ผู้เขียน หัวข้อ: อยากเติมฟิลเลอร์ที่ใต้ตา ร่องแก้ม คาง ต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ CC ?  (อ่าน 126 ครั้ง)

ออฟไลน์ Marple

  • Flat TV member
  • *
  • กระทู้: 25
    • ดูรายละเอียด
“อยากเติมฟิลเลอร์จุดนี้ต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ CC ดี แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเราต้องเติมเท่าไร?” แล้วทำไมฟิลเลอร์ที่ขายตามท้องตลาดถึงต้องขายเป็นซีซี (CC) ? แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่า ตัวเองต้องฉีดเท่าไร? วันนี้เราจะพามาหาคำตอบกัน

ฟิลเลอร์คืออะไร?

ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่ทางการแพทย์ปัจจุบันนิยมใช้มาฉีดเพื่อเติมเต็มริ้วรอย ร่องตื้น ร่องลึกบนใบหน้า โดยส่วนประกอบสำคัญก็คือ สารไฮยาลูโรนิคแอซิด (hyaluronic acid) ที่มีความคล้ายกับคอลลาเจนธรรมชาติ มีความชุ่มชื้น และยืดหยุ่นสูง มีความปลอดภัยมาก สามารถสลายได้ตามธรรมชาติ และฟิลเลอร์นั้นยังถูกแบ่งประเภทออกเป็น 3 แบบด้วยกัน คือ

แบบชั่วคราว คือ สาร Hyaluronic Acid  ฟิลเลอร์ชนิดนี้สามารถคงสภาพได้ประมาณ  6 เดือนถึง 1 ปี (ขึ้นอยู่กับบุคคล) จากนั้นก็จะสลายไปเอง

แบบกึ่งถาวร เป็นสารสังเคราะห์ที่มีความคงทนสูง อยู่ได้นานมากกว่า 1-2 ปี สลายเองได้ มีความปลอดภัยระดับกลาง แต่ในบางรายก็อาจจะมีอาการแพ้ได้


แบบถาวร (ซิลิโคนเหลว)  เป็นฟิลเลอร์ชนิดเดียวที่ไม่สามารถสลายออกเองได้ หากอยากจะเอาออก ต้องขูดออกเท่านั้น และผลข้างเคียงก็คือการเสี่ยงต่อการอักเสบ และเสียโฉมไปในที่สุด

อยากเติมฟิลเลอร์ต้องใช้กี่ซีซี?

แต่ละคนก็จะฉีดไม่เท่ากัน อันเนื่องมาจากปัญหาและสภาพผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน หมอจึงจะต้องวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าอย่างละเอียดก่อนที่จะนำไปคำนวณปริมาณและชนิดของฟิลเลอร์เพื่อจะนำมาฉีดให้คนไข้ และจะต้องเลือกฟิลเลอร์ที่มีความเหมาะสมกับคนไข้มากที่สุด เพราะ ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นก็มีขนาดโมเลกุลที่ไม่เท่ากัน

เทคนิคในการเลือกฟิลเลอร์มาฉีดให้คนไข้ก็จะต่างกันไป ขึ้นอยู่กับหมอแต่ล่ะคนว่ามีความเชี่ยวชาญมากน้อยแค่ไหน และในการฉีด หากคนไข้มีปัญหาบนโครงสร้างใบหน้าไม่เยอะมาก ปริมาณของฟิลเลอร์โดยทั่วไปที่จะฉีด ก็จะอยู่ที่ประมาณ 1 – 2 ซีซี แต่หากเป็นริ้วรอยลึก ก็อาจจะเป็น 2-4 ซีซี และในการฉีดนี้ หมอจะต้องมีความเชี่ยวชาญอย่างมากจริงๆ เพราะ ถ้าหากหมอคำนวณปริมาณฟิลเลอร์ที่จะใช้ฉีดเข้าไปที่ใบหน้าของเราผิด ดันฉีดเติมเข้าไปน้อยกว่าที่ควร ก็จะทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าของเราได้ ฉีดไปไม่นาน ก็สลายไป ทำให้ต้องเสียเงิน เสียเวลามาฉีดใหม่อีกรอบ