ผู้เขียน หัวข้อ: ‘เฟทโก้’ ชี้ความหวังเปิดประเทศดันศก.ฟื้น หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนพุ่งร้อนแรงสุดเป็นประวัติการณ์  (อ่าน 899 ครั้ง)

ออฟไลน์ deam205

  • Hologram 3D TV member
  • ******
  • กระทู้: 18,943
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (เฟทโก้) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ประจำเดือนตุลาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 168.69 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.2% จากเดือนกันยายน ที่ผ่าน อยู่ในเกณฑ์ร้อนแรงอย่างมาก ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นสูงสุดตั้งแต่เริ่มทำการจัดทำดัชนีมา โดยได้แรงสนับสนุนจากความคาดหวังการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว หลังจากเริ่มเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งคาดหวังว่า เศรษฐกิจจะสามารถฟื้นตัวได้ดีขึ้น รวมถึงแผนการฉีดวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์การระบาดโควิด-19 โดยการเปิดประเทศ คงยังไม่ได้ส่งผลดีในแง่การเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวนมากๆ ภายในปีนี้ แต่เชื่อว่าจะเห็นผลชัดเจนมากขึ้นในปี 2565 โดยปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด คือ ความกังวลต่อระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ หลังเปิดประเทศ ซึ่งหากรัฐบาลมีการบริหารจัดการที่ดีในเรื่องระบบสาธารณสุข ไม่เกิดการระบาดระลอกใหม่ขึ้น เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น เพราะหากโควิด-19 แย่ลงอีกครั้งจนทำให้ภาครัฐต้องกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์หรือปิดธุรกิจอีก จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ขณะที่ประเมินว่า สถานการณ์การเมืองในประเทศ ใกล้เข้าสู่ช่วงของการเลือกตั้ง และหาเสียง มากกว่าการฟาดฟันกันแบบเดิม รวมถึงเชื่อว่ารัฐบาลน่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมออกมาสนับสนุนนโยบาย เพื่อให้เศรษฐกิจดีขึ้น และกลับมาเป็นรัฐบาลเหมือนเดิม ทำให้เชื่อว่า ในปี 2565 จะเห็นมาตรการใหม่ออกมา เพราะรัฐบาลได้ขยับเพดานหนี้สาธารณะสูงขึ้นที่ 70% จากเดิม 60% ต่อจีดีพี


“ที่ผ่านมาเงินถูกใช้ไปกับการเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่ในระยะถัดจากนี้ เมื่อเปิดประเทศแล้ว ผลกระทบจะลดลง ก็ต้องสร้างแรงกระตุ้น จึงอยากให้รัฐบาลเน้นการใช้เงินกับการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า เพื่อเร่งเครื่องยนต์เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีอย่างก้าวกระโดด และเร็วขึ้นมากกว่าการโตแบบธรรมชาติ” นายไพบูลย์ กล่าว






นายไพบูลย์ กล่าวว่า ทิศทางเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ประเมินว่ามีโอกาสเข้ามาอีกมาก หลังจากเปิดประเทศแล้ว โดยในเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา เริ่มเห็นฟันด์โฟลว์เข้ามาแล้วประมาณ 15,000 ล้านบาท ถือเป็นครั้งแรกที่เป็นบวกและอยู่ในระดับสูงสุดของปีนี้ ซึ่งหากยังอยู่ในระดับดังกล่าวอย่างต่อเนื่องก็คาดว่าในปี 2565 อาจเห็นฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามากกว่า 1 แสนล้านบาท ในกรณีที่จีดีพีปีหน้าจะฟื้นกลับมาโตได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ 3.5% หรือโตมากกว่า 4% โดยการไหลเข้าของฟันด์โฟลว์ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะทิศทางอัตราเงินเฟ้อ ส่วนประเทศไทย มองว่าหากรัฐบาลเปิดเมืองได้ดี โควิดไม่กลับมาอีกระลอก เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวขึ้นได้ช้ากว่าภาพรวม สะท้อนได้จากปรับขึ้นมาแค่ 3% เทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ปรับตัวขึ้นไปแล้ว 40%