What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Procella , SVS, Anthem, Parasound,Audyn

[keamglad]

ส่ง JL E112 อีกตัวให้คุณอี๊ดที่ดินแดงครับ



พี่อี๊ดบอกกับเราว่าของเดิมใช้ SVS อยู่ แต่ช่วงนี้ไปลองฟัง E112 มาเทียบกับ Klipsch แล้วชอบน้ำเสียงเจ้า E112 มาก
และเห็นเพื่อนเปลี่ยนมาเล่น JL E112 แล้วก็เกิดอาการคันมากๆ ทำยังไงก็ไม่หาย
เลยสั่ง E112 มาเล่นให้หายจากอาการ

ตัวนี้งานเรียบร้อยมาตั้งแต่กล่องเลยครับ กล่องสะอาด กริ๊บ งานประกอบ Built in America แท้ๆ ดอกลำโพง ขอบยางอายุการใช้งานนานหายห่วง
แอมป์กำลังขับ 1,500 watts RMS Class D ในตัว
ลงลึกได้ 22 – 118 Hz (± 1.5 dB)
คุณภาพด้วยการออกแบบมาแบบตู้ปิดทำให้เบสที่ได้สะอาด สะอ้าน... กระชับ หนัก ความเพี้ยนต่ำ ถ้าได้ฟังแล้วต้องบอกว่าเป็นซับที่คุณภาพสมกับราคา 6หมื่นกว่าบาทจริงๆ

ราคาและสเปก E112: http://www.whatthatsound.com/product/278/jl-e112

*** รูปซับไม่ได้ถ่ายจากตัวจริงที่ห้องคุณอี๊ด แต่เป็นรูปจากต่างประเทศ

[keamglad]

Sound Bar Klipsch R4B ตัวใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเข้าบ้านเรา จัดส่งให้คุณ วิทยา ประยงค์พันธ์ ที่บางกอกแกรนด์ บูเลอวาร์ด บางแค

ตัวนี้จุดเด่นก็คือราคาย่อมเยา มีซับวูฟเฟอร์ไวร์เลสขนาด 6 นิ้ว และตัวซาวด์บาร์มีขนาดบางมากทำให้สามารถติดตั้งกับทีวีสมัยใหม่ได้โดยไม่บังจอครับ ตัวนี้มีช่องเชื่อมต่อให้สามแบบ คือ Optical, RCA, Bluetooth



ถ้าใครมองหาซาวบาร์ขนาดย่อมๆ มีซับวูฟเฟอร์ wireless ราคาย่อมเยาว์ ตัวนี้ตอบโจทย์ได้แน่นอนครับ แถมในกล่องให้หัวปลั๊กแบบ universal สำหรับใช้ได้ทุกประเทศทั่วโลกมาด้วย

---------------------------------------------------------------------------
สเปกและราคา Klipsch R4B: http://www.whatthatsound.com/product/…/klipsch-r-4b-soundbar ราคา 14900

http://goo.gl/6qs5Ri
---------------------------------------------------------------------------



ก่อนกลับได้รับความอนุเคราะห์จากเจ้าของบ้าน เชื้อเชิญให้แวะฟัง Proac และ Rotel ซิสเต็มอีกห้องนึงของบ้าน
งานนี้เดินออกจากบ้านไปพร้อมกับความอิ่มเอิบใจกับเสียงเพลงเพราะๆ ที่ให้เสียงหวานหยาดเหยิ้ม.... และเสียงแหลมทอดยาวกำลังดี

[keamglad]

จัดส่ง Klispch RB-61 II ลำโพงบุ๊กเชลฟ์ไปให้ลูกค้าที่สตูลครับ (รูปลำโพงไม่ใช่ของจริง แต่ยืมรูปจากรูปลูกค้าอีกที่นึง .. ซิสเต็มของคุณอาชวิน ที่หัวหิน)

งานนี้ผมค่อนข้างรู้สึกผิดพอสมควร
เพราะลูกค้าสั่งซื้อมาตอนเย็นวันศุกร์ ตกลงว่าวันเสาร์ส่งให้....
เช้าวันเสาร์ผมจัดการแปะชื่อที่อยู่และก็จะไปส่ง SDS ให้ ปรากฏว่าลืมเช็คก่อนว่าวันเสาร์ที่ 5 เป็นวันพ่อแห่งชาติ ขนส่ง SDS หยุดครับ
โทรเช็ค SD Express ก็หยุด จะเปลี่ยนไป Nim Express ก็ปิดเช่นกัน

สุดท้ายบากหน้าโทรไปขอโทษลูกค้าว่าขอส่งวันจันทร์ เพราะขนส่งหยุดเกือบทุกที่ จะเอาไปให้เองคงไม่ไหวเพราะอยู่ตั้งสตูล T_T ขนส่งเปิดวันนี้จะรีบเอาไปส่งให้อย่างด่วนครับผม

ราคาและสเปก RB-61 II: http://www.whatthatsound.com/product/33/klipsch-reference-rb-61-ii-clearance

[keamglad]

จัดส่ง Klipsch RF42 II ไปพระนั่งเกล้า

ลำโพงตั้งพื้นไซส์เล็กสุด (ดอก 4") ตัวนี้ไซส์เล็กนิดเดียว ขนาดกระทัดรัดสุดๆ ใครที่ห้องเล็ก หรือคอนโด อพาร์ทเม้น ที่อยากเล่นลำโพงตั้งพื้น แต่กลัวเสียงล้น เสียงเกิน ตัวนี้เป็นทางเลือกที่ดีครับ เพราะได้แรงกระแทกระดับลำโพงตั้งพื้น และตัวตู้ลำโพงขนาดกำลังพอเหมาะ ไม่เกะกะ แถมยังหา AVR ขับง่ายอีก แอมป์ขนาด 40-60 วัตต์ก็ขับตัวนี้หลุดตู้ได้แบบสบายๆ เพราะ Sensitivity ตัวนี้สูงถึง 95 db

และโค้งสุดท้ายแล้วกับ Klipsch Reference II Series ที่เหลือสต๊อกอีกไม่มากในบ้านเรา หมดแล้วหมดเลย ก่อนที่จะเป็นตำนานของลำโพงโฮมเธียร์เตอร์ที่จะหาซื้อไม่ได้อีกต่อไป ได้ข่าวมาว่าตอนนี้ RF82II เหลือแค่คู่เดียวเท่านั้น ส่วน RS62II ลำโพงเซอรราวด์ไบโพล และ RC64II เซ็นเตอร์รุ่นท๊อปนั้นของหมดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

[keamglad]

ส่ง Onkyo HT-S5700 ให้ลูกค้าที่หาดใหญ่ครับ (ส่งผ่าน SDS)
ตัวนี้เป็นชุด In The Box รุ่นกลางของ Onkyo ราคาไม่เกิน 20000 บาทอีกตัวที่คุ้มค่าเพราะคาคาค่าตัวไม่แพงและได้ทุกอย่างมาครบ

ถ้าใครไม่สนใจ dolby atmos ตัวนี้น่าสนใจครับ

ราคาและสเปก Onkyo HT-S5700: http://www.whatthatsound.com/product/57/onkyo-ht-s5700

[keamglad]

เมื่อวานมีโอกาสไปส่ง Klipsch RC-64 II สีดำตัวนี้ให้ลูกค้าเก่าที่แถวสาทรครับ

พี่ท่านนี้คุยกันผ่านไลน์บ้าง สั่งของผมก็ให้เมสเสนเจอร์ไปส่งบ้างมาโดยตลอด เรียกว่าไม่เคยเจอหน้ากันเลย เมื่อวานถือโอกาศนี้เอาไปส่งด้วยตัวเอง ไปถึงเจอหน้ากัน... คนที่ตื้นเต้นที่สุดที่เจอผมและได้เซ็นเตอร์ใหม่ไม่ใช้ลูกค้านะครับ แต่เป็นเจ้าตัวนี้ ออกมายืนยิ้ม แอ๊คท่าถ่ายรูปประหนึ่งว่า จะให้แกะออกมาดูหน่อยสิ ไหนเอามาลองฟังหน่อยได้มั๊ย

เดิมเจ้าของใช้ Klipsch RP-450C (Premier) อยู่ และอยากจะอัพเซ็นเตอร์ ก็เลยฝากปล่อยตัวเก่าและสั่งตัวนี้มา ซึ่ง RC-64 II ตัวนี้เป็นลำโพงในซีรี่ย์ Reference II และเป็นรุ่นใหญ่ที่สุด ที่แม้แต่รุ่นใหม่อย่าง Reference Premier ก็ไม่ได้ผลิตลำโพงไซส์นี้ออกมา
จำหน่ายครับ

จะว่าไปความสุขของคนรักเครื่องเสียงอย่างเราๆท่านๆ นี่ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ... ขอแค่ให้เสียงดีขึ้น ได้เล่นได้ลองได้ฟังอะไรใหม่ๆ ดีๆ.. อย่าว่าแต่ลูกค้าเลยครับ ผมเองเวลาได้ของใหม่ๆมาทดสอบหรือ เสียงในระบบเปลี่ยนนิดหน่อยผมก็อดตื่นเต้นและมีความสุขไม่ได้ทุกที

ปล ขอบคุณพี่เจ้าของที่อุตส่าห์ช่วยแนะนำและดูรถให้ผมด้วยครับ




--------------------------------------------------------------------------
อ่าน Full review Klipsch RC-64 II ในรูปแบบเว็บไซต์ได้ที่นี่ : http://goo.gl/oUMiGZ
--------------------------------------------------------------------------

จุดเด่นของ RC-64 II

1. ใช้ดอกลำโพงขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว high-output woofers ถึง 4 ดอกเรียงกันในแนวนอน ต่างจากตัว RC-62 II ที่ใช้เพียงสองดอก
และ Crossover ภายในของ RC-64 II ตัดการทำงานให้ทำงานได้พร้อมกันทั้งสี่ดอก ต่างจาก Crossover ของ RP-450C ที่ตัดการทำงานทีละสองดอกและใช้ดอก 5.25 นิ้ว





2. ใช้ทวีตเตอร์ขนาดใหญ่แบบพิเศษขนาด 1.75 นิ้ว แบบ Dynamic 1.75" titanium Linear Travel Suspension horn-loaded tweeter ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่ถ่ายทอดมาจากซีรี่ย์เรือธงอย่าง Palladium Series ที่แจ้งไว้ว่าทวีตเตอร์ตัวนี้ให้เสียงที่เปิด ละเอียด ชัด และเป็นธรรมชาติสมจริงตามที่บันทึกมา
โดยทวีตเตอร์แบบปกติของ Klipsch ในรุ่น Reference II และ Reference Premier จะเป็นแบบ 1 นิ้ว ยิ่งทวีตเตอร์ใหญ่ก็ยิ่งตอบสนองเสียงกลางแหลมได้ละเอียดขึ้นครับ





3. ตัวตู้ แข๊งแรง บึกบึน หนักแน่น หนาปึ๊กเหมาะที่จะใช้เป็นแผงหน้า

4. งานประกอบ Made in USA (Assembled in USA) ผิวไม้ใช้แบบเฟอร์นิเจอร์เกรด เงามาก มีดีเทล มีลวดลายเหมือนไม้จริง.. ถ้าได้เห็นตัวจริงจะรู้ว่างานผิวไม้เค้าปราณีตจริงๆ (ผิวไม้และลายไม้ใช้คนละแบบกับลำโพงรุ่นน้องในตระกูล Reference II)




5. ราคาไม่แพง เพราะปัจจุบันบ้านเราจับมาทำราคา Clearance ราคาอยู่ประมาณ 3 หมื่นปลาย ถึง 4 หมื่นก็จับจองเป็นเจ้าของเจ้ายักษ์ใหญ่ตัวนี้ได้แล้ว ในขณะที่ RC-62 II รุ่นรองลงมานั้นค่าตัวอยู่ที่ราวๆ หมื่นปลายๆถึงสองหมื่น... ถ้ากระโดดมาตัวท๊อป RC-64 IIจ่ายสองเท่าแต่ได้ทวีตเตอร์แบบ Dynamic 1.75" Titanium และได้ดอกลำโพงเพิ่มอีกสองดอก พร้อมทั้งงานประกอบ made in USA และงานประกอบ ผิวไม้แบบเฟอร์นิเจอร์เกรด เรียกว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายเพิ่ม..

Specification : Klipsch RC-64 II

Design: ออกแบบมาเป็นตู้ปิด - acoustic suspension (sealed)

ตอบสนองความถี่" 59-24,000 Hz (±3dB)

รองรับกำลังขับ: up to 200 watts RMS (800 watts peak)

ค่าความไว sensitivity: 99 dB, 8-ohm impedance

ทวีตเตอร์แบบ Tractrix® horn with 1.75" titanium dome tweeter

ดอกวูฟเฟอร์ 6.5" Cerametallic™ woofers 4 ดอก

Klipsch Tapered Array™ eliminates acoustic interference between woofers for accurate sound

ขั้วต่อลำโพงแบบไบไวร์ (dual binding posts for bi-amping or bi-wiring)

Video-shielded: มี (จริงๆไม่จำเป็น เดี๋ยวนี้เล่น PJT หรือ LED หมดแล้ว)

Accessoris: ให้ตัวหนุนลำโพงสำหรับติดตั้งแบบเชิดหน้าหรือก้มลงมาในกล่อง

ผิวลำโพงแบบfurniture-grade black ash wood veneer

ขนาดตัวตู้: สูง 8" x กว้าง 35.75" x ลึก 12.8"

น้ำหนัก 26.6 กิโลกรัม

จะเห็นว่าที่พิเศษคือค่าความไวสูงมาก 99 dB เรียกว่าค่าความไว้แตะระดับ 100 dB ง่ายๆคือป้อนกำลังขับ 1 วัตต์ สามารถให้ความดังได้ 99 dB นั่นเอง เป็นลำโพงที่มีค่า Efficient สูงมากๆเกือบจะที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในตลาดแล้วครับ

ดังนั้นถามว่ากินวัตต์มั๊ย... ตอบว่า ไม่กินครับ.. เอาแอมป์อะไรมาขับก็ออกแน่นอน เกิน 50-70% แต่ถ้าจะให้เสียงดี ได้เต็มประสิทธิภาพของมันก็ควรจะได้แอมป์ถึงๆหน่อย..
ตัวนี้ยังอยู่ในพิกัดที่สามารถเอา AVR มาขับได้อยู่ครับ

[keamglad]

จัดส่งชุดลำโพง Wharfedale Pro PMX-500 ลำโพงพร้อม power mixer ในตัว พร้อมไมค์  และ Active Subwoofer Wharfedale Sub A15 ไปให้ลูกค้าที่เกาะพงัน จังหวัดสุราษครับ  

โดยชุดลำโพง Wharfedale Pro PMX-500 เป็นชุดลำโพง PA ขนาดกระทัดรัดที่ใช้งานกลางแจ้งในพื้นที่จำกัด ไม่ใหญ่มาก เช่นร้านอาหารที่ต้องการเปิดเพลงไปด้วยไม่หนักมาก บนเวทีเล็กๆในร้าน มีคนฟังพอประมาณไม่เยอะมาก หรือในบ้าน ในห้องคาราโอเกะ  



ตัวนี้ลูกค้าเปิดร้านอยู่ที่เกาะพงัน  โจทย์ว่าเปิดดนตรีแนว House ตอนแรกแนะนำชุด CerwinVega ไปแต่ติดว่าลูกค้าแจ้งว่าเปิดเบาๆแค่บรรยากาศไม่ได้ House จ๋าแบบตี๊ดๆแบบอารมณ์ ibiza หรือผับอะไรขนาดนั้น  ต้องการเพลงคลอไปด้วยแบบได้บรรยากาศ  สุดท้ายมาจบที่ชุด PMX-500 ที่มี power mixer และลำโพงกลางแหลมอีกหนึ่งคู่ และมีไมค์แถมให้อีกหนึ่งตัว

และสั่ง Subwoofer Active ไปอีกหนึ่งตู้รุ่น Wharfedale Sub Titan A15 ขนาด 15 นิ้วเพื่อไปเสริมบรรยากาศให้น่าฟัง
เพราะดนตรีเฮาท์ที่ขาดเบสหนุบหนับๆ ก็เหมือนกินต้มจืดร้อนๆแต่ไม่มีข้าวสวยครับ

ขนส่งเอกชนส่วนใหญ่ไม่ค่อยส่งให้ถึงพงันครับเพราะเป็นเกาะเดินทางยาก  ตัวนี้เราเลยใช้ พะงัน Logistic ที่จัดส่งไปให้ถึงเกาะพงันโดยเฉพาะ ปลอดภัยรวดเร็วกว่าครับ

ถ้าโจทย์คือต้องการลำโพงทนๆมาใช้ทำคาราโอเกะ หรือใช้กึ่งๆกลางแจ้ง ใช้ลำโพงบ้านไม่ไหว เสียงหาย เบสหาน ทางเลือกที่เหมาะสมคือใช้ลำโพง PA ครับ   ถ้าพื้นที่เวทีไม่ใหญ่ หรือห้องขนาดกลางๆ มีผู้ฟังไม่เยอะ ตัวนี้ราคาย่อมเยาว์และเหมาะมากครับ ไม่ใหญ่โตจนน่ากลัว ตัวเล็กๆน่าใช้ด้วย

----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ราคาและสเปก Wharfedale Pro PMX-500 System: http://www.whatthatsound.com/product/289/wharfedale-pro-pmx-500-system

ราคาและสเปก Wharfedale ProTitan Sub A15: http://www.whatthatsound.com/product/290/wharfedale-pro-titan-sub-a15-active-subwoofer
----------------------------------------------------------------------------------------------------------




*** ลำโพง PA คือ Public Address ที่ใช้ในงานกลางแจ้ง วัตถุประสงค์ของการออกแบบลำโพงจะแตกต่างจากลำโพงบ้าน เน้นประสิทธิภาพสูง ทน เสียงดัง ส่วนใหญ่จะมีค่าความไวหรือ Sensitity สูงกว่า 100 เกือบทั้งนั้น ส่วนลำโพงบ้านค่า Sen จะต่ำกว่าลำโพง PA ข้อดีของ PA คือใช้กระจายเสียงได้กว้าง เปิดได้ดัง ทนวัตต์ รับกำลังขับได้สูง ดังนั้นจึงเหมาะที่จะใช้ในงานคอนเสิรต์ หรือตามร้าน ผับบาร์ หรือห้องที่มีขนาดใหญ่ๆ

ข้อเสียคือ ความละเมียดละไมสู้ลำโพงบ้านไม่ได้ ความหวานแบบที่คนเล่นลำโพงบ้านต้องการจะไม่มี  และการตอบสนองความถี่ไม่กว้างเท่าลำโพงบ้าน ส่วนใหญ่ลำโพงกลางแหลมตอบสนองความถี่ได้ระดับนึง ลำโพงดีๆยี่ห้อแพงๆก็ตอบสนองได้กว้างขึ้นแต่จะมีราคาแพงขึ้นไปตามประสิทธิภาพ  ส่วนลำโพงไทยทำไทยประดิษณ์ส่วนใหญ่จะราคาถูก แต่คุณภาพก็ตามราคา

ดังนั้นการใช้งานให้ตรงวัตถุประสงค์จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก  การเอาซับบ้าน หรือลำโพงบ้านมาเปิดกลางแจ้งเป็นการใช้งานที่ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ลำโพงออกแบบมา  
เปิดได้มั๊ย ได้ครับ แต่ไม่ดี เปิดได้ไม่ดัง เบสหาย กลางแหลมบางจ๊อย เหมือนเอาลำโพงไปเปิดกลางทุ่ง  เปิดอัดไปก็บั่นทอนลำโพง แอมป์ อายุการใช้งานก็สั้น  ลำโพง PA ดีๆ คุณภาพสูงที่ใช้งานในร้าน ผับ หรืองานคอนเสริต์ดีๆ มีครับ คุณภาพเมื่อไปใช้ในงานแสดง ดนตรี  Live นั้นคุณภาพดีกว่าใช้ลำโพงบ้านแน่นอน ล้านเปอร์เซ็นต์  
ลำโพงบ้านออกแบบมาไว้ใช้ในบ้าน ใช้หลักการสะท้อนของเสียง ให้เสียงดีในห้องที่มีจำกัด ไม่ได้เอาไว้เปิดขึ้นเวที ออกงานครับ มันให้เสียงดังได้แน่นอน แต่เสียงดีมั๊ยนั้น แล้วแต่ท่านจะพิจารณากันเอาเองครับ

ปล แนวเสียง Live แบบเวทีคอนเสริต์ที่เวลาเราไปซื้อลำโพงมาฟังในบ้านว่า อยากได้บรรยากาศแบบเวทีคอนเสริต์ เบส กลอง กี่ตาร์ชัดๆแบบนั้น ก็ล้วนมาจากลำโพง PA ครับ  ขนาดเราซื้อลำโพงบ้านบางทีเรายังอยากได้เสียงในอุดมคติแบบลำโพง PA เลย ดังนั้น ใช้งานลำโพงและซิสเต็มที่ถูกวัตถุประสงค์ครับ แล้วจะผระหยัดเงินและได้เสียงดีอย่างที่ต้องการ

[keamglad]

ส่ง Klipsch Sound Bar R10B ให้ลูกค้าที่คอนโด The Tree บางโพครับ ตัวนี้ลูกค้าบอกตอนบ่ายสาม บอกว่ารีบใช้ด่วน เลยส่งให้ถึงที่ตอน 6 โมงเย็นที่คอนโดครับ   

สำหรับ Sound Bar Klispch ทั้งหมดตอนนี้มีด้วยกัน 3 รุ่น ได้แก่

Klipsch R4B: 14,900 บาท (6 นิ้ว Wireless Subwoofer)
Klipsch R10B: 21,900 บาท (8 นิ้ว Wireless Subwoofer)
Klipsch R20B: 27,900 บาท (10 นิ้ว Wireless Subwoofer)

คุณภาพเสียงก็เรียงลำดับจากบนลงล่างครับ  เหมาะกับใช้ดูหนัง ฟังเพลง แนวเสียงต่างจากเจ้าอื่นตรงที่ถ่ายทอด DNA ของลำโพงดูหนังจากรุ่นพี่อย่าง Klipsch Reference II และ Premier แต่ย่อส่วนทั้งเสียงและขนาดมาลงในซาวด์บาร ที่ยังคงเอกลักษณ์เสียงสดพุ่ง เบสแน่น เอาไว้เหมือนรุ่นพี่ครับ

---------------------------------------------------------------------
ราคาและสเปก Klipsch R10B: http://www.whatthatsound.com/product/35/klipsch-r-10b
---------------------------------------------------------------------

























วิธีการเชื่อมต่อและใช้งาน Sound Bar Klipsch

 SoundBar Klipsch ให้แนวเสียงดุดัน หนักแน่นเหมาะกับการดูหนังฟังเพลงและการใช้งานง่ายมากๆ แค่ต่อสาย optical เพียงเส้นเดียวกับทีวี (มีสาย Optical แถมมาให้) ก็สามารถให้เสียงหนักแน่นพอๆกับชุดโฮมเธียร์เตอร์ขนาดย่อมๆชุดเล็กๆได้สบาย

แถมยังพ่วงด้วย Subwoofer แบบ wireless ไร้สายที่สามารถควบคุม volume ของเสียงเบสแยกต่างหากจากตัว Sound bar และสะดวกสบายด้วยการจัดวางไว้ที่ไหนก็ได้เพียงแค่หาที่วาง เสียบปลั๊ก เสียงก็จะ Sync มาที่ตัวซับวูฟเฟอร์เองโดยไม่ต้องทำอะไรหรือต่อสายให้วุ่นวาย
โดยที่สามารถปรับและคอนโทรลผ่านรีโมทที่แถมมาให้ได้อีกด้วย

และ sound bar ทั้งรุ่น R10B, R20B สามารถรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth กับโทรศัพท์หรืออุปกรณ์ต่างๆสำหรับดูหนังฟังเพลงได้แบบง่ายๆอีกด้วยครับ
โดยตัวนี้แถมสาย Optical และ Wall mount สำหรับติดผนังให้อีกสำหรับใครที่อยากติดกับผนังเพิ่มความเก๋ให้กับห้องได้มากยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่สงสัยว่าตัวนี้จะ setup ยากมั๊ย เราบอกเลยครับว่าง่ายมากๆๆๆ ใครไม่เคยเล่นเครื่องเสียงก็สามารถต่อได้ง่ายๆด้วยตัวเองตามวิธีที่เราแนะนำ ตามด้านล่างนี้เลยครับ หรือจะตามไปดูวีดีโอของฝรั่งกันตามลิ้งค์นี้ก็ได้
https://www.youtube.com/watch?v=Z27WtBy4IUs
-----------------------------------------------------------------------------

1. ต่อกับทีวี: ใช้สาย Optical ที่เราแถมให้ หรือใครจะหาซื้อสาย Optical ยี่ห้อที่ชอบมาเองก็ได้ ต่อจากช่อง Audio out / Digital out / Optical put แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ วิธีนี้ง่ายที่สุดครับ ตอนนี้ไม่ว่าเสียงอะไรก็ตามที่วิ่งมาเข้าทีวีก็จะมาออกที่ Sound bar เราทั้งหมดไม่ว่าจะดูทีวี ดูละคร เล่น ps4, ดู dvd / bluray หรือเปิดคาราโอเกะก็ตาม

2. ต่อกับทีวี: ใช้สาย RCA (ขาว แดง) วิธีนี้สำหรับทีวีรุ่นเก่าๆที่มีช่อง Audio out แบบ RCA สองเส้น เราก็สามารถต่อจากช่อง Audio out แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ ได้เหมือนกันครับ ผลลัพธ์เหมือนกับวิธีแรกทุกประการครับ

3. ต่อกับอุปกรณ์เครื่องเล่นตรงๆ เช่น DVD / Bluray หรือกล่องจานดาวเทียม โดยเราจะเอาสายภาพ RCA / Hdmi ต่อจากเครื่องเล่นของเราเข้าทีวี และแยกสายเสียงไม่ว่าจะเป็น RCA / Optical มาต่อตรงเข้ากับ Sound Bar ครับ วิธีนี้จะต่อตรงเสียงมาที่ Sound bar โดยตรงโดยไม่ผ่านทีวีเลย ข้อดีคือมีการสูญเสียน้อยที่สุด แต่ข้อเสียคือ ถ้าเรามีอุปกรณ์เครื่องเล่นๆหลายอย่าง เราอาจจะต้องคอยสลับสายกันวุ่นวายนิดหน่อยครับ

4. สตรีมมิ่งผ่าน Bluetooth กับโทรศัพท์ Iphone /Ipad / Android หรืออุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth โดยสามารถ connect เพื่อเปิดเพลงฟังโดยโดยที่ไม่ต้องต่อสายใดๆครับ

[keamglad]

ส่ง Klipsch RF-62 II และ Klipsch RP-440C ไปให้ลูกค้าที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งแถวสาทรครับ

ชุดนี้ลูกค้าตั้งใข้ Mix & Match ระหว่างรุ่นเก่า Reference II และรุ่นใหม่ Reference Premier ออกมาได้อย่างลงตัว
มีหลายคนถามบ่อยว่า ตัวเก่าใช้กับตัวใหม่ได้มั๊ย ใช้แล้วเสียงจะเป็นยังไง... เสียงต่างกันตรงไหน... เสียงไปด้วยกันได้มั๊ย... จะเนียนมั๊ย... ดูแล้วไม่สวยหรือเปล่า... ที่บ้านจะว่ามั๊ย... บลาๆๆๆ



สรุปให้นะครับผม ผมเองที่ห้องที่ใช้เทสหนัง เทสเสียง ส่วนตัวผมก็ใช้ข้ามรุ่นครับ คู่หน้าและเซอราวด์ Reference Premier ส่วนเซ็นเตอร์ Reference II
ยิ่งโดยเฉพาะคู่หน้านี้ ยกรุ่นเก่า RF-82 II ออก เอาตัวใหม่ RP-280F มาวางต่อกันสดๆร้อนๆ

1. ถามว่าเสียงไปด้วยกันได้มั๊ยถ้าใช้ข้ามรุ่น?
ตอบ ได้แน่นอน เสียงฟังไม่ออกหรอกครับว่ามันคนละรุ่น

2. แนวเสียงแล้วรุ่นเก่า รุ่นใหม่เสียงต่างกันยังไงละ?
ตอบ เสียงตัวเก่าสดกว่า แหลมจัดกว่า เบสพุ่ง คม เสียงจัดจ้านออกแนวเฟี้ยวฟ้าวกว่านิดนึง (ประมาณ 5-20%)
ส่วนตัวใหม่ แหลม กลาง ต่ำชัด แต่ไม่สดเท่า ไม่บาดหูเท่า แต่รายละเอียดกุ๊กกิ๊กๆ มากกว่าแบบเห็นได้ชัด
รวมๆฟังแล้วสบายหูกว่า แต่สมมติปิดไฟมืด เปลี่ยนลำโพงถ้าไม่สังเกต บางทีก็อาจจะไม่รู้ว่าตัวไหนเป็นตัวไหน แต่ที่แน่ๆ ตัวใหมงานประกอบดูสวยขึ้น ดูเรียบร้อยขึ้น ตัวเก่าดูนักเลงมากครับ ฮาๆ

3. เอารุ่นเก่ารุ่นใหม่มาผสมกันจะดูไม่สวยหรือเปล่า?
ตอบ ของแบบนี้อยู่ที่ชอบครับ ซื้อมาใช้แล้วก็ไม่ได้เอาไปอวดใคร บางห้องปิดไฟดูหนังมองไม่เห็นลำโพงด้วยซ้ำว่าลำโพงอะไรสีอะไร เช่นห้องผมคู่หน้าสีดำ เซ็นเตอร์สีเชอรี่ ปิดไฟแล้วมองไม่เห็นทั้งคู่นั่นแหละว่าลำโพงมันสีอะไร หน้าตาเป็นไง บางคนใส่หน้ากากยิ่งมองไม่ออกใหญ่ เราเน้นเสียงดีกว่าครับ อย่าให้มันข้ามยี่ห้อ หรือแนวเสียงต่างกันมากจนเกินไปเป็นอันใช้ได้

*** RF-62 II ซึ่งปัจจุบันของใกล้จะหมดแล้ว เหลือแค่ไม่กี่คู่
เรากำลังก้าวเข้าไปสู่ยุค Reference Premier กันแล้วนะครับท่านผู้อ่าน

ราคาและสเปก Klipsch RF-62 II: http://www.whatthatsound.com/product/9/klipsch-rf-62-ii-clearance

ราคาและสเปก Klipsch RP-440C: http://www.whatthatsound.com/product/16/klipsch-reference-premier-rp-440c

[keamglad]

เมื่อวันศุกร์ช่วงบ่าย 2 บ่าย 3 กำลังขับๆรถอยู่ระหว่างทางไปบ้านลูกค้าท่านนึง....   ก็มีลูกค้าอีกท่านจากโคราช ปากช่อง.. ไลน์มาบอกว่าอยากได้ KEF X300AW สักตัว แบบเร็วๆ อยากฟังแบบด่วนๆ... ไม่อยากรอนาน   ส่งยังไงให้ได้ใช้พรุ่งนี้ทันมั๊ยยย มั้ยๆๆๆๆ

ตอนนั้นขับรถอยู่ ผมก็คิดอยู่แป๊ปนึง ส่งขนส่งเอกชนวันนี้คงไม่ทัน ถ้าส่งพรุ่งนี้วันเสาร์.. ก็ติดวันอาทิตย์ กว่าจะได้ของก็จันทร์หน้า  
ใจนึงก็คิดว่ามีติดงานอะไรมั๊ย แล้วมือก็พลางกดกระจกรถลง เอามือยื่นออกไปสัมผัสอากาศข้างนอก  อือ อากาศเริ่มเย็นๆแหะ  ปกติผมนานทีปีหนจะได้ไปต่างจังหวัดซักที เหตุเพราะหน้าที่ งาน แทบจะไม่ได้มีวันพักเลย
ว่าแล้ว ไหนๆก็ว่าง ไม่ติดงานอะไรแล้วด้วย  ขับไปให้ลูกค้าเลยแล้วกัน

สรุปเลยบอกลูกค้าว่าเดี้ยวเอา KEF X300A Wireless สีดำ gun Metal ตัวนี้ไปให้ถึงมือลูกค้าก่อน 8 โมงเช้าพรุ่งนี้ แน่นอนครับ  




รุ่งขึ้นด้วยวัยใกล้ชราของผมซึ่งปกติก็ตื่นเช้าอยู่แล้ว วันนั้นตื่นเช้ากว่าเดิมอีกหน่อย (ตี 5) อาบน้ำแปรงฟันหาอะไรรองท้องแล้วก็ ขับรถเดินทางไปมุ่งสู่ตัวเมืองปากช่องเพื่อส่งให้ทันเวลานัดหมาย  

โชคดีเหลือเกินวันนั้นอากาศเย็นจับใจ ระหว่างทางทำความเร็วได้ดีเพราะยังเช้า รถน้อย เข้าตัวเมืองปากช่อง
ผมก็แวะปั๊มจอดพักเข้าห้องน้ำ... เห็นผู้คนเดินใส่เสื้อหนาว... สาวๆก็มีผ้าพันคอเดินหน้าตายิ้มแย้มเต้มไปหมด เห็นแล้วชื่นใจครับ  นี่เข้าฤดูหนาวแล้วสินะ  

ตัวเมืองปากช่องอากาศดีมากครับ  ขับรถเปิดกระจก เอามือยื่นออกไปนึกว่ามืออยู่ในตู้เย็น  ถึงบ้านลูกค้า 8.10 เลทไปนิดหน่อยเพราะหลงทาง GPS ในโทรศัพท์บอกทางผิด
ไปถึงก็แกะกล่องดูสินค้า ถ่ายรูปนิดหน่อยพอเป็นพิธี
ลูกค้าเอาตัวนี้ไว้ฟังเพลงในร้านระหว่างทำงาน แก้เหงา แทนที่ลำโพงตัวเดิม (Swan)  



ซึ่งผมจะบอกว่า สีดำ GunMetal เนี่ยแกะกล่องออกมาแล้วสวยมากๆๆๆ ครับ ผมกับลูกค้าพูดออกมาพร้อมกันเลยว่า.. ผิวมันสวยมาก  คือรูปที่ถ่ายมาให้ดูเนี่ย หรือรูปที่เซฟๆมาดูจาก internet มันบันทึกดีเทลของสีผิวลำโพงไม่ได้ครบถ้วนแน่นอน..  
ผิวมันมีดีเทล มีความละเอียด ถ่ายด้วยกล้องธรรมดาแล้วบันทึกความสวยของผิวลำโพงและความปราณีตของงานประกอบไม่ได้ครึ่งของตัวจริงครับ..  ต้องมาดูด้วยตาตัวเองว่า สีดำเนี่ยสวยไม่แพ้สีขาวเลยจริงๆ (สีขาวผิวจะเรียบ ส่วนสีดำจะมีดีเทลลวดลายเล็กๆที่เป็นคนละแบบกับสีขาว)



เสร็จสิ้นภารกิจตอน 8.30 ก็ขับรถออกมาจากบ้านลูกค้า.. อากาศยังเย็น อากาศดีมากกก ผมก็ขับเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้นพักนึง แวะไปหาอะไรกิน  แวะหาอะไรดู ดื่มด่ำกับช่วงเวลาดีๆ อากาศดีๆแบบนี้ที่บ้านเราจะมีสักช่วงนึงสั้นๆ  ขากลับบ้าน พบว่าถนนขาเข้าปากช่องนี่รถติดมากครับ  คงเพราะอากาศดี และมีงานคอนเสริต์ด้วย คนเลยแห่กันมารถติดยาวเหยียดเลย  ผมสวนทางกับพวกเค้า

สรุป จบสิ้นทริปสั้นๆจากลูกค้าท่านนี้ นำพาตัวผมได้ไปดื่มด่ำบรรยากาศในตัวเมืองปากช่อง ได้สัมผัสอากาศเย็นๆได้พอเหมาะพอเจาะกับช่วงเวลาดีๆแบบนี้   ขอบคุณลูกค้าท่านนี้มากครับ  แม้ทริปนี้จะสั้น..ได้เหยียบเมืองปากช่องแค่ไม่กี่ชม แต่เป็นทริปที่ผมมีความสุขมากๆอีกครั้งนึงในการมาเยือนเมืองโคราชครับ



ช่วงนี้ใครจะไปเที่ยวปากช่อง เขาใหญ่ หรือจะเลยไปวังน้ำเขียวไปสูดกลิ่นไอลมหนาว ช่วงนี้เหมาะสมสุดๆครับ ไปวันธรรมดาจะดีมากเพราะคนเริ่มเดินทางกันแล้ว ออกเช้าๆ ไปถึงหาอะไรกิน เอาของเก็บที่พัก เดินทางท่องเที่ยว ตกเย็นหามุมชิวๆ หรือร้านสวยๆ นั่งดูพระอาทิตย์ตกพร้อมอากาศหนาวๆ หรือใครจะไปช่วงที่มีเทศกาลดนตรีนี่จะเหมาะมาก มีดนตรีให้ฟัง อะไรจะมีความสุขไปกว่านี้อีก


ราคาและสเปก KEF X300AW: http://www.whatthatsound.com/product/72/kef-x300aw-wireless

[keamglad]

จัดส่งขาตั้ง Center C4 ไปให้คุณสิทธิศักดิ์ ที่เชียงใหม่ครับ
ตัวนี้ปรับขึ้นลงได้ 30 - 50 ซม ความสูงรวมสไปรค์แล้ว
ขนาดเพลทบนกว้าง 60 ซม เพียงพอที่จะวางลำโพงเซ็นเตอร์ทั่วๆไปตั้งแต่ขนาดกลางไปจนถึงใหญ่ได้แบบสบายๆ ยกเว้นว่าใช้ลำโพงเซ็นเตอร์แบบใหญ่จริงๆถึงจะต้องมีการปรับขนาด และความแข๊งแรงเพิ่มครับ

ราคาและขนาดขาตั้ง C4: http://www.whatthatsound.com/product/157/stand-center-c-4

[keamglad]

จัดส่งชั้นวางเครื่องเสียง R3 ไปให้ลูกค้าที่อุบลราชธานีครับ

ตัวนี้งานประกอบรับประกันเรื่องความปราณีต และความเนี๊ยบ
งานเป็นแบบสั่งผลิต อาจจะต้องรอนานกว่าร้านอื่นนิดหน่อย
เนื่องจากแต่ละชิ้นต้องใช้เวลาในการทำ เป็นงานฝีมือและมีคิวค่อนข้างเยอะ แต่มั่นใจได้ว่าไม่มีการปล่อยชิ้นงานที่สภาพไม่สมบูรณ์ หรืองานไม่สวยไปถึงมือลูกค้าแน่นอนครับ

ชั้นวาง R3: ราคา: 6,500.00 บาท: http://goo.gl/zflfAC



โครงสร้างชั้นวางรับน้ำหนักต่อชั้นได้ 100 กิโล ถูกออกแบบพิเศษ ยกแผ่นไม้ลอยจากโครงสร้างอิสระทั้ง 4 จุด แผ่นไม้แต่ละชั้นรับน้ำหนักได้ 50-60 กิโล
ขนาดแผ่นไม้หนา 20 มิล กว้าง 53.5 ซม. ลึก 44 ซม.
ขนาดโครงสร้าง กว้าง 63.3 ซม. ลึก 50.3 ซม. สูง 69.5 ซม. รวมสไปค์
ความสูงระหว่างชั้น 1-2 = 26 ซม./ชั้น 2-3 = 26 ซม.
สไปค์ ขนาด 19 มิล

*ราคานี้ยังไม่รวมค่าขนส่ง

[keamglad]

จัดส่ง AVR Denon X6200W ไปให้คุณ ศรพรรฐ ที่ระยองครับ
ตัว X6200W นี้เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดใหม่เอี่ยมจาก Denon ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นที่สุดของผู้ผลิต AVR ระดับพรีเมี่ยมเจ้านึงในตลาดโลก โดยรุ่นนี้เป็นตัวรองท๊อป (มี X7200W อีกตัว) แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ใช้ตัวท๊อป แต่สเปกต่างๆทั้งกำลังขับ ทั้งระบบเสียง ทั้งเทคโนโลยีก็อัดแน่นมาให้แบบสุดๆไปเลย ทั้งกำลังขับ 140 วัตต์ต่อแชนแนล รองรับการเชื่อมต่อสูงสุด 9 แชนแนล และสามารถรองรับ preout ต่อได้สูงสุดถึง 11 แชนแนล (ต้องใช้ exnernal amp ขับ)  โดยสามารถเชื่อมต่อแบบใช้ X6200W ตัวเดียวได้สูงสุด 5.1.4, 7.1.2 (สามารถต่อ 5.1.4, 7.1.2 ได้แต่ต้องการ external amp 2 channels ต่อพ่วง)
นอกนั้นก็รองรับระบบเสียงทั้งปัจจุบันและอนาคตได้ครบทุกรูปแบบทั้ง Dolby Atmos, DTS:X และ Auro 3D (DTS:X จะมี firmware มาอัพเดทในช่วงปีหน้า)



และ Denon X6200W ได้รับการออกแบบมาภายใต้คอนเซป Discreet Monolithic Design และใช้ชิปที่ออกแบบมาพิเศษเพื่อ Denon โดยเฉพาะอย่าง High Current Transistors (DHCT) โดยทั้งสองอย่างนี้ทำให้ Denon กล้าพูดมาว่า Denon X6200W ตัวใหม่นี้จะให้เสียงที่ได้ทั้งพละกำลัง สะอาด มีรายละเอียด และมีมิติ
นอกจากนั้นรุ่นนี้ใช้ DAC คุณภาพสูงจาก AL24 อย่าง D.D.S.C-HD (Dynamic Discrete Surround Circuit High Definition) ที่ฝังอยู่ในแผงวงจรของ AVR จึงทำให้คอเพลง Audiophile หรือใครที่คาดหวังว่าซื้อ AVR มาดูหนังแล้ว แต่ยังอยากให้มันฟังเพลงได้ดีด้วยก็น่าจะใจชื้นขึ้นมาได้ว่า AVR X6200W ตัวนี้ไม่ขี้เหร่แน่นอนในเรื่องการฟังเพลง

และนอกจากนั้นก็รองรับช่องเชื่อมต่อ HDMI 2.0 จำนวน 8 ช่อง และ HDMI out ให้อีก 3 ช่อง และรองรับ HDCP 2.2 รองรับ 4K Ultra HD, Bluetooth/Wifi บิ้วอินมาให้ในเครื่องไม่ต้องหาซื้อมาต่อเพิ่ม และนอกจากนั้นยังรองรับ Wireless streaming เช่น Bluetooth, NAS Driver, Internet Radio, Spotify, Apple Airplay
และก็ยังซัพพอร์ทการเล่นไฟล์เพลงคุณภาพสูงอย่าง FLAC, AIFF, DSD อีกด้วย




ถ้าถามเราว่าในยุคนี้ที่ AVR รุ่นใหม่ๆกำลังออกมากันเกลื่อนเมือง ทั้ง Denon, Yamaha, Onkyo และเร็วๆนี้ก็จะมี Marantz ตามออกมานั้น ตัวนี้ X6200W น่าซื้อมั๊ย  เราก็ต้องพูดกันตรงๆว่าถ้าว่ากันด้วยชื่อเสียง คุณภาพงานประกอบ ความน่าเชื่อถือ และสเปกแล้ว Denon ทั้ง X6200W, X7200W นั้นเหนือกว่าคู่แข่งเกือบทุกๆค่ายเลยทีเดียว ยิ่งโดยเฉพาะคุณภาพของแอมป์ที่ชื่อ Denon นั้นการันตีอยู่แล้วว่าคุณภาพแค่ไหน
แต่สิ่งที่ต้องแลกมาคือค่าตัวที่แพงกว่าชาวบ้านครับ ในขณะที่ Onkyo, Yamaha คุณจ่ายประมาณ 5-7 หมื่นบาท แต่ Denon คุณต้องจ่ายมากกว่านั้น เพื่อแลกกับคุณภาพที่มากขึ้น  ถามว่าคุ้มมั๊ย คนที่ต้องตอบคือลูกค้าครับ ถ้างบถึงเรามองว่า Denon เป็นอะไรที่ดี มีคุณภาพน่าเล่นมากๆตัวนึง


ราคาและสเปก Denon X6200W: http://www.whatthatsound.com/product/243/denon-x6200w

[keamglad]

จัดส่ง ซับวูฟเฟอร์ CerwinVega CVI 218S ไปให้ลูกค้าที่เชียงรายครับ

CVI 218S ตัวนี้เป็นซับวูฟเฟอร์ PA รุ่นใหญ่สุดแบบ Passive ที่ใช้ดอกลำโพงขนาดยักษ์ 18 นิ้วคู่ในตู้เดียวน้ำหนักตู้ละ 68 กิโล

ลำโพงซับวูฟเฟอร์ตัวนี้จัดเป็นซับวูฟเฟอร์ PA ที่ใหญ่และทรงพลังมากที่สุดตัวนึง  เหมาะกับงานดนตรีใน club, คอนเสิรต์, DJ หรืองานแสดงกลางแจ้งต่างๆที่ต้องการคุณภาพเสียงต่ำที่คุณภาพสูง

ถ้าใครต้องการระบบเสียงที่ใหญ่ และกระจายเสียงได้ดี คุณภาพสูง เช่นจัดงานแสดงคอนเสิรต์ หรือทำร้าน ทำผับที่เน้นคุณภาพเสียงเป็นหลัก แนะนำลำโพง PA ของ CerwinVega ครับ โดยเฉพาะเพลงแนวเต้นรำ rock, pop, ลูกทุ่ง, electronic จะเหมาะเป็นพิเศษ



-------------------------------------------------------------------------
CerwinVega CVI218S: 28,900 บาท
นอกจากนั้นยังมีลำโพง PA ของ CerwinVega ซีรี่ย์อื่นๆเช่น CVA, CVP, Intense series, P Series และ Folded Horn อีกด้วยครับ
Spec และราคา Cerwin CVI-218S: www.whatthatsound.com/product/303/cerwinvega-cvi-218s

[keamglad]

วันนี้เอารูปซิสเต็มสวยๆของลูกค้าที่ระยองที่สั่ง Denon X6200W ไปเมื่อวันจันทร์มาฝากครับ

- Denon X6200W
- Klipsch RF-62 II
- Klipsch RC-62 II



ลงทุนลำโพงและเครื่องเสียงกันไปแล้ว อย่าลืมใส่ใจคุณภาพของแอมป์กันด้วยนะครับ เพราะเสียงจะดี คุมดอกลำโพงได้อยู่ อิมแพคหนักแน่นกระชับ และแนวเสียงได้อย่างที่ต้องการ แอมป์ก็เป็นปัจจัยหลักอีกประการที่สำคัญมากๆ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าลำโพงเช่นกัน

ซึ่งแอมป์หรือ AVR แต่ละยี่ห้อก็มีแนวเสียงที่แตกต่างกันออกไป โดยมีบุคลิกเสียงที่ิติดตัวมาไม่เหมือนกัน ดังนั้นการเลือกแอมป์ให้แมทชิ่งหรือเข้ากับซิสเต็มก็เป็นอีกศาสตร์และศิลป์ที่สำคัญมากๆที่ควรใส่ใจครับ โดยเฉพาะตัว Denon ตัวนี้ แนวเสียงจะค่อนข้างบาล้าน สมดุล และติดแนวเสียงกระเดียดออกไปทาง Bright มีแนวเสียงจะแจ้ง แหลม สด ชัดเจน โอบล้อมดี รายละเอียดเยี่ยม

ถ้าใครชอบแนวเสียงแบบนี้ สดๆ รายละเอียดดี แหลมดี ดูหนังมันๆ ตัวนี้น่าใช้มากครับ หรือใครที่ใช้ซิสเต็มที่เสียงออกไปทางอุ่น นุ่ม Denon ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการนำมาแมทชิ่งระบบครับผม

แต่ยังไงก็ตามอย่างที่บอกว่ามันเป็นศาสตร์และศิลป์ ดังนั้นเมื่อมีคำว่าศิลป์ก็ย่อมเป็นเรื่อปัจเจกครับ ไม่มีถูกไม่มีผิด ใครใช้แบบไหน เลือกยังไง ถ้าชอบ ถ้าถูกใจก็จบ ไม่มีหลักการตายตัวว่าต้องแบบนี้ถึงจะเล่นเป็น แบบนี้ถึงจะถูก ไม่ทำตามนี้เล่นไม่เป็น ไม่มีครับ
ส่วนตัวผมจะชอบแมทชิ่งด้วยการใช้สูตรว่าถ้าถ้าลำโพงเสียงจัด Bright จะจับกับแอมป์โทนเสียงหนาๆ ดาร์กๆ เพื่อให้มันสมดุลและได้โทนเสียงที่เหมาะกันฟังสบายหู
แต่บางคนก็ชอบแนวเสียง Bright + Bright เพราะว่าดูหนังมัน สดดี ก็มีครับ

แล้วคุณละครับ แมทชิ่งซิสเต็มกันอย่างไร



-----------------------------------------------------------------------------
ราคาและสเปก Denon X6200W: 119,000 บาท http://www.whatthatsound.com/product/243/denon-x6200w
-----------------------------------------------------------------------------

[keamglad]

จัดส่ง Onkyo HT-S7705 ไปสุรินทร์ครับ (ส่ง NTC) ตัวนี้ของขาดมาร่วม 3-4 เดือน ของเข้ามาล๊อตล่าสุดก็จัดส่งของไปให้ลูกค้า ตัวนี้ลูกค้าจ่ายเงินไว้ก่อนของจะมาถึงด้วยซ้ำครับ..
เรียกว่า หมดตั้งแต่วันแรกกันเลย
ใครที่เล็งตัวนี้ รอข่าวคราวความเคลื่อนไหวจากทางผู้นำเข้าหรือตามร้านประจำกันอีกทีครับ

ราคาและสเปก Onkyo HT-S7705: http://www.whatthatsound.com/product/185/onkyo-ht-s-5805

[keamglad]

จัดส่งขาตั้งลำโพงเซ็นเตอร์ชุดสุดท้ายของปีนี้ ไปให้คุณตุลย์ลูกค้าเก่าที่กัลปพฤกษ์ ครับ  ตัวนี้ลูกค้าสั่งไว้ตั้งแต่กลางเดือนแล้ว แต่โรงงานติดคิวงานยาวไป...   จนนัดลูกค้าส่งกันไว้ก่อนที่ช่วงสิ้นปี  เรียกว่าส่งกันฉลองสิ้นปีกันไปเลย
สุดท้ายงานส่งได้ทันก่อนกำหนด เลยจัดส่ง C4 ตัวนี้ไปให้ลูกค้าได้ทันฉลองคริสมาสตร์พอดี  

ราคาและสเปกขาตั้งเซ็นเตอร์ C4: http://www.whatthatsound.com/product/157/stand-center-c-4

[keamglad]

ส่ง JL E112 ตัวสุดท้ายส่งท้ายปีนี้ครับ
ของหมดแล้วเรียบร้อย ปีหน้ามาว่ากันใหม่พร้อมกับราคาใหม่ อะไรใหม่ๆด้วย

** ตัวนี้มีลูกค้าจ่ายมัดจำจองไว้แล้วตั้งแต่ต้นเดือนธันวา เมื่อวานมารับด้วยตัวเอง เลยได้มีโอกาศเก็บภาพตอนแกะกล่องเอาไว้ ตัวนี้กล่องสองชั้นแน่นหนาดี เช็คสภาพเรียบร้อยก็ยกขึ้นรถส่งให้ลูกค้ากันเลย

E112 ตัวนี้ขอบลำโพงเป็นขอบยาง หนาและแข๊งมาก เป็นซับอีกตัวที่คงต้องเบิร์นอินกันนานพอสมควร แต่ก็แลกมากับอายุการใช้งานที่ยาวนานและความทนทานครับ
ตัวนี้ใจจริงเป็นอีกตัวที่ผมอยากจะซื้อเก็บไว้ใช้เองสักตัว เอาไว้เทส เอาไว้ทดสอบอ้างอิง เพราะเสียงตอบรับจากลูกค้าที่ส่งไปหลายๆคน บอกมาเป็นเสียงเดียวสั้นๆว่า "เสียงดี" "ชอบ" เป็นซับที่รายละเอียดดี หนักหน่วง แต่มีรายละเอียด

ลูกค้าที่เคยใช้เทียบกับซับระดับพอๆกันอย่าง SVS PB13 Ultra เคยเทียบและบอกว่า ตัว E112 เบสได้รายละเอียด กระชับ เก็บตัว ให้อะไรๆมากกว่า แต่ตัว SVS PB13 จะได้ลูกหนัก โครมครามดีกว่า แต่รายละเอียด เบสเล็กเบสน้อยจะสู้ตัวนี้ไม่ได้ ตรงนี้แล้วแต่ชอบ และรสนิยมการดูหนังครับ

แต่ไหนๆของก็หมดแล้ว มารอดูตัวใหม่ ราคาใหม่ปีหน้าดีกว่าครับ

ปล ปีหน้ามี JL Fathom Series มาให้เล่นกันให้ห้องสั่น ฝ้าถล่ม กันไปเลย รอติดตามกันได้จ้า