ผู้เขียน หัวข้อ: หุ้นไทยดิ่ง -9.22 จุด เหตุกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ส่งผลกระทบกลุ่มโภคภัณฑ์  (อ่าน 705 ครั้ง)

ออฟไลน์ deam205

  • Hologram 3D TV member
  • ******
  • กระทู้: 19,104
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
หุ้นซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายไทยปิดตลาดร่วง -9.22 จุด แตะ 1,634.20 จุด เหตุความกังวลแรงเทขาย ฉุดความเชื่อมั่น ผลกระทบกลุ่ม Commodity หลังจีนส่งสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว จากความขาดแคลน Supply

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ที่ระดับ 1,634.20 จุด ลดลง 9.22 จุด (-0.56%) มูลค่าการซื้อขาย 65,177.10 ล้านบาท โดยในระหว่างวันดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ ปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,645.91 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,631.29 จุด ขณะที่ นักวิเคราะห์ ฯ ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากแรงเทขายในหุ้นกลุ่ม Commodity หลังจากที่ประเทศจีนส่งสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งการปรับขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เนื่องจากขาดแคลน Supply ส่วนตลาดภูมิภาค-ตลาดในยุโรปแกว่งไซด์เวย์ และตลาดหุ้นต่างประเทศช่วงนี้จะแกว่งไปตามงบ ฯ ของแต่ละตลาด แนะจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 4 พ.ย.นี้ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,630-1,645 ส่วนกรอบสัปดาห์นี้ให้ไว้ที่ 1,610-1,660 จุด

ขณะที่ปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 2,781.20 ล้านบาท , บัญชีบล.ซื้อสุทธิ 569.09 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า สถาบันขายสุทธิ -1,243.84 ล้านบาท , นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ -2,106.45 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 490 หลักทรัพย์ ลดลง 1,354 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 433 หลักทรัพย์

ขณะที่หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 
1.KBANK 4,007.70 ล้านบาท ปิดที่ 141.00 บาท ลดลง -0.50 บาท หรือ (-0.35%)
2.BBL 2,514.46 ล้านบาท ปิดที่ 123.50 บาท เพิ่มขึ้น +1.50 บาท หรือ (+1.23%)
3.BANPU 2,114.74 ล้านบาท ปิดที่ 12.10 บาท ลดลง -0.40 บาท หรือ (-3.20%)
4.SPALI 1,665.33 ล้านบาท ปิดที่ 22.80 บาท เพิ่มขึ้น +1.20 บาท หรือ (+5.56%)
5.AOT 1,612.71 ล้านบาท ปิดที่ 65.00 บาท ลดลง -0.75 บาท หรือ (-1.14%)

ส่วนหุ้นกลุ่ม SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.INTUCH ปิดที่ 73.75 บาท เพิ่มขึ้น +2.25 บาทหรือ+3.15%
2.MEGA ปิดที่ 46.75 บาท เพิ่มขึ้น +1.50 บาทหรือ +3.31%
3.BBL ปิดที่ 123.50 บาท เพิ่มขึ้น +1.50 บาทหรือ +1.23%
4.SPALI ปิดที่ 22.80 บาทเพิ่มขึ้น +1.20 บาท หรือ +5.56%
5.CBG ปิดที่ 119.50 บาท เพิ่มขึ้น +1.00 บาท หรือ +0.84%

ขณะที่หุ้นกลุ่ม SET100 ที่มีราคาปรับตัวติดลบมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่

1.DELTA ปิดที่ 440.00 บาท ลดลง-12.00 บาทหรือ-2.65%
2.PTTEP ปิดที่ 122.50 บาท ลดลง -3.00 บาทหรือ-2.39%
3.BH ปิดที่ 140.50 บาท ลดลง -2.00 บาทหรือ-1.40%
4.STA ปิดที่ 33.75 บาท ลดลง -1.75 บาทหรือ -4.93%
5.BCP ปิดที่ 28.50 บาท ลดลง -1.50 บาท หรือ -5.00%

ด้านดัชนี SET100 ปิดที่ 2,238.18 จุด ลดลง -12.98 จุด หรือ -0.58% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 982.81 จุด ลดลง -6.00 จุด หรือ -0.61% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 558.78 จุด ลดลง -0.87 จุด หรือ -0.16%

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เผชิญแรงขายจากหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) หลังจากที่จีนส่งสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งรอบนี้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นไปเกิดจากการขาดแคลน Supply ทำให้รอบนี้มองว่าการปรับตัวขึ้นของกลุ่ม Commodity ไม่ยั่งยืนเพราะไม่ได้เกิดจากความต้องการด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ต่างก็แกว่งไซด์เวย์ ซึ่งช่วงนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศจะเคลื่อนไหวไปตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในแต่ละตลาดฯ โดยสัปดาห์นี้มีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะต้องติดตาม แต่ไม่ได้ให้น้ำหนักเท่าไร

อย่างไรก็ดีในส่วนของแนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้มองว่าตลาดหุ้นจะคงจะแกว่งอย่างไร้ทิศทางหลังจากที่ได้ตอบรับเรื่องการเปิดเมือง (Reopening) ไปแล้ว จากนี้ก็ให้รอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 4 พ.ย.นี้ ว่าจะมีการส่งสัญญาณอย่างไร โดยให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,630-1,645 จุด ขณะที่กรอบสัปดาห์นี้ให้ไว้ที่ 1,610-1,660 จุด