 : 22 (ที่พักอาศัย, เดินผ่านทั่วไป : เหมาะกับห้องนั่งเล่นหรือห้องทานอาหาร)
AC 3 : 23 (ที่พักอาศัย, เดินผ่านมาก : ใช้ได้ทุกที่)
AC 3 : 31 (สำหรับพื้นที่การค้า, เดินผ่านปานกลาง : เหมาะจะปูห้องในโรงแรมหรือ Office เล็กๆ)
AC 4 : 32 (สำหรับพื้นที่การค้า, เดินผ่านทั่วไป : สำนักงาน, ภัตตาคาร, ร้านเสริมสวย, คาเฟ่)
AC 5 : 33 (สำหรับพื้นที่การค้า, เดินผ่านมาก : อาคารสาธารณะ, ห้างสรรพสินค้า)ผู้ผลิตพื้นไม้ลามิเนตทุกรายจะถูกกำหนดให้ต้องทำตามมาตรฐานนี้เพื่อประโยชน์ของลูกค้า ลูกค้าจะต้องตรวจสอบ AC rating ก่อนจะซื้อพื้นไม้ลามิเนตโดยต้องพิจารณาถึงระดับความทนทานที่ต้องการด้วย


ติดต่อสอบถาม :
- Call : 081-6428556 ,  081-6428557
- Website : http://www.cctgroup.co.th
- Email : [email protected]
- Line : Lakkana99
- เบอร์โทรศัพท์ : 0816428557-6
- มือถือ : 0816428557-6


พื้นไม้ลามิเนต , พื้นไม้ลามิเนต คืออะไร , คุณสมบัติ พื้นไม้ลามิเนต , การดูแล รักษา พื้นไม้ลามิเนต

9
สวัสดีครับวันนี้ผมอยากจะมาพูดถึงเกี่ยวกับการนำเข้าเครื่องรีดต่างๆและการนำเข้าเครื่องจักรทุกชนิดของทางบริษัทเราครับ เครื่องรีดที่ทางบริษัทเรานำเข้านั้นจะมีทั้งเครื่องที่เป็นสกรูเดี่ยว (Single-screw extruder) และสกรูคู่ (Twin-screw extruder) ในส่วนของสกรูนั้นผมจะอธิบายในช่วงถัดไปครับ เครื่องรีดส่วนใหญ่ที่จะสั่งเข้ามามากก็จะเป็นพวกเครื่องรีด (Extrusion) ตัวโปรไฟล์ต่างๆ รีดท่ออุตสาหกรรม, รีดรางท่อแอร์ เครื่องฉีด (Injection) และเครื่องเป่า (Blow) เป็นต้น เอาล่ะครับ บางท่านอาจส่งสัยว่า สกรูเดี่ยว (Single-screw extruder) และสกรูคู่ (Twin-screw extruder) คืออะไร ต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน สกรูเดี่ยวหรือสกรูคู่เหมาะกับสินค้าที่คุณต้องการจะผลิต วันนี้ผมจะมาแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ

สกรูเดี่ยว (Single-screw extruder) และสกรูคู่ (Twin-screw extruder) คืออะไรและต่างกันอย่างไร
เครื่องอัดรีดแบบสกรูเดี่ยว (Single screw extruder) โดยทั่วไปเครื่องอัดรีดแบบสกรูเดี่ยวที่ใช้ในการแปรรูปพลาสติกมักใช้สกรูแบบธรรมดา ซึ่ง ไม่สามารถผสมสารเติมแต่งให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกับพลาสติกได้ เนื่องจากการหมุนของสกรูแบบนี้ไม่ ก่อนให้เกิดแรงเฉือนมากพอที่จะท าให้สารเติมแต่งต่างๆ เกิดการกระจายตัวได้ดีถึงระดับโมเลกุล ดังนั้นการใช้เครื่องอัดรีดแบบสกรูเดี่ยวในการคอมปาวด์พลาสติกจึงต้องปรับปรุงลักษณะของสกรู โดยการเพิ่มส่วนที่เพิ่มแรงเฉือนของสกรู



เครื่องอัดรีดแบบสกรูเดี่ยว(Single screw extruder)


ตัวอย่างการปรับปรุงลักษณะของสกรู

ส่วนเครื่องรีดสกรูคู่ (Twin screw extruder) เครื่องอัดรีดแบบสกรูคู่มักมีประสิทธิภาพการผสมสูงกว่าเครื่องอัดรีดแบบสกรูเดี่ยว ทั้งนี้ เนื่องจากแรงเฉือนที่เกิดขึ้นจากการหมุนของสกรูคู่สูงกว่า โดยลักษณะการหมุนของสกรูคู่มีสองแบบ ได้แก่ การหมุนในทิศทางเดียวกัน (Co-rotating screw) และการหมุนสวนทางกัน (Counter-rotating screw) โดยในการทำคอมปาวด์พลาสติกมักใช้เครื่องอัดรีดแบบสกรูคู่ที่มีลักษณะการหมุนของสกรูคู่ แบบหมุนในทิศทางเดียวกัน


รูป2.14 เครื่องอัดรีดแบบสกรูคู่(Twinscrew extruder)

จริงๆยังมีเครื่องอีกหลายอย่างที่ผมไม่ได้พูดถึงเลยทั้งเรื่องสกรูเดี่ยวที่ผมยังไม่ได้พูดถึงเลยด้วยซ้ำ และยังมีอีกหลายๆเครื่อง ถ้าท่านไหนสนใจผมคิดว่าติดต่อมามาหาเราโดยตรงหรือว่าอาจจะดูรูปสินค้าจากในเว็ปเราไปก่อนก็ได้ครับ เอาล่ะครับ ยังไงวันนี้ผมขอลาไปก่อนดีกว่าแต่กระทู้นี้ผมจะค่อยๆทยอยอัพเดทเครื่องไปเรื่อยๆจนครบนะครับ

http://www.cctgroup.co.th

10
[เจาะลึก] “พื้นไม้ลามิเนต” คืออะไร,ผลิตมาจากอะไร,ขั้นตอนการติดตั้งและอื่นๆ



ผมเคยเขียนไปหลายๆบทความเกี่ยวกับพื้นไม้ลามิเนตทั้งเรื่อง ไม้ผลิตมาจากอะไร,ขั้นตอนการลามิเนตไม้,การดูแลรักษาไม้และขั้นตอนการติดตั้งพื้นไม้ลามิเนต แต่เนื่องจากผมห่างหายไปนานไม่ได้เขียนบทความเลยในช่วงหลังๆมานี้ วันนี้ผมเลยอยากจะเอาทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับพื้นไม้ลามิเนตแบบเจาะลึกกันไปเลย รวมถึงอาจจะสอดแทรกการใช้อุปกรณ์ตัวจบของพื้นไม้ลามิเนตเข้าไปด้วยว่าควรจะใช้แบบไหนให้ถูกและอุปกรณ์ตัวจบนั้นมีกี่ชนิดและหลักการใช้นั้นเป็นอย่างไร

พื้นไม้ลามิเนตไม่ได้เป็นไม้จริงๆ100%
เริ่มต้นเลยทำไมต้องเรียกว่า  “พื้นไม้ลามิเนต ” บางท่านอาจคิดว่าพื้นไม้ลามิเนตนั้นผลิตจากไม้แท้ๆเลยแต่จริงๆแล้ว “พื้นไม้ลามิเนตไม่ใช่ไม้จริง 100%“ นะครับ มันเป็นการทำให้เหมือนไม้จริงมากกว่าเพราะตัวไม้ลามิเนตนั้นจะถูกอัดด้วยผงไม้จนเกิดมาเป็นไม้ทั้งแผ่นเพื่อจะที่ลามิเนตอีกทีนึง หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นไม้สำเร็จรูปที่ผลิตขึ้นมาโดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ โดยยังคงมีพื้นฐานที่มีไม้เป็นส่วนประกอบ คือ แผ่นไม้ลามิเนต และใน 1 แผ่นไม้ลามิเนตนั้นประกอบไปด้วยชั้นต่างๆ 4 ชั้น ซึ่งชั้นตรงกลางที่มีความหนาที่สุดจะทำมาจากไม้ โดยนำไม้เนื้อแข็งมาย่อยให้เป็นผงละเอียด แล้วนำไปผสมกับสารอื่นๆ จากนั้นจึงทำให้ออกมาเป็น แผ่นโดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ โดยเราเรียกวิธีนี้ว่า HDF (High Density Fiber) ซึ่งดูจะได้ไม้ที่ดูคล้ายไม้ธรรมชาติแต่มีความแข็งแรงและยืดหดตัวน้อยกว่าไม้จริงหลายเท่า ส่วนชั้นที่ 2 จะเป็นส่วนของลายไม้ออกแบบโดยคอมพิวเตอร์ซึ่งใช้ปิดทับชั้นไม้ HDF โดยชั้นบนจะเป็นผิวหนังที่ป้องกันการขีดข่วนส่วนล่างจะเป็นแผ่นป้องกันความชื้น แล้วนำทั้ง 4 ชั้น มาเข้ากระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ออกมาเป็นแผ่นไม้ลามิเนต ด้วยการนำไปหลอมละลายให้เป็นเนี้อเดียวกันทำให้ไม้ลามิเนตไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เอาล่ะครับเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจกันมากที่สุด ผมจึงได้หารูปมาแล้วจะอธิบายเป็นขั้นๆให้ทุกคนเข้าใจมากขึ้นครับ ดูตามรูปภาพ


 
1.พื้นไม้ลามิเนตชั้นบน
เป็นชั้นที่แสดงถึงลายไม้ จึงต้องมีความทนทานสูง เพื่อไม่ให้เกิดริ้วรอยบนพื้นไม้ ลวดลายบนพื้นไม้ลามิเนตนั้นมาจากการใช้ภาพถ่ายลายไม้เสมือนจริง หรือออกแบบโดยคอมพิวเตอร์ และนำไปเคลือบทับด้วย เมลามีน ลามิเนต เพื่อให้ทนทานต่อการเกิดรอย นอกจากนี้ยังเคลือบด้วยเรซินที่ทนทาน Abrasion&Decorate Layer
2.พื้นไม้ลามิเนตชั้นกลาง
จะเป็นชั้นที่หนาที่สุดในพื้นไม้แบบลามิเนต และทำจากไม้ที่ย่อยเป็นผงแล้วมาอัดเข้าแผ่นด้วยความดันสูง หรือที่เรียกกันว่า HDF Boardผู้ผลิตบางรายอาจจะใส่สารป้องกันความชื้นลงในชั้นนี้ด้วย
3.พื้นไม้ลามิเนตชั้นล่าง
จะเป็นชั้นที่ป้องกันความชื้น โดยผู้ผลิตบางรายจะเคลือบด้วยเมลามีน เพื่อให้เกิดความแข็งแรง และป้องกันความชื้นได้ดียิ่งขึ้น
 

พื้นไม้ลามิเนตกลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก?
พื้นไม้ลามิเนตเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะความทนทาน สวยงามและติดตั้งง่าย อีกทั้งยังราคาถูกถ้าเทียบกับกระเบื้องยาง ปัจจุบันพี้นไม้ลามิเนตมีระบบล๊อกที่เชื่อมต่อระหว่างแผ่นไม้ ( Click Lock ) การเปลี่ยนจากการเชื่อมต่อด้วยการทากาวมาเป็นการเชื่อมโดยใช้กลไกเล็กๆน้อยๆโดยการเพิ่มตัวคลิกเข้าไปเพื่อให้มันติดกันง่ายขึ้นมากกว่าเดิมและยังทำให้การติดตั้งเป็นไปได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว พี้นไม้ลามิเนต ส่วนมากจะมาพร้อมกับ Option ไร้กาว และมันเหมาะกับทุกลวดลายและพื้นผิว สามารถปรับใช้พี้นไม้ลามิเนตเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายได้ เคาท์เตอร์ ทำครัวเป็นผลิตภัณฑ์แรกๆที่ใช้กับเคาท์เตอร์ทำครัวก็สามารถนำมาปูพื้นได้ ลามิเนตเหมาะกับบริเวณที่ต้องการความทนทาน และในที่สุดมันก็กลายเป็นวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมมากทั้งในอเมริกาและที่อื่นๆทั่วโลก
 

คุณสมบัติของพื้นไม้ลามิเนต

ถ้าพูดถึงเรื่องคุณสมบัติของพื้นไม้ลามิเนตนั้น ก็คือ ติดตั้งได้เร็ว น้ำหนักเบา และทนทาน หลายปีหลายๆคนที่ มีความเชื่อว่าไม้ลามิเนตไม่ดีนั้น ส่วนมากมีปัญหาหลังจากการติดตั้ง และช่างติดตั้งที่ไม่ชำนาญมากพอ ส่วนเรื่องของเสียง ที่เวลาเดินบนไม้ลามิเนตแล้วเกิดเสียงเหมือนไม้กรอบตัวนั้น สาเหตุส่วนใหญ่มาจากพื้นเดิมนั้นไม่ได้ระนาบ มีลักษณะเป็นคลื่น เมื่อติดตั้งไม้ลามิเนตไปแล้วเวลาเราเดินบน พื้นไม้ ทำให้ไม้ยุบตัวลงผ่านรอยคลื่นใต้ไม้ลามิเนตอีกชั้นหนึ่งจึงทำให้เกิดเสียงดังบางครั้ง ติดตั้งไม้ลามิเนตไปแล้ว ไม้เกิดการขยายตัวมากกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม้ลามิเนตมีปัญหา ถ้ายังไม่พอผมจะแยกคุณสมบัติของพื้นไม้ลามิเนตเป็นข้อๆดังนี้
1. พื้นไม้ลามิเนต ทนต่อรอยขีดข่วน หรือกระทั่งกรงเล็บของสัตว์เลี้ยงของท่าน
2. พื้นไม้ลามิเนต ทนต่อแรงตกหรือกดกระแทก
3. พื้นไม้ลามิเนต ทนความร้อนของก้นบุหรี่ และคราบของนิโคตินสามารถเช็ดออกได้โดยง่าย
4. พื้นไม้ลามิเนต ไม่เป็นคราบ สามารถเช็ดออกได้ง่าย
5. พื้นไม้ลามิเนต สีและลายไม่ซีดจาง แม้จากการตากแดดโดยตรงก็ตาม
6. พื้นไม้ลามิเนต ดูแลรักษาความสะอาดง่าย และทนต่อน้ำยาทำความสะอาดต่างๆที่ใช้ภายใน บ้าน ไม่สามารถทำให้ผิวหน้าเป็นรอยได้
7. พื้นไม้ลามิเนต ปลอดภัยเนื่องจากพื้นลามิเนตไม่มีขั้นตอนการผลิตที่ต้องใช้สาร Dioxins จึงปลอดภัยต่อ สุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และด้วยพื้นผิวที่สะอาดถูกสุขอนามัยไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้
8. พื้นไม้ลามิเนต แข็งแรงมาก แม้การเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ก็ไม่ทำให้เกิดรอย (สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทำเมื่อวางของหนักๆบนพื้นก็คือใช้สักหลาดรองส่วนที่ สัมผัสกับพื้นเท่านั้นเอง)
9. พื้นไม้ลามิเนต ติดตั้งได้ง่ายและเร็ว สามารถติดตั้งทับบนพื้นเดิมได้เลย

 

การดูแลและรักษาพื้นไม้ลามิเนต
สิ่งที่เราควรรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาและหลีกเลี่ยงสำหรับพื้นไม้ลามิเนต บอกได้ว่าพื้นไม้ลามิเนตนั้นไม่ต้องการการดูแลมาก แต่ก็มีบางสิ่งที่ควรจะนึกถึงไว้ก่อนที่จะเลือกซื้อ และควรนึกถึงเมื่อคุณได้ติดตั้งไปแล้ว ซึ่งประเด็นที่ควรพิจารณาก็มีดังนี้
ควรทำ :
– คิดถึงสถานที่ที่คุณจะปูพื้น ตัดสินได้จากการเดินผ่านไปมาว่ามากน้อยขนาดไหนและระดับความชื้น เพื่อที่คุณจะสามารถตัดสินใจได้ว่าพื้นแบบไหนเหมาะที่สุด อย่าลืมเช็ค AC rating ด้วย
– เลือกแผ่นรองที่สามารถป้องกันความชื้นที่มาจากใต้พื้นได้
– อ่านคู่มือการติดตั้งอย่างละเอียด
– จ้างช่างมาถ้าคุณไม่แน่ใจว่าจะทำได้
– ต้องมั่นใจว่าชั้นใต้พื้นได้ระดับ สะอาดและแห้ง
– เมื่อคุณปูพื้นไม้ลามิเนต คุณควรจะเว้นระยะห่างจากเส้นรอบวงของบริเวณที่คุณจะปูสัก 10 มม. ซึ่งรวมไปถึงการเว้นระยะห่างนี้ให้กับเครื่องเรือนหรือวัสดุที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ด้วย คุณควรเว้นไว้เพราะต้องเผื่อการขยายตัวด้วย เมื่อใช้ไปพื้นไม้ลามิเนตจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิบ้าง
– เมื่อปูพี้นไม้ลามิเนตไปแล้ว ถ้าเกิดมีอะไรหกลงพื้นก็ควรทำความสะอาดอย่าปล่อยทิ้งไว้นาน
– ใช้ไม้ม๊อบหมาดๆหรือเครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาด
– ใช้แผ่นรองขาเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้ เพื่อลดโอกาสการเกิดรอยขีดข่วน
– ถ้าทำได้ก็ให้ยกเฟอร์นิเจอร์หนักๆอย่าลากไปตามพื้น
– นอกจากแผ่นรองขาแล้ว ให้ใช้ชิ้นผ้ารองเฟอร์นิเจอร์หนักๆใหญ่ๆก่อนที่จะเคลื่อนย้ายมันบนพื้นลามิเนตของคุณ ถ้ามันหนักมากก็อย่าลืมหาผู้ช่วยมาด้วย
– ถ้าห้องของคุณถูกแสงแดดโดยตรงก็ควรปิดผ้าม่านหรือที่บังแดดเพื่อลดโอกาสการเกิดสีซีดจาง

หลีกเลี่ยง :
– การปูพื้นไม้ลามิเนตบนพื้นพรม
– ปูพื้นไม้ลามิเนตบริเวณที่ความชื้นสูง
– ปูทั้งๆที่แถวแรกมันเบี้ยว แถวแรกมีความสำคัญต่อการปูพื้นที่เหลือทั้งหมดมาก
– ใช้แว๊กซ์ น้ำยาขัดเงา หรือน้ำยาขัดพื้นทำความสะอาดพื้นไม้ลามิเนต เพราะมันจะก่อความเสียหายได้
– การเคลือบเงาหรือขัดพี้นไม้ลามิเนต
– ใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของสบู่ หรือน้ำยาขัดเงาต่างๆบนพื้นไม้ลามิเนต
– เดินบนพื้นไม้ลามิเนตขณะสวมรองเท้าส้นแหลม หรือรองเท้ากีฬาที่ปุ่มมีโลหะหรือเดือย
– ราดน้ำลงบนพื้นเพื่อทำความสะอาด นั่นอาจทำให้พื้นไม้ลามิเนตของคุณกลายเป็นลอนๆได้

 

AC Raingคืออะไร ?
AC Rating ของพื้นไม้ลามิเนตนั้นก็มีความสำคัญมากเหมือนกันเพราะจะบอกได้ว่า พื้นไม้ลามิเนตที่ใช้นั้นมีความทนทานมากแค่ไหน AC Rating ของพื้นไม้ลามิเนตคืออะไร? AC rating คือคำที่ใช้บอกถึงระดับความทนทานของพื้นไม้ลามิเนต มันถูกใช้โดยองค์กรอิสระที่ชื่อว่า European Producers of Laminate Flooring (EPLF) AC rating เป็นโค้ดบอกความทนต่อแรงบีบอัดของพื้นไม้ลามิเนต ซึ่งช่วยให้ลูกค้าเลือกผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้นและเหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น การกำหนด AC rating นั้น จะต้องมีการทดสอบหลายอย่างเช่น ความทนทานต่อการไหม้ รอยข่วน คราบ และการกระแทก และยังทดสอบไปถึงความทนทานต่อขาของเฟอร์นิเจอร์ ฐานเก้าอี้ หรืออะไรก็ตามที่ต้องวาง และเคลื่อนย้ายบนพื้นด้วย พื้นไม้ลามิเนตจะได้ตรา AC rating ต่อเมื่อผ่านการทดสอบทุกขั้นตอนแล้วเท่านั้น ถ้าไม่ผ่านแม้แต่ขั้นเดียวก็จะไม่ได้ใช้สัญลักษณ์ AC rating ทันที ระดับของ AC rating นั้นจะพิจารณาร่วมกับผลการทดสอบ และสถานที่ที่จะนำไม้ลามิเนตนั้นไปใช้ด้วย คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับ AC rating ระดับ AC rating ต่างๆจะแสดงใน diagram ข้างล่าง อธิบายถึงวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์และความทนทาน ระดับต่างๆจะถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
ระดับที่อยู่อาศัยและการค้า ซึ่งจะแบ่งย่อยออกไปตามความหนักเบาในการใช้งาน มีคนเดินผ่านไปมามาก (heavy) ทั่วไป (general) หรือปานกลาง (moderate) คำอธิบายของ AC rating สัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องและการใช้งานที่เหมาะสมจะถูกอธิบายดังนี้
AC 1 : 21 (ที่พักอาศัย, เดินผ่านปานกลาง : เหมาะกับห้องนอนหรือห้องรับแขก)
AC 2 : 22 (ที่พักอาศัย, เดินผ่านทั่วไป : เหมาะกับห้องนั่งเล่นหรือห้องทานอาหาร)
AC 3 : 23 (ที่พักอาศัย, เดินผ่านมาก : ใช้ได้ทุกที่)
AC 3 : 31 (สำหรับพื้นที่การค้า, เดินผ่านปานกลาง : เหมาะจะปูห้องในโรงแรมหรือ Office เล็กๆ)
AC 4 : 32 (สำหรับพื้นที่การค้า, เดินผ่านทั่วไป : สำนักงาน, ภัตตาคาร, ร้านเสริมสวย, คาเฟ่)
AC 5 : 33 (สำหรับพื้นที่การค้า, เดินผ่านมาก : อาคารสาธารณะ, ห้างสรรพสินค้า)ผู้ผลิตพื้นไม้ลามิเนตทุกรายจะถูกกำหนดให้ต้องทำตามมาตรฐานนี้เพื่อประโยชน์ของลูกค้า ลูกค้าจะต้องตรวจสอบ AC rating ก่อนจะซื้อพื้นไม้ลามิเนตโดยต้องพิจารณาถึงระดับความทนทานที่ต้องการด้วย


ติดต่อสอบถาม :
- Call : 081-6428556 ,  081-6428557
- Website : http://www.cctgroup.co.th
- Email : [email protected]
- Line : Lakkana99
- เบอร์โทรศัพท์ : 0816428557-6
- มือถือ : 0816428557-6


พื้นไม้ลามิเนต , พื้นไม้ลามิเนต คืออะไร , คุณสมบัติ พื้นไม้ลามิเนต , การดูแล รักษา พื้นไม้ลามิเนต

11
พื้นไม้ลามิเนต/พื้นไม้/พื้นไม้เสมือนจริง/กระเบื้องยางลายไม้/กระเบื้องยาง/กระเบื้องยางไวนิล


 
[เจาะลึก]“กระเบื้องยาง“หรือ”กระเบื้องยางไวนิล” คืออะไร
ผลิตจากวัถตุดิบอะไร และ การติดตั้งกระเบื้องยาง

วันนี้ผมจะมาพูดถึงหลายๆเรื่องเกี่ยวกับ “กระเบื้องยาง” แบบเจาะลึกเลยครับ ทั้งการติดตั้ง การดูแลรักษา อายุการใช้งานของกระเบื้องยาง กระเบื้องยาง หรือ ที่บางท่านเคยได้ยินว่า กระเบื้องยางไวนิล  เป็นวัสดุนำเข้าจากต่างประเทศ ผลิตด้วยวัตถุดิบที่มีคุณภาพและเครื่องจักรที่ทันสมัย ด้วยระบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นที่มาของวัสดุกระเบื้องยางปูพื้นที่มีความสวยงามและโดดเด่นกว่า กระเบื้องยางทั่วๆ ไปด้วยลวดลายที่ดูเหมือนวัสดุจากธรรมชาติ อาทิเช่น ลายไม้เรียบ-นูน ลายหินอ่อน และลายสีสด ซึ่งวัสดุผลิตจากสารสังเคราะห์ (Vinyl) ที่มีความยืนหยุ่นสูง และทนต่อรอยขีดข่วนได้ดีมีความคงทนตลอดอายุการใช้งาน ผลิตตามมาตรฐาน ISO
 

ทำไมต้องเรียกว่า “กระเบื้องยางไวนิล“?
บางท่านอาจสงสัยว่าทำไมไม่เรียกว่า กระเบื้องยาง เฉยๆ ทำไมต้องเติมทำว่า ไวนิล ต่อท้ายไปด้วย อธิบายกันแบบยาวๆเลยนะครับ ไวนิล คืออะไร คือพลาสติกชนิดพิเศษมีส่วนผสมระหว่างพลาสติกคุณภาพสูงรวมกับสารเพิ่มประสิทธิภาพต่างๆ เช่นสารเพิ่มความทนทานต่อแสงแดด สารเพิ่มความแข็งแรงทนทานต่อแรงกระแทก สารเพิ่มความทนทานต่อสภาวะอากาศ และสารเพิ่มความทนทานความร้อน ไวนิลนอกจากจะทนทานต่อแสงแดดรังสียูวีและสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงแล้วยังเป็นวัสดุที่ไม่มีปัญหาเรื่องปลวกหรือแมลงกัดเจาะ การผุกร่อนหรือบิดงอ การเกิดสนิม การรั่วซึมของน้ำฝน ไม่ติดไฟ และยังช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานอีกด้วย จึงนิยมนำมาใช้ผลิตอุปกรณ์ใช้งานกลางแจ้ง และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมกระเบื้องยางนั้นจึงปราศจากมอดและปลวก กันไฟกันน้ำ มีอายุการใช้งานได้นานกว่าพื้นไม้ลามิเนต
 

กระเบื้องยางไวนิล ผลิตมาจากอะไร มีส่วนประกอบอะไรบ้างในกระเบื้องยาง
กระเบื้องยางของทางบริษัทเรานั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ เป็นสินค้าที่ผลิตมาด้วยนวัฒกรรมใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า ” นาโนซิลเวอร์ ” ซึ่งเป็นโมเลกุลที่มีขนาดเล็กช่วยป้องกันเชื้อรา และยับยั้งการเจริญเติบโตของ แบคทีเรีย รวมทั้งมีส่วนผสมของคาร์บอน ช่วยดูดซับกลิ่นและความชื้นได้ดี เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้ใช้ แล้วรู้หรือไม่ว่าภายใต้ของแข็งแรกและทนทานของกระเบื้องยางนั้นมีส่วนประกอบทั้งหมด 5 ชั้นด้วยกัน

1.        UV Coating-เคลือบสาร “ยูวี” : ป้องกันสีซีดจางเมื่อโดนแสงแดด และเพิ่มความคงทนของผิวหน้า
2.        Wear Layer-ชั้นกันสึก : เป็นชั้นสำคัญที่ป้องกันความเสียหายแก่ผิวหน้า
3.        Print Color Sheet-สี : มีให้เลือกมากมาย ทั้งลายไม้,หินอ่อน,สีสด รวมถึงสีสั่งผลิตพิเศษ สำหรับโครงการ
4.        Balance Layer-ชั้นกลาง “พีวีซี บริสุทธิ์” : เป็นชั้นสำคัญอีกอันหนึ่งที่ทำให้ Vinyl Tile ไม่มีการ ยืดหด-ขยายตัว และแตกหัก หลังการติดตั้ง
5.        Base Layer-ชั้นล่างตาราง: ออกแบบมาเป็น รูปตาราง-ตาข่าย เพื่อประสิทธ์ภาพการยึดติด ระหว่าง กาว-พื้นผิว

 

กระเบื้องยางเนี้ยเหมาะกับการใช้งานที่ไหนบ้าง?
เหมาะสำหรับงานตกแต่งภายใน ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า โรงแรม สำนักงาน อาคาร พื้นที่ใช้สอยทั่วไปและที่พักอาศัยต่างๆและสถานที่อื่นๆ ที่ ต้องการเน้นความหรูหรา เรียบง่าย ด้วยเหตุผลที่กล่าวข้างต้นคือ เหมาะกับที่ๆมีการสัญจรตลอดเพราะโพลิเมอร์มีแรงหนืดทำให้เกิดการยึดเกาะที่ดี การทำความสะอาดก็ง่าย แต่ต้องระวังในการใช้สารเคมีเพราะกระเบื้องยางก็มีข้อจำกัด เรื่องการเกิดรอย เพราะกระเบื้องยางนั้น เกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคิดเปรียบเทียบกันราคาแล้วก็จัดว่าคุ้มค่า

กระเบื้องยางไวนิล มีอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่?
กระเบื้องยางไวนิลเป็นวัสดุที่ไม่เป็นพิษ (Non Toxic) และไม่มีส่วนผสมของใยหิน (Non Asbestos) กระเบื้องยางไวนิลผลิตออกมาจะไม่มีส่วนผสมของแร่ใยหิน (Asbestos Free) วัตถุอันตรายที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง และโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ส่วนตัวโครงสร้างภายในจะแตกต่างกันไปในแต่ละยี่ห้อ ซึ่งวัสดุที่มีส่วนผสมของแร่ใยหิน(Asbestos) จะเกิดการแตกหักง่าย และถ้าวัสดุเจอความร้อนดังกล่าวจะระเหยออกมา ซึ่งสารตัวนี้เป็นสารที่ทำให้ก่อเกิดการเป็นมะเร็งได้

  กระเบื้องยาง ทนอุณหภูมิได้มากแค่ไหนและหลังจากติดตั้งไปแล้วกระเบื้องยางจะยืดหรือหดตัวหรือไม่ ?
วัสดุสามารถทนอุณหภูมิเย็นได้ -15 °C และทนอุณหภูมิร้อน 50 °C ซึ่งอากาศในประเทศไทยนั้นมันไม่ถึงขนาดนั้นอยู่แล้วนอกจากเสียว่าเราจะนำไปตากแดดไว้เวลานานๆซึ่งมันจะสอดคล้องที่ว่ากระเบื้องยางนิยมติดตั้งที่ไหน คำตอบมันก็เลยเป็นไปตามนั้นคือ นิยมติดตั้งในอาคารเสียมากกว่าติดตั้งข้างนอกตัวอาคาร ที่สำคัญวัตถุดิบหลักสำคัญที่เป็นส่วนประกอบตรงชั้นแกนกลางคือ “พีวีซี บริสุทธิ์” (Pure Virgin PVC) ไม่มีการยืดหดตัวและแตกหัก อนึ่ง พอลิไวนิลคลอไรด์ หรือ PVC (Polyvinylchloride : PVC) คือ พอลิเมอร์ที่สำคัญที่สุดในกลุ่มไวนิลด้วยกัน มักเรียกกันทั่วไปว่า พีวีซี เนื้อพีวีซีมักมีลักษณะขุ่นทึบแต่ก็สามารถผลิตออกมาให้มีสีสันได้ทุกสี ตัวมันเองเป็นสารที่ทำให้ไฟดับจึงไม่ติดไฟ มีลักษณะทั้งที่เป็นของแข็งคงรูปและอ่อนนุ่มเหนียว มีคุณสมบัติทั่งไปดังนี้
1.        มีความแข็งแรงดี
2.        ต้านทานต่อสารเคมี และน้ำ
3.        ทนทานต่อสภาวะอากาศ และสิ่งแวดล้อมปกติ
4.        ของแข็งคงรูป และอ่อนนุ่มเหนียว

และเจ้าตัวกระเบื้องยางไวนิลนั้นมีส่วนผสมของ PVC ประมาณ 70% ใช้เม็ดพลาสติกหลอมให้เป็นแผ่น และประสาน กันสองชั้น ไม่ผ่านการอบร้อนอบเย็น จึงสามารถขยายตัวได้ พื้นผิวด้านบนยังให้ความเป็นธรรมชาติอีกด้วย


อายุการใช้งานของกระเบื้องยางอยู่ได้กี่ปี
อายุการใช้งานของกระเบื้องยางนั้นอยู่ได้มากกว่า 10 ประมาณ 15 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการปูให้ถูกวิธีและคุณภาพของตัวกระเบื้องยางอีกด้วย
 

การดูแลรักษาพื้นที่ติดตั้งด้วยกระเบื้องยาง ?
การทำความสะอาดพื้นที่ติดตั้งด้วยกระเบื้องยางนั้นอาจจะไม่ยากเท่ากับพื้นที่ติดตั้งพื้นไม้ลามิเนต เพราะด้วยเหตุผลที่ว่า กระเบื้องยางนั้นสามารถทนน้ำได้ส่วนตัวพื้นไม้ลามิเนตนั้นอาจจะลำบากหน่อยเพราะไม่สามารถทนน้ำทนชื้นได้เทียบเท่ากับกระเบื้องยาง การดูแลรักษาพื้นที่ติดตั้งด้วยกะรเบื้องยางนั้นสามารถทำได้ตามนี้
1.        ขจัดคราบฝังลึกด้วยน้ำยาขัดเงาชนิดครีมเหลว
2.        คราบสีน้ำ ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ด
3.        คราบสีน้ำมัน ให้ขัดด้วยน้ำยาขัดเงาแบบครีมเนื้อแข็ง โดยใช้แผ่นใยขัดโลหะช่วยขจัดคราบ
4.        ลบรอยถลอกและรอยส้นรองเท้าบนพื้นไวนิล ด้วยผ้าชุบสารแอลกอฮอล์หรือน้ำมันสน หรือ ขัดรอยออกด้วยผ้าชุบน้ำยาขัดเงาชนิดครีมเหลว
5.        รอยไหม้ โดยใช้กระดาษทรายเนื้อละเอียดขัด ถ้ารอยไหม้ยังเห็นชัด ตัดส่วนที่เสียหายออก แล้วสอดชิ้นใหม่ลงไปแทน


ติดต่อสอบถาม :
- Call : 081-6428556 ,  081-6428557
- Website : http://www.cctgroup.co.th
- Email : [email protected]
- Line : Lakkana99
- เบอร์โทรศัพท์ : 0816428557-6
- มือถือ : 0816428557-6


กระเบื้องยาง , กระเบื้องยางไวนิล , พื้นไม้ลามิเนต , พื้นไม้ , พื้นไม้เสมือนจริง

12
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กระทู้

13
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กระทู้

14
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กระทู้

15
[เจาะลึก] “พื้นไม้ลามิเนต” คืออะไร,ผลิตมาจากอะไร,ขั้นตอนการติดตั้งและอื่นๆ



ผมเคยเขียนไปหลายๆบทความเกี่ยวกับพื้นไม้ลามิเนตทั้งเรื่อง ไม้ผลิตมาจากอะไร,ขั้นตอนการลามิเนตไม้,การดูแลรักษาไม้และขั้นตอนการติดตั้งพื้นไม้ลามิเนต แต่เนื่องจากผมห่างหายไปนานไม่ได้เขียนบทความเลยในช่วงหลังๆมานี้ วันนี้ผมเลยอยากจะเอาทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับพื้นไม้ลามิเนตแบบเจาะลึกกันไปเลย รวมถึงอาจจะสอดแทรกการใช้อุปกรณ์ตัวจบของพื้นไม้ลามิเนตเข้าไปด้วยว่าควรจะใช้แบบไหนให้ถูกและอุปกรณ์ตัวจบนั้นมีกี่ชนิดและหลักการใช้นั้นเป็นอย่างไร

พื้นไม้ลามิเนตไม่ได้เป็นไม้จริงๆ100%
เริ่มต้นเลยทำไมต้องเรียกว่า  “พื้นไม้ลามิเนต ” บางท่านอาจคิดว่าพื้นไม้ลามิเนตนั้นผลิตจากไม้แท้ๆเลยแต่จริงๆแล้ว “พื้นไม้ลามิเนตไม่ใช่ไม้จริง 100%“ นะครับ มันเป็นการทำให้เหมือนไม้จริงมากกว่าเพราะตัวไม้ลามิเนตนั้นจะถูกอัดด้วยผงไม้จนเกิดมาเป็นไม้ทั้งแผ่นเพื่อจะที่ลามิเนตอีกทีนึง หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นไม้สำเร็จรูปที่ผลิตขึ้นมาโดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ โดยยังคงมีพื้นฐานที่มีไม้เป็นส่วนประกอบ คือ แผ่นไม้ลามิเนต และใน 1 แผ่นไม้ลามิเนตนั้นประกอบไปด้วยชั้นต่างๆ 4 ชั้น ซึ่งชั้นตรงกลางที่มีความหนาที่สุดจะทำมาจากไม้ โดยนำไม้เนื้อแข็งมาย่อยให้เป็นผงละเอียด แล้วนำไปผสมกับสารอื่นๆ จากนั้นจึงทำให้ออกมาเป็น แผ่นโดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ โดยเราเรียกวิธีนี้ว่า HDF (High Density Fiber) ซึ่งดูจะได้ไม้ที่ดูคล้ายไม้ธรรมชาติแต่มีความแข็งแรงและยืดหดตัวน้อยกว่าไม้จริงหลายเท่า ส่วนชั้นที่ 2 จะเป็นส่วนของลายไม้ออกแบบโดยคอมพิวเตอร์ซึ่งใช้ปิดทับชั้นไม้ HDF โดยชั้นบนจะเป็นผิวหนังที่ป้องกันการขีดข่วนส่วนล่างจะเป็นแผ่นป้องกันความชื้น แล้วนำทั้ง 4 ชั้น มาเข้ากระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ออกมาเป็นแผ่นไม้ลามิเนต ด้วยการนำไปหลอมละลายให้เป็นเนี้อเดียวกันทำให้ไม้ลามิเนตไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เอาล่ะครับเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจกันมากที่สุด ผมจึงได้หารูปมาแล้วจะอธิบายเป็นขั้นๆให้ทุกคนเข้าใจมากขึ้นครับ ดูตามรูปภาพ


 
1.พื้นไม้ลามิเนตชั้นบน
เป็นชั้นที่แสดงถึงลายไม้ จึงต้องมีความทนทานสูง เพื่อไม่ให้เกิดริ้วรอยบนพื้นไม้ ลวดลายบนพื้นไม้ลามิเนตนั้นมาจากการใช้ภาพถ่ายลายไม้เสมือนจริง หรือออกแบบโดยคอมพิวเตอร์ และนำไปเคลือบทับด้วย เมลามีน ลามิเนต เพื่อให้ทนทานต่อการเกิดรอย นอกจากนี้ยังเคลือบด้วยเรซินที่ทนทาน Abrasion&Decorate Layer
2.พื้นไม้ลามิเนตชั้นกลาง
จะเป็นชั้นที่หนาที่สุดในพื้นไม้แบบลามิเนต และทำจากไม้ที่ย่อยเป็นผงแล้วมาอัดเข้าแผ่นด้วยความดันสูง หรือที่เรียกกันว่า HDF Boardผู้ผลิตบางรายอาจจะใส่สารป้องกันความชื้นลงในชั้นนี้ด้วย
3.พื้นไม้ลามิเนตชั้นล่าง
จะเป็นชั้นที่ป้องกันความชื้น โดยผู้ผลิตบางรายจะเคลือบด้วยเมลามีน เพื่อให้เกิดความแข็งแรง และป้องกันความชื้นได้ดียิ่งขึ้น
 

พื้นไม้ลามิเนตกลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก?
พื้นไม้ลามิเนตเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะความทนทาน สวยงามและติดตั้งง่าย อีกทั้งยังราคาถูกถ้าเทียบกับกระเบื้องยาง ปัจจุบันพี้นไม้ลามิเนตมีระบบล๊อกที่เชื่อมต่อระหว่างแผ่นไม้ ( Click Lock ) การเปลี่ยนจากการเชื่อมต่อด้วยการทากาวมาเป็นการเชื่อมโดยใช้กลไกเล็กๆน้อยๆโดยการเพิ่มตัวคลิกเข้าไปเพื่อให้มันติดกันง่ายขึ้นมากกว่าเดิมและยังทำให้การติดตั้งเป็นไปได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว พี้นไม้ลามิเนต ส่วนมากจะมาพร้อมกับ Option ไร้กาว และมันเหมาะกับทุกลวดลายและพื้นผิว สามารถปรับใช้พี้นไม้ลามิเนตเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายได้ เคาท์เตอร์ ทำครัวเป็นผลิตภัณฑ์แรกๆที่ใช้กับเคาท์เตอร์ทำครัวก็สามารถนำมาปูพื้นได้ ลามิเนตเหมาะกับบริเวณที่ต้องการความทนทาน และในที่สุดมันก็กลายเป็นวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมมากทั้งในอเมริกาและที่อื่นๆทั่วโลก
 

คุณสมบัติของพื้นไม้ลามิเนต

ถ้าพูดถึงเรื่องคุณสมบัติของพื้นไม้ลามิเนตนั้น ก็คือ ติดตั้งได้เร็ว น้ำหนักเบา และทนทาน หลายปีหลายๆคนที่ มีความเชื่อว่าไม้ลามิเนตไม่ดีนั้น ส่วนมากมีปัญหาหลังจากการติดตั้ง และช่างติดตั้งที่ไม่ชำนาญมากพอ ส่วนเรื่องของเสียง ที่เวลาเดินบนไม้ลามิเนตแล้วเกิดเสียงเหมือนไม้กรอบตัวนั้น สาเหตุส่วนใหญ่มาจากพื้นเดิมนั้นไม่ได้ระนาบ มีลักษณะเป็นคลื่น เมื่อติดตั้งไม้ลามิเนตไปแล้วเวลาเราเดินบน พื้นไม้ ทำให้ไม้ยุบตัวลงผ่านรอยคลื่นใต้ไม้ลามิเนตอีกชั้นหนึ่งจึงทำให้เกิดเสียงดังบางครั้ง ติดตั้งไม้ลามิเนตไปแล้ว ไม้เกิดการขยายตัวมากกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม้ลามิเนตมีปัญหา ถ้ายังไม่พอผมจะแยกคุณสมบัติของพื้นไม้ลามิเนตเป็นข้อๆดังนี้
1. พื้นไม้ลามิเนต ทนต่อรอยขีดข่วน หรือกระทั่งกรงเล็บของสัตว์เลี้ยงของท่าน
2. พื้นไม้ลามิเนต ทนต่อแรงตกหรือกดกระแทก
3. พื้นไม้ลามิเนต ทนความร้อนของก้นบุหรี่ และคราบของนิโคตินสามารถเช็ดออกได้โดยง่าย
4. พื้นไม้ลามิเนต ไม่เป็นคราบ สามารถเช็ดออกได้ง่าย
5. พื้นไม้ลามิเนต สีและลายไม่ซีดจาง แม้จากการตากแดดโดยตรงก็ตาม
6. พื้นไม้ลามิเนต ดูแลรักษาความสะอาดง่าย และทนต่อน้ำยาทำความสะอาดต่างๆที่ใช้ภายใน บ้าน ไม่สามารถทำให้ผิวหน้าเป็นรอยได้
7. พื้นไม้ลามิเนต ปลอดภัยเนื่องจากพื้นลามิเนตไม่มีขั้นตอนการผลิตที่ต้องใช้สาร Dioxins จึงปลอดภัยต่อ สุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และด้วยพื้นผิวที่สะอาดถูกสุขอนามัยไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้
8. พื้นไม้ลามิเนต แข็งแรงมาก แม้การเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ก็ไม่ทำให้เกิดรอย (สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทำเมื่อวางของหนักๆบนพื้นก็คือใช้สักหลาดรองส่วนที่ สัมผัสกับพื้นเท่านั้นเอง)
9. พื้นไม้ลามิเนต ติดตั้งได้ง่ายและเร็ว สามารถติดตั้งทับบนพื้นเดิมได้เลย

 

การดูแลและรักษาพื้นไม้ลามิเนต
สิ่งที่เราควรรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาและหลีกเลี่ยงสำหรับพื้นไม้ลามิเนต บอกได้ว่าพื้นไม้ลามิเนตนั้นไม่ต้องการการดูแลมาก แต่ก็มีบางสิ่งที่ควรจะนึกถึงไว้ก่อนที่จะเลือกซื้อ และควรนึกถึงเมื่อคุณได้ติดตั้งไปแล้ว ซึ่งประเด็นที่ควรพิจารณาก็มีดังนี้
ควรทำ :
– คิดถึงสถานที่ที่คุณจะปูพื้น ตัดสินได้จากการเดินผ่านไปมาว่ามากน้อยขนาดไหนและระดับความชื้น เพื่อที่คุณจะสามารถตัดสินใจได้ว่าพื้นแบบไหนเหมาะที่สุด อย่าลืมเช็ค AC rating ด้วย
– เลือกแผ่นรองที่สามารถป้องกันความชื้นที่มาจากใต้พื้นได้
– อ่านคู่มือการติดตั้งอย่างละเอียด
– จ้างช่างมาถ้าคุณไม่แน่ใจว่าจะทำได้
– ต้องมั่นใจว่าชั้นใต้พื้นได้ระดับ สะอาดและแห้ง
– เมื่อคุณปูพื้นไม้ลามิเนต คุณควรจะเว้นระยะห่างจากเส้นรอบวงของบริเวณที่คุณจะปูสัก 10 มม. ซึ่งรวมไปถึงการเว้นระยะห่างนี้ให้กับเครื่องเรือนหรือวัสดุที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ด้วย คุณควรเว้นไว้เพราะต้องเผื่อการขยายตัวด้วย เมื่อใช้ไปพื้นไม้ลามิเนตจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิบ้าง
– เมื่อปูพี้นไม้ลามิเนตไปแล้ว ถ้าเกิดมีอะไรหกลงพื้นก็ควรทำความสะอาดอย่าปล่อยทิ้งไว้นาน
– ใช้ไม้ม๊อบหมาดๆหรือเครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาด
– ใช้แผ่นรองขาเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้ เพื่อลดโอกาสการเกิดรอยขีดข่วน
– ถ้าทำได้ก็ให้ยกเฟอร์นิเจอร์หนักๆอย่าลากไปตามพื้น
– นอกจากแผ่นรองขาแล้ว ให้ใช้ชิ้นผ้ารองเฟอร์นิเจอร์หนักๆใหญ่ๆก่อนที่จะเคลื่อนย้ายมันบนพื้นลามิเนตของคุณ ถ้ามันหนักมากก็อย่าลืมหาผู้ช่วยมาด้วย
– ถ้าห้องของคุณถูกแสงแดดโดยตรงก็ควรปิดผ้าม่านหรือที่บังแดดเพื่อลดโอกาสการเกิดสีซีดจาง

หลีกเลี่ยง :
– การปูพื้นไม้ลามิเนตบนพื้นพรม
– ปูพื้นไม้ลามิเนตบริเวณที่ความชื้นสูง
– ปูทั้งๆที่แถวแรกมันเบี้ยว แถวแรกมีความสำคัญต่อการปูพื้นที่เหลือทั้งหมดมาก
– ใช้แว๊กซ์ น้ำยาขัดเงา หรือน้ำยาขัดพื้นทำความสะอาดพื้นไม้ลามิเนต เพราะมันจะก่อความเสียหายได้
– การเคลือบเงาหรือขัดพี้นไม้ลามิเนต
– ใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของสบู่ หรือน้ำยาขัดเงาต่างๆบนพื้นไม้ลามิเนต
– เดินบนพื้นไม้ลามิเนตขณะสวมรองเท้าส้นแหลม หรือรองเท้ากีฬาที่ปุ่มมีโลหะหรือเดือย
– ราดน้ำลงบนพื้นเพื่อทำความสะอาด นั่นอาจทำให้พื้นไม้ลามิเนตของคุณกลายเป็นลอนๆได้

 

AC Raingคืออะไร ?
AC Rating ของพื้นไม้ลามิเนตนั้นก็มีความสำคัญมากเหมือนกันเพราะจะบอกได้ว่า พื้นไม้ลามิเนตที่ใช้นั้นมีความทนทานมากแค่ไหน AC Rating ของพื้นไม้ลามิเนตคืออะไร? AC rating คือคำที่ใช้บอกถึงระดับความทนทานของพื้นไม้ลามิเนต มันถูกใช้โดยองค์กรอิสระที่ชื่อว่า European Producers of Laminate Flooring (EPLF) AC rating เป็นโค้ดบอกความทนต่อแรงบีบอัดของพื้นไม้ลามิเนต ซึ่งช่วยให้ลูกค้าเลือกผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้นและเหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น การกำหนด AC rating นั้น จะต้องมีการทดสอบหลายอย่างเช่น ความทนทานต่อการไหม้ รอยข่วน คราบ และการกระแทก และยังทดสอบไปถึงความทนทานต่อขาของเฟอร์นิเจอร์ ฐานเก้าอี้ หรืออะไรก็ตามที่ต้องวาง และเคลื่อนย้ายบนพื้นด้วย พื้นไม้ลามิเนตจะได้ตรา AC rating ต่อเมื่อผ่านการทดสอบทุกขั้นตอนแล้วเท่านั้น ถ้าไม่ผ่านแม้แต่ขั้นเดียวก็จะไม่ได้ใช้สัญลักษณ์ AC rating ทันที ระดับของ AC rating นั้นจะพิจารณาร่วมกับผลการทดสอบ และสถานที่ที่จะนำไม้ลามิเนตนั้นไปใช้ด้วย คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับ AC rating ระดับ AC rating ต่างๆจะแสดงใน diagram ข้างล่าง อธิบายถึงวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์และความทนทาน ระดับต่างๆจะถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
ระดับที่อยู่อาศัยและการค้า ซึ่งจะแบ่งย่อยออกไปตามความหนักเบาในการใช้งาน มีคนเดินผ่านไปมามาก (heavy) ทั่วไป (general) หรือปานกลาง (moderate) คำอธิบายของ AC rating สัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องและการใช้งานที่เหมาะสมจะถูกอธิบายดังนี้
AC 1 : 21 (ที่พักอาศัย, เดินผ่านปานกลาง : เหมาะกับห้องนอนหรือห้องรับแขก)
AC 2 : 22 (ที่พักอาศัย, เดินผ่านทั่วไป : เหมาะกับห้องนั่งเล่นหรือห้องทานอาหาร)
AC 3 : 23 (ที่พักอาศัย, เดินผ่านมาก : ใช้ได้ทุกที่)
AC 3 : 31 (สำหรับพื้นที่การค้า, เดินผ่านปานกลาง : เหมาะจะปูห้องในโรงแรมหรือ Office เล็กๆ)
AC 4 : 32 (สำหรับพื้นที่การค้า, เดินผ่านทั่วไป : สำนักงาน, ภัตตาคาร, ร้านเสริมสวย, คาเฟ่)
AC 5 : 33 (สำหรับพื้นที่การค้า, เดินผ่านมาก : อาคารสาธารณะ, ห้างสรรพสินค้า)ผู้ผลิตพื้นไม้ลามิเนตทุกรายจะถูกกำหนดให้ต้องทำตามมาตรฐานนี้เพื่อประโยชน์ของลูกค้า ลูกค้าจะต้องตรวจสอบ AC rating ก่อนจะซื้อพื้นไม้ลามิเนตโดยต้องพิจารณาถึงระดับความทนทานที่ต้องการด้วย


ติดต่อสอบถาม :
- Call : 081-6428556 ,  081-6428557
- Website : http://www.cctgroup.co.th
- Email : [email protected]
- Line : Lakkana99
- เบอร์โทรศัพท์ : 0816428557-6
- มือถือ : 0816428557-6


พื้นไม้ลามิเนต , พื้นไม้ลามิเนต คืออะไร , คุณสมบัติ พื้นไม้ลามิเนต , การดูแล รักษา พื้นไม้ลามิเนต

16
สวัสดีครับวันนี้ผมอยากจะมาพูดถึงเกี่ยวกับการนำเข้าเครื่องรีดต่างๆและการนำเข้าเครื่องจักรทุกชนิดของทางบริษัทเราครับ เครื่องรีดที่ทางบริษัทเรานำเข้านั้นจะมีทั้งเครื่องที่เป็นสกรูเดี่ยว (Single-screw extruder) และสกรูคู่ (Twin-screw extruder) ในส่วนของสกรูนั้นผมจะอธิบายในช่วงถัดไปครับ เครื่องรีดส่วนใหญ่ที่จะสั่งเข้ามามากก็จะเป็นพวกเครื่องรีด (Extrusion) ตัวโปรไฟล์ต่างๆ รีดท่ออุตสาหกรรม, รีดรางท่อแอร์ เครื่องฉีด (Injection) และเครื่องเป่า (Blow) เป็นต้น เอาล่ะครับ บางท่านอาจส่งสัยว่า สกรูเดี่ยว (Single-screw extruder) และสกรูคู่ (Twin-screw extruder) คืออะไร ต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน สกรูเดี่ยวหรือสกรูคู่เหมาะกับสินค้าที่คุณต้องการจะผลิต วันนี้ผมจะมาแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ

สกรูเดี่ยว (Single-screw extruder) และสกรูคู่ (Twin-screw extruder) คืออะไรและต่างกันอย่างไร
เครื่องอัดรีดแบบสกรูเดี่ยว (Single screw extruder) โดยทั่วไปเครื่องอัดรีดแบบสกรูเดี่ยวที่ใช้ในการแปรรูปพลาสติกมักใช้สกรูแบบธรรมดา ซึ่ง ไม่สามารถผสมสารเติมแต่งให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกับพลาสติกได้ เนื่องจากการหมุนของสกรูแบบนี้ไม่ ก่อนให้เกิดแรงเฉือนมากพอที่จะท าให้สารเติมแต่งต่างๆ เกิดการกระจายตัวได้ดีถึงระดับโมเลกุล ดังนั้นการใช้เครื่องอัดรีดแบบสกรูเดี่ยวในการคอมปาวด์พลาสติกจึงต้องปรับปรุงลักษณะของสกรู โดยการเพิ่มส่วนที่เพิ่มแรงเฉือนของสกรู



เครื่องอัดรีดแบบสกรูเดี่ยว(Single screw extruder)


ตัวอย่างการปรับปรุงลักษณะของสกรู

ส่วนเครื่องรีดสกรูคู่ (Twin screw extruder) เครื่องอัดรีดแบบสกรูคู่มักมีประสิทธิภาพการผสมสูงกว่าเครื่องอัดรีดแบบสกรูเดี่ยว ทั้งนี้ เนื่องจากแรงเฉือนที่เกิดขึ้นจากการหมุนของสกรูคู่สูงกว่า โดยลักษณะการหมุนของสกรูคู่มีสองแบบ ได้แก่ การหมุนในทิศทางเดียวกัน (Co-rotating screw) และการหมุนสวนทางกัน (Counter-rotating screw) โดยในการทำคอมปาวด์พลาสติกมักใช้เครื่องอัดรีดแบบสกรูคู่ที่มีลักษณะการหมุนของสกรูคู่ แบบหมุนในทิศทางเดียวกัน


รูป2.14 เครื่องอัดรีดแบบสกรูคู่(Twinscrew extruder)

จริงๆยังมีเครื่องอีกหลายอย่างที่ผมไม่ได้พูดถึงเลยทั้งเรื่องสกรูเดี่ยวที่ผมยังไม่ได้พูดถึงเลยด้วยซ้ำ และยังมีอีกหลายๆเครื่อง ถ้าท่านไหนสนใจผมคิดว่าติดต่อมามาหาเราโดยตรงหรือว่าอาจจะดูรูปสินค้าจากในเว็ปเราไปก่อนก็ได้ครับ เอาล่ะครับ ยังไงวันนี้ผมขอลาไปก่อนดีกว่าแต่กระทู้นี้ผมจะค่อยๆทยอยอัพเดทเครื่องไปเรื่อยๆจนครบนะครับ

http://www.cctgroup.co.th

17
สวัสดีครับวันนี้ผมอยากจะมาพูดถึงเกี่ยวกับการนำเข้าเครื่องรีดต่างๆและการนำเข้าเครื่องจักรทุกชนิดของทางบริษัทเราครับ เครื่องรีดที่ทางบริษัทเรานำเข้านั้นจะมีทั้งเครื่องที่เป็นสกรูเดี่ยว (Single-screw extruder) และสกรูคู่ (Twin-screw extruder) ในส่วนของสกรูนั้นผมจะอธิบายในช่วงถัดไปครับ เครื่องรีดส่วนใหญ่ที่จะสั่งเข้ามามากก็จะเป็นพวกเครื่องรีด (Extrusion) ตัวโปรไฟล์ต่างๆ รีดท่ออุตสาหกรรม, รีดรางท่อแอร์ เครื่องฉีด (Injection) และเครื่องเป่า (Blow) เป็นต้น เอาล่ะครับ บางท่านอาจส่งสัยว่า สกรูเดี่ยว (Single-screw extruder) และสกรูคู่ (Twin-screw extruder) คืออะไร ต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน สกรูเดี่ยวหรือสกรูคู่เหมาะกับสินค้าที่คุณต้องการจะผลิต วันนี้ผมจะมาแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ

สกรูเดี่ยว (Single-screw extruder) และสกรูคู่ (Twin-screw extruder) คืออะไรและต่างกันอย่างไร
เครื่องอัดรีดแบบสกรูเดี่ยว (Single screw extruder) โดยทั่วไปเครื่องอัดรีดแบบสกรูเดี่ยวที่ใช้ในการแปรรูปพลาสติกมักใช้สกรูแบบธรรมดา ซึ่ง ไม่สามารถผสมสารเติมแต่งให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกับพลาสติกได้ เนื่องจากการหมุนของสกรูแบบนี้ไม่ ก่อนให้เกิดแรงเฉือนมากพอที่จะท าให้สารเติมแต่งต่างๆ เกิดการกระจายตัวได้ดีถึงระดับโมเลกุล ดังนั้นการใช้เครื่องอัดรีดแบบสกรูเดี่ยวในการคอมปาวด์พลาสติกจึงต้องปรับปรุงลักษณะของสกรู โดยการเพิ่มส่วนที่เพิ่มแรงเฉือนของสกรู



เครื่องอัดรีดแบบสกรูเดี่ยว(Single screw extruder)


ตัวอย่างการปรับปรุงลักษณะของสกรู

ส่วนเครื่องรีดสกรูคู่ (Twin screw extruder) เครื่องอัดรีดแบบสกรูคู่มักมีประสิทธิภาพการผสมสูงกว่าเครื่องอัดรีดแบบสกรูเดี่ยว ทั้งนี้ เนื่องจากแรงเฉือนที่เกิดขึ้นจากการหมุนของสกรูคู่สูงกว่า โดยลักษณะการหมุนของสกรูคู่มีสองแบบ ได้แก่ การหมุนในทิศทางเดียวกัน (Co-rotating screw) และการหมุนสวนทางกัน (Counter-rotating screw) โดยในการทำคอมปาวด์พลาสติกมักใช้เครื่องอัดรีดแบบสกรูคู่ที่มีลักษณะการหมุนของสกรูคู่ แบบหมุนในทิศทางเดียวกัน


รูป2.14 เครื่องอัดรีดแบบสกรูคู่(Twinscrew extruder)

จริงๆยังมีเครื่องอีกหลายอย่างที่ผมไม่ได้พูดถึงเลยทั้งเรื่องสกรูเดี่ยวที่ผมยังไม่ได้พูดถึงเลยด้วยซ้ำ และยังมีอีกหลายๆเครื่อง ถ้าท่านไหนสนใจผมคิดว่าติดต่อมามาหาเราโดยตรงหรือว่าอาจจะดูรูปสินค้าจากในเว็ปเราไปก่อนก็ได้ครับ เอาล่ะครับ ยังไงวันนี้ผมขอลาไปก่อนดีกว่าแต่กระทู้นี้ผมจะค่อยๆทยอยอัพเดทเครื่องไปเรื่อยๆจนครบนะครับ

http://www.cctgroup.co.th

18
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กระทู้

หน้า: [1] 2 3 ... 8