แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - PostDD

หน้า: 1 ... 218 219 [220] 221 222 ... 233
3943


สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JP ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนา ผลิตและจำหน่าย ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีจุดแข็งทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความสามารถนำองค์ความรู้ตามหลักวิทยาศาสตร์มาพัฒนาเป็นสินค้าเชิงพาณิชย์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันที่ดีขึ้นและสนับสนุนกลยุทธ์องค์กรที่มีเป้าหมาย ต้องการผลักดันการเติบโตด้วยผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ (Own Brand)

โดยมีแผนงานนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพสูงของบริษัทฯ เช่น ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณและผลิตภัณฑ์สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับบำรุงสุขภาพและความงาม รวมถึงใช้ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ด้านธุรกิจยาและสมุนไพรมานานกว่า 70 ปี เพื่อรองรับเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบันหันมาใช้ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย จากการเลือกใช้ยาแผนโบราณและผลิตภัณฑ์สมุนไพรเป็นทางเลือกในการป้องกันและรักษาโรคมากขึ้น   

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้นำศักยภาพการผลิตของโรงงานทั้ง 2 แห่ง ที่กรุงเทพฯและจังหวัดลำพูน ที่มีการรับรองมาตรฐานการผลิตสำหรับการผลิตยา (GMP PIC/s) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข สอดคล้องและทัดเทียมกับมาตรฐานของสหภาพยุโรปและมาตรฐาน GMP มาสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างเป็นระบบและครบวงจรเพื่อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง มีความหลากหลายทั้งขนาด ส่วนผสม และรูปแบบ

ทำให้ JP สามารถตอบสนองการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้บริโภคเข้าสู่สังคมแห่งการดูแลสุขภาพ  ช่วยสนับสนุนแผนขยายฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มรับจ้างผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ลูกค้า (OEM) ซึ่งบริษัทฯ ให้การบริการที่ครอบคลุม ตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาสินค้า การคิดค้นและพัฒนาสูตร การขอทะเบียนตำรับยาหรือการจดแจ้งเลขสารบบอาหาร (เลข อย.) การออกแบบบรรจุภัณฑ์และควบคุมการผลิตให้มีคุณภาพ


ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JP กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์สุขภาพในเชิงดูแลป้องกันและรักษาโรค ภายใต้ตราสินค้าบริษัทฯ ประกอบด้วย (1) กลุ่มผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาผู้ป่วย ภายใต้ตราสินค้า COXTM ได้แก่ ยาแก้ไอชนิดน้ำเชื่อม ยาน้ำแก้ไข้และยาคุมกำเนิด (2) ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สกัดจากธรรมชาติ ที่ใช้ทั้งภายในและภายนอก ภายใต้ตราสินค้า สุภาพโอสถTM เช่น ยาเม็ดสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ยาแก้ไข้ ยาบำรุงโลหิต ยาขับลม ยาแคปซูลผสมเถาเอ็นอ่อน ยาหม่อง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สกัดจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันสกัดเย็น 4 ชนิด  และสาหร่ายสไปรูริน่า

(3) กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับบำรุงสุขภาพและความงาม ภายใต้ตราสินค้า EVITONTM  ได้แก่ ผลิตภัณฑ์คอลลาเจน ผลิตภัณฑ์วิตามินรวม ผลิตภัณฑ์สารสกัดน้ำมันธรรมชาติ (4) กลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ภายใต้ตราสินค้า JSPTM ที่ระดับความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ ตั้งแต่ร้อยละ 70-95 ด้วยบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย รับความต้องการใช้ในครัวเรือนจนถึงกลุ่มอุตสาหกรรม และ (5) ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เป็นการจัดซื้อเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาเพื่อจำหน่ายแก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชน

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายก้าวสู่บริษัทชั้นนำด้านการวิจัย ผลิตและจัดจำหน่ายยา เวชภัณฑ์และ[^_^] เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ผ่านแนวทางการตลาดมุ่งสร้างตราสินค้าของตัวเองให้เข็มแข็งและขยายช่องทางจัดจำหน่ายให้มีความหลากหลาย (Multi -Channel Marketing) ทั้งร้านขายยาทั่วไป ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ร้านสะดวกซื้อ ทีวีโฮมช้อปปิ้ง และช่องทางออนไลน์ (Online Channel) ในมาร์เก็ตเพลส เช่น Shopee Lazada เป็นต้น เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทั่วถึง รวมถึงขยายช่องทางจำหน่ายไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ผ่านรูปแบบแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศ

นางสาวจิรดา แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน JP กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2561-2563) บริษัทฯ สามารถผลักดันการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขาย 3 ปีย้อนหลัง อยู่ที่  348.88 ล้านบาท 360.69 ล้านบาท และ 455.64 ล้านบาทตามลำดับ ซึ่งตลอดระยะที่ผ่านมาที่บริษัทฯ ได้มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณและผลิตภัณฑ์สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ Own Brand ทำให้มีสัดส่วนรายได้ปรับตัวดีขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 21-25%

และยังช่วยส่งเสริมความสามารถการทำกำไรขั้นต้นที่ดีกว่าการรับจ้างผลิต OEM ทำให้กำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือทำได้ 12.39 ล้านบาทในปี 2561 เพิ่มเป็น 23.57 ล้านบาทในปี 2562 และในปี 2563 เติบโตเพิ่มเป็น 31.08 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 3.52 ร้อยละ 6.44 และร้อยละ 6.72 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยลบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 (มกราคม-มีนาคม) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 94.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 7.48 ล้านบาท

นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจาก บมจ.โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) หรือ JP ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 115 ล้านหุ้น และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)

โดยจะนำเงินที่ระดมทุนได้ไปยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันในทุกมิติ ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การขยายตลาด การสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ การปรับปรุงและขยายโรงงานทั้ง 2 แห่ง ส่วนที่เหลือนำไปชำระเงินกู้สถาบันการเงินและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานต่อไป ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับ 1 แบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายโชษิต เดชวนิชยนุมัติ  กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม อัลฟา แคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวว่า บริษัทฯ มีศักยภาพและความพร้อมรุกขยายตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพทั้งในเชิงดูแลป้องกันและการรักษา ด้วยกลยุทธ์นำเสนอนวัตกรรมที่มีคุณภาพสูง ในกลุ่มยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณและผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ตราสินค้าของตัวเอง

พร้อมแผนทำตลาดสร้างการรับรู้ในตราสินค้าไปสู่กลุ่มเป้าหมายและขยายช่องทางการจำหน่ายผ่าน Online เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภค ตลอดจนแผนขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV รวมถึงนำความสามารถด้านการผลิตของโรงงานทั้ง 2 แห่งเข้าช่วยผลักดันฐานลูกค้า OEM  เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

3944


นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ดูแลธุรกิจ SCG HOME Retail & Distribution Business ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี เปิดเผยว่า SCG HOME เล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้ประกอบการขนาดเล็กมีส่วนในการเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่นให้เข้มแข็ง และเป็นรากฐานที่ผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต จึงมุ่งมั่นสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีอยู่เกือบหนึ่งแสนรายทั่วประเทศ ยังต้องการการเข้าถึงโอกาสและช่องทางในการพัฒนาศักยภาพ พร้อมทั้งต้องการเครื่องมือการตลาดแนวใหม่ เพื่อยกระดับการเป็นผู้ประกอบการมืออาชีพ

โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ SCG HOME ได้จับมือร่วมกับกองส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน กรมส่งเสริมการเกษตร จัดอบรมสัมมนาออนไลน์ภายใต้หัวข้อ ‘ติดอาวุธพัฒนาสินค้า บริการ ตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิทัล’ จุดประกายความคิดให้แก่ผู้ประกอบการรายเล็ก และนำองค์ความรู้ไปพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการเพิ่มช่องทางตลาดออนไลน์ และแนวทางการสื่อสารรูปแบบใหม่ไปยังผู้บริโภค ตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคและวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) เพื่อที่ผู้ประกอบการรายย่อยจะสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพิ่มทางเลือกสินค้าให้มีความหลากหลายกับผู้บริโภค

รวมทั้งเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ขยายฐานของกลุ่มลูกค้าออกไปในวงกว้างมากขึ้น และผลักดันการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเสริมศักยภาพรูปแบบการจัดจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ที่จะเป็นช่องทางหลักในการจำหน่ายสินค้าในอนาคต ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการยังสามารถพัฒนาศักยภาพด้านการบริหารธุรกิจ และองค์ความรู้ในการพัฒนาสินค้าและปรับเปลี่ยนการทำงานให้เป็นระบบมากขึ้น และนอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการรายย่อยด้วยกันเอง แบ่งปันองค์ความรู้ นำไปต่อยอดเป็นธุรกิจ และพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ มากยิ่งขึ้น

สำหรับผู้ประกอบการรายเล็กไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจประเภทใด ก็สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการพัฒนาศักยภาพของตนให้เข้มแข็งได้ ดังเช่น วิสาหกิจชุมชน ดังนี้

วิสาหกิจชุมชนหัตถกรรมไทบุราณศิลป์ ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดบูชา พานตั้งโต๊ะ และพวงมาลัยคริสตัล นำโดย นางขนิษฐา อุทิศวรรณกุล กล่าวว่า ถึงแม้ว่าทางกลุ่มฯ เพิ่งเข้าร่วมอบรมสัมมนาออนไลน์กับทาง SCG HOME เป็นครั้งแรก แต่ได้รับประโยชน์มาก สามารถนำองค์ความรู้กลับมาพัฒนาศักยภาพได้จริง เช่น การพัฒนาต่อยอดสินค้าใหม่ ๆ โดยนำเศษผ้าไหมที่เหลือทิ้งมาสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์ให้มากขึ้น เนื่องจากช่วงโควิด – 19 แพร่ระบาด ทำให้ไม่สามารถออกบูธจำหน่ายสินค้า และขายผ่านหน้าร้านตามปกติได้ เนื่องจากจำเป็นต้องปิดร้านที่สนามหลวง 2 ไปชั่วคราว และหาช่องทางการจำหน่ายช่องทางออนไลน์แทน อาทิ อี-มาร์เก็ตเพลส ช่องทางโซเชียล เน็ตเวิร์คต่าง ๆ

วิสาหกิจชุมชนภูมิปัญญาไทยบ้านโพธิ์ ผู้ผลิตและจำหน่ายไข่เค็มชาร์โคล น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างเครื่องประดับ และสบู่นมแพะ จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำโดย นางปรียาพร เทียนหล่อ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มฯ มีความเชี่ยวชาญในการนำสมุนไพรไทยมาใช้ให้เกิดประโยชน์และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้าน หลังจากได้เข้าร่วมอบรมกับทาง SCG HOME ช่วยให้มีกระบวนการคิดและบริหารธุรกิจอย่างเป็นระบบมากขึ้น เช่น ในสถานการณ์โควิด-19 การจะลงทุนทำอะไรเพิ่มต้องคิดและวิเคราะห์มากขึ้น ทั้งสามารถต่อยอดและพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ เช่น การนำกากของผลมะกรูดที่เหลือจากการผลิตสบู่ มาต้มต่อและผลิตเป็นน้ำยาล้างจาน แทนที่จะทิ้งให้สูญเปล่า รวมทั้ง ยังได้รับเทคนิคในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อใหม่ ๆ อาทิ การสร้างเพจ การโพสต์รูปสินค้า และยังได้กลุ่มเพื่อนใหม่จากการเข้าร่วมอบรม มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กันและบอกต่อผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มค้าใหม่ๆ

วิสาหกิจชุมชนกลิ่นเอมนาโน กลุ่มผู้ผลิตเวชสำอางค์ ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากสารสกัดออร์แกนิคธรรมชาติ 100% ซึ่งล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบในประเทศไทยทั้งสิ้น ที่มีสมาชิกกลุ่มตั้งแต่เกษตรกรต้นน้ำ ไปจนถึงนักวิชาการ และโรงงานผลิต โดยนางสุวิภา เสริมบุญสร้าง มองว่า การจัดสัมมนาออนไลน์ของทาง SCG HOME เป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์อย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาทางกลุ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 แพร่ระบาด ไม่สามารถไปออกบูธขายสินค้าได้เหมือนแต่ก่อน จนมามองเห็นโอกาสในการขยายตลาดผ่านช่องทางดิจิทัล ได้ความรู้และทักษะในการขายของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้จากเดิมที่ลูกค้าห่างหายไป หลังจากเพิ่มช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ ลูกค้าที่เคยซื้อกลับมาซื้อซ้ำและยังได้กลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่ม

วิสาหกิจชุมชนกาแฟรัษฎาและแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร จากจังหวัดตรัง ผู้ผลิตและจำหน่ายเมล็ดกาแฟคั่วแบบดั้งเดิม สบู่กาแฟ และชาดอกกาแฟ ซึ่ง นางกนกวรรณ คำเนตร ให้ความเห็นว่า โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดเล็ก ของ SCG HOME เป็นโครงการที่เห็นความสำคัญของชุมชน และช่วยเหลือชุมชนโดยตรง ทั้งยังให้โอกาสกับกิจการขนาดเล็กของชุมชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ ซึ่งถือว่าให้ประโยชน์อย่างมากแก่ผู้ประกอบการ เช่น ด้านการขยายช่องทางออนไลน์ ทำให้ตอนนี้ทางกลุ่มฯ สามารถขยายช่องทางออนไลน์ไปในหลายแพลตฟอร์ม ตอบรับกับในขณะนี้ไม่สามารถเปิดหน้าร้านจำหน่ายสินค้าไม่ได้ก็ต้องอาศัยช่องทางออนไลน์ และในอนาคตก็หวังว่าอยากให้มีสัดส่วนขายออนไลน์เพิ่มมากขึ้น

นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า SCG HOME รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็ก ให้สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมอบรมสัมมนาไปใช้ได้จริง และจะเดินหน้าโครงการที่เป็นประโยชน์แก่สังคมและชุมชนนี้ไปอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เพียงมีส่วนช่วยประคับประคองธุรกิจขนาดเล็กในช่วงที่ภาวะตลาดยังมีความผันผวนเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่จะเป็นภูมิคุ้มกันและเสริมรากฐานช่วยสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจรายย่อยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย.

3945
ยื่นภาษีออนไลน์ง่าย ๆ ผ่าน E-FILING ทำอย่างไร ❓https://www.chatstickmarket.com/single-post/easyonlinetaxfilingviae-filing-howtodoit

 

3946


นายสมชาย อัศวปิยานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ และนายอัครเดช เลี่ยมเจริญ ผู้อำนวยการด้านบัญชีและการเงิน บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NSL ร่วมบรรยายและนำเสนอข้อมูลผลประกอบการไตรมาส 2/2564 และผลประกอบการรวมครึ่งปีแรก บนแพลตฟอร์มออนไลน์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยผลประกอบการครึ่งปีแรกสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 98.9 เปอร์เซ็นต์ รายได้รวมแตะ 1,563 บาท

สำหรับทิศทางธุรกิจและกลยุทธ์ในครึ่งปีหลังที่บริษัทฯ ได้มีการวางแผนและปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับภาวะทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ตามกลยุทธ์ Nutrition Sustainable for Life ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

การเติบโตอย่างมั่นคงไปพร้อมกับพาร์ทเนอร์เซเว่น อีเลฟเว่น (CPALL) โดยเฉพาะในส่วนของบริการจัดส่งถึงที่หรือเดลิเวอรี่ ซึ่งได้แรงหนุนจากเวิร์คฟอร์มโฮมในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยจะมีการออกแคมเปญโปรโมชั่นมากขึ้น ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มคนวัยทำงานส่วนใหญ่ พร้อมทั้งพัฒนาสินค้าเอกซ์คลูซีฟให้ลูกค้าได้พรีออเดอร์

เพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มคัดสรร (Kudsan) ที่จะวางขายสินค้าประเภทเบเกอรี่ซึ่งทางบริษัทฯ มีความถนัดและเชี่ยวชาญในการพัฒนาคุณภาพและรสชาติที่ถูกปากผู้บริโภค

ร่วมกับคู่ค้าขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน NSL มีศักยภาพที่จะขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะเริ่มจากประเทศกัมพูชา ด้วยการส่งออกสินค้าขายดีอย่างแซนวิชอบร้อนและสินค้าเบเกอรี่ จัดจำหน่ายในสาขาร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่นในกัมพูชา

เพิ่มกำลังการผลิตในกลุ่มสินค้าขายดี บริษัทฯ พร้อมขยายกำลังการผลิตในกลุ่มสินค้าที่ประเมินว่าจะมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมากในอนาคต เช่น กลุ่มครัวซองค์

นายสมชาย อัศวปิยานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ให้ความมั่นใจกับนักลงทุนในเรื่องของแผนการลงทุนในอนาคตจะเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทฯ ได้วางไว้ ในเรื่องของการขยายสายการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์ Ready-to-eat ซึ่งงบประมาณการลงทุนประมาณ 350 ล้านบาท โดย 240 ล้านสำหรับก่อสร้างอาคารและ 110 ล้านบาทสำหรับลงทุนเครื่องจักร โดยจะเริ่มจากก่อสร้างอาคารภายในครึ่งหลังของปี 2565 ตามมาด้วยลงทุนเครื่องจักรและเริ่มผลิตภายในครึ่งหลังของปี 2566

3947


"20Something Bar" ร้านอาหารกึ่งบาร์ชื่อดังแห่งย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา ประกาศปิดอย่างเป็นทางการ หลังทนวิกฤตโควิดครั้งนี้ไม่ไหว ด้านลูกค้าแห่คอมเมนต์รู้สึกใจหาย

เมื่อวันที่ 19 ส.ค. เพจ "20Something Bar" หรือ ร้าน ทเวนตี้ ซัมติง บาร์ ร้านอาหารกึ่งบาร์ชื่อดังแห่งย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา ประกาศปิดอย่างเป็นทางการ รับวิกฤตโควิดครั้งนี้ไม่ไหว โดยระบุข้อความว่า "งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา วันนี้ถึงเวลาที่ร้าน 20somethingbar ต้องเลิกลาแล้ว...

จากวิกฤตโรคระบาดที่เกิดขึ้น ทางร้านได้ทำการปรับตัว และยื้อจนร้านไม่สามารถไปต่อได้แล้วจริงๆ ถึงวันนี้ค่าเช่ายังคงต้องจ่าย ค่าไฟที่ต้องเปิดเพื่อให้คนมาเฝ้าของกันขโมย มันหนักหนาตั้งแต่โควิดครั้งแรก จนมาถึงวันนี้...ทางร้านจึงขอประกาศปิดตัวลงอย่างเป็นทางการ

ขอบคุณสำหรับความทรงจำตลอด​เกือบ​ 12​ ปี​ เราเชื่อว่าหลายคนมีความทรงจำมากมายกับที่นี่แน่นอน​ ใครอยากแชร์​ความทรงจำอะไรใส่ไว้ในคอมเม้นได้เลยนะครับ แล้วเรามาอ่านด้วยกัน

ส่วนท่านใดที่สนใจบริหารร้านต่อ สนใจเซ้งร้าน หรือสนใจจะเซ้งแต่ชื่อร้าน 20something และสื่อ โซเชียล เพื่อไปทำร้านต่อในพื้นที่อื่นๆในอนาคตสามารถติดต่อได้ที่ Line: nookp Tel : 081-8257555 , 061-6524246"

3948


“บล.กรุงศรี” คาดหุ้นไทยวันนี้ (20 ส.ค.) แกว่งตัว 1,535-1,555จุด ปัจจัยบวกวลับลบ แม้มีแรงเฟดลดคิวอีในปีนี้ -ราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลง-ม็อบไล่รัฐบาลยืดเยื้อกดดันแต่ยอดผู้ติดเชื้อโควิดเริ่มทรงตัว ฉีดวัคซีนเร่งตัว หวังผ่อนคลายล็อกดาวน์หนุน

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี จำกัด เปิดเผยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (20 ส.ค.2564) คาดดัชนี SET แกว่งตัว 1,535 – 1,555 จุด จากปัจจัยบวกและลบที่คละเคล้าโดยภาวะตลาดมีแรงกดดันจาเฟด ส่งสัญญาณลดการใช้ คิวอีลงในปีนี้ รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงแรงและการชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่ยืดเยื้อ อย่างไรก็ตามยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเริ่มทรงตัวรวมถึงการฉีดวัคซีนที่เร่งตัวขึ้นจึงคาดหวังการผ่อนคลาย ล็อกดาวน์ ซึ่งช่วยหนุนเศรษฐกิจและภาวะการลงทุน


กลยุทธ์การลงทุน แนะเลือกลงทุน ( Selective Buy) เช่น กลุ่มส่งออก HANA KCE TU CPF GFPT ASIAN EPG NER อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า ,กลุ่มเดินเรือ PSL TTA RCL แนวโน้มค่าระวางเรือปรับตัวขึ้น และกลุ่มเปิดเมือง AOT CPN CRC HMPRO AAV BA MINT CENTEL AMATA WHA 

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ EPG (ปิด 12.6 ซื้อ/เป้า 16 บาท) แนวโน้ม 2Q22 (ก.ค.- ก.ย.) ยังแกร่งต่อจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของทั้ง 3 ธุรกิจ คือ ฉนวนกันความร้อน, ชิ้นส่วนรถยนต์ และ Packaging ขณะที่วันนี้ได้ Sentiment บวกจากเงินบาทอ่อนค่าและน้ำมันดิบร่วงแรงหนุนมาร์จิ้นเพิ่ม

และTMT (ปิด 11 ซื้อ/เป้า 12.5) ดักซื้อก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 27 ส.ค. ให้เงินปันผล 0.6 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield 5.5% ขณะที่แนวโน้ม 3Q21 ยังดีต่อเนื่องจากราคาเหล็กยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงและคาดว่าตลาดจะทยอยปรับเพิ่มคาดการณ์

3949


ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวว่า เขาและนางจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง จะเข้ารับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เข็มที่ 3 เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

“เราจะรับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น” ปธน.ไบเดนกล่าวในการสัมภาษณ์สำนักข่าวเอบีซี

ด้านผู้นำด้านสาธารณสุขของสหรัฐออกแถลงการณ์ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐจะเริ่มทำการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เข็มที่ 3 ให้แก่ชาวอเมริกันในเดือนก.ย. หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันไวรัสโควิด-19 จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป


“เราได้เตรียมพร้อมที่จะทำการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้แก่ชาวอเมริกันทุกคนเริ่มตั้งแต่สัปดาห์ของวันที่ 20 ก.ย.” แถลงการณ์ระบุ

แถลงการณ์ดังกล่าวลงนามโดยแพทย์หญิงโรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี), แพทย์หญิงเจเน็ต วู้ดคอก รักษาการประธานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ), นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว และผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (เอ็นไอเอไอดี) รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐอีกหลายราย

การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากเอฟดีเอและการพิจารณาทบทวนของคณะกรรมการที่ปรึกษาวัคซีนของซีดีซี ส่วนผู้ที่จะได้รับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ได้แก่ ผู้ที่เคยได้รับการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นามาก่อน

ซีดีซี เปิดเผยว่า ในขณะนี้ ชาวอเมริกันจำนวน 72.2% ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 1 เข็ม ขณะที่จำนวน 61.8% ได้รับการฉีดครบโดสแล้ว

3950


วันนี้(19 ส.ค.64) นายเบญจพล นาคประเสริฐ กรรมการบริหาร ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ในประเทศไทย ทำให้ความต้องการสมุนไพรฟ้าทะลายโจรมีความต้องการเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้มีการประกาศในบัญชียาหลักของ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ฉบับที่ 2 พ.ศ.2564 โดยมีฤทธิ์ช่วยในการรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ที่อาการไม่รุนแรงได้ ดังนั้นหน่วยงานราชการ เช่น กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร รวมถึงวิสาหกิจชุมชน จึงได้มีโครงการเพาะขยายพันธุ์ฟ้าทะลายโจรอย่างเร่งด่วน เพื่อแจกจ่ายให้เกษตรกรนำไปขยายพันธุ์



ทั้งนี้จากการสำรวจภายในพื้นที่ของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พบว่ามีต้นฟ้าทะลายโจรขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากกว่า 300,000 ต้น ที่พร้อมจะส่งต่อให้เกษตรกรและหน่วยงานที่สนใจนำไปเพาะขยายพันธุ์ และใช้ประโยชน์ในการรักษาอาการของผู้ป่วยโควิด 19 ระยะไม่รุนแรง รวมทั้งการต่อยอดการสร้างรายได้ให้เกษตรกรต่อไป ซึ่งเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ตั้งเป้าหมายที่จะส่งมอบต้นกล้าฟ้าทะลายโจร จำนวน 250,000 ต้น ให้แล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2564 โดยขณะนี้ได้ส่งมอบต้นกล้าฟ้าทะลายโจรให้แก่หน่วยงานต่างๆ แล้วจำนวนกว่า 200,000 ต้น และหลังจากส่งมอบครบจำนวน 250,000 ต้น แล้ว ต้นกล้าฟ้าทะลายโจรในส่วนที่เหลือ จะมีการเพาะขยายพันธุ์ เพื่อใช้ประโยชน์ในปีต่อไป สำหรับหน่วยงานที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ งานประชาสัมพันธ์ สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โทร. 053-999000 หรือ Facebook : เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Chiang Mai Night Safari, LineOA: nightsafari

อ้างอิง https://th.wikipedia.org/wiki/ฟ้าทะลายโจร

3951
 ข้าวหอมสุรินทร์   ข้าวปลอดสารพิษส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" /  ข้าวมะลินิลปลอดสารพิษ คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




  ปลูกข้าวหอมมะลิอินทรีย์ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   กลุ่มข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก ข้าวปะกาอำปึลเลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ข้าวหอมมะลิแดงออแกนิก เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก  ขายข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์ แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิค
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--22c6daqhyo0am1a6t.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวเกษตรอินทรีย์หอมมะลิ
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิเกษตรอินทรีย์
3.  ข้าวปะกาอำปึลorganic
4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ปลอดสารสุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์6. ข้าวกล้องหอมมะลินิลสุขภาพ7. ข้าวไรซ์เบอร์รี่organic


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 

 
 

3952


ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการตรวจพบโควิดบนบรรจุภัณฑ์ทุเรียนไทยในมณฑลเจียงซี ซึ่งเป็นการสุ่มตรวจเชื้อตามปกติในพื้นที่ และส่งผลให้สำนักงานป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แขวงซงโจว เขตไป๋หยุน นครกว่างโจว ออกประกาศเกี่ยวกับการระงับทุเรียนไทยที่มีแหล่งผลิตในบางพื้นที่ของไทย ไม่ให้เข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ซึ่งมีตลาดเจียงหนานเป็นตลาดค้าส่งขนาดใหญ่และตลาดอื่น ๆ เนื่องจากพบความเชื่อมโยงจากกรณีของมณฑลเจียงซี  จึงได้มอบหมายให้ นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับผิดชอบประเด็นดังกล่าว โดยสั่งการให้ทูต/กงสุลเกษตรในจีนประสานงานแก้ไขปัญหาและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง จนมีการยกเลิกประกาศฯ สามารถปลดล็อคการระงับการจำหน่ายในตลาดเจียงหนาน นครกว่างโจวได้สำเร็จ



ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 ตลาดค้าส่งผักและผลไม้เจียงหนาน นครกว่างโจว ซึ่งเป็นตลาดผักผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของจีน ได้ออกประกาศการกลับมาดำเนินการปกติ ไม่มีการห้ามสินค้าผลไม้ไทยมาจำหน่ายในตลาด แต่จะอนุญาตให้สินค้าผลไม้ที่มีรับรองครบเท่านั้นถึงจะเข้าตลาดได้ คือ ใบรับรองการผ่านพิธีการศุลกากร ใบตรวจสอบกักกัน ใบรับรองการฆ่าเชื้อ และผลการตรวจโควิด ทั้งนี้ ขอให้ผู้ประกอบการอย่าหลงเชื่อข่าวลือ (fake news)


นอกจากนี้ นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เตรียมนัดหมายหารือทวิภาคีกับฝ่ายจีนเพื่อหารือร่วมกันแก้ไขปัญหาและผลักดันผลไม้ไทยสู่ตลาดจีน พร้อมทั้งได้แจ้งให้ผู้ประกอบการและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องของไทยเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันเชื้อโควิดปนเปื้อนในผลไม้ไทยส่งออก ต้องทำการฆ่าเชื้ออย่างรัดกุมและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าสินค้าเกษตรไทยมีมาตรการคุมเข้มการป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโควิดตั้งแต่ต้นทาง

 


นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวว่า  จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงระบาดในไทยและหลายประเทศทั่วโลก ประกอบกับไทย  ยังมีอัตราผู้ติดเชื้อ    ในประเทศสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายฝ่ายต่างเกิดความกังวลนั้น

 ในส่วนของสินค้าเกษตรทั้งในประเทศและสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออก  ทาง ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเข้มงวดในมาตรการป้องกันการปนเปื้อนเชื้อของสินค้าเกษตรในทุกกระบวนการให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ  โดยมีการกำชับและคุมเข้ม ครอบคลุมในทุกมาตรการ ตั้งแต่มาตรการเฝ้าระวังและป้องกันสำหรับเกษตรกรในการดูแลตนเอง การทำความสะอาดพื้นที่และสวนเกษตร

 

 มาตรการสำหรับผู้ประกอบการสถานประกอบการโรงคัดบรรจุผลไม้ (ล้ง) และมาตรการสำหรับผู้ปฏิบัติงาน ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าเกษตร  มีการเฝ้าระวัง ตั้งแต่การพ่นยาฆ่าเชื้อตั้งแต่ต้นทางจากสวน จนถึงระบบขนส่ง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ภายในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชของกรมวิชาการเกษตร ติดตามกำกับดูแลที่โรงคัดบรรจุให้ปฏิบัติตามมาตรการ และตรวจสอบใบรับรอง GAP และศัตรูพืช เพื่อออกใบรับรองสุขอนามัยพืชให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกอย่างเคร่งครัด โดยยึดตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO)  และ องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO)

ขณะที่ด้านปศุสัตว์ ได้เน้นย้ำมาตรการป้องกันอย่างเต็มที่ โดยกรมปศุสัตว์ กรมควบคุมโรค ร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ และผู้ประกอบการ มีมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในโรงงาน และตรวจสอบประสิทธิภาพในการควบคุมความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีการเก็บสินค้าตัวอย่าง หากพบมีความเสี่ยงหรือปนเปื้อนเชื้อ กรมปศุสัตว์จะไม่อนุญาตให้ทำการจำหน่ายหรือส่งออกในทันที นอกจากนี้   จากที่โรงานผลิตมีขอบเขตพื้นที่ชัดเจน ดังนั้น หากพบการติดเชื้อของพนักงานในโรงงาน จะสามารถคัดแยกผู้ติดเชื้อออกได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นไปตามแนวทางบับเบิลแอนด์ซีล (Bubble and Seal) ของกรมควบคุมโรค



สำหรับสินค้าประมง กรมประมงได้เข้มงวดระบบการควบคุมตรวจสอบ ตั้งแต่ต้นทาง เช่น เรือประมง มีการผ่านการตรวจสอบ มาตรฐานสุขอนามัย มีมาตรฐานการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งจะต้องได้มาตรฐานการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดี (GAP) โดยสินค้าประมงส่งออก     มีการควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยตลอดสายการผลิต ตั้งแต่วัตถุดิบที่นำเข้าโรงงาน กระบวนการในการแปรรูป การบรรจุ              ตามมาตรฐาน Good Man.cturing Practice หรือ GMP และ Hazard Analysis Critical Control Point หรือ HACCP เพื่อให้ ระบบคุณภาพของโรงงานและผลิตภัณฑ์เป็นไปตามมาตรฐานสากล  นอกจากนี้ กรมประมงได้ร่วมกับผู้ประกอบการ กำหนดมาตรการ ในการเฝ้าระวัง ติดตามและดูแลแรงงานในสถานประกอบการตามมาตรฐานการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ทางกระทรวง สาธารณสุขกำหนดไว้ทั้งมาตรการ Bubble and seal และอื่นๆ ที่จำเป็น


“ผมขอเรียนให้ประชาชนผู้บริโภคสินค้าเกษตร ทั้งในประเทศและต่างประเทศ คลายความกังวลและสบายใจได้ว่า             กระบวนการผลิตสินค้าเกษตรไทย ปราศจากการปนเปื้อนเชื้อโควิด-19  โดยหลายประเทศ ในขณะนี้ ได้ยกระดับมาตรการควบคุมเพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโควิด-19 ในสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก สินค้านำเข้าจะต้องมีการฆ่าเชื้อบรรจุภัณฑ์ก่อนเข้าสู่ตลาดในประเทศต่าง ๆ และตรวจถูกตรวจเพื่อหาเชื้อโควิด-19”

 ซึ่งปลัดกระทรวงเกษตรฯ ได้สั่งการและกำชับให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯ เข้มงวดตลอดสายการผลิตให้มากยิ่งขึ้น มีการสุ่มเก็บตัวอย่างสินค้า ทั้งกลุ่มพืช ไม้ผล ปศุสัตว์ ประมง เพื่อตรวจสอบการปนเปื้อน อย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมา ยังไม่พบการปนเปื้อนของเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใดในกระบวนการผลิตสินค้าเกษตร นอกจากนี้            ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการทุกท่าน ควบคุม กำกับดูแล ป้องกันการปนเปื้อนของเชื้ออย่างเข้มงวดให้มากกว่าเดิม ทั้งนี้ หากมีการตรวจพบเชื้อปนเปื้อนในกระบวนการผลิต กระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพณิชย์ กระทรวงแรงงาน และผู้ประกอบการ เราจะร่วมมือกันในการตรวจสอบย้อนกลับ ถึงสาเหตุการปนเปื้อนอย่างเร่งด่วนและเร่งแก้ปัญหาในทันที” 

3953


นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวจากอุปสงค์ที่ยังไม่ฟื้นตัวเนื่องจากตลาดยังคงกังวลกับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ที่ขยายวงกว้างทั่วโลก ส่งผลทำให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในบางประเทศปรับตัวลดลง โดยญี่ปุ่นได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในหลายจังหวัดครอบคลุมกว่า 70% ของประชากร ขณะที่จีนประกาศมาตรการจำกัดการเดินทางและยกเลิกเที่ยวบินแม้ว่าจะมีแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นหลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้านเหรียญ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงความต้องการน้ำมันจากอินเดียที่เพิ่มขึ้นหลังโควิด-19คลี่คลาย

ทั้งนี้ราคาน้ำมันตลาดโลก (วันที่ 9 – 15 สิงหาคม 2564) ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 69.79 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 68.31 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.39 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 1.16 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ ซึ่งนักลงทุนวิตกว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน โดยโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน 2564 ความต้องการใช้น้ำมันยังถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดลดลงจากระดับ 2.3 ล้านบาร์เรล/วัน ไปอยู่ที่ระดับ 1 ล้านบาร์เรล/วัน และยังคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัวขึ้นตามอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้น อีกทั้ง สหรัฐฯ เรียกร้องให้กลุ่มโอเปกพลัสผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในระยะยาว เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเพื่อควบคุมราคาน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ กลุ่มผู้ผลิตจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 1 กันยายน 2564

ราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดภูมิภาคเอเชีย ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และ 91 (Non-Oxy) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 82.49 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 80.17 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 81.16 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.32 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 1.52 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 1.51 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 76.64 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.78 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากอุปทานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการใช้ในภูมิภาคชะลอตัวลงตามฤดูกาล

นอกจากนี้ สนพ.ได้ติดตามสถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว ในตลาดจร หรือ Spot LNG ช่วงระหว่างวันที่ 2 – 6 สิงหาคม 2564 พบว่าในสัปดาห์นี้เฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 1.127 เหรียญสหรัฐฯ/ล้านบีทียู อยู่ที่ระดับ 16.316 เหรียญสหรัฐฯ/ล้านบีทียู จากผู้ซื้อรายใหญ่จากภูมิภาคเอเชียเหนือ มีความต้องการจัดหาเที่ยวเรือ Spot LNG เร่งด่วน (Prompt Spot cargo) จากความต้องการใช้ก๊าซในประเทศที่สูงขึ้น เช่น ประเทศจีนได้ออกประมูลจัดหาเที่ยวเรือ Spot LNG เร่งด่วนสำหรับส่งมอบเดือนสิงหาคม และผู้ซื้อจากประเทศเกาหลีใต้ได้ออกจัดหาเที่ยวเรือ Spot เช่นกันแต่เป็นสำหรับการส่งมอบในเดือนกันยายน เป็นต้น

3954


นางพรรณี พุ่มพันธ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า จากที่ ขบ.ได้ยกระดับการบริการประชาชนให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยได้พัฒนาช่องทางชำระภาษีรถประจำปีออนไลน์ให้สามารถรองรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ซึ่งรถเก๋ง รถกระบะ รถตู้ ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี หรือรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี หรือรถที่ค้างชำระภาษีเกินกว่า 1 ปี ให้นำรถเข้าตรวจสภาพกับสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ให้เรียบร้อยก่อนดำเนินการชำระภาษีรถประจำปีผ่านช่องทางออนไลน์ สำหรับรถที่ไม่มีเงื่อนไขต้องตรวจสภาพรถก่อนชำระภาษีสามารถดำเนินการได้ทันทีนั้น
ทำให้สถิติการให้บริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านระบบออนไลน์ ในเขตกรุงเทพมหานคร ประจำเดือนกรกฎาคม 2564เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการให้บริการชำระภาษีผ่านทางเว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/ มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มสูงขึ้นถึง 53,100 คัน และบริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นจำนวน 5,956 คัน

ซึ่งมีแนวโน้มที่เจ้าของรถจะใช้บริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านระบบออนไลน์เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่องทางให้บริการที่มีความสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง อยู่ที่ไหนก็สามารถชำระภาษีรถประจำปีได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในส่วนของสถิติการรับชำระภาษีรถประจำปีผ่านช่องทางอื่นๆ 

อาทิ เลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) ชำระภาษีได้โดยไม่ต้องลงจากรถ มีผู้ใช้บริการจำนวน 61,573 คัน การให้บริการชำระภาษีที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 มีผู้ใช้บริการจำนวน 266,150 คัน การให้บริการชำระภาษีผ่านตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) มีผู้ใช้บริการจำนวน 882 คัน เคาน์เตอร์เซอร์วิส มีผู้ใช้บริการจำนวน 12,270 คัน ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 754 คัน และผ่านแอปพลิเคชัน mPAY  และ Truemoney Wallet จำนวน 1,100 คัน รวมมียอดผู้ใช้บริการชำระภาษีประจำเดือนกรกฎาคม 2564 จำนวนทั้งสิ้น 401,785 คัน

กรมการขนส่งทางบกมุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการประชาชนในทุกๆ ด้านอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ภาครัฐนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาให้บริการประชาชน โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกให้เจ้าของรถสามารถเข้าถึงบริการชำระภาษีรถประจำปีได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย โดยไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง เจ้าของรถสามารถชำระภาษีรถล่วงหน้าก่อนภาษีรถสิ้นอายุ 90 วัน ผ่านระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก https://eservice.dlt.go.th หรือผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax เจ้าของรถจะได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีและใบเสร็จรับเงินทางไปรษณีย์ ภายใน 5 วันทำการ นับจากวันชำระเงิน สำหรับการชำระภาษีรถประจำปีผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax เมื่อมีการชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว ระบบจะแสดงหลักฐานการชำระภาษีรถประจำปีชั่วคราว เพื่อให้เจ้าของรถสามารถใช้เป็นหลักฐานแสดงการชำระภาษีจนกว่าจะได้รับเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปี 

โดยเจ้าของรถสามารถเลือกรับเครื่องหมายการเสียภาษีทางไปรษณีย์หรือเลือกพิมพ์เครื่องหมายการเสียภาษีด้วยตนเองที่ตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) ซึ่งมีให้บริการที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 สำหรับรถติดตั้งแก๊ส และรถที่ค้างชำระภาษีรถเกิน 3 ปี ที่ไม่สามารถชำระภาษีผ่านระบบออนไลน์ได้ แนะนำให้ใช้บริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 และสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ

3955


โอกาสรอดของผู้ป่วยมะเร็ง นักวิจัยจากจุฬาฯ พิสูจน์พบว่า “สูตรตำรับยาสมุนไพรที่มี “เห็ดกระถินพิมาน ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้” สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมชนิด Estrogen receptor positive ได้เป็นอย่างดี หวังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษา และพัฒนาเป็นยาเพื่อใช้สำหรับผู้ป่วยมะเร็งต่อไป

รศ.ดร.ปฐมวดี ญาณทัศนีย์จิต ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ หัวหน้าโครงการวิจัยสารสกัดจากเห็ดกระถินพิมานที่มีสรรพคุณใช้รักษาโรคมะเร็ง เผยว่า การวิจัยนี้เป็นความร่วมมือระหว่างนักวิจัยจากจุฬาฯ กับภาคเอกชน โดยบริษัท เนเจอร์ เฮิร์บ อินเตอร์เนชั่นแนลโฮลดิ้ง จำกัด และบริษัท เฮิร์บ ฟอร์ ยู จำกัด ซึ่งทั้งสองบริษัทมีสูตรตำรับยาสมุนไพรที่มีเห็ดกระถินพิมาน ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ และตัวยาอื่น ๆ เป็นองค์ประกอบ ซึ่งก่อนหน้านี้ผลการวิจัยตลอด

1 ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าสารสกัดจากสูตรตำรับนี้มีฤทธิ์ยับยั้งและส่งผลต่อการตายของเซลล์มะเร็งปากมดลูกชนิดที่ไม่พบการติดเชื้อ human papillomavirus (HPV) ได้ ต่อมาทีมวิจัยของจุฬาฯ ได้มีการทำวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อจะหาฤทธิ์ในการทำลายเซลล์มะเร็งชนิดอื่นๆ ด้วย โดยล่าสุดทางทีมวิจัยได้ใช้สารสกัดจากสูตรตำรับนี้ในเซลล์มะเร็งเต้านมชนิด estrogen receptor positive ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งเต้านมในปัจจุบัน จากผลการวิจัยพบว่าตำรับยาสมุนไพรที่มีเห็ดกระถินพิมาน ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ และตัวยาอื่นๆ เป็นองค์ประกอบ ซึ่งเป็นสูตรตำรับที่ได้มีการจำหน่ายในปัจจุบัน สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี ถือเป็นข่าวดีอีกหนึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยมะเร็งและแนวทางในการรักษาด้วยสมุนไพรไทยอีกด้วย

รศ.ดร.ปฐมวดี ญาณทัศนีย์จิต กล่าวตอนท้ายว่า ปัจจุบัน ทีมนักวิจัยกำลังศึกษาค้นคว้าในเซลล์มะเร็งชนิดอื่นเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าสูตรตำรับยาชนิดนี้สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิดในหลอดทดลอง พร้อมที่จะนำไปสู่การวิจัยในสัตว์ทดลอง และการวิจัยทางคลินิก เพื่อให้ผู้ป่วยมีความเชื่อมั่นต่อสูตรตำรับยาที่จะนำมาใช้เป็นทางเลือกในการรักษามะเร็งต่อไป

3956
111-Lotto 111  ตัวแทนจำหน่าย ล็อตเตอรี่ออนไลน์ รายใหญ่ของ มังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์  ปรับเปลี่ยนรูปแบบการซื้อล็อตเตอรี่แบบใหม่  ยุค new normal




ไม่ต้องไปหน้าแผง ไม่ต้องเสียเวลาก้มหาเลข ไม่ต้องไปลุ้นว่าจะมีเลขที่อยากได้มั้ย แค่แอดไลน์ หาเรา บอกเลขที่ต้องการ เลขเด็ด เลขดัง แจ้งโอนเงิน จะได้รับ SMS ยืนยัน




ถ้าถูกรางวัลสามารถขึ้นเงินได้จริง ได้รับเงินจริงไม่เกิน 24 ชม โดยปกติใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงหลังผลสลากกินแบ่งรัฐบาลออกเท่านั้น 

ขั้นตอนการซื้อ ล็อตเตอรี่ออนไลน์ กับเรานั้น ง่ายๆ มาก มี 2 แบบให้เลือกแล้วแต่สะดวก

1. แอดไลน์ @111-lotto หรือคลิกทีนี่ เพื่อ คุยกับแอดมินโดยตรงและทำการสั่งซื้อและโอนเงินผ่านไลน์ มีเจ้าหน้าที่แนะนำทุกขั้นตอน 

111-lotto รีบแอดไลน์เพื่อเลือกเลขรางวัลก่อนใคร

Add Line : @111-lotto





2. สั่งซื้อผ่านระบบ 111-lotto ล็อตเตอรี่ของของมังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์ ด้วยตัวเอง จะทำที่ไหน เมื่อไหร่ เวลาไหนก็ได้ Add Line : @111-lotto


 


 

3957


นายชยุตม์ หลีหเจริญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบัญชีและการเงินบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังที่เหลือของปี 2564 จะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวม 2,312.1 ล้านบาท แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่บริษัทยังมีปัจจัยหนุนจากการออกสินค้าใหม่

สำหรับปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการวางจำหน่ายสินค้าที่มีส่วนผสมของกัญชงและกัญชา รวมถึงได้ปัจจัยหนุนจากการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อพัฒนาสินค้าร่วมกัน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาและคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในสิ้นปี 2564

ทั้งนี้บริษัทประเมินรายได้จากธุรกิจในประเทศจะเติบโต 5% จากปีก่อน และมีโอกาสที่รายได้จากธุรกิจดังกล่าวจะเติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์เอาไว้จากการวางขายสินค้าใหม่และการจับมือกับพันธมิตร ส่วนรายได้จากต่างประเทศคาดว่าจะเติบโต 5% จากปีก่อนเช่นกัน แม้ในช่วงครึ่งแรกที่ผ่านมาจะหดตัว 2-3% จากผลกระทบโควิด-19 และการขาดแคลนตู้ขนส่งสินค้า แต่บริษัทมีการปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงทีมขายยังเดินหน้าขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง

บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตและกระจายสินค้าในประเทศเวียดนาม 1 แห่ง งบลงทุนระยะแรกมูลค่า 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 470 ล้านบาท) คาดว่าจะเปิดดำเนินการโรงงานดังกล่าวได้ภายในกลางปี 2565


นอกจากนี้ บริษัทมีแผนลงทุนต่างประเทศต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวในการเป็นผู้ประกอบการระดับภูมิภาค โดยมีแผนลงทุนเพิ่มเติมในตลาดประเทศจีน ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป และสหรัฐ ซึ่งเป็นการต่อยอดจาก 35 ประเทศทั่วโลกที่บริษัทมีการส่งออกสินค้าไปจำหน่าย

3958


ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด กล่าวว่า ในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นี้ ทาง เอสซีบี อบาคัส และแอปพลิเคชั่น ”เงินทันเด้อ” มีความยินดีที่ได้ร่วมแคมเปญกับ ฟู้ดแพนด้า เพื่ออำนวยความสะดวกทางด้านสินเชื่อให้กับไรเดอร์ฟู้ดแฟนด้า ซึ่งถือเป็นกำลังหลักในการช่วยเหลือพี่น้องคนไทยให้อยู่บ้านเพื่อรักษาระยะห่าง นอกจากนี้ แคมเปญนี้ยังสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของเราที่ต้องการมุ่งเน้นการบริการทางการเงินเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนยุคใหม่ที่ต้องการเงินทุนเพื่อการประกอบอาชีพ โดยทาง เอสซีบี อบาคัส หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยให้ไรเดอร์ฟู้ดแพนด้ามีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อประกอบอาชีพเสริม และมีกำลังใจในการให้บริการอย่างดีเยี่ยมต่อไป


การร่วมมือกันระหว่าง ฟู้ดแพนด้า และ เอสซีบี อบาคัส จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ไรเดอร์ฟู้ดแพนด้าทั่วประเทศ ที่มีความจำเป็นต้องขอสินเชื่อ โดยสามารถขอสินเชื่อตั้งหลักผ่านทางแอปพลิเคชั่น “เงินทันเด้อ” ได้ทันที ไม่ต้องเตรียมเอกสารให้ยุ่งยาก เพียงแค่มีรายได้ขั้นต่ำต่อเดือนจากการให้บริการเดลิเวอรี่กับฟู้ดแพนด้า 2,000 บาทขึ้นไป สัญชาติไทย อายุ 20-57 ปี ก็สามารถสมัครใช้บริการได้ เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น “เงินทันเด้อ” สมัครใช้บริการและยื่นขอสินเชื่อตั้งหลัก โดยรู้ผลไวภายใน 15 นาที และรับเงินภายใน 24 ชั่วโมงหลังได้รับการอนุมัติสินเชื่อ โดยมีวงเงินสินเชื่อสูงสุดที่ 50,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 2.75 ต่อเดือน และระยะเวลาการผ่อนชำระสูงสุด 15 เดือน นับว่าเป็นบริการทางการเงินที่สะดวก รวดเร็ว และตอบสนองความต้องการของไรเดอร์ ซึ่งเป็นบุคลากรคนสำคัญของฟู้ดแพนด้าอย่างแท้จริง

นายอเล็กซานเดอร์ เฟลเดอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดแพนด้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของการดำเนินธุรกิจของ ฟู้ดแพนด้า นอกเหนือจากร้านค้าพาร์ทเนอร์ และลูกค้าทุกท่านแล้ว ไรเดอร์ คือบุคลากรสำคัญที่คอยส่งมอบความสุข ความอร่อย และประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม ทางบริษัทได้ตระหนักถึงความทุ่มเทและความตั้งใจของไรเดอร์ที่คอยส่งมอบบริการจากฟู้ดแพนด้าถึงมือลูกค้าทุกท่านเป็นอย่างดีเสมอมา นับตั้งแต่วันแรกที่ได้ให้บริการคนไทยจวบจนปัจจุบัน เรารับฟังทุกความต้องการของไรเดอร์มาโดยตลอด จากผลสำรวจพบว่าไรเดอร์ต้องการการสนับสนุนด้านเงินทุน ฟู้ดแพนด้า จึงได้ร่วมมือกับบริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่น ”เงินทันเด้อ” บริการสินเชื่อตั้งหลักที่จะมาอำนวยความสะดวกในเรื่องเงินทุนหมุนเวียนเพื่อประกอบอาชีพเสริม รวมถึงเป็นการให้กำลังใจไรเดอร์ของเราทุกคน ในช่วงเวลาที่ยากลำบากขณะนี้”

“นี่เป็นเพียงหนึ่งในแคมเปญที่ทางฟู้ดแพนด้าได้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนไรเดอร์ ขอสัญญาว่าเราจะเดินหน้าต่อไปเพื่อพัฒนาการให้บริการให้ดีขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง และดูแลพาร์ทเนอร์ของฟู้ดแพนด้าให้ดีที่สุด ขอบคุณทุกท่านและพนักงานทุกคนที่ให้โอกาสและเชื่อมั่นในฟู้ดแพนด้า” 

3959


บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) ภายใต้พันธกิจ ‘EMPOWER LIVING' ที่มุ่งส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ จัดแคมเปญ ‘บ้านสร้างบุญ’ ได้บ้าน ได้บุญ ได้ส่วนลด ทุกการจองบ้านกลางเมือง และพลีโน่ในกว่า 50 ทำเลทั่วกรุงเทพ เอพีร่วมสมทบทุนบริจาคด้านการแพทย์สู้ภัย โควิด-19 เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายนนี้

นายเมธา รักธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าทาวน์โฮม บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงสูง และต้องทุ่มเทกายใจเพื่อปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถ ทางกลุ่มธุรกิจทาวน์โฮมจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ฮีโร่ด่านหน้าของไทย ในการสู้วิกฤตโควิด-19 ผ่านแคมเปญ ‘บ้านสร้างบุญ’ ได้ร่วมทำบุญ ได้บ้าน ได้ส่วนลดเพิ่ม ซึ่งทุกๆ เงินจองที่ลูกค้าจองซื้อทาวน์โฮมเครือเอพี ทั้งแบรนด์ ‘บ้านกลางเมือง หรือ ‘พลีโน่’ ในกว่า 50 โครงการทั่วกรุงเทพ

นอกจากลูกค้าจะได้รับส่วนลดพิเศษเพิ่มเท่าจำนวนเงินจองแล้วนั้น บริษัทฯ จะร่วมสมทบทุนบริจาคเพิ่มเท่ากับจำนวนเงินจองซื้อโครงการ และนำไปส่งมอบให้แก่ 3 องค์กรทางการแพทย์ ได้แก่ กองทุนศิริราชสู้ภัยโควิด ศิริราชมูลนิธิ, โครงการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และโครงการป้องกันและช่วยเหลือสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดี เพื่อใช้เป็นทุนในการจัดหาอุปกรณ์สู้ภัยโควิด ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการทำงานให้กับทีมแพทย์และบุคลากรด่านหน้าผ่านแคมเปญ “บ้านสร้างบุญ : ได้บ้าน ได้บุญ ได้ส่วนลด” ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายน 64



“ตั้งแต่เกิดวิกฤตการแพร่ระบาด นอกเหนือจากการดูแลลูกบ้านในโครงการให้ห่างไกลจากโควิด-19 แล้วนั้น ที่ผ่านมาเรายังได้จัดทำแคมเปญ SAVE LIVES PROTECT PEOPLE - เอพี เซฟชีวิต เซฟสังคมขึ้น เพื่อช่วยเหลือและจุดประกายสังคมไทยในการหยิบยื่นความช่วยเหลือตามกำลังให้แก่กลุ่มคนที่อาจถูกมองข้าม และแคมเปญ บ้านสร้างบุญ ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่เราอยากเป็นสะพานบุญให้ลูกค้าเอพีทุกท่านได้มีส่วนร่วมสนับสนุนการทำงานให้แก่นักรบชุดขาวที่เหน็ดเหนื่อยเพื่อพวกเราอย่างไม่มีวันหยุดร่วมกัน”

ทั้งนี้ เอพี ไทยแลนด์ เรามุ่ง ‘EMPOWER LIVING' ทุกมิติการอยู่อาศัย การทำงานในทุกด้านจะให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกค้า โดยกลุ่มสินค้าทาวน์โฮมในเครือเอพี ทั้งบ้านกลางเมือง ทาวน์โฮม 3 ชั้น ในทำเลศักยภาพ และพลีโน่ ทาวน์โฮม 2 ชั้น บ้านหลังแรกที่ดีที่สุด คือ สองแบรนด์ยอดนิยมที่ลูกค้าให้การตอบรับอย่างดียิ่ง ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะสามารถตอบโจทย์ความต้องการในการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค Next Normal ได้เหนือกว่าใคร เราเชื่อมั่นว่าแคมเปญ ‘บ้านสร้างบุญ’ ได้บ้าน ได้ส่วนลด ได้บุญ จะมีส่วนในการเอ็มพาวเวอร์ให้สังคมไทยผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 และสามารถกลับมายิ้มด้วยกันอีกครั้งในเร็ววันนี้

เอพี ไทยแลนด์ ภายใต้พันธกิจ ‘EMPOWER LIVING'
มุ่งส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดี ที่ลูกค้าสามารถเลือกได้

3960


นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีบิลท์ จํากัด (มหาชน) (PREB) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 ว่า บริษัทยังคงสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งรายได้และกำไรท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 โดยบริษัทมีกำไรสุทธิรวม 61.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.32 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมากถึง 85.53% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 33.11 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หรือไตรมาส1 ปี 2564 มีกำไรเพิ่มขึ้น 3.77 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.53% โดยส่วนใหญ่เป็นกำไรจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีการทยอยโอนบ้านในโครงการ “พรรณนา” เพิ่มขึ้น ทำให้กำไรสุทธิโดยรวมเพิ่มขึ้น

ขณะที่ไตรมาส 2 บริษัทมีรายได้ 1,128.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.41 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,068.80 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 900.10 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง 85.84 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 142.27 ล้านบาท



นายวิโรจน์ กล่าวว่า ไตรมาส 2 ปีนี้แม้จะอยู่ท่ามกลางวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ทุกธุรกิจของบริษัทสามารถรักษารายได้และกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญสามารถสร้างอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและควบคุมต้นทุนด้านต่างๆ และการรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เข้ามาเป็นบวกในไตรมาสแรก

โดยไตรมาส 2 บริษัทมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 145.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.42 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 51.38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่อรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 12.90% สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่อรายได้อยู่ที่ 9.00% โดยธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีอัตรากำไรขั้นต้นต่อรายได้ 9.31% ดีขึ้นกว่าปีก่อน ที่อยู่ที่ 7.56% เนื่องจากบริษัทสามารถปรับโครงสร้างราคาได้ทันสถานการณ์ที่สอดคล้องกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน รวมถึงสามารถรับมือกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดได้ดียิ่งขึ้น ขณะที่ในส่วนของธุรกิจงานขายและผลิตวัสดุก่อสร้างยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นต่อรายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 25.81% ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีอัตรากำไรขั้นต้นต่อรายได้ในระดับสูงที่ 27.88%

“ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวราบยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดในเซ็กเมนต์นี้ยังมีกำลังซื้อและมีความต้องการซื้ออยู่ ซึ่งเอื้อต่อธุรกิจขายและผลิตวัสดุก่อสร้าง และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทที่เน้นบ้านแนวราบหรูไฮเอนด์ ขณะที่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างนั้น บริษัทมีงานสัญญาสร้างในมือ (backlog) มากกว่า 8,000 ล้านบาท แม้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และรับเหมาก่อสร้างทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้บริษัทมีภาระเรื่องความไม่แน่นอนของการทำงาน รวมถึงต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้นได้ตลอดเวลาจากการสั่งหยุดงานจากมาตรการของภาครัฐ ซึ่งทำให้บริษัทต้องหาวิธีรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนตลอดเวลา จึงได้มีการปรับฐานราคาการรับงาน และปรับราคาสัญญาก่อสร้างรายใหม่ ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนด้านต่างๆ ซึ่งส่งผลให้บริษัทยังสามารถสร้างผลกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่องและสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ในระดับสูงในทุกธุรกิจ” นายวิโรจน์ กล่าว



นายวิโรจน์ ยังได้กล่าวถึงธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ไตรมาส 2 นี้ มีรายได้จากยอดโอนถึง 142.27 ล้านบาท สำหรับโครงการ "พรรณนา" บ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ ย่านพุทธมณฑลสาย 3 ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทลงทุนเองเป็นโครงการแรก และได้ผลตอบรับที่ดีจากเฟส 1 ที่ปิดการขายไปเป็นที่เรียบร้อย และได้เปิดเฟส 2 ทันทีในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งยังคงได้การตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน โดยลูกค้ายังมั่นใจและให้ความสนใจเข้าชมโครงการอย่างต่อเนื่อง แม้มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยขณะนี้มีการจองซื้อโครงการแล้วคิดเป็นมูลค่ากว่า 760 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการกว่า 1,250 ล้านบาท ซึ่งทำให้มียอด Backlog สะสม ที่จะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปีหน้า

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการ “พิมนารา ศรีนครินทร์-บางนา” โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทลงทุนเองทั้งหมดเช่นกัน โดยจะเปิดรอบ Exclusive Preview ให้ลูกค้าที่สนใจที่ลงทะเบียนมาก่อนหน้านี้ ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2564 จองแปลงสวยโซนด้านหน้าในราคาพิเศษก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยมั่นใจว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า ทั้งจากแบบบ้าน รวมถึง Concept โครงการที่มีอัตลักษณ์ความเป็น JAPANDI ผสมผสานวัสดุร่วมสมัยในงานสถาปัตยกรรม ภายใต้แนวคิด LESS FOR MORE LIVING

ทั้งนี้ มั่นใจว่าจากแผนดำเนินงานต่างๆ ที่เป็นไปตามเป้าหมาย และมีประสิทธิภาพจะส่งผลให้ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปีนี้ บริษัทยังสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งรายได้ และกำไรเมื่อเทียบกับปีที่แล้วในทุกๆ ส่วนงาน ทั้งพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง และส่วนงานผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง สวนกระแสจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และปัจจัยลบต่างๆ ตลอดปีนี้

หน้า: 1 ... 218 219 [220] 221 222 ... 233