ผู้เขียน หัวข้อ: อ่านเกม MARK ZUCKERBERG ผู้ก่อตั้ง FACEBOOK ในยุค META ที่ไม่ META อีกต่อไป  (อ่าน 184 ครั้ง)

ออนไลน์ Prichas

  • Hologram 3D TV member
  • ******
  • กระทู้: 29,531
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
ตั้งแต่ Facebook เปลี่ยนชื่อเป็น Meta เพื่อรันเทรนด์จักรวาลนิรมิตร หรือ Metaverse ทุกสิ่งทุกอย่างที่ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง และ CEO ของบริษัทวาดฝันไว้กลับไม่เป็นไปตามที่คิด

เนื่องจากว่าถึงบริษัทจะมีรายได้รวมปี 2021 เติบโต 20% แต่ก็มาพร้อมข่าวไม่ดีอาทิเช่น ยอดผู้ใช้งานน้อยลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ตั้งบริษัท รวมทั้งธุรกิจส่วน Metaverse ขาดทุนกว่า 3,304 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1 แสนล้านบาท

แถมจากผลประกอบการที่ไม่สู้ดี ทำให้ราคาหุ้น Meta หลังปิดตลาดวันที่ 3 ก.พ. 2022 น้อยลง 26% ค่าธุรกิจหายไป 2.3 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 8 ล้านล้านบาท

ในภาษาเกม Meta มิได้หมายคือ Metaverse แต่ว่าเป็น Most Effective Tactics Available หรือยุทธวิธีที่ยอดเยี่ยมสำหรับเพื่อการเอาชนะเกมนั้น ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า Facebook ในตอนนี้ไม่ใช่ Meta ของเกม Social Media อีกแล้ว



เพราะเหตุใด Meta ไม่ Meta อีกต่อไป?
เริ่มกันที่ตัวเลขการใช้แรงงาน Facebook กันก่อน เพราะจำนวนผู้ใช้งานบ่อยๆทุกเมื่อเชื่อวัน หรือ Daily Average Users (DAUs) ในไตรมาส 4 ปี 2021 อยู่ที่ 1,929 ล้านบัญชี ต่ำลงจาก 1,930 ล้านบัญชี ในไตรมาส 3 ปีเดียวกัน ถือได้ว่าเป็นการน้อยลงของปริมาณผู้ใช้คราวแรกตั้งแต่แมื่อ Facebook ให้บริการมานาน 17 ปี

เหตุผลที่ลดน้อยลงคงเดากันไม่ยาก เพราะมีตั้งแต่ว่า Facebook เป็นที่นิยมในกรุ๊ปคนแก่ และผู้สูงอายุ ส่วนคนสมัยใหม่กลับไม่เลือกใช้งาน, ข่าวร้ายเกี่ยวกับการใส่ใจเรื่องกำไรมากยิ่งกว่าความปลอดภัยของข้อมูลของผู้ใช้ และก็การปล่อยให้เกิด Hate Speech โดยตลอดเพื่อกระตุ้นการใช้งานในระบบ

สาเหตุพวกนี้ทำให้ Facebook รักษาอัตรา DAUs ได้ยาก และเบาๆสูญเสียความเป็น Meta ในตลาด Social Media ให้กับคู่แข่งขันรายอื่น ถึงแม้ Instagram จะยังตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มวัยรุ่นได้ และก็ Whatsapp ยังมีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง แต่ว่าก็เทียบไม่ได้กับปริมาณผู้ใช้ Facebook ที่เพียงแค่ต่ำลง 1 ล้านบัญชี ก็กระทบค่ากิจการค้าทันที

แล้ว Meta จะเดินหน้า Metaverse ได้จริงหรือไม่?
นับจากเปลี่ยนแปลงชื่อจาก Facebook เป็น Meta เมื่อสิ้นเดือน ต.ค. 2021 ความขมักเขม้น Metaverse ก็มีเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ Facebook ค่อยๆขมักเขม้นกับการรุกตลาด AR และ VR อย่างเช่นการซื้อธุรกิจการค้า Oculus (ตอนนี้แปลงชื่อเป็น Meta Quest) เมื่อปี 2014 และก็พัฒนาจนเปลี่ยนเป็นหนึ่งในแว่น VR อันดับแรกๆของโลก

แม้กระนั้นการลงทุนใน Metaverse ถือเป็นเรื่องใหม่ รวมทั้งตลาดอาจยังไม่พร้อมขนาดนั้น เพราะว่าถ้าเกิดดูก่อนยได้ Reality Labs หรือธุรกิจใหม่ของ Meta ที่มีกลุ่ม Metaverse เป็นหนึ่งในนั้น ในไตรมาส 4 2021 กลับทำได้เพียงแค่ 877 ล้านดอลลาร์ แต่ขาดทุนถึง 3,304 ล้านดอลลาร์ แล้วก็ขาดทุนตลอดปี 2021 กว่า 9,000 ล้านดอลลาร์

หากไปเทียบกับรายได้ฝั่ง Family of Apps หรือธุรกิจเริ่มแรก ดังเช่น รายได้โปรโมท Facebook และ Instagram ในไตรมาส 4 ทำได้ 32,794 ล้านดอลลาร์ และก็มีผลกำไรถึง 15,889 ดอลลาร์ ส่วนตลอดปีมีกำไรถึง 56,000 ล้านดอลลาร์ เรียกว่าการขับเคลื่อน Metaverse บางทีอาจยังเป็นเรื่องฝันหวานอยู่ถ้าเกิดมองในเรื่องเม็ดเงิน

พัก Anti-Meta ด้วยการกลับมาเน้นย้ำวีดีโอ
จากผลประกอบการที่ไม่สู้ดี ทำให้ราคาหุ้นที่ตกฮวบจนกระทั่ง Meta สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าธุรกิจต่ำลงมากที่สุดภายในวันเดียว งานนี้ Mark Zuckerberg ถึงกับบอกในงานประชุมองค์กรผ่านออนไลน์ว่า “เราจะกลับมาเน้นย้ำวีดีโอสั้น เพราะว่าเป็นแหล่งรายได้สำคัญต่อจากนี้”

งานนี้คำศัพท์สำหรับในการเล่นเกมเรียกว่า Meta อาจกลับมาใช้กลยุทธ์ Meta อีกรอบ เพื่อรับประกันการบรรลุเป้าหมาย แล้วก็มีผลประกอบกิจการที่ออกมาสวยสดงดงาม พร้อมกับพักการ Anti-Meta หรือเปล่าเอาอย่างกลยุทธ์ที่คนอื่นๆทำด้วยการเร่งเครื่องธุรกิจใหม่ รวมทั้งกรุ๊ป Metaverse เพื่อสร้างรายได้ในอนาคต

ยิ่งกว่านั้นยังส่งแผนต่างๆเพื่อรั้งบุคลากรมากมายให้อยู่ร่วมกับบริษัทให้นานที่สุด ไม่ไหลออกไปร่วมงานกับคู่แข่ง เป็นต้นว่า การเพิ่มวันหยุดสำหรับในการปฏิบัติงาน และกระตุ้นให้พนักงานใช้วันลาพักร้อนเพื่อบรรเทา และไม่เกิดอาการ Burnout จนถึงไม่สามารถรีดสมรรถนะการทำงานออกมาได้สุดกำลัง

งานหนัก Mark เพื่อทำ Meta ให้ติด Meta
แต่ไม่ใช่งานง่ายที่ Mark Zuckerberg จะก่อให้ Meta กลับมาเป็น Meta ของธุรกิจ Social Media. เพราะอีกทั้งต้นสายปลายเหตุข้างต้นอย่างเช่น วัยรุ่นมองข้ามการใช้งาน Facebook รวมถึงการสนใจเรื่องรายได้มากจนเกินความจำเป็นกระทั่งทำให้ผู้ใช้ต้องการย้ายออกไปอยู่ใน Social Media รายอื่น

ไหนจะเรื่อง Apple ที่ส่งฟีเจอร์ Do not Track หรือเปล่าให้แอปพลิเคชันต่างๆรู้ว่าผู้ใช้ติดอกติดใจสิ่งไหน วันแล้ววันเล่าใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อทำอะไรบ้าง กระทั่งกระทบกับกระบวนการทำตลาดบริการโฆษณาบน Facebook และแอปพลิเคชันในเครือ เนื่องจากทำเงินจากบริการประชาสัมพันธ์ได้ทุกข์ยากลำบากขึ้น

และล่าสุดราคาหุ้นของ Meta ยังไม่รู้สึกตัวกลับมา สะท้อนให้มองเห็นถึงความเชื่อมั่นและมั่นใจในนักลงทุน และอาจจำต้องลุ้นกันว่า Meta จะกลับมาได้ไหม เนื่องจากถ้าเกิดยังไม่ปรับปรุง ช่องทางที่รายได้จากฝั่งโปรโมทก็อาจน้อยลง ผ่านปริมาณผู้ใช้งานที่ไหลไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ

สรุป
Meta บางทีอาจไม่ Meta อีกต่อไปแล้ว เพราะเหตุว่า Facebook เปลี่ยนเป็นแพลตฟอร์มสำหรับคนแก่ แม้ว่าจะมี Instagram และก็ Whatsapp คอยช่วยเหลือ แต่นั่นก็น้อยเกินไป ด้วยเหตุดังกล่าวการจูงใจให้คนรุ่นหลังกลับใช้งานเป็นหัวข้อหลัก และก็การยอมกลืนเลือดด้วยการพัก Metaverse และกลับมาอยู่ในโลกที่ความจริงก่อนน่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะที่สุด