ผิวหน้าเป็นสิวก็อยาก “
รักษาสิวให้หายขาด” ทำสารพัดวิธีทั้ง กินยา ทายารักษา หาหมอสิว หรือจะรักษาด้วยตัวเอง แต่ไม่ว่าจะลองรักษาด้วยวิธีไหน เจ้าสิวตัวร้ายก็ไม่ยอมหายไปแบบง่ายๆ สักที รักษาไม่ดีนอกจากไม่หายแล้ว ยังทิ้งรอยแผลเป็นหลุมสิวไว้ที่ผิวให้ช้ำใจเล่นๆ อีก คอนเทนต์นี้จะมาตอบให้เคลียร์ว่าสิวสามารถรักษาให้หายขาดได้จริงไหม?
ก่อนอื่นต้องรู้ก่อน “สาเหตุของการเกิดสิว” มีอะไรบ้างสิวเกิดจาก จากเซลล์ผิวหนังของเราที่ตายแล้วไป
อุดตันบริเวณรูขุมขน และ
ต่อมไขมันใต้ผิวผลิตน้ำมันส่วนเกิน จับตัวกับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว หรือสิ่งสกปรกที่ตกค้างในรูขุมขน เครื่องสำอาง ฝุ่นละออง จนทำให้เกิดการอุดตันที่ผิวขึ้นมา เมื่อสิวอุดตันเกิดการย่อยจาก
เชื้อแบคทีเรีย C.acne ทำให้จากแค่สิวอุดตันพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบ รวมถึงยังมี
ฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจน (androgen) ที่มีมากเกินไปจนไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนังมีขนาดใหญ่ขึ้นและผลิตไขมันซีบัม (sebum) ออกมามากขึ้น ก็ล้วนเป็นสาเหตุที่สำคัญของการเกิดสิว หากไม่รักษาดูแลสิวตั้งแต่เนินๆ ตอนที่สิวยังอยู่ในระดับน้อยๆ ก็สามารถลุกลามกลายเป็นหลุมสิว ที่ยากกว่าการ
รักษาสิว ต่อไปอีกด้วย
สิวสามารถรักษาให้หายขาดได้จริงไหม?ถ้าคุณหมายถึง ไม่อยากให้หน้ามีสิวขึ้นเลยสักเม็ดเดียว อันนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะเราห้าม “สิว” ไม่ให้ขึ้นไม่ได้ เราไม่สามารถป้องกันสิวได้ 100% เพราะอย่าลืมว่ามีหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิว “ฮอร์โมนในร่างกาย” ฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจน (androgen) ที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่เราสามารถลดโอกาสการเกิดสิวหรือทำให้สิวไม่อักเสบมากขึ้นไปอีกได้
ด้วยการดูแลผิวอย่างถูกต้อง5 วิธีที่ช่วยรักษาสิวให้หายได้ สิวไม่กลับมาเห่อขึ้นเยอะ เหมือนเดิมแน่นอน
การรักษาให้ิสวหายนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิเช่น สภาพผิวเดิม ฮอร์โมน กรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อมประจำวันที่ต้องเผชิญ และพฤติกรรมส่วนตัวของแต่ละบุคคล หากตัดปัจจัยทางกรรมพันธุ์ออกไป การจะรักษาให้สิวหายได้มี 5 วิธีด้วยกันดังต่อไปนี้
1. ปรับพฤติกรรม ลดสิว เปลี่ยนผิวให้แข็งแรงข้อนี้ขอเริ่มตั้งแต่ตื่นนอน ได้แก่ การล้างหน้าที่เบามือ หลีกเลี่ยงการจับหรือถูหน้าแรง ๆ เพราะจะทำให้ผิวและสิวอักเสบมากขึ้น, การล้างหน้าให้สะอาดหมดจดก่อนเข้านอน ด้วยการใช้คลีนซิ่งเช็ดคราบเครื่องสำอางออกทุกครั้ง และตามด้วยการล้างหน้าให้สะอาดด้วยคลีนเซอร์หรือโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยนที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณเป็นประจำ, ในระหว่างวันไม่ควรใช้มือสัมผัสเบาหน้า เพราะมือคือแหล่งสะสมของเชื้อโรคและสิ่งสกปรก, ไม่บีบ ไม่แกะ ไม่เกา สิวและผิวหน้าของคุณ, มั่นทำความสะอาดของใช้ส่วนตัว เช่น ปลอกหมอน ที่นอน แปรงแต่งหน้า โทรศัพท์มือถือ
2. เลี่ยงได้เลี่ยง อาหารที่กินไปแล้วกระตุ้นสิวหลีกเลี่ยงอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลสูง (Glycemic Index - G.I) เป็นตัวกระตุ้นให้สิวเกิดขึ้นได้ เช่น ข้าวขาว ขนมปัง มันฝรั่ง และอาหารรสหวานอื่นๆ พร้อมแนะนำให้กินอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผักหลากสี หรือผลไม้ที่รสไม่หวาน ให้ลองสังเกตว่าอาหารชนิดใดที่เรากินเข้าไปแล้วทำให้ขึ้น ควรหลีกเลี่ยงหรือหยุดกินอาหารชนิดนั้นๆ หลายๆ คนเข้าใจผิดว่า การกินช็อกโกแลต มักจะทำให้สิวขึ้นเยอะ แต่ที่จริง ช็อกโกแลตกินแล้วไม่ได้ทำให้สิวขึ้น แต่ความหวานจากน้ำตาลในช็อกโกแลตต่างหากที่เป็นตัวกระตุ้นสิว หากอยากกินช็อกโกแลตแต่กลัวสิวขึ้น แนะนำให้กินดาร์กช็อกโกแลต ที่น้ำตาลน้อย และควรดื่มน้ำประมาณ 2 ลิตรต่อวัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น และลดการผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมาบนผิว แพทย์ผิวหนังแนะนำ เพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ >>
https://www.youtube.com/watch?v=BT76vz0EJBE3. รู้สภาพผิวและเลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะกับผิวใช้สกินแคร์ที่เหมาะกับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ เช่น Niacinamide ที่ช่วยลดสิว ลดความมัน เสริมเกราะป้องกันผิว แถมยังช่วยลดรอยดำรอยแดงได้อีกด้วย, Salicylic Acid ช่วยลดการอุดตันของไขมันในรูขุมขนอันเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว, Benzoyl peroxide เป็นยาทาสำหรับ
รักษาสิว มีสรรพคุณต้านเชื้อแบคทีเรียและช่วยทำให้ผิวแห้ง ผิวแห้งใช้ 2.5% ผิวมันใช้ 5% และที่ขาดไม่ได้เลยคือการบำรุงผิวงเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้ผิวเกิดการอุดตัน Non-Comedogenic.สารในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ควรมีคุณสมบัติ 3 ส่วน ได้แก่ ปกปิดผิวเพื่ออุ้มน้ำไว้, Humectant สารที่ช่วยในการอุ้มน้ำไว้ใต้ผิว, Emollient สารที่ช่วยให้ผิวเกิดความชุ่มชื้นเรียบเนียนขึ้น
4. ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์รักษา สิวให้หายเร็วเข้าช่วยปัจจุบันมีเทคโนโลยีเลเซอร์ที่สามารถช่วยลดขนาดของต่อมไขมันใต้ผิว ตัวการและสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว เพราะต่อมไขมันจะเป็นตัวผลิตน้ำมันส่วนเกิน จับตัวกับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว หรือสิ่งสกปรกที่ตกค้างในรูขุมขน เครื่องสำอาง ฝุ่นละออง จนทำให้เกิดการอุดตันที่ผิวขึ้นมา เลเซอร์จะลงไปทำงานที่ต่อมไขมัน ลดขนาดต่อมไขมันให้เล็กลง จึงสามารถช่วยลดโอกาสการอุดตันของผิวได้เป็นอย่างดี แต่ควรอยู่ในการดูแลรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยตรง
5. ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังเพื่อให้แพทย์หาสาเหตุของการเกิดสิวที่แท้จริง และรับการรักษาอย่างถูกวิธี ช่วยป้องกันการเกิดสิวเรื้อรังที่อาจเกิดแผลเป็น และหลุมสิวตามมาได้ โดยแนะนำให้เลือกจากการเช็คประวัติแพทย์ ประวัติคลินิก ประสบการณ์ในการดูแลรักษาคนไข้ รีวิวความประทับใจจากคนไข้ที่เข้าไปใช้บริการจริง รวมถึงวิธีการรักษา เทคโนโลยีขั้นตอนที่เลือกใช้ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่า ปัญหาสิวของคุณจะหายไปและได้ผิวที่ปลอดภัยในระยะยาว
อยากสิวหายเร็ว ผิวแข็งแรง ถึงหยุดรักษา สิวก็ไม่กลับมาเห่อขึ้นใหม่กดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://bslclinic.co.th/acne-treatment/ปรึกษาปัญหาสิวกับผู้เชี่ยวชาญLine ID : @bslclinic **มี @ ข้างหน้า**Line : https://line.me/ti/p/@bslclinicTel : 02-235-8858, 098-289-7805