แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Boomerang

หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6
73

เริ่มหน้า 2 กันด้วย 2 สาว BAV ที่มาช่วยประชาสัมพันธ์งานบรรยายให้คนเข้ามาชมกันเยอะๆ
(ได้ผลมาก ^ ^)


คุณโรมัน (ซ้าย) และคุณนัท อันเดอร์กราวนด์ (ขวา) เริ่มบรรยายถึง
"จุดประสงค์" และ "ประโยชน์" ของการปรับภาพว่า
"จะได้ภาพที่ถูกต้องเป็นธรรมชาติแบบฟิลม์ต้นฉบับเฉกเช่นที่ผู้กัำกับต้องการสื่อออกมาให้เราได้เห็น"


เปรียบเทียบภาพ 2 ภาพให้ผู้เข้าชมงานทายกันว่าภาพไหนสีสันถูกต้องเป็นธรรมชาติ ?


ในมือของผู้เข้าชมจะเห็นเอกสารความรู้ที่ทีมงานแจกให้ใช้ดูประกอบงานบรรยายครับ
บางท่านแอบเอาไปพับจรวดซะงั้น 555+


สาธิตให้เห็นว่าการปรับ Dynamic Range ซึ่งประกอบไปด้วย Brightness และ Contrast
(ระดับของสีดำและสีขาว) สำคัญยิ่งยวดต่อรายละเอียดภาพขนาดไหน !!!


รวมถึงให้ผู้ที่สนใจ "ออกมาลองกดรีโมทปรับภาพ" กันจริงๆ
โดยรูปนี้กำลังปรับค่า Brightness ให้ถูกต้องโดยใช้แผ่น DVE ในการอ้างอิง


คนเริ่มเยอะขึ้นเรือยๆ เท่าที่นับดูก็มากกว่าร้อยชีวิต (ซึ้งใจมาก !!!)


สาธิต Pattern การปรับค่า "ความอิ่มของสี" (Color)
ปรับอย่างไรให้สีถูกต้องเป็นธรรมชาติ ไม่สดเกินจริงและไม่จืดเกินไป


คุณชานม โชว์ให้เห็นวิธีการปรับค่า "ความอิ่มของสี" (Color) โดยใช้ Pattern อ้างอิงจากแผ่น ISF


"คุณพี่เสื้อส้ม" มีถ่ายวีดีโองานครั้งนี้ไว้ด้วย ก็สามารถเอามาแชร์ให้เพื่อนรับชมกันได้นะครับ ^ ^


คุณโรมันสาธิตการปรับค่าอุณหภูมสี Color Temperature ให้ได้ 6500K
เพื่อให้ White Balance ตรงจุด D65 ซึ่งเป็นสมดุลย์สีขาวที่ถูกต้องตามมาตรฐานอุตสหากรรมวีดีโอ

74

หลังจากเราได้สรุปข้อดีข้อเสียของทางฝั่ง 3D Active และ 3D Polarized ไปแล้ว สิ่งที่ยังเป็นข้อกังขา ของแต่ละท่านก็คือ "แล้วทีวีตัวไหนดีที่สุดกันแน่ ?? " นี่เป็นหนึ่งในคำถามที่ทางทีมงานได้รับฟังมามากที่สุด จริงๆแล้วผมบอกได้เลยว่าทีวีทุกตัวที่เอามาโชว์มันดีหมดแหละครับ (ไม่งั้นก็ไม่เอามาโชว์) อยู่ที่เราจะเอาไปใช้ให้เหมาะสมกับ LifeStyle ของตัวเราเองได้หรือไม่ นั่นเป็นจุดหนึ่งที่ผมคิดว่า เราไม่ควรจะเลือกทีวีจากสเปคของมัน แต่ควรเลือกจาก "การใช้งานในชีวิตประจำวันของเรามากกว่า"  เพื่อที่จะได้รับประสิทธิภาพสูงสุดที่เราควรจะได้ ซึ่งก็คือหลักการ "Matching" ทีวีให้ "เหมาะสม" กับ ห้องของเรา / Lifestyle / งบประมาณ นั่นเองครับ เอาเป็นว่าผมขอสรุปเป็นตัวๆไปเลยดีกว่า เหมือนที่ "คุณโรมัน" ได้สรุปให้ฟังในงาน สำหรับทีวีแต่ละตัวนะครับ

สรุปทีวีตัวไหน "เหมาะสม" กับการใช้งานอย่างไรบ้าง !!!

1. Samsung 55D8000 ราคา 129,990  บาท
ภาพ 2D สีดสดเด้งมาก ฟรีทีวีชัดเด้ง ภาพสว่าง ดีไซน์ขอบบางยิ่งส่งเสริมมิติของภาพ
แถมฟังก์ชั่น Smart TV สมบูรณ์มากๆ ดูทีวี+Facebook ในเวลาเดียวกันได้
ฟันธง แนะนำอย่างยิ่งหากตั้งในห้องนั่งเล่น ไม่จำเป็นต้องคุมแสงได้
รวมถึงคนที่ติด Social Network แล้วติดตามอัพเดทสถานะตลอดเวลา


2. LG 55LW6500 ราคา 75,990  บาท
ภาพ 3D ลอยมีมิติดีเยี่ยม ดูสบายตาที่สุด (แว่นตาไม่ต้องใส่แบตเตอรี่)
ดูนานๆแทบไม่มึน สมคำร่ำลือ ในขณะที่ภาพ 2D ก็อยู่ในเกณฑ์ดี
ฟันธง หากเน้นดู 3D แนะนำอย่างยิ่งครับ ตั้งในห้องนั่งเล่น และไม่จำเป็นต้องคุมแสงได้ สุโค่ยจริง


3. ProVision 3D 42U5D ราคา 19,990 บาท
ที่สุดแห่งความคุ้มค่า ภาพ 2D หากปรับภาพด้วย DVE จะสว่างสดใส
สีสันสู้รุ่นพี่ LED พอได้ 3D ก็ลอยดี แต่ยังมี Crosstalk อยู่บ้าง
ฟันธง หากงบประมาณจำกัด อยากได้ทีวี 3 มิติ ก็แนะนำครับ แถมแว่นตั้ง 4 อัน


4. Sony 46HX925 ราคา 94,990 บาท
Full LED หนึ่งเดียวที่ร่วมเข้าประกวด ความสามารถในการทำ Local Dimming ทำให้ภาพโดดเด่น ดำสนิทที่สุดในที่มืด คุมแสงได้เหนือกว่า Edge LED ทุกตัว สีสันถูกต้องสมจริง
ฟันธง เหมาะเอาไว้ในห้องที่คุมแสงได้เพราะตัวจอเป็นกระจกเช่น ห้องนอน ยิ่งห้องมืด
ศักยภาพก็จะถูกรีดออกมาเกินราคา สมแล้วที่เป็นตัวท็อประดับไฮเอนด์


5. Panasonic 50VT30 ราคา 75,990  บาท
ภาพออกแนวโรงหนัง สีสันเข้มทึบ ออกแนวสบายตา
Motion ลื่นไหลแบบสมจริงสไตล์ Plasma TV สีดำดำดีเยี่ยม
ฟันธง หากมีห้องดูหนังที่คุมแสงได้ และชอบโทนภาพแนวโรงหนังก็แนะนำครับ

หลังจากทำการโหวตลงคะแนน ใช้สิทธิกันไปแล้วผลสรุปว่าฝ่ายไหนชนะ หลายๆท่านก็คงทราบกันแล้วนะครับ ทางทีมงานได้ทำการสุ่มผู้โชคดีจำนวน 10 ท่าน เพื่อรับของรางวัล นั่นก็คือ

ของรางวัลที่แจกให้กับผู้โชคดีได้แก่
1. หมอน LCDTVTHAILAND จำนวน 5 ใบ
2. สาย LCDTVTHAILAND HDMI V1.4 ขนาด 2 เมตร จำนวน 5 เส้น (มูลค่าเส้นละ 1,290 บาท)

ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลด้วยนะครับ เรามาชมภาพผู้โชคดีกันเลย

ผู้โชคดีได้รับหมอน LCD คนที่ 1


ผู้โชคดีได้รับหมอน LCD คนที่ 2


ผู้โชคดีได้รับหมอน LCD คนที่ 3


ผู้โชคดีได้รับหมอน LCD คนที่ 4


ผู้โชคดีได้รับหมอน LCD คนที่ 5


ผู้โชคดีได้รับสาย LCDTVTHAILAND HDMI V1.4 คนที่ 1


ผู้โชคดีได้รับสาย LCDTVTHAILAND HDMI V1.4 คนที่ 2


ผู้โชคดีได้รับสาย LCDTVTHAILAND HDMI V1.4 คนที่ 3


ผู้โชคดีได้รับสาย LCDTVTHAILAND HDMI V1.4 คนที่ 4


ผู้โชคดีได้รับสาย LCDTVTHAILAND HDMI V1.4 คนที่ 5


หลังจบงานก็ขอแนะนำตัวกันอีกรอบนะครับ สำหรับทีมงาน LCDTVTHAILAND
เริ่มจากขวาสุดก่อนเรียงไปทางซ้ายนะครับ
1. คุณ NaNa - Public Relation
2. คุณ ชานม Chanom - Executive Editor
3. คุณ  โรมัน Roman  - General Manager
4. คุณ Nut Underground
5. คุณ Boomerang - Executive Editor
6. คุณ Golfkung - Webmaster
7. คุณ ToNy (ผมเอง) - Executive Editor
และอีกสองท่านที่ไม่ได้อยู่ในภาพนี้คือ
8. คุณ Kenneth - Art Director ถ่ายภาพให้เรา
9. คุณ Luffy - Editor in Chief


ผู้เข้าร่วมงานทุกท่านร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระทึก


1 2 3 . . . เฮ้ !!!   

สุดท้ายนี้ผมต้องขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาร่วมงาน "สงคราม 3 มิติ 3D Active VS. 3D Polarized" นะครับ หวังว่าทุกๆท่านที่มาในวันนั้นจะได้ทั้งความสนุกและความรู้เกี่ยวกับการเลือก 3D TV กลับไปบ้าง ไม่มากก็น้อย และในโอกาสหน้าพบกันใหม่ วันนี้ผม ToNy ต้องลาไปก่อนขอบคุณครับ

75
สำหรับงานนี้ใครที่พลาดไปก็ไม่ต้องเสียใจนะครับ เพราะว่านาย ToNy นั้นได้สรุปข้อดีข้อเสียของแต่ละฝ่ายมาให้ตัดสินใจกันแล้ว และข้อสำคัญข้อหนึ่งที่ต้องจำไว้ก็คือ ไม่ว่าจะเป็น 3D แบบ Active หรือ Polarized มันมีข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัวมันเอง อยู่ที่ความชอบของผู้บริโภคเท่านั้นที่จะเป็นตัวตัดสินว่า "ดี" หรือ "ไม่ดี" ในจุดนี้ทางทีมงาน LCDTVTHAILAND ก็พยายามให้ทุกท่านได้ "เห็นภาพ" ด้วยตัวเองให้มากที่สุด


ทางพรรค 3D Active ก็พยายามจะบอกว่าทางเราจะได้ภาพแบบ Full HD แท้ๆ
ส่วนแบบ Polarized จะถูกลดลงครึ่งนึงเหลือเพียง 540 เส้นเท่านั้น


ผู้ที่มาร่วมงานต่างก็สวมแว่น ดูไป พร้อมฟังบรรยายไปด้วย


ดูอย่างเดียว อาจจะไม่พอ ต้องออกมาดูใกล้ๆด้วย
และดูให้ครบทุกตัว เพื่อที่จะได้เปรียบเทียบกันได้


มาถึงการทดสอบแบคไลท์กันบ้าง ว่าตัวไหนคุมดีสุด รั่วหรือไม่รั่ว เห็นกันชัดๆ


หลังจากนั้นทางทีมงานได้ให้ผู้ชมแต่ละท่าน ผลัดกันดูภาพของทีวีแต่ละตัวให้ครบ
พร้อมทั้งสอบถามข้อมูลต่างๆได้จากทีมงาน LCDTVTHAILAND ที่ประจำอยู่ที่ทีวี


ทาง Sony HX925 เป็น Full LED Local Dimming ตัวเดียวในงานนี้
ได้รับความสนใจอยู่พอสมควร


รวมไปถึงเจ้า LG LW6500 ที่เชิดหน้าชูตาของทางฝั่ง Polarized


ทางเราต้องเน้นว่า "ควรจะดูครบทั้ง Active และ Polarized " นะครับ
ที่สำคัญได้ลองใส่แว่นครบกันทุกคน


คุณนัท หัวหน้าพรรค 3D Polarized ให้ข้อมูลกับทางผู้เข้าร่วมงาน


ก่อนอื่นหลังจากได้ดูมาครบแล้วผมก็ขอสรุปให้เห็นกันไปเลยนะครับ

สรุปข้อดีของ 3D Active
- ภาพที่ออกมาเป็นเฟรมภาพเต็ม ไม่ถูกลดทอนลงไป จึงทำให้ดูสามมิติได้แบบ Full HD
- มุมมองในการดู ที่ดูได้ถึง 360 องศา ไม่ว่าจะ สูงต่ำ ก็ไม่มีหลุด
- ขอบภาพเนียน ไม่มีรอยหยักฟันปลา ( ลองสังเกตุได้จากการดูใกล้ๆ )

สรุปข้อดีของ 3D Polarized
- ไม่มีการกระพริบของภาพ และภาพไม่เบลอ ภาพลอยมีมิติ นั่งดูนานๆได้อย่างไม่เมื่อยสายตา
- แว่นไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ ไม่ต้องซิงค์กับทีวี น้ำหนักเบา ราคาถูก
- มุมมองในแนวกว้างดูได้ถึง 178 องศา


หลังจากนั้นก่อนการลงคะแนนเลือก 3D แบบที่ชอบ
ก็ได้มีช่วงให้ตอบคำถาม จากทีมงาน LCDTVTHAILAND

76
ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนนะครับว่า 3D ทั้งแบบ Active และแบบ Polarized นั้นคืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร ก่อนจะไปรู้จักกับข้อดีและข้อเสียในช่วงนี้คุณชานมเองก็ได้ออกมาอธิบายให้ฟังกันครับ
 
คุณชานม กับลีลาเด็ดๆ นิ่งสงบ สยบทุกสิ่ง เข้าถึงธรรมะ

Polarized 3D หรือ ภาพ 3 มิติแบบ "สลับเส้นเลขคู่เลขคี่" (Passive)
Polarized 3D หลักการทำงานของมันก็คือ ทีวีจะปล่อยเส้นภาพเลขคู่ สำหรับตาซ้าย (540 เส้น) และเส้นภาพเลขคี่ สำหรับตาขวา (อีก 540 เส้น) สลับกันอย่างรวดเร็ว วิธีการนี้เรียกว่า Line by Line หรือการส่งภาพ “สลับเส้นเลขคู่และเลขคี่” เพื่อส่งให้ตาทั้ง 2 ข้าง และเมื่อเราใส่แว่น Polarized เข้าไป เลนส์สำหรับตาซ้ายก็จะสามารถรับภาพเส้นเลขคู่ได้อย่างเดียว ในขณะที่เลนส์ขวาก็จะสามารถรับภาพจากเส้นเลขคี่ได้อย่างเดียว ทำให้การรับภาพโดยตาซ้ายและขวาสลับกันอย่างรวดเร็วเช่นกัน จึงเกิดภาพ 3 มิติลอยออกมาครับ
 

3D Polarized

Frame Sequential 3D: ส่งเฟรมภาพซ้าย-ขวาสลับกัน (Active)
สำหรับแบบ Active หลักการก็คือทีวีจะส่ง “เฟรมภาพ” ทั้งเฟรม เข้าตาซ้ายและตาขวาสลับกันอย่างรวดเร็ว (สำหรับตาซ้าย 60 เฟรมภาพต่อวินาที และตาขวา 60 เฟรมภาพต่อวินาที) และเมื่อเราใส่แว่น 3D Active Shutter Glasses ที่เลนส์ตาซ้ายและเลนส์ตาขวาจะเปิดปิดสลับกันอย่างรวดเร็วให้สอดคล้องกับทีวีที่ส่งเฟรมภาพสำหรับตาซ้ายและตาขวาสลับกัน ทำให้ภาพลอยมีมิติออกมาครับ


3D Active


คุณโรมัน หัวหน้าพรรค 3D Active เริ่มไฟติด อภิปรายไม่ไว้วางใจพรรค Polarized


ระหว่างนั้นทางทีมงานเราก็จะเปิดภาพออกทีวีพร้อมๆกัน ทุกเครื่อง โดยใช้ภาพเดียวกัน
ทำให้คนที่เข้ามา สามารถเปรียบเทียบภาพแต่ละตัวได้เอง


ทางฝ่าย 3D Active เริ่มโจมตีกลับมาบ้าง งัดเอาข้อดีมาถกกัน
 

ในจุดนี้ก็อยู่ที่ความชอบของแต่ละคนแล้วครับว่าชอบฝั่ง Active หรือ Polarrzed
เพราะว่าแต่ละแบบก็มีข้อดีในตัวของมันเอง อีกทั้งแต่ละรุ่นภาพก็ต่างกันด้วย


ฝั่ง 3D Polarized เริ่มโต้กลับบ้าง คุณนัท อันเดอร์กราวด์
มีลีลาในการพูด ดุเด็ดเผ็ด "มันส์" จริงๆ


บรรยากาศในงานผู้คนต่างก็สนใจกันมาก


ทางทีมงานได้ใช้ Content เดียวกัน เปิดให้ชมพร้อมๆกัน
เทียบกันไปเลยระหว่างทีวี 5 ตัวครับ

77


-----------------------------------------------------------------------------------

8. Best 3D TV Award :: LG LW6500




คุณนาวี อินทรสังขนาวิน มอบรางวัล Best 3D TV Award :: LG LW6500 ให้กับ Mr.Hee Gol Lee
 ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอลจี อิเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับมอบรางวัล

ชื่อรางวัลก็บอกความหมายได้อย่างตรงตัวว่า ทีวี 3 มิติที่สามารถแสดงภาพ 3 มิติได้ดีที่สุด และรางวัลนี้ก็ได้ผู้ชนะที่เด็ดขาดอีกรางวัล โดย LG LW6500 ต้นตำหรับ “Cinema 3D”  ซึ่งใช้เทคโนโลยี Polarized 3D ในการถ่ายทอดภาพ 3 มิติ ข้อดีคือ ภาพมีมิติดีเยี่ยมและภาพนั้น “ลอยเด้ง” ในแบบ “ทะลุจอ” มากกว่า 3D ประเภท Active อยู่พอสมควร ซึ่ง 3D Active จะไปได้มิติในเชิง “ลึกลงจอ” เสียมากกว่า และที่สำคัญ แว่นตาไม่มีกระพริบ ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ด้วย ซึ่ง LG เองก็เน้นจุดนี้ในการเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่ใช้เทคโนโลยี 3D แบบ Active อย่างดุเด็ดเผ็ดมันส์ ในขณะข้อเสียคือเรื่อง ความละเอียดที่ถูกทอนลงไปนั้น อย่างไรก็ตามจากการทดสอบรับชมจริงในระยะนั่งชมปกติก็แทบไม่มีผลครับ ภาพ 3 มิติลอยเด่นสมบูรณ์มาก ผลลัพธ์ก็คือ ยอดขาย Cinema 3D ของ LG นั้นก็จัดได้ว่าถล่มทลายจนทำให้หลายๆร้านของขาดกันเป็นเดือนๆเลยทีเดียว และที่สำคัญในงานบรรยายสุดยอดทีวี BAV Show 2011 ที่ผ่านมา ผู้เข้าร่วมงานก็ต่างร่วมโหวตยอมรับถึงคุณภาพของภาพ 3 มิติของ LG LW6500 กันอย่างถ้วนหน้า เรียกได้ว่าเหนือกว่า 3D แบบ Active ทุกตัวในเวลานี้  หากเน้นการรับชมภาพ 3 มิติเป็นหลัก LG LW6500 ก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุดในปีนี้ และคว้ารางวัล Best 3D TV Award ไปครองแบบ "ชนะขาดลอย" !!!!
 
Best 3D TV Award : LG LW6500
Candidates : Panasonic VT30 , Samsung D8000 ( Plasma )

-----------------------------------------------------------------------------------

9. Best Design Award :: Samsung D8000




คุณวีรเกียรติ จิรัฐการุณธ์ (Roman) และ คุณนาวี อินทรสังขนาวิน
มอบรางวัล Best Design Award :: samsung D8000 ให้กับ คุณรัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์

เกณฑ์พิจารณาเรื่องดีไซน์ปีนี้ค่อนข้างง่ายครับ คือดีไซน์ของทีวีตัวไหนทำให้ทีมงานร้อง “ว้าว” ได้มากที่สุด และอยากจะจับจองเป็นเจ้าของทั้งๆที่ดูแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามดีไซน์มันต้องสงเสริมคุณภาพหรือประโยชน์ของทีวีเครื่องนั้นๆด้วยนะครับไม่ใช่สวยแต่รูปจูบไม่หอม !!! รางวัลในปีนี้ตกเป็นของ Samsung LED TV D8000 ที่มาพร้อมกับ One Design กรอบทีวีบางเฉียบเพียง 5 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้ตัวจอทีวีกับตัวกรอบทีวีนั้นดูกลมกลืนกันเป็น “หนึ่งเดียว” (จึงเรียกว่า One Design) หากดูกับกำแพงสีขาวๆหรือสีอ่อนๆ ภาพที่ได้จากทีวีก็เหมือน “ลอยอยู่บนอากาศ” แบบไม่มีกรอบมาขวางกั้น  จึงได้อรรถรสไปอีกแบบ วัสดุของตัวกรอบเป็นอลูมิเนียมสีเงาแว๊บทำให้ดูหรูหรามาก และรวมถึงขาตั้งดีไซน์โฉบเฉี่ยวแบบ 4 แฉก ซึ่งเข้ากันได้ดีกับตัวเครื่องมาก ตรงโลโก้ Samsung ก็สามารถ “เรืองแสงได้” เมื่อเราเปิดทีวี ทั้งนี้ดีไซน์ของตัว Samsung LED D8000 และ D7000 จะค่อนข้างคล้ายคลึงกันเพราะเป็น One design เหมือนกัน แต่ Samsung D7000 กรอบจะเป็นสีดำล้อมรอบด้วยคริสตัลใสครับ ซึ่งเจ้าตัวคริสตัลใสนี่แหละที่แอบดู “หนา” ไปซักนิด จึงทำให้รู้สึกว่าแอบ “เทอะทะ” ไปซักนิด ส่วน Sony NX720 ซึ่งถือว่าเป็น “แชมป์เก่า” ด้วยดีไซน์แบบ “Monolithic Design” ก็กลับมาในรูปแบบเดิมที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงซักเท่าไหร่นัก จะเรียกว่า “หล่อเรียบหรู…แบบเดิม” จากปีที่แล้วสู่ปีนี้ แต่เนื่องจากไม่ได้มีอะไรเป็น Big Change จึงไม่ได้เป็นที่ประทับใจทีมงานและคณะกรรมการตัดสินเท่าไหร่นัก ส่วน Samsung LED TV D8000 เองยอมรับเลยว่าดีไซน์ปีนี้ “นายแน่มาก” สวยงามบาดใจ สามารถ “สะกด” ผู้คนที่เลือกซื้อทีวีในห้างร้านได้แทบทุกที่ คำว่า Smart TV จึงเป็นชื่อที่เหมาะสมมากสำหรับ Samsung D8000 ที่ “หน้าตาดี” แล้วยัง “ฉลาดหลักแหลม” ด้วย ทำให้ปีนี้ Samsung LED TV D8000 คว้ารางวัล Best Design Award ไปครองครับ !!!
 
Best Design Award : Samsung D8000
Candidates : Samsung D7000 , Sony NX720

-----------------------------------------------------------------------------------

10. Editor’s Choice Award :: LG LW6500




คุณวีรเกียรติ จิรัฐการุณธ์ (Roman) มอบรางวัล Editor's Choice Award  :: LG LW6500
ให้กับ คุณขวัญใจ นพนันทกุล ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์หมวดภาพและเสียง
บริษัท แอลจี อิเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด

มาถึงรางวัลสุดท้ายแล้ว ซึ่งก็คือรางวัล Editor’s Choice Award หรือทีวี “ขวัญใจทีมงาน” ประจำปี 2011-2012 โดยเกณฑ์การตัดสินก็เหมือนทุกปี นอกจากจะตัดสินแบบ “ตามใจฉัน" ซึ่งก็คือการตัดสินโดยใช้ความประทับใจและความชอบส่วนตัวต่อตัวสินค้าแล้ว ระดับราคานั้นยังต้องสามารถ “เอื้อมถึง” ได้ด้วย มิเช่นนั้นจะถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์ครับ โดยตัวเลือกมีมา 3 ตัวเริ่มจาก Samsung D6600 Smart TV 3D LED TV ซึ่งให้คุณภาพของภาพทั้ง 2 มิติและ 3 มิติตลอดจนลูกเล่นที่ไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง D7000 และ D8000 แต่ราคานั้นน่าคบหากว่ามาก ตัวที่ 2 คือ Panasonic  รุ่น ST30 ที่ครั้งนี้พกของใหญ่อย่างขนาด 55” ออกมาแข่งขันกับพวก LED TV ขนาด 55” คุณภาพของภาพเป็นแนวธรรมชาติ สีสันมีความสดใสพอเหมาะ ความดำของภาพอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนระดับราคาสำหรับไซส์ใหญ่บึ๊กบึ้มก็ยังสามารถคบหาได้อยู่เช่นกัน และสุดท้ายก็คือ LG LW6500 ที่โดดเด่นเหลือเกินกับเทคโนโลยี Cinema 3D (3D Polarized) ภาพสามมิติลอยเด่นสุดยอด ลูกเล่นเพียบพร้อม ราคาเปิดตัวเย้ายวนใจตั้งแต่แรก !!! หลังจากประชุมกันเคร่งเครียดว่าตัวไหนสมควรได้รางวัลดี ก็สรุปได้ว่าLG  LW6500 เป็นคำตอบที่อยู่ในหัวใจของทีมงานทุกคนในปีนี้จริงๆครับ ต้องยกย่องเรื่อง “ความกล้า” ที่ฉีกเทคโนโลยีจาก 3D Active ไปใช้ 3D Polarized แบบไม่แคร์สื่อทั้งๆที่รายอื่นๆใช้เทคโนโลยีแบบ 3D Active กันทั้งหมด จนตอนนี้สถานะของ LG ก็คือ “ผู้นำ” เทคโนโลยีภาพ 3 มิติ  จนเริ่มมี “ผู้ตาม” อย่าง ProVision และ Philips ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกันแล้วในการพัฒนาสินค้าของตนเองและวางขายในท้องตลาด เรื่องภาพ 3 มิตินี่ต้องยอมรับว่ากินทุกแบรนด์จริงๆ ส่วนลูกเล่น Smart TV ก็มีคอนเทนต์ของคนไทยเองอย่าง MTHAI VIDEO, Major Cineplex , Nation Channel   และรวมถึงทีมงานยังได้นึกไปยังงานบรรยายสุดยอดทีวีในงาน BAV Show 2011 ที่จัดขึ้นช่วงกลางปี 2011 ที่ผ่านมา ซึ่งผลโหวตนั้นก็เทไปยัง LG LW6500 ที่ใช้เทคโนโลยี 3D Polarized อย่างล้นหลาม  จึงไม่แปลกที่นอกจากจะให้รางวัล Editor’s Choice Award ไปครองแล้ว ใจจริงเชื่อว่าหลายๆท่านอาจจะเทรางวัล People’s Choice Award ให้ไปอีกซักรางวัลก็แปลกเลยสำหรับ LG LW6500 ตัวนี้
 
Editor's Choice Award : LG LW6500
Candidates : Samsung D6600 , Panasonic ST30

-----------------------------------------------------------------------------------

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับสุดยอดทีวีในแต่ละสาขา มีรุ่นที่ท่านเล็งเอาไว้อยู่กันบ้างไหมครับ ??  และนี่ก็คือรางวัล VIDEOPHILE LCDTVTHAILAND AWARDS ประจำปี 2011-2012 ครับ ก็ได้ทราบผลกันไปในทุกๆรางวัล สำหรับสุดยอดทีวีหลายๆตัวนั้นต้องขอบอกว่าเป็นที่ลำบากใจของคณะกรรมการตัดสินอย่างมาก เพราะความสามารถสูงใกล้เคียงกันทั้งนั้น หรือในด้านความคุ้มค่าก็จะมีดีคนละด้านกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานของผู้บริโภคเป็นส่วนมากด้วย ทางทีมงานหวังว่าจะช่วยเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อทีวีให้เหมาะกับการใช้งานของท่านได้ไม่มากก็น้อย และพบกันอีกครั้งในการประกาศผลรางวัลประจำปี 2012 - 2013 ครับ

-----------------------------------------------------------------------------------

78

-----------------------------------------------------------------------------------

5. Best Value LED TV Award :: Samsung D5000




คุณวีรเกียรติ จิรัฐการุณธ์ (Roman) มอบรางวัล Best Value LED TV Award :: Samsung D5000
ให้กับ คุณธนากร ชูประดิษฐ์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์หมวดภาพและเสียง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด

รางวัล LED TV สุดคุ้มค่าที่สุดประจำปีตกไปเป็นของ Samsung รุ่น D5000 ครับ ด้วยระดับราคาในเรนจ์นี้ Samsung D5000 สามารถถ่ายทอดภาพออกมาได้ดีที่สุด โดดเด่นกว่าจอ LED TV ตัวอื่นๆด้วยจอ Ultra Clear Panel จึงทำให้สีสันอิ่มกว่า ภาพลึกมีมิติกว่าค่ายอื่นๆ การรับชมฟรีทีวีก็มีความคมชัดกว่าจอ LED ที่ใช้ Panel แบบจอด้านแบบนักเล่นทีวีมือใหม่ยังสังเกตุได้ไม่ยากอีกด้วย อีกคุณสมบัติที่โดดเด่นก็คือช่องต่อ USB สามารถเล่นไฟล์วีดีโอแบบไฮเดฟฟินิทชั่น 1080p จาก External Harddisk ได้ ดีไซน์โดยรวมเน้นแบบเรียบหรูดูดี ขาตั้งปรับหมุนซ้ายขวาได้ นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้มีอะไรให้ติ ส่วนผู้ท้าชิงรุ่นอื่นๆอย่าง Sony EX520 นั้น เป็น LED TV +Internet TV คุณภาพสูงอีกตัว คุณภาพของภาพดีเยี่ยมไม่แพ้กันเสียเท่าไหร่นัก แต่ระดับราคาจะดูสูงกว่าเพื่อนไปซักนิด ส่วน LG LV3730 นั้นเปิดตัวมาในระดับราคาที่ไม่สูงนัก แถมมีฟังก์ชั่น Smart TV มาให้เต็มๆด้วย ลูกเล่นเยอะตั้งแต่ยังไม่แกะกล่อง แต่คุณภาพของจอ Panel อยู่ในเกณฑ์ธรรมดาเท่านั้น ภาพเคลื่อนไหวเร็วๆยังมีโกสท์ให้เห็นอยู่บ้าง สุดท้าย Philips รุ่น PFL5606 คุณภาพของภาพจัดอยู่ในเกณฑ์ธรรมดาเช่นกันครับ แถมจำนวนช่องต่อและลูกเล่นก็มิอาจเทียบเคียงทั้ง 3 ค่ายที่ได้กล่าวมาก่อนแล้วข้างต้น จึงสรุปได้ว่า Samsung D5000 นั้นเป็น LED TV ที่มีราคา "สมเหตุสมผล" หรือหากจะเรียกว่าคุณภาพที่ได้รับกลับเกินไปเสียเล็กน้อยด้วยซ้ำหากมาเทียบกับจำนวนเงินที่จ่ายไป จึงเบียดแซง LED TV ค่ายอื่นๆในโค้งสุดท้ายคว้ารางวัล Best value LED TV รางวัล LED TV คุ้มค่าที่สุดแห่งปีไปครอง !!!  

Best Value LED TV Award : Samsung D5000
Candidates : Sony EX520 / LG LV3730 / Philips PFL5606

-----------------------------------------------------------------------------------

6. Best Value LCD TV Award :: Provision U5D




มอบรางวัล Best Value LCD TV Award ให้กับ คุณสิทธิชัย เฉลิมธนาคม
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิจิตอลเบสท์บาย จำกัด

หากจะให้บอกว่า LCD TV ตัวไหนคุ้มที่สุดในปีนี้ ?? คำตอบที่อยู่ในใจทีมงานและคณะกรรมการผู้ตัดสินก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง ProVision แบรนด์ไทยที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถยืนหยัดในตลาดทีวีในประเทศไทยได้ รุ่นที่กล่าวถึงก็ได้แก่ 42U5D เป็น 3D LCD TV ที่ใช้เทคโนโลยีแบบ Polarized 3D (แบบ LG) ถึงแม้คุณภาพของภาพจะไม่ได้ดีสุดโต่งแบบทีวีรุ่นใหญ่ จากค่ายต่างประเทศ แต่ก็จัดได้ว่าอยู่ในระดับมาตรฐานที่ไม่ได้มีข้อติอะไรกับทีวีระดับราคาเพียงเท่านี้ สิ่งที่ทำให้มันคุ้มค่าคือ 1. รองรับการแสดงภาพ 3 มิติแท้ๆ 2. แถมแว่น 3 มิติตั้ง 4 อัน 3. ช่องต่อ USB รองรับไฟล์ 3D แบบไฮเดฟ อาทิเช่น 3D Side By Side / Top and Bottom ซะด้วย ซึ่งในปัจจุบันกระแสหนัง 3 มิตินั้นมาแรงมาก Content หนัง 3 มิติก็เริ่มวางแผงเยอะมากขึ้น แต่ระดับราคาของทีวี 3 มิติในประเทศไทยก็ยังค่อนข้างเอื้อมถึงยาก ProVision 42U5D  ขนาด 42” ก็เปิดตัวในราคาเพียงแค่ 19,990 บาทเท่านั้น และ "ใจป้ำ" แถมฟรีแว่นตา 3 มิติแบบ Polarized ให้ถึง 4 อันด้วยกัน (ดูกันได้ทั้งครอบครัว) สร้างยอดขายในงาน COMMART ในช่วงกลางปี 2011 กว่าร้อยเครื่องในระยะเวลาการขายแค่ 4 วัน ยิ่งไปกว่านั้นก็ได้รับการพิสูจน์ความคุ้มค่าในงานบรรยายสุดยอดทีวีในงาน BAV Show 2011 ไปแล้วเช่นกัน ซึ่งหลายๆท่านที่มาลองใส่แว่นรับชมทีวี 3 มิติรุ่นต่างๆ ก็ต่างพากันตกใจว่าทำไมทีวี 3 มิติรุ่นนี้ราคายั่วใจเช่นนี้ ในขณะที่คู่แข่งตังอื่นๆไม่ใช่ไม่ดี ไม่คุ้มนะครับ อย่าง Sony BX320 นั้นก็เป็น LCD TV ตัวประหยัดเล่นวิทยุ FM ได้ ส่วน Toshiba PB1T เน้น 10Bit Video Processing และ Signal Booster เน้นดูฟรีทีวีชัดในราคาย่อมเยา แต่กระนั้นหากให้พินิจพิเคราะห์ดูแล้ว ในตอนนี้จะหาอะไรมาต้านทานคุ้มค่าของ Polarized 3D ของ ProVision ซึ่งถือว่าเป็นลูกเล่นที่ “จับต้องได้มากที่สุด” ก็เป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนี้ Provision U5D จึงคว้ารางวัล Best Value LCD TV Award สุดยอด LCD TV ที่คุมค่าที่สุดประจำปี 2011 นี้ไปครองครับ !!!

Best Value LCD TV Award : Provision U5D
Candidates : Sony BX 320 , Toshiba PB1T

-----------------------------------------------------------------------------------

7. Best Value Plasma TV Award :: LG PT350




Mr.Hee Gol Lee และ คุณขวัญใจ นพนันทกุล
รับมอบรางวัล Best Value Plasma TV Award :: LG PT350

LG PT350 จัดได้ว่าเป็น Plasma TV มหานิยมของชาวเว็บไซต์ LCDTVTHAILAND เลยก็ว่าได้เนื่องจากมีระดับราคาไม่สูง แต่คุณภาพของภาพและขนาดของตัวจอคุ้มค่าเกินราคาไปมากครับ LG PT350 ให้โทนภาพที่สว่าง สีสันสดใส สะอาดตา และความถูกต้องของสีที่ให้มาในโหมดสำเร็จรูปนั้นค่อนข้างถูกต้องแม่นยำที่สุดเมื่อเปรียบบรรดา Plasma TV คู่แข่ง ในรายของ Samsung D450 ได้ดีที่ขนาดที่ใหญ่กว่าเจ้าอื่นๆ 1 นิ้ว ภาพสดใสมากและสะท้อนน้อยมากก็จริง แต่โทนภาพจะ “ติดอมแดง” ไปซักหน่อย ต้องปรับ Calibrate เพิ่มเติมเพื่อทอนสีแดงลงมา ส่วน Panasonic X30 ได้ดีที่เป็น Plasma TV รุ่นเริ่มต้นแต่ “มีลูกเล่น Internet” เล่น Facebook ได้เลย โทนภาพจะเน้น “ทึมๆแบบเป็นธรรมชาติ” แต่จะติดปัญหาเรื่อง “การคุมแสงสะท้อน”  ซึ่งเป็นผลให้คุณภาพของภาพถูกลดทอนลงไปพอสมควรเมื่อเจอกับห้องที่ไม่สามารถคุมแสงได้ ดังนี้ LG PT350 เองจึงมีภาษีที่ดีกว่าเรื่องความสดใสของภาพ ความถูกต้องของสีไม่โอเวอร์จนเกินไป การคุมแสงสะท้อนอันยอดเยี่ยม ส่งผลให้การรับชมภาพจากพวก TrueVision / Cable / หนัง HD ต่างๆ มีความคมชัด “เกินราคา” ที่ได้จ่ายไป ตลอดจนมีดีไซน์ Razor Frame ขอบบางสวยงามเพรียวบางไม่ดูเทอะทะเหมือน Plasma TV รุ่นก่อนๆ ทางทีมงานจึงขอมอบรางวัล Best Value Plasma TV ให้กับ LG PT350 สุดคุ้มตัวนี้ไปครอง !!!

Best Value Plasma TV Award : LG PT350
Candidates : Panasonic X30 , Samsung D450

-----------------------------------------------------------------------------------

79


รางวัลประเภท Extra Awards 3 รางวัล



9. รางวัล Best Smart TV Award : รางวัล Smart TV ยอดเยี่ยม

ในปีนี้ คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า Smart TV ที่โดดเด่น ล้ำสมัยที่สุด คือ Samsung Smart TV ES8000 นอกจากลูกเล่น Smart TV ทั่วไป อาทิเช่น แอพพลิเคชั่นทั้งไทยและเทศ ที่มีจำนวนมากที่สุดในบรรดา Internet TV/ Smart TV ณ เวลานี้ ทั้งหมวดเกม วีดีโอคอนเทนต์ การ์ตูนนิทานสำหรับเด็ก โซเชียลเน็ตเวิร์ก และอื่นๆ อีกมากมาย แต่จุดต่างที่สำคัญของ ES8000 คือ รูปแบบการสั่งงานแหวกแนวสุดอัจฉริยะ หรือ Smart Interaction ประกอบไปด้วย 1) การสั่งงานด้วยเสียง: คำว่า “HI TV” เป็นคำฮิตติดปากเพื่อเริ่มต้นสั่งการทีวี 2) การสั่งงานด้วยท่าทาง: การแบมือ กำมือ และโบกมือไปในทิศทางที่ต้องการเพื่อควบคุมทีวี ทดแทน “เมาส์ไร้สาย” ได้อย่างดี ออกจะสะดวกกว่าในบางแง่ด้วย เพราะ มือ ถือเป็นเครื่องมือควบคุมที่มนุษย์ใช้งานอย่างคุ้นเคยเป็นประจำอยู่แล้ว 3) ระบบการจดจำใบหน้า: มีกล้องติดตั้งมาให้เสร็จสรรพลงตัว สอดรับกับกรอบทีวีอันบางเฉียบ ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อเพิ่ม และปวดหัวกับการหาวิธีติดตั้งให้ดูลงตัว ทั้งหมดเป็นจุดเริ่มต้นที่ “ยกระดับ” คำจำกัดความ “Smart TV” ให้ดูฉลาดขึ้นไปอีกระดับ ซึ่งแต่เดิมคำนี้มักเป็นที่เข้าใจในความหมายที่มีดีแค่การดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น และออนไลน์ฟังก์ชั่นเท่านั้น ถึงแม้การใช้งานจริง ระบบสั่งงานด้วยเสียงอาจจะติดข้อจำกัดเรื่องภาษา สำเนียง และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ อยู่บ้าง แต่การใช้งานแบบอื่น เช่นการสั่งงานด้วยท่าทาง ก็เข้ามาทดแทนได้อย่างดีเยี่ยม หากไม่สะดวกจับรีโมท หรือหาไม่เจอ Samsung ES8000 เป็นทีวีตัวเดียวที่เราสามารถเพิ่มระดับวอลลุ่ม เปลี่ยนช่อง หรือแม้แต่ท่องเว็บ และเข้าใช้งานแอพพลิเคชั่นได้ ล่าสุดสามารถเล่น Angry Bird โดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ควบคุมภายนอก ทุกอย่างที่กล่าวมาสามารถดำเนินการได้โดยแทบไม่ต้องลุกจากโซฟาเลย กล่าวได้ว่าเป็นปฐมบทของการควบคุมทีวีโดยที่ “ไม่จำเป็นต้องพึ่งอุปกรณ์ใดๆ ในมือ” เหล่านี้ คงไม่มีผู้ท้าชิงใดทำได้เหนือกว่า ES8000 เมื่อผนวกกับจำนวนแอพพลิเคชั่นที่หลากหลายกว่า ผู้ท้าชิงอย่าง LG LM9600 และ Provision Android TV ED7 จึงเป็นรอง นี่ยังไม่รวมถึงระบบ Smart Evolution ทางเลือกในการอัพเกรดฮาร์ดแวร์อันชาญฉลาด ให้ทีวีทันสมัยอยู่เสมอโดยที่ไม่ต้องโละซื้อใหม่ทั้งดุ้น จึงขอมอบรางวัล Best Smart TV Award ให้กับ Samsung ES8000 ทีวีที่ฉลาดที่สุดในปี2012-2013 นี้

Candidates: LG LM9600 , Provision ED7 , Samsung ES8000


>> รีวิว Samsung ES8000 <<



คุณนาวี อินทรสังขนาวิน มอบรางวัล Best Smart TV Award : Samsung ES8000
ให้กับ คุณนุสราพร สำเร็จผล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์แอลอีดีและแอลซีดีทีวี
บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด

-----------------------------------------------------------------------------------



10. รางวัล Best 3D TV Award : รางวัล 3D TV ที่ดีที่สุด

LG LM9600 nano Full LED Cinema 3D ตัวท็อปเป็นผู้คว้ารางวัลนี้ไปครอง เป็นอีกหนึ่งรางวัลที่สูสีคู่คี่ และตัดสินลำบากเพราะเหมือนเป็นการประชันกันระหว่าง 3D Polarized VS 3D Active ซึ่งมักจะสร้างดราม่าตามเว็บบอร์ดอยู่เสมอ ทั้งนี้ระบบ 3D 2 รูปแบบ ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียคละเคล้ากันไป การพิจารณาต้องขึ้นกับปัจจัย และความต้องการของผู้ใช้เป็นหลัก Cinema 3D ของ LG LM9600 กับขนาดจอภาพ 55” โดดเด่นเรื่องความสบายตาในการรับชม แว่นไม่กะพริบ ความสะดวกที่ไม่ต้องใส่แบตเตอรี่ ไม่ต้องคำนึงถึงอายุการใช้งานของแว่นและแบ็ตฯ แถมอ็อพชั่นสำหรับผู้ที่สวมใส่แว่นสายตาให้เลือกใช้ “Clip On” แทนการสวมแว่นตาทับกัน 2 ชั้น รวมถึงมิติภาพ “เชิงลอย” ที่เรียกได้ว่าเป็นมิติภาพที่ “จับต้อง” ได้ง่ายกว่าบนพื้นฐานสภาพแวดล้อมหลากหลาย อันเป็นผลจากศักยภาพของระบบฮาร์ดแวร์ก็ไม่ผิดนัก สิ่งสำคัญยิ่งยวดไม่แพ้ปัจจัยอื่นๆ คือ ระดับราคาของแว่นแบบ 3D Polarized ที่ “ประหยัดกว่า” แว่นประเภท Active หลายช่วงตัว เพิ่มจำนวนสมาชิกที่รับชมร่วมกันได้ง่าย และยังประยุกต์ใช้งานในรูปแบบอื่นๆ อย่างระบบ Dual Play เมื่อเล่นเกมพร้อมกัน 2 คน ได้ ในขณะที่ 3D Active อย่าง Panasonic VT50 และ Samsung E8000 Plasma TV ก็ทำได้ดีเรื่องคุณภาพของภาพที่คมชัด การแจกแจงรายละเอียดของมิติภาพ 3 มิติ ทำได้ดีมาก แม้แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเทคโนโลยี 3D Active ด้วยกันก็ยังดีกว่าอย่างชัดเจน ให้มิติภาพได้ลึกลงเป็นระดับชั้น ระยะห่างใกล้ไกลในการรับชมไม่เป็นปัจจัยลดทอนรายละเอียดของภาพลงไป การ sync สัญญาณแม่นยำกว่าเคยด้วยระบบ Bluetooth และ RF ทว่าการรับชมจริงในที่สว่าง หรือห้องปิดที่เปิดไฟสว่าง ยังพบข้อจำกัดเรื่อง “การกะพริบ” อยู่บ้าง บางค่ายอย่าง Sony พยายามทำแว่นออกมาให้ครอบสายตามากที่สุด เพื่อป้องกันแสงภายนอกเข้ามารบกวนตา แต่ก็จะทำให้แว่นมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ในขณะที่ Samsung แก้ปัญหาเรื่องการกระพริบภายใต้แสงไฟฟลูออเรสเซ็นต์ได้อย่างเบ็ดเสร็จ กระนั้นลักษณะสภาพแวดล้อมที่แนะนำสำหรับการรับชม 3D Active คือ ห้องมืดที่คุมแสงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Panasonic Plasma ที่จะแสดงศักยภาพสูงสุดออกมาอย่างโดดเด่น ตรงนี้หากนำประเด็นเรื่องของความยืดหยุ่นในเรื่องพื้นที่ใช้งานสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ที่แม้ไม่เจาะจงมากนัก ก็ยังคงให้ผลลัพธ์ที่ดีมาพิจารณาด้วย รางวัลย่อมตกเป็นของ LG LM9600 Cinema 3D ในการเป็น “ผู้นำเทรนด์ 3D TV ยุคใหม่” และในอนาคตต้องยอมรับว่า ทีวีหลายค่ายเริ่มการเปลี่ยนแปลงไปใช้เทคโนโลยีแบบ Polarized มากขึ้น จากเดิมที่ใช้แว่นประเภท Active ไปเสียทุกค่าย

Candidates : LG LM9600 , Panasonic VT50 , Samsung E8000 , Sony HX855


>> รีวิว LG LM9600 <<



คุณวีรเกียรติ จิรัฐการุณธ์ มอบรางวัล Best 3D 3D Award : LG LM9600 ให้กับ
คุณอำนาจ สิงหจันทร์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์สมาร์ททีวี บริษัทแอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด

-----------------------------------------------------------------------------------



11. Best Design Award : รางวัลทีวี "ดีไซน์ยอดเยี่ยม" ประจำปี

ปัจจัยที่ใช้ในการประเมินรางวัลในหมวดนี้ คือ ”การสร้างคุณค่า” จากแนวคิดในการออกแบบ แม้เกี่ยวเนื่องถึงปัจจัยด้านความสวยงามอยู่มาก แต่ก็เป็นประเด็นรองลงมา ทั้งนี้ทุกรุ่นที่เข้าชิงล้วนแล้วแต่ให้ความสวยงามลงตัวอย่างโดดเด่นด้วยกันทั้งสิ้น กระนั้นถ้าดูกันที่ “รากเหง้า” ความชัดเจนในการนำเสนอแนวคิด หรือ ที่มา ถือว่า Sony HX855 นำอยู่หลายช่วงตัว ตอบรับคำกล่าวที่ว่า “to make something perfect, start getting the foundations” และรูปทรงความงามสุดท้ายที่เห็น ยังเป็นผลงานที่ย้อนกลับไปตอกย้ำแนวคิดขั้นต้น คือ “Monolithic Design” หรือหลักศิลา ได้ชัดเจนที่สุด ในขณะที่ผู้เข้าชิงอื่นไม่มีเหตุผลสนับสนุนที่ชัดเจนนัก ส่วนประกอบสำคัญ คือ “ฐานตั้ง” เป็นจุดที่ไม่กล่าวถึงมิได้สำหรับทีวีปีนี้ เพราะถูกนำมาใช้สร้างความหวือหวาเป็นหลัก ขณะเดียวกันก็เป็นรากฐานสำคัญสำหรับ Sony Monolithic Design เรียกว่าเป็นตัวสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่นกว่าดีไซน์ตัวทีวีที่เน้นเรียบง่ายเสียอีก แม้จะคงคอนเซ็ปต์เดียวกับปีที่แล้ว แต่ฐานก็ได้รับการออกแบบปรับปรุงให้เพรียวบางมากขึ้น การเชื่อมต่อผสานเข้ากับตัวทีวี ไม่ต้องตั้งค่าซ้ำซ้อน เสียบสายหลายเส้น หรือต้องต่อแหล่งจ่ายไฟภายนอกเพิ่มเติม แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือ "บูรณาการอรรถประโยชน์" (เมื่อถึงมือผู้ใช้) ที่ลึกกว่า มันจึงมิใช่ฐานที่เอาไว้ตั้งวางเฉยๆ แบบที่เห็นกับทีวีทั่วไป ไม่ว่าจะผนวกระบบลำโพงเข้ามา ถึงแม้ความหนักแน่นจะด้อยลงจากรุ่นปีที่แล้ว แต่มีส่วนลดข้อจำกัดจากคุณภาพลำโพงพื้นฐานที่ติดตั้งมากับตัวทีวี แน่นอนว่าเสียงลำโพงจากฐานตั้งจะดีกว่า ไปจนถึงการกำหนดองศาจอภาพเมื่อตั้งวางชั้นให้เอียงแหงนขึ้นเล็กน้อย จากการคำนึงถึงปัจจัยที่ส่งผลถึงศักยภาพการรับชมภายหลังการติดตั้งใช้งาน เสริมด้วยเหตุผลสนับสนุนเชิงจิตวิทยาที่ลึกล้ำมาก จุดด้อยจากรุ่นก่อนที่ฐานตั้งต้องซื้อเพิ่ม ในรุ่นใหม่ผนวกมาเลย (เป็นโปรโมชั่นพิเศษ) ก็ถือว่าชดเชยกันไป นี่เป็นเหตุผลทั้งหมด สำหรับการมอบรางวัล Best Design Awards สำหรับปี 2012-2013 ครับ

Candidates : LG LM9600 , Samsung ES8000 , Sony HX855


>> รีวิว Sony HX855 <<


คุณนาวี อินทรสังขนาวิน มอบรางวัล Best Design Award : Sony HX855 ให้แก่
Mr. Jumpei Sugimoto : Marketing Manager กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด

-----------------------------------------------------------------------------------

ทั้งหมดนี้ คือ ผลสรุปรางวัลของ VIDEOPHILE LCDTVTHAILAND AWARDS 2012-2013  สำหรับทีวีที่ได้รางวัลในปีนี้ หลายๆ ท่าน มีโอกาสได้เห็นภาพเปรียบเทียบจากภายในงาน BAV Show 2012 ณ โรงแรมแกรนด์เมอร์เคียว ฟอร์จูน เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 200 ท่านในวันนั้น คงจะพอรับรู้ถึงประสิทธิภาพทีวีแต่ละตัวว่ามีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันอย่างไร ผลรางวัลที่ออกมาสะท้อนถึงคุณภาพของตัวทีวี ซึ่งในบางประเด็น ต้องยอมรับว่าผู้บริโภคไม่มีโอกาสได้เห็นมาก่อน วัตถุประสงค์ของรางวัลทั้งหมด ทางทีมงานต้องการนำเสนอเพื่อเป็นแนวทาง "การเลือกซื้อทีวี" ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้บริโภค

80


รางวัลประเภท Best Midrange & Value
TV Awards 3 รางวัล




6. รางวัล Best Midrange LED TV Award : สุดยอด LED TV ระดับกลางที่ดีที่สุดประจำปี

เป็นรีวิวที่มีผู้ชมอ่านมากที่สุดประจำปีนี้สำหรับ LG LM7600 โดดเด่นเรื่องดีไซน์ที่สวยที่สุดในบรรดาผู้เข้าชิงระดับกลางด้วยกัน ขอบบางเฉียบแบบ Cinema Screen พร้อมฐานตั้งรูปตัว U “แบบใหม่” สวยกว่าผู้เข้าชิงอย่าง Samsung ES6600, Panasonic ET5 และ Sony EX650 ในส่วนของปัจจัยหลักในการตัดสิน ซึ่งก็คือเรื่องคุณภาพของภาพ เริ่มจากภาพ 2 มิติก็มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นจากอดีตรุ่นมหานิยมอย่าง LW6500 ชัดเจน หากให้เปรียบเทียบกับผู้ท้าชิง Samsung ES6600 ก็ยังแอบกินกันไม่ลง แนวภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์จัดได้ว่ายอดเยี่ยมทั้งคู่ เริ่มจาก LG LM7600 ได้เรื่องความเข้มข้น คมชัด มุมมองรับชมกว้าง และความสามารถแบบ “Edge LED Local Dimming” ในขณะที่ Samsung ES6600 ทำได้ดีเรื่องแนวภาพสว่าง กระจ่างสดใส การแสดงภาพเคลื่อนไหวอยู่ในเกณฑ์ดีทั้งคู่ ซึ่งทำได้ดีกว่าผู้เข้าชิงอีก 2 รายได้แก่ Panasonic ET 5 และ Sony EX650 ส่วนการแสดงภาพ 3 มิติ แตกต่างกันด้วยเทคโนโลยีคนละแนว LG LM7600 ได้เปรียบเรื่องแว่น Polarized สวมใส่สบายตา ไม่มีการกะพริบไม่ว่าจะใช้งานภายใต้สภาพแวดล้อมแบบใด ราคาประหยัด เพิ่มจำนวนแว่นได้แบบสบายกระเป๋า พร้อมฟังก์ชั่น Dual Play ประยุกต์การแสดงภาพ 3 มิติ ไปใช้งานกับการเล่นเกม (2D) ได้ ซึ่งยี่ห้ออื่นไม่มี ด้วยขนาดจอภาพทดสอบ (55”) ที่ระยะการรับชมปกติไม่สงผลกระทบจากเทคนิคการแสดงภาพสามมิติแบบ Passive อีกด้านหนึ่ง Samsung ES6600 ใช้เทคโนโลยีแบบ Active ให้มิติภาพคมชัดในทุกระยะการรับชม การกะพริบภายใต้แสงไฟฟลูออเรสเซ็นต์ไม่มีเลย แบ็ตเตอรี่เป็นแบบถอดเปลี่ยนได้ ส่วนของลูกเล่น LG LM7600 ขี่ทุกเจ้าไป 1 ช่วงตัว ด้วย Magic Remote เช่นเดียวกับรุ่นใหญ่ ช่วยอำนวยความสะดวกเมื่อใช้งานฟังก์ชั่น Smart TV ในขณะที่ค่ายอื่นๆ ยังคงต้องใช้ Remote Control แบบปกติทั่วไป (Smart Interaction ของ Samsung มีเฉพาะ Series 7000-8000 เท่านั้น) ประเด็นการควบคุมผ่าน Smart Devices ทำได้เหมือนกันหมด หากให้เทียบ Productivity = Outcome/Input หรือ “สิ่งที่ได้” อาทิเช่น คุณภาพของภาพ ลูกเล่น และดีไซน์ กับ “เม็ดเงินที่จ่ายออกไป” LG LM7600 มีภาษีที่เหนือกว่าผู้ท้าชิงอยู่พอตัว จึงสรุปได้ว่า รางวัล Best Midrange LED TV หรือรางวัลสุดยอด LED TV ระดับกลาง ตกเป็นของ LG LM7600

Candidates : LG LM7600, Panasonic ET5T , Samsung ES6600, Sony EX650


>> รีวิว LM7600 <<



คุณนาวี อินทรสังขนาวิน มอบรางวัล Best Midrange LED TV Award : LG LM7600 ให้กับ
คุณขวัญใจ นพนันทกุล ผู้จัดการอาวุโสกลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์

-----------------------------------------------------------------------------------



7. รางวัล Best Value LED TV Award : รางวัล LED TV สุดคุ้มค่า

สำหรับรางวัล LED TV รุ่นประหยัด คุ้มค่าที่สุดประจำปีได้แก่ Sony EX430 ถึงแม้จะออกมาแค่ขนาดเดียว คือ 40” แต่คุณภาพของอุปกรณ์ประกอบ ทำเอาทีมงานประทับใจกันไปหลายคน โดยปกติแล้ว LED TV รุ่นประหยัด แทบทุกค่ายจะลดต้นทุนทั้งเรื่องวัสดุ ชิพประมวลผล ตัวจอ และตัดลูกเล่นอื่นๆ ทิ้งเกือบทั้งหมด จึงทำให้คุณภาพที่ออกมาลดต่ำลงตามการลดต้นทุนไป กระนั้น Sony EX430 เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ LED TV รุ่นประหยัด ที่สามารถคงคุณภาพเรื่องภาพไว้ได้ดีแบบสมเหตุสมผล โดยทั่วไป LED TV รุ่นประหยัด สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลักๆ ได้แก่

1. Edge LED (No Local Dimming) วางหลอดไว้ตามขอบจอ แยกส่วนเพื่อดิมแสงไม่ได้ เด่นเรื่องความบางของจอภาพ
2. Direct LED (No Local Dimming) วางหลอดไว้ด้านหลังทั่วจอ แต่ใช้จำนวนหลอดน้อย ไม่ได้ถี่แบบ Full LED และแยกดิมแสงไม่ได้ เหตุผลหลักเพื่อทำมาทดแทน CCFL ของ LCD

Sony EX430 จัดอยู่ในประเภทแรก ซึ่งผ่านการทดสอบทั้งเรื่องความถูกต้องของสีสัน รายละเอียดภาพ และการแสดงภาพเคลื่อนไหว ทำได้ดีเกินหน้าเกินตาบรรดาคู่แข่งผู้เข้าชิงชัย จัดได้ว่าเป็น LED TV รุ่นประหยัดรุ่นเดียวที่ผ่านการทดสอบโกสท์จากการเล่นเกมทั่วไป รวมถึงลูกเล่นที่มีมากกว่า อาทิเช่น การแสดงภาพแบบ 2 หน้าต่าง (Picture and Picture) และรับฟังวิทยุ FM เป็นต้น การใช้งานสำหรับมือใหม่แสนง่ายดาย ตลอดจนดีไซน์กะทัดรัด น้ำหนักเบา ยกประกอบด้วยตัวคนเดียวได้อย่างสบาย ทีมงานจึงไม่ลังเลใจ ยกรางวัล Best Value LED ให้ไปครองอย่างสมภาคภูมิ

Candidates: Samsung EH5000, Skyworth E66 , Sony EX430 , Toshiba PB200


>> รีวิว Sony EX430 <<



คุณวีรเกียรติ จิรัฐการุณธ์ มอบรางวัล Best Value LED TV Award : Sony EX430 ให้แก่
คุณสุวัฒน์ชัย จารุวิทยานนท์ ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์โฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด

-----------------------------------------------------------------------------------



8. รางวัล Best Plasma TV Award : รางวัล Plasma TV สุดคุ้มค่า

Plasma TV เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของผู้ที่ชื่นชอบทีวีขนาดใหญ่ระดับ 50 นิ้ว ทดแทนทีวี CRT ที่ให้สไตล์ภาพคล้ายคลึงกัน แต่ราคาไม่สูง ออกจะถูกด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับขนาดพื้นที่จอแสดงผล ในปีนี้ความละเอียดหน้าจอของ Plasma TV ระดับ Value จะอยู่ที่ 1024 x 768 ที่ความละเอียดนี้ ต้องอาศัยระยะรับชมห่างประมาณ 2-3 เมตรกำลังดี เพื่อมิให้เห็นตารางเม็ดพิกเซลชัดเกินไป ตัวที่เข้าวินมาช่วงชิงรางวัล หนีไม่พ้นขาประจำอย่าง Panasonic XT50 และ Samsung E490 ทั้งสองตัวถือเป็นรุ่นสเป็กใกล้เคียงกัน รองรับ 3D ทั้งคู่ ออกมาฟาดฟันกันโดยตรง เหตุผลที่ Samsung E490 เฉีอนชนะไป ก็คือในด้าน "ความคมชัด” แม้จะมีความละเอียดหน้าจอเท่ากัน แต่ตั้งเทียบกันแล้ว E490 ถือว่ามีความคมกว่า XT50 เล็กน้อย แม้โหมดภาพจากโรงงานจะให้ความเที่ยงตรงน้อยกว่า แต่ E490 รองรับการปรับอุณหภูมิสีเพิ่มเติม จึงให้สีสันภายหลัง Calibrate ได้เป็นธรรมชาติ ใกล้เคียงกับมาตรฐาน D65 มากกว่า และถึงแม้จะไม่มีฟังก์ชั่นการใช้งานด้านอินเทอร์เน็ตแบบ XT50 แต่ด้วยราคาที่ต่ำกว่า ทว่าได้จอใหญ่กว่า 1 นิ้ว นับเป็นปัจจัยสำคัญของการเป็น “Best Value” ของ Samsung E490 ไปอย่างเฉียดฉิวครับ !!

Candidates : Panasonic XT50T, Samsung E490


>> รีวิว Samsung E490 <<



คุณนาวี อินทรสังขนาวิน มอบรางวัล Best Value Plasma TV Award : Samsung E490
ให้กับคุณเมษศจี ศิริรุ่งเรือง ผู้ดูแลผลิตภัณฑ์พลาสม่าทีวี บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด

-----------------------------------------------------------------------------------


81

ดูได้แล้ว !!! ทดสอบรับชม Digital TV ด้วย "เสาหนวดกุ้ง" และ "เสาก้างปลา"
ท่ามกลางกระแสความสับสนกับการให้ข่าวของทั้งกสทช.และสื่อต่างๆเกี่ยวกับ Digital TV ทำให้ประชาชนตาดำๆอย่างพวกเรางงเป็นไก่ตาแตกว่าตกลงเจ้า Digital TV นั้น เราจะดูได้ไหม ? ดูอย่างไร ? ต้องซื้ออุปกรณ์อะไรบ้างเพื่อใช้ดู ? วันนี้ "นายโรมัน" พร้อมทีมงาน LCDTVTHAILAND จะทดสอบรับชม Digital TV ที่แทบทุกช่องฟรีทีวีหลักของประเทศไทยเริ่มทดลองออกอากาศแล้ว โดยทีวีและอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมทดสอบก็ง่ายแสนง่าย เชื่อว่าคลายข้อสงสัยให้หลายท่านได้อย่างดี


รับชมแบบวิดีโอคลิ๊กด้านบนได้เลยครับ

ทีวีและอุปกรณ์ร่วมทดสอบ
1. Sony LED TV 55HX955 (มี Digital Tuner แบบ DVB-T2 ในตัว)
2. เสาหนวดกุ้ง
3. เสาก้างปลา


1. Sony LED TV 55HX955 ที่มี Digital Tuner แบบล่าสุด "DVB-T2" ในตัว
>> > รีวิว Sony 55HX955 <<<


2. "เสาหนวดกุ้ง" อันล้ำค่าของผม ผมจักขอเสนอตัวเป็นพรีเซนเตอร์ให้ฟรีๆ
(ซื้อมา 150 บาท เพื่อดูฟุตบอลยูโรในช่วงปี 2012 ที่ผ่านมา ^ ^)


3. "เสาก้างปลา" (Antenna) ซื้อมาติดตั้งบนหลังคา ราคาพันเกือบสองพันบาท

อาจจะรู้สึกประหลาดใจว่าจะดู Digital TV ทั้งที แล้วใช้อุปกรณ์เพียงแค่นี้เองเหรอ ? ไม่ต้องติดตั้งเสาอากาศ Digital เพื่อรับสัญญาณหรือ ? คำตอบคือ "ไม่ต้องครับ" หากท่านมี "เสาก้างปลา" เก่าแก่อันเดิมที่ติดอยู่บนหลังคาบ้านก็ใช้ได้เลยทันที เพราะพวกเสาอากาศพวกนี้มันมีหน้าที่รับสัญญาณเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณ Analog แบบเดิมหรือสัญญาณ Digital ก็รับได้หมดจ้า หลักการนี้ก็ถูกนำมาใช้กับ "เสาหนวดกุ้ง" ซึ่งเป็นเสายืดได้หดได้เอาไว้รับสัญญาณเช่นกัน การทดสอบดังต่อไปนี้จะบอกว่า "เสาหนวดกุ้ง" และ "เสาก้างปลา" แบบบ้านๆนี่แหละ "มันสามารถรับสัญญาณ Digital ได้" นะเว้ยเฮ้ย !!!

ในเมื่อเราได้ตัวรับสัญญาณมาแล้ว เรามาดูในส่วนของจอทีวีกันบ้าง ทีวีที่เราต้องการในตอนนี้คือทีวีมีมี Digital Tuner แบบ DVB-T2 มาตรฐานใหม่ล่าสุด ซึ่งในประเทศไทยตอนนี้ ( ก.พ. 2556) มีเพียงแค่ Sony LED TV รุ่น HX955 เท่านั้นที่รองรับ ก็เลยเป็น "ทีวีทองคำ" ของทีมงานในช่วงนี้ ^ ^

หมายเหตุ: อันที่จริงแล้วทีวีหลายรุ่นอาทิเช่นรุ่นกลาง-ท็อปของบางค่ายในปี 2012 ได้ผนวก Digital Tuner แบบ DVB-T มาให้ด้วย แต่มิได้ทำการประชาสัมพันธ์เชิงการตลาดใดๆให้ผู้ใช้รับทราบอันเนื่องจากในตอนนั้นการส่งสัญญาณแบบ Analog ยังเป็นมาตรฐานอยู่ และรวมถึงมาตรฐานใหม่ของ Digital TV ก็ยังไม่สรุปแน่ชัด 100% ดังนี้ในการทดลองออกอากาศในช่วงปี 2012 ที่ผ่านมาที่ยังอิง "มาตรฐานเก่า" แบบ "DVB-T" อยู่ หลายท่านก็แอบรับสัญญาณ Digital และรับชมแบบ Digital ได้หากใช้ทีวีรุ่นที่แอบผนวกจูนเนอร์ DVB-T มาให้ แต่ทว่าหลังจากการเปลี่ยนมาตรฐานจาก DVB-T เป็น DVB-T2 ทำให้ทีวีหลายรุ่นดังกล่าวไม่สามารถรับสัญญาณและรับชมแบบ Digital ได้อีกต่อไป สรุปว่าตอนนี้เค้าปล่อยสัญญาณแบบใหม่ DVB-T2 มา เราก็ต้องใช้จูนเนอร์แบบ DVB-T2 ในการรับสัญญาณเท่านั้นเช่นกัน

เอาหละมาเริ่มทดสอบกันเลย ! ขั้นแรกเสียเสาหนวดกุ้งเข้ากับช่อง "Antenna" ของทีวี ลักษณะของช่องต่อก็จะเหมือนช่องเสียบสายอากาศของทีวีทั่วไป ซึ่ง Sony HX955 นั้นรองรับทั้งระบบ Digital และ Analog เลย เสร็จแล้วก็เลือก "จูนช่องสัญญาณแบบ Digital" (เหมือนจูนช่องแบบอัตโนมัติในทีวีทั่วไปนั่นแหละ) รอซักไม่กี่อึดใจก็สำเร็จ หลังจากนั้นเราก็จะเห็น List สถานีต่างๆแสดงขึ้นมาเรียงลำดับดังต่อไปนี้
 
รายชื่อช่องที่ส่งโดย "เสาส่งของช่อง 5" ( 8 ช่อง)
1. ช่อง 5
2. ช่อง 7
3. ช่อง 9
4. ช่อง NBT (สทท. 11)
5. ช่อง TPBS
6. ช่อง 5 HD
7. TPBS HD
8. ช่อง 3 

=> ใช้แค่ "เสาหนวดกุ้ง" ก็รับได้หรือจะใช้ "เสาก้างปลา" ไปเลยก็รับได้เช่นกันแถมเสถียรกว่าด้วย

โดยช่องฟรีทีวีแบบปกติอย่างช่อง 5,7,9,11, TPBS, และ 3 จะส่งสัญญาณความละเอียดแบบ 576i พร้อมอัตราส่วนแบบ 4:3 เช่นเดิม แต่ที่น่าดีใจคือเราจะมีช่องที่ออกอากาศแบบ HD ความละเอียด 1080i ให้ได้รับชมกันแล้ว โดย ณ ตอนนี้ยังมีแค่ 2 ช่องอันได้แก่ ช่อง 5 HD และ TPBS HD ความละเอียดแบบ 1080i มาพร้อมอัตราส่วน "16:9" ที่ "พอดี" กับทีวีจอไวด์สกรีน LED / LCD / Plasma TV ของเราซะที แหม่ ! มีทีวีระดับไฮเดฟมาตั้งหลายปี ในที่สุดก็มีช่องฟรีทีวีแบบไฮเดฟให้ได้รับชมกันแล้วจ้า อนึ่งในตอนนี้ "ทุกช่อง" ใช้ "เสาส่งของช่อง 5" ที่ "ตึกใบหยก" ในการทดลองออกอากาศ มีรัศมีครอบคลุมประมาณ 100 กิโลโมตร จึงทำให้กรุงเทพมหานครและปริมณฑลบางพื้นที่รับสัญญาณและรับชมแบบดิจิตอลได้แล้ว

อย่างไรก็ดีในบางพื้นที่รับได้ถึง 12 ช่อง จะมีช่องของ MCOT เพิ่มขึ้นมาอีก 4 ช่อง โดยผมลองโดยการลงทุนติดตั้ง "เสาก้างปลา" ไว้บนหลังคาบ้าน ซึ่งรับสัญญาณได้ดีกว่าเสาหนวดกุ้งมาก เลยจูนติดอีก 4 ช่องของ MCOT โดยปริยาย ซึ่งแบ่งเป็นช่อง MCOT ความละเอียดธรรมดา 2 ช่อง และช่อง MCOT HD อีก 2 ช่อง สรุปแล้วหากบ้านท่านเก๋าจริงสามารถรับสัญญาณจากทั้งเสาส่งของช่อง 5 และเสาส่งของช่อง 9 MCOT ได้ ท่านจะรับชมได้ถึง 12 ช่อง แต่หากบ้านท่านอับสํญญาณ หรือใช้แค่หนวดกุ้งกากๆต่อ ก็น่าจะรับได้แค่ 8 ช่องจากเสาส่งของช่อง 5 เท่านั้น 

รายชื่อช่องที่ส่งโดย "เสาของช่อง 9 MCOT" ( 4 ช่อง)
9. Modern Nine-SD
10. MCOT World
11. MCOT HD1
12.  MCOT HD2

=> จากการทดสอบต้องใช้ "เสาก้างปลา" จึงรับเพิ่มได้ หากใช้ "เสาหนวดกุ้ง" จะจูนหาช่อง MCOT พิเศษเหล่านี้ไม่เจอ สัญญาณอาจะแรงไม่พอหรือหนวดกุ้งมันไม่เทพสู้พอจะสู้เสาก้างปลาในเรื่องรับสัญญาณนั่นเอง


เสียบสายสัญญาณของหนวดกุ้งเข้าช่อง Antenna แล้วก็ให้เลือกจูนแบบ Digital เด้อ


รายนามช่องต่างๆ มีทั้งหมด 8 ช่อง โดย 6 ช่องเป็น Standard Definition และอีก 2 ช่องเป็น High Definition


เนื่องจากสถานที่ทดสอบมันค่อนข้างอับสัญญาณ T T
จึงต้องใช้มือหมุนๆปรับๆเพื่อหาสัญญาณอย่างบ้าคลั่ง

สัญญาณ Digital จะต่างจากสัญญาณ Analog ในเรื่องของการรับสัญญาณว่า "รับได้หรือไม่ได้" ส่งผลให้ภาพ "ชัดหรือไม่ชัด" โดยขออธิบายดังนี้ สัญญาณ Digital จะมีแค่หากรับสัญญาณได้ "ภาพก็จะแสดง" แต่ถ้าหากรับไม่ได้ "ภาพก็จะไม่แสดงเลย"  (จอมืด No Signal) ในทางกลับกันหากเป็นการับสัญญาณ Analog ภาพจะชัดมาก-น้อย เรื้อนบ้าง มีสโนว์เม็ดๆบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับความแรงของสัญญาณที่รับได้ ระหว่างการทดสอบรับชม Digital TV นั้น สัญญาณอาจมีติดๆดับๆบ้างในบางช่วง อันเนืองจากสถานที่ทดสอบซึ่งก็คือออฟฟิศ LCDTVTHAILAND มันค่อนข้างอับสัญญาณ แต่หากหาตำแหน่งการวางเสาหนวดกุ้งดีๆมันก็จะรับสัญญาณและแสดงผลภาพและเสียงออกมาได้อย่างเสถียร ดังนี้ในรูปถัดๆไปอาจจะเห็นการวางตำแหน่งของเสาหนวดกุ้งแบบ "โหด[^_^]ม" กล่าวคือพยายามหันเสาออกไปข้างนอกเพื่อรับสัญญาณ เพื่อให้ภาพตอนทดสอบและถ่ายรูปออกมาชัดสุด


เริ่มจากช่องแรกเลยคือ 'ช่อง 5" ภาพใสขึ้นพอตัว
จากเดิมผมใช้กล่องของ DTV และ GMMZ ที่ Ouput ออกมาเป็น AV


"ช่อง 7" หากเป็นละครไทยเรื่องนี้ภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่มี Noise สากๆรอบตัวนักแสดง


ช่อง 9 ภาพใสน่ารักน่าชม


สทท. 11 หรือบางท่านเรียกว่าช่องหอยม่วง
สิ่งที่ "ดีขึ้น" หากดูเปรียบเทียบกับจานดาวเทียมก็คือ ภาพใสกว่า รายละเอียดดีกว่าภาพจึงมีโมเสกน้อยกว่า


Thai PBS แบบธรรมดา ช่องนี้ดีมากครับเพราะเดี๋ยวจะมี Thai PBS แบบ HD
ให้เปรียบเทียบเพราะออกอากาศรายการเดียวกันพร้อมกันเลย


สุดท้ายคือช่อง 3 จะอยู่ท้ายสุด ต่อจาก Thai PBS HD
ดูหนังจีนช่วงบ่าย ภาพชัดใสดี แต่มีปัญหาเรื่องเสียง 2 ภาษา คือมันส่งเสียงทั้งไทยและจีนปนออกพร้อมกันซะงั้น เข้าใจว่าเป็นช่วงทดลองออกอากาศ ต้องเลือก Audio L/R เพื่อสลับภาษาเอาเอง หรืออย่างทีวี Sony รุ่นนี้ผมลองกดปุ่ม เลือก Audio ก็มีเสียงวิทยุ FM 106.0 แทรกเข้ามาแทนที่เสียงในหนังจีนซะด้วย
(ส่งมา 2 ภาษา + 1 คลื่นวิทยุ)


มาแล้ว !!! ช่อง 5 แบบ HD ว้าว ว้าว ว้าว ภาพและเสียงดีมาก


โลโก้ให้ดูชัดๆ "ช่อง 5 HD" เมืองไทยมีกับเค้าแล้วนะเฟร้ย !!


จะเห็นได้ว่าโลโก้ด้านซ้ายบนเขียนว่า CH-5 HD onTV5Network
คือตอนนี้ทุกเจ้าออกอากาศโดยใช้เสาส่งของช่อง 5 เลยมีคำว่า onTV5Network พ่วงมา
เช่นหากดูช่อง 3 ก็จะเขียนว่า CH-3 onTV5Network เป็นต้น


ออกอากาศแบบ 1080i สัดส่วน 16:9 แท้ๆ ความคมชัดอยู่ในระดับน่าพอใจ


รายการ The Road ถนนคนดัง แบบ HD


รายการ One Night Only ออกอากาศแบบ HD


อีกหนึ่งช่อง HD คือ Thai PBS HD ยิ่งภาพรายการที่บันทึกในห้องส่งจะมีความคมชัดมาก


สุดท้ายนี้ลองดูเปรียบเทียบภาพช่อง "Thai PBS HD" VS "Thai PBS แบบปกติ"
ช่อง HD เหนือชั้นกว่าที่ความคมชัดและอัตราส่วนภาพที่ถูกต้อง


ทีนี้ผมลองสลับมาใช้ "เสาก้างปลา" แทน "เสาหนวดกุ้ง" บ้าง โดยผมติดตั้งเสาไว้บนหลังคาบ้าน (บ้าน 2 ชั้น) พร้อมรับสัญญาณอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช พอสลับเสร็จลองจูนช่องใหม่ดูปรากฏว่ารับเพิ่มได้อีก "4 ช่อง" โดยเป็นของ MCOT ทั้งสิ้น และส่งมาโดยเสาส่งของ MCOT เอง โดยสรุปแล้วรับได้ทั้งหมด 12 ช่อง ยอมรับว่าใช้เสาก้างปลามัน "เสถียรกว่า" เสาหนวดกุ้งอยู่พอสมควร


ลองเปลี่ยนมาเป็น "เสาก้างปลา" บ้าง เสียบสายอากาศเข้าช่อง Antenna แบบนี้แล้วลองจูนช่องใหม่
เลยรับช่องจาก MCOT เพิ่มมาได้อีก 4 ช่อง


ช่อง MCOT SD และ MCOT  World ความละเอียดเป็น Standard Definition 576i


ช่อง MCOT HD ส่งสัญญาณแบบ 1080i แต่คอนเทนต์ที่เลือกออกอากาศคุณภาพต่ำยังกับ VCD


ช่อง MCOT HD2 ส่งมาแบบ 1080i เช่นกัน
แต่ยังใช้คอนเทนต์ทดลองออกอากาศแบบธรรมดาอยู่


ในตอนนี้ช่องรายการทั้งหมดมีเพียงแค่ "8 หรือ 12 ช่อง" ที่ให้ทดสอบในช่วงทดลองออกอากาศเท่านั้น แต่ในอนาคตจะมีเพิ่มเป็น "48 ช่อง" ตามที่กสทช.สรุปเอาไว้ ได้แก่
1. ช่องบริการชุมชน 12 ช่อง
2. ช่องบริการธุรกิจ (เชิงพาณิชย์) 24 ช่อง โดยแบ่งย่อยเป็น
- หมวดรายการเด็กและเยาวชน 5 ช่อง
- ช่องข่าวและสาระ 5 ช่อง
- รายการทั่วไป 10 ช่อง
- หมวดช่องไฮเดฟอีก 4 ช่อง
 

สรุปข้อดีของดิจิตอลทีวีในตอนนี้
1. ช่องฟรีทีวีภาพใสและชัดเจนขึ้น
2. ช่อง HD ให้ความละเอียดแบบ 1080i ความคมชัดอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ
3. อัตราส่วน 16:9 ในช่อง HD เป็นสัดส่วนที่ถูกต้อง หน้าคนไม่บาน สมจริงเสียที
4. คุณภาพเสียงในช่อง HD ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา
5. หากรับสัญญาณได้เสถียร ภาพก็จะนิ่งชัดอยู่ตลอดเวลา
6. สามารถใช้เสาก้างปลาหรือเสาหนวดกุ้งรับสัญญาณได้ทันที

จุดที่ยังพบข้อบกพร่องอยู่ในตอนนี้
1. หากรับสัญญาณไม่ได้ ภาพก็จะไม่แสดงเลยหรืออกแนวติดๆดับๆ แต่ถ้าเป็นทีวี Analog ยังพอเห็นภาพได้ลางๆถึงแม้มันจะไม่ชัดเอาซะเลยก็ตามที
2. ระบบเสียง 2 ภาษาบางช่องยังไม่สมบูรณ์ดีนักในช่วงทดสอบ น่าจะมีการเซ็ตค่าเริ่มต้นให้ส่งภาษาไทยมาเป็นค่าแรกเริ่มเพื่อความสะดวกต่อการใช้งาน
3. ช่อง MCOT HD ถึงแม้ส่งสัญญาณเป็น 1080i แต่รายการที่เลือกเอามาทดลองออกอากาศภาพด๋อยมากเหมือนดู VCD อยู่

หากจะดู Digital TV ทำอย่างไร ?
1. Set Top Box แบบ DVB-T2

หากใช้ทีวีรุ่นเดิมอยู่อาทิเช่น LED / LCD TV & Plasma TV ตั้งแต่ปี 2012 ลงไป ให้ซื้อ Set Top Box แบบ DVB-T2 ซึ่งจะรับสัญญาณจากสายอากาศและแปลง Output ออกมาเป็น HDMI หรือ AV out ออกมา คาดว่าราคาจะอยู่ประมาณ 1000-2000 บาท โดยทางผมเองค่อนข้างกล้าฟันธงว่า Set Top Box เป็นแนวทางที่คุ้มค่าและประหยัดเพราะ Set Top Box มันพกพาไปได้ทุกที่ มีความยืดหยุ่นสูง ช่องต่อ Output ต่างๆครบครันทั้ง HDMI, AV, Component, Antenna จึงเชื่อมต่อได้กับทีวีทุกเครื่องทุกรุ่นแม้กระทั่ง CRT TV จอแก้วรุ่นเดอะก็ตาม หรือความสามารถพิเศษของ Set Top Box ที่สามารถอัพสเกลสัญญาณภาพจากพวก 576i หรือ 1080i ให้เป็น 1080p ได้ รวมถึงความสามารถอื่นๆที่เหนือชั้นกว่าการเสียบเสาอากาศเข้าจูนเนอร์ทีวีโดยตรง อาทิเช่น EPG (Electronic preview Guide) หรือพวกลิสต์ที่บอกว่ารายการต่อไปคือรายการอะไร ฉายกี่โมงถึงกี่โมง เป็นต้น โดยเจ้า Set Top Box น่าจะเริ่มมีวางจำหน่ายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ หลายเจ้าเริ่มขยับตัวแรงแล้ว

2. TV ที่มี DVB-T2 Tuner
หากจะซื้อทีวีรุ่นใหม่ปี 2013 ก็สามารถเลือกทีวีที่ผนวกจูนเนอร์แบบ DVB-T2 มาให้ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเป็นทีวีระดับกลางถึงท็อป แต่ระดับราคาอาจจะสูงขึ้นมาอีกนิดหน่อย โดยแบรนด์ยักษ์ใหญ่น่าจะเริ่มจัดจำหน่ายทีวีพร้อมจูนเนอร์แบบ DVB-T2 ประมาณเดือน เม.ย.-พ.ค. นี้ (แต่ทีวีในปี 2012 มีเพียงแค่ Sony 84X9000 และ HX955 ที่มี DVB-T2 Tuner)

ดังนี้เสาอากาศกาศก้างปลาหรือเสาหนวดกุ้ง พวกเราจงเก็บเอาไว้ให้ดี ได้ใช้แน่ๆในอนาคตอันใกล้ไม่ว่าท่านจะต่อตรงหรือต่อผ่าน Set Top Box


กล่อง Set Top Box ต้องแบบ DVB-T2 เท่านั้น หากเป็นแบบ DVB-T จะรับไม่ได้เด้อ

แล้วถ้าหากใช้ "จานดาวเทียม" อยู่หละ...จะดูได้ไหม?
ต้องบอกก่อนว่าพวกทีวีดาวเทียม หรือจานแดง จานเหลือง จานดำ จานส้ม ที่เราคุ้ยเคยมันเป็นระบบการส่งสัญญาณโดยใช้ "ดาวเทียม" (Satellite) มิใช่ระบบการส่งสัญญาณ "ภาคพื้นดิน" (Terrestrial) ที่เรา และ กสทช.กำลังพูดถึงแต่อย่างใด ใครใช้กล่อง+จานหลากสีเช่นนี้อยู่ก็ยังคงรับชมรายการต่างๆของผู้ให้บริการเหล่านั้นได้อย่างปกติ แต่เชื่อเหลือเกินว่าผู้ให้บริการเหล่านั้นก็จะอัพเกรดกล่องรับสัญญาณดาวเทียมจากรุ่นเดิมให้ล้ำขึ้น กล่าวคือกล่อง Set Top Box สามารถ Output สัญญาณดิจิตอลผ่านช่องต่อ "HDMI" จึงสามารถดูช่องรายการไฮเดฟเพิ่มเติมได้ ซึ่งจากเดิม Output ได้แค่ช่อง AV สายเหลือง-ขาว-แดง ตอนนี้พวกที่ขยับเริ่มแล้วก็ได้แก่ True Vision / IPM HD / DTV HD / GMMZ HD เป็นต้น ต่อไปหากอยากดูช่อง 5 HD ก็สามารถดูผ่านกล่อง+จานหลากสีเหล่านี้ได้เช่นกัน

ขอทิ้งท้ายว่า Digital TV คือการยกระดับมาตรฐานใหม่ในการรับชมฟรีทีวีบ้านเราให้ดีขึ้นในแง่ของคุณภาพและลูกเล่นอย่างยิ่งยวด อาจจะแลยุ่งยากไปบ้างในช่วงแรก แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันดีขึ้นเป็นกอง คุ้มค่ากับการรอคอยอย่างแน่นอน อดใจรออีกซักนิดนะครับ..พี่น้องชาวไทย !

82

Samsung Smart TV หนึ่งในฟีเจอร์สมาร์ททีวีที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในโลก ณ​ ขณะนี้ ด้วยความสามารถอันหลากหลายที่เยอะจนใช้แทบไม่หมด ทางทีมงานจึงจัดทำบทความให้ทุกท่านได้อ่านกันง่ายๆ และรวบรวมมาให้ได้ลองใช้กันในกระทู้นี้ครับ


[บทความตอนที่ 1] วิธีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ให้กับซัมซุงสมาร์ททีวี


[บทความตอนที่ 2] มาดูวิดีโอ YouTube แบบเจ๋งๆและง่ายๆ ผ่านสมาร์ททีวีและสมาร์ทโฟน

[บทความตอนที่ 3] แนะนำแอพ "ดูหนังฟรี" Samsung Smart TV Showtime หนังดีๆเพียบ

[บทความตอนที่ 4]สอนใช้งานแอพ Samsung Smart View นำภาพจาก "จอทีวี" มาแสดงบน "จอมือถือ"

[บทความตอนที่ 5] วิธีดาวน์โหลดและติดตั้งแอพพลิเคชั่นบน Samsung Smart TV

[บทความตอนที่ 6] สอนใช้งาน Screen Mirroring ฟีเจอร์การโคลนหน้าจอสมาร์ทโฟน ขึ้นไปแสดงบนจอสมาร์ททีวี

[บทความตอนที่ 7]แนะนำ Soccer Mode โหมดภาพและเสียงสำหรับดูฟุตบอลใน Samsung Smart TV !

83

Samsung Smart TV หนึ่งในฟีเจอร์สมาร์ททีวีที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในโลก ณ​ ขณะนี้ ด้วยความสามารถอันหลากหลายที่เยอะจนใช้แทบไม่หมด ทางทีมงานจึงจัดทำบทความให้ทุกท่านได้อ่านกันง่ายๆ และรวบรวมมาให้ได้ลองใช้กันในกระทู้นี้ครับ


[บทความตอนที่ 1] วิธีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ให้กับซัมซุงสมาร์ททีวี


[บทความตอนที่ 2] มาดูวิดีโอ YouTube แบบเจ๋งๆและง่ายๆ ผ่านสมาร์ททีวีและสมาร์ทโฟน

[บทความตอนที่ 3] แนะนำแอพ "ดูหนังฟรี" Samsung Smart TV Showtime หนังดีๆเพียบ

[บทความตอนที่ 4]สอนใช้งานแอพ Samsung Smart View นำภาพจาก "จอทีวี" มาแสดงบน "จอมือถือ"

[บทความตอนที่ 5] วิธีดาวน์โหลดและติดตั้งแอพพลิเคชั่นบน Samsung Smart TV

[บทความตอนที่ 6] สอนใช้งาน Screen Mirroring ฟีเจอร์การโคลนหน้าจอสมาร์ทโฟน ขึ้นไปแสดงบนจอสมาร์ททีวี

[บทความตอนที่ 7]แนะนำ Soccer Mode โหมดภาพและเสียงสำหรับดูฟุตบอลใน Samsung Smart TV !

86

เสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อยนะครับสำหรับงานบรรยาย "OPPO บลูเรย์สไตล์ฯ"
หากท่านใดที่ได้มาสัมผัสกับบรรยากาศภายในงานก็ต้องพูดได้คำเดียวเลยว่า สุดยอดทั้งภาพและเสียงจริงๆ ซึ่งทางทีมงานก็มีรีวิวมาฝากเพื่อนๆที่ไม่ได้ไปร่วมงานเช่นเคยครับ

อ่านรีวิว >> คลิ๊ก << เลยครับ


อ่านรีวิว >> คลิ๊ก << เลยครับ


87
ด้านล่างนี้เป็นลิ้งค์เข้าไปดูกระทู้ดังกล่าวนะครับ

http://www.lcdtvthailand.com/asp-bin/images-source/image/webboard_crime/crime-case-Kritsana.jpg


จะเห็นว่าคนโพสต์กับคนปิดกระทู้มา user ต่างกัน แต่ IP เดียวกัน


88
จากการที่มีผู้เสียหายนับร้อย
จากนาย กฤษณะ เข็มทอง หรือ อีกในหลายหลายชื่อ
ได้ทำการเปืดบีญชี ในหลายๆสาขาเปิดเบอร์อีกหลายๆเบอร์มือถือ ให้เหยื่อยส่งเงินไปให้แต่สุดท้ายแล้ว ไม่ส่งของมาให้ แถมยังไม่รับโทรศัพท์ หรือปิดเครื่อง
ผมคือผู้เสียหาย หนึ่งในจำนวนนั้น เขาได้ทำการฉ้อโกงทรัพย์มาตั้งแต่ ปี 2009 จนถึงปัจจุบัน และ คิดว่าน่าจำทำต่อไปเรื่อยๆ
เคยถูก จับมาแล้ว จำนวน 2 ครั้ง คือ 1 ที่สน ทุ่งมหาเมฆ 2. ไม่ทราบ สน ที่ชัดเจน ถูกกองปรามปราบตำรวจจับแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
และ แต่ละครั้งถูกถอนหมายศาลไปหมด เนื่องจากมีการไกล่เกลี่ย เรียกร้องค่าเสียหายเรียบร้อยดังนั้นผู้เสียหายจึงไม่เอาคดีความอะไรต่อไป
ผมได้ทราบข้อมูลที่ชัดเจนของมันคือ ชื่อ นายกฤษณะ เข็มทอง เกิด วันที่ 7 มกราคม พศ 2535เลขบัตรประชาชน 1100500643863 เป็น นักศึกษา ช่างกล และ เป็นเด็กแว้น พ่อแม่ ทำงานค้าขายทั่วไป เลขที่บ้านที่มันเกิด 66/232ม35 ต บานเตยอ.สามโคก จังหวัด ปทุมธานี ถ้าคุณ search กูเกิ่้ลก็จะได้ภาพบ้านของมันณ ตอนนี้ คือชื่อที่มันขายของอยู่เว็บนี้ momoteero และอาจจะมีอีก หลายๆชื่อในเว็บนี้ เพราะทำเป็น แก็ง
การพูดจาทางโทรศัพท์ จะแนบเนียน พูดออกเร็วๆให้รีบส่งเงินไปแล้วจะได้ส่งของไปให้ พอเราได้ทำการส่งเงินไปแล้ว จะมีการถอนเงินทันที
ผมจึงอย่ากทราบผู้เสียหาย ที่เคยถูก คนผู้นี้ หลอกเอาเงินไปบ้าง ถ้าใคร ต้องการพูด คุยกับผม เมลคือ [email protected] ผมจะรวบรวมผู้เสียหายครับ
และใครมีข้อมูลที่มากกว่านี้ หรือ ต้องการติดต่อผม คือเมลดังกล่าวข้างบน ขอบอกทุกท่านก่อนว่า อย่าทำให้มันรู็ตัวนะครับ สิ่งที่จะพูดหรือจะบอกในบอร์ท นี้

ขอบคุณสำหรับข้อมูลและความร่วมมือในการแจ้งเหตุครับ

89
ผมลบทั้งสมาชิกและกระทู้ทิ้งไปแล้วนะครับ

และขอปักหมุดไว้ให้คนอื่นๆ ได้ดู

และให้คอยระวังอีเมล์ที่มีคีย์เวิร์ดคำว่า "pay" และ "online" นะครับ

เนื่องจากที่ได้ดูข้อมูลแล้วมักจะใช้อีเมล์ทำนองนี้ในการโกงตลอด

90
วิธีการโพสต์รูปในบอร์ด

1. หลังจากถ่ายรูปและเอาลงคอมแล้ว ให้เข้ามาคลิ๊กที่เว็บนี้ เว็บฝากรูป

2. คลิ๊กที่ Choose File แล้วเลือกรูปของคุณ จากนั้นคลิ๊กที่ OK และ Upload


3. หลักจาก upload เสร็จจะมาอยู่ที่หน้านี้ ให้คุณก็อปโค้ดในช่องนี้ มาวางในกล่องข้อความของเรา แล้วคลิ๊ก "ตั้งกระทู้" เป็นอันเสร็จ !!


หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6