ผู้เขียน หัวข้อ: ต้นตอของความรักระหว่างสาวงามกับหนุ่มน้อยออฟฟิศที่ทำให้หล่อนไม่มีวันลืม  (อ่าน 200 ครั้ง)

ออฟไลน์ iAmtoto007

  • Full LED TV member
  • ****
  • กระทู้: 2,885
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์

"ที่นี่มันเป็นที่แหน่งใด!!!" กรรณิการ์งึมงำกับตนเอง ดวงตาปัดกวาดมองไปบริเวณก็พบแต่ความไม่มีตัวตนอันไมีมีที่จบ แม้กระนั้นตัวคุณมีความรู้สึกว่าตรงนี้มันมีบางอย่างแปลกๆแม้ว่ามันจะมืดมิดแต่ก็ให้ความรู้สึกที่สบายอย่างบอกไม่ถูก ดวงดาวนับล้านที่อยู่รายล้อม ทำใหรู้สึกอย่างกับตัวคุณ อยู่ท่ามกลางอวกาศอันกว้างขวาง
 
 
 กรรณิการ์กำลังเพลิดเพลินใจกับหมู่ดาวระยิบระยัง ก็ฉับพลันตกใจเมื่อจู่ๆก็มีเสียงกล่าวดังออกมา จงหลับตาและพยายามสัมผัสพลังธาตุซะ เป็นเสียงชายแก่ๆที่กล่าวออกมาจากความว่างเปล่า "ประเดี๋ยวนะ คุณเป็นใครกันแน่ขา" กรณิการ์ตะเบ็งถามออกไป คุณแผดเสียงถามไปอีกหลายประโยค ก็ไม่มีเสียงตอบกลับถึงถอนหายใจออกมาพร้อมด้วยนั่ง บอกให้สัมผัส แล้วมันทำอย่างไรก็ไม่บอก!! กรณิการ์ฟึดฟัดอย่างเสียอารมณ์
 
 
 เอาวะเป็นไงเป็นกัน นั่งหลับตากำหนดใจมันเนี่ยแหละจบ แล้วหลังจากนั้นกรรณิการ์ก็นั่งสมาธิตามหลักพุทธศาสนิกชน นั้นเป็นวิธีการทำจิตใจให้สงบ รวมทั้งระบุลมหายใจให้เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานกรณิการ์ก็รู้สึกราวกับมองเห็นแสงสว่าง สีเขียว และสีแดงไกลๆ
 
 เทวดา อู่ถงแล้วก็องค์เง็กเซียนที่นั่งมองอยู่กะรู้สึกตะลึงงันไม่น้อยที่สตรีนางนี้ สามารถสัมผัสพลังธาตุ ได้อย่างเร็ว องค์เง็กเซียนทีแรกๆที่ได้รับทราบรายงานข้อผิดพลาดของเทพอู่ถึง ก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย เพราะว่าหากมนุษย์มีพลังธาตุครบทั้งผอง คงจะได้เกิดเหตุวุ่นวายอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นองค์เง็กเซียนจึงได้ลบสี ฟ้า กับสีน้ำตาลออก เพราะว่าสีแดง สีเขียว สีดำนั้นมันได้ฝังกับวิญญาณไปเป็นที่เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว แม้จะเหลือแค่สองธาตุแต่ว่าก็เป็น ธาตุบริสุทธิ์ ทั้งสองธาตุเช่นเดียวกัน เมื่อตัวขององค์เง็กเชียนได้เปิดมองประวัติความเป็นมาของวิญญาณ ที่ผ่านผ่านมิติมา ก็รู้สึกสนพระทัยอยู่มิใช่น้อย ก็เลยได้เสกตำราเรียนมาหนึ่งเล่ม ก่อนที่จะทำให้มันหายไป แล้วปรากฎอยู่ตรงหน้าก็หญิงสาวที่กำลังนั่งตั้งใจ
 
 "พระองค์ทรงทำอะไรหรือพะยะจ้ะ" เทวดาอู่ถงถามองค์เง็กเซียนด้วยความข้องใจ
 
 "เราเพียงมีความเห็นว่าสตรีผู้นั้นมองน่าดึงดูด อีกอย่างนี่ถือว่าเป็นการทดแทนให้แม่หนูนั้น ที่พวกเราได้กระทำผิดพลาด "
 
 "แต่โน่นมันตำราเรียนของเทวดายารักษาโรคเลยนะพะยะจ้ะ"
 
 องค์ เง็กเซียนยกยิ้มขึ้นมาบางส่วน แต่สายตามิได้ละจากภาพของหญิงสาว "ตาแก่เทพโอสถ ควรจะที่จะมีอะไรใหม่ๆทำบ้าง มิใช่แต่ว่าหมกตัวอยู่ภายในห้องปรุงยา"
 
 เทวดา อู่ถงที่ได้ยินคำพูดขององค์เง็กเซียนส่ายศีรษะด้วยความเหน็ดเหนื่อยจิตใจ ส่วนทางด้านเทวดายารักษาโรคที่กำลังรื้อค้นด้านในเรือน เพื่อหาหนังสือเรียนสุดรักสุดหวงอยู่นานหลายเลวยาม จนกระทั่งจำได้ว่าตนเองสามารถใช้พลังจิตเพื่อตามหาตำราเรียนเล่มนั้นได้ ก็เลยปฏิบัติมันทันทีทันใด เมื่อรู้ที่อยู่ของแบบเรียนไม่รอช้าเทพยาก็เลยหายตัวไปจากบริเวณนั้นทันที
 
 กลับ มาทางด้านหญิงสาว กณิการ์ไม่ทราบว่าพลังธาตุที่ตัวคุณครอบครองอยู่นั้นเป็นธาตุบริสุทธิ์ เพียงแต่รับรู้ได้ว่าตัวคุณไม่ได้ เป็นขยะ ไม่มีคุณค่า ราวกับที่โดนลบหลู่ดูหมิ่น ก็ยิ่งฮึกเหิมเป็นอันมาก กณิการ์นั่งสัมผัสพลังภายในมิติของเทพอู่ถงเป็นเวลายาวนาน กลีบตาที่ปิดอยู่เบาๆกระพริบตาก่อนจะลืมตาขึ้นเช่นอย่างเช่นปกติ ข้างหน้าปรากฎหนังสือเล่มหนา ค่อนข้างเก่าพอสมควรที่วางอยู่เล่มหนึ่ง กรณิการ์เอื้อมมือไปหยิบมาดู หน้าปกที่ไม่มีพูดว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับอะไร เมื่อเปิดอ่านหน้าแรกแววตาสั่นระริกด้วยความยินดี เพราะเหตุว่ามันเป็นตำราเรียนเกี่ยวกับสมุนไพรมาก อย่างน้อยสิ่งนี้ก็ยังพอเพียงเป็นประโยชน์ให้กับคุณได้บ้าง มือบางพลิกเปิดอ่านอย่างไม่รอช้า ชื่อแล้วก็คุณประโยชน์ของสมุนไพรนับหมื่นจำพวก ถูกจดจำอยู่ภายในหัว พร้อมทั้งวิธีปรุงมันขึ้นมา กระดาษแผ่นท้ายที่สุดถูกอ่านจนถึงจบ ก็ปรากฎร่างของชายเฒ่าที่แต่งตัวด้วยชุดสีขาว ผมสีขาวที่ยาวถึงกึ่งกลางหลัง รวมไปถึงเคราสีขาวที่ยาวมาจนถึงตอนอก
 
 "คุณเป็นคนไหนกันแน่ขา" กรรณิการ์เอ่ยถาม
 
 
 "ข้าก็คือเจ้าของหนังสือเล่มนี้" ชายเฒ่าบอกขึ้นพร้อมด้วยชี้ไปยังหนังสือที่ เธอกอดไว้แนบอก
 
 "อุ้ย..เราขออภัยข้าไม่รู้ว่ามันเป็นของท่าน"
 
 "ช่างเถอะๆทีนี้เจ้าก็เอาหนังสือข้าคืนมาได้แล้ว เจ้าอาจจะเปิดอ่านผ่านๆตาบ้างแล้วสินะ" ชายแก่เอ่ยถามกับเอื้อมมือไปรับหนังสือคืน
 
 "ใช้แล้วเจ้าค่ะ เราเปิดดูทุกหน้าแล้ว" กรรณิการ์สารภาพออกมาตรงๆ
 
 เทวดา โอสถก้มศีรษะพร้อมด้วยลูบคลำเคราสีขาวเบาๆ "อืมอย่างไรก็ดีเจ้าก็ เป็นไปไม่ได้ที่จะจำรายละเอียดในเล่มนี้ได้หมดหรอก ตกลงว่าช่างมันเถอะๆ" เทพโอสถกำลังจะจากไป แต่กรณิการ์รั้งไว้ก่อน
 
 "เป็นข้าไม่ทราบว่าท่านเป็นใครกันแน่ แม้กระนั้นเนื้อหาข้างในเล่มนั้น ข้าอ่านมันทั้งสิ้นแล้ว"
 
 เทพยารักษาโรคหันตัวกลับมา "เจ้าบอกว่าเจ้าอ่านทั้งปวงแล้ว??"
 
 "ใช่เจ้าค่ะ" กรณิการ์ก้มศีรษะตอบ
 
 "ฮ่าๆๆเจ้าล้อเราเล่นแน่ๆ" เทพยาหัวพวกเราดังสนั่น เขาไม่มีวันเชื่อ ด้วยเหตุว่าในหนังสือเรียนเล่มเขาจะเป็นผู้แต่งมันขึ้นมาเอง แต่ก็จำเป็นต้องใช้เวลานานหลายพันปีเพื่อจดจำสมุนไพรต่างๆแต่สิ่งหนึ่งที่เทวดายารักษาโรคไม่รู้ว่าในเรื่องนี้ องค์เง็กเซียนได้มีความเกี่ยวข้อง โดยเหตุนี้จึงไม่แปลกที่สตรีข้างหน้าจะจดจำสมุนไพรภายในเล่มนี้ได้ทั้งหมด แม้ว่าจะอ่านเพียงแค่ผ่านสายตาเพียงแค่นั้น
 
 กณิการ์บูดบึ้งนิดหน่อย "เราไม่ได้พูดเท็จ เชิญท่านลองทดสอบข้าได้เลย"
 
 
 เทวดา ยารักษาโรครับคำท้า เขาได้สุ่มถามชื่อสมุนไพรมากกว่าร้อยประเภท แล้วก็มีหลายสิบจำพวกที่นักปรุงยาบนโลกมนุษย์ ก็เป็นไปไม่ได้รู้จัก แต่สตรีข้างหน้าสามารถตอบมันได้ทั้งผอง เทพโอสถอยู่ในอาการตกตะลึง ไม่ถูกกับกรณิการ์ที่ชูยิ้มด้วยความพอใจ "ถึงข้าจะรู้จักสมุนไพรเหล่านั้น แม้กระนั้นเราก็ไม่เคยทราบแนวทางที่จะปรุงมันขึ้นมาหรอกเจ้าค่ะ" กรณิการ์เอ่ยตอบเสียงอ่อย
 
 
 "คำนับข้าเป็นอาจารย์" อยู่ๆเทพยารักษาโรคก็บอกขึ้น
 
 กรรณิการตาเบิกกว้าด้วยความตกตะลึง ก่อนที่จะกระแทกหัวให้กับคนข้างหน้า "ลูกศิษย์ทำความเคารพท่านอาจารย์" เทพโอสถชูยิ้มด้วยความพอใจ
 
 ข้างหลัง แล้วต่อจากนั้นกณิการ์ก็ได้ถูกผลักดันการควบคุมเปลว มาอย่างมากหน่วง การควบคุมไฟ ตอนแรกอาจจะทำเป็นไม่ดีนัก แม้กระนั้นด้วยความมานะบากบั่นและก็ความเอาจริงเอาจัง การบรรลุผลก็ปรากฎ เทวดายารักษาโรครู้สึกภูมิใจในลูกศิษย์คนนี้อย่างมากมาย นางเฉลียวฉลาด และเรียนรู้ได้อย่างเร็ว ยามโดนตำหนิก็ไม่มีสีหน้าที่บ่งบอกถึงความรำคาญเลยแม้แต่น้อย นางเบาๆปรับปรุงขึ้นเรื่อยจวบจนกระทั่งตอนนี้ นางได้ก้าวขึ้นมาถึงระดับของนักปรุงยาขั้นสูงแล้ว กรณิการ์หยิดเม็ดยาที่กลั่นได้การบริสุทธิ์เต็มสิบส่วนให้กับอาจารย์ของ คุณดู
 
 "เอา ล่ะ เจ้าต้องจำไว้นักปรุงยาในสถานที่ที่เจ้าอยู่นั้น ขั้นสูงสุดพวกเขาสามารถกลั่นเม็ดยาได้บริสุทธิ์เพียงเจ็ดส่วนแค่นั้น อย่าได้เผยฝีมือให้คนใดเห็นกล้วยๆ"
 
 "เราเข้าใจแล้วท่านอาจารย์"
 
 "เมื่อ กลับไป อย่าลืมหมั่นทวนความสามารถและก็ความรู้ หัวข้อการดึงพลังธาตุเจ้าจะต้องหมั่นฝึกฝนรู้เรื่องหรือไม่ ในขณะนี้ธาตุไฟของเจ้าจะสะดุดตา แต่ธาตุไม้ของเจ้ายังไม่มีการพัฒนา ถ้าเจ้าอยากปรุงยาที่มีสรรพคุณที่สูงกว่านี้ ทั้งสองธาตุของเจ้าควรมีความใกล้เคียงกัน มิเช่นนั้นถึงแม่จะมีสมุนไพรที่มีค่ามากแค่ไหน ก็ไม่สามารถที่จะดึงคุณประโยชน์ของมันมาใช้ได้อย่างสูงสุด ถึงแม้ว่าในตอนนี้ตัวเจ้าจะสามารถหลอมเม็ดยาได้แล้ว ควรอย่าหลงระเริง เพราะนี่เป็นเพียงแค่เม็ดยาระดับที่ถือว่าต่ำเพียงแค่นั้น จงหมั่นฝึกหัด ปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ ส่วนเรื่องกรรมวิธีบ่มเพาะพลังธาตุนั้น เจ้าต้องหาทางศึกษาเล่าเรียนเอาเอง"
 
 "ศิษย์ทราบแล้วท่านคุณครู"
 
 "เป็นต้นว่า นั้นเจ้าก็ต้องกลับไปได้แล้ว รวมทั้งอย่าเอ่ยเล่าเรื่องที่พบเจอข้าให้กับผู้ใดกันแน่ฟัง ควรพยายามเข้าสำนักเซียนยารักษาโรคให้ได้ ข้างในห้องทดสอบจะมีคนรอคอยเจ้าอยู่"
 
 กรณิการ์ ที่กำลังจะเอ่ยถามผู้เป็นคุณครู จู่ๆตัวเธอก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดบางสิ่งบางอย่าง จนถึงภาพด้านหน้าหายวูบไป ร่างของสตรีที่นอนนอนหลับอยู่บนเตียง โดยพลันกำเนิดแสงสีขาวครอบคลุมอีกทั้งร่าง ก่อนที่จะร่างกายจะมีการเปลี่ยน เทพยามองดูผลงานของตนด้วยความพอใจ ลูกศิษย์คนแรกของเขาต้อง สมบูรณ์แบบที่สุด ด้วยเหตุว่าต่อจากนี้เรื่องบนโลกมนุษย์ เทพบนสวรรค์ไม่บางทีอาจยุ่งเกี่ยวได้อีก
 
 
 
 ต่อจากนั้นกณิการ์ก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ดวงตาเบาๆปรับให้เข้ากับแสงแดดที่สอดส่องเข้ามา
 
 ดวง ตาที่เคยกลมโตสดใสอย่างกับลูกกวาง ขณะนี้กลายเป็นมองคมขึ้น ใบหน้าที่ดูไม่ต่างอะไรจากหนูน้อยทั่วไป ในช่วงเวลานี้กลับดูงาม ยั่ว มีเสน่ห์อย่างใหญ่โต ริมฝีปากบางที่มองอิ่มน้ำ ในขณะนี้ร่างของกณิการ์เหมือนกับนางจิ้งกักขังแลงกายเพื่อทำให้ผู้ชายศิโรราบใต้ อุ้งเท้า กณิการ์รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ที่ดูเหมือนว่าน่าอกจะโตขึ้นนิดหนึ่งมั้งนะ
 
 ร่าง บางยืนขึ้นจากเตียงเดินตรงไปยังกระจก เมื่อได้เห็นเงาสะท้อนรูปลักษณ์ที่แปรไป ก็รู้สึกตกอกตกใจไม่น้อย แม้จะยังเป็นเค้าเรื่องหน้าเดิม แม้กระนั้นมันรู้สึกเหมือนกับมีมนต์เสน่ห์อะไรบางอย่าง ผมที่ยาวถึงกลางหลังขณะนี้ยาวลงมาถึงบั้นท้าย
 
 ซื่อสินที่ถืออ่างน้ำมาเพื่อจะกระทำเช็ดตัวให้ท่านหนูของตนเองที่จู่ก็หลับไป อย่างไม่มีมูลเหตุถึงสี่วัน เดินตรงเข้ามาภายในเรือนนอน เมื่อสายตามองเห็นจะต้องนอนอยู่บนเตียง แต่ว่าเดี๋ยวนี้กลับยืนขึ้นมาและกำลังหมุนตัวอยู่ด้านหน้าโต๊ะแต่งตัว ความรู้สึกพอใจก็พุ่งออกมาจนกระทั่งรู้สึกมือไม้อ่อนฮวบ
 
 เคร้ง!!! เสียง ของอ่างน้ำที่หล่นลงสู่พื้น ซื่อสินไม่สนใจอ่างน้ำทองเหลืองที่ร่วงไปกองกับพื้น นางรีบวิ่งเข้ามาหาหนูน้อย ด้วยความปลาบปลื้ม "คุณหนู.."
 
 
 กรณิการ์ หันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะแผ่ยิ้มที่พาให้ลากใจของผู้ที่ได้เจอ "มองไม่เห็นจำเป็นต้องทำหน้าสะดุ้งขนาดนั้นก็ได้ซื่อซิน" กรณิการ์เอ่ยแซวคนใช้ที่ทำหน้าอย่างกับมองเห็นผียามกลางวันแสกๆ
 
 
 ซื่อ สินคุกเข่าลงกับพื้น กับจับข้อเท้าของคุณหนูไว้แน่น ก่อนจะร้องไห้โฮออกมา "ฮึก..หนูน้อย..จู่ๆคุณหนูก็หลับไปไม่ได้สติ ไม่ว่าบ่าวจะปลุกมากแค่ไหนก็ไม่ตื่น"
 
 
 กรรณิการ์ย่อตัวลงมาแล้วดันไหล่ของคนที่หลับหูหลับตาร้องไห้ให้ยืดตัวขึ้น "เราก็ตื่นมาแล้วนี่ยังไง ขอโทษเจ้าด้วยที่ทำให้เป็นห่วง"
 
 ซื่อ ซินเช็ดน้ำตาก่อนจะแหงนหน้ามองดูคุณหนูของตน "คุณหนูแปรไปมากมายเลยเจ้าค่ะ" สาวใช้กล่าวออกมาดังที่เห็น ในช่วงเวลานี้คุณหนูของนางมองมีเสน่ห์เหลือล้น ขนาดนางเป็นสตรียังรู้สึกเขิน เมื่อได้สบเข้ากับสายตาของหนูน้อย
 
 "แหะๆเราก็คิดแบบนั้น ถ้าเกิดเราออกไปในสภาพนี้ผู้คนอาจเอาไปนินทาแน่นอน เจ้าช่วยหาผ้าบางสีขาวมาให้ข้าปิดบังบริเวณใบหน้าได้หรือเปล่า ถ้าเกิดมีคนไหนกันแน่ถามก็บอกไปว่าตัวข้าเกิดอุบัติเหตุทำให้บริเวณใบหน้ามีรอยแผล จึงได้ปกปิดไว้"
 
 
 "เพราะอะไรเล่าเจ้าค่ะ ในตอนนี้บริเวณใบหน้าของหนูน้อยงดงามยิ่งกว่าเดิมเสียอีก"
 
 
 "เอา เถอะ ไว้เราจะบอกเจ้าคราวหน้า แต่ขณะนี้ข้าอยากอาบน้ำแล้ว" กรรณิการ์ลูบตัว ทำท่าทางประกอบ เพื่อรับรองว่าในขณะนี้ตัวเธอรู้สึกเหนียวตัวมากจริงๆซื่อซินที่มองเห็นดังนั้นก็ไม่คอยช้ารีบไปตระเตรียมน้ำใส่ถังใบใหญ่ พร้อมทั้งเตรียมพร้อมเสื้อผ้า พร้อมทั้งผ้าสีขาวผืนบางเพื่อปิดปังหน้าตาที่งามราวกับนางฟ้า ตามคำสั่งของคุณหนูในทันที
 
 
 ระหว่าง รอคอยกรณิการ์ ได้กลับไปนั่งที่เตียงพร้อมทั้งหลับตาเพื่อสัมผัสพลังงาน ธรรมชาติ แต่ว่าก็รู้สึกได้ว่าพลังงานมันช่างบางเบามากจริงๆซื่อซินรู้สึกสะดุ้งที่ค้นพบว่าคุณหนูนั้นมีพลังธาตุแล้ว แต่ว่าก็ไม่ได้ส่งเสียงก่อกวนหนูน้อยของตัวเองแต่อย่างใด เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ กรณิการ์จึงได้ลืมตาขึ้น "จัดแจงน้ำอาบเสร็จแล้วแบบนั้นหรือ?"
 
 
 "บ่าว เตรียมเสร็จเป็นระเบียบแล้วเจ้าค่ะ" ซื่อซินเอ่ยตอบ กรรณิการ์สังเกตุมองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยปัญหา แต่ว่าคนข้างหน้าไม่เอ่ยถามออกมา "เจ้าอาจสงสัยใช่หรือไม่"
 
 
 ซื่อ ซินก้มหน้างุด ด้วยเหตุว่ารู้สึกตัวว่าตัวเองทำคำกริยาอันไม่สมควร ที่ต้องการรู้เรื่องของนายจ้าง "อย่างที่เจ้าสงสัย ช่วงนี้ตัวข้าสามารถสัมผัสพลังธาตุได้แล้ว แม้กระนั้นเจ้าควรปิดบังเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ อย่าได้พูดบอกคนใดกันเป็นอันขาด คอยท่านพ่อกับท่านพี่กลับมาข้าจะเป็นคนบอกทั้งสองคนเอง"
 
 
 "บ่าวทราบดีแล้วเจ้าค่ะ!!" ซื่อสินตอบเสียงหนักแน่น
 
 
 กรณิการ์ ที่ขณะนี้กำลังแช่ตัวในถังที่ไว้เพื่อใส่น้ำ ตอนนี้เธอรู้กระบวนการสกัดเม็ดยาที่สามารถเรียกได้เลยว่าเกือบจะเชียวชาญเพราะว่ามีอาจารย์ รอสอน แม้กระนั้นหากแม้ในตอนนี้เธอจะสัมผัสพลังธาตุได้ แต่ไม่เคยรู้กระบวนการดูดซึมที่ถูก จึงทำให้มันไม่เจริญก้าวหน้าอย่างเป้าหมายเอาไว้ เอาเถอะเริ่มได้ขนาดนี้ก็นับว่าดีเยี่ยมแล้ว จากนี้ก็เบาๆพัฒนารอบิดากับพี่ชายกลับมาจากชายแดน คงจะได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป้าหมายของคุณในตอนนี้คือประพฤติตามข้อแนะนำของคุณครูเพื่อเข้าสำนักเซียน ยา
 
 ข้างหลัง จากอาบน้ำเสร็จกรณิการ์ก็ได้ซื่อซินรอช่วยแต่งตัว ก่อนจะเดินไปยังห้องกินอาหาร ระหว่างทางเดินก็ได้
อ้างอิงข้อมูล https://goo.gl/QDqo8b

Tags : สาวออฟฟิศ