
ถ้าเกิดเอ๋ยถึงรถยนต์สปอร์ตไบค์ที่ครอบครองใจไบค์เกอร์มานานนับทศวรรษ ด้วยเอกลักษณ์ของหุ่นพร้อมขุมพลังที่บ่งชี้ถึงจิตวิญญาณแท้จริงจริงของสายพันธุ์ กับ Yamaha R-Series ที่ชนะใจไบค์เกอร์มาแล้วนับไม่ถ้วน ในตอนนี้ BoxzaRacing จะมาเล่าถึงประวัติความเป็นมาอย่างย่อตั้งแต่โฉมแรกของพี่ใหญ่ในเชื้อสายอย่าง Yamaha YZF-R1 ไปจนกว่าน้องเล็กสุด Yamaha YZF-R15 ว่าทำไมถึงเป็นเชื้อสายสปอร์ตไบค์ที่ใครๆก็ปรารถนาเป็นเจ้าของ
รถมอเตอร์ไซค์ สปอร์ต จนถึงโมเดลปี 2014 ได้ทำตลาดมาจนกระทั่งปี 2016 ที่มีการตอบรับจากไบค์เกอร์ทุกเพศทุกวัย จนกว่าขายดีกันแบบเทน้ำเทท่ากันอย่างยิ่งจริงๆและไม่นาน Yamaha ก็เลยได้เปิดตัว YZF-R15 โมเดลใหม่ในปี 2017 ที่มีความสปอร์ตมากขึ้น หล่อมากขึ้น...โดยในโอกาสนี้เกือบจะบอกได้เต็มปากเลยว่า เอาอย่างจากพี่ใหญ่ที่เป็นโมเดลใหม่ปัจจุบันนี้อย่าง YZF-R1 และก็ YZF-R6 ออกมาได้อย่างชัดเจนมากยิ่งกว่าโมเดลที่แล้วเสียอีกไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์สุดหล่อที่ให้อารมณ์ซูเปอร์สปอร์ตแบบเต็มขั้น และอีกหนึ่งคุณลักษณะเด่นก็คือเรือนไมล์รูปแบบใหม่แบบ Full LCD Digital Meter กับมุมมองซูเปอร์สปอร์ตอย่างแท้จริง พร้อมด้วยบล็อคเครื่องจักรใหม่ขนาด 155 ซีซี. พร้อมระบบวาล์วเปลี่ยน VVA อันมีชื่อเสียงของ Yamaha ที่จะทำให้พลังรถยนต์จัดจ้านตั้งแต่รอบต่ำจนถึงรอบสูง รวมทั้ง Assist & Slipper Clutch ที่จะสามารถช่วยลดแรงลากของล้อหลังเมื่อศาสนาเชนจ์เกียร์จากเกียร์สูงลงสู่เกียร์ต่ำ ที่ซึ่งพูดได้ว่าถูกใจสายสปอร์ตไม่น้อย นับได้ว่าจุดเด่นของเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาสู่เครื่องยนต์กลไกในคลาส 150 ซีซี. ได้อย่างมีคุณภาพ
และก็ตามด้วยตอนล่างอัพเกรดใหม่ไม่ว่าจะเป็นโช้คหน้า Up Side Down รวมทั้งสวิงอาร์มวางแบบใหม่ (New Design Alluminium Rear Arm) รวมทั้งล้อแม็กดีไซน์ใหม่ที่เพิ่มรายละเอียดให้ดูแม็ทช์กับสรีระรูปลักษณ์ที่มีความเป็นสปอร์ตไบค์อย่างเต็มกำลัง รัดด้วยยางเรเดียลขนาดใหญ่ (Super Wide Tire) โดยยางหน้ามีขนาด 100/80-R17 และยางด้านหลังขนาด 140/70R17 เพิ่มพื้นที่หน้ายางที่จะทำให้การสัมผัสพื้นถนนในยามเข้าโค้งได้อย่างแน่ใจ พร้อมด้วยความรู้ความเข้าใจระบบเบรกที่เด่นไม่ด้อยกว่าผู้ใดกันแน่กับดิสก์เบรกหน้าขนาดใหญ่ 282 มม. (Big Size Disc Brake) เพื่อความมั่นใจและความเชื่อมั่นในการหยุดรถยนต์ทุกเรื่องราว โดยภาพรวมแล้วไม่น่าเฉลียวใจเลยนะครับที่ Yamaha YZF-R15 เป็นรถยนต์สปอร์ตไบค์ขวัญใจวัยรุ่นในยุคนี้ โดยค้ำประกันจากยอดขายรวมทั้งผู้ใช้งานบนถนนหนทางที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนใครๆก็รัก R15 จนได้รับการตั้งชื่อว่าสปอร์ตไบค์เล็กพริกขี้หนูกันอย่างยิ่งจริงๆครับผม

ต่อด้วยน้องรองสุดท้องในเครือเครือญาติอย่าง Yamaha YZF-R3 สปอร์ตไบค์ Entry Class รูปลักษณ์สุดโฉบเฉี่ยว ที่เปิดตัวหนแรกเมื่อปี 2015 และทำเอาไบค์เกอร์คนจำนวนไม่น้อยในเวลานั้นจำเป็นต้องร้องว้าวกับขุมพลังเครื่องยนต์ที่ให้มาเกินพลเมืองชาวช่องในพิกัดเดียวกันอย่างยิ่งจริงๆ...กับบล็อคเครื่องยนต์กลไก 2 ลูกสูบเรียง ขนาด 321 ซีซี. 4 จังหวะ DOHC 4 วาล์วต่อดูด ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้พลังสูงสุด 42 แรงม้า ที่ 10,750 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 29.6 นิวตัน-เมตร ที่ 9000 รอบต่อนาที แล้วก็เป็นสปอร์ตไบค์คลาส Under 400 ในตลาดเมืองไทยคันแรกที่มีลูกเล่นถูกใจไบค์เกอร์ด้วยการต่อว่าดตั้งชิพไลท์มาให้จากโรงงาน...
ต่อมาในปี 2019 Yamaha YZF-R3 ได้ทำการเปิดตัวโมเดลใหม่อีกครั้ง โดยตอนนี้ได้เพิ่มความสปอร์ตเข้าไปอีกด้วยดูดีไซน์ใหม่คล้ายกับรุ่นพี่ใหญ่อย่าง Yamaha YZF-R1 ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ใหม่โดยเฉพาะชุดแฟริ่งด้านหน้าที่ให้อารมณ์สปอร์ตไบค์ Full Fairing มากเพิ่มขึ้น และก็ตามด้วยไฟหน้า Full LED Headlight สุดทันสมัย รวมทั้งชุดเรือนไมล์แบบ Full LCD ที่มีความเหมือนกับ Yamaha MT-10 สื่ออารมณ์ความทันสมัยในคลาสพิกัด 300 ซีซี.ได้อย่างเหนือชั้น และชุดสวิตช์สตาร์ทรูปแบบใหม่และแผงคอ Handle Crown วางแบบซูเปอร์สปอร์ตให้ความแข็งแรง และ[^_^]ได้มากขึ้น พร้อมเสริมความสปอร์ตขึ้นไปอีกขั้นเพื่อเหนือกว่าผู้แข่งขันด้วยการตำหนิดตั้งโช้คหน้า Up Side Down มาให้ เรียกเอาเสียงฮือจากไบค์เกอร์พอใช้ได้ แถมน้ำหนักตัวรถยนต์จากเดิมในโมเดลก่อนหน้าอยู่ที่ 170 โล แต่ว่าโมเดลตอนนี้จากการจัดวางองค์ประกอบตัวรถยนต์ใหม่ทำให้น้ำหนักลดลงเหลือ 167 โล ก็จัดว่าชอบใจพอใช้สำหรับใครที่กำลังอยากเริ่มขี่แนวสปอร์ตเป็นคันแรก ที่จำเป็นต้องขอเสนอแนะเลยจ้านะครับว่า Yamaha YZF-R3 เฟี้ยวแน่นอนนะครับ
ถึงคิวของน้องชายสุดหล่อสายเลือดซูเปอร์สปอร์ตสุดจี๊ด กับความเฟี้ยวดึงหัวใจไบค์เกอร์มาแล้วนับไม่ถ้วนกับ Yamaha YZF-R6 ที่มีประวัติตั้งแต่ปี 1999 ไม่แพ้พี่ใหญ่อย่างยิ่งจริงๆ...แล้วก็ต่อไปเราจะมากมายล่าวถึงเนื้อหาของเจ้า YZF-R6 กันว่าเพราะเหตุใดถึงเยี่ยมในซูเปอร์สปอร์ตที่ไบค์เกอร์ต่างอยากทดสอบสัมผัสสักหนึ่งครั้ง
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1999 นับว่าเป็นการเคลื่อนที่อีกครั้งของคลาส 600 ค่าย Yamaha ซึ่งจากเดิมก่อนหน้า ที่จะกำเนิด Yamaha YZF-R6 ขึ้นมา Yamaha ได้สร้างรุ่น YZF600 ขึ้นมาในปี 1996 ที่มีทรงยังเป็นครึ่งเดียวสปอร์ตทัวร์ริ่งและจากนั้นก็อีก 3 ปีต่อมาก็ได้ให้กำเนิด Yamaha YZF-R6 ที่มาในต้นแบบซูเปอร์สปอร์ตเต็มที่พร้อมบล็อคเครื่องกลใหม่ 4 ลูกสูบ 599 ซีซี. DOHC 16 วาล์ว จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยคาร์บูเรเตอร์ ให้พละกำลังสูงสุด 120 แรงม้าที่ 13,000 รอบต่อนาที และก็มีแรงบิดสูงสุด 68 นิวตันเมตรที่ 11,500 รอบต่อนาที โดยแบกน้ำหนักตัวรถยนต์ไว้ที่ 192 กิโลกรัม ซึ่งในยุคนั้นถือว่า Yamaha YZF-R6 เป็นซูเปอร์สปอร์ตที่มีน้ำหนักค่อยแล้วก็มีกำลังที่จัดจ้านกว่ารุ่นอื่นในพิกัดเดียวกันอย่างยิ่งจริงๆ
เมื่อการเปิดตัว Yamaha YZF-R6 โฉมแรกในตอนปี 1999-2002 Yamaha ได้ทำปรับปรุงแก้ไขโดยตลอดและเปิดตัวรูปแบบใหม่ขึ้นในปี 2003 โดยมีการปรับรูปลักษณ์ใหม่ให้มีความสปอร์ตมากขึ้นรวมทั้งความสามารถของเครื่องจักรที่ได้เปลี่ยนจากคาร์บูเรเตอร์เป็นหัวฉีด แล้วก็มีการปรับจูนด้านในเครื่องยนต์กลไกให้มีพลังมากขึ้นเรื่อยๆเป็น 123 แรงม้า พร้อมทั้งอัพเกรดระบบเบรกจากเดิมที่เป็น Axial Mount มาเป็น Radial Mount แบบรุ่นพี่ใหญ่อย่าง Yamaha YZF-R1
มาถึงโฉมที่สามารถเรียกได้เลยว่าเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาอย่างใหญ่โตสำหรับชื่อ YZF-R6 กับการปรับโฉมอีกครั้งจนกระทั่งเรียกได้ว่ามีความนำสมัยขึ้นอย่างแจ่มแจ้ง โดยการปรับโฉมโมเดลนี้ของ Yamaha YZF-R6 ทาง Yamaha ได้เน้นในเรื่องของ Aerodynamic เป็นอย่างมากเพื่อการแหกของตัวรถยนต์ทำออกมารุ่งเรืองที่สุด และก็ตามด้วยการอัพเกรดเครื่องยนต์กลไกด้วยการตำหนิดตั้งระบบ YCC-I หรือ Yamaha Chip Controlled Intake พร้อมกับปรับจูนด้านในเพิ่มเติมทำให้มีรอบเครื่องยนต์กลไกที่สูงถึง 17,500 รอบต่อนาที และจากนั้นก็สามารถรีดพลังแรงม้าได้สูงสุดถึง 129 แรงม้า อย่างยิ่งจริงๆ...พอเพียงมาถึงตอนปี 2010 Yamaha YZF-R6 ได้มีการปรับน้อยที่เรียกว่าเป็นไมเนอร์ศาสนาเชนจ์ก็ว่าได้ ด้วยความเคลื่อนไหวโทนสีเพื่อเพิ่มความสปอร์ตมากขึ้นเรื่อยๆรวมทั้งการตัดทอนพลังลงให้เหลือเพียง 124 แรงม้า รวมทั้งดีไซน์ท่อไอเสียใหม่ให้ยาวยิ่งขึ้นทำให้ตัวรถยนต์มีแรงบิดที่มากขึ้นกว่าเดิม โดยเหตุนั้นทาง Yamaha ต้องการให้ YZF-R6 เป็นซูเปอร์สปอร์ตที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ในระดับนึง เพราะในโมเดลนี้ YZF-R6 ถือว่าเป็นโมเดลยอดฮิตเป็นอย่างยิ่งและเป็นโมเดลที่อยู่นานที่สุด การีนตีถึงสมรรถนะจริงๆขอรับ

ในปี 2017 หนึ่งในกระแสรถยนต์ใหม่ที่สามารถเรียกได้เลยว่าฮอตสุดๆอีกหนึ่งรุ่นคงจะจำต้องยกให้ Yamaha YZF-R6 โมเดลใหม่ตอนนี้กันอย่างยิ่งจริงๆกับความเคลื่อนไหวรูปแบบใหม่หมดสะกดรอยตามพี่ใหญ่อย่าง Yamaha YZF-R1 เรียกได้ว่าโมเดล 2017 ที่เป็นโมเดลศาสนาเชนจ์โอกาสนี้ได้จัดสุดกำลังมาอย่างยิ่งจริงๆทั้งในด้านเครื่องยนต์กลไกที่ใช้เครื่องไม้เครื่องมือพิเศษเพื่อความคงทนถาวรในรอบสูง และจากนั้นก็ระบบช่วยเหลือสำหรับเพื่อการขับขี่รถต่างๆยกตัวอย่างเช่น โหมดสำหรับเพื่อการขับขี่รถที่มีถึง 3 โหมดเป็นA , STD แล้วก็ B และก็ตามด้วย Traction Control รวมทั้ง Quick Shifter ที่รถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตต้องมีไว้ ก็เลยกล้าเรียกได้เต็มปากว่า Yamaha YZF-R6 เป็นซูเปอร์สปอร์ตที่ได้รับความนิยมของศักราชนี้เลยนะครับ
มาจบท้ายกันที่พี่ใหญ่สุดในเครือเครือญาติอย่าง Yamaha YZF-R1 โดยเกิดขึ้นโฉมแรกในปี 1998 เพื่อต่อกลอนกับคู่แข่งขันในยุคนั้น เรียกได้ว่าในตอนปี 1998 Yamaha YZF-R1 ดีที่สุดในรถยนต์สปอร์ตไบค์ที่มีขุมพลังถึง 1,000 ซีซี. เพียงไม่กี่รุ่นเลยก็ว่าได้ กับบล็อคเครื่องจักร Genesis ขนาด 998 ซีซี. 4 ลูกสูบ DOHC 5 วาล์วต่อลูกสูบ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยคาบูเรเตอร์ Mikuni ให้กำลังสูงสุด 148.8 แรงม้าที่ 10,000 รอบต่อนาที และแบกน้ำหนักตัวรถยนต์อยู่ที่ 192 โล ซึ่งถือว่าน้ำหนักคร่าวๆนี้กำลังดีสำหรับสปอร์ตไบค์ไซส์บิ๊ก โดยมีต้นเหตุที่เกิดจากความสะดุดตาของเฟรม Aluminium DeltaBox อันมีชื่อเสียงของ Yamaha ต่อมาในตอนปี 2000-2003 YZF-R1 ได้มีการปรับโฉมเล็กน้อยในส่วนของภาพลักษณ์รวมทั้งทรงให้ดีขึ้นในเรื่องของ Aerodynamic พร้อมกับปรับตำแหน่งท่านั่งใหม่ให้ผู้ขับขี่กระชับกับตัวรถยนต์...รวมทั้งการอัพเกรดขุมพลังให้แรงขึ้น แข็งแรงขึ้นแล้วก็ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นต่างๆของเฟรมให้มีความแข็งแรง ขจัดขจายน้ำหนักได้ดีมากยิ่งกว่าเดิม
มาถึงปี 2004-2006 Yamaha YZF-R1 ได้มีการแปลงโฉมครั้งใหญ่แบบที่เรียกได้เลยว่าหล่อดึงจิตใจเลยก็ว่าได้ กับเอกลักษณ์ที่ทำให้ไบค์เกอร์หลายๆคนจำเป็นจะต้องการออกแบบตำแหน่งท่อไอเสียคู่ที่ตั้งขึ้นไว้ใต้ซุ้มล้อ และใบหน้าใหม่ทรงใหม่ที่ให้ความสปอร์ตมากขึ้นเรื่อยๆเป็นกอง รวมทั้งการเริ่มใช้สวิงอาร์มดีไซน์กลับหัวกลับหางสุดโก้เก๋ และก็ตามด้วยอัพเกรดขุมพลังเป็นระบบหัวฉีดและก็เพิ่มช่องแรมแอร์เข้าไป ทำให้ท่านภาพของเครื่องยนต์กลไกจัดจ้านขึ้น ไปจนตราบเท่าระบบเบรกที่อัพเกรดให้เป็นแบบ Radial Mount เพื่อตอบสนองการเบรกได้อย่างมั่นใจ
ในปี 2007-2008 Yamaha YZF-R1 ได้มีการอัพเกรดอีกครั้งโดยเริ่มที่ภาพลักษณ์และก็ทรง ที่มีการวางแบบด้านหน้าใหม่ให้มีความโฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าสุดเฉียบคมอันเป็นเอกลักษณ์ที่หลายท่านจำ พร้อมทั้งแรมแอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และก็ตามด้วยการอัพเกรดเฟรมใหม่เป็น Aluminium Deltabox V ที่ทำให้ตัวรถยนต์มีการกระจุยกระจายน้ำหนักรุ่งโรจน์มากยิ่งกว่าเดิม ขยับลงมาที่ด้านล่างกับการอัพเกรดระบบเบรกโดยใช้เป็นปั๊มเบรก Radial Mount ขนาด 6 ลูกสูบพร้อมกับดิสก์เบรกขนาด 310 มม. เพื่อล็อคคอความแรงจากการเปลี่ยนใช้เครื่องยนต์บล็อคใหม่ที่มีการเริ่มใช้เทคโนโลยีจากรถแข่ง MotoGP กับขนาดขนาดกระบอกสูบ 998 ซีซี. 4 ลูกสูบ DOHC 4 วาล์วต่อดูด พร้อมระบบหัวฉีด YCC-T และก็ YCC-I ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้าที่ 12,500 รอบต่อนาที พร้อมสลิปเปอร์คลัทช์ที่จะทำให้การใช้คลัทช์นิ่มนวลขึ้น...จัดว่าเมื่อ 12 ปีให้หลัง ถ้าหากใครได้ควบ Yamaha YZF-R1 ความหล่อบางครั้งอาจจะไม่ต้องพรีเซ็นท์กันอย่างยิ่งจริงๆขอรับ
ปี 2009 กล่าวได้ว่าเป็นการแปลงครั้งใหญ่ของ Yamaha YZF-R1 เลยก็ว่าได้ กับการเปลี่ยนรูปแบบใหม่หมดโดยในปี 2009-2011 YZF-R1 ดีขึ้นไซน์รูปโฉมโนมพรรณใหม่ให้มีความถึงใจถึงอารมณ์มากขึ้นจากเดิมที่ไฟหน้าเป็นไฟหน้า 4 ตาในโฉม 2007-2008 ได้เปลี่ยนเป็นไฟหน้าโปรเจคเตอร์คู่หน้าเพียวๆแล้วก็ย้ายช่องแรมแอร์มาเอาไว้ในบริเวณไฟหน้าแถวด้านข้างดวงไฟโปรเจคเตอร์ และก็ตามด้วยการออกแบบให้ตัวรถยนต์มีความกระทัดรัดเข้ามากขึ้นเพื่อทำให้การขับขี่ว่องไวมากยิ่งกว่าเดิม และก็สิ่งที่ยังคงอยู่เป็นเอกลักษณ์ให้เห็นอย่างชัดเจนเป็นตำแหน่งท่อไอเสียคู่ที่ก่อตั้งอยู่ใต้ซุ้มล้อแต่มีดีไซน์ใหม่เพื่อกับหุ่นของตัวรถยนต์ที่กระชับมากยิ่งกว่าเดิม และจากนั้นก็สิ่งที่ซึ่งพูดได้ว่าเป็นจุดไคลแม็กซ์ของการเคลื่อนที่ในปี 2009 เลยก็ว่าได้ เป็นการแปลงใช้เครื่องกลบล็อคใหม่รูปแบบใหม่โดยถ่ายทอดมาจากรถแข่ง MotoGP อย่าง Yamah
ถัดมาในปี 2012-2014 Yamaha YZF-R1 ได้มีการเปลี่ยนแปลงอีกน้อยด้วยการเพิ่มความดุเดือดที่ใบหน้าด้วยเพิ่มไฟ Day Time Running Light ที่รอบๆขอบไฟหน้า พร้อมทั้งตัดส่วนโค้งมนที่รอบๆคางใต้ไฟหน้าให้เป็นเหลี่ยมสัน เพื่อเค้าหน้ามีความอำมหิตแล้วก็ดุเดือดเพิ่มมากขึ้น และก็ตามด้วยการเพิ่มระบบ Traction Control หรือระบบกันล้อสไลด์ที่จะปฏิบัติงานเมื่อเซนเซอร์ตรวจหาแนวทางการทำงานของล้อหน้าและก็ล้อหลังหมุนไม่เกี่ยวข้องกัน เพื่อทำให้การขับขี่มั่นคงมากกว่าเดิม แล้วก็ Yamaha YZF-R1 ปี 2009-2014 ที่มีรูปโฉมโนมพรรณเดียวกันกล่าวได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเจเนเรชั่นยอดนิยมเลยก็ว่าได้
รวมทั้งและจากนั้นก็มาถึงโฉมที่สามารถเรียกได้เลยว่าเป็นการเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของ Yamaha YZF-R1 ในปี 2015 พร้อมด้วยรุ่นพิเศษความสามารถสูงโดยมีรหัสต่อท้ายเป็น Yamaha YZF-R1M ที่ได้รับการเลียนแบบมาจากรถแข่ง MotoGP อย่าง Yamaha YZR-M1 โดยดีไซน์รูปลักษณ์ฉีกทั้งผองจากต้นแบบเดิมที่มีหน้ายิ้มแล้วก็ท่อไอเสียใต้ซุ้มล้อ ให้เปลี่ยนเป็นรถยนต์ซูเปอร์ไบค์สุดล้ำสมัยที่มีรูปร่างบึกบึนล่ำสัน และการต่อว่าดตั้งเทคโนโลยีมาตรฐานเยอะแยะที่จะเข้ามาช่วยสำหรับการขับรถทั้งยังในถนนหนทางแล้วก็สนามสำหรับเพื่อการแข่งขันไม่ว่าจะเป็น Traction Control , Anti-Wheelie Control , Slide Control ที่จะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมไม่ให้รถยนต์เสียอาการหรือล้อสไลด์ และก็ตามด้วยระบบ Launch Control หรือระบบช่วยเหลือสำหรับการออกสตาร์ทและก็ ระบบ Quick Shifter ที่ผู้ขี่สามารถเข้าเกียร์โดยไม่ต้องกำคลัทช์หรือผ่อนคันเร่ง...เหนือชั้นขึ้นไปอีกด้วยระบบ IMU 6 แกนที่จะปฏิบัติภารกิจประเมินผลการเคลื่อนไหวต่างๆของตัวรถยนต์อย่างเที่ยงตรงซึ่งจะปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับระบบ Traction Control รวมทั้ง ABS ถัดมาในตัวของ Yamaha YZF-R1M ที่เป็นตัวท็อปสุดจะมีความพิเศษที่ชี้แจงได้อย่างไม่ยากเย็นเลยเป็นแฟริ่งโดยมากจะเป็นอุปกรณ์คาร์บอนเส้นใยที่จะส่งผลในเรื่องของน้ำหนักที่เบาลง กับโช้คอัพหน้า-ข้างหลัง Ohlins กระแสไฟฟ้าซึ่งสามารถปรับเซ็ตได้ตามเหตุการณ์การใช้แรงงานโดยระบบทั้งผองจะแสดงผลลัพธ์ผ่านทางจอรูปแบบใหม่ที่เป็นหน้าจอสีแสดงผลอย่างงดงามและก็ล้ำสมัยหรือที่เรียกกันว่าหน้าจอ TFT
และก็ตามด้วยเครื่องยนต์กลไกบล็อคใหม่ขุมพลัง CrossPlane CP4 พร้อมใช้สิ่งของพิเศษข้างในเครื่องจักรไม่ว่าจะเป็น ลูกสูบแบบ Forged Aluminum , เพลาข้อเหวี่ยงแบบ Titanium แล้วก็วาล์ว โดยขนาดปริมาตรกระบอกสูบอยู่ที่ 998 ซีซี. DOHC 4 วาล์วต่อดูดที่ใช้สิ่งของ Titanium ด้วยเหมือนกัน และก็จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด YCC-T และก็ YCC-I ให้กำลังวังชาแรงม้าสูงสุด 200 แรงม้าที่ 13,000 รอบต่อนาที รวมทั้งมีแรงบิดสูงสุด 112.4 นิวตันเมตรที่ 11,500 รอบต่อนาที พร้อมกันเทคโนโลยีมากมายก่ายกองที่ตอบปัญหาให้กับคนที่รักความเร็วรวมทั้งความนำสมัย จนกระทั่งทำให้ Yamaha YZF-R1 โฉมปี 2015 ขึ้นไป เปลี่ยนเป็นซูเปอร์ไบค์ที่ใครๆก็ต่างเผลอไผลของยุคนี้อย่างยิ่งจริงๆ
ปัจจุบันเมื่อกลางปี 2019 ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา Yamaha ได้กระทำเผยโฉม Yamaha YZF-R1 และก็ YZF-R1M ปี 2020 โดยยังคงใช้เบื้องต้นเดิมจากโฉม 2015-2018 จะกล่าวได้ว่าเป็นตอนๆต่อเนื่องกันของการอัพเกรด Yamaha YZF-R1 โฉมที่ชาวไทยต่างให้ชื่อเล่นว่า ปลากระเบน โดยในโฉมปี 2020 นั้น มีการอัพเกรดขุมพลังและก็ระบบเทคโนโลยีแทบจะทั้งหมด จนกระทั่งใครกันแน่ที่ได้สัมผัสต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเสมือนหนังคนละม้วนจากโมเดลที่แล้วอย่างยิ่งจริงๆ พร้อมทั้งรูปลักษณ์ใหม่ที่ปรับโฉมให้ถูกตามหลักอากาศพลศาสตร์หรือ Aerodynamic ที่ดียิ่งขึ้นถึง 5.3% แล้วก็เค้าหน้าถูกปรับโฉมให้มีความโฉบเฉี่ยวเหมือนน้องชายคันรองอย่าง Yamaha YZF-R6 ที่เพิ่มอารมณ์ความสปอร์ตขึ้นได้อีก ตามมาด้วยในส่วนของตัวท็อปอย่าง Yamaha YZF-R1M ที่มีการแปลงใช้แฟริ่งโดยให้เป็นอุปกรณ์คาร์บอนเส้นใยมากยิ่งกว่าโมเดลที่แล้ว ทำให้ส่งผลในเรื่องของน้ำหนักตัวรถยนต์ที่ค่อยมากกว่าเดิม
ส่วนของขุมพลังและก็เทคโนโลยีนั้นยังเป็นบล็อคเดียวกันกับโมเดล 2015-2019 แม้กระนั้นได้มีการอัพเกรดด้านในให้มีคุณภาพเยอะขึ้นเรื่อยๆในบล็อค Crossplane CP4 ขนาด 998 ซีซี. DOHC 4 วาล์วต่อดูด ได้มีการแปลงหัวจากจาก Bosch จากเดิม 12 รู เป็น 10 รู รวมถึงการเปลี่ยนแปลงระบบกลไกข้างในเครื่องจักรกล เพื่อหมนูดำเนินงานในรอบสูงได้อย่างเต็มความสามารถมากเพิ่มขึ้น และก็แปลงมาใช้ระบบคันเร่งกระแสไฟฟ้า Ride By Wire ที่จะไปปฏิบัติภารกิจพร้อมกันกับเทคโนโลยีที่ได้รับการอัพเกรดเข้ามาใหม่ไม่ว่าจะเป็นระบบ Engine Braking Control ซึ่งสามารถปรับ-ลดความหน่วงของ Engine Brake ได้ถึง 3 ระดับ และก็ตามด้วยระบบ Brake Control ที่จะเข้ามาปฏิบัติภารกิจควบคุมเบรกขณะเข้าโค้งซึ่งสามารถปรับการโต้ตอบได้ถึง 2 ระดับ โดยจะประเมินผลผ่านระบบ IMU 6 แกนอย่างเที่ยงตรงซึ่งกล่าวได้ว่าระบบนี้ถูกอกถูกใจสายสนามกันอย่างยิ่งจริงๆ รวมทั้งระบบที่ถูกใจอีกหนึ่งตัวเป็น Quick Shifter แบบ Up-Down ซึ่งสามารถเข้าเกียร์และก็ถอนเกียร์โดยที่ไม่ต้องกำคลัทช์ ทำให้การเปลี่ยนเกียร์สั่งได้ดังจิตใจ และก็ระบบทั้งหมดทั้งปวงจะแสดงผลลัพธ์ผ่านทางจอ TFT สุดล้ำ โดยราคา Yamaha YZF-R1 2020 อยู่ที่ 849,000 บาท รวมทั้ง Yamaha YZF-R1M 2020 อยู่ที่ 1,149,000 บาท
แล้วก็นี่ก็คือเรื่องราวของเชื้อสายรถยนต์สปอร์ตไบค์ที่ไบค์เกอร์ทั่วทั้งโลกไม่มีผู้ใดไม่เคยทราบ...ด้วยการพัฒนามากมายว่า 2 ทศวรรษตั้งแต่รุ่นใหญ่จนกระทั่งรุ่นเล็ก แล้วก็สามารถเป็นที่ชนะใจให้กับไบค์เกอร์ผู้เผลอไผลในสปอร์ตไบค์และก็อยากได้ที่จะถือครองรถจักรยานยนต์ที่ครบองค์ไว้โลดแล่นอีกทั้งบนถนนหนทางและก็ในสนามให้สดชื่น จำต้องขอบอกว่า Yamaha R Series เป็นคำตอบให้กับคุณได้แล้วนะครับ ในคราวหน้า BoxzaRacing จะนำความเข้าใจเรื่องรถยนต์เรื่องไหนมาฝากแฟนคลับกันอีก...สามารถติดตามดูกันเลยได้เลยนะครับที่
www.BoxzaRacing.com สำหรับวันนี้จำเป็นต้องลากันไปก่อน สวัสดีครับผม
สามารถติดตามข่าวการอัพเดทของ Yamaha พอดีเว็บ
www.yamaha-motor.co.th แล้วก็ Facebook Fanpage : Yamaha Society Thailand