ในยุคที่เทคโนโลยีความงามและการแพทย์ก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด “PRP หน้าใส” กลายเป็นคำที่ถูกพูดถึงอย่างมากในกลุ่มคนรักผิวหน้า โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวโดยไม่พึ่งสารเคมีแรง ๆ หรือการผ่าตัด
PRP หน้าใส คือ การนำเลือดของผู้เข้ารับบริการมาปั่นแยกเอาเกล็ดเลือดเข้มข้น (Platelet-Rich Plasma) แล้วนำกลับมาฉีดเข้าสู่ชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการซ่อมแซมและสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ริ้วรอย จุดด่างดำ หรือหลุมสิว จุดเด่นคือปลอดภัยสูงเพราะใช้เลือดของตนเอง ไม่เสี่ยงแพ้สารแปลกปลอม ผลลัพธ์คือผิวที่ดูกระจ่างใส เนียนละเอียด และดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
แต่ถ้าพูดถึงเทรนด์สุขภาพที่มาแรงไม่แพ้กันในปี 2025 คงหนีไม่พ้น “สเต็มเซลล์” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความหวังใหม่ของวงการแพทย์ แล้วหลายคนอาจสงสัยว่า
สเต็มเซลล์รักษาโรคอะไรได้บ้าง?
อัปเดตล่าสุดจากวงการแพทย์ในปีนี้ สเต็มเซลล์ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคเรื้อรังและเสื่อมสภาพมากขึ้น เช่น
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 และ 2
โรคหลอดเลือดสมอง
โรคพาร์กินสัน
โรคข้อเข่าเสื่อม
โรคหัวใจ
โรคตับเรื้อรัง
รวมถึงเริ่มมีการวิจัยการใช้สเต็มเซลล์เพื่อช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยหลังการติดเชื้อไวรัสรุนแรง
แม้หลายการรักษาจะยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองหรือใช้ในเคสเฉพาะ แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่าศักยภาพของสเต็มเซลล์นั้นน่าจับตามองอย่างยิ่ง
สรุปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น
PRP หน้าใส คือ การฟื้นฟูผิวแบบธรรมชาติ หรือ สเต็มเซลล์รักษาโรคอะไรได้บ้าง ที่ช่วยให้เห็นแนวทางใหม่ในการดูแลสุขภาพ ทั้งสองเทคโนโลยีนี้กำลังกลายเป็นความหวังของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการดูดีจากภายในสู่ภายนอกอย่างปลอดภัยและยั่งยืน