เช็กลิสต์ 5 ข้อ สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนถึงวัน Double Day
Double Day เป็นวันที่ร้านค้าออนไลน์หลายเจ้ารอคอย เพราะมียอดขายพุ่งแบบก้าวกระโดดในเวลาอันสั้น แต่การรับมือกับปริมาณออเดอร์มหาศาลนั้นไม่ง่าย โดยเฉพาะใน
ขั้นตอนสำคัญอย่างการแพ็กของออนไลน์ ที่ต้องรวดเร็ว แม่นยำ และไม่มีข้อผิดพลาด บทความนี้รวบรวมเช็กลิสต์ 5 ข้อสำคัญที่ทุกคนควรเตรียมให้พร้อม เพื่อให้การขายในวันจริงราบรื่นตั้งแต่ต้นจนจบ
1. เช็กสต็อกสินค้าและอุปกรณ์แพ็กของให้พร้อมอย่ารอให้สินค้าหมดหรือเทปกาวขาดตอนในวัน Double Day สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบว่าสินค้าขายดีมีเพียงพอ และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับแพ็กของออนไลน์ อย่างกล่องพัสดุ ซองกันน้ำ บับเบิ้ลกันกระแทก เทปใส ควรเตรียมให้พร้อมล่วงหน้า เผื่อจำนวนมากกว่าปกติอย่างน้อย 20–30% เพราะออเดอร์อาจทะลักเกินคาด การมีของครบจะช่วยให้การจัดส่งเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีสะดุด และลดโอกาสผิดพลาดจากความเร่งรีบได้อย่างมาก
2. จัดโซนสินค้าและพื้นที่ทำงานให้เป็นระบบการจัดการพื้นที่อย่างมีระบบคือหัวใจสำคัญของการทำงานที่รวดเร็วและแม่นยำ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องจัดการออเดอร์จำนวนมาก โซนสินค้าในสต็อกควรแบ่งตามหมวดหมู่หรือความถี่ในการขาย เพื่อให้หยิบใช้งานได้สะดวก ในขณะเดียวกัน พื้นที่แพ็กของก็ควรแยกให้ชัดเจน เช่น โต๊ะแพ็กของ มุมพิมพ์ใบปะหน้า และพื้นที่รอจัดส่ง เพื่อให้การทำงานไหลลื่น ไม่สับสน และลดเวลาการจัดการในแต่ละคำสั่งซื้อ
3. เตรียมระบบพิมพ์ใบปะหน้าและอัปเดตข้อมูลให้แม่นยำการพิมพ์ใบปะหน้าเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หากข้อมูลผิดแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้พัสดุถูกจัดส่งผิดปลายทาง เครื่องพิมพ์จึงต้องพร้อมใช้งาน ไม่สะดุด และระบบคำสั่งซื้อจะต้องอัปเดตแบบเรียลไทม์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารายการสินค้าถูกต้อง ที่อยู่ลูกค้าไม่มีตกหล่น เพื่อให้การแพ็กของเป็นไปอย่างรวดเร็ว และไม่มีข้อผิดพลาดในการจัดส่งที่อาจสร้างความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือของร้าน
4. วางแผนกำลังคนและบทบาทหน้าที่อย่างชัดเจนการทำงานเป็นทีมจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อแต่ละคนรู้หน้าที่ของตัวเองชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการหยิบสินค้า การแพ็ก การตรวจสอบ หรือการนำส่ง แต่ละบทบาทต้องถูกแบ่งให้เหมาะสมกับปริมาณงาน เพื่อป้องกันความวุ่นวายและความล่าช้า โดยเฉพาะในช่วง Double Day ที่ทุกวินาทีมีค่า แนะนำให้ซ้อมการทำงานก่อนวันจริงอย่างน้อย 1 วัน เพื่อให้ทุกคนเข้าใจระบบงาน และปรับจังหวะการทำงานให้สอดคล้องกับปริมาณที่จะต้องรับมือ
5. ติดต่อบริษัทขนส่งล่วงหน้าและเตรียมแผนสำรองไว้เสมออย่ารอให้ถึงวันจริงแล้วค่อยหาขนส่ง เพราะอาจทำให้พัสดุตกค้างไม่สามารถส่งทันในวันนั้น การแจ้งล่วงหน้ากับบริษัทขนส่งหลักเพื่อคาดการณ์ปริมาณพัสดุที่ต้องจัดส่ง จะช่วยให้เขาสามารถวางแผนเข้ารับได้ตรงเวลา ที่สำคัญควรเตรียมแผนสำรอง เช่น รายชื่อขนส่งเจ้าอื่นไว้ล่วงหน้า หากเกิดปัญหาฉุกเฉิน เช่น ระบบล่ม รถไม่เพียงพอ หรือพนักงานไม่เพียงพอ จะได้ไม่กระทบต่อความต่อเนื่องของการแพ็กของออนไลน์และการส่งมอบพัสดุให้ลูกค้า