วิธีเลือกซื้อสร้อยทองข้อมือให้คุ้มค่าและเหมาะกับตัวเองตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ทองแท้ สร้อยทองข้อมือมีหลายระดับความบริสุทธิ์ โดยทองคำแท้ที่นิยมในไทยคือทอง 96.5% ซึ่งหมายถึงมีทองคำแท้ 96.5% ที่เหลือเป็นโลหะอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรง หากต้องการความบริสุทธิ์มากขึ้น อาจเลือกทอง 99.99% แต่จะมีความอ่อนและเสียรูปง่ายกว่า
เลือกน้ำหนักทองที่เหมาะสม น้ำหนักของสร้อยมีผลต่อราคาและความแข็งแรง เช่น
- 1 บาท (15.2 กรัม) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้อยข้อมือที่ดูแข็งแรงและเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่า
- 2 สลึง (7.6 กรัม) เป็นขนาดยอดนิยม ใส่สวยงาม ไม่หนักเกินไป
- 1 สลึง (3.8 กรัม) น้ำหนักเบา ราคาประหยัด เหมาะกับการใช้งานทั่วไป
ตรวจสอบลวดลายและความแข็งแรง ลวดลายมีผลต่อความแข็งแรง เช่น
- ลายห่วงกลม มีความแข็งแรงและทนทานต่อการฉีกขาด
- ลายสี่เสา หรือลายโซ่ มีความยืดหยุ่นและเงางาม
- ลายถัก หรือสาน ดูหรูหราแต่มักเปราะบางกว่าลายอื่น
เลือกร้านค้าที่น่าเชื่อถือ ควรเลือกซื้อสร้อยจากร้านทองที่ได้รับมาตรฐาน มีใบรับรอง และมีการรับประกันสินค้า เช่น ร้านทองที่มีตราสัญลักษณ์ของสมาคมค้าทองคำ หรือร้านที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจมายาวนาน
เปรียบเทียบราคาก่อนซื้อ ราคาทองมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน ควรเช็กราคาทองจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก่อนตัดสินใจซื้อ และสอบถามค่ากำเหน็จของสร้อยข้อมือแต่ละลาย เพราะบางลายอาจมีค่ากำเหน็จสูงกว่าลายทั่วไป
ตรวจสอบใบเสร็จและหลักฐานการซื้อ เมื่อซื้อสร้อย ควรขอใบเสร็จที่มีรายละเอียดครบถ้วน เช่น น้ำหนักทอง เปอร์เซ็นต์ทอง และราคากำเหน็จ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการซื้อขาย หรือหากต้องการขายคืนในอนาคต
สรุป การเลือกซื้อสร้อยข้อมือทองให้คุ้มค่า ไม่ใช่แค่ดูความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น น้ำหนักทอง ลวดลาย ความแข็งแรง และความน่าเชื่อถือของร้านค้า เพื่อให้ได้ทองแท้ที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับการใช้งานของคุณ
