ผู้เขียน หัวข้อ: ตัดสินแล้ว !! 11 รางวัล ทีวีที่ดีที่สุดประจำปี 2018-2019  (อ่าน 13769 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dear_sir

  • Administrator
  • LCD TV member
  • *
  • กระทู้: 181
    • ดูรายละเอียด
    • LCDTVTHAILAND
มาแล้วกับการประกาศรางวัล VIDEOPHILE LCDTVTHAILAND AWARD ประจำปี 2018 - 2019  "รางวัลทีวีที่ดีที่สุดประจำปี" ในแต่ละสาขา ก็ก้าวสู่ครั้งที่ 8 ติดต่อกันแล้วที่เราประกาศรางวัลทุกสิ้นปีเช่นนี้ เรามีการแบ่งประเภทรางวัลตามเกรด และระดับราคา เพื่อเป็นแนวทางการเลือกซื้อทีวีตามงบประมาณที่ต่างกัน ทีวีทุกตัวที่ได้รับรางวัลจะผ่านการทดสอบอย่างเข้มข้นทั้งเรื่อง ภาพ เสียง ลูกเล่นสมาร์ททีวี การเชื่อมต่อ และดีไซน์ อันเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะบ่งบอกถึงคุณภาพที่ดีของทีวี สำหรับปีนี้มีการปรับเปลี่ยนการให้รางวัลให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานจริงมากขึ้น อาทิ รางวัล Best Midrange และ Best Value 4K LED TV Award ก็จะแบ่งตามชนิดของจอ IPS & VA ซึ่งมีจุดเด่นแมตช์กับลักษณะการใช้งานที่ต่างกัน และสุดท้ายมีการเพิ่มรางวัล Best Gaming TV เข้ามาด้วย หากพร้อมแล้วมาดูกันดีกว่าว่า "ทีวีตัวไหน....คือทีวีที่ดีที่สุดประจำปี" ???


รางวัลทีวีที่ดีที่สุดประจำปี ตัดสินโดย LCDTVTHAILAND
ร่วมกับนิตยสาร Audiophile Videophile








คุณโรมัน พร้อมด้วยคุณคุณนาวี อินทรสังขนาวิน บรรณาธิการบริหาร นิตยสารออดิโอไฟล์ วีดีโอไฟล์
มอบรางวัล Best of The Best TV Award ให้กับคุณเท็ทซูทากะ ซูดะ, ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์

1) Best of The Best TV Award : Sony OLED TV A9F
Sony A9F เป็น 4K OLED TV ระดับ Master Series ที่อัพเกรดคุณภาพในทุกมิติจากขั้น “ดี” สู่คำว่า “ดีเลิศ” ตั้งแต่เรื่องภาพที่ให้ระดับความสว่างสูงขึ้น ให้พลังภาพที่แจ่มจรัส ช่วยขับให้วัตถุดูมีมิติมากยิ่งขึ้น ให้ระดับความดำได้ดำสนิท สีสันแม่นยำถูกต้องตั้งแต่แกะกล่องเทียบชั้นกับจอ OLED Studio Monitor ที่ใช้อ้างอิงในการผลิตภาพยนตร์ มีโหมดปรับขอบเขตสี Color Management System เพิ่มเติมเข้ามาสำหรับการปรับภาพเบื้องลึก เสริมด้วยฟีเจอร์ AutoCal จากค่าย CALMAN  ที่ช่วยให้การปรับภาพละเอียดง่ายดายแค่คลิกเดียว นำภาพไปสู่ “ระดับอ้างอิง” ได้เร็วทันใจขึ้น ด้านการรับชมแบบออนไลน์มีของเล่นใหม่อย่างโหมดภาพ Netflix Calibrated Mode ที่ร่วมกับผู้ผลิตหนังและซีรีส์ในการไฟน์จูนภาพให้ถูกต้องอย่างที่ผู้กำกับต้องการสื่อให้เราเห็น ส่วนมาตรฐาน HDR ก็รองรับฟอร์แมตหลักในปัจจุบันทั้งหมดอย่าง Dolby Vision, HDR10 และ HLG ล่าสุดยังได้การรับรอง IMAX Enhanced เพิ่มมาอีก!

ด้านเสียงก็อัพเกรดเทคโนโลยีเดิมเป็น Acoustics Surface Audio + แบบ 3.2 แชนแนล ยิงเสียงทะลุออกจากกลางจอคล้ายกับโรงหนัง กำลังขับรวม 98 วัตต์ เสียงชัดเจน อิ่มแน่น เหมาะทั้งดูหนังฟังเพลง แถมยังประยุกต์ใช้เป็นลำโพง Center ในชุดโฮมเธียเตอร์จริงได้อีกด้วย สุดท้ายคือระบบ Smart TV ที่อัพเกรดไปเป็น AI ด้วย Android เวอร์ชั่นล่าสุด 8.0 ผสานกับ Google Assistant รองรับการสั่งงานทีวีด้วยเสียงภาษาอังกฤษและไทย มีสปีดที่ไวขึ้นกว่ารุ่นอื่นในท้องตลาด แถมยังจับคำพูดได้แม่นยำที่สุดในบรรดา Smart TV ด้วยกัน ที่ว้าวคือสามารถสั่งงานด้วยเสียงโดยตรงกับตัวทีวีได้แล้วนอกเหนือจากการสั่งผ่านรีโมทคอนโทรล ซึ่ง A9F ก็เป็นทีวีรุ่นแรกที่ทำได้ด้วย แอพใน PlayStore ก็การันตีทั้งคุณภาพและปริมาณของแอพ ดีไซน์ก็ยังคงคอนเซ็ปต์เรียบหรู One Slate กระจกเรียบแผ่นเดียวพร้อมขาตั้งทรงขาพับกรอบรูปที่ด้านหลัง A9F ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้างได้แก่แอพ YouTube ยังไม่รองรับ HDR คงต้องรอ Firmware แก้ไข (10/1/2019 ให้อัพเดทเฟิร์มแวร์แอพ YouTube รองรับ HDR แล้ว) และระดับราคาขายที่ค่อนข้างสูงหากเทียบกับบรรดา OLED TV ด้วยกัน

สรุปแล้วเป็นทีวีที่ “ดีเลิศรอบด้าน” ทั้งเรื่อง ภาพ+เสียง+ลูกเล่น+ดีไซน์+การเชื่อมต่อ ครบทุกองค์ประกอบทีวีที่ดีที่สุดของที่สุดพึงควรจะมี เพราะปัจจุบันทีวีไม่ใช่แค่เรื่องภาพอย่างเดียวเหมือนในอดีต ทว่ายังต้องคำนึงถึง UX : User Experience หรือประสบการณ์ใช้งานจริง อยากจะดูหรือเล่นอะไรบนทีวี…..ก็ต้องทำได้ทันที ! จึงขอมอบตำแหน่งราชันย์แห่งทีวีในปีนี้ให้กับ Sony OLED TV รุ่น A9F ไปครอง






คุณโรมัน มอบรางวัล Best Value 4K OLED TV ให้กับคุณเท็ทซูทากะ ซูดะ

2) Best Value 4K OLED TV : Sony OLED TV A8F

รางวัล OLED TV ที่คุ้มค่าที่สุดปีนี้ขอยกให้แก่ Sony A8F ที่มีราคาเปิดตัวที่ย่อมเยาว์ลง ใช้วิธีทอนชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นและมีต้นทุนสูงอย่างขาพับด้านหลังออกไป จึงสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่เริ่มเปิดตัว ด้านภาพอัพเกรดขึ้นจากรุ่น A1 เล็กน้อย ให้ภาพที่สว่างและสีสดจากเดิมอีกขยักเล็กๆ ให้โมชั่นภาพเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลดี รองรับ HDR ทุกฟอร์แมทหลักในปัจจุบัน ด้านเสียงใช้ลำโพง Acoustic Surface Audio แบบ 2.2 แชนแนล กำลังขับ 50 วัตต์ เสียงยิงออกจากกลางจอได้จริง เสียงมีมวลแน่นกว่าลำโพงทีวีทั่วไป ส่วน Android TV + Google Assistant ช่วยให้ระบบ Smart กลายเป็น AI อย่างเต็มตัว จัดเต็มทั้งแอพดูหนังเล่นเกมส์ รองรับคำสั่งเสียงภาษาอังกฤษและไทยที่แม่นยำที่สุด แต่ทว่ายังสั่งงานโดยตรงกับตัวทีวีไม่ได้แบบรุ่น A9F จึงอาจจะต้องหา Google Home มาเป็นตัวกลางแทน ดีไซน์สวยหรูไม่ว่าจะตั้งโต๊ะหรือแขวนผนัง หากเน้น OLED TV ที่ดีที่สุดทุกทางโดยไม่เกี่ยงงบประมาณ ก็ให้ไป A9F แต่หากเน้น “คุ้มค่าคุ้มราคา” ขอยกให้ตำแหน่งนี้ให้กับรุ่น A8F !






คุณโรมันมอบรางวัล Best 4K LED TV Award ให้กับคุณนันทพล ผู้สันติ ผู้จัดการสินค้ากลุ่มโทรทัศน์

3) Best 4K LED TV : Samsung Q9F
Samsung Q9F คือ QLED TV รุ่นท็อปที่สุดในปีนี้ ใช้เทคโนโลยี Quantum Dot ช่วยบูสท์เรื่องแสงสีให้ทะลุข้อจำกัดของ LED TV แบบเดิม ในปีนี้หันมาใช้โครงสร้างหลอดไฟแบบ Full Array LED Backlight สามารถดิมหลอด LED ได้เป็นโซนได้อย่างละเอียดยิ่บ สร้างระดับความดำได้ดีที่สุดในบรรดาทีวีที่ใช้หลอดไฟ LED เป็นแหล่งกำเนิดแสง ตลอดจนระดับความสว่างสูงสุดก็ทำได้สูงเวอร์กว่า 2,900 nits ในโหมด Dynamic และ 1600 nits ในโหมด Movie จึงเหมาะกับการรับชมทั้งห้องสว่างและห้องมืด เอาอยู่ทุกสภาพแสง ด้านการเล่นเกมส์ก็แทบเป็นเจ้าเดียวในท้องตลาดที่รองรับมาตรฐาน FreeSync 120Hz แสดงผลภาพจากเกมส์ได้สูงสุดถึง 120 เฟรมภาพต่อวินาทีแท้ แค่สเป็คด้านภาพอย่างเดียวก็แทบไร้คู่แข่งที่เป็น LED TV มาต่อกร ส่วนระบบปฎิบัติการ Smart TV อย่าง Tizen OS ใช้งานง่าย แอพยอดนิยมมีมาให้ครบ รวมถึงแอพดูช่องเกาหลีฟรีอย่าง TV Plus และ One Remote รีโมทจิ๋วดีไซน์หรูมาให้ใช้คู่กัน

Q9F อาจจะไม่ได้มีรูปลักษณ์ที่สวยที่สุดในบรรดา QLED TV แต่มีการ “ดีไซน์อย่างชาญฉลาด” อย่าง One Invisible Connection ช่วยควบรวมสายไฟและสายสัญญาณเอาไว้ในสายสีใสเส้นบางเพียงเส้นเดียว ทำให้ด้านหลังของทีวีดูสะอาดตาไม่รกรุงรัง สามารถแขวนทีวีให้เรียบชิดเข้ากับผนังเหมือนกับการแขวนกรอบรูปด้วย No Gap Wall Mount ที่แถมมาให้ในชุด มีลูกเล่น Magic Screen ที่โคลนนิ่งลวดลายบนผนังมาแสดงบนหน้าจอทีวีได้อย่างกลมกลืน ถือว่าเป็นทีวีขวัญใจของเหล่านักออกแบบภายในบ้าน สรุปว่า Samsung Q9F คือ 4K LED TV ที่ดีที่สุดประจำปี คว้ารางวัลไปครองอย่างเป็นเอกฉันท์



4) Best Midrange 4K LED TV : LG SK8500 & Samsung NU8000
ในปีนี้ทีมงานของแบ่งรางวัลให้ทีวี 2 รุ่นด้วยกัน แบ่งตามประเภทของจอ IPS & VA ที่ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน
IPS - In-Pane Switching : ชนิดของจอที่เด่นเรื่องมุมมองการรับชมด้านข้างที่กว้างและให้สีสันที่เข้มข้น
VA - Vertical Alignment : ชนิดของจอที่เด่นเรื่องการรับชมมุมตรง ให้ภาพที่สว่างเปิดโปร่ง สีสวยใส สดชื่น




คุณนาวี อินทรสังขนาวิน (ซ้าย) และคุณโรมัน (ขวา) ถ่ายภาพประกบคู่คุณนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี (กลาง),
ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ประเทศไทย (จำกัด)

LG SK8500 (IPS)
ไม่น่าเชื่อว่า LG จะนำเทคโลยีหลอดไฟแบบ Full Array LED Backlight ที่มีต้นทุนสูงลงมาใส่ในทีวีซีรีส์ 8 โดยโครงสร้างหลอดไฟแบบนี้มีความสามารถในการดิมไฟได้ดีกว่า Edge LED ทุกรุ่นของตัวเองในปีนี้ สร้างระดับความดำเฉพาะจุดได้ดีขึ้น  ใช้จอ Panel แบบ IPS ซึ่งมีจุดเด่นคือมุมมองการรับชมกว้าง มองมุมเฉียงสีก็ยังคงความสดไว้ได้ดี ใช้ชิพ Alpha 7 ผสานเทคโนโลยีขยายขอบเขตสีอย่าง Nano Cell ให้ภาพสีสวยสดเข้มได้มาตรฐานทีวีระดับกลางบน คุณภาพเสียงก็ดีไม่แพ้ภาพ เสียงใหญ่แน่นเกินตัว ส่วนลูกเล่น Smart TV ก็จัดจ้านไม่เบา เพราะใช้ ThinQ AI พร้อม Magic Remote รองรับการการค้นหาคอนเทนต์ด้วยคำสั่งเสียง และเจ้าตัวรีโมทก็ยังทำงานเหมือน Air Mouse ใช้งานได้ง่ายมาก ลองแล้วจะติดใจ จึงขอยกให้ LG SK8500 เป็น 4K LED TV ระดับกลางค่อนบนที่ใช้จอ IPS ที่ให้คุณภาพที่ดีที่สุดในเกรดทีวีระดับราคานี้




คุณนาวี อินทรสังขนาวิน บรรณาธิการบริหาร นิตยสารออดิโอไฟล์ วีดีโอไฟล์
มอบรางวัล Best Midrange 4K LED TV Award ให้กับคุณนันทพล ผู้สันติ

Samsung NU8000 (VA)
NU8000 คือ 4K LED TV ระดับกลางบนที่ใช้จอ VA  ให้คุณภาพของภาพได้เกือบเทียบเท่าทีวีเลเวลสูงของตัวเองอย่าง QLED TV รุ่นเริ่มต้น ให้ภาพสีสวย เปิดโปร่ง สะอาดตา ถึงแม้ใช้โครงสร้างหลอดไฟ Edge LED แต่ก็สามารถทำ Local Dimming ได้อย่างเนียนตา ให้ระดับความดำของภาพได้ดีเยี่ยมเมื่อรับชมมุมตรงกลางจอ ที่สำคัญรองรับ FreeSync 120Hz ด้วย โดนใจคอเกมส์ขาโหดมิใช่น้อย ที่จริง NU8000 ก็มีเวอร์ชั่นฝาแฝดแต่เป็นจอโค้งนั่นก็คือ NU8500 ซึ่งให้ประสิทธิภาพดีเหมือนกัน แต่ต่างกันแค่เรื่องของดีไซน์ ส่วนลูกเล่น Smart TV ก็ใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen OS มีหน้าตาเมนูแบบ 2 ชั้น ใช้งานง่ายด้วย One Remote รีโมทอันเดียวควบคุมได้ทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับทีวี มีแอพขวัญใจสาวกอปป้าอย่าง TV Plus ให้ดูช่องเกาหลีฟรีไม่มีรายเดือนกว่า 30 ช่อง ทีมงานขอยกให้เป็น 4K LED TV ระดับกลางค่อนบนที่ใช้จอ VA ที่ให้คุณภาพดีที่สุดในเกรดทีวีระดับราคานี้



5) Best Value 4K LED TV : Hisense U7A & Panasonic FX700
ในปีนี้รางวัลทีวี 4K ที่ให้ความคุ้มค่าสูงที่สุด ทีมงานขอฟันธงให้ 2 ตัวตามประเภทจอ IPS และ VA ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน




คุณโรมัน มอบถ้วยรางวัล Best Value 4K LED TV Award ให้กับคุณ Mr. Finn Zhang, Managing Director

Hisense U7A (VA)

แบรนด์จีนน้องใหม่ไฟแรงอย่าง Hisense เป็นถึงสปอนเซอร์หลักอย่างเป็นทางการของฟุตบอลโลก 2018 ได้สร้างปรากฏการณ์ U7A ฟีเวอร์ในบ้านเราได้อย่างรวดเร็ว เนื่องด้วยคุณภาพที่ดีเคียงคู่กับราคาที่เย้ายวนใจ ตัวเครื่องดีไซน์หรู วัสดุโลหะเงาวับแข็งแรง ความละเอียด 4K ใช้จอภาพแบบ VA ผสานเทคโลยี Wide Color Gamut ทำให้คอนทราสต์และสีสันของภาพเหนือกว่าทีวีระดับราคาใกล้เคียงกันไปหนึ่งขยัก คุณภาพเสียงก็ดังกระหึ่มเกินตัว เปิดระดับโวลุ่มแค่ไม่กี่สิบก็กระหึ่มลั่นบ้าน ส่วนลูกเล่น Smart TV ใช้ระบบปฏิบัติการ VIDAA U แม้ตัวระบบอาจจะดูไม่หวือหวานัก แต่ก็มีแอพหลักให้เพียงพอกับการใช้งาน แถมด้วยเปิดหัวรับประกัน 3 ปีเต็มตั้งแต่เริ่มขายแบบไม่มีกั๊ก จึงขอมอบรางวัลทีวี 4K ที่ใช้จอ VA ที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุดกับ Hisense U7A ไปครอง




คุณโรมันมอบถ้วยรางวัล Best Value 4K LED TV Award ให้กับมร.ทาคาชิ ซาซากิ,
ผู้อำนวยการส่วนงานขายและการตลาด ผลิตภัณฑ์คอมซูมเมอร์ บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

Panasonic FX700 (IPS)
หาก U7A คือทีวีที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับจอ VA | Panasonic FX700 ก็คือผู้ชนะอีกฝั่งสำหรับจอ IPS โดย FX700 มีจุดเด่นเรื่องภาพที่ให้ความเป็นธรรมชาติ สีสันเข้มข้น มุมมองการรับชมกว้าง มีฟีเจอร์ปรับภาพเบื้องลึกค่อนข้างละเอียดไม่แพ้รุ่นท็อปของ Panasonic เอง มีดีไซน์ "ขาตั้งอเนกประสงค์" ที่ตอบโจทย์ทุกการติดตั้ง สลับได้ทั้งแบบแคบและกว้าง แถมเสียบยึดได้โดยไม่ต้องใช้น็อต สุดท้ายลูกเล่น Smart TV  ใช้ระบบปฏิบัติการ My Home Screen 3.0 หน้าตาและลูกเล่นอาจไม่ได้แฟนซีมากนัก แต่ก็แลกกับสปีดการทำงานที่ค่อนข้างไว โดยรุ่นนี้ก็ให้การรับประกัน 3 ปีมาตั้งแต่ต้นด้วย จึงขอมอบรางวัลทีวี 4K ที่ใช้จอ IPS ที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุดกับ Panasonic FX700 ไปครอง






คุณโรมันมอบรางวัล Best Budget 4K LED TV Award ให้กับคุณหลินฮวน ฟาน, Marketing Manager, TCL Thailand

6) Best Budget 4K LED TV : TCL P6US
สำหรับรางวัลทีวี 4K ราคาถูกจริงถูกจัง สบายกระเป๋า แต่ให้คุณภาพได้แอบดีเกินค่าตัวก็ตกเป็นของ TCL P6US โดยรุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่ช่วงต้นปี ด้วยดีไซน์ที่เพรียวบาง ให้ภาพ 4K ที่ สด-เปิด-สว่าง หากได้ตั้งเทียบกับรุ่นอดีตเคยเทพอย่าง Q7700 จะเห็นว่า P6US จะให้ภาพที่ซู่ซ่ากว่าอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงหากได้เทียบกับทีวี 4K รุ่นถูกสุดกับหลายๆแบรนด์ เจ้าตัวนี้ก็ยังให้ภาพที่ดีกว่าเพื่อนซักครึ่งก้าว (แถมราคาถูกกว่าอีก) ระบบ Smart TV แม้เป็นแบบพื้นฐาน แต่ให้แอพที่ควรมีติดมาให้ครบเช่น YouTube และ Netflix ประกัน 3 ปี และในบางช่วงของโปรโมชั่น ยังเคยเพิ่มระยะเวลาปรับประกันให้เป็น 5 ปีด้วยซะด้วย หากงบประมาณมีไม่เยอะนัก TCL P6US คือทีวี 4K ที่เป็นมิตรกับสตางค์ในกระเป๋ามากที่สุด ฟันธง !






คุณนาวี อินทรสังขนาวิน มอบรางวัล Best Gaming TV Award
ให้กับคุณณัฏฐ์ โรเบิร์ตส, Digital Marketing Manager

7) Best Gaming TV : Samsung Q9F
นอกจากถูกยกให้เป็น 4K LED TV ที่ดีที่สุดในปีนี้แล้ว เรายังขอมอบตำแหน่งทีวีที่เหมาะกับการเล่นเกมส์มากที่สุดควบให้อีกรางวัล Samsung Q9F มีโหมด Game ที่ช่วยลดค่า Input Lag ให้ต่ำกว่า 20 ms ซึ่งถือว่าตอบสนองต่อคำสั่งจอยได้ไวมาก และเป็นแบรนด์เดียวที่มีฟีเจอร์แทรกเฟรมภาพสำหรับการเล่นเกมส์อย่าง Game Motion Plus ที่ช่วยให้ภาพลื่นไหลขึ้นโดยกระทบต่อค่า Input Lag เพียงเล็กน้อยเท่านั้น รองรับมาตรฐาน FreeSync 120Hz ทาง HDMI จากทั้งเครื่องเล่นเกม Xbox และ PC สามารถแสดงผลภาพ 120 เฟรมภาพต่อวินาทีแท้ได้ มีระดับความสว่างสูงด้วยโครงสร้างหลอดไฟแบบ Full Array LED Backlight ระเบิดพลังภาพ HDR ได้อย่างสว่างเจิดจรัส และยังคุมระดับความดำเฉพาะจุดได้ดีเยี่ยม เหมาะกับการใช้เล่นเกมส์ในห้องทุกสภาพแสง อีกจุดที่สำคัญคือเรื่อง Burn in Free = Worry Free  : ไม่ต้องห่วงเบิร์น ไม่ว่าจะเปิดเล่นเกมส์นานเท่าไหร่ หรือเปิดฉากนิ่งค้างไว้บนจอนานแค่ไหน ภาพก็ไม่มีทาง Burn-in (ภาพและโลโก้ค้างติดหน้าจอ) ซึ่งทั้งหมดคือจุดเด่นที่ “ดีอย่างสมดุลที่สุด” ต่อการเล่นเกมส์ จึงขอมอบรางวัลทีวีขวัญใจเกมเมอร์ให้กับ Samsung Q9F ไปครอง






คุณโรมันมอบรางวัล Best Full HD LED 4K LED TV Award ให้กับคุณหลินฮวน ฟาน, Marketing manager TCL Thailand

8) Best Full HD TV Award : TCL S6500
Full HD TV ครบ จบในเครื่องเดียว! คือนิยามที่สามารถมอบให้กับ TCL S6500 ได้ เพราะนอกจากจะเป็นทีวีที่สามารถปรับภาพได้ในแบบเชิงลึกแล้ว TCL ยังนำเอา Android 8.0 + Google Assistant มาใส่ลงในเครื่องนี้ให้ด้วย ลองคิดดูขนาดรุ่น 4K ของแบรนด์ตัวเองรุ่นพิมพ์นิยมอย่าง P6US ยังไม่ใช่ Android TV แต่ S6500 รุ่นนี้กลับได้มาใช้เป็นระบบปฏิบัติการของตัวเครื่อง แถมการทำงาน อัตราการตอบสนองก็รวดเร็ว นอกจากนี้ ที่สำคัญคือเป็น Full HD TV ที่รองรับ HDR เสริมศักยภาพด้านภาพให้แจ่มจรัสขึ้น ยกระดับภาพให้สูงกว่า Full HD TV อื่นๆ ขึ้นมาหนึ่งระดับ บวกกับระดับราคาที่ทำได้เย้ายวนใจ อย่างในขนาด 49" ที่ทางเราได้รับมาทดสอบ ก็อยู่ในช่วงหนึ่งหมื่นบาทต้นๆ เท่านั้น ดังนั้นรุ่นนี้สมแล้วที่จะได้รางวัล Best Full HD TV AWARD!!




คุณโรมัน มอบถ้วยรางวัลให้กับ มิสเตอร์ Wu Xianfeng, Operation Director

9) Best Value Full HD TV : Skyworth E6
รุ่นเล็ก…สเป็คแรงส์ คือคำจำกัดความของ Skyworth E6 ถึงแม้เป็นเพียงทีวีความละเอียด Full HD แต่ก็ใจป้ำให้ระบบปฏิบัติการ Android 8.0 + Google Assistant ขั้นเทพมาให้ ซึ่งโดยปกติแล้วทีวีที่ใช้ Android OS แท้แบบนี้มักจะมีต้นทุนสูง แต่ Skyworth ก็กล้าที่จะเอามาใส่ในทีวี Full HD ระดับเริ่มต้น ทุกลูกเล่นฟีเจอร์ที่รุ่นใหญ่ราคาสูงทำได้ เจ้า E6 ตัวนี้ก็สามารถทำได้ ทั้งการสั่งงานด้วยเสียงทั้งภาษาไทยและอังกฤษ มีครบทุกแอพยอดนิยมอย่าง YouTube และ พวกเกมส์กราฟฟิกสวยงาม ตัวเครื่องมีดีไซน์สวย กรอบสีเงินดูดีมีราคา ส่วนระบบภาพและเสียงก็อยู่ในระดับเบสิคทั่วไปเพียงพอกับการใช้งานพื้นฐาน ไม่ได้มีอะไรให้ชมหรือติเป็นพิเศษสำหรับทีวีราคาระดับนี้  รับประกันนาน 3 ปีเต็ม เป็นทีวี 1080p ราคาเบาๆทีมีลูกเล่นการใช้งานที่ไฮโซและแพรวพราวที่สุด เป็นของดีที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้ เลยขอมอบรางวัล Best Value Full HD TV ชี้เป้าให้เลย !





คุณนาวี อินทรสังขนาวิน มอบรางวัล Best Smart TV ให้กับคุณเท็ทซูทากะ ซูดะ

10) Best Smart TV : Sony Android 8.0
ในปีนี้ระบบปฏิบัติการ Android ที่ร่วมผนึกกำลังกับ Google Assistant คือสิ่งที่ยกระดับคำว่า Smart TV ให้เป็น “AI TV” จากทีวีที่แค่ “ฉลาด” สู่ “อัจฉริยะ” อย่างเต็มตัว ทีมงานขอยกตำแหน่งชนะเลิศให้ Sony Android TV โดยเฉพาะรุ่นท็อป A9F ที่มีสปีดการทำงานไวกว่าใครเพื่อน มาดูเหตุผลว่าทำไมถึงคู่ควรกับรางวัลนี้ ?

- Android 8.0 มีหน้า UI แบบใหม่ ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน
- Google PlayStore มีแอพเยอะ ส่วนใหญ่คุณภาพดีและใช้งานได้จริง
- อย่างแอพส์เกมส์ก็มีกราฟฟิกที่สวยงาม เชื่อมต่อกับจอย Dual Shock ของ PS4 เล่นได้แบบจริงจัง
- มี Chromecast Built-In จึง Cast แอพต่างๆแสดงขึ้นจอได้อย่างหลากหลาย
- รองรับการสั่งงานและค้นหาคอนเทนต์ด้วย “คำสั่งเสียง” ทั้งภาษาไทย อังกฤษ จีนและอื่นๆ อันที่จริงครอบคลุมแทบทุกภาษา
- จับคำสั่งเสียงได้ “แม่นยำที่สุด” ร้องเพลงใส่รีโมทซักประโยค ยังโชว์คลิปเพลงนั้นขึ้นมาได้
- ค้นหาหนัง คลิป เพลง ถามหาเส้นทาง หรือกระทั่งพยากรณ์อากาศ ด้วยคำสั่งเสียงได้
- สามารถเชื่อมต่อกับ Google Home หรือ Amazon Echo เพื่อสั่งงานทีวีด้วยเสียง
- รุ่น A9F มีรูไมค์บนตัวทีวี สามารถใช้เสียงสั่งงานโดยตรงกับตัวทีวีได้เลย ไม่ต้องสั่งผ่านรีโมทก็ได้
- มีข้อจำกัดบ้างอย่างแอพ YouTube ยังไม่รองรับ HDR (10/1/2019 ให้อัพเดทแอพล่าสุด = รองรับ HDR แล้ว)
- แต่แอพดูหนังและซีรีส์อย่าง Netflix ก็รองรับ HDR ทั้ง HDR10 และ Dolby Vision
- ส่วน Android TV รุ่นเริ่มต้นสปีดการทำงานอาจไม่ไวถึงใจนัก แต่รุ่นท็อปก็สเป็คแรงขึ้น ทำงานไวกว่ารุ่นก่อนจริง

ย้ำอีกทีว่ายุคนี้ทีวี “ไม่ใช่แค่เรื่องภาพ” ทว่าต้องคำนึงถึงการใช้งานจริงด้วย จะต้องมีแอพหรือคอนเทนต์ที่เราอยากดู และจะต้องเข้าดูได้ง่าย+รวดเร็ว มิใช่ต้องมาใช้รีโมทกด Search ทีละตัวอักษรเหมือนในอดีต นี่แหละคือ “ทีวีที่ปรนิบัติเรา” มิใช่ให้เราไปปรนิบัติทีวี !






คุณโรมัน มอบรางวัล Best Design Award ให้กับคุณณัฏฐ์ โรเบิร์ตส

11) Best Design Award : Samsung Q8C
รางวัลทีวีดีไซน์ยอดเยี่ยมในปีนี้ ทางทีมงานไม่ได้ตัดสินเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามเพียงอย่างเดียว ทว่าต้องสวยอย่างฉลาด และมีประโยชน์กับการใช้งานจริงด้วย ซึ่งเมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว Samsung Q8C ถือว่าเป็นทีวีที่เอาชนะได้ในทั้งรูปลักษณ์ที่สวยงาม และการออกแบบที่คำนึงถึงการติดตั้งมากที่สุด

Samsung Q8C เป็นทีวีจอโค้งเพียงรุ่นเดียวที่ในปีนี้ของ QLED Series ขึ้นชื่อว่าจอโค้งหรือ Curved TV แค่ตั้งไว้เฉยๆก็สวยโดดเด่นเกินหน้าเกินตาทีวีรุ่นอื่นๆ อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีเหตุผลด้านอื่นๆ ที่ทีมงานมองเห็นแล้วว่านี่แหล่ะ คือทีวีที่สวยทั้งรูป….แถมจูบหอมด้วย !

- จอโค้งดีไซน์ขอบบาง ดูสวยโฉบเฉี่ยวทั้งด้านหน้าและหลัง
- หากนั่งรับชมใกล้พอประมาณ ก็จะได้บรรยากาศโอบล้อมหลักการเดียวกับโรงหนัง IMAX ที่เป็นจอโค้งเช่นกัน
- One Invisible Connection รวมทั้งสายไฟ และสายสัญญาณไว้ในสายบางๆ เพียงเส้นเดียวได้จริง จึงไม่มีสายรกรุงรังด้านหลังเครื่อง ดูสะอาดตา เป็นลูกเล่นขวัญใจนักออกแบบตกแต่งภายใน
- ฟีเจอร์ Magic Screen สามารถโคลนนิ่งลวดลายบนผนังมาแสดงบนจอ ช่วยตกแต่งบ้านให้สวยงาม
- เคียงคู่มากับ One Remote รีโมทสีเงินที่มีขนาดจิ๋วแต่แจ๋ว แถมใช้ควบคุมทุกอุปกรณ์เชื่อมต่อได้

สวยทั้งภายใน และภายนอกแบบนี้เปรียบดั่งสาวสวยหุ่นเซี๊ยะที่ทั้งฉลาดและทำงานเก่ง ขอมอบสายสะพายรางวัลดีไซน์ยอดเยี่ยมแห่งปีให้แก่ Samsung Q8C ไปครอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 08, 2019, 11:06:41 am โดย Dear_sir »

ออฟไลน์ Dear_sir

  • Administrator
  • LCD TV member
  • *
  • กระทู้: 181
    • ดูรายละเอียด
    • LCDTVTHAILAND
Re: ตัดสินแล้ว !! 11 รางวัล ทีวีที่ดีที่สุดประจำปี 2018-2019
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 30, 2019, 11:36:17 am »
ถึงคราวประกาศรางวัลโปรเจคเตอร์ และเพลเยอร์รุ่นเด่นประจำปี 2018-2019 ที่ทีมงานได้ทดสอบไป ซึ่งปีนี้ตัวเลือกมีมากกว่าปีก่อนชัดเจน ที่เพิ่มเข้ามา คือ ตัวเลือกโปรเจคเตอร์ 4K HDR รุ่นราคาประหยัดที่สามารถซื้อหามาใช้งานกันได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่จะมีโปรเจคเตอร์และเพลเยอร์รุ่นไหน จากแบรนด์ใด คว้ารางวัลไปบ้าง ??? มาดูกันได้เลยครับ





Editors Choice Award : Epson LightScene EV-100
หากจะมอบรางวัลจ้าวแห่งนวัตกรรม คงไม่มีใครนอกจาก Epson EV-100 โปรเฟสชันนัลโปรเจคเตอร์สำหรับงานจัดแสดง ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นที่สุดในปี 2018 มาพร้อมดีไซน์รูปทรงแบบสปอตไลท์ ซึ่งให้ความกลมกลืนเข้ากับการตกแต่งสถานที่ได้ดีกว่ารูปทรงของโปรเจคเตอร์ทั่วไป อีกทั้งยังมีโครงสร้างที่ยืดหยุ่นต่อการติดตั้ง ปรับหมุนได้อิสระรอบตัว รองรับทั้งการแขวนฝ้าเพดาน ติดผนัง หรือวางพื้น

แต่เหนืออื่นใด คือ คุณภาพของภาพจากเทคโนโลยี 3LCD กับ แหล่งกำเนิดแสงเลเซอร์ความสว่างสูงอายุการใช้งานยาวนาน รองรับลูกเล่นการฉายภาพบนพื้นผิวหรือวัตถุหลากหลายรูปแบบ พร้อมระบบสนับสนุนทั้งช่องต่อรับสัญญาณและซอฟต์แวร์ควบคุมจัดการ เอื้อต่อการสร้างสรรค์ผลงานตามแต่จินตนาการได้ไม่จำกัด



Best Value 4K Projector Award : Acer V6810 & BenQ TK800
ปีที่แล้ว 4K Projector เริ่มทยอยวางตลาด แต่ละแบรนด์จึงจัดเต็มปล่อยตัวท็อปราคาสูงออกมาแทบทั้งสิ้น แต่มาปีนี้เป็นปีทองของ 4K HDR Projector "รุ่นราคาประหยัด" อย่างแท้จริง แถมยังเปิดตัวทำตลาดช่วงออกอากาศบอลโลกแบบ 4K พอดี หลายท่านคงทันได้หิ้วกลับไปลุ้นเชียร์ทีมขวัญใจให้มันสะใจกันบนจอฉายใหญ่ยักษ์ที่บ้าน




คุณโรมัน และคุณชานม มอบถ้วยรางวัล Best Value 4K Projector Award
ให้กับคุณธัญรัก นาสมยนต์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบ็นคิว (ประเทศไทย) จำกัด
และคุณวัชรพงษ์ วงษ์มา ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท เบ็นคิว (ประเทศไทย) จำกัด




คุณพงศ์นริศร์ วิบูลย์กิจจา,ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ กลุ่มธุรกิจค้าปลีก, บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด
กับภาพถ้วยรางวัล Best Value 4K Projector Award
หากเน้นระดับราคาเปิดตัวต่ำที่สุด ต้องยกให้ BenQ TK800 4K HDR Projector ที่มาพร้อมความสามารถแสดงผลแบบ 3D อันเป็นคุณสมบัติด้านความบันเทิงที่หาไม่ได้แล้วกับทีวีในปัจจุบัน ส่วน Acer V6810 ที่ราคาตีคู่กันมานั้น แม้มิใช่ 4K HDR Projector ที่เปิดตัวมาด้วยระดับราคาต่ำที่สุด ทว่าในแง่การถ่ายทอดสีสันที่เที่ยงตรงจากโรงงานถือว่าทำได้ดีที่สุด ไม่รองรับการแสดงผล 3D แต่จะได้เรื่อง High Frame Rate 1080p 120Hz มาแทน จึงน่าจะถูกใจคอเกมฮาร์ดคอร์ ทั้งคู่รองรับความละเอียด 4K XPR ร่วมกับการแสดงผล HDR10






Best Portable Projector Award : ViewSonic M1
หากเป็นเมื่อก่อน คงไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีโปรเจคเตอร์ขนาดเล็กเพียงฝ่ามือ แต่สามารถฉายภาพใหญ่เกินกว่าขนาดตัวไปเป็นสิบๆ เท่า แม้จะรับสัญญาณภาพทาง HDMI และ USB-C แต่ไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องเล่นภายนอกก็ได้ เนื่องจากมี USB Type A Input และ MicroSD Card Slot สามารถเล่นไฟล์มัลติมีเดียพร้อมสรรพ มีระบบเสียงจาก Harman Kardon แหล่งกำเนิดแสง LED ประหยัดพลังงานแถมให้ความสว่างที่พอเพียง ที่สำคัญคืออายุการใช้งานยาวนานจนลืม พร้อมแบตเตอรี่ในตัว จึงพกติดตัวไปใช้งานได้อย่างสะดวกสบายทุกสถานที่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 10, 2019, 10:18:53 am โดย Dear_sir »

ออฟไลน์ Dear_sir

  • Administrator
  • LCD TV member
  • *
  • กระทู้: 181
    • ดูรายละเอียด
    • LCDTVTHAILAND
Re: ตัดสินแล้ว !! 11 รางวัล ทีวีที่ดีที่สุดประจำปี 2018-2019
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 30, 2019, 11:51:31 am »
สิ้นสุดการรอคอย! ผลประกาศรางวัล LCDTVTHAILAND Award ประจำปี 2018 - 2019 กับรางวัล "สุดยอดเครื่องเล่น 4K UHD Blu-ray และสุดยอดซาวด์บาร์ที่ดีที่สุด" แน่นอนว่าการรับชมภาพยนตร์ให้เต็มอรรถรส องค์ประกอบรวมไม่ได้มีแค่ด้านภาพจากทีวีหรือโปรเจกเตอร์เท่านั้น ยังมีอื่นๆ อีกเช่น ซาวด์บาร์และเครื่องเล่น UHD Blu-ray ทางเราจึงอยากตัดสินรางวัลเพื่อเป็นการการันตีในคุณภาพ เพื่อเป็นตัวเลือกตัดสินใจสำหรับทุกท่านด้วย โดยทุกรุ่นผ่านการทดสอบอย่างเข้มข้นตามมาตรฐานของ LCDTVTHAILAND ซึ่งเครื่องเล่นและซาวด์บาร์รุ่นใดบ้าง ที่ได้รับเลือกเป็นผู้ชนะแต่ละรางวัล ลองเดาไว้ในใจ จากนั้นเลื่อนไปดูกันเลย!






คุณโรมัน มอบถ้วยรางวัล Best of The Best 4K Blu-ray Player Award
ให้กับคุณสิงขร หวังศิริเจริญ, General Manager และภาพรางวัล
ให้กับคุณ ธนวัฒน์ วะละลิตร์, Department Manager บริษัท พาวเวอร์บาย จำกัด

Best of The Best 4K Blu-ray Player Award : Cambridge Audio CXUHD
จากการทดสอบอย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อเฟ้นหาเครื่องเล่นแผ่น 4K UHD Blu-ray ที่ดีที่สุดประจำปี 2018 - 2019 ต้องขอมอบรางวัลนี้ให้กับ Cambridge Audio CXUHD สุดยอดเครื่องเล่นจากอังกฤษไปเลย ผลพวงจากจุดเด่นที่รอบด้าน มากกว่าจุดเด่นด้านภาพเพียงด้านเดียว นับตั้งแต่รูปลักษณ์อันน่าดึงดูด มีความเรียบหรู ขนาดไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป เข้ากันได้ทุกกับทุกชั้นวาง

ด้านภาพนั้น สามารถให้สีที่มีความเป็นธรรมชาติ ให้สมดุลย์สีที่ดี ขับความสว่างได้เจิดจรัส สมกับการรองรับ HDR10 และ Dolby Vision อีกหนึ่งคุณสมบัติเด่นด้านภาพยังอยู่ที่การอัพสเกลภาพจากสัญญาณภายนอกที่เชื่อมต่อผ่าน HDMI In ให้มีความละเอียดภาพใกล้เคียง 4K ด้วย อีกทั้งยังรองรับการเล่นแผ่น 3D Blu-ray ที่หาได้ยากในยุคนี้ และการเล่นไฟล์ที่ไหลลื่น ครอบคุลมทุกสกุลไฟล์อย่างครบถ้วน

ด้วยความที่ Cambridge  Audio เป็นแบรนด์เครื่องเสียงเก่าแก่ ส่งผลให้ CXUHD มีเอกลักษณ์ด้านเสียงที่โดดเด่น ตอบโจทย์การฟังเพลงสไตล์ Audiophile อย่างดีเยี่ยม มีพื้นหลังเสียงที่สงัด ช่วยขับรายละเอียดอื่นๆ ให้โดดเด่นไร้สิ่งรบกวนใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนการรับชมภาพยนตร์ก็สนองระบบเซอร์ราวด์ขั้นสูงได้หมดจด ทั้งระบบ Dolby Atmos และ DTS:X ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล Cambridge Audio CXUHD จึงเหมาะสมที่จะเป็นสุดยอดเครื่องเล่น 4K UHD Blu-ray Player ประจำปีนี้จริงๆ






คุณโรมัน มอบรางวัล Best Value 4K Blu-ray Player ให้กับคุณเท็ทซูทากะ ซูดะ

Best Value 4K UHD Blu-ray Player : Sony UBP X700
Sony UBP-X700 เป็นรุ่นที่คว้ารางวัลสุดยอดเครื่องเล่นคุ้มค่าครั้งนี้ไป ด้วยราคาเปิดตัวที่อยู่ในเกณฑ์จับต้องได้ เพียง 10,990 บาท แต่ให้ความสามารถชนิดที่เรียกว่า "ครอบจักรวาล" ก็ไม่ผิด เพราะให้ลูกเล่นและช่องต่อมามากมายไม่น้อยหน้ารุ่นสูงๆ เลย รองรับการรับชมหลายช่องทางตามแต่สะดวก ทั้งแผ่น ไฟล์ และสตรีมมิ่ง

ฟีเจอร์ในรุ่นนี้ก็ทันสมัย สามารถใช้งานได้ระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการรองรับ HDR10, Dolby Vision, Dolby Atmos, DTS:X รวมถึงไฟล์หนังไฟล์เพลงแทบจะทุกสกุล มีช่องต่อ HDMI Out ให้ถึง 2 ช่อง สำหรับแยกภาพและเสียง ซึ่งใครที่ใช้ทีวีธรรมดาไม่มีระบบสมาร์ท UBP-X700 มีแอพฯ สตรีมมิ่งยอดฮิตอย่าง YouTube กับ Netflix ให้ไปรับชมกันด้วย ทั้งหมดนี้จึงทำให้เครื่องเล่น UHD Blu-ray จาก Sony รุ่นนี้เป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุด เกินราคาเปิดตัวเลย






คุณโรมัน พร้อมคุณนาวี อินทรสังขนาวิน มองรางวัล Best of The Best Sound Bar    
ให้กับคุณเกสรี มณีอินทร์, Manager V&S Marketing Department และคุณเท็ทซูทากะ ซูดะ

Best of the Best Sound Bar Award : Sony HT-Z9F
ผลรางวัลสุดยอดซาวด์บาร์ประจำปี 2018 นี้ คงไม่สามารถหนีไปจากซาวด์บาร์ Sony HT-Z9F ได้ เนื่องด้วยคุณสมบัติรอบด้านที่เกินขีดจำกัดของซาวด์บาร์รุ่นปีก่อนๆ ได้อย่างน่าสนใจ ตัวซาวด์บาร์มาในรูปแบบ 3.1-Ch มีซับวูฟเฟอร์ไร้สายให้มาในชุด
ด้านการรับชมภาพยนตร์ ก็เอาใจคอหนังที่ต้องการอรรถรสการรับชมสูง สามารถส่งผ่านสัญญาณภาพ 4K HDR จากเครื่องเล่นไปสู่ทีวี พร้อมรองรับการถอดรหัสเสียง Dolby Atmos และ DTS:X ที่เป็นระบบเสียงสูงสุดของโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ ณ ตอนนี้ เพื่อนำมาจำลองเสียงเซอร์ราวด์ผ่านฟีเจอร์ Vertical Surround Engine ให้มีความโอบล้อมใกล้เคียงระบบเสียง 7.1.2-Ch ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการมิติเสียงที่ดีในพื้นที่ห้องขนาดเล็ก และไม่เอื้อต่อชุดลำโพงขนาดใหญ่

ด้านการฟังเพลงก็จัดเต็ม รองรับการเล่นเพลงที่ความละเอียดสูงระดับ Hi-Res 24bit/96kHz ผ่านการเล่นไฟล์แบบตรงๆ ด้วย USB Drive หรือไฟล์เสียงที่มีความละเอียดต่ำ Sony HT-Z9F ก็มีฟีเจอร์ DSEE HX สำหรับปรับปรุงคุณภาพเสียงความละเอียดต่ำให้มีสมดุลคมชัดขึ้น ซึ่งการฟังเพลงไม่ได้จำกัดเพียงแค่ช่องทางเดียว
ยังสามารถสตรีมมิ่งแอพฯ ฟังเพลงอย่าง Deezer, Spotify, Tidal เป็นต้น ด้วย Chromecast แบบง่ายๆ อีกทั้งสัญญาณ Bluetooth นั้นรองรับเทคโนโลยี LDAC สำหรับการส่งสัญญาณบิตเรทสูงเช่นไฟล์เพลง Hi-Res โดยไม่ลดทอนคุณภาพเสียง

อีกหนึ่งฟีเจอร์แห่งอนาคตที่อยู่ในซาวด์บาร์รุ่นนี้ นั่นคือการรองรับ Google Assistant ไว้ใช้ร่วมกับ Google Home เพื่อสั่งงานได้ด้วยคำสั่งเสียง เพิ่มความสะดวกในการใช้งานไปอีกระดับและเป็นซาวด์บาร์ที่มีหน้าอินเทอร์เฟสแสดงเมนูการใช้งานเหมือนเอวีรีซีฟเวอร์ ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น

ซึ่งทาง Sony ก็ยังใส่ใจในเอกลักษณ์ด้านเสียงของตัวเอง ความความกระแทกกระทั้น คมกระชับ ฟังสนุกได้ทุกสไตล์เพลงและภาพยนตร์ ขนาดตัวเพรียวบางกะทัดรัด ให้ความเรียบหรูดูโมเดิร์น เข้ากันได้กับทุกชั้นวาง เมื่อจุดเด่นเพียบพร้อมทุกด้านแบบนี้ ลูกเล่นทันสมัย ให้อรรถรสในการรับชมภาพยนตร์หรือฟังได้เต็มอิ่ม จึงปฎิเสธไม่ได้ว่า Sony HT-Z9F เป็นสุดยอดซาวด์บาร์ที่ดีที่สุดประจำปี 2018 เลย






คุณกิตติศักดิ์ กาญจนชัยภูมิ ผู้อำนวยการฝ่าย Consumer Products บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จํากัด
เป็นผู้รับมอบรางวัลจากคุณโรมัน แห่ง LCDTVTHAILAND

Best Value Sound Bar :  JBL BAR 5.1
รางวัลซาวด์บาร์ที่คุ้มค่าที่สุดนี้ ต้องขอยกให้กับซาวด์บาร์ JBL Bar 5.1 ไปครอบครอง ส่วนใหญ่แล้ว การสร้างเซอร์ราวด์ของลำโพงซาวด์บาร์มักจะการจำลองเสียงเซอร์ราวด์ จากเทคนิคการสร้างสนามเสียง หรือยิงเสียงชิ่งผนัง ให้ตกสะท้อนมายังตำแหน่งนั่งฟัง
ซึ่งถ้าไม่ใช่รุ่นท็อปราคาสูง มักจะมีข้อจำกัดเยอะจนอาจได้เซอร์ราวด์ที่ไม่แม่นยำเต็มอรรถรสเท่าไร ทำให้บางยี่ห้อต้องพ่วงลำโพงเซอร์ราวด์ไร้สายมาประกอบให้เต็มระบบ 5.1-Ch แต่กระนั้นก็ไม่ถือว่าไร้สายเสียทีเดียว เพราะยังต้องใช้สายไฟเป็นแหล่งให้พลังงาน

จนมาถึงรุ่นนี้ JBL Bar 5.1 ที่สร้างความคุ้มค่าได้ด้วยการเป็นซาวด์บาร์และชุดโฮมเธียเตอร์ 5.1-Ch จริงๆ ได้ในชุดเดียวแบบ 2 in 1 เลย ในราคาเปิดตัว 28,900 บาท เพราะนอกจากจะเป็นซาวด์บาร์แท่งยาวๆ ที่มาพร้อมซับวูฟเฟอร์ไร้สายแบบทั่วไป ส่วนปลายของซาวด์บาร์แต่ละข้างสามารถแยกชิ้นส่วนออกมาเป็นลำโพงเซอร์ราวด์ขนาดกะทัดรัด ให้สุ้มเสียงประดุจลำโพง Sattellite ที่สำคัญเลยคือ ลำโพงเซอร์ราวด์นี้เป็น True Wireless ไม่ต้องมีสายใดๆ มาโยงใยทั้งสิ้น แม้กระทั่งสายไฟ จากการที่ได้บิลต์อินแบตเตอรี่มาในตัว ใช้งานได้นานประมาณ 10 ชม. เมื่อแบตฯ หมดหรือไม่ได้ใช้ ก็นำกลับมาเสียบคืนที่ตัวซาวด์บาร์ เพื่อทำการชาร์จไฟนั่นเอง

ช่องต่อต่างๆ ก็มีให้ครบครัน ส่งผ่านสัญญาณ 4K HDR ไปยังทีวีได้ ยังสามารถเล่นไฟล์เพลง MP3 กับ WAV ผ่าน USB ด้วย หรือจะใช้งานไร้สายผ่านสัญญาณ Bluetooth ก็ทำได้ อีกทั้ง JBL Bar 5.1 สามารถปรับจูนเสียงให้เข้ากับทุกสภาพห้องได้ง่ายๆ ด้วยลูกเล่น Auto Calibration นำไมโครโฟนรับเสียงที่ให้มาในชุดมาเสียบกับซาวด์บาร์ แล้วเลือกโหมดปรับแต่งเสียง ระบบจะทำการปรับจูนอัตโนมัติ รอเพียงครู่เดียวก็ได้คุณภาพที่เหมาะกับสภาพห้อง คุ้มค่าขนาดนี้ ต้องขอมอบตำแหน่งซาวด์บาร์ที่คุ้มค่าที่สุดให้ครอบครอง






คุณโรมัน มอบถ้วยรางวัล Best Budget Sound Bar - Polk Audio Signa Solo
ให้กับคุณสิงขร หวังศิริเจริญ, General Manager และภาพรางวัล
ให้กับคุณ ธนวัฒน์ วะละลิตร์, Department Manager บริษัท พาวเวอร์บาย จำกัด


Best Budget Sound Bar : Polk Audio Signa Solo
มาถึงประกาศรางวัลที่หลายท่านน่าจะให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือรางวัลสุดยอดซาวด์บาร์ราคาประหยัด ซึ่งซาวด์บาร์ที่คว้ารางวัลนี้ไปได้แก่ Polk Audio Signa Solo ด้วยเหตุผลอย่างแรกเลยอยู่ที่ราคาเปิดตัว แค่เพียง 6,900 บาทเหตุผลต่อมาอยู่ที่คุณภาพเสียงอันโดดเด่น ถึง Signa Solo จะไม่มีซับวูฟเฟอร์มาให้ในชุด แต่ความกระหึ่มและความกระแทกกระทั้นไม่ได้ด้อยเลย ผลพวงจากดอกลำโพงฟูลเรนจ์ขนาด 2.5 นิ้ว จำนวน 4 ดอก ตอบสนองย่านเสียงต่ำได้ถึง 50Hz ไปจนถึง 20kHz เมื่อ 2 เหตุผลนี้มาอยู่ด้วยกัน ทำให้ซาวด์บาร์รุ่นนี้มีความน่าสนใจสูงสำหรับใครที่ต้องการอัพเกรดเสียงการรับชม ให้เต็มอรรถรสกว่าลำโพงจากทีวีได้หลายเท่า ในระดับราคาที่ไม่ยากจะจับจอง

อีกทั้งยังรองรับรหัสเสียงหลายระบบ โดยเฉพาะ Dolby Digital ระบบเสียงหลักของบริการสตรีมมิ่งต่างๆ อย่าง Netflix ไม่ต้องกลัวเรื่องคุณภาพเสียงตกหรือเสียงไม่ออกเลย สามารถปรับแต่งเสียงได้หลากหลาย มีทั้งโหมดเสียงสำเร็จรูป และปุ่มแยกปรับระดับเสียงสนทนากับเสียงเบส เพื่อเสียงพูดในการรับชมมีความดังชัดเจนขึ้น หรือจะปรับเสียงเบสให้อิ่มแน่นดุดันก็ทำได้ตามใจชอบ

รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Optical ซึ่งมีแถมอยู่ในชุด ไม่ต้องหาซื้อเพิ่มเติม และยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายผ่านสัญญาณ Bluetooth รูปลักษณ์ดีไซน์เป็นมิตรกับทุกชั้นวางและสภาพห้อง ด้านหลังลำโพงมีรูสำหรับการติดตั้งแบบแขวนด้วย ทั้งหมดทำให้ Polk Audio Signa Solo คู่ควรแก่รางวัลนี้ เหมาะแก่ใครที่มองหาซาวด์บาร์ราคาเบาๆ หรือมือใหม่ที่ต้องการเครื่องเสียงมาเติมเต็มการฟังให้มากขึ้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 07, 2019, 03:34:06 pm โดย Dear_sir »