ผู้เขียน หัวข้อ: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Procella , SVS, Anthem, Parasound,Audyn  (อ่าน 330733 ครั้ง)

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


ส่งต่อ Harman HK3490 (ของร้านเอง) ให้ลูกค้าที่สมุทรสงครามครับ  ตัวนี้ลูกค้าเป็นแฟน Harman ตัวยง เห็นแกใช้ Harman 370 อยู่อีกตัว เป็นรุ่นตำนสนอีกตัวที่สุดยอดทั้งเสียงแถมต่อ pre-out ได้ด้วย 
ผมเชื่อว่าบ้านเราแฟนๆ harman เยอะนะ ช่วงหลังไม่ค่อยนิยมกันเพราะเมืองนอกหยุดพัฒนา   ส่วนในบ้านเรา ...    เอาเป็นว่าเงินกับการโปรโมทมันทำของธรรมดาๆให้กลายเป็นของเทพได้  ส่วนของเทพก็โจมตีให้มันกลายเป็นของห่วยไปได้เช่นกัน อิอิ

ตัวนี้ Admin รักมาก หวงมาก แต่ปล่อยออกเพราะช่วงหลังไม่ได้ใช้งาน ตั้งไว้เฉยๆ เลยปล่อยออกแบ่งกันใช้

เหตุผลที่ชอบตัวนี้เพราะคุณจะหา Int amp สองแชนแนลที่มีจูนเนอร์ในตัวฟัง FM แถมราคาถูกใจคนเบี้ยน้อยหอยน้อย 
ให้กำลังขับสุดทรงพลังระดับ 125 วัตต์ @ 8 ohm ต่อแชนแนล วัตต์อเมริกัน ไม่ต้องมีโม้ หรือใส่ตัวเลขหลอกๆที่ 6 ohm เหมือนบางยี่ห้อ
ตอนออกใหม่ๆราคาเพียง 18,000  ถูกยังกะไล่แจกฟรี
แถมเสียงก็มีสไตล์และเอกลักษณ์โดดเด่น  เพราะในตลาด Int amp ส่วนมากจะเน้นกลางแหลม กรุ๊งกริ๊งๆ ใสๆ หรือไปทางหวาน  แต่ตัวนี้พละกำลังและแนวเสียงจะมาทางร๊อค ดุดันของจริง ฟังเพลงป๊อป ร๊อค ลูกทุ่งดีที่สุดในกลุ่ม

ซึ่งในบรรดา int amp ราคาประหยัดที่ผมชอบเสียง (ย้ำว่าผมชอบ)  นอกจากตัวนี้แล้วก็ยังหาตัวอื่นใกล้เคียงไม่เจอ  ยังมี nad 375 อีกตัวที่ผมชอบ แต่ก็ไม่ร๊อคเท่านี้




สมัยก่อน Harman เคยออก int amp รุ่นใหญ่ออกมาอีกตัวนั่นคือ Harman HK990 ผมเองเคยเอามาใช้อยู่พักนึง บอกตรงๆว่าช่วงนั้นร้านใหญ่ๆอวยกันซะลอยไปบนสวรรค์  คือเข้าใจว่าทำมาหากิน แต่ถ้าจะอวย เน้นจะขายกันแบบนั้นก็.....ไม่ไหวนะ
ตอนนั้นถ้าผมมีโอกาศรีวิว  ผมจะบอกว่า HK990 คือ int amp hiend ที่ทิ้งคราบและแบรนด์ Harman ไปจนหมดสิ้น
 
คือตัวแอมป์มันกำลังดี 150 watt ฝรั่งวัดจริงๆได้ทะลุไปถึงเกือบๆ 180-190 วัตต์  แต่เสียงนี่สิ  ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็น Harman  ไม่เหลือเค้าและแนวเสียง Harman แม้แต่นิด 
เหมือนจับวงร๊อคมานุ่งกระโปรงร้องเพลงบอยแบนด์ หรือจัยไมค์ร้องแจ๊ส ร้องอคูสติก เบสแทบจะไม่มี มีแต่กลางแหลม     เอาใจคอ hi-end เน้นอคูสติก เน้นรายละเอียดจนต้องไปดูกล่องว่านี่ตรูซื้อมาผิดยี่ห้อหรือคนขายหยิบมาให้ผิดหรือเปล่า
รู้สึกว่าตัว  hk990 จะได้รางวัล stereophile ที่เมืองนอกด้วยนะ  อือ ก็นะ ความชอบคนเรามันเป็นเรื่องปัจเจกครับ บางทีเค้าว่าเพราะ เราอาจมองว่าไม่เพราะ 

ปล  ความเห็นส่วนตัวนะครับ บางท่านอาจชอบ บางท่านอาจไม่ชอบ ก็แชร์แลกเปลี่ยนกันตามอัธยาศัย   






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 26, 2016, 04:30:56 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์



ส่งลำโพงชุด Reference Premier ชุดนี้ไปให้ลูดค้าที่นราธิวาส อำเภอสุไหงโกลกครับ ตัวนี้เราจัดส่งโดยใช้ SDS

- เซ็นเตอร์ Klipsch RP-250C
 - เซอราวด์ Klipsch RP-150M
 - ซับวูฟเฟอร์ Klipsch R-112SW

ลูกค้าใช้ลำโพงคู่หน้า RF-52 II เดิมทีลูกค้าสั่งซื้อ Klipsch RC-52 II และ RB-51 II เข้ามาทางเว็บไซต์ แต่ตัว RC-52 II และ RB-51 II  รุ่นเก่านั้นของหมดไปแล้ว เลยแนะนำให้ใช้ RP-250C และ RP-150M  ซึ่งเป็นรุ่นใหม่และเป็นตัวแทนของ RC-52 II และ
RB-51 II แทน

ซึ่ง RP-250C และ RP-150M นั้นไซต์ดอกลำโพงและสเปกทุกอย่างนั้นเรียกว่าเกิดมาเพื่อฆ่าและลบชื่อ RC-52 II, RB-51 II ออกจากวงการเลยก็ว่าได้ ทั้งหน้าตาที่ดูสวยและโมเดิร์นกว่า แต่ให้เสียงสด ชัดเหมือนๆตัวเก่า ใครที่ยังลังเลอยากได้รุ่นเก่า เราอยากให้คิดใหม่ครับ เหมือนซื้อรถที่กำลังจะตกรุ่น อาจจะได้ราคาถูกกว่านิดหน่อย แต่ตัวใหม่ได้ความสดและอยู่กันไปยาวๆ 5-6 ปีคร้าบ

** รูปลำโพงใช้รูปของลูกค้าท่านอื่นแทน

ราคาและเสปก Klipsch RP-250C: http://www.whatthatsound.com/product/17/klipsch-reference-premier-rp-250c

ราคาและสเปก Klipsch RP-150M: http://www.whatthatsound.com/product/18/klipsch-reference-premier-rp-150m

ราคาและสเปก Klipsch R112SW: http://www.whatthatsound.com/product/4/klipsch-r-112sw



























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 30, 2016, 10:55:59 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่งขาตั้งเซอราวด์แบบสูงพิเศษ ปรับระดับได้ S8 MKii ไปให้คุณสุรเจตร์ ที่บุรีรัมย์ครับ

ขาตั้งตัวนี้ออกแบบมาสำหรับวางลำโพงเซอราวด์โดยเฉพาะไม่ว่าจะลำโพงบุ๊กเชลฟ์หรือลำโพงไบโพล ที่ต้องการวางให้เสียงถูกต้องตามหลัก โดยสามารถปรับระดับได้สูงสุดถึง 150 ซม (40-60") เหมาะกับคนที่ต้องการวางลำโพงเซอราวด์ให้ได้เสียงสมจริงและได้บรรยากาศโดยเฉพาะ ตัวนี้ออกแบบมาแบบ 2 เสา เพลทล่างและเพลทบนใหญ่ ทำให้มีความแข๊งแรงมั่นคงกว่า S-8 ตัวปกติมากครับ

เพลทบน 5*174*238
เพลทล่าง 6*228*308
สามารถปรับระดับได้ 40" - 60"


ราคาและสเปก S8 MKii: http://www.whatthatsound.com/product/323/stand-surround-s-8-mkii






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 30, 2016, 09:37:36 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
บรรยากาศจัดส่ง Klispch RC-64 II กับห้องดูหนังสวยๆที่หมู่บ้านวิวไม้




เมื่อวันก่อนได้มีโอกาศไปส่ง Klipsch RC-64 ii สีดำที่บ้านลูกค้าท่านหนึ่งแถววิภาวดี หมู่บ้านวิวไม้มาครับ  ซึ่งลำโพงเซ็นเตอร์ตัวนี้เป็นเซ็นเตอร์ตัวใหญ่สุดในซีรี่ย์ Reference II  แนวเสียงคือชัดและหนักแน่นสไตล์ดูหนัง

งานนี้ได้มีโอกาศเก็บภาพห้องดูหนังสวยๆของลูกค้าท่านนี้มาฝากกัน โดนชุดลูกค้าเป็น 7.1.2 มีดังนี้

AVR: Marantz SR-7010
Front: Klipsch R28F
Center: Klipsch RC-64 II
SR: Klipsch RS-52 II
SRB: Klipsch RB51 II
Sub: Klipsch R112SW
Top Speaker: Kef CI30.2QS



 
ซึ่งเครื่องเคราของลูกค้าก็ต้องบอกวาคุณภาพทั้งนั้น  ส่วนตัวห้องเป็นห้องที่กว้างค่อนข้างมาก คือ 5*7 ตรม และห้องมีลักษณะที่ไม่สมมาตร นั่นคือเป็นรูปคล้ายๆสระอา คือด้านหน้าห้องกว้าง และกลางๆและหลังห้องบีบแคบลง  ส่วนด้านข้างเป็นกระจก ทำให้มีปัญหาเรื่องอคูสติกพอสมควร เสียงที่ได้จากชุดนี้จากการลองฟังยังได้ไม่เต็มที่ จึงแนะนำว่าหลังจากลงเฟอร์นิเจอร์และทำห้องเสร็จแล้วให้เซ็ทอัพและปรับเสียงไม่ว่าจะตำแหน่งลำโพง ตำแหน่งซับ ปรับเสียงให้ดีอีกครั้งหนึ่ง


 

แนวเสียง

เปลี่ยนลำโพงตัวนึง ก็เหมือนเปลี่ยนคู่ชีวิตหรือเปลี่ยนภรรยานะครับ เพราะลำโพงเป็นอุปกรณ์ที่มีผลต่อเสียงในระบบมากที่สุด

กลางแหลม: ปกติแล้วแก้วเสียงของคนเรานั้น เวลาเราพูดเสียงจะมีความไม่นิ่ง หรืออีกอย่างคือ ความถี่เสียงของคนเรามันจะไม่ได้เรียบเป็นเส้นตรงตลอด สาเหตจากภาษาพูดของคนเราที่เว้นวรรคเป็นคำๆ... มีสูงมีต่ำ ถึงต่อให้พูดคำเดียวยาวๆ แก้วเสียงคนเราก็มักจะมีความละเอียดที่ถ่ายทอดออกมาไม่เท่ากันในแต่ละช่วง

 และ นี่เป็นลักษณะพิเศษของแก้วเสียงคนเรา... เวลาเราฟังนักร้อง หรือใครที่เสียงเพราะๆ พูดหรือร้องเพลงผ่านลำโพงตัวนี้  เราจะได้ยินรายละเอียดของเม็ดเสียง เกรนเสียงของคนพูด รับรู้ได้ถึงความระยิบระยับ รับรู้ถึงเกรนและรายละเอียดของเนื้อเสียง โทนเสียงออกมาในแนวสด ชัด กรอบ และละเอียดตรงตามที่บันทึกมา ตรงนี้ผมว่ามันสดและชัดละเอียดเกินจริงไปสักนิด ตรงนี้แล้วแต่คนชอบครับ... ส่วนผมชอบเพราะฟังอะไรก็รู้สึกว่ามันเพราะ.. น่าฟัง.. รู้สึกเสียงมันกรอบ มีรายละเอียดดี

 
ซึ่งบุคลิกของทวีตเตอร์และลำโพงตัวนี้ จะดูกันให้ชัดต้องเอาไปวัดกันที่เสียงเปียโน หรือเสียงดนตรีพวกเครื่องสายครับว่ามันสามารถถ่ายทอดเสียงออกมาได้ตรง เปียโนเป็นเปียโน ไวโอลินเป็นไวโอลินได้แค่ไหน



 
และนี่คือสิ่งหนึ่งที่ผม ชอบที่สุดใน Klipsch RC-64 II

 เป็นสิ่งหนึ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนกับลำโพงเซ็นเตอร์ตัวอื่นๆ หรือแม้แต่เซ็นเตอร์รุ่นน้องอย่าง RC-62 II ก็ให้ไม่ได้... ตรงนี้เองอาจเป็นผลงานของทวีตเตอร์ขนาดใหญ่แบบพิเศษขนาด 1.75 นิ้ว แบบ Dynamic 1.75" titanium Linear Travel Suspension horn-loaded tweeter ซึ่งสืบทอดเทคโนโลยีที่ถ่ายทอดมาจากซีรี่ย์เรือธงอย่าง Palladium Series

 เอา จริงๆ.. ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้เจ้า ทวีตเตอร์ตัวนี้มันผลิตมายังไง และดีแตกต่างจากทวีตเตอร์ตัวอื่นยังไงบ้าง แต่ที่แน่ๆ ผมเคยมีโอกาศไปฟัง RF-7 II และ RC-64 II ที่บ้านลูกค้ามาหลายที่แล้ว (ทั้งสองตัวใช้ทวีตเตอร์แบบเดียวกัน) ทุกครั้งที่ไปฟังสิ่งแรกที่รับรู้ได้ว่าแตกต่าง... และโดดเด่นมากคือเสียงกลางแหลมที่ชัด ระยิบระยับจนได้ยินเกรน และเนื้อเสียงที่ละเอียดเป็นเม็ดระยิบๆ ฟังแล้วสบายหู




 
เสียงกลางต่ำ เบส: ความดีงามจาก..กลางแหลมที่ได้จากทวีตเตอร์ 1.75 นิ้วนั้นอาจจะบดบังคุณงามความดีย่านเสียงกลางต่ำของเซ็นเตอร์ตัวนี้ไป... จนผมต้องบอกว่า กลางต่ำนั้นถ้าห้องคุณไม่ใหญ่จริงๆ อย่างห้องของผมที่ขนาดเล็กๆนั้น ต้องบอกว่าดีกว่า RC-62 ขึ้นมาพอประมาณ 20-30% ไม่ได้เยอะ กลางต่ำชัด เบสแน่น คม ลูกเล็ก กระแทก มีมวลแบบลูกเหล็ก ไม่ใช่แบบลูกบอลหรือนวมนักมวย

ถามว่ากลางต่ำดีมั๊ย ดีครับ คือมันทำได้ แน่น คาดหวังการดูหนังได้ เบสสด กระแทก ถึงตัวดี ดูหนังสนุกแน่นอน.. แต่ตัวกลางแหลมมันทำไว้ดีกว่า จนกลบความดีของกลางต่ำไปนิดๆ.. เอาจริงๆถ้าห้องต่ำกว่า 15 ตรม. RC-62 II ก็ให้กลางต่ำ และเนื้อเบสได้พอเพียงแล้ว ไม่ต้องมาถึง RC-64 II

 แต่ถ้าห้องสัก 18-20 ตรม ขึ้นไป เล่นไปเถอะ RC-64 II ให้อะไรที่ดีงามกว่า RC-62 II เยอะเลย


 
 
ข้อดี / จุดเด่น

1. แนวเสียง RC-64 II ชัดมากจนน่าตกใจ โดยเฉพาะเสียงพูด ถึงขนาดบางทีเวลาเราคุยกันที่สภาพแวดล้อมจริงๆ บางทีเสียงยังไม่ชัดขนาดนี้เลย นี่มันชัดเป๋ะ ละเอียด อะไรเล็กๆน้อยมาหมดทุกเม็ด คมกริบ... บุคลิกแบบนี้ต่างจากลำโพง Center ตัวอื่นๆคือ บางคนอาจจะติดชอบเซ็นเตอร์เสียงใหญ่ๆ หนาๆ พูดแล้วบู๊ทเนื้อเสียงให้ดูใหญ่โตดูเหมือนคนอ้วน ยิ่งพอเจอเสียงคนดำพูดแล้วยิ่งใหญ่โตกันไปใหญ่เลย

 แต่ RC-64 II ตัวนี้ไม่ใช้แนวนั้นนะครับ ตัวนี้บันทึกมายังไงก็ยังงั้น เล็กก็มาเล็ก ใหญ่ก็มาใหญ่ ชัด กระชับ เล็กแต่มีรายละเอียดสูง กรอบ (Crisp) เสียงกรอบเป็นยังไง ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงครับ คงต้องให้ผู้อ่านลองหาฟังดูเอาเอง ประสบการณ์จะช่วยบอกท่านได้ครับ

 
2. ผิวลำโพงสวยแบบจริงจัง ในรูปอาจถ่ายแล้วไม่เห็นดีเทล อยากให้ไปลองหาดูตัวจริงดู ผิวลำโพงงามมาก งานเห็นแล้วแบบดีงาม...   ตัวสีดำ เห็นเนื้อลายไม้ เงาแว๊บ ดูขรึมกว่า ส่วนตัวสีเชอรี่สีสวยมว้ากกกก เงาน้อยกว่าสีดำ แต่ลายไม้สีเชอรี่มีดีเทลสมจริงกว่า และดูเป็นเฟอร์นิเจอร์กว่า

 
3. ราคา ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี ราคาตอนนี้บ้านเรา สุดแสนจะคุ้ม ไม่รู้จะคุ้มยังไงแล้ว เมืองนอกขาย 1000-1200 เหรียญ คูณ 36 ก็ประมาณ 36000-43000 ไม่รวมค่านำเข้า ภาษีอะไรอีก นี่บ้านเรามีของเลย มีสต๊อก ซื้อร้านไหนก็ได้ราคาถูกพอๆกับเมืองนอกเลย



 
ข้อเสีย / จุดด้อย


1. ตัวนี้แอมป์ที่เอามาขับก็มีผลต่อเนื้อเสียงพอควร อย่างที่แจ้งไว้ด้านบนว่าตัวมันเองนะ ชัด เป๋ะ รายละเอียดจ๋า ดังนั้นถ้าเลือก AVR หรือ Pre ที่มีแนวเสียง บาง ชัด รายละเอียดสูงมาจับ บางทีมันยิ่งเพิ่มความสด ชัดเข้าไปอีก ดูหนังก็สนุกดีครับ.. แต่บางทีบางฉากก็บาดหูไป หรือถ้าเอาไปฟังเพลงอาจบาดหูได้ แอมป์ยี่ห้อไหน ปรีตัวไหนเสียงบางไปดูกันเอาเองนะครับ อย่าให้ผมฟันธงในนี้เลย.. เพราะบางทีคนเราชอบไม่เหมือนกัน บางทีผมไม่ชอบแต่ท่านชอบ บางทีผมชอบแต่ท่านไม่ชอบ.. ของแบบนี้แล้วแต่รสนิยมครับ แต่ส่วนตัวที่ไปฟังมา RC-64 II ตัวนี้เป็นเนื้อคู่กับแอมป์ที่เนื้อเสียงหนาๆ ดาร์กหน่อยครับ

2. ตัวใหญ่ หนักมาก 25 กิโล ยกยาก และงานออกแบบตัวตู้เป็นแบบเหลี่ยม มีคม ไม่ได้ลบมุม บางทีตรงมุมมันที่คมๆ ไปโดนอะไรนิดหน่อยก็เป็นรอยได้.. ต้องระวังเป็นพิเศษ ตรงอื่นไม่เป็นอะไรครับ ตัวตู้แข๊งแรงมาก แต่ให้ระวังเฉพาะตรงมุมครับ ถ้าไปโดนอะไรแล้วมันบุบ ซ่อมไม่ได้ครับ


3. หน้ากากเป็นแบบเสียบ ไม่ใช่แบบแม่เหล็ก ตรงนี้ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน รุ่นอื่นรุ่นล่างๆเป็นแม่เหล็กหมด แต่ตัวใหญ่ เรือธงทั้ง RF-7 II, RC-64 II ไม่ยอมทำแบบแม่เหล็ก จะเสียบหน้ากากลำโพงต้องเล็งหารูเอา


 
 
** ข้อสังเกตเล็กๆน้อยๆ ตัว RC-64 ii ตัวนี้ผมลองหมุนไปหมุนมา ก็สังเกตเห็นว่า ที่ด้านหลังตัวลำโพง ข้างๆขั้วต่อสายลำโพง มันจะมีเพลทเป็นสติ๊กเกอร์บอกรุ่น บอก Serial number บอกรายละเอียดลำโพงคร่าวๆไว้ ผมก็บังเอิญเหลือบไปเห็นว่าตัวนี้มันมีช่องเขียนว่า Tested by แล้วมีลายเซ็นคนเซ็นไว้ด้วย แปลกดี ดูใส่ใจดีครับ เป็นงานแฮนด์เมด ผลิต USA ที่ทำและเทสโดยคน แถมเทสแล้วมีเซ็นต์ไว้ด้วย ใครที่มีลำโพงรุ่นนี้อยู่ที่บ้าน ลองไปชะโงกดูด้านหลังดูสิครับ ว่าของท่านมีลายเซ็นมั๊ย และคนเซ็นนี่คนเดียวกับของผมหรือเปล่า
 

Full Review Klipsch RC-64 ii: http://www.whatthatsound.com/article/full-review-klipsch-rc-64-ii-by-whataposs-that-sound

สเปกและราคา Klipsch RC-64 ii:
http://www.whatthatsound.com/product/22/klipsch-reference-rc-64-ii-black

รูป Klipsch RC64 ii จากลูกค้าของเรา: http://goo.gl/iYHMV1

แกะกล่อง Klipsch RC-64 II: http://goo.gl/kmhR6M










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 30, 2016, 12:13:03 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
ส่งลำโพงเซ็นเตอร์เสียงดีคุ้มราคาที่สุดตัวหนึ่งแห่งยุค Klipsch RC-62 II ให้คุณนัทที่อยุธยาครับ

ตัวนี้ลูกค้าเดิมซื้อจากร้านไป และปีถัดมาอยากจะอัพเกรด จึงฝากขาย ตัวนี้ปัจจุบันไม่มีของแล้วครับ ใครสนใจต้องเล่นมือสองอย่างเดียว  สรรพคุณตัวนี้ต้องบอกว่า เสียงก้าวกระโดดจาก RC-52 II มากๆ จนถึงจุดที่คุ้มค่าเกินราคาไปเยอะมากมาย

บุคลิกเสียงคือ ชัดเจน สด พุ่ง คม เบสตูมตาม สไตล์ดูหนัง  แต่ไม่ใช่เซ็นเตอร์สไตล์อวบอ้วนหรือเจ้าเนื้อเหมือน Paradigm Monitor Series ครับ













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 30, 2016, 11:06:40 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Klipsch RS-42 II ลำโพงเซอราวด์แบบไบโพลให้ลูกค้าที่ประชาชื่นครับ

ตัวนี้เป็นลำโพงที่ออกแบบสำหรับเป็นเซอราวด์โดยเฉพาะ มีดอกลำโพงสองดอก ทวีตเตอร์สองตัวในข้าวเดียวกัน หรือที่เรียกกันว่าไบโพล่าทำงานโดยยิงเสียงออกพร้อมกัน phase เดียวกันเพื่อนสร้างสนามเสียงให้คลุมและกระจายโอบล้อมพื้นที่ด้านหลัง

เพราะเซอราวด์เราไม่ต้องการความชัดและโฟกัสของเสียงเหมือนลำโพงคู่หน้าและเซ็นเตอร์ แต่กลับกันเซอราวดืที่ดีต้องไม่ยิงเข้าหูโดยตรงและควรอยู่สูงกว่าหูระดับนึง และจะสร้างบรรยากาศโอบล้อมรอบๆตัวเรา  ให้เสมือนเราอยู่ในพื้นที่นั้นๆ  
ดังนั้นลำโพงแบบไบโพล่าจึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการใช้ทำเป็นลำโพงเซอราวด์ได้ดีกว่าลำโพงบุ๊กเชลฟ์ครับ

ราคาและสเปก Klipsch RS-42 II: http://www.whatthatsound.com/product/29/klipsch-reference-rs-42-ii-clearance












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 04, 2016, 10:18:27 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์





จัดส่ง Teac LP-P1000 เครื่องเล่นแผ่นเสียงไปให้ลูกค้าที่รามอินทราครับ
กับเครื่องเล่น Vinyl ที่ครบเครื่องทุกฟังก์ชั่นทุกอย่างในเครื่องเดียว ทั้ง CD, แผ่นเสียง, เทปคาสเซ็ต, ฟังวิทยุ AM/FM และเชื่อมต่อฟังเพลงกับโทรศัพท์/Tablet ผ่าน Bluetooth ได้อีก และยังสามารถบันทึกเพลงจาก แผ่นเสียง เทป ลง CD-RW หรือบันทึกลงคอมพิวเตอร์ผ่าน USB แถมมีรีโมทให้อีก

ตัวนี้นับเป็นเครื่องเล่นที่ครบเครื่องหมดจรดทุกอย่างจริงๆ แถมยังมีลำโพงให้ติดมาด้วยอีกหนึ่งคู่ แบบไม่ต้องไปหาซื้ออะไรเพิ่มแล้ว (แต่จะเปลี่ยนลำโพง upgrade เอาลำโพงดีๆมาต่อก็ได้) ตัวนี้ตอนแรกผมเห็นฟังก์ชั่นทุกอย่างมาครบๆ แล้วนึกว่าราคาสัก 2-3 หมื่น และหน้าตาตอนแกะกล่อง เห็นลายไม้สวยๆ ดีไซน์วินเทจมาแบบนี้ เหลี่ยมมุม งานประกอบดูหรูหรามีราคาแบบนี้ เอาไปตั้งในห้องรับแขก ห้องนอน ห้องทำงานส่วนตัว หรือห้องจิบน้ำชากาแฟ บนตู้โชว์ แขกไปใครมาให้เค้าหันมาทักว่า อุ๊ย มีเครื่องเล่นแผ่นเสียงด้วยเหรอ!! ให้อารมณ์หรูหรา แต่ใช้งานได้จริงเข้ากับยุคสมัย เพราะต่อ bluetooth ได้ อัดเพลงลง usb ก็ได้ด้วยนะ

แต่พอรู้ราคาว่าแค่หมื่นต้นๆ นี่ผมถึงกับต้องสอยกลับไปฟังที่บ้านเองสักเครื่องนึงจริงๆครับ ถูกจนไม่รู้จะถูกยังไงแล้วสำหรับราคานี้
ว่าแล้วก็หิ้วกลับไปแล้วเดี๋ยวถ้ามีเวลาเราจะมารีวิวแบบเจาะลึกกันอีกทีจ้า

============================================




คลิ๊กอ่านรายละเอียดเครื่องเล่นแผ่นเสียง Teac ในรูปแบบเว็บไซต์ได้ที่นี่: http://goo.gl/H8fOK8

รายละเอียดสินค้าและสั่งซื้อได้ที่นี่:
Teac LP-P1000: http://www.whatthatsound.com/product/187/teac-lp-p1000

Teac LP-R550USB: http://www.whatthatsound.com/product/186/teac-lp-r550usb


============================================





ย้อนอดีตในวัยเยาว์ไปกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงพร้อมลำโพงในตัว เล่น vinyl คาสเสทเทป CD วิทยุ เชื่อมต่อ Bluetooth และบันทึกทุกความทรงจำที่เล่นผ่านเครื่องลงใน CD-RW หรือ USB ได้ง่ายๆจบในเครื่องเดียว
TEAC LP-R550USB และ TEAC LP-P1000

เพราะช่วงเวลาในวัยเยาว์นั้นย้อนกลับคืนมาไม่ได้ วัยทำงานอย่างเราคงก้าวข้ามช่วงเวลาวัยเด็กอันหอมหวานที่มีเวลานั่งเล่น นั่งฟังเทปคาสเสท นั่งฟังคุณตาคุณยายเปิดแผ่นไวนิลพร้อมกับจิบชายามบ่ายไปด้วย

แต่วันนี้เราดึงความรู้สึก ช่วงเวลา ความทรงจำในช่วงนั้นให้กลับมาโลดแล่นและขับขานผ่านทางบทเพลงเก่าๆที่กรุ่นกลิ่นไออดีตอันหอมหวานได้
ไม่ว่าจะเป็นเทปคาสเส็ต ซาวด์เบ้าท์ แผ่นเสียงยุคซิ๊กตี้ เซเว่นตี้ หนังสือการ์ตูนเก่า เพื่อนเก่าๆในวัยเยาว์ นั่งอ่านหนังสือพิมพ์เล็มปาท่องโก๋ยามเช้า ตกบ่ายจิบชาพร้อมฟังเพลงเก่าๆที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งยุคสมัยที่อบอวลไปด้วยมนต์ขลัง

วันนี้เราพร้อมพาความทรงจำของคุณย้อนยุคไปสมัยที่ผู้คนยังเต็มไปด้วยความฝัน บ้านเมืองที่ยังไม่คับคั่ง ระลึกถึงมนต์ขลังดั้งเดิมของเทคโนโลยีในอดีต เครื่องเล่นแผ่นเสียง Turntable TEAC LP-R550USB เครื่องเดียวจบ

ทุกอย่างในตัวทั้งเล่นแผ่นเสียง, เล่นเทปคาสเซ็ต, เล่นแผ่นซีดี CD แถมฟังวิทยุ AM/FM เชื่อมต่อฟังเพลงกับโทรศัพท์หรือ Tablet ผ่าน Bluetooth ก็ยังได้ (วิทยุ และ Bluetoothเฉพาะรุ่น LP-P1000) สามารถปรับความเร็วการเล่นได้ 3 ระดับ ทั้ง 33, 45, 78 รอบต่อนาที ทั้งมีระบบ auto-return เมื่อเล่นหมดหน้าก็เก็บหัวอ่านเอง มีลำโพง 2 ดอกขนาด 3 นิ้ว ดอกละ 3.5 W สามารถเอาลำโพงเยี่ยมๆข้างนอกมาต่อลำโพงเสริมได้ หรือรับเสียงภายนอกมาออกลำโพงก็ยังได้ ทั้งยังควบคุมระดับเสียงที่บันทึกแยกจากเสียงที่เล่นได้ และพิเศษที่สุดคือสามารถบันทึกความทรงจำ บันทึกบทเพลงเพราะจาก แผ่นเสียง เทป ลง CDRW หรือบันทึกลงคอมพิวเตอร์ผ่าน USB ได้โดยเสียบสายแล้วเปิดโปรแกรมบันทึกได้เลย รองรับฟอร์แมทเพลงต่างๆครบถ้วน ทั้งแผ่นเสียง เทปคาสเส็ท ซีดี ไฟล์เพลงต่างๆ MP3/WMA/PCM แถมยังมีรีโมทให้อีก โอ๊ยอะไรจะครบขนาดนี้ (รีโมทเฉพาะรุ่น LP-P1000)













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 04, 2016, 10:26:48 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


ส่ง KEF R600C  ให้ลูกค้าท่านนึงแถวบางบัวทองครับ

ตัวนี้เป็นลำโพงเซ็นเตอร์ตัวใหญ่สุดของ KEF R-Series 
ยอมรับว่าเห็นในรูปตัวเล็กๆ แต่พอได้เห็นขนาดกล่อง ได้ลองยกเท่านั้นแหละ  ลำโพงเซ็นเตอร์อะไรตัวแค่นี้หนักตั้ง 18 กิโล  แถมแกะกล่องออกมาแล้ว เห็นหน้าตาแล้วชื่นใจจริงๆกับผิวลำโพงเปียโนแบล๊ก (Hi-gloss) ดำขลับ สวยจนหายเหนื่อย อยากจะยกกลับขึ้นรถเอาไปตั้งที่ห้องตัวเองจริงๆ 555


ราคาและสเปก KEF R600C: http://www.whatthatsound.com/product/60/kef-r600c
























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 09, 2016, 09:59:30 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Klipsch R-110Sw ไปให้คุณโอ๋ที่ประชาชื่น
เดิมทีคุณโอ๋เคยสั่ง R-110Sw ไปใช้แล้วหนึ่งตัว  วันนี้อยากลองเล่น Dual Subwoofer ดูบ้าง เลยสั่ง R-110Sw ไปใช้อีกหนึ่งตัว ใช้เป็นซับคู่
ของเดิมใช้ลำโพง Infinity Primus ทั้งระบบ หลังจากได้ลอง Klipsch ก็เริ่มชอบและทยอยเปลี่ยนลำโพงในระบบเป็น Klipsch จนหมด ซิสเต็มปัจจุบันก็เป็นดังนี้ (รูปไม่อัพเดทครับ ยังเป็นรูปลำโพงเก่าอยู่)

- Klipsch RF-42 II
 - Klipsch RC-42 II
 - Klipsch RS-42 II
 - Klipsch R-110SW x 2


ส่วนตัวผมเชื่อว่า ใครที่ได้ลองฟัง ลองเล่นลำโพง Klispch ไม่ว่าจะซีรี่ย์ Reference II, Reference Premier และได้ให้เวลากับมันสักพัก คุณอาจจะหลงรักมันครับ  ส่วนตัวผมก็เคยใช้กับลำโพงแบรนด์อื่นมาหลายตัว ค้นหาตัวเองมานาน พอมาได้ลองฟังเสียงสดๆ กระชับและชัดของมัน จะรู้ว่าเสียงของลำโพง Klipsch มันไม่เหมือนลำโพงแบรนด์ไหนเลย ไม่ว่าจะ Paradigm, Polk, B&W, Monitor Audio และหากคุณหลงรักเสียงของ Klispch แล้วคุณกลับจะไปใช้แบรนด์อื่นไม่ได้เลยครับ

ราคาและสเปก R-110SW: http://www.whatthatsound.com/product/5/klipsch-r-110sw





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 10, 2016, 04:31:41 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


 บรรยากาศจัดส่ง Klipsch RC-64 II ลำโพงเซ็นเตอร์ที่ดีที่สุดตัวนึงในงบไม่เกิน 50,000 บาท

วันนี้ได้มีโอกาศไปส่ง Klipsch RC-64 II สีดำตัวนี้ให้ลูกค้าท่านนึงที่สุขุมวิท 55 ทองหล่อครับ   ลูกค้าโทรมาปรึกษาว่าเดิมที่ใช้ซิสเต็ม CerwinVega อยู่ แต่ติดที่ว่า รู้สึกขาดเสียงแหลม และรายละเอียด ดูหนังแล้วยังรู้สึกอั้นๆอยู่  อยากได้เสียงแหลม อยากได้รายละเอียด อยากได้บรรยากาศมากกว่านี้  และมีคนแนะนำว่าลำโพง Klispch น่าจะให้สิ่งที่ต้องการได้ แต่ติดตรงที่ว่ายังไม่เคยฟังจริงๆจัง ไม่แน่ใจว่าเอามาใช้ในห้องแล้วจะเสียงดีมั๊ย ก็เลยอยากจะลองเปลี่ยนทีละอย่าง ยังไม่อยากเปลี่ยนทั้งระบบ

-----------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้ได้ที่เว็บของเรา: http://goo.gl/tLU3rH  
-----------------------------------------------------------------

เลยให้คำปรึกษาลูกค้าไปว่า หากโจทย์คือเปลี่ยนชิ้นเดียว แต่เห็นผลมากๆ  อยากได้รายละเอียดเสียงแหลม ดูหนังมันๆ  ก็ต้องเปลี่ยนลำโพงเซ็นเตอร์จะเห็นผลที่สุด

รองลงมาก็คู่หน้า  ส่วนซับวูฟเฟอร์แม้จะเห็นผลมากและสมควรเปลี่ยนเช่นกัน แต่ยังไม่ตอบโจทย์ลูกค้าในตอนนี้ เพราะลูกค้าไม่ได้ต้องการเบสเพิ่ม แต่ต้องการรายละเอียดและแหลมมากกว่า


 

ดังนั้นจึงขนเจ้า Klispch RC-64 II ตัวนี้ไปให้ลูกค้าที่ทองหล่อ  ไปถึงเป็นคอนโดแห่งหนึ่งที่มีความไพรเวทพอสมควรครับ ขนเจ้าRC-64 II ขึ้นลิฟท์ไปก็พบสภาพห้องที่เป็นห้องโถงนั่งเล่น พื้นที่เปิดพอสมควร แต่ยังดีที่พื้นเป็นไม้ และสภาพอคูสติกดีพอสมควร ไม่มีปัญหาเสียงก้องเลย แม้ห้องจะไม่เอื้ออำนวยมาก แต่ดูทรงแล้วน่าจะพอไหว  ก็จัดการแกะกล่องและทำการติดตั้งกันเลย

ซิสเต็มเดิมลูกค้าก็ตามรูปครับ เป็นชุด CerwinVega ลำโพงเขย่าโลกขอบแดง ลูกค้าจัดการยกลำโพงเซ็นเตอร์ตัวเก่าออก จัดการเตรียมพื้นที่เอาไว้สำหรับลำโพงเซ็นเตอร์ใหม่แล้ว  แต่ทว่าพื้นที่ในการวาง RC-64 II ไม่พอครับ  เรียกว่าขาดไปเยอะมาก

เพราะลักษณะทางกายภาพของ RC-64 II มันยาวมาก และตัวใหญ่ ก็มานั่งคิดกับลูกค้าว่าจะหาที่วาง (ชั่วคราว) ไปก่อน แล้วค่อยหาขาตั้งมาใช้จะดีกว่า
คิดไปคิดมาสุดท้ายลูกค้าก็ให้ยกทีวีออก แล้วเอาทีวีไปวางทับบนลำโพงเซ็นเตอร์เลย
ซึ่งตัวนี้บอกเลยว่า มันรับน้ำหนักได้มากกว่า 50 กิโลครับ อย่าว่าแต่ led, lcd เลยครับ ต่อให้พลาสมาตัวใหญ่ๆหนักๆก็ไม่มีปัญหาอะไรในการวางแต่อย่างใด


 

หลังจากช่วยกันยก จัดวางเรียบร้อยก็ต่อทดสอบเสียงกัน  การเปลี่ยนลำโพงตัวใดตัวหนึ่งในระบบ และลำโพงตัวนั้นเป็นคนละรุ่น คนละยี่ห้อกันนั้น สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึง และต้องทำก็คือ เซ็ทอัพครับ  เนื่องจากลำโพง RC-64 II ตัวนี้มันเป็นลำโพงที่ไว ค่า sensitivity สูงถึง 97  ส่วน Cerwinvega ตัวเก่านั้นอยู่ที่ราวๆ 89-90 dB
ซึ่งความต่างตรงนี้ เมื่อวาง RC-64 II เข้าไปในระบบ ลำโพงเซ็นเตอร์จะเด่น และกลบเสียงจากลำโพงแชนแนลอื่นๆทันที  ดังนั้นก่อนเริ่มใช้งานก็ควรปรับและเซ็ทอัพคร่าวๆก่อน  เสร็จแล้วเมื่อเริ่มใช้งานก็เบิร์นลำโพงไปสักพักให้มันเสียงนิ่งสักพักแล้วค่อยมาดูหรือเซ็ทละเอียดกันอีกทีหากไม่พอใจ



 
ตัวนี้หลังจากลองต่อ ลูกค้าก็เปิด San Andres ทันที และก็เป็นตามคาดครับ คือลำโพงเซ็นเตอร์มันชัด และพุ่งกว่าลำโพงตัวอื่นในระบบจนล้ำหน้าเกินไปมากทีเดียว  เสียงหลังจากฟังคร่าวๆผมว่าห้องนี้แม้จะเป็นห้องเปิดที่มีขนาดใหญ่ แต่อคูสติกค่อนข้างดี และไม่มีปัญหาเรื่องเบสบวมหรือก้องเท่าไร่ เรียกว่าพื้นฐานดีเป็นทุนเดิม ถ้าได้รับการปรับ เซ็ทอัพหาตำแหน่งดีๆ รับรองว่าต้องได้คุณภาพที่ดีกว่านี้อีกครับ

ตรงนี้เสียงตรงที่เคยขาด นั่นคือเสียงแหลม และรายละเอียดที่ลูกค้าต้องการ มันก็มาแล้วจากลำโพงเซ็นเตอร์ RC-64 II มาแบบไม่ต้องเงี่ยหูฟัง ไม่มีกั๊กกันเลย เสียงพูดละเอียดจนได้ยินแก้วเสียง เสียงเอฟเฟคเฟี้ยวฟ้าว และอิมแพคของเบสที่ได้ในฉากแผ่นดินไหว ตึกถล่มดี ชัด สด กระชับ  จะมีข้อด้อยก็ตรงที่ตอนนี้ฉากที่มีการแพนเสียงรอบๆ หรือสามแชนแนลหน้าจะขาดความต่อเนื่้องและมีรอยต่อที่ไม่เนียนอยู่ โทนเสียงจะต่างกัน และรายละเอียดของเสียงเอฟเฟคด้านข้าง รวมไปถึงเสียงดนตรีที่เกิดจากลำโพงคู่หน้าจะขาดรายละเอียดและตามลำโพงเซ็นเตอร์ไม่ทันอยู่บ้าง ซึ่งก็คงต้องใช้วิธีการเซ็ทช่วยไปก่อน


 

 สุดท้ายงานเลี้ยงก็ต้องเลิกลา ผมก็ต้องกล่าวคำอำลาลูกค้า และปล่อยให้ลูกค้าได้ใช้เวลาอยู่กับซิสเต็มใหม่ให้เต็มที่ ซึ่งสังเกตจากสีหน้าของลูกค้าผมก็มั่นใจว่าเราเดินมาถูกทางกันแล้วในระดับหนึ่ง

 
System:

  - AVR: Onkyo  
  - Front: Cerwinvega
  - Center: Klipsch RC-64 II
  - Surround: Cerwinvega
  - Subwoofer: Polk PSW110

Full Review Klipsch RC-64 ii: http://www.whatthatsound.com/article/full-review-klipsch-rc-64-ii-by-whataposs-that-sound

สเปกและราคา Klipsch RC-64 ii:  http://www.whatthatsound.com/product/22/klipsch-reference-rc-64-ii-black

รูป Klipsch RC64 ii จากลูกค้าของเรา: http://goo.gl/iYHMV1

แกะกล่อง Klipsch RC-64 II: http://goo.gl/kmhR6M




















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 11, 2016, 11:11:13 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
บรรยากาศจัดส่ง Klipsch RP-280F ที่สุดของรุ่น Reference Premier แล้ว




จัดส่ง Klipsch RP-280F ไปให้ลูกค้าที่คอนโดแห่งหนึงย่านทองหล่อครับ  ลำโพงคู่หน้าตัวนี้เป็นรุ่นท๊อปสุดของ Reference Premier แล้ว ใช้ดอกวูฟเฟอร์ขนาด 8 นิ้วสองดอก และทวีตเตอร์เสียงแหลมอีกหนึ่งดอก เทียบเท่ากับรุ่นเก่าคือรุ่น RF-82 II ซึ่งตัวนี้เป็นตัวที่ลูกค้าเก่าของเราฝากขายเอาไว้ สภาพกริ๊บแบบมือหนึ่งแกะกล่องยังอาย

เดิมที่ลูกค้าท่านนี้สั่ง Klispch RC-64 II เซ็นเตอร์ไปใช้ก่อนแล้ว วันนี้จึงสั่ง RF-280F ไปใช้เพื่อให้ลำโพงคู่หน้าแม๊ทกันเพราะขนาดดอกลำโพงเซ็นเตอร์ก็ปาไป 6.5 นิ้วเข้าไปแล้ว  และห้องลูกค้าท่านนี้เป็นห้องนั่งเล่นเปิดโล่ง จึงไม่เหมาะที่จะใช้ลำโพงเล็กหรือบุ๊กเชลฟ์ครับ เพราะเสียงจะบางและอิมแพคน้อยลงไปอีก (ของเดิมลูกค้าใช้ Cerwinvega)



 
ตัวนี้หลังยกขึ้นลิฟท์ อันเชิญเข้าห้องกันแล้วก็ต่อฟังครั้งแรกก็รู้สึกยังขาดอิมแพคและเสียงยังขาดๆเกินๆอยู่

จึงต้องเซ็ทอัพและแก้ค่าต่างๆกันพอสมควร เพราะของเดิมเซ็ท Crossover ในตัว AVR ไว้เยอะกว่า crossover ที่ตั้งไว้ที่ตัวซับวูฟเฟอร์ ทำให้มี gap ความถี่ต่ำที่ส่งไปที่ตัวซับแล้วทิ้งเปล่าไปเกือบ 60 Hz
หลังจากปรับแบบคร่าวๆ และด้วยสภาพห้องที่มีข้อจำกัดเพราะเป็นห้องเปิด และแอมป์ที่ใช้ค่อนข้างตึงไปกับลำโพงทั้งระบบ (100 วัตต์ 7.1 ch)  เสียงที่ได้ออกมาดีกว่าเดิม น่าพอใจสมกับราคาลำโพงกว่าตอนที่ต่อฟังครั้งแรกมาก  แต่ก็ยังได้ผลลัพธ์ที่สู้ห้องปิดและเซ็ทอัพมาเป็นอย่างดีไมไ่ด้  จึงแนะนำลูกค้าต่อว่า ตอนนี้จุดด้อยของระบบคือ



 
1. ห้อง ซึ่งตอนนี้ลูกค้าคงไม่แก้หรือทำห้องเพิ่มอะไร เพราะเป็นคอนโดและเน้นสะดวกสบายยกเข้ายกออก บางวันยกลำโพง Sr ออก บางวันยกมาตั้ง ใช้งานแบบนี้จะสะดวกและเหมาะกับการใช้ชีวิตมากกว่า

2. ซับวูฟเฟอร์ ซึ่งตัวเดิมที่ใช้อยู่เสียงจะไปคนละแนวกับลำโพง 3 แชนแนลหน้า ของเดิมมันจะติดนิ่ม แผ่ และเบสต้นไม่ค่อยมี  ใช้ไปก่อนได้ถ้าไม่ได้เน้นหนักอะไร หรือจะซื้อเพิ่มก็ไม่ต้องขายตัวเก่า แต่ใช้เสริมไปในระบบเป็น Dual Subwoofer ได้

3. AVR Onkyo 100 วัตต์ 8 โอหม์ ตัวเก่าลูกค้าใช้มานานมากแล้ว
ตัวนี้มองว่ามันรับภาระหนักไปหน่อยสำหรับลำโพงคู่หน้าและเซ็นเตอร์อย่าง RC-64 ii, RP-280F  เปิดฟังแล้วจะรับรู้ได้ว่าอิมแพคและเบสจะคุมและขาดความหนักแน่น กระฉับกระเฉงพอสมควร แต่อยู่ในระดับที่ยังรับได้
จึงแนะนำเพิ่มเติมว่าหากอนาคตมีโอกาศพิจารณาเลือก AVR ใหม่ก็ให้ดูรุ่นใหม่ๆอย่าง Yamaha 3050, Onkyo RZ900, Marantz 7010, Pioneer LX89 แทนจะดีขึ้นมาก




บางร้านอาจจะแนะนำว่าใช้ avr เล็กๆมาขับลำโพงใหญ่ๆพวก RF-7 II ซึ่งลำโพงใหญ่ขนาดนี้ถ้าเป็นร้านเรา เราจะแนะนำให้ใช้ power ครับ
ขับได้เสียงออกพอฟังได้ กับขับดีแล้วเสียงดีมันต่างกันนะครับ
ส่วน RP-280F ผมแนะนำ AVR รุ่นท๊อปเท่านั้น หรือถ้างบเหลือใช้ AVR เป็น pre แล้วใช้ power ต่อขับเอาจะดีกว่า    
ถ้าไม่เคยฟังความแตกต่างของแอมป์เล็ก และแอมป์ใหญ่เทียบกันคุณก็จะไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่คุณจะได้เพิ่มมามันมีอะไรบ้าง และเสียงมันต่างกันแค่ไหน แต่ถ้าคุณเคยฟังคุณจะเข้าใจว่า ทำไมลำโพงความไวสูงอย่าง Klispch ถึงจำเป็นต้องใช้แอมป์ให้เหมาะสมกับขนาดตัวของมัน


เหลือมันย่อมดีกว่าขาดจริงมั๊ยครับ

สเปกและราคา Klipsch RP-280F:
http://www.whatthatsound.com/product/12/klipsch-rp-280f

สเปกและราคา Klipsch RC-64 II: http://www.whatthatsound.com/product/22/klipsch-reference-rc-64-ii-black














« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 15, 2016, 07:58:46 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Klipsch RS-52 II (ฝากขาย)
ไปให้ลูกค้าที่ทองหล่อครับ  ถ้าใครติดตามมาทุกวันจะวังเกตว่าห้องนี้อัพมาจนครบทุกแชนแนลแล้ว เริ่มจากเซ็นเตอร์ RC-64 II คู่หน้า RP-280F  และเซอราวด์ RS-52 II

เสียงของลำโพง Klipsch นี่มันทรงพลังและน่าหลงใหลจริงๆ

สุดท้ายห้องนี้เหลือเพียง AVR อย่างเดียว ปัจจุบัน AVR ยังตึงๆไปนิดเมื่อเทียบกับขนาดลำโพง  เพราะแม้ลำโพง Klipsch จะความไวสูง ขับง่าย แต่ไม่ใช่ว่าเอาแอมป์อะไรไปขับมันก็ได้   เพราะเสียงดัง กับเสียงดีมันต่างกันนะ  จริงมั๊ย ???

ปล  ยกเว้นให้แอมป์หลอดไว้อย่าง








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 15, 2016, 07:40:11 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
มุมคลาสสิคๆของ Cerwinvega + Vinyl
ใครบอกลำโพงขอบแดงตัวนี้จะต้องโหดอย่างเดียว
วันก่อนเพิ่งไปส่งชุดนี้ที่อ่อนนุช (ลูกค้าฝากขาย) บอกตรงๆว่าเป็นครั้งแรกที่โดนเจ้าของบ้านเขม่นเอาครับ ขยาดเลย เปิดประตูบ้านเข้าไปโดนรังสีอมิตของเจ้าของบ้านตัวจริง (แมว) จ้องแบบเอาเรื่อง นี่ถ้าออกมาช้ากว่านี้นิดเดียวสงสัยจะโดน อิอิ

















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 16, 2016, 02:12:38 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
ส่ง Klipsch R-15M ลำโพงบุ๊กเชลฟ์ราคาประหยัดรุ่นล่างสุดไปให้ลูกค้าที่นราธิวาศครับ  ตัวนี้ลูกค้าเคยสั่งลำโพง Klispch ทั้งชุดไปแล้ว  ตอนนี้จะเล่น Dolby Atmos จึงประยุกต์เอาลำโพงบุ๊กเชลฟ์ราคาประหยัดไปติดแขวนบนเพดาน  ผลงานจะเป็นไงถ้าติดตั้งเสร็จแล้วอาจจะขออนุญาติลูกค้าเอามาลงให้ยลกันครับ

ราคาและสเปก Klipsch R-15M: http://www.whatthatsound.com/product/171/klipsch-reference-r-15m




















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 18, 2016, 09:12:57 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


ส่ง Klipsch R-15PM ลำโพง Active Speaker / ลำโพงคอม / ลำโพง Desktop / ลำโพงบลูทูธ / ลำโพงไม่ต้องใช้แอมป์ / Powered Speaker / ลำโพงดูทีวี / ลำโพงอเนกประสงค์
หรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่สะดวก เพราะทุกคำที่บอกมาสามารถใช้กับลำโพงตัวนี้ได้ทั้งหมด
เพราะนี่คือ Klipsch R-15PM ตัวนี้ส่งลูกค้าที่รัชดาครับ
สะดวกสุดๆต่อทีวีผ่านช่อง  optic ก็ได้
ต่อบลูทูธก็ได้
ต่อคอมผ่าน usb ก็ได้
ต่อโทรศัพท์ผ่าน minijack 3.5 mm ก็ได้
ต่อเครื่องเล่นแผ่นเสียงก็ได้มี pre-phono ในตัวให้เลย

ราคาและสเปก Klipsch R-15PM
: http://www.whatthatsound.com/product/330/klipsch-r-15pm
















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 20, 2016, 06:09:06 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


ส่ง Subwoofer Klipsch R-112SW ซับขนาด 12 นิ้วตัวนี้ให้ลูกค้าจากนครสวรรค์ครับ  ลูกค้าขึ้นมากรุงเทพทำธุระแบบวันเดียวกลับ เลยสั่ง Subwoofer และนัดรับก่อนเดินทางกลับบ้าน


จะว่าไปห้องฟังในบ้านเราทั่วๆไปที่มีขนาดกลางๆสัก 12-24 ตรม ซับขนาดกลางๆประมาณ 12 นิ้วนี่ถือว่ากำลังดีทีเดียวครับ ไม่ใหญ่ไป ไม่เล็กไป  ตัวตู้ก็ไม่ถึงกับยกคนเดียวไม่ไหว ถือว่ากำลังดีครับ ใครมองหาซับใหม่ลองดูพิจารณาดูครับว่าจะเล่นขนาดเท่าไร่ดี ตู้เปิดหรือตู้ปิด  เพราะจุดเด่นจุดด้อยก็ต่างกัน เช่นกัน

ราคาและสเปก R112SW: http://www.whatthatsound.com/product/4/klipsch-r-112sw








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 21, 2016, 10:52:53 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง SVS PB13Ultra ตัวนี้ให้ลูกค้าที่ภาคใต้ครับ
ห้องสวยๆห้องนี้อยู่ที่กระบี่ ลูกค้าจับกับ Klipsch Reference Premier RP260F
ซับยักษ์ตัวนี้ขนาดดอก 13 นิ้ว ใหญ่ทั้งขนาดและน้ำหนัก ยกสองคนยังเบือนหน้าหนีเลยครับ  แต่เสียงของมันนั้นรับประกันว่าหนักถึงอกถึงใจคอหนังแน่นอน

ตัวนี้ช่องต่อด้านหลังสามารถต่อได้ทั้ง RCA และ XLR  การเซ็ทอัพเป็นแบบดิจิตอลทั้งหมด  คือไม่มีปุ่มสำหรับหมุนปรับ volume หรือ crossover มาให้เลย มือใหม่ใครซื้อไปคงงง เล็กน้อย  แต่มีปุ่มมาให้ปุ่มเดียว คือการเซ็ทอัพทั้งหมดทำโดยผ่านปุ่มนั้นปุ่มเดียว กดเลื่อนไปเรื่อยๆ แล้วปรับผ่านหน้าจอแบบดิจิตอล   ค่าความดังเริ่มต้นจาก 0 ไปติดลบ  ค่าติดลบมากยิ่งดัง

ส่วนการเซ็ทอัพอื่นๆก็ทำได้ค่อนข้างละเอียดไม่ว่าจะเป็นเฟส ที่เซ็ทได้ละเอียดเพิ่มขึ้นทีละ 5-10 (ซับทั่วๆไปจะปรับ 0 - 180)  และก็มีปรับ Crossover Hi Pass และ Low Pass ให้ ค่าดีฟอลท์ที่ซื้อมาตอนแรกทั้ง Hi Pass และ Low Pass  ตั้งdisable ไว้ทั้งคู่  มือใหม่เอาไปใช้อาจจะงง "ซับเสียหรือเปล่า" เร่งยังไงก็ไม่ดัง  ไม่ต้องตกใจ แค่เข้าไปปรับ Low Pass ซะให้ตัดที่กี่ Hz ก็ว่ากันไป เสียงก็จะมาครับ




จุดที่ผมชอบมากสำหรับตัวนี้คือซับออกแบบมาใช้ดอก 13 นิ้ว เป็นตู้เปิด มีรูท่อลมขนาดใหญ่สามรู  ด้านหลังมีเมนูสำหรับปรับ Tune เสียงได้ 4 แบบคือ

1. Sealed: ตั้งค่านี้จะทำให้ซับเสียงออกมาเป็นตู้ปิด (สะอาด กระชับ อะไรทำนองนั้น) แต่ต้องใช้งานคู่กับฟองน้ำอุดรูที่แถมมาด้วยสามอัน โดยคู่มือระบุให้เอาฟองน้ำทั้งสามอันไปอุดรูให้หมด  ค่านี้ผมไม่ได้ใช้

2. 20Hz: ค่านี้ตั้งสำหรับเป็นตู้เปิดโดยเฉพาะ  คู่มือให้เปิดพอร์ททั้งสามให้หมด

3. 15Hz: ค่านี้ตั้งให้เป็นกึ่งตู้เปิดและตู้ปิด คือให้เอาฟองน้ำมาอุดรูหนึ่งรู

4. Disable: คานี้ตั้งให้เป็นกึ่งตู้เปิดและตู้ปิด คือให้เอาฟองน้ำมาอุดรูซะสองรู

เสียงทีไ่ด้แต่ละค่า ก็จะให้เสียงที่แตกต่างกันออกไป ตรงนี้แล้วแต่ห้อง แล้วแต่การใช้งาน และแล้วแต่ความชอบของใครของมันครับ ส่วนตัวผมชอบ 20Hz มากกว่า คือเปิดหมด ให้เสียงมันเป็นตู้เปิดไป  สะใจที่สุด  ตรงนี้ใครมี PB13Ultra อยู่ก็ลองไปเล่นดูได้หลายแบบครับสนุกดี  อาจจะลองตั้ง

ราคาและสเปก SVS PB13Ultra: http://www.whatthatsound.com/product/322/svs-pb-13ultra














« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 21, 2016, 11:03:26 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่งขาตั้งลำโพงคู่หน้า F3 ไปให้คุณเอกวิทย์ที่บางซื่อครับ 
ขาตั้งลำโพงคู่หน้าตัวนี้เหมาะกับใช้วางลำโพงบุ๊กเชลฟ์ที่มีขนาดกลางๆไปจนค่อนข้างใหญ่ มีความมั่นคงแข๊งแรงด้วยโครงสร้างแบบ 3 เสาร์
ขนาดเพลทบน หนา 5มิล * กว้าง 17.4ซม. * ลึก 23.8ซม.
ขนาดเพลทล่าง หนา 5มิล * กว้าง 22.8ซม. * ลึก 30.8ซม.
รุ่นนี้มีรูกรอกทราย มีกาวบลูเท๊กให้

** รูปลำโพงจากลูกค้าท่านอื่น

ราคาและขนาดขาตั้ง F3: http://www.whatthatsound.com/product/154/stand-front-f-3





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 21, 2016, 11:13:08 pm โดย keamglad »