ผู้เขียน หัวข้อ: พระป่าและวัดป่าของไทย ปัจจัยสี่ของพระป่า กิจวัตรของพระป่า  (อ่าน 658 ครั้ง)

ออฟไลน์ aramboy2525

  • Flat TV member
  • *
  • กระทู้: 12
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
พระป่าและวัดป่าของไทย ปัจจัยสี่ของพระป่า กิจวัตรของพระป่า
พระภิกษุในพระพุทธศาสนาแบ่งออกได้เป็นสองฝ่ายเป็น ฝ่ายคันถธุระและก็ข้างวิปัสสนาธุระ ฝ่ายคันถธุระ ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม คำกล่าวสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อให้เกิดความรู้ในหลักธรรม เพื่อนำไปทำตัวปฏิบัติ และสอนคนอื่นต่อไป ภิกษุข้างนี้เมื่อเล่าเรียนแล้วจะเกิดปัญญาที่เรียกว่า สุตตามยสติปัญญา เป็นสติปัญญาจากการเรียนทราบจากด้านนอกโดยการฟังการเห็นเป็นต้น จำนวนมากพระสงฆ์ข้างคันถธุระ มักจะอยู่ที่วัดในเมืองหรือหมู่บ้าน เพื่อความสบายสำหรับในการค้นหาวิชาความรู้เพื่อตนเองจากแหล่งความรู้ต่างๆรวมทั้งได้ใช้ความสามารถนั้นๆสอนคนอื่นได้ง่าย ได้บ่อยครั้งแล้วก็ได้จำนวนมาก ก็เลยเรียกพระภิกษุสงฆ์ข้างนี้อีกอย่างหนึ่งว่าเป็นฝ่ายติดอยู่มวาสี หรือพระบ้าน
อีกฝ่ายหนึ่งเรียกว่าฝ่ายวิปัสสนาธุระ นำเอาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปทำตัวปฏิบัติอย่างเคร่งครัด มุ่งมั่นโดยย้ำที่การฝึกจิตในด้านสมาธิ เพื่อเกิดปัญญาในลักษณะของภาวนามยปัญญา อันเป็นความรู้ที่แท้จริงตามหลักของพระพุทธศาสนา เป็นปัญญาที่เกิดขึ้นมาจากด้านในผุดเกิดขึ้นเองเมื่อได้ปฏิบัติสมาธิชอบ จนกระทั่งระดับหนึ่งเป็น จตุๆตถฌาน แล้วกระทำในใจให้แยบคายก้มไปไปสู่ที่ใต้ต้นวิชชาสาม ซึ่งจะเป็นความรู้ในความเป็นจริงในระดับหนึ่ง ตามกำลังความสามารถของผู้ปฏิบัตินั้นๆอันเป็นวิถีทางนำมาซึ่งการเป็นอิสระจากวัฏสงสาร ซึ่งเป็นเป้าหมายอันสูงสุดของพุทธศาสนา การปฏิบัติเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วจำเป็นต้องหาที่สงบเงียบสงบ ห่างไกลต่อการรบกวนจากภายนอกในลักษณะต่างๆด้วยเหตุนั้นพระภิกษุฝ่ายนี้จึงออกไปสู่ชายเขา แสวงหาสถานที่ เพื่อเกิดสัปขว้างยะแก่ตัวเองที่จะบำเพ็ญสมาธิภาวนาอย่างเห็นผล ก็เลยเรียกพระภิกษุสงฆ์ฝ่ายนี้ว่า ข้างอรัญวาสี หรือพระป่า หรือพระธุดงค์
ในสมัยพุทธกาล ภิกษุทุกรูปจะเป็นพระป่า พระผู้มีพระภาคสัมมาสัมพระพุทธทรงสั่งย้ำให้ภิกษุสาวกของพระองค์ ให้ออกไปสู่โคนไม้ คูหาหรือเรือนร้าง เพื่อปฏิบัติสมาธิภาวนา พระพุทธเจ้าคลอดในป่า เป็นที่ป่าลุมพินีวัน ณ เขตติดต่อดินแดนระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ หยั่งรู้ที่ใต้ต้นอัสสัตถพฤกษ์ ในป่าริมฝั่งแม่น้ำเนรัญเฒ่า ตำบลประเสริฐเวลาเสนานิคม เขตกรุงสาวัตถี แคว้นมคธ ทรงแสดงพระปฐมเทศนาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงกรุงพาราที่สี และเข้าสู่ตายที่ป่าในเขตกรุงกุสิท้องนาราย ตลอดระยะเวลา ๕๑ ปี พระพุทธเจ้าได้ทรงจาริกไปอบรมเวไนยสัตว์ และเสด็จประทับอยู่ในป่า เมื่อมีคนที่เลื่อมใสเชื่อถือสร้างวัดมอบก็จะสร้างวัดในป่า ตัวอย่างเช่น เชตวัน เวฬุวัน อัมพวา ลัฏฐิวัน ชีวกัมพวัน มัททกุจฉิสัตว์ป่าทายวัน อันธวัน และก็นันทวัน ฯลฯ คำว่าวันแสดงว่าป่า พระพุทธองค์จะประทับอยู่ในวัดดังที่กล่าวถึงมาแล้วตอนช่วงปี ปีหนึ่งไม่เกินสี่เดือน นอกเหนือจากนั้นจะเสด็จจาริกนอนตามโคนไม้ตามป่า
 

   
พระป่าของไทย

พระป่าของไทย เป็นพระที่อยู่ตามธรรมชาติเช่นเดียวกับ พระพุทธเจ้าอรหันตสัมมาสัมพระพุทธ รวมทั้งพระสาวกตั้งแต่สมัยพุทธกาล เป็นผู้ที่บรรพชาบวชถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ตามพระธรรมวินัย ไม่ผิดกฏหมายของบ้านเรือน บวชด้วยความศรัทธาอย่างเปี่ยมล้นแล้วก็บริสุทธิ์ใจในบวรพุทธศาสนา เมื่อบวชแล้วหลังจากนั้นก็ตั้งใจบำเพ็ญบากบั่น ตามหลักพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด เพื่อให้บรรลุธรรม อันนำมาซึ่งการพ้นจากวัฏสงสาร ทำให้พ้นจากกองทุกข์ อันเป็นเป้าหมายอันสูงสุดของศาสนาพุทธ
ในสมัยสุโขทัยตลอดมายังยุคอยุธยา เรามีพระสงฆ์ข้างคามวาสี เน้นทางด้านคันถธุระรวมทั้งข้างอรัญวาสีเน้นย้ำทางด้านวิปัสสนาธุระ ดังจะมองเห็นได้ในประวัติศาสตร์ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งที่ปฏิบัติการทำศึกยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาแม่ทัพเมียนมาร์ ได้ความมีชัย แต่ว่าแม่ทัพนายกองผู้คนจำนวนมากทำการขาดตกบกพร่องได้รับการพิเคราะห์โทษ สมเด็จพระเนาวรัตน์แห่งวัดป่าแก้วแล้วก็ภาควิชา ได้เสด็จมาแสดงธรรมเพื่อทรงให้อภัยประหารแก่ แม่ทัพนายกองเหล่านั้น โดยชูเอาเรื่องตอนที่พระพุทธเจ้าผจญพญามาร ในคืนวันที่ จะทรงรู้มาเป็นตัวอย่าง สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงปลาบปลื้มโสมนัส ประทับใจในพระธรรมที่สมเด็จพระเนาวรัตน์วัดป่าแก้ว ทรงแสดงยิ่งนักบอกว่า "พระผู้เป็นเจ้าว่านี้ควรมากยิ่ง" และก็ได้ทรงพระราชทานอภัยโทษประหารแก่แม่ทัพนายกองเหล่านั้น
จะมีความคิดเห็นว่าสมเด็จพระเนาวรัตน์วัดป่าแก้ว เป็นพระภิกษุสงฆ์ข้างอรัญวาสี จึงมีชื่อเสียงนี้และอยู่ที่วัดป่า แม้กระนั้นก็มิได้ตัดขาดจากโลกด้านนอก เมื่อมีเรื่องสำคัญที่ฝ่ายพระสงฆ์ควรที่จะออกมาอนุเคราะห์ฝ่ายบ้านเรือน หรือบางครั้งอาจจะกล่าวโดยรวมว่า ฝ่ายศาสนจักรอนุเคราะห์ฝ่ายอาณาจักร ท่านก็สามารถปฏิบัติธุระนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างผู้ที่แตกฉานในพระไตรปิฎก ด้วยเหตุนั้น พระสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสีผู้ปฏิบัติวิปัสสนาธุระ ควรมีวิชาความรู้ทางคันถธุระอย่างดีเยี่ยมมาก่อน จะได้ปฏิบัติวิปัสสนาธุระได้อย่างแม่นยำตรงทาง คุณสมบัติข้อนี้ได้มีตัวอปิ้งมาสุดแท้แต่สมัยโบราณ
ในยุครัตนโกสินทร์ มีพระภิกษุสงฆ์ที่เป็นแบบอย่างของพระป่าในขณะนี้ เป็นที่รู้จักกันดีคือ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจันโท จันทร์) อดีตเจ้าอาวาสวัดบรมนิวาส จ.กรุงเทพฯ (สะพานขั้นเส) หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และก็หลวงปู่มั่น ภูริทัตตมหาเถระ ทั้งยังสามท่านมีเสียงเล่าลือเป็นที่เลื่องลือ ในดินแดนแห่งพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท อีกทั้งในประเทศไทย ประเทศลาว แล้วก็ประเทศพม่า สำหรับหลวงปู่มั่น ปัญญาทัตโคลนตมหาเถระ เป็นพระสงฆ์ที่มีลูกศิษย์เป็นพระป่ามากที่สุดตกทอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ ท่านได้บรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๖ และมรณภาพ เมื่อ ปี พุทธศักราช๒๔๙๖ ตั้งแต่แมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๐ กระทั่งมรณภาพท่านได้ออกสั่งสอนลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ขั้นต้นจนกระทั่งขั้นสูงสุด โดยเน้นภาคปฏิบัติที่เป็นจิตภาวนาล้วนๆตามวิถีทางพระอริยมรรคมีองค์แปด เมื่อกล่าวโดยย่อยกตัวอย่างเช่น สิกขา 3เป็นศีล สมาธิ ปัญญา
ปัจจัยสี่ของพระป่า
ต้นเหตุที่จำเป็นสำหรับภิกษุในศาสนาพุทธ เพื่อพอดีแก่การดำรงชีพอยู่สำหรับเพื่อการปฏิบัติธรรม พระพุทธเจ้าทรงประทานไว้สี่อย่าง พระป่าของไทยได้เอามาปฏิบัติปฏิบัติจนกระทั่งถือเป็นนิสัยคือ
๑. การออกท่องเที่ยวบิณฑบาตมาเลี้ยงชีพชั่วชีวิต การบิณฑบาตเป็นงานสำคัญประจำชีวิต ในอนุศาศน์ท่านอบรมไว้มีทั้งข้อรุกขมูลเสนาสนะ รวมทั้งข้อบิณฑบาต การออกบิณฑบาต พระผู้มีพระภาคทรงนับว่าเป็นกิจจำเป็นจะต้องประจำพระองค์ ทรงถือปฏิบัติเพื่อโปรดเวไนยสัตว์อย่างสม่ำเสมอตลอดมาถึงวันตาย การบิณฑบาต เป็นประจำที่อำนวยประโยชน์แก่ผู้บำเพ็ญเป็นเอนกปริยาย กล่าวอีกนัยหนึ่ง เวลาเดินบิณฑบาตไปในละแวกบ้าน ก็เป็นการบำเพ็ญมานะไปในตัวตลอดระยะเวลาที่เดิน เช่นเดียวกับเดินจงกรมอยู่ในสถานที่พักอย่างหนึ่ง เป็นการเปลี่ยนท่าทางในขณะนั้นประการหนึ่ง ผู้ที่บำเพ็ญทางปัญญาโดยเป็นประจำ เมื่อเวลาเดินบิณฑบาต เมื่อได้มองเห็นหรือได้ยินสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาสัมผัสทางทวารย่อมเป็นเครื่องเสริมสติปัญญา และก็ถือเอาคุณประโยชน์จากสิ่งนั้นๆได้โดยลำดับอย่างหนึ่ง เพื่อตัดความคร้านของตนเองที่ถูกใจแม้กระนั้นผลอย่างเดียว แม้กระนั้นเกียจคร้านก่อเหตุที่คู่ควรแก่กันประการหนึ่ง รวมทั้งเพื่อตัดทิฏฐิพยายามถือตน เกลียดชังต่อการโคจรบิณฑบาต อันเป็นลักษณะของการเป็นผู้ขอ เมื่อได้อะไรมาจากบิณฑบาตก็ฉันอย่างนั้น พอยังอัตภาพให้เป็นไป ไม่พอกพูนเกื้อหนุนกายให้มากมาย อันจะเป็นศัตรูต่อความเพียรพยายามทางใจให้ก้าวหน้าไปได้ยาก การฉันคราวเดียวในหนึ่งวันก็ควรจะฉันเหอะแต่พอควร ไม่ให้มากเกินไป และก็ยังจำต้องดูเหตุว่าของกินจำพวกใดเป็นคุณแก่ร่างกาย แล้วก็เป็นคุณแก่จิต เพื่อสามารถปฏิบัติสมาธิภาวนาได้ด้วยดี
๒. การถือผ้าบังสุกุลผ้าจีวรตลอดชาติ ในสมัยพุทธกาล พระผู้มีพระภาคทรงยกย่องพระมหากัสสปะว่า เป็นผู้ยอดเยี่ยมสำหรับเพื่อการทรงผ้าบังสุกุลเป็นความประพฤติ ผ้าบังสุกุล เป็นผ้าที่ถูกทอดทิ้งไว้ตามป่าช้า ตัวอย่างเช่นผ้าห่อศพ หรือผ้าที่ทิ้งเอาไว้ตามกองขยะ ซึ่งเป็นของเศษเดนทั้งหลาย ไม่มีใครแหนหวง พระสงฆ์เอามาเย็บติดต่อกันตามขนาดของผ้าที่จะทำเป็นสบง จีวร สังฆาฏิ ได้ประมาณแปดนิ้วจัดเป็นผ้ามหาบังสุกุล ผ้าบังสุกุลอีกชนิดหนึ่งที่เป็นรองลงมา คนที่มีจิตเชื่อถือนำผ้าที่ตนได้มาด้วยความบริสุทธิ์ไปวางเอาไว้ภายในสถานที่ภิกษุเดินจงกรมบ้าง ที่กุฎีบ้าง หรือทางที่ท่านเดินผ่านไปๆมาๆ แล้วหักก้านไม้วางไว้ที่ผ้า หรือจะจุดธูปเทียนไว้ พอให้ท่านรู้ว่าเป็นผ้าถวายเพื่อบังสุกุลเท่านั้น
๓. รุกขมูลเสนาสนัง ถือการอยู่โคนไม้ในป่าเป็นที่อยู่ที่อาศัย มหาบุรุษพระพุทธเจ้าก่อนทรงตรัสรู้ในระหว่างที่แสวงหาความหลุดพ้นธรรมอยู่หกปี ก็ได้มีการดำรงชีวิตอย่างนี้โดยตลอด โดยเหตุนี้ พระพุทธองค์จึงทรงเสนอแนะพระสาวกให้เน้นย้ำการอยู่ป่าเป็นส่วนมาก จำทำให้การกระทำธรรมรุ่งเรืองกว่าการอยู่ที่อื่นๆ
๔. การฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่าตลอดชาติ เป็นการฉันยาตามมีตามได้ หรือเที่ยวเสาะหายาตามชายป่า อันเกิดตามธรรมชาติเพื่อบรรเทาเวทนาของโรคทางกายเท่านั้น
 

   
กิจวัตรของพระป่า

กิจวัตรที่สำคัญในพระพุทธศาสนา เป็นแถวปฏิบัติของพระป่า ที่ปฏิบัติอยู่เป็นประจำมีอยู่สิบประการคือ
๑. ลงพระอุโบสถในอาวาสหรือที่แห่งไหนๆมีพระภิกษุตั้งแต่สี่รูปขึ้นไป จำเป็นต้องประชุมกันลงฟังพระปาฏินิพพาน ทุก ๑๕ วัน (ครึ่งเดือน)
๒. บิณฑบาตดำรงชีวิตชั่วชีวิต
๓. ทำวัตรสวดมนต์ รุ่งเช้า - เย็นแต่ละวัน เว้นแต่ไม่สบายอาการหนัก พระป่าจะทำวัตรสวดมนต์เอง มิได้ประชุมรวมกันทำวัตรสวดมนต์ราวกับพระบ้าน
๔. ปัดกวาดเสนาสนะ อาวาส ลานพระเจดีย์ ลานวัดรวมทั้งรอบๆใต้ต้นมหาโพธิ์ ถือเป็นกิจวัตรประจำวันสำคัญ เป็นเครื่องไม้เครื่องมือกำจัดความขี้คร้านชุ่ยได้อย่างดีเยี่ยม พระวินัยได้แสดงอานิสงค์ไว้ห้าประการ หนึ่งในห้าประการนั้นเป็น ผู้กวาดชื่อว่าเป็นผู้ดำเนินตามคำสั่งสอนของพระศาสดา รวมทั้งถ้าตายเพราะทำลายหมวดก็ย่อมเข้าถึงสวรรค์โลกสรวงสวรรค์
๕. รักษาผู้สามครองคือ สังฆาฏิ จีวรและสบง
๖. อยู่ปริวาสบาป
๗. ปลงผม โกนหนวด ตัดเล็บ
๘. เรียนรู้สิกขาบทแล้วก็ปฏิบัติอาจารย์
๙. แสดงความผิดเป็น การเปิดเผยโทษที่ตนทำผิดพระระเบียบที่เป็นลหุโทษ แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งให้ทราบแล้วก็ข้อตกลงว่าจะสำรวมระวังไม่ให้กำเนิดทำผิดเช่นนั้นอีก
๑๐. ไตร่ตรองปัจจเวกขณะอีกทั้งสี่ ด้วยความไม่ประมาทหมายถึงพิจารณาสังขาร ร่างกาย จิตใจ ให้เป็นของไม่เที่ยงถาวรที่ดีงามได้ยาก ให้เห็นเป็นไม่เที่ยง ทุกขัง อนัตตา เพื่อเป็นเล่ห์เหลี่ยมทางสติปัญญาอยู่ตลอดระยะเวลาในท่าทางทั้งยังสี่หมายถึงยืน เดิน นั่ง นอน
ธุดงค์วัตรของพระป่า
 ธุดงค์ที่พระผู้มีพระภาคให้ปฏิบัติเพื่อขจัดกิเลสที่ฝังอยู่ภายใจจิตใจของปุถุชน มีอยู่ ๑๓ ข้อ ดังนี้

๑. ปังสุกูลิกังคะ ถือใช้แต่ผ้าบังสุกุลเป็นวัตร

๒. เตจีวริกังคะ ถือใช้ผ้าเพียงสามผืนเป็นวัตร

๓. ปิณฑปาติกังคะ ถือการเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร

๔. สปทานจาริกังคะ ถือการเที่ยวบิณฑบาตไปตามแถวเป็นวัตร เพื่อเป็นความงามในเพศสมณะในทางมรรยาท สำรวมระวังอยู่ในหลักธรรม หลักวินัย

๕. เอกาสนิกังคะ ถือการฉันมื้อเดียวเป็นวัตร เพื่อตัดกังวลในเรื่องการฉันอาหารให้พอเหมาะกับเพศสมณะให้เป็นผู้เลี้ยงง่าย ไม่รบกวนคนอื่นให้ลำบาก

๖. ปัตตปิณฑิกังคะ คือฉันเฉพาะในบาตรเป็นวัตร ฉันเฉพาะในบาตร เพื่อขจัดความเพลิดเพลินในรสอาหาร

๗. ขลุปัจฉาภัตติกังคะ ถือการห้ามฉันภัตอันนำมาถวายเมื่อภายหลังเป็นวัตร

๘. อารัญญิกังคะ ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร

๙. รุกขมูลิกังคะ ถือการอยู่โคนไม้เป็นวัตร ข้อนี้ตามแต่กาลเวลาและโอกาสจะอำนวยให้

๑๐. อัพโภกาลิกังคะ ถือการอยู่ในที่แจ้งเป็นวัตร ข้อนี้ก็คงตามแต่โอกาส และเวลาจะอำนวยให้

๑๑. โสสานิกังคะ ถือการอยู่ป่าช้าเป็นวัตร ขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติให้เหมาะกับเวลาและโอกาส

๑๒. ยถาสันถติกังคะ ถือการอยู่เสนาสนะแล้วแต่เข้าจัดให้ มีความยินดีเท่าที่มีอยู่ไม่รบกวนผู้อื่น อยู่ไปพอได้บำเพ็ญสมณธรรม

๑๓. เนสัชชิกังคะ ถือการ ยืน เดิน นั่ง อย่างเดียว ไม่นอนเป็นวัตร โดยกำหนดเป็นคืนๆ ไป

Tags : พระป่า