ผู้เขียน หัวข้อ: มหัศจรรย์ของพลังดนตรี  (อ่าน 508 ครั้ง)

ออฟไลน์ ttads2522

  • Full LED TV member
  • ****
  • กระทู้: 2,947
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
มหัศจรรย์ของพลังดนตรี
« เมื่อ: สิงหาคม 10, 2017, 04:40:44 pm »
เสียงของดนตรีเกิดเป็นครั้งแรกในโลกนี้เมื่อใดไม่มีผู้ใดทราบกระจ่างแจ้ง แต่ว่าเท่าที่มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับดนตรีนั้น มีความเชื่อกันว่าดนตรีเป็นสิ่งที่เกิดมากับเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ เลยทีเดียว โดยจากหลักฐานทางโบราณคดีที่ขุดเจอเครื่องดนตรีโบราณประเภทเครื่องตีเป็นระนาด หินในหลายประเทศร่วมกัน ยิ่งกว่านั้นยังมีการขุดคุ้ยเจอขลุ่ยที่ทำจากกระดูกสัตว์อีกด้วย โรงเรียนดนตรี

 เสียงดนตรีมีต้นกำเนิดมาจากการสร้างเสียงด้วยการ 1) ดีด ได้แก่การใช้นิ้วหรือวัตถุใดๆก็ตามเขี่ยสายที่ทำมาจากหนังสัตว์กางให้ตึง 2) สี ได้แก่การใช้วัตถุสองชนิดมาเสียดสีหรือถูกัน 3) ตี ได้แก่การใช้วัตถุสองชนิดมากมายระทบกัน และก็ 4) เป่า ได้แก่การใช้แรงดันจากลม เมื่อสร้างเสียงออกมาไม่ว่าจะด้วยการดีด สี ตีหรือเป่าแล้วมีการประสมประสานเสียงพวกนั้นก็เกิดเป็นท่วงทำนองดนตรีที่ เพราะต่างๆมากไม่น้อยเลยทีเดียว ประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความสบายในอารมณ์ให้แก่คนที่ได้ฟังเสียงดนตรีนั้น
 
 คงจะไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่า ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งที่ผูกพันกับชีวิตของคนเราตั้งแต่กำเนิดจนละจากโลกนี้ไป ชีวิตประจำวันของพวกเรานั้นแม้มิได้ดำเนินการเกี่ยวกับด้านดนตรีแม้กระนั้นก็ควรจะมี กิจกรรมอะไรสักอย่างที่หนีไม่พ้นจากดนตรีแน่ๆ เวลานั่งรถยนต์ก็อาจเปิดเพลงฟังจากวิทยุ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือที่ผู้ใช้เลือกเสียงเพลงเรียกเข้าตามใจถูกใจ ละครที่เรามองก็มีเพลงประกอบทั้งยังที่มา ระหว่างเรื่องจนกระทั่งจบเรื่องโปรโมทบนรถไฟฟ้า เสียงเพลงที่แม่ค้าเปิดในตลาดเพื่อเรียกลูกค้า แม้กระทั่งเสียงฮัมเพลงของคนใกล้ตัวเรียกว่าชีวิตนี้ไม่มีใครหนีดนตรีได้พ้น รวมทั้งเนื่องจากว่าดนตรีส่งผลต่ออารมณ์แล้วก็ความรู้สึกของคนเรานี้เองก็เลยมีการนำดนตรีมาใช้ประโยชน์ในงานด้านต่างๆมากมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่งานต่างๆนั้น โดยในตอนนี้ได้มีการนำดนตรีเข้ามาใช้ประโยชน์มากในหลายแวดวง ดังนี้
 
 1. ด้านจิตเวช นักจิตวิทยาหรือนักจิตบำบัดได้นำเสียงเพลงเข้ามารักษามีปัญหาทางใจ ต่างๆดังเช่น คนที่เป็นโรคเครียดหรือโรคไม่มีชีวิตชีวา สามารถบรรเทาได้ด้วยเพลงที่มีจังหวะและทำนองเบิกบานแจ่มใส นอกนั้น ดนตรีที่มีจังหวะและทำนองช้าๆที่ฟังสบายๆยังช่วยลดพฤติกรรมของมีความก้าวร้าวใจร้อน อารมณ์รุนแรง ให้มีจิตใจสงบสุขุมลงได้ด้วยปัจจุบันนี้ได้มี "โครงงานคืนคนดีสู่สังคม" โดยการนำดนตรีเข้าไปใช้เป็นกิจกรรมของคนที่อยู่ในคุก โดยการฝึกหัดให้คนภายในคุกร้องเพลงประสานเสียงฝึกฝนให้เล่นดนตรี เนื่องจากว่าดนตรีช่วยอบรมจิตใจให้ผู้ต้องขังจิตใจสบาย คลายเครียด มองโลกด้วยความงาม ทั้งได้แก่การใช้เวลาว่างให้มีคุณประโยชน์แล้วก็ช่วยทำให้ผู้ต้องขังมีความรู้ความสามารถรวมทั้ง ความรู้ความเข้าใจทางด้านดนตรีที่เมื่อพ้นโทษออกไปแล้วยังสามารถนำความสามารถทาง ด้านดนตรีไปใช้ในการประกอบอาชีพได้อีกด้วย
 
 2. ด้านการศึกษาเล่าเรียน นักการศึกษาต่างมีความเห็นตรงกันว่าดนตรีสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของมนุษย์ได้ จริง โดยมีผลการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยมากมายก่ายกองที่ยืนยันว่า ดนตรีสามารถพัฒนาสมองของเด็กเจริญผ่านทางเพลง ดังเช่น การให้ฟังเสียงดนตรีที่มีเสียงที่มีความถี่สูงอย่างจะเข้ ขิม ไวโอลิน เปียโน จะไปกระตุ้นสมองในส่วนของความจำรวมทั้งความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของเด็กได้ดิบได้ดี นอกเหนือจากนั้น การให้เด็กได้เล่นเครื่องดนตรี ยังช่วยปรับปรุงความเชื่อมั่นและมั่นใจในตนเอง ทั้งยังช่วยพัฒนาสติปัญญาของเด็กโดยตรงจากการเคลื่อนไหวตามจังหวะดนตรี และก็การอ่านโน้ตเพลงซึ่งช่วยพัฒนาในเรื่องของความจำรวมทั้งในเรื่องของ เลขได้โดยตรง เรียนดนตรีที่ไหนดี

 จากการค้นคว้าของมหาวิทยาลัย UCLA โดย Catterall (1997) ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับความเกี่ยวพันระหว่างดนตรีกับการเล่าเรียนวิชาต่างๆโดยทดสอบจากกลุ่มผู้เรียนระดับชั้นม.ปีที่ 2 ถึงปีที่ 6 ซึ่งได้มีการแบ่งเด็กนักเรียนออกเป็น 2 กรุ๊ป เป็นกลุ่มที่ได้เรียนดนตรี กับกรุ๊ปที่ไม่ได้เรียนดนตรีผลจากการวิจัยปรากฏว่าเด็กกรุ๊ปที่เรียนดนตรีมีคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วิชาการอ่านสูงมากขึ้นและก็ในวิชาสังคมศาสตร์หรูหราคะแนนเฉลี่ยที่สูงขึ้น 40% หรือจากงานศึกษาค้นคว้าวิจัยของFrankenberger (1997) ที่ได้วิจัยศึกษาถึงผลของการใช้ดนตรีร่วมกับการฝึกอบรมแบบบรรเทากับเด็ก ที่มีการเรียนรู้ช้าและก็มีความนิสัยเสีย พบว่า การใช้ดนตรีร่วมกับการฝึกอบรมผ่อนคลายช่วยทำให้เด็กมีการศึกษาที่ดีขึ้น แล้วก็มีความนิสัยไม่ดีทางอารมณ์ต่ำลง
 
 3. ทางการแพทย์ ในตอนนี้แวดวงแพทย์ได้นำดนตรีมาใช้สำหรับในการเยียวยารักษาโรค (Music Therapy) อย่างล้นหลามมากยิ่งขึ้น โดยทางการแพทย์มีความเห็นตรงกันว่าเสียงของดนตรีมีผลต่อระบบและจังหวะของทาง เดินหายใจ การเต้นของหัวใจรวมทั้งความดันของโลหิต การให้ผู้เจ็บป่วยฟังเพลงที่มีความถี่ของเสียงต่ำ อาทิเช่น เสียงแซกโซโฟน เสียงขลุ่ยหรือปี่ จะช่วยทำให้ผู้ป่วยกำเนิดความเงียบสงบและก็ลดอาการความทุกข์ทรมานแสนสาหัสของโรคต่างๆได้
 
 จากการค้นคว้าของBeck (1991) ได้ศึกษาถึงผลของดนตรีที่ผู้ป่วยชอบต่อระดับความเจ็บปวดในคนป่วยโรคมะเร็ง โดยให้กลุ่มของตัวอย่างเลือกฟังเพลงที่ถูกใจจำพวกบรรเทา 7 ชนิด ยกตัวอย่างเช่น เพลงคลาสสิกหรือเพลงแจ๊ส โดยให้ฟังวันละ 2 ครั้งๆละ45นาที ตรงเวลา 3 วัน พบว่าความรู้สึกเจ็บของคนป่วยโรคมะเร็งลดลงอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ ตอนนี้พวกเราจึงชอบเห็นตามโรงพยาบาลต่างๆนำดนตรีมาใช้กับคนไข้ตั้งแต่คอยเจอแพทย์จนถึงวิธีการรักษาอย่างยิ่งจริงๆ
 
 4. ด้านศาสนา หลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกว่าในปีคริสต์ศักราช1100 มีการใช้ออร์แกน (organ) เป็นหลักในการร้องเพลงดนตรีประกอบพิธีบาปทางศาสนาคริสต์ โดยมีความเชื่อว่าดนตรีและก็เพลงทางศาสนาสามารถช่วยเล้าโลมจิตใจและก็ให้กำลังใจ ได้ ทั้งยังเป็นตัวกลางสำหรับในการนมัสการพระผู้เป็นเจ้าอีกด้วย นอกจากนั้นบทสวดต่างๆในศาสนาพุทธก็หรูหราเสียงสูงๆต่ำๆที่เมื่อตั้งใจฟังแล้วจะพบว่ามีระดับเสียงเหมือนเพลง ซึ่งมีส่วนช่วยก่อให้เกิดสมาธิแล้วก็ความสงบในจิตใจได้เป็นอย่างดี
 
 ดนตรีเป็นสื่ออัศจรรย์ที่มีผลต่อ ร่างกาย สมอง ความนึกคิด จิตใจแล้วก็อารมณ์ของคนเรา ทำให้เกิดความรู้สึกสุขสบายก็ได้ ทำให้ห่อเหี่ยวสิ้นหวังก็ได้ช่วยทำให้มีการพัฒนาสมรรถนะด้านต่างๆก็ได้ สามารถเพิ่มเติมเรี่ยวแรงกำลังใจสำหรับในการดำเนินชีวิตก็ได้ อยู่ที่ว่าเราจะเลือกนำดนตรีไปใช้ในทางไหนต่างหาก ในฐานะที่นักเขียนเป็นนักดนตรีคนหนึ่ง ต้องการให้ดนตรีช่วยให้ทุกคนสุขสบายและมีหวังในชีวิต เมื่อท้อแท้ให้ดนตรีช่วยปลอบประโลมใจ เมื่อรู้สึกขุ่นหมองใช้ดนตรีเป็นเครื่องผ่อนคลายอารมณ์ เมื่อเป็นสุขใช้ดนตรีสร้างรอยยิ้มให้กว้างขึ้น นั่นแหละคือการใช้ดนตรีให้มีประโยชน์ได้อย่างแท้จริง โรงเรียนการแสดง

เครดิต : http://www.mephoomschool.com/

Tags : เรียนดนตรีที่ไหนดี