แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Dear_sir

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 11
56
งบถึงก็น่าเล่นครับ ที่แอดชอบก็ตรงการใช้เทคโนโลยีการสร้างเสียงแบบใหม่นี่แหล่ะ

57
 [รัก] เพื่อความสบายใจ ก็ขอให้ทางร้านตรวจเช็คทุกอย่างครับเช่น Dead Pixel, ระบบสมาร์ท เสียง ภาพ ปกติไหม

58
ทีวียังไม่มาง่ายๆ ครับ HDMI 2.1

60
ผ่านไป 3 เดือนแล้ว

ศูนย์ซ่อมที่ผมแจ้งไว้ ยังไม่เคยติดต่อกลับมาเลย

แบบนี้ ผู้ซื้อสินค้ามาใช้ แย่เลยครับ

 [ร้องไห้]

ได้มีการโทรไปสอบถามอาการอีกครั้งหรือยังครับ แต่เคสนี้นานมากเลย

61
ไปด้วยครับ นรินทร์ 1 ที่ 0989296692

Walk In เข้ามาได้เลยนะครับ

62
สำรองที่นั่ง งานเปิดตัว Sony A1 OLED 77 นิ้ว วันที่ 24 กุมภาพันธ์ครับ

คุณสมคเน เอี่ยมสรรพางค์ 0865158338
จำนวน 2 ที่นั่งครับ

อัพเดทรายชื่อแล้วครับ

63
 
ไปด้วยครับ นาย ธนิต จุนเจิม 1 ที่นั่ง tel 0856625421

ยินดีครับ  [กระโดด]

64

     ขอร่วมทดสอบด้วยครับ จักรพงษ์ จันทรรัตน์  0866110249

ยินดีครับ พบกันในวันงาน

65
อานุภาพ เสมาทอง 1 ที่นั่ง 0818515157

ปล.เดี๋ยวขอลองเอาแผ่น Monster Hunter World ไปให้ลองภาพด้วยนะครับ

ยินดีเลยครับ

66


Best of The Best 4K Projector Award : BenQ X12000
เข้ากับยุคสมัยของระบบภาพแบบ 4K ด้วย X12000 โปรเจ็คเตอร์ความละเอียด 4K ตัวท็อปของ BenQ รุ่นล่าสุด จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีการแสดงผลแบบ DLP และ 4K XPR รายละเอียดคมชัดไร้ซึ่งอาการสีเหลื่อมสี หรือ Misconvergence โดยสิ้นเชิง ในขณะที่การถ่ายทอดสมดุลสีมีความเที่ยงตรงสูงตั้งแต่แกะกล่อง ขณะเดียวกันก็สามารถไฟน์จูนเพิ่มเติมตามมาตรฐาน ISFccc ซึ่งให้ความเพอร์เฟ็กต์ยิ่งขึ้น พร้อมแหล่งกำเนิดแสง ColorSpark HLD LED ขอบเขตสีกว้างขวาง ครอบคลุมถึงมาตรฐาน DCI-P3 อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 20,000 ชั่วโมง สะดวกต่อการดูแลรักษาในระยะยาว

ลูกเล่นพิเศษสมกับเป็นรุ่นท็อป อาทิ เลนส์ฉายคุณภาพสูงที่ให้อัตราคลาดสีน้อย ระยะซูม 1.5 เท่า และ Vertical & Horizontal Lens Shift ช่วยให้การติดตั้งทำได้อย่างยืดหยุ่น มี HDMI 2.0 จำนวน 1 ช่อง รองรับ 4K 60Hz 4:4:4 และ HDMI 1.4a อีก 1 ช่อง จากคุณสมบัติที่กล่าวมาทั้งหมดคงไม่มีโปรเจ็คเตอร์อื่นใดที่ทีมงานได้ทดสอบไปในปีนี้ จะเหมาะสมกับรางวัล Best of The Best 4K Projector นอกจาก X12000


Editors Choice Award : Epson EH-TW8300
แม้ราคาจะย่อมเยากว่าครึ่ง แต่คุณสมบัติของ EH-TW8300 แทบจะถอดแบบจาก EH-LS1000 โปรเจ็คเตอร์ตัวท็อปของ Epson ที่เปิดตัวเมื่อปีก่อน ที่เด่นชัด คือ เทคโนโลยี 3LCD ที่ให้ระดับ Color Light Output สูง สีสันสดใสในขณะที่ไม่เกิดอาการ Rainbow Effect รบกวน เมื่อผนวกกับแหล่งกำเนิดแสง UHE Lamp อายุการใช้งาน 3,000 - 5,000 ชั่วโมง สามารถถ่ายทอดขอบเขตสีได้กว้างขวาง ครอบคลุมมาตรฐาน DCI-P3 เลยทีเดียว (เป็นรองเทคโนโลยีเลเซอร์ของ LS10000 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น) แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือ รุ่นนี้ยังได้รับการอัพเกรดให้รองรับ High Dynamic Range ผ่านการแสดงผล 4K 24Hz HDR 4:2:2 10-bit อันเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากสำหรับโฮมเธียเตอร์โปรเจ็คเตอร์ระดับราคาใกล้เคียงกัน

การแสดงผลแบบ 4K Enhancement ยังจำเป็นต้องทำ Panel Alignment จึงจะได้ความคมชัดเต็มศักยภาพ แต่ด้วยคุณสมบัติมองเผื่อไปถึงอนาคตอย่างการรองรับ 4K HDR อีกทั้งยังมี Frame Interpolation แทรกเฟรมภาพเคลื่อนไหว TW8300 การแสดงสีสันอันยอดเยี่ยม คุณสมบัติโดดเด่นเหล่านี้ย่อมสมควรแล้วกับรางวัล Editors Choice Award เป็นอย่างยิ่ง

Best Value 4K Projector Award : Acer V9800
ปิดท้ายก่อนสิ้นสุดปี 2017 ได้น่าตื่นตะลึง เมื่อ Acer วางจำหน่ายโปรเจ็คเตอร์ความละเอียดระดับ 4K แถมยังรองรับการแสดงผลแบบ HDR แต่จุดที่ไม่ทำให้พลาดรางวัล คือ คุณสมบัติใกล้เคียงรุ่นท็อป แต่มาพร้อมราคาเย้ายวนจนคู่แข่งระดับเดียวกันต้องหนาว!

V9800 อาจมิใช่ 4K Projector ที่มีราคาต่ำที่สุดของปี 2017 แต่คุณสมบัติเด่นจากเทคโนโลยี DLP กับการแสดงผลแบบ 4K XPR ท่านจะได้ภาพจากโปรเจ็คเตอร์ระดับสูงที่ฉายภาพ 4K อันคมชัดไร้ซึ่งอาการสีเหลื่อม (Misconvergence) บนจอใหญ่ระดับ 100 นิ้ว หรือกว่านั้นได้สบายๆ ทว่าค่าตัวนั้นต่ำกว่าทีวีตัวท็อปขนาด 65 นิ้ว ของบางยี่ห้อเสียอีก แหล่งกำเนิดแสงอายุการใช้งาน 3,000 – 6,000 ชั่วโมง จะให้ผลด้านการแสดงขอบเขตสีครอบคลุมมาตรฐาน sRGB/Rec.709 (ยังไม่ถึง DCI-P3) แต่ทดแทนด้วยการรองรับ High Dynamic Range ผ่านตัวเลือก HDR Mode 2 แบบ สามารถตอบสนองกับเทรนด์การรับชมคอนเทนต์คุณภาพสูงบนจอฉายขนาดยักษ์อารมณ์เดียวกับโรงภาพยนตร์ได้อย่างคุ้มค่ามาก




Best of The Best 4K Blu-ray Player Award : OPPO UDP-205
ที่สุดสำหรับ 4K HDR Blu-ray Player กับคุณสมบัติที่สร้างมาเพื่อ Videophile และ Audiophile อย่างแท้จริง จนกลายมาเป็นเครื่องเล่นระดับอ้างอิงของทีมงาน LCDTVTHAILAND เพื่อใช้ประกอบการรีวิวทดสอบทีวีและเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ต่างๆ

จุดเด่นด้านภาพรองรับ 4K HDR10 และ Dolby Vision เสริมด้วย HDMI Audio Jitter Reduction คุณภาพเสียงเมื่อเชื่อมต่อสัญญาณ HDMI Audio (แยกภาพ-เสียง) จึงโดดเด่นเหนือกว่า 203 แต่ที่สำคัญ คือ 32-bit HyperStream DAC รุ่นท็อปจาก ESS เมื่อทำงานผสานร่วมกับฟีเจอร์ด้านเสียงอื่นๆ รองรับฟอร์แม็ตแผ่นดิสก์และไฟล์ ไปจนถึงการเป็น USB DAC ระดับสูง ปัจจุบันแม้แต่ MQA ก็เล่นได้ ภาคจ่ายไฟแยก และโครงสร้างตัวถังแน่นหนา ล้วนส่งเสริมคุณภาพเสียงทั้งการรับฟังแบบ 2 แชนแนล และมัลติแชนเนลให้มีความแตกต่างแบบสัมผัสได้ ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการความเป็นที่สุดทั้งภาพและเสียงในเครื่องเดียว


Editors Choice Award : OPPO UDP-203
เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่า OPPO UDP-203 คือสุดยอดเครื่องเล่น Blu-ray แบบไร้ข้อกังขา ไม่ว่าจะเป็นความสามารถด้านตัวเครื่องที่มีความแข็งแรงทนทาน ตลอดจนโครงสร้างภายในที่คัดสรรมาเหนือกว่ารุ่นทั่วไป ด้านภาพนั้นรองรับเทคโนโลยีสูงสุด ณ ปัจจุบันทั้ง 4K HDR10 และ Dolby Vision เพียงแบรนด์เดียวในท้องตลาด สามารถอัพสเกลได้ระดับ 4K 60Hz ด้านเสียงเองก็รองรับระบบเสียงสูงสุดทั้ง Dolby Atmos, DTS:X และ Auro 3D ผ่าน HDMI Bit-stream พร้อมบิลต์อิน 32-bit Reference DAC จาก AKM มีอะนาล็อกออดิโอเอาต์แบบ 7.1 มาให้ด้วย

แต่เหนืออื่นใด คือ คุณสมบัติการเล่นแผ่นดิสก์และไฟล์ภาพและเสียงต่างๆ ครบครันแทบจะทุกประเภท ด้วยความโดดเด่นที่ครอบคลุมในหลายๆ ด้านเช่นนี้ ประกอบกับราคาที่สมเหตุผล ฟีเจอร์ทันสมัย ใช้งานได้เป็นระยะยาว จึงต้องขอมอบรางวัลสุดยอดเครื่องเล่นให้แก่ OPPO UDP-203 ไปเลย

Best Value 4K Blu-ray Player Award : Panasonic DMP-UB400
หากเทียบเรื่องความคุ้มราคาของเครื่องเล่น UHD Blu-ray จากหลายๆ แบรนด์ คงหนีไม่พ้น Panasonic DMP-UB400 เป็นเครื่องเล่นรุ่นเริ่มต้น ราคาน่าคบหา ไม่หนีจากรุ่นเริ่มต้นของแบรนด์อื่นๆ เท่าไรนักแต่ให้คุณสมบัติด้านภาพและเสียงน่าสนใจ ดีไซน์ภายนอกดูดี ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการรับชมภาพแบบ 4K HDR แท้ๆ จากแผ่น UHD Blu-ray ได้ไม่ยาก

เครื่องเล่นนี้สามารถให้สีที่อิ่มสด แสดงความเจิดจรัสของ HDR ได้ดีกว่า 4K Blu-ray Player รุ่นเริ่มต้นทั่วไป และนอกจากการรับชมผ่านแผ่น UHD Blu-ray แล้ว ยังเพิ่มตัวเลือกการรับชมด้วยฟีเจอร์สมาร์ทที่มี แอพฯ อย่าง Netflix สามารถให้ภาพแบบ 4K HDR ได้เช่นกัน รวมถึงการรองรับไฟล์หนังหลายสกุลยอดนิยม ด้านช่องต่อก็ครับครัน ให้ HDMI Output มาถึง 2 ช่อง แยกภาพและเสียง ทั้งหมดนี้ยืนยันความคุ้มค่าต่อราคาเป็นอย่างมาก

67
พบเจอกันเป็นประจำทุกๆ สิ้นปี กับการตัดสินผลรางวัล Videophile LCDTVTHAILAND Award ซึ่งปีนี้ก็เป็นประจำปี 2017-2018 ไม่ต้องงนะครับทำไมถึงลาก 2018 มาด้วย นั่นก็เพราะสินค้าส่วนใหญ่ยังคงขายต่อเนื่องไปจนถึงปี 2018 นั่นเอง และตามปกติแล้วไลน์อัพสินค้าใหม่ๆ กว่าจะเปิดตัวกันอีกทีก็เกือบกลางปีโน่นเลย เป็นอีกครั้งที่เว็บไซต์ LCDTVTHAILAND ร่วมกับนิตยสาร Audiophile Videophile ฟันธงรางวัลในแต่ละสาขา ซึ่งแบ่งตามประเภทและระดับราคาอย่างครอบคลุม ตอบสนองทุกระดับงบประมาณของทุกท่าน ในปีนี้ทางด้านทีวีเองถือว่าการแข่งขันดุเดือดมากขึ้น เพราะ OLED TV ไม่ได้ถูกผูกขาดอยู่เพียงแค่แบรนด์เดียวอีกต่อไป ขณะเดียวกัน LED TV ก็พยายามสรรหาเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ มาสู้ ซึ่งต้องบอกว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก

ในปีนี้ยังมีรางวัลพิเศษที่ทางทีมงาน LCDTVTHAILAND เราได้จัดขึ้นมาด้วย รางวัลนั้นก็คือผู้ชนะจากงาน Best of The Best TV Shootout 2017 นั่นเอง ในงานนี้เราได้นำทีวีตัวท็อปของแต่ละแบรนด์ แบบไม่จำกัดราคา มาวัดกันให้รู้ดำรู้แดงไปเลย การทดสอบนั้นก็มีหลากหลาย ทั้งความสว่าง ความดำ สีสัน เสียง และลูกเล่นการใช้งานต่างๆ เชื่อว่าใครที่ได้ไปคงจะได้รู้กันด้วยตา และหูตัวเองแล้วว่ารุ่นไหนได้ใจของคนส่วนมากที่สุด เพราะเราได้มีการให้ลงคะแนนโหวตกันด้วย ซึ่งผู้ชนะก็ได้มาจากการโหวตของผู้เข้าร่วมงานนี้เอง

ส่วนโปรเจ็คเตอร์ปีนี้ รุ่นที่รองรับความละเอียด "4K" มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น สร้างความคึกคักให้กับตลาดโฮมเธียเตอร์มากยิ่งขึ้นกว่าปีก่อนๆ  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะระดับราคาที่ลดต่ำลงมากอย่างมีนัยสำคัญ โอกาสที่เราๆ ท่านๆ จะได้รับชมภาพยนตร์จอยักษ์ระดับ 100 นิ้ว จากโปรเจ็คเตอร์ความละเอียดระดับ 4K จึงเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม นอกจากนี้บางรุ่นยังรองรับ High Dynamic Range หรือ HDR ตอบโจทย์เทรนด์การรับชมที่กำลังได้รับความนิยมในปัจุบันและอนาคตได้ไม่แพ้ทีวีรุ่นใหม่ๆ






คุณโรมัน และคุณนาวี คุณนาวี อินทรสังขนาวิน บรรณาธิการบริหาร นิตยสารออดิโอไฟล์ วีดีโอไฟล์
มอบรางวัล Best of the Best TV Award ให้กับมร.ทากุโอะ โคบายาชิ ผู้จัดการแผนกการตลาดผลิตภัณฑ์ทีวี
และคุณสุวัฒน์ชัย จารุวิทยานนท์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์โฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด

1) Best of The Best TV Award : Sony OLED TV A1
ทีวีที่ทีมงานยกให้เป็น "ทีวีที่ดีที่สุด” ประจำปีนี้คือ Sony OLED TV A1 นับเป็นครั้งแรกของ Sony กับทีวี OLED ที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อกลางปี 2017 ที่ผ่านมา คุณภาพของภาพก็จัดว่าเหนือชั้นตามสไตล์ OLED ตัวเม็ดพิกเซลสามารถกำเนิดแสงสีเอง ทำให้เวลาแสดงสีดำจึงสามารถทำได้สนิท 100% ซึ่งยิ่งส่งผลให้สีสันที่ถูกขับออกมามีความเจิดจรัสป็อปอัพ หากเทียบกับคู่แข่งอย่าง Panasonic EZ1000T อาจเป็นรองด้านความถูกต้องของสีบ้างและรายละอียดในที่มืดยิ่บย่อย อย่างไรก็ตามโหมดภาพสำเร็จรูปอย่าง Cinema Pro / Home ก็ความแม่นยำสูงตั้งแต่ต้น หากให้เป็นรองก็เป็นรองนิดเดียว ครั้นเมื่อปรับภาพแล้วคุณภาพก็ดีไม่หนีกันเท่าไหร่นัก หรือหากเทียบกับ LG W7/G7 ทางค่ายเกาหลีจะได้เปรียบความสว่าง Peak Brightness ที่สูงกว่าเกือบ 100 nits และรองรับ Dolby Vision HDR แต้ต้นเลยในขณะที่ Sony ต้องรอ Firmware ช่วงต้นปี แต่จุดเด่นที่สุดสำหรับภาพของ Sony A1 คือเรื่อง Motion ภาพเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลเป็นธรรมชาติกว่าใครเพื่อน อาการสะดุดของภาพแทบไม่มีให้เห็น ฉะนั้นเรื่องภาพจึงไม่มีเจ้าไหนชนะอีกเจ้าแบบเด็ดขาด เรียกว่าคู่คี่สูสีกินกันคนละมุม !

ทำให้ต้องมาพิจารณาปัจจัยรองอื่นเสริมเข้าไป อย่างเช่นนวัตกรรมลำโพง Acoustic Surface ที่ให้หลักการสั่นเพื่อกำเนิดเสียงบนหน้าจอ เสียงพุ่งออกมาจากกลางจอเสมือนโรงหนังจริง แถมคุณภาพเสียงดีเทียบเท่าลำโพง Soundbar ตัวเป็นๆ ทั้งที่ไร้ซึ่งตัวลำโพงให้เห็นด้านหน้า รวมถึงระบบปฎิบัติการ Android TV เวอร์ชั่นล่าสุด 7.0 ที่เพียบพร้อมที่สุดทั้งคุณภาพและปริมาณของแอพส์จาก Google Play Store รวมถึงความสามารถของ Chromecast ที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือได้สมบูรณ์แบบที่สุด และระบบการค้นหาด้วยคำสั่งเสียงทั้งภาษาไทยและอังกฤษที่แม่นยำที่สุด สุดท้ายคือดีไซน์แบบ One Slate เหมือนกระจกสี่เหลี่ยมแผ่นเดียว ดูดีเรียบหรูทุกการติดตั้งไม่ว่าจะตั้งโต๊ะหรือแขวนผนัง ทั้งหมดคือเหตุผลที่ส่งให้ Sony OLED TV - A1 ผงาดขึ้นเหนือคู่แข่งใน “ภาพรวม” ดีที่สุดพร้อมยังคงสมดุลครบทุกด้าน จึงคว้ารางวัล Best of The Best TV Award รางวัลทีวีที่ดีที่สุดไปครองในปีนี้



2) Editor’s Choice Awards :  LG OLED TV - B7T
รางวัลรองลงมาคือรางวัลสุดยอดทีวีขวัญใจทีมงาน LCDTVTHAILAND ในปีนี้ขอยกให้ LG OLED TV รุ่นเริ่มต้นอย่าง B7 ไปครองแบบได้คะแนนท่วมท้น ถึงแม้เป็น OLED TV ซีรีส์เริ่มต้น แต่คุณภาพของภาพนั้น “ดีเลิศ” ไม่แพ้ OLED TV ตัวท็อป ทั้งที่ระดับราคาขายจริงนั้นถูกกว่าเป็นเท่าตัว ให้ภาพสีดำที่ดำสนิท 100% พร้อมแสดงสีสันของภาพ HDR ได้อย่างเจิดจรัส รวมถึงรองรับมาตรฐาน HDR ขั้นสูงสุดในปัจจุบันอย่าง Dolby Vision ซึ่งเริ่มมีแผ่นหนังและซีรีส์ใน Netflix ใช้มาตรฐานนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีโหมดภาพสำเร็จรูปมากมายให้เลือกใช้ รวมถึงโหมดที่ให้ค่าแสงสีถูกต้องอย่าง Expert (ISF) และโหมดใหม่ล่าสุดอย่าง Technicolor มีระบบ Smart TV แบบ webOS 3.5 ที่ใช้งานง่ายที่สุดด้วย Magic Remote อันเป็นที่ชื่นชอบของทั้งมือใหม่และมือเก๋า สรุปได้ว่าจ่ายน้อยกว่าเยอะ แต่ได้คุณภาพของภาพและฟีเจอร์ลูกเล่นทุกอย่างเทียบเคียงรุ่นท็อป ทีมงานจึงขอยกรางวัล Editor’s Choice Award ให้ LG OLED TV B7T ไปครอง และเป็นธรรมเนียมว่า “ทีวีที่ทีมงานเลือก” ก็ไม่ใช่แค่บอกว่าเลือกปากเปล่า มีหนึ่งในทีมงานนักเขียน “ซื้อจริง” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วหนึ่งตัวเฉกเช่นทุกปี


3) Best Value OLED TV : LG OLED TV - B7T
รางวัล OLED TV ที่คุ้มค่าที่สุดประจำปีเป็นรางวัลใหม่ที่ถูกเพิ่มขึ้นมาเพื่อให้สอดรับกับสภาพสินค้าในตลาดปัจจุบัน แน่นอนว่า OLED TV คือ “ที่สุด” แห่งเทคโนโลยีด้านภาพในตอนนี้ แต่ระดับราคานั้นก็มักจะเกินเอื้อมสำหรับใครหลายคน LG B7T คือ OLED TV ตัวเริ่มต้นที่ให้ความคุ้มค่าสูงที่สุดในตอนนี้ ทั้งภาพแบบ 4K HDR รองรับมาตรฐาน Dolby Vision ระบบเสียงก็ยังรองรับ Dolby Atmos  ระบบปฏิบัติการ webOS 3.5 ล่าสุดซึ่งมาพร้อมกับ Magic Remote ที่แกว่งใช้งานอย่างอิสระ ตัวแอพอย่าง Netflix ก็มีคอนเทนต์ 4K HDR แบบ Dolby Vision มาให้ชมก่อนใคร จะเรียกครบสุดทุกกระบวนการทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ (คอนเทนต์) ภายใต้งบประมาณที่สามารถเอื้อมถึงทั้งขนาด 65” และ 55” จึงขอมอบรางวัล Best Value OLED TV สุดคุ้มประจำปีให้กับ LG B7T ไปครอง




คุณโรมัน พร้อมกับคุณนาวี อินทรสังขนาวิน บรรณาธิการบริหาร นิตยสารออดิโอไฟล์ วีดีโอไฟล์
มอบรางวัล Best 4K LED TV Award ให้กับคุณ นันทพล ผู้สันติ ผู้จัดการสินค้ากลุ่มโทรทัศน์
และคุณชารียา เข็มทอง ผู้จัดการสินค้ากลุ่มโทรทัศน์

4) Best 4K LED TV : Samsung QLED TV Q9F
Samsung Q9F คือ QLED TV ตัวท็อปมาพร้อมกับเทคโลยี Quantum Dot ชนิดใหม่ที่ใช้วัสดุเป็นโลหะ Metal Alloy ทำให้สามารถก้าวทะลุขีดจำกัดเดิมของ SUHD TV ไปได้ไกลอีกขั้น ทั้งระดับ ความสว่างสูงสุด Peak Brightness ที่สูงทะลุ 1800 nits (สูงที่สุดในปัจจุบัน) ค่าขอบเขตสีหรือ Color Space ที่กว้างกว่า 98% ของมาตรฐาน DCI-P3 พ่วงค่าปริมาตรสีหรือ Color Volume ที่สามารถคงความเข้มข้นของสีในทุกช่วงความสว่างไว้ได้ดี โดยเฉพาะตอนสว่างพีคมากๆสีก็ยังสดไม่ซีด ซึ่งทั้ง 3 ค่าทำได้สูงที่สุดในปัจจุบันหากเทียบกับทีวีทุกรุ่นทุกแบรนด์ มุมการกระจายแสงของเม็ดพิกเซลถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น ทำให้มุมมองการรับชมกว้างขึ้นจากเดิมเล็กน้อย ส่วนระดับความดำก็มีฟีเจอร์ Edge LED Local Dimming ที่ช่วยดิมไฟได้เนียนตา โดยสรุปด้านภาพก็ผ่านมาตรฐาน Ultra HD Premium แบบขาดลอย  เหนือชั้นกว่า LED TV ทุกตัวในท้องตลาดอย่างไร้ข้อกังขา เสริมด้วยลูกเล่นการเชื่อมต่อแบบ “สายล่องหน” หรือ Invisible Connection พร้อมกล่อง One Connect ที่ช่วยจัดการสายสัญญาณให้เป็นระเบียบสวยงาม สุดท้ายคือระบบปฎิบัติการ Tizen OS ที่มีการปรับแต่งให้ใช้งานง่ายยิ่งขึ้นด้วย One Remote ที่สามารถควบคุมได้หลายอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับทีวีผ่านช่อง HDMI และแอพ TV Plus ที่มีช่องเกาหลีให้ดูสมนาคุณให้รับชมฟรีกว่า 30 ช่อง ทั้งหมดนี้จึงส่งให้ Samsung QLED TV Q9F ได้รับรางวัล Best 4K LED TV Award ไปครอง




มอบรางวัล Best Midrange 4K LED TV ซึ่งรุ่นที่ได้ไปก็คือ EX750T

5) Best Midrange 4K LED TV : Panasonic LED TV EX750T
สำหรับรางวัล 4K LED TV ระดับกลางที่ดีที่สุดในปีนี้ได้แก่ Panasonic EX750T ซีรีส์นี้ให้คุณภาพของภาพได้ดีทั้งเรื่องของเขตสีที่กว้างถึง 94% ของมาตรฐาน DCI-P3 ผสานจอ Panel ดำเงาแบบ Glossy ส่งผลให้ภาพมีความอิ่มฉ่ำ ดำลึก แสดงภาพ HDR ได้รุกเร้าสวยงาม ช่วยยกระดับอรรถรสการรับชมให้เข้มข้นขึ้น แต่จุดที่ทีมงานฟันฉับให้เป็นเรื่องของ ขนาด 58” ที่เทียบกันแล้วใหญ่กว่าขนาดมาตรฐาน 55” ของแบรนด์อื่น ตลอดจนเป็น LED TV รุ่นสุดท้ายที่ยังให้เทคโนโลยี 3D แบบ Active มาให้ จึงทำให้มีจุดเด่นฉีกหนีคู่แข่งทั้งเรื่องขนาดหน้าจอและเทคโลยี แต่สนนราคาเปิดตัวและขายจริงระดับนั้นกลับใกล้เคียงกัน ส่วนดีไซน์กรอบโลหะสีเงินจัดว่าสวยหรูดูพรีเมี่ยม ซึ่งแฝงไว้ด้วยความพิเศษที่ขาตั้งสามารถปรับระดับความ “สูง-ต่ำ” ได้ไม่ว่าจะตั้งโต๊ะหรือตั้งพื้น และยังสามารถปรับหัน “ซ้าย-ขวา” ได้ด้วย เป็นการออกแบบที่ช่วยให้การติดตั้งและใช้งานทีวีมีความยืดหยุ่นสูงมาก ต่างจากทีวี 4K ระดับกลางทั่วไปที่มักเป็นขาตั้งทรงปกติเหมือนกันหมด ด้วยเหตุผลข้างต้นจึงขอมอบรางวัล Best 4K Midrange LED TV รางวัลทีวี 4K ระดับกลางที่ดีที่สุดให้กับ Panasonic EX750T ไปครอง




คุณโรมัน และคุณชานม นำทัพมอบรางวัลให้กับคุณณธรรศชัย สุอังคะ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย
พร้อมด้วยคุณ Linhuan Fan (หลินฮวน ฟาน) ผู้จัดการฝ่ายการตลาด

6) Best Value 4K LED TV Award : TCL LED TV C2US
TCL 55C2US คือ 4K LED Android TV รุ่นรองท็อปจากแบรนด์ดังจากแดนมังกร ถึงแม้เป็นซีรีส์สูง แต่ราคาขายก็จริงจะสูงกว่า 4K รุ่นเริ่มต้นราคาถูกสุดไม่กี่พันบาทเท่านั้น แล้วถามว่ามันคุ้มค่าอย่างไร ? ก็ขอตอบว่าเป็น Android TV แท้ๆที่ราคาถูกสุดในท้องตลาด (ค่าลิขสิทธิ์ Android TV ค่อนข้างสูง จึงต้องตั้งราคาขายสูงทุกแบรนด์) แถมยังอัดทุกฟีเจอร์มาให้เต็มคราบอีก บางจุดเหนือกว่าค่ายญี่ปุ่นที่ริเริ่ม Android TV ก่อนด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่นจาก Google Play Store, ความสามารถของ Chromecast ในการเชื่อมต่อกับมือถือ, รีโมทแบบ Air Mouse เป็นลูกศรเคลื่อนไหวตามทิศทางที่เราแกว่ง และ รองรับการค้นหาด้วยเสียงทั้งภาษาไทยและอังกฤษ สเป็คด้านภาพเป็นทีวี 4K ที่รองรับภาพ HDR คุณภาพของภาพก็อยู่ในเกณฑ์ปานกลางเหมาะสมกับราคา ไม่ได้มีอะไรให้ติหรือชมเป็นพิเศษ ส่วนระบบเสียงเป็น Speaker Bar ที่ออกแบบโดย Harman/Kardon ซึ่งมีสไตล์เสียงแบบจัดจ้าน แต่ก็เกลาลงให้เป็นธรรมชาติตามใจชอบได้ด้วยเมนูปรับแต่งเสียงด้านใน สุดท้ายคือดีไซน์แบบ Edgeless ขอบบางเฉียบ สวยหรูขึ้นจากดีไซน์เมื่อหลายปีก่อนมาก และของแถมที่ช่วยเติมเต็มคำว่า “คุ้มค่า” คือระยะเวลารับประกันยาวนานถึง “5 ปีเต็ม” ทางทีมงานจึงฟันธงมอบรางวัล Best Value 4K LED TV Award ทีวี 4K ที่คุ้มค่าที่สุดแห่งปีให้กับ TCL C2US ไปครอง

7) Best Budget 4K LED TV Award : LG UJ652T & Samsung MU6300
รางวัลทีวี 4K ระดับเริ่มต้นราคาถูกที่ดีที่สุด ปีนี้ทีมงานขอมอบให้กับ 2 รุ่นนี้ได้แก่



   7.1) LG UJ652T : LG Series 6 โดดเด่นที่เป็นทีวี 4K รุ่นเริ่มต้น แต่ให้ความครบเครื่องครอบคลุมทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นด้านภาพความละเอียด 4K รองรับ HDR คุณภาพเสียงที่จัดว่าอิ่มแน่น เบสมีน้ำหนักกว่าทีวีรุ่นเริ่มต้นทั่วไป ดีไซน์กรอบสีเงินสวยงามดูหรูหรา แถมจัด HDMI มาให้ถึง 4 ช่องเท่ากับพวกรุ่นท็อป แต่ที่ทีมงานขอยกให้คือเจ้า webOS 3.5 พร้อม Magic Remote รีโมทแบบ Air Mouse ที่ใช้งานจริงนั้นง่ายมาก (ยกให้ง่ายที่สุดในบรรดา Smart TV ทุกแบรนด์) หลายท่านใช้เล่น YouTube / Netflix จะทราบดีถึงประโยชน์ของเจ้า Magic Remote สำหรับทีวี 4K รุ่นเริ่มต้นประหยัดงบนั้น LG UJ652T นั้นจัดว่ามีอะไรที่ดีเกินหน้าเกินตาชาวบ้านเขาไปเยอะ




คุณโรมัน พร้อมกับคุณนาวี อินทรสังขนาวิน บรรณาธิการบริหาร นิตยสารออดิโอไฟล์ วีดีโอไฟล์
มอบรางวัล Best Budget 4K LED TV Award ให้กับคุณ นันทพล ผู้สันติ ผู้จัดการสินค้ากลุ่มโทรทัศน์
และคุณชารียา เข็มทอง ผู้จัดการสินค้ากลุ่มโทรทัศน์

   7.2) Samsung MU6300 : คือทีวี “จอโค้ง” รุ่นเริ่มต้นราคาประหยัดที่สุดที่ให้คุณค่าได้เกินหน้าเกินตาเช่นกัน เริ่มด้วยสเป็คด้านภาพแบบ 4K รองรับ HDR ซึ่งถ่ายทอดภาพได้เป็นธรรมชาติ จุดที่ยกให้เหนือกว่าทีวี 4K รุ่นเริ่มต้นทั่วไปคือ Tizen OS โฉมใหม่ ใช้งานง่าย มีแอพส์ดูวีดีโอคอนเทนต์ครบถ้วน แต่จะพิเศษที่แอพ TV Plus มีช่องรายการเกาหลีทั้งละครซีรีส์, เกมส์โชว์, วาไรตี้ พร้อมซับไตเติ้ลภาษาไทยมาให้เราดูจริงจังแบบฟรีๆ ถูกใจคุณสาวๆมิใช่น้อย รวมถึงเจ้า One Remote รีโมทขนาดจิ๋วแต่แจ๋วที่สามารถควบคุมอุปกรณ์อื่นได้ด้วยรีโมททอันนี้อันเดียว ไม่ว่าจะเป็น Blu-ray Player, Soundbar, กล่อง Set Top Box สุดท้ายคือมันมีดีไซน์ “จอโค้ง” ที่ดูหรูหราและมักไปสถิตย์อยู่กับรุ่นบนเท่านั้น จะเรียกได้ว่าหล่อหรูได้ในราคาเบาๆ




คุณชานม และคุณนาวี อินทรสังขนาวิน บรรณาธิการบริหาร นิตยสารออดิโอไฟล์ วีดีโอไฟล์
มอบรางวัล Best Full HD LED TV Award ให้กับมร.ทากุโอะ โคบายาชิ และ คุณปรัชญา นันทปถวี

8) Best Full HD LED TV Award : Sony LED TV W750E
รางวัลทีวีความละเอียด Full HD 1080p ที่ดีที่สุดประจำปีตกเป็นของ Sony W750E  ซึ่งเจ้า W750E จัดว่าสวนกระแสทีวีความละเอียด Full HD ของทุกค่ายที่พยายามลดต้นทุนเพื่อขายราคาถูก แต่ W750E กลับจัดเต็มทุกอย่างให้ลูกค้าอย่างเกินคาด มากจนทีวี 4K รุ่นเริ่มต้นจากหลายค่ายยังอาย ไม่ว่าจะเป็นการรองรับภาพแบบ HDR (เล่นเกมส์ 1080p HDR จาก PS4 Pro ได้)  ใช้เทคโนโลยี Triluminos ขยายขอบเขตการแสดงเฉดสีให้กว้างยิ่งขึ้น ซึ่งหากตั้งเทียบกับพวกทีวี Full HD ราคาประหยัดจะเห็นความแตกต่างเรื่องคุณภาพของภาพและสีสันอย่างชัดเจน มี Internet TV ที่อาจจะไม่แฟนซีเท่า Smart TV แบบเต็มรูปแบบนัก แต่ก็ให้แอพส์หลักที่ใช้กันประจำมาครบถ้วน เช่น YouTube / Netflix / Opera Browser แถมยังมี วิทยุ FM ให้จูนผ่านเสาอากาศมาฟังเล่นอีกด้วย จัดเต็มจนล้นทะลักเช่นนี้ ก็ขอมอบรางวัล Best Full HD LED TV Award ให้ไปครองแบบไร้คู่แข่งเลย




คุณโรมัน และคุณชานม มอบรางวัล Best Smart TV Award ให้กับมร.ทากุโอะ โคบายาชิ และ คุณปรัชญา นันทปถวี

9) Best Smart TV Award : Sony Android 7.0
Sony Android TV เป็นเจ้าเดียวในตอนนี้ที่อัพเกรดเวอร์ชั่นไปเป็น 7.0 อย่างสมบูรณ์ ในขณะที่ค่ายอื่นยังเป็น 6.0 อยู่ ยังอัพเป็น 7.0 ไม่ได้ จุดเด่นของ Android TV คือเรื่อง “คุณภาพและปริมาณ” ของแอพส์ใน Google Play Store ยังคงเป็นที่สุดเหนือ Smart TV ทุกค่ายอยู่ พร้อมลูกเล่นที่โดดเด่นมากมายไม่ว่าจะเป็น Chromecast Built-in เชื่อมต่อมือถือและสามารถโยนคอนเทนต์ไปแสดงบนทีวีได้อย่างลื่นไหลที่สุด ระบบการค้นหาด้วยคำสั่งเสียง Voice Search ที่แม่นยำที่สุดซึ่งรองรับทั้งภาษาไทยและอังกฤษ สามารถใช้จอย Dual Shock ของ PS4 ควบคุมทีวีและเกมส์ที่ดาวโหลดมาลงเครื่องได้ ส่วนฟีเจอร์ของ 7.0 ที่เหนือกว่า 6.0 ก็ได้แก่ฟีเจอร์การทำภาพซ้อนภาพ Picture In Picture และ Quick Switch Between Apps สามารถเลือกสลับใช้งานแอพส์อื่นๆได้โดยไม่ต้องออกจากแอพเดิมที่ใช้งานอยู่ สำหรับการใช้งานอาจจะไม่ง่ายที่สุดก็จริงเหมือนพวกที่ให้รีโมท Air Mouse ให้แต่ต้น แต่ด้วยลูกเล่นการใช้งานสารพัดนึกที่อัดแน่นมาให้ ทำให้ยังนำค่ายอื่นไปกว่าหนึ่งก้าวใหญ่อยู่ดี จึงของมอบรางวัล Best Smart TV Award ให้กับ Sony Android 7.0 ไปครอง  




คุณโรมัน พร้อมกับคุณนาวี อินทรสังขนาวิน บรรณาธิการบริหาร นิตยสารออดิโอไฟล์ วีดีโอไฟล์
มอบรางวัล Best Design TV Award ให้กับคุณ นันทพล ผู้สันติ ผู้จัดการสินค้ากลุ่มโทรทัศน์
และคุณชารียา เข็มทอง ผู้จัดการสินค้ากลุ่มโทรทัศน์

10) Best Design Award : Samsung The Frame
Samsung The Frame คือ “ทีวีดีไซน์กรอบรูป” ที่ผสานงานศิลปะเข้ากับเทคโลยีจอภาพไว้อย่างลงตัว ตัวเครื่องมีฟีเจอร์ฉลาดๆมากมายที่ช่วยแปลงร่างทีวี 4K HDR Smart TV ให้เป็นกรอบรูปได้อย่างเนียนตา ปิดเครื่อง = ตัวทีวีจะกลายเป็นกรอบรูป แต่ถ้าเปิดเครื่อง = ก็จะเปลี่ยนกลับเป็นทีวีแบบปกติ  อันดับแรกเราสามารถเลือกสีกรอบรูปได้ถึง 3 สีทั้งสีน้ำตาลเข้ม (Walnut), น้ำตาลอ่อน (Beige) และ สีขาว (White) โดยสามารถแขวนตัวเครื่องได้แนบสนิทชิดผนังด้วยขาแขวนชนิดพิเศษที่มีชื่อว่า No Gap Wall Mount เชื่อมต่อสายสัญญาณต่างๆผ่าน Invisible Connection สาย Fiber Optic เส้นจิ๋วล่องหน ทำให้บริเวณทีวีเรียบร้อยสวยงามปราศจากสายรกรุงรัง ตัวเครื่องมี Art Mode คลังรูปภาพงานศิลปะที่รวบรวมรูปภาพกว่าร้อยชิ้นให้เลือกใช้ และยังสามารถเลือกใช้รูปส่วนตัวของเราขึ้นไปแสดงบนจอทีวีผ่าน USB Thumb Drive  ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมี Brightness Sensor เซ็นเซอร์ปรับระดับความสว่างของทีวีให้สัมพันธ์กับความมืด-สว่างของห้อง และ Motion Sensor เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว เมื่อไม่มีคนอยู่ในห้อง ตัวทีวีจะสั่งพักหน้าจออัตโนมัติเพื่อประหยัดพลังงาน สำหรับการติดตั้งก็สวยไม่ว่าจะแขวนก็เหมือนกรอบรูปจริง ส่วนหากอยากตั้งแนะนำขาตั้งแบบ Studio Stand 3 แฉก ประหนึ่งการจัดงานศิลป์ที่ถูกจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ ให้ทีวีเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ประดับบ้านได้จริงตลอด 24 ชม. สวยสมดุลครบรอบด้าน จึงขอมอบรางวัล Best Design Award ให้กับ Samsung The Frame ไปครอบครองในปีนี้



Best of The Best TV Shootout 2017 :  คืองานประชันทีวีตัวท็อปที่ดีที่สุดประจำปี จัดโดย LCDTVTHAILAND ในวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2017 ณ โรงแรมอนันตราสยาม ได้นำเอาทีวีตัวท็อปจากทุกค่ายมาร่วมเปรียบเทียบคุณภาพกันแบบถึงพริกถึงขิง โดยในช่วงครึ่งแรกของงานจะเป็นการนำเสนอคอนเซปต์และจุดเด่นของตัวสินค้า อาทิ ดีไซน์, Smart TV, เทคโนโลยีลำโพง และ เทคโนโลยีภาพ โดยทีมวิทยากรจากแต่ละแบรนด์ ส่วนครึ่งหลังจะเป็นการทดสอบเปรียบเทียบภาพและเสียงกันแบบเรียงหน้าชนอย่างเข้มข้น ด้วยคอนเทนต์มากมายทั้ง Professional Test Patterns, หนัง 4K HDR, หนัง Full HD 1080p, คอนเสิร์ต, และเกมส์ ให้ “ครอบคลุมทุกการใช้งานจริง” และเปิดให้แฟนเว็บและกรรมการรับเชิญร่วมโหวตทีวีที่ดีที่สุดประจำปี ซึ่งผลรวมคะแนนที่มากที่สุดจากทั้ง "ผู้เข้าร่วมงาน"+ "กรรมการพิเศษ" จะได้รับรางวัลชนะเลิศสูงสุด The Winner และรางวัลรองคือ Experts Choice ซึ่งนับผลโหวตที่มากที่สุดจาก "กรรมการพิเศษ" เท่านั้น

ย้ำอีกทีว่าสองรางวัลดังต่อไปนี้มาจากการตัดสินของ "ผู้เข้าร่วมงาน" และ "กรรมการพิเศษ" ภายในงาน Best of The Best TV Shootout 2017




คุณโรมัน มอบรางวัลให้กับ มร.ทากุโอะ โคบายาชิ - ผู้จัดการแผนกการตลาดผลิตภัณฑ์ทีวี (คนที่สามจากทางซ้าย)
และพร้อมด้วยคุณปรัชญา นันทปถวี

11) The Winner - Best of The Best TV Shootout 2017 : Sony OLED TV - A1
หลังจากการประเมินคุณภาพของทีวีอย่างละเอียด “รอบด้าน” จากทั้งผู้เข้ามร่วมงานและกรรมการพิเศษ ในปีนี้ทีวีที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดและคว้ารางวัลชนะเลิศคือ Sony OLED TV – A1 ด้วยผลโหวต 29 จาก 64 ท่าน คิดเป็น 45.3% สูงสุดในบรรดาทีวี 5 รุ่นจาก 5 แบรนด์ที่เข้าร่วมชิงชัย เหตุผลหลักที่ผู้โหวตเทใจให้ Sony OLED TV – A1 คือหากเปรียบเทียบเรื่องคุณภาพของภาพกับ OLED TV แบรนด์ข้างเคียง ก็จะมีดีมีด้อยคละเคล้ากันไป สังเกตจุดต่างที่ทำให้ชนะขาดได้ค่อนข้างยาก ทำให้คะแนนด้านภาพมีความสูสีใกล้เคียงกันจนต้องไปวัดกันที่ด้านอื่นเสริม ซึ่งเหตุผลที่ผู้โหวตเขียนลงกระดาษก็จะชื่นชอบนวัตกรรม “ไร้ลำโพง” หรือ Acoustic Surface ซึ่งยิงเสียงออกจากกลางจอได้จริง โดยไม่ต้องมีลำโพงตัวเป็นๆมาวางเกะกะ รวมถึงลูกเล่น Android TV ที่ยืดหยุ่นสูงที่สุดในการเชื่อมต่อกับมือถือและโยนคอนเทนต์เข้าไปเล่น และการค้นหาวีดีโอและคลิปด้วยคำสั่งเสียงที่แม่นยำที่สุด ซึ่งลูกเล่นที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นสิ่งผู้โหวตเล็งเห็นว่ามันมีประโยชน์และสามารถใช้งานได้จริงกว่าลูกเล่นของเจ้าอื่นๆจึงทำให้ Sony OLED TV – A1 เข้าวินในครั้งนี้ ขอแสดงความยินดีด้วยอีกครั้ง !




คุณโรมัน และคุณชานม มอบรางวัล Editors Choice Award
ให้กับคุณโยสุเกะ อิชิกาวะ ผู้อำนวยการส่วนงานขาย และการตลาด ผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์
ร่วมด้วยคุณ นิติ จินดาโชค เจ้าหน้าที่แผนกการตลาด ผลิตภัณฑ์ทีวี

12) Experts Choice - Best of The Best TV Shootout 2017 : Panasonic OLED TV - EZ1000T
อีกหนึ่งตัวที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจากทีม "กรรมการพิเศษ" (Expert) ทั้ง 5 ท่าน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาพและเสียงโดยตรง ก็คือ Panasonic OLED TV EZ1000T เป็นทีวีที่ให้ "คุณภาพของภาพได้ดีที่สุด" เท่าที่เคยมีมา เพราะตั้งแต่แกะกล่องออกมาโดยไม่ต้องปรับภาพใดๆ ก็ให้ค่าแสงสีได้เที่ยงตรงสุดๆ (ในโหมด THX และ Professional - ISF) ความเที่ยงตรงสูงนี้ถึงแม้ปรับภาพเพิ่มเติมเพื่อความเพอร์เฟ็กต์แต่การรับชมจริงก็ไม่แตกต่างอย่างมีนัยยะ สามารถเทียบเคียงกับจอ Studio OLED Monitor ที่่ใช้ในการผลิตภาพยนตร์ ต้องขอชมเชย Panasonic Hollywood Lab ที่มีส่วนสำคัญในการไฟน์จูนภาพออกมาแล้วอยู่ใน ระดับอ้างอิง หรือ Reference เลยตั้งแต่ต้น นั้นหมายถึงการเสพภาพนั้นเราจะได้รับชมในมุมมองที่ผู้กำกับต้องการสื่อให้เราแบบถูกต้องแทบจะ 100% ทั้งเรื่องสีสันและรายละเอียดในที่มืด-สว่าง การันตีด้วยโหมดภาพจากสถาบันมาตรฐานภาพระดับโลกทั้ง Imaging Science Foundation - ISF และ THX ส่วนจุดสังเกตด้านภาพนั้นก็ยังไม่รองรับมาตรฐาน HDR แบบ Dolby Vision แต่จะหันไปซบมาตรฐานใหม่ที่จะเริ่มมีแพร่หลายในปีหน้าอย่าง HDR10+ แทน ด้านลำโพงซาวด์บาร์ Dynamic Blade Speaker ก็ให้เสียงที่รุุกเร้า จัดจ้าน ชัดเจน ไม่เป็นสองรองใคร กำลังสำรองเหลือเฟือ ดูหนังอึกทึกครึกโครมมันส์สะใจแน่นอน ส่วนระบบ Smart TV ที่ต่อยอดมาจาก Firefox OS นั้นอาจจะไม่ค่อยแฟนซีเท่าไหร่หากเทียบเจ้าอื่น แต่ก็ให้แอพพลิเคชั่นดูวีดีโอคอนเทนต์หลักๆมาอย่างครบครัน สรุปว่าทีมกรรมพิเศษโหวตให้ EZ1000T เป็นทีวีที่ดีที่สุด จำนวน 3 จาก 5 ท่าน คิดเป็น 60% สูงที่สุดในบรรดาทีวีทั้ง 5 แบรนด์ที่เข้าร่วมชิงชัย จึงได้รางวัล Experts Choice Award ไปครอง

หมายเหตุ กรรมการพิเศษด้านภาพได้รับการ Certified ผ่านหลักสูตรจากสถาบันมาตรฐานภาพทั้ง ISF และ THX รวมถึงมีประสบการณ์ทำงานเกี่ยวข้องกับด้านภาพโดยตรง จึงมีความรู้-ความเข้าใจศาสตร์ด้านภาพอย่างถ่องแท้ มาร่วมวิเคราะห์วิจารณ์คุณภาพของทีวีแต่ละตัวอย่างเปิดเผย โดยอ้างอิงมาตรฐานความถูกต้อง Lab Test ร่วมกับการรับชมจริงผ่านจอภาพอ้างอิง Studio Monitor




68
 [รัก]

หน้าสุดท้ายนี้จะรวมรูปไฮไลท์ผู้โชคดีได้รับของรางวัล Lucky Draw ซึ่งสนับสนุนจากแบรนด์ทีวีทั้ง 5 แบรนด์ ตลอดจนรูปรวมทีมวิทยากรและกรรมการพิเศษที่ให้เกียรติมาร่วมงานประชันทีวีที่ดีที่สุดในปีนี้ เรียกได้ว่าแฟนเว็บที่มางานนี้จะได้ทั้ง สาระ ความรู้ ความบันเทิง แถมหากโชคดีก็ยังได้ของรางวัลติดไม้ติดมือกลับไปอีก


เริ่มจาก "ทีมวิทยากร" 5 ท่านจาก 5 แบรนด์ถ่ายรูปแบบนี้นึกว่า "วงบอยแบนด์" !


และ "ทีมกรรมพิเศษ" อีก 5 ท่านที่มาช่วยคอมเมนท์อย่างเจาะลึกทั้งด้านภาพ เสียง ดีไซน์และลูกเล่น Smart TV


เริ่มจากแบรนด์แรก Sony นำตั๋วหนังจาก SF Cinema มาร่วมสนุก
และนี่คือโฉมหน้าของแฟนเว็บผู้โชคดีได้รับรางวัล


แต่ละท่านได้รางวัลตั๋วหนังกันไปคนละ 2 ใบ พากิ๊กไปดูได้ (ฮา)


ทาง Panasonic โดยคุณนิติ จินดาโชติ นี่ก็สาย "แฟชั่นนิสต้า" ทั้ง "การแต่งกาย" และ"ตัวรางวัล" 
นำหูฟังสีชมพูดสดใสฟรุ้งฟริ้งมาร่วมสนุก ซึ่งผู้โชคดีก็คือท่าน "เด็กผี" ผู้นี้ครับ !


ทาง LG ก็นำ External HDD ความจุ 500 GB มาร่วมสนุก
คุณพี่ด้านขวาท่านนี้เป็นผู้โชคดีได้รับรางวัล


LG มีลำโพง Bluetooth มอบให้อีกรางวัล


ทาง Samsung ก็มี External HDD มาแจก
คุณพี่ด้านขวาท่านนี้มางานสัมมนากับ LCDTVTHAILAND หลายครั้งมาก
ได้รางวัลกลับไปทุกครั้ง ย้ำว่าทุกครั้ง แต้มบุญไม่รู้จะเยอะไปไหนครับคุณพี่ (ฮา) ^ ^


รางวัลจากทางเว็บเองเป็นสาย JERICHO 2M มูลค่า 2,490 บาท
เอาไปต่อดูภาพ 4K HDR กันให้เต็มตาเต็มอารมณ์ !


ผู้โชคดีจากกิจกรรมโพสท์รูปบรรยากาศงานลง Social Media
พร้อมแฮชแท็ก #shootout2017 #lcdtvthailand
ก็ได้แก่คุณพี่แฟนปิศาจแดงดำ AC Milan ท่านนี้นี่เอง !


ปิดท้ายด้วยรางวัล The Winner : Best of The Best TV Shootout 2017 ในปีนี้
ขอแสดงความยินดีทีมงาน Sony กับ OLED TV KD-65A1 ทีวีที่ดีที่สุดประจำปีนี้ !!!

สรุปด้วยวีดีโอไฮไลท์ในงาน ดูแล้วเห็นภาพแน่นอน [b]แล้วพบกันใหม่กับงาน Best of The Best TV Shootout 2018 ในปีหน้าฟ้าใหม่ สวัสดีทุกท่านครับ ^ ^[/b]

69



ช่วง "ครึ่งหลัง" ของงาน จะเป็นการเปรียบเทียบภาพและเสียงกันอย่างเข้มข้น เพื่อให้ผู้ร่วมงานทุกท่านได้ใช้พิจารณาโหวตทีวีที่คิดว่าดีที่สุด โดยทีวีทุกตัวได้รับการปรับภาพให้ถูกต้องตามมาตรฐานเดียวกัน ตามหลักอุตสาหกรรมวิดีโอและภาพยนตร์ของ ISF : Imaging Science Foundation และ THX ทั้งการแสดงภาพแบบ SDR และ HDR อย่างไรก็ดีทีมงานจะแจ้งในส่วนของผลการทดสอบก่อนปรับภาพ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแม่นยำของทีวีแต่ละตัวตอนเริ่มแกะกล่อง ใช้โหมดภาพสำเร็จรูปปกติ โดยไม่ได้ Calibrate ภาพ โดยในครั้งนี้ทีมงานจะทำการอ้างอิงความถูกต้องของสีผ่านสตูดิโอมอนิเตอร์ "Sony PVM-A170" ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ เพื่อให้ทุกท่านได้ทำการเปรียบเทียบภาพได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น


เครื่องมืออ้างอิงทดสอบได้แก่ Oppo UDP 205, PS4 Pro, Murideo Pattern Generator, และ สาย Jericho


แพทเทิร์นทดสอบระดับโปรเฟสชั่นแนลเช่น ระดับความดำ / ความสว่าง
จะถูกส่งมาจาก Murideo เครื่องมือที่ได้รับรองจากสถาบัน ISF

อุปกรณ์ทดสอบร่วม ได้แก่ ฮารด์แวร์และซอฟท์แวร์สำหรับการตรวจวัดค่าแสงและสีจาก SpectraCal เพื่อให้เป็นกลางในการทดสอบ คอนเทนต์ต่างๆ เล่นผ่านเครื่องเล่น 4K HDR Blu-ray Player ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน คือ Oppo UDP-205 ส่งสัญญาณผ่านสาย LCD HDMI : JERICHO ไปยัง HDMI Splitter และทีวีทั้งระบบ ตัวทีวีและเครื่องเล่นเชื่อมต่อผ่าน AC Powerline Conditioner


Oppo UDP-205 เป็นเครื่องเล่น 4K Ultra HD Blu-ray Player เครื่องหลักที่ใช้ทดสอบคอนเทนต์ทั้ง HDR และ SDR


จอมอนิเตอร์ผู้กำกับ Studio Reference Monitor อย่าง Sony PVM-A170 ขนาด 17" ไว้ใช้อ้างอิงความถูกต้องของสี
ในภาพคือหนึ่งในคณะกรรมการพิเศษ คุณหมอเอก พงศ์ทิพจักร เชื้อเจ็ดองค์ มาร่วมตรวจสอบตั้งแต่คืนวันเซ็ตอัพ

การทดสอบจะดำเนินการให้ครอบคลุมทุกมิติการรับชม ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบภาพด้วย Test Pattern ระดับโปรเฟสชั่นแนล, การรับชมจริงกับภาพยนตร์ 4K HDR, Full HD SDR ไปจนถึงเกมคอนโซลเพื่ออ้างอิง Input Lag ส่วนเสียงจะอ้างอิงกับแผ่นคอนเสิร์ต

หัวข้อในการทดสอบ
- Peak Brightness : ระดับความสว่างสูงสุด
- Black Level : ระดับความดำ
- Color : สีสันและขอบเขตการแสดงสี
- Motion : ภาพเคลื่อนไหว
- Viewing Angle : มุมมองรับชม
- High Dynamic Range : คอนเทนต์ HDR
- Input Lag : การตอบสนองเมื่อเล่นเกมส์
- Sound Quality : คุณภาพเสียง
- Power Consumption : อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้า

คอนเทนต์ที่ใช้ทดสอบ
- Test Patterns : แพทเทิร์นทดสอบภาพเชิง Lab Test จาก Murideo Fresco Six-G
- 1080p Blu-ray :  Journey 2 : Mysterious Island, WWE Summerslam 2016, Susan Wong
- 4K HDR Blu-ray : X-Men Apocalypse, Wonder Woman, Life of Pi
- Game : Marvel vs. Capcom: Infinite

สภาพแสงในห้อง
- ทั้งเปิดไฟสว่างและปิดไฟมืด เพื่อให้ครอบคลุมทุกสภาพการใช้งาน


Line-Up ทีวีที่จะเข้าประชัน แบ่งกรุ๊ปเป็น OLED TV และ QLED TV โดยในแต่ละกรุ๊ปจะเรียกตามตัวอักษร A-Z



เริ่มทดสอบ "ระดับความสว่างสูงสุด" หรือ HDR Peak Brightness อิงตามมาตรฐาน UHD Premium ด้วย 10% Window Pattern พบว่า Samsung 65Q9F ที่เป็น QLED TV ชนะไปอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยระดับความสว่างสูงสุดถึง 1854 nits (Max) และ 1426 nits (Post Calibration) ในขณะที่ OLED TV ทั้ง 3 รุ่น ทำได้ราว 600 - 760 nits ที่สูงสุดในบรรดา OLED TV ด้วยกันคือ LG 65W7T ที่สามารถผงาดแตะหลัก 760 nits ได้  ส่วน TCL 65X3CUS ด้วยระดับราคาไม่สูง ความสว่างสูงสุดจึงทำได้เบาะๆ ที่ 344 nits


ลองที่ยากขึ้นกับ 100% Window Pattern (Full white) ดูบ้าง พบว่า ความสว่างของ OLED TV ทั้ง 3 รุ่น ตกลงอย่างเห็นได้ชัด เหลือเพียง 130 - 140 nits เท่านั้น อันเป็นผลกระทบของ ABL (Auto Brightness Limitter) ความสว่างในสถานะนี้ของ OLED TV จึงต่ำกว่า QLED TV ทั้ง 2 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น TCL 65X3CUS ที่ 366 nits หรือ Samsung 65Q9F ที่ 789 nits


ทดสอบ "ระดับความดำ" ด้วย "Full Black"  OLED TV ทั้ง 3 รุ่นจาก LG, Panasonic และ Sony ทำได้ "ดำสนิท" แบบไร้ข้อกังขา และรวมถึง QLED TV ที่มี Local Dimming อย่าง Samsung 65Q9F จะแสดงสีดำที่ "ดำสนิท" ได้โดยไม่มีแสงลอดใดๆ แต่หากทดสอบยากขึ้นด้วยแพทเทิร์น "Moving Circle"  หรือวงกลมสีขาววิ่งบนพื้นหลังสีดำสนิท (ตามรูป) OLED TV  ยังสามารถทำพื้นหลังได้ดำสนิท 100% เช่นเคย แต่จะพบว่า Q9F มีอาการแสงลอดออกมาบ้าง แต่ยังคงผลลัพธ์ระดับความดำที่ดีตามแบบฉบับ Edge LED ที่มี Local Dimming ที่ดิมไฟได้เนียนตา แต่จะให้ดีที่สุดต้องมองในมุมตรง 90 องศา ส่วน TCL ไม่มีฟีเจอร์ Local Dimming จึงคุมระดับความดำสนิทได้ยากกว่าเพื่อน


ทดสอบ "สีสัน" ด้วยแพทเทิร์น 100% Color Bar เพื่อยืนยันความสามารถในการแสดงสีสันตามมาตรฐาน DCI-P3 ซึ่งทำได้ครอบคลุมเกิน 90% ทุกแบรนด์ สมกับเป็นตัวท็อป กระนั้นที่ทำตัวเลขได้มากสุดคือ Samsung 65Q9F ที่ 98.2% แต่ก็มากกว่า OLED TV ทั้ง 3 รุ่น เพียง 1% - 2% เท่านั้นเอง อย่างไรก็ดีหากอ้างอิง "Color Volume" ที่อิงระดับความสว่างของสีเข้ามาเกี่ยวข้อง Samsung ดูจะได้เปรียบชัดเจน ทำไปได้ 457 mdc (ICpCt Standard) ส่วน OLED TV ทั้ง 3 รุ่น ทำได้ราว 328 - 350 mdc (แต่เช่นเคยว่า ผลการรับชมกับ QLED TV ต้องมองในมุมตรง)

การทดสอบ Lab Test ด้วย Pattern ต่างๆ ข้างต้น แม้บอกอะไรบางอย่างได้ แต่อาจไม่สะท้อนผลการใช้งานจริงทั้งหมด จึงจำเป็นต้องยืนยันด้วยคอนเทนต์ที่รับชมจริง ฉะนั้นเรามาเริ่มทดสอบการรับชมด้วยคอนเทนต์จริงไปพร้อมกัน ณ บัดนี้ !


เริ่มด้วย 1080p Blu-ray เรื่อง Journey 2 : Mysterious Island ซึ่งทีวีทุกตัวในที่นี้ ผ่านการปรับภาพตามมาตรฐาน ISF และ THX โดยทีมงานแล้ว พบว่ามีศักยภาพให้ผลลัพธ์การแสดงสีสันเมื่อรับชม SDR ได้ถูกต้องเที่ยงตรงใกล้เคียงกับจอภาพอ้างอิง (Studio Monitor) ที่วางอยู่ด้านล่างมากๆ (ตามรูป) อย่างไรก็ดี หากอ้างอิงจากผลการทดสอบค่าความผิดเพี้ยน (Delta E) ก่อนทำการปรับภาพ จะพบว่า Panasonic TH-65EZ1000T ทำได้ยอดเยี่ยมที่สุด อาจไม่มีความจำเป็นต้องทำการปรับภาพเพิ่มเติมก็ได้ ส่วน OLED TV อีก 2 รุ่น แม้ผลลัพธ์ไม่โดดเด่นเท่า แต่ก็ไม่ห่างกันแบบมีนัยยะแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ทีมงานได้เปิดภาพเคลื่อนไหวเพื่อให้เปรียบเทียบแต่ละจอดูด้วย ซึ่งผลลัพธ์สูสีกันมาก แต่หากสังเกตดีๆ Sony A1 จะได้เปรียบแบรนด์อื่นเล็กน้อย ไม่ว่าอ้างอิงตอนเปิดหรือปิด "ฟังก์ชั่นแทรกเฟรมภาพเคลื่อนไหว"

ทดสอบกับภาพยนตร์ SDR เรื่องเดิม แต่ลองกับฉากเวลากลางคืนดูบ้าง แน่นอนว่า OLED TV ทั้ง 3 รุ่น ได้เปรียบในแง่การคงระดับ Black Level ได้ดีมาก ส่วนรายละเอียดในที่มืดหรือ Shadow Detail ก็เปิดเผยมาแบบพอดีๆ ไม่เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น ในขณะที่ QLED แม้ว่าเป็นรอง แต่ด้วยความสามารถของ Edge LED Local Dimming ก็ไม่ทำให้ดูห่างชั้นมากนักเมื่อรับชมในมุมตรง


ทดสอบกับฉากระเบิดพลัง X กากบาทสีส้มเจิดจรัสจากหนังเรื่อง Wonder Woman


ดูความเจิดจรัสวาววับในฉากที่ไซคลอปปล่อยลำแสงเลเซอร์สีแดงสาดใส่เจ้าวายร้าย
จากเรื่อง X-Men : Apocalypse แบบ 4K HDR

ทดสอบกับ 4K HDR ซึ่งถือเป็นไฮไลท์สำคัญของทีวีในปัจจุบันกันบ้าง ผลลัพธ์ที่ได้จากภาพยนตร์ทั้ง 3 เรื่อง ได้แก่ X-Men Apocalypse, Wonder Woman และ Life of Pi ไปในทิศทางเดียวกัน คือ Samsung 65Q9F ให้ความเจิดจ้าของแสงสว่างมาเป็นอันดับหนึ่ง ความเข้มของแสงสีก็ทำได้ดีหากมองในมุมตรง แต่ก็จะมีข้อจำกัดในมุมเฉียง ในขณะที่ OLED TV ทั้ง 3 รุ่น แม้ความสว่างเป็นรอง แต่ได้เรื่องระดับความดำที่ดำสนิท ทำให้คอนทราสต์สูงกว่า ช่วยส่งเสริมสีสันให้มีความเข้มข้น อิ่มแน่น และสดใสเรืองรองทุกมุมมอง โดยเฉพาะจุดไฮไลท์ลำแสงสีต่างๆจะทำได้เจิดจรัสวาววับเป็นพิเศษ เป็นจุดเด่นของเทคโนโลยี OLED TV ที่หาตัวจับยาก


สีน้ำเงินน้ำทะเลสว่างเรืองรองจากหนังเรื่อง Life Of Pi แบบ 4K HDR


ทดสอบ Marvel VS Capcom : Infinite โดยเปิด Game Mode ให้ทีวีทุกตัว
เพื่อดูความถูกต้องของแสงสีเทียบกับจอมอนิเตอร์อ้างอิง พร้อมสังเกต Input Lag ไปด้วยกัน

ทดสอบ การเล่นเกมเมื่อเปิดใช้งาน "Game Mode" เนื่องจากโหมดนี้มักให้การตอบสนองในแง่ลดทอนระดับ Input Lag ต่ำที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้สูสีมาก อยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีเยี่ยมทั้งหมด (ตัวเลขยิ่งน้อยยิ่งดี) LG มาอันดับหนึ่ง 21.2 ms ตามมาด้วย Samsung 23.7 ms, Panasonic 25.7 ms, TCL 29.7 ms และ Sony 47.3 ms อย่างไรก็ดีในแง่การคงความถูกต้องของสีสันในโหมดเกม พบว่า Panasonic และ Sony ทำได้ใกล้เคียงจอสตูดิโอมอนิเตอร์มากที่สุด ตามมาด้วย TCL ในขณะที่ LG จะเร่งแสงและสีในโหมดเกมให้ดูฉูดฉาดขึ้นเล็กน้อย ส่วน Samsung จะเร่งแสง สี และ Brightness ขึ้นมามากไปสักหน่อย อย่างไรก็ตาม Game Mode ของทุกยี่ห้อเราสามารถปรับค่าอุณหภูมิสีให้ถูกต้อง ตลอดจนลดความจัดจ้านของภาพด้วยการลดทั้ง Sharpness, Contrast  และ Color ให้เหมาะสมได้ด้วยตัวเองโดยแทบไม่กระทบค่า Input Lag ที่ดีอยู่แล้วในโหมดนี้ตั้งแต่ต้น


ทดสอบคุณภาพของเสียงจากคอนเสิร์ตของ Susan Wong


กรรมการพิเศษทดสอบฟังกันหลายรอบมากทั้งนั่งและยืนเพื่อประเมินให้ครอบคลุมทุกมิติการรับฟัง

อีกประเด็นสำคัญ ขาดไม่ได้ คือ การทดสอบคุณภาพเสียง โดยทีมงานจะทำการเปิดเสียงทีวีให้ผู้ร่วมงานฟัง 2 รอบ รอบแรก กำหนดระดับโวลุ่มเสียงเท่ากันทั้งหมด เพื่อตัดประเด็นคลาดเคลื่อนที่ว่าเสียงดังคือเสียงดี จากนั้นรอบที่สอง จะเพิ่มระดับเสียงของทีวีแต่ละตัวให้ดังที่สุดโดยที่เสียงไม่เพี้ยน เพื่อดูศักยภาพด้านการถ่ายทอด "กำลังเสียง" อ้างอิงด้วยแผ่นคอนเสิร์ตของ Susan Wong ในเพลง Do that to me one more time ที่ให้เสียงที่ชัดเจนครบทุกย่านทั้งสูง-กลาง-ต่ำ อ้างอิงเพื่อฟังเปรียบเทียบได้ไม่ยาก

สุดท้ายกับ อัตราการกินไฟ แน่นอนว่า QLED TV กินไฟต่ำกว่า OLED TV และในทั้งหมด TCL กินไฟต่ำสุด เพียง 89 วัตต์ ซึ่งก็อิงตามระดับความสว่างที่ได้ ส่วน Samsung แม้ตัวเลขการใช้พลังงานจะพอๆ กับ OLED TV ทั้ง 3 รุ่น คือ ราวๆ 250 วัตต์ แต่ในแง่ระดับความสว่างสูงสุดที่ทำได้นั้นทำได้สูงกว่า OLED TV มากกว่า 2 เท่าขึ้นไป!


เอาหละทดสอบครบถ้วนทุกด้านแล้ว ก็ได้เวลา "โหวตตัดสิน" จากความเห็นของทุกท่านที่มาร่วมงานนี้


ผู้ร่วมงานเลือกโหวตทีวีที่ดีที่สุดใน 1 ตัว พร้อมต้องเขียนแจงเหตุผลพอสังเขปด้วย



หลังจากทุกท่านได้ร่วมส่งกระดาษโหวตว่าทีวีตัวไหนจะเป็นทีวีที่ดีที่สุดประจำปีเสร็จสิ้น เหล่า "กรรมการรับเชิญ" ที่เป็นกูรูในแต่ละด้านก็ออกมาให้ความเห็นอย่างเจาะลึกทั้งประเด็นเรื่อง ดีไซน์ ภาพ เสียง และสมาร์ททีวี พร้อมฟันธงว่าแต่ละตัวเด่นด้านใดบ้าง? ตลอดจนทีวีที่ดีที่สุดประจำปี 2017 ในใจของพวกเขาคือตัวไหนกันแน่ ???

คุณหมอเอก พงศ์ทิพจักร เชื้อเจ็ดองค์ จากนิตยสาร Audiophile Videophile ให้คอมเมนท์เรื่องภาพแบบเจาะลึก ทั้งประเด็น SDR, HDR, Peak Brightness, Black Level ซึ่งสำหรับ OLED TV ทั้ง 3 รุ่น ถือว่าสูสีมากๆ แต่ Panasonic จะได้เปรียบตรงที่ผลลัพธ์ใกล้เคียงจอภาพอ้างอิงมากที่สุดในหลายๆ ด้าน คุณภาพเสียงก็ทำได้โดดเด่นกว่าตัวอื่นทั้งย่านการตอบสนองความถี่ และระดับความดังสูงสุด จึงขอโหวตให้ "Panasonic TH-65EZ1000T" เป็น Best of The Best TV ประจำใจ


คุณนัท ณัฐพล แสวงทรัพย์  แห่ง Cinemania Home Theater Studio ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องภาพ ช่วยคอมเมนท์เรื่องภาพแบบเข้มข้น โดยมีความเห็นว่า Panasonic EZ1000T ให้คุณภาพของภาพได้ใกล้เคียงกับ Studio Reference Monitor มากที่สุด ส่วนระบบ Smart TV จะชื่นชอบ Android TV ของ Sony เป็นพิเศษ แต่โดยรวมแล้วขอยกให้ "Panasonic TH-65EZ1000T" คือทีวีที่ดีที่สุดเป็น Best of The Best TV ในดวงใจ


คุณอี๊ด ทวีศักดิ์ ภู่วิภาดาวรรธน์ แห่ง Theater Solution ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องภาพ ให้ความเห็นว่า OLED TV ทั้ง 3 ตัวหากรับการ Calibrate ภาพอย่างถูกต้องแล้ว คุณภาพของภาพก็จัดว่าสูสีกันแบบหายใจรดต้นคอ อย่างไรก็ตาม Panasonic EZ1000T ได้ภาษีดีกว่าในแง่ความถูกต้องของแสงสีตั้งแต่แกะกล่องออกมาโดยไม่ปรับภาพ จึงกุมความได้เปรียบด้านคุณภาพของภาพเอาไว้ ตลอดจนคุณภาพเสียงของ EZ1000T ให้ความจัดจ้าน ชัดเจน โดดเด่นกว่าเพื่อน จึงขอเลือก "Panasonic TH-65EZ1000T" เป็น Best of The Best TV ในดวงใจ


คุณธรรมนูญ ประทีบจินดา จากนิตยสารเครื่องเสียง Audiophile Videophile ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลออดิโอและเครื่องเสียงไฮไฟ ช่วยวิเคราะห์วิจารณ์คุณภาพเสียงของลำโพงทีวีแต่ละตัว ซึ่งทีวีที่มีซาวด์บาร์แยกก็ให้เสียงได้ดีน่าประทับใจ จะแตกต่างกันที่คาแรกเตอร์เสียง รวมถึงชมเชยลำโพงของ Sony ที่คุณภาพอีกนิดจะเทียบเท่าพวก Soundbar แต่มีข้อดีที่สุดเลยคือเสียงออกมาจากหน้าจอไม่จำเป็นต้องมีลำโพงเป็นชิ้นให้เกะกะ ก่อนจะทิ้งท้ายชื่นชมเสียงของลำโพง harman/kardon ของ TCL ที่ผลลัพธ์ไม่ธรรมดาเลยเมื่อเทียบกับค่าตัวที่ต่ำกว่าแบรนด์อื่น 3 เท่า! อย่างไรก็ดีหากพิจารณาในทุกๆ ด้านแล้ว ขอโหวต "Sony KD-65A1" เป็น Best of The Best TV ประจำใจ


นายบอส แห่งรายการ Techno For Life FM 99.0 วิเคราะห์ระบบปฏิบัติการ Smart TV แต่ละตัว โดยมองว่า Android ได้เปรียบเรื่องความยืดหยุ่น กับความคุ้นเคยจากระบบของสมาร์ทโฟน รวมถึงการค้นหาวีดีโอด้วยคำสั่งเสียที่แม่นยำมาก แต่ถ้ามองในแง่ใช้งานง่าย (ผู้สูงอายุก็ใช้ได้) Tizen ของ Samsung ดูจะลงตัวกว่า แถมมีซีรีส์เกาหลีให้ดูฟรีอีกด้วย... สุดท้ายหากพิจารณาในทุกๆ ด้านแล้ว ขอโหวต "Sony KD-65A1" เป็น Best of The Best TV ประจำใจ


.
.
.
.

ก็ถึงเวลาประกาศผู้ชนะเสียที
ผลโหวตจาก "ผู้เข้าร่วมงาน" + "กรรมการพิเสษ" = ผลโหวตสูงที่สุดคือผู้ชนะเลิศ
ผลอยู่ในกระดาษที่คุณโรมันถืออยู่แล้ว
และผู้ชนะก็คือ ????

.
.
.

"The Winner is Sony KD-65A1 : OLED TV "



คุณปรัชญา นันทปถวี, คุณสุพล วิเศษพจนกิจ และ คุณวันชัย ไทยประยูร จากทีม Sony Thai
ให้เกียรติรับถ้วยรางวัล The Winner : Best Of The Best TV Shootout ประจำปี 2017
จาก คุณโรมัน และ คุณชานม LCDTVTHAILAND ขอแสดงความยินดีด้วย !!!!

สรุปผลโหวต
- จำนวนโหวตจาก "แฟนเว็บ" ที่มาร่วมงานรวม 59 ท่าน
- จำนวนโหวตจาก "กรรมการรับเชิญ" 5 ท่าน
- รวมทั้งสิ้น 64 ท่าน ในจำนวนนี้โหวตให้ Sony OLED TV KD-65A1 ไปทั้งสิ้น 29 ท่าน คิดเป็น 45.3% สูงที่สุดในบรรดาทีวีทั้ง 5 ตัว จึงคว้า "รางวัลทีวีที่ดีที่สุดประจำปี 2017" ไปครองอย่างเป็นเอกฉันท์
- The Winner of Thailands Best of The Best TV Shootout 2017 is "Sony OLED TV KD-65A1"!!


บทสรุปจากทีมงาน LCDTVTHAILAND

ภาพจาก OLED TV ทั้ง 3 รุ่น สูสีมากๆ โดย Panasonic TH-65EZ1000T ดูมีน้ำหนักกว่าในแง่ความถูกต้องของสีสันตั้งแต่แกะออกจากกล่อง ได้เปรียบ OLED TV อีก 2 แบรนด์เล็กน้อย แต่ถ้าหากปรับภาพอย่างถูกต้องจะพบว่าการสังเกตความแตกต่างของ OLED TV ทั้ง 3 รุ่น ทำได้ยาก เพราะความต่างเป็นเพียงจุดเล็กๆ แทบจะเรียกว่าต้องจับผิดจริงๆ ความต่างของแต่ละแบรนด์ก็เด่นคนละด้าน เช่น LG 65W7T มีระดับความสว่างสูงสุดสูงกว่าแบรนด์อื่น ในขณะที่ Panasonic ไล่ระดับ Gamma ได้ถูกต้อง เปิดเผยรายละเอียดส่วนมืดและสว่างใกล้เคียงสตูดิโอมอนิเตอร์มากกว่า ส่วน Sony KD-65A1 ให้ภาพเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ทั้งหมดที่กล่าวมานี้จึงไม่สามารถชี้ขาดได้อย่างชัดเจนว่าใครดีกว่ากันในเรื่องของภาพ จะเรียกได้ว่าดีเลิศแบบเชือดเฉือนกันคนละมุม

หลายท่านจึงให้น้ำหนักประเด็นอื่นเพิ่มเติมเพื่อหาข้อตัดสิน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านที่โหวตให้น้ำหนักเรื่องของ ดีไซน์ คุณภาพเสียง ลูกเล่น Smart TV มากกว่ากัน และจากเหตุผลส่วนใหญ่ที่ถูกเขียนลงใบโหวต จะค่อนข้างให้น้ำหนักกับนวัตกรรม "ไร้ลำโพง" ที่ยิงเสียงพุ่งออกจากหน้าจออย่าง Acoustic Surface ที่แปลกแหวกแนว แต่ก็ยังให้คุณภาพของเสียงได้สูสีกับ Soundbar ตัวเป็นๆ, ดีไซน์ที่เรียบหรูดูดี ไม่มากและน้อยไป ไม่ว่าจะตั้งโต๊ะหรือแขวนผนังก็สวยทั้งคู่ และรวมถึงลูกเล่น Android TV ที่เป็นระบบปฏิบัติการที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูงทั้งเรื่องของแอพส์และการสั่งงานด้วยเสียงที่แม่นยำที่สุด จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ Sony OLED TV A1 เข้าวินในครั้งนี้

จุดเด่นด้านอื่นของ OLED TV อีกสองเจ้าอย่าง LG 65W7T จะได้เรื่องความเป็นต้นตำหรับของ OLED Panel พร้อมเป็นเจ้าเดียวในตอนนี้ที่รองรับระบบภาพอย่าง Dolby Vision และระบบเสียง Dolby Atmos ส่วนดีไซน์ถอดแผงจอที่บางเฉียบจนลอกออกมา "สะบัดได้" นี่ก็ได้ใจผู้โหวตไปหลายท่าน ส่วน Panasonic TH-65EZ1000T เจ้าของลำโพง Soundbar แบบ Dynamic Blade จะให้เสียงที่ชัดแจ้งและรุกเร้า พร้อมกำลังขับสูงสุดกว่า 80 Watts ถูกใจคนชอบแนวเสียงแบบนี้มิใช่น้อย

สำหรับ Samsung 65Q9F QLED TV ในแง่ความเจิดจรัสนั้นไม่แพ้ OLED TV กลับดูจะเหนือกว่าด้วยซ้ำเรื่องของระดับ Peak Brightness ที่สว่างทะลุ 1800 nits ทำลายสถิติทีวีที่สว่างที่สุดเมื่อปี 2016 ไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนการคุมระดับสีดำอาจจะเป็นรองบ้าง แต่ด้วยฟีเจอร์ Edge LED Local Dimming ก็ช่วยได้ดีเกินคาด ทำได้ดีกว่า KS9000 ในปีที่ผ่านมา แต่จุดที่โดดเด่นสุดจากผล Lab Test คือค่า "ความกว้างขอบเขตของสี" (Color Space) และ "ปริมาตรสี" (Color Volume) ที่วัดออกมาได้ดีที่สุดในบรรดาทีวีทุกตัว ก็จัดว่าเป็น จอ 4K LED TV ที่ดีที่สุดในปีนี้หากนับเทียบกับ LED TV ด้วยกัน

TCL ดูจะได้ใจทุกปี กับแนวความคิดพอเพียง ด้วยระดับราคา 65X3CUS ที่ต่ำกว่าแบรนด์อื่นเกือบ 3 เท่า! ถึงแม้คุณภาพโดยรวมอาจจะไม่โดดเด่นเท่าทีวีระดับพรีเมี่ยมของท็อปแบรนด์ แต่ก็เชื่อว่าหลายท่านน่าจะเห็นความคุ้มค่าชัดเจนก็คราวนี้แหละ คุณภาพเสียงนับว่าไม่ธรรมดาเลยเมื่อต้องชนกับทีวีเครื่องอื่นที่มีค่าตัวสูงกว่าหลายเท่า ในส่วนของภาพ หากชนกับรุ่นระดับราคาเดียวกันก็คงไม่แพ้เป็นแน่ แถมยังใจป้ำให้ระยะเวลารับประกันยาวนานถึง 5 ปีเต็ม สิ่งหนึ่งที่ทีมงานบอกได้คือ หาก TCL คงพัฒนาการแบบนี้ไว้ เชื่อว่าใช้เวลาไม่นานก็คงจะไล่ทันแบรนด์หลักได้ไม่ยากครับ


ทีมงาน LCDTVTHAILAND ทุกท่านขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงาน


ส่งท้ายด้วยภาพ "ประสานพลังคนรักทีวีประจำปี 2017"
ด้วยท่า X กากบาทรวมพลังจากหนังเรื่อง Wonder Woman ! (อินเทรนด์ซะด้วย ^ ^)

สุดท้ายนี้ทีมงาน LCDTVTHAILAND ขอขอบคุณแบรนด์ทีวีทั้ง 5 และผู้เกี่ยวข้อง กรรมการพิเศษทั้ง 5 ท่าน รวมถึงแฟนๆ เว็บฯ ทุกท่านที่มาร่วมงานประชันสุดยอดทีวีที่ดีที่สุด Best of The Best TV Shootout 2017 แน่นอนว่าการแข่งขันประชันคุณภาพในลักษณะนี้ก็ย่อมต้องมี "ผู้แพ้และผู้ชนะ" หลายแบรนด์ต้องพลาดตำแหน่งผู้ชนะ แต่เชื่อว่าสิ่งที่ท่านมอบเป็นความรู้ให้แก่ส่วนรวมนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าประเมินค่าได้ จุดนี้เองที่ที่จะนำพาให้แฟนๆ สนับสนุนสินค้าต่อไปต่อไป เพื่อเป็นกำลังใจในการพัฒนาสินค้าดีๆ แก่วงการความบันเทิงด้านภาพและเสียง นี่แหละที่เรียกว่า "น้ำใจนักกีฬา" ที่น่าชืนชม !

ครั้งหน้าหากมีงานบรรยายเสริมความรู้ด้านภาพและเสียงลักษณะนี้ ก็ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมงานอีกนะครับ หน้าสุดท้ายไปชมรูปผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลต่างๆจากการ Lucky Draw ท้ายงานครั้งนี้กันครับ ^ ^



70
 [มากมาย]

ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่แต่ละปีที่ทุกท่านมีโอกาสได้เป็นส่วนร่วมคัดเลือกสุดยอดทีวีตัวท็อปจากทุกแบรนด์ เพื่อเฟ้นหา "ทีวีที่ดีที่สุด" ในงาน Best of The Best TV Shootout 2017 จัดโดยเว็บ LCDTVTHAILAND โดยปีนี้จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 25 พ.ย. 2017 ณ โรงแรมอนันตราสยาม ซึ่งผลการเปรียบเทียบคุณภาพทีวีภายในงานนี้จะถูกนำไปประเมินตัดสินรางวัล VIDEOPHILE LCDTVTHAILAND AWARDS หรือรางวัลทีวีที่ดีสุดประจำปี 2017 ในแต่ละสาขาอีกด้วย




ชื่องาน : Best of The Best TV Shootout 2017
สถานที่ : โรงแรมอนันตราสยาม (BTS ราชดำริ)
วัน : เสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2560
เวลา : 12.30 - 17.00
ผู้นำบรรยาย : คุณโรมัน คุณชานม และทีมงาน LCDTVTHAILAND


Line-Up ทีวีที่จะเข้าประชัน แบ่งกรุ๊ปเป็น OLED TV และ QLED TV โดยในแต่ละกรุ๊ปจะเรียกตามตัวอักษร A-Z


Best of The Best TV Shootout 2017
งานประชันสุดยอดทีวีที่ดีที่สุดประจำปีในประเทศไทย
จัดโดยเว็บไซต์ LCDTVTHAILAND


งานเดียวที่จะให้ท่านเห็นการเปรียบเทียบคุณภาพทีวีกันแบบ "เรียงหน้าชน" แบบชัดๆ


แฟนเว็บ LCDTVTHAILAND ที่มาร่วมงานครั้งนี้นอกเหนือจากจะได้ความรู้และความบันเทิงแล้ว
จะได้รับสิทธิ์ "โหวต" ว่าทีวีตัวไหนดีที่สุดประจำปีนี้ 1 ท่าน = 1 โหวต เท่าเทียมกัน!!



ดำเนินรายการโดย "คุณโรมัน" วีรเกียรติ จิรัฐการุณธ์ เจ้าของเว็บไซต์ LCDTVTHAILAND กับ "คุณชานม" ชานนท์ จุทัยรัศม์ บรรณาธิการอำนวยการเว็บไซต์ LCDTVTHAILAND พร้อมด้วยวิทยาการจากทั้ง 5 แบรนด์ดัง ไม่ว่าจะเป็น LG, Panasonic, Sony, Samsung และ TCL ในการนำเสนอจุดเด่นทีวีด้วยตนเอง ให้กับแฟนๆผู้สนใจอย่างลึกซึ้ง รวมถึงช่วงไฮไลท์ของงานซึ่งก็คือการเปรียบเทียบคุณภาพของภาพและเสียงอย่างเข้มข้น เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้ใช้ประกอบการพิจารณาโหวตทีวีรุ่นที่คิดว่าดีที่สุด

ประเด็นที่ใช้ในการพิจารณาว่าทีวีเครื่องไหนคู่ควรกับรางวัล "ทีวีที่ดีที่สุดประจำปี" ได้แก่

1. ภาพ : ทดสอบศักยภาพกับภาพความละเอียด 4K HDR แท้ๆ รวมไปถึงการรับชมคอนเทนต์มาตรฐาน SDR ที่ยังแพร่หลายในปัจจุบัน
2. เสียง : จริงอยู่ว่าลำโพงทีวีคงสู้โฮมเธียเตอร์เต็มระบบไม่ได้ แต่หากทีวีตอบสนองจุดนี้ได้ดีก็ถือเป็นกำไรของผู้บริโภค
3. การออกแบบ : ความสวยงามใครว่าไม่สำคัญกับทีวีระดับนี้ การส่งเสริมภาพลักษณ์และการออกแบบที่เอื้อประโยชน์ใช้สอยสำคัญมาก
4. ลูกเล่นการใช้งาน : ฟีเจอร์เสริมที่ส่งผลให้การใช้งานทีวีเข้ากับยุคสมัย ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น
5. ราคา : หากประสิทธิภาพไม่ด้อยกว่ากัน ราคาก็เป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาถึงความคุ้มค่า

กำหนดการ
12.00 ลงทะเบียน + รับประทานของว่าง
13.00 แนะนำกติกาการประชัน
13.15 การนำเสนอสินค้าโดยวิทยากร 5 ท่านจาก 5 แบรนด์ ท่านละ 15 นาที
15.00 พักเบรคทานของว่าง
15.15 ทดสอบเปรียบเทียบคุณภาพของ "ภาพ"
  - ความดำ,ความสว่าง, สีสัน, เบิร์นอิน
  - หนัง 4K HDR & 1080p Blu-ray
  - เกม 4K Gaming
16.15 ทดสอบเปรียบเทียบคุณภาพของ "เสียง"
16.30 ร่วมโหวตทีวีที่ดีที่สุดประจำปี (1 ท่าน = 1 โหวต)
16.45 คอมเมนท์โดยกรรมการรับเชิญพิเศษ
17.00 ประกาศผลทีวีที่ดีที่สุดประจำปี + มอบถ้วยรางวัล


ทีวีตัวท็อปที่มาประชันในครั้งนี้ จัดกลุ่ม OLED TV 3 รุ่น (เรียง A-Z) และ QLED TV 2 รุ่น ( เรียง A-Z) อยู่ด้วยกัน
LG 65W7T / Panasonic TH-65EZ1000T / Sony KD-65A1 / Samsung 65Q9F / TCL 65X3CUS
ทุกรุ่นมีจำหน่ายในประเทศไทยจริง ที่สำคัญเป็นขนาด 65 นิ้ว ทั้งหมด เพื่อให้เปรียบเทียบภาพและเสียงได้ง่ายเป็นเป็นธรรม


พิเศษสำหรับปีนี้มี "Sony PVM-A170" สตูดิโอมอนิเตอร์ระดับอ้างอิง เพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรงของสีสัน
หรือ Color Accuracy ของทีวีที่นำมาประชันกันกันกับมอนิเตอร์ ใครสีตรงหรือไม่ตรงเดี๋ยวได้รู้กัน.!!


เปิดให้ลงทะเบียนเข้างานตั้งแต่ 12.30 น. แฟนเว็บที่ลงทะเบียนไว้เริ่มทยอยมากันอย่างคับคั่ง
โดยเฉพาะบางท่านนี่ลงทุนบินจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพมาแต่เช้าตรู่เพื่องานนี้โดยเฉพาะ (ขอปรบมือให้)


วิทยากรแต่ละแบรนด์จับฉลากลำดับการพรีเซนต์

"ครึ่งแรก" ของงาน จะเป็นการนำเสนอจุดเด่นของทีวีโดยวิทยากรของแต่ละแบรนด์ และเพื่อความเป็นธรรม ตัวแทนแต่ละแบรนด์จะทำการ จับฉลากเพื่อกำหนดลำดับการพรีเซนต์ โดยให้มาลุ้นกันหน้างาน ผลเป็นดังนี้ 1.) Samsung, 2.) TCL, 3.) Panasonic, 4.) LG, 5.) Sony โดยหลังจากพรีเซนต์ครบทั้งหมดแล้ว ทีมงานจะให้โอกาสแบรนด์ลำดับที่ 1 และ 2 ได้กลับมาพรีเซนต์อีกครั้งเพื่อแก้ต่างในเวลาสั้นๆ ป้องกันการเสียเปรียบเรื่องลำดับก่อนหลังครับ



เปิดงานนำบรรยายโดย "คุณโรมัน" วีรเกียรติ จิรัฐการุณธ์ เจ้าของเว็บ LCDTVTHAILAND
 และ "คุณชานม" ชานนท์ จุทัยรัศม์ บรรณาธิการอำนวยการเว็บไซต์ LCDTVTHAILAND


แนะนำ "วิทยากร" ของแบรนด์ทีวีทั้ง 5 ที่จะมาให้ข้อมูลความรู้พร้อมๆ กับความสนุกสนานในครึ่งแรก


ถัดมาแนะนำ "กรรมการรับเชิญ" ที่ล้วนมีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งด้าน ภาพ / เสียง / สมาร์ททีวี  
จะมาช่วยให้ความเห็นเชิงลึกในด้านที่ตนถนัด แบ่งปันมุมมองที่แตกต่างออกไปช่วงถ้ายงานหลังจากการโหวตเสร็จสิ้น

รายชื่อกรรมการรับเชิญ (จากซ้ายไปขวา)
1. คุณพงศ์ทิพจักร เชื่อเจ็ดองค์ (คุณหมอเอก)
-  THX & ISF Certified Calibrator และนักเขียนนิตยสาร Audiophile-Videophile ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่อง "ภาพ"

2. คุณณัฐพล แสดงทรัพย์ (คุณนัท)
- THX & ISF Certified Calibrator และเจ้าของ Cinemania ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่อง "ภาพ"

3. คุณทวีศักดิ์ ภู่วิภาดาวรรธน์ (คุณอี๊ด)
- THX & ISF Certified Calibrator และเจ้าของ Theater Solution ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่อง"ภาพ"

4. คุณธรรมนูญ ประทีบจินดา (ป๋านูญ)
- นักเขียนบทความดิจิทัลออดิโอ นิตยสาร Audiophile Videophile ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่อง "เสียง"

5. คุณพิศาล ถ้ำอมร (นายบอส)
- กูรูด้านไอที สมาร์ทโฟน แก็ดเจ็ต ผู้จัดรายการวิทยุ Techno For Life FM 99.0 ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่อง "สมาร์ททีวี"


"คุณโรมัน" อธิบายกติกาการให้คะแนนให้กรรมการรับเชิญทั้ง 5 ท่าน ได้รับทราบ
ซึ่ง 1 ท่าน มิสิทธิ์โหวต 1 คะแนน เท่ากับผู้ร่วมงานท่านอื่น แต่ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่มี
หลังจากขั้นตอนการโหวตเสร็จสิ้น จะให้แต่ละท่านออกมาแชร์ความเห็นแบบเจาะลึก



รวมถึงอธิบาย "กติกา" ให้วิทยากรแต่ละแบรนด์ทราบโดยหลักๆคือ
1) แต่ละท่านมีเวลาพรีเซนต์ 15 นาที
2) สามารถพรีเซนต์เชิงเปรียบเทียบคู่แข่งแบบปากเปล่าได้
3) สามารถสั่งให้ทีมงานเปิด-ปิดไฟห้องเพื่อนำเสนอภาพได้
4) สามารถใช้อุปกรณ์เสริมเช่น รีโมทแบบพิเศษ, Smart Phone อุปกรณ์การแขวนและขาตั้งทีวี ประกอบการบรรยายได้

พร้อมแล้วเริ่มการพรีเซนต์สินค้าจากแบรนด์แรก นั่นก็คือ Samsung !!!


1) แบรนด์แรก Samsung กับทีวีตัวท็อป 65Q9F 4K UHD QLED TV
โดยวิทยากรคือ คุณโจ้ ธนิตสรณ์ วานิชสุขสมบัติ Master Trainer จาก Samsung


ขาตั้ง Studio Stand ทรง 3 แฉกซึ่งใช้คู่กับ QLED TV ได้ทุกรุ่น เช่น Q7 Q8 Q9
อัพเกรดให้ทีวีสวยงามเหมือนการแสดงชิ้นงานศิลปะ

Samsung QLED TV - Q9F ยังคงความโดดเด่นเรื่องของดีไซน์ นอกจากสวยงามแล้วยังตอบสนองการใช้งานได้ลงตัว ทั้ง One Connect รูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนมาใช้สาย Fiber-optic ขนาดเล็ก จึงสามารถเก็บซ่อนสายได้ง่าย แต่ยังสามารถส่งผ่านข้อมูลภาพและเสียงจำนวนมากได้อย่างไร้ที่ติ (ความยาวมาตรฐาน 5 ม. เพิ่มได้ถึง 15 ม.) การตั้งวางบนขาตั้งก็สวย หรือจะแขวนผนังก็งามด้วย "No Gap Wall Mount" นอกจากนี้ระบบ Smart TV จากระบบปฏิบัติการ Tizen ยังคำนึงถึงผลการใช้งานจริง เข้าถึงง่ายดายเหมาะกับผู้ใช้งานทุกกลุ่ม


2) คุณณรงค์วิทย์ พลเสน (คุณเมย์), Senior Trainer จาก TCL ขึ้นมาพรีเซนต์ TCL 65X3CUS

ถัดมา TCL พูดถึงจุดเด่นของ 65X3CUS 4K UHD QLED TV กับดีไซน์จอโค้งเพียงหนึ่งเดียวในครั้งนี้ พร้อมระบบเสียงไม่ธรรมดาจาก harman/kardon ซึ่งถึงแม้ภาพจะเป็นรองแบรนด์อื่น แต่ระดับราคาก็ต่ำกว่าแบรนด์อื่นๆ ถึง 3 เท่าด้วยกัน!! แถมยังเป็นผู้ผลิตทีวีที่ครองอันดับหนึ่งในประเทศจีนแบรนด์นี้มีพัฒนาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ปัจจุบันพิสูจน์ตนเองด้วยความคุ้มค่าที่แสดงให้ทุกท่านในงานได้ประจักษ์ โดยเฉพาะระยะเวลารับประกันยาวนานถึง 5 ปีเต็ม


รุ่นนี้มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android TV 6.0 ที่ให้ความยืดหยุ่นไม่แพ้แบรนด์อื่น
ทิ้งท้ายก่อนหมดเวลาทางวิทยากรได้เผยข้อมูลของทีวี TCL รุ่นใหม่ประจำปี 2018
ที่จะก้าวกระโดดจนทำให้แบรนด์อื่นได้หนาวกันอย่างแน่นอน..


3) คุณนิติ จินดาโชติ (คุณนุ) ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของ Panasonic
ขึ้นมานำเสนอทีวีตัวท็อป OLED TV TH-65EZ1000T

มาถึง Panasonic 65EZ1000T 4K UHD OLED TV อีกหนึ่งตัวเก็งประจำปีนี้ที่พกความมั่นใจมาด้วยคุณภาพอ้างอิงระดับผู้ผลิตภาพยนตร์จาก Hollywood สิ่งที่ทำให้แตกต่างจาก OLED TV แบรนด์อื่น คือ ชิพประมวลผล กับการรับรองมาตรฐานจากสถาบันด้านภาพครบทั้ง "THX" และ "ISF" ยืนยันความเที่ยงตรงด้านสีสันและการแสดงผล

แต่ที่ไม่กล่าวถึงมิได้ คือ ระบบเสียงจากลำโพง "Dynamic Blade Speakers" กำลังขยายสูงถึง 80 วัตต์
ได้รับการจูนเสียงโดย Technics การตอบสนองความถี่และระดับเสียงจึงมีความโดดเด่นกว่าลำโพงทีวีทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด


4) คุณอำนาจ สิงหจันทร์ (คุณเอ) ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของ LG ขึ้นมานำเสนอ OLED TV 65W7T


ครั้งแรกเลยกับจอภาพที่สามารถ "ดัดงอ" ได้ขนาดนี้

LG นำ 65W7T 4K UHD OLED TV รุ่นท็อปสุดจากซีรี่ส์ Wallpaper มาประชันในงานนี้อย่างทันควัน หลังจากที่เพิ่งจัดงานเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ เรียกว่าจอยังอุ่นๆ อยู่เลย วิทยากรเรียกเสียงฮือฮาเป็นอย่างมากเมื่อถอดจอจากที่แขวน ซึ่งยึดด้วยแม่เหล็ก ออกมาแล้วยกให้ดูแบบนี้ เพื่อให้เห็นความบางเฉียบของพาเนลในขณะที่ยังเปิดภาพอยู่ เป็นการตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำนวัตกรรม OLED Panel เพียงหนึ่งเดียวเหนือกว่ายี่ห้ออื่น ที่ยังคงใช้พาเนลรุ่นเก่าของ LG งอไม่ได้ นอกจากนี้ W7T ยังมาพร้อมระบบเสียง "Dolby Atmos Soundbar" รองรับระบบภาพ "Dolby Vision HDR" เท่าทันตามยุคสมัย เช่นเดียวกับระบบสมาร์ททีวีจาก WebOS ผ่านการควบคุมด้วย Magic Remote ที่สะดวกเหมือนเดิม


5) คุณวันชัย ไทยประยูร (คุณนัท), Product Specialist ของ Sony ขึ้นมาพรีเซนต์ OLED TV KD-65A1

สุดท้ายกับ Sony KD-65A1 4K OLED TV ที่มาขอทวงคืนตำแหน่งผู้ผลิต Consumer OLED TV หลังจากห่างหายจากวงการมานานเกือบ 10 ปี มาคราวนี้ถึงแม้จะใช้พาเนลของคนอื่น แต่ก็จัดเต็มกับนวัตกรรมหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงแบบ One Slate ดูดีแบบไร้ขารองรับด้านล่าง และชิพประมวลผล X1 Extreme ศักยภาพสูง แต่เหนืออื่นใด คือ ระบบเสียง "Acoustic Surface" ที่แหวกแนว ให้มิติเสียงออกจากตัวพาเนลโดยตรง


ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่น 7.0 เรียกว่าทันสมัยที่สุดสำหรับ Android TV มีความยืดหยุ่นสูงในแง่การติดตั้งแอพฯ เพิ่มเติม
นอกจากนี้ลูกเล่นเสริมอย่าง "ค้นหาด้วยเสียง" ก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดี ระบบฯ สามารถจับได้ทุกคำที่ผู้ร่วมงานอยากลอง

วิทยากรทั้ง 5 ท่าน ใช้เทคนิคการนำเสนอจุดเด่นของทีวีแบรนด์ตัวเองได้อย่างน่าติดตาม มีหยิกแกมหยอกกันเล็กน้อยเรียกเสียงฮือฮาได้เป็นระลอก สนุกสนานมาก "ครึ่งแรก" จึงจบไปอย่างมีสีสัน แต่ "ของจริง" ในแง่การเปรียบเทียบคุณภาพใช้งานจริงทั้งภาพและเสียง จะเริ่มต้นใน "ครึ่งหลัง" นับจากนี้ครับ...

แต่ก่อนอื่นเพื่อไม่ให้เสียเวลาพักครึ่ง ระหว่างที่ทุกท่านรับประทานอาหารว่าง ก็เริ่มทดสอบเรื่อง Burn-in กันเลย โดยเปิดแพทเทิร์นภาพนิ่งแบบ SDR ค้างไว้ ซึ่งผลการทดสอบด้วยคอนเทนต์ SDR คือ แทบจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาเลยแม้แต่น้อย ส่วนหากเป็นแพทเทิร์น HDR แบบโหด[^_^]มที่สุดที่รวมแสงแรงจ้าไว้ที่จุดเดียว เช่นกล่องสี่เหลี่ยมสีขาวบนพื้นหลังสีดำสนิท หากเปิดทิ้งเป็นระยะเวลานาน ก็จะโชว์รอยรอยปรากฏขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อเปิดภาพอื่นทิ้งไว้ซักพักอาการเบิร์นชั่วคราวก็จะหายไปเองอัตโนมัติ สรุปหลังจากการทดสอบแบบเข้มข้นแล้วจึงขอชี้ชัดว่าหากเป็นการใช้งานแบบปกติอย่างเช่น ดูหนัง ดูรายการทีวี ดูซีรีส์ ก็แทบจะไม่ส่งผลออะไร ฉะนั้นสบายใจหายห่วงได้


แพทเทิร์นที่ใช้ทดสอบ Burn-In ก็ไล่ครบทุกแม่สีหลัก RGB และ CMY พร้อมใช้พื้นหลังสีดำสลับขาว


ช่วงพักเบรคครึ่งแรกมีอาหารว่างบริการให้กับผู้เข้าร่วมงานด้วย
พออิ่มท้อง อิ่มใจ จะได้มีสมาธิกับการรับชมการประชันภาพและเสียงในช่วงถัดไป

เอาหละแล้วการทดสอบเปรียบเทียบภาพและเสียงในช่วงครึ่งหลังจะเป็อย่างไร ???


71
 [กระโดด]  [กระโดด] จะถึงวันงานแล้ววว ลุ้นจริงๆ ใครจะเป็นเบอร์ 1

72
??? ส่งไปแล้ว ชื่อไม่ขึ้นครับ
Best of The Best TV Shootout 2017
1. นายศรัณย์ โพธิยานนท์ เบอร์โทร 0614214680
รบกวนด้วยครับผม  [ปลื่ม]

ตกหล่นไปขออภัยนะครับ อัพเดทแล้วจ้าา  [ปลื่ม]

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 11