ผู้เขียน หัวข้อ: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Procella , SVS, Anthem, Parasound,Audyn  (อ่าน 330147 ครั้ง)

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


ส่ง Klipsch R15M 2 คู่ ไปให้ลูกค้าที่กาญจนบุรีครับ (มือหนึ่งคู่ และมือสองสภาพกิ๊กอีกหนึ่งคู่)

ตัวนี้ลูกค้าสั่งไปสองคู่เพราะเล็งจะเอาไปใช้เป็นลำโพง Atmos ติดเพดาน เล่นเป็น 7.2.4  โดยซิสเต็มลูกค้ามีดังนี้

Yamaha 3020
Audyn MA3200
Klipsch RF82
Klipsch RC54
Klipsch RS52 II
Klipsch R112SW x 2




เนื่องจากฝ้าลูกค้าตัน ติดตั้งลำโพงฝังฝ้าลำบาก จึงเลือกที่จะใช้ลำโพงแบบบุ๊กเชลฟ์ขนาดเล็กตัวนี้มาติดตั้งบนฝ้าแทน 
อารมณ์จะประมาณสตูดิโอที่มีลำโพงตัวเล็กๆแขวนบนเพดานห้องอยู่ ได้อารมณ์เก๋ๆ ดู loft และดูโปรดีไม่ใช่เล่นครับ

ส่วนเรื่องเสียงเห็นมีบางท่านๆถามแวบๆ (ในเพจอื่น) เลยจะมาตอบ (ในเพจนี้)  ว่าถ้าใช้ลำโพงฝังฝ้าไม่ได้ ระหว่างลำโพงแบบยิงเสียงขึ้นด้านบน (Dolby Atmos Enabled) กับลำโพงบุ๊กเชลฟ์ตัวเล็กๆไปแขวนด้านบน  แบบไหนให้เสียงดีกว่า

ตอบ: ลำโพงบุ๊กเขลฟ์เอาไปแขวนให้เสียงดีกว่า และแทบจะเทียบเท่าลำโพงฝังฝ้าเลยด้วยซ้ำ ข้อเสียมีอย่างเดียวคือติดตั้งลำบาก ต้องหาขายึด อาจจะดูไม่เรียบร้อย ดูดิบๆหน่อย และถ้าติดตั้งไม่ดีหล่นมาตอนดูหนังโดนหัวใคร คงต้องหามส่งรพ.   

ปล ส่วนตัวผมชอบนะ เงยหน้ามองขึ้นไปแล้วเจอลำโพงตัวเล็กๆแขวน มันดูดิบ  แต่บางคนถ้าทำห้องดีๆ อาจจะอยากได้อารมณ์เรียบร้อยๆก็ต้องเลือกใช้ฝังฝ้าครับ

ราคา Klipsch R15M: http://www.whatthatsound.com/product/171/klipsch-reference-r-15m

ราคา Klispch ฝังฝ่า CDT5650: http://www.whatthatsound.com/product/259/klipsch-cdt-5650-c-ii














« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 01, 2016, 06:14:26 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
http://upic.me/i/ir/13528977_10154304596279269_457990455671639719_n.jpg

จัดส่งชุดโฮมเธียร์เตอร์ Onkyo HT-S7705 ชุดโฮมแบบ in the box ที่มาครบทั้ง AVR, ลำโพง Onkyo ทั้งเซ็ท 7 แชนแนล (5 ตัว) และซับวูฟเฟอร์อีกหนึ่งตัว และที่สำคัญในกล่องยังมีสายลำโพงครบทุกแชนแนลและสายซับให้มาอีกแบบครบๆ แบบไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มอีกแล้ว

ตัวนี้จัดส่งไปให้ลูกค้าที่ปากเกร็ด  หลังจากติดตั้งแล้ว ลูกค้าส่งรูปถ่ายสวยๆชุดนี้มาให้ชมกัน 
เป็นชุดและซิสเต็มที่ราคาไม่แพงเลย แต่คุ้มค่าคุ้มราคามากๆ เหมาะกับห้องทั่วๆไปที่เน้นทางสายกลาง ดูหนังฟังเพลง สำหรับใครที่ไม่ได้ต้องการชุดใหญ่โตอลังการ แมทชิ่งชุดทั้งสายไฟ สายลำโพง เลือก avr กันให้วุ่นวาย  นี่คือชุดที่่จ่ายแค่ 2 หมื่นกว่าๆ แต่ได้ครบ และได้เสียงที่หาชุดแยกชิ้นในราคาระดับนี้ (2-3 หมื่น) มาเทียบได้ยาก


ราคาและสเปก Onkyo 7705: http://www.whatthatsound.com/product/50/onkyo-ht-s-7705










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 01, 2016, 10:25:11 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


วันก่อนตั้งนาฬิกาปลุกแต่เช้าตรู่ เพื่อจะตื่นเพื่อเอาลำโพง Klipsch R15M คู่นึงไปส่งให้ลูกค้าที่จังหวัดกาญจนบุรีด้วยตัวเองครับ


ถามว่าลำโพงกล่องนิดเดียวทำไมไม่ส่งขนส่งไปละ Kerry นี่อยู่ใกล้บ้านมากเลยนะ ส่งวันเดียวก็ถึงค่าส่ง 100-150 เอง
แต่ก็ต้องไปครับ เหตุผลแรกคือลูกค้าสั่งลำโพง R15M ไปสองคู่ เพื่อจะเอาไปทำเป็นลำโพง Atmos
ผมก็อยากไปดูให้เห็นชัดๆว่าลูกค้ามีวิธีแขวนลำโพงบุ๊กเชลฟ์อย่างไรบนฝ้า โดยไม่ใช้ลำโพงฝังฝ้าเช่น CDT5650

-------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆได้ที่นี่: http://goo.gl/ZjATzX
-------------------------------------------------------------

เหตุผลที่สองก็คืออยากจะไปหาลูกค้าด้วยตัวเองบ้าง (หากว่าว่าง) ผมเชื่อว่าทุกห้อง ทุกซิสเต็ม จะได้กำไรน้อยหรือมาก หรือจะถูกจะแพง  หากเราได้ไปคุย ไปเรียนรู้ความต้องการ ไปรู้ปัญหาของเค้าถึงห้อง และไปเรียนรู้ซิสเต็มของเค้าให้เห็นกับตา ให้ได้ฟังกับหู มันจะเติมเต็มประสบการณ์ในการฟัง และวิธีแก้ปัญหาของเราให้มากขึ้นตามไปด้วย




ว่ากันดังนั้นแล้วล้อหมุนตอน 6.30 เช้าตรู่ ระหว่างทางก็ไม่ต้องสืบนะครับว่า ......... ฝนตกตั้งแต่ออกจากบ้าน แถมหนักขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างทางก็มีตกสลับหยุดไปเรื่อย บางทีต้องขับช้าๆประคองไป เพราะกลัวจะไปไม่ถึงบ้านลูกค้า ฮาๆ

สุดท้ายก็ไปถึงกาญจนบุรีจนได้ 8 โมงนิดๆ ก็พาร่างกายอันอิดโรยและอดนอน 555 เข้าไปถึงห้องฟังลูกค้า ส่งมอบลำโพงกันเรียบร้อย เจ้าของบ้านก็เชิญเข้าห้องฟังทันที

ห้องนี้อยู่ชั้น 3 ของตึก ต้องบอกตรงๆว่าเห็นห้องตอนแรกทางรูปถ่ายที่ลูกค้าส่งไลน์มาให้แล้วก็คิดไปเองว่า ห้องมันต้องก้องแน่นอน ห้องสี่เหลี่ยม เฟอร์น้อยๆ มีแต่ลำโพง จอ แล้วก็เครื่องเสียง คงก้องประมาณอยู่ในถ้ำแน่ๆ 555

เอาเข้าจริงลูกค้าเปิดหนังให้ดูไม่ถึง 10 นาทีครับ   ผมก็สรุปได้เลยว่า ไอ้ที่ผมคิดและจินตนาการไปในตอนแรกนั้น .... แม่มผิดถนัด
เพราะห้องไม่ก้องเลย อคูสติกดีมาก  คือไม่ต้องทำอะไรแล้ว (ถ้าพอใจแค่นี้) คือเสียงมันดีแล้ว ในระดับที่น่าจะชุดประสิทธิภาพของซิสเต็มมาได้มากเกือบ 80-90%



สาเหตุที่ห้องไม่ก้องเพราะผนังรอบๆนั้นไม่ใช่ปูน แต่เป็นไม้
นซิสเต็มลูกค้าใช้ Dual Subwoofer Klipsch R-112SW นั่งๆฟังไปเบสมาทีเก้าอี้กระเพื่อม ก็รู้สึกว่าแหม  ห้องก็ใหญ่ กะด้วยตาน่าจะประมาณ 5 * 7 แต่เบสแรงปะทะดีมากๆเลย ประทับใจในรายละเอียด การโยนเสียง เสียงเซอราวด์ที่รู้สึกลอยอยู่เหนือหัวข้ามไปข้ามมาทั้งๆที่ยังไม่ได้ต่อลำโพง Atmos ใช้เลย เสียงวนไปรอบๆตัว ทั้งข้างหลัง และด้านข้างต่อเนื่องกันแบบเนียนๆ ไม่มีช่องโหว่
เบสก็เป็นอีกอย่างที่ประทับใจเพราะมันกระแทกดี 
ตอนหลังลูกค้าเฉลยว่าใช้ซับ 3 ตัว  ข้างหน้า R112SW สองตัว
ข้างหลังทำช่องไว้ตรงโซฟาเลยอีกหนึ่งตัวเป็น Velodyn (ซึ่งไอ้ตัวนี้ละคือตัวทำโซฟาสั่น) เพราะมันอยู่ติดตูดคนนั่งเลย

และที่ตั้งใจจะมาดูวันนี้ก็คือลำโพง R15M ที่เอามาใช้ Atmos ลูกค้าใช้วิธีทำชั้นวางไว้บนเพดานขนาดพอดีกับลำโพง แล้วเอาลำโพงวางหันหน้าลงมาด้านล่างเลยครับ  (ตามรูป)  ซึ่งจากรูปนี่ยังไม่ได้ต่อ Atmos ไว้นะ เพราะยังรอ AVR ตัวใหม่ที่รองรับ Atmos

ก็เป็นวิธีที่แข๊งแรงและไม่ต้องกังวลว่านั่งๆดูไปลำโพงจะหล่นลงมาฟาดกะบาลเหมือนพวกที่ใช้ขาแขวนครับ อิอิ
ใครจะเอาวิธีไปใช้ก็ได้นะ






ปล ก่อนกลับขออนุญาติถ่ายของรักของสะสมของเจ้าของมาฝากกันนิดหน่อย เป็น Hennessy และ Blue , Green Label เต็มตู้ไปหมด

เจ้าของถามผมว่า ลองหน่อยมั๊ย  ผมรีบปฏิเสธเพราะขากลับต้องขับรถกลับอีกไกลกว่าจะถึงกทม และยังมีนัดลูกค้าอีกท่านช่วงบ่าย 

สุดท้ายขอบคุณลูกค้าที่ให้โอกาศเราได้ฟังชุดที่เสียงดีมากๆอีกชุดนึงโดยไม่ต้องใช้ของแพงแต่อย่างใด แม้จะได้ใช้เวลาอยู่ในห้องลูกค้าได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่ก็ประทับใจในความใส่ใจและความตั้งใจของเจ้าของห้องที่เลือกใช้ของและติดตั้งทุกอย่างด้วยตัวเอง และที่สำคัญก็ทำได้ดีซะด้วย

และนี่ก็เป็นอีกชุดนึงที่เราต้องบอกว่า ดูแค่หน้าตาและจากรูปอาจจะไม่เท่าไร่ แต่ถ้าได้ไปลองฟังต้องบอกเลยว่า "เสียงดีมากๆครับ"




ซิสเต็มมีดังนี้
Pre: AVR Yamaha 3020
Power: Audyn MA3200
Klispch RF-82
Klipsch RC-64
Klipsch RS-62 ii
Klipsch RS-62 ii
Klipsch R15m (Atmos) - ยังไม่ได้ติดตั้งใช้งาน
Sub Klipsch R-112SW x 2
Sub Velodyn
Projector:  Panasonic
Screen: Vertex 150"














« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 02, 2016, 09:00:48 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Klipsch R-110SW และ Klipsch R-15PM ไปให้ลูกค้าที่วิภาวดีครับ  ตัวนี้ไปส่งให้ลูกค้าเองถึงที่  โดยตัวนี้ลูกค้าเอาไปไว้ฟังคู่กัน โดยใช้ซับ R-110 มาช่วยเสริมความถี่ต่ำด้วย เพราะ R-15PM ออกแบบมาให้สามารถต่อซับได้โดยตรงที่ตัวลำโพงเลย โดยไม่ต้องใช้ AVR มาขับ (R-15PM เป็น Active speaker มีแอมป์ในตัวอยู่แล้ว)  จึงทำให้เป็นทางเลือกสำหรับใครที่ไมอยากก้าวเข้าไปเล่น Home theater แบบเต็มตัว เพราะนอกจากจะต้องแมทชิ่งลำโพง แมทชิ่ง AVR หาสาย เดินสาย วางลำโพงให้เกะกะและเสี่ยงจะมีเรื่องกับแม่บ้าน อิอิ

ตัวนี้จึงเป็นทางออกที่ง่ายเพราะรองรับสายเส้นเดียวแล้วจบ 
สามารถต่อ optical ออกจากทีวี  หรือต่อ usb, หรือ จะต้อง bluetooth ก็ได้ จะต่อกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงก็มี pre-phono บิ้วอินให้ในตัว  และมีช่อง Sub-out ให้ต่อซับอีกหนึ่งช่อง โดยเราจะสามารถเลือก Active Subwoofer ที่มีขายตามท้องตลาดอะไรก็ได้มาเล่นคู่กัน โดยไม่ต้องพะวงเรื่องกำลังขับ

ถ้าใครชอบง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก และไม่ได้ต้องการลำโพงเยอะๆเต็มห้อง แต่ต้องการแคเสียบกับทีวี ต่อกับมือถือ ฟังง่ายๆ และต้องการเสริมเบสดีๆด้วยซับวูฟเฟอร์ข้างนอก  ตัวนี้น่าลองพิจารณาดูครับ



ราคา Klipsch R15PM: http://www.whatthatsound.com/product/330/klipsch-r-15pm

ราคา Klipsch R110SW: http://www.whatthatsound.com/product/5/klipsch-r-110sw

 

















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 02, 2016, 09:18:25 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


เอารูปสวยๆของลูกค้าที่สั่ง Klipsch R-15PM และ R110sw มาให้ชมกันครับ

ใครบอกว่าจะดูหนัง ดูละคร ฟังเพลงกับทีวี ต้องใช้ sound bar เท่านั้น   ลูกค้าท่านนี้ต้องการใช้งานแบบอรรถประโยชน์ ต่อกับทีวีเอาไว้ดูหนัง ฟังเพลง แต่ก็ต้องการเบสแบบตึบๆ หนักๆ  แต่ไม่ต้องการสิ้นเปลืองใช้ avr หรือสายลำโพงให้วุ่นวาย

ทางออกก็เลยมาตกที่เจ้า active speaker อย่าง klipsch r15pm ที่สามารถต่อ Optical กับทีวีได้โดยตรง  หรือตะต่อ bluetooth กับโทรศัพท์ก็ได้ หรือจะต่อ usb กับคอมก็ได้ หรือจะต่อ Minijack 3.5 ก็ยังได้ แถมมี pre-phono ต่อเครื่องเล่นแผ่นเสียงในอนาคตได้อีก
และข้อดีคือมีช่องต่อซับ out มาให้ในตัว สามารถเอาซับมาต่อได้เลยอีกด้วย

ราคา Klipsch R15PM: http://www.whatthatsound.com/product/330/klipsch-r-15pm

ราคา Klipsch r110sw:
http://www.whatthatsound.com/product/5/klipsch-r-110sw


























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 09, 2016, 06:56:18 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Klipsch R110-sw และสายซับ และตัวแปลง 1:2 สำหรับใช้ต่อซับสองตัว ให้ลูกค้าที่ดอนเมืองครับ

ตัวนี้ที่มาที่ไปคือลูกค้าใช้ Klipsch R-15PM ลำโพง Active ที่สามารถต่อซับเสริมได้ (ต่อได้หนึ่งตัว ตามรูป) โดยเดิมลูกค้าซื้อซับ R-110SW มาต่อเล่นอยู่แล้วหนึ่งตัว และติดใจในความมันของความถี่ต่ำที่ได้จากซับตัวนี้  จึงเป็นที่มาให้สั่ง R-110SW ตามมาอีกหนึ่งตัว โดยเล่นเป็น Dual Subwoofer

จึงต้องใช้ตัวแปลงให้ต่อซับได้สองตัวมาช่วยครับ

โดยการต่อซับสองตัวในลักษณะนี้นั้นจะไม่ไปดึงกำลังของตัวลำโพงแต่อย่างใด เพราะซับวูฟเฟอร์ที่ใช้ๆกันในบ้านเราส่วนใหญ๋นั้นมันเป็น Active Subwoofer ดังนั้นเราจะเอาซับขนาด 20 นิ้ว ตัวใหญ่แค่ไหนมาต่อ หรือจะต่อพ่วงออกมาอีก 2-4 ตัวหมันก็ทำงานได้ของมันเอง เพราะมันมีแอมป์ในตัวซับเองครับ   การทำงานจะแค่ดึงเอาสัญญาณความถี่ต่ำที่ส่งจากลำโพงมาใช้แค่นั้น

วันหน้าเราจะเอารูปสวยๆของซิสเต็ม Klipsch R-15PM และ dual Subwoofer Klipsch R-110SW มาฝากกัน

ราคา Klipsch R110-sw: http://www.whatthatsound.com/category/4/klipsch/klipsch-subwoofer

ราคา Klipsch R-15PM: http://www.whatthatsound.com/product/330/klipsch-r-15pm

 













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 10, 2016, 08:44:48 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Klipsch RP-250C ไปให้ลูกค้าที่สะพานใหม่ ดอนเมืองครับ
(รูปเซ็นเตอร์ใช้รูปแทนจากตปท.)   ตัวนี้ลูกค้าเคยสั่ง Klispch RB-61 ii มือสองเราไปใช้สักพักนึงแล้ว  
วันนี้มาเติมเซ็นเตอร์และ Surround ให้ครบ  

ก็ต้องขอบคุณลูกค้าท่านนี้มากครับที่ยังอุตส่าห์นึกถึงกันและสั่งเซ็นเตอร์ไปใช้

ราคา Klipsch RP-250C: http://www.whatthatsound.com/product/17/klipsch-reference-premier-rp-250c










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 12, 2016, 09:45:50 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


เอารูปห้องสวยๆของลูกค้าเก่าของเราท่านนึงที่เพิ่งสั่งชุด In The Box Onkyo 7705 ไปได้ไม่นานมาฝากครับ

วันนี้ลูกค้าส่งรูปการเจริญเติบโตของชุดที่เติบโตเร็วมาก 555 จนวันนี้กลายมาเป็นแบบนี้แล้วครับ 

Front: Klipsch 150M
Center: Klipsch RP-250C
Surround: Onkyo 7705
Subwoofer: Klipsch R110SW
AVR: Onkyo 7705



เชื่อแน่ว่าชุดดูหนัง ฟังเพลงสักชุด ไม่ต้องใหญ่โต แค่พอเปิดฟังแล้วมันตูมตามพอให้หัวใจหนุ่มๆอย่างเราๆท่านๆจิตใจชุ่มชื่น ตื่นตัวแบบนี้ มันเป็นความฝันชายหนุ่มส่วนใหญ่ไม่มากก็น้อยครับ

อย่างน้อย admin เอง สมัยวัยรุ่นยังหนุ่ม (เดี๋ยวนี้แก่มากแล้ว) ก็เป็นอีกคนที่ฝันอยากมีชุดดูหนัง ฟังเพลงดีๆสักชุด   พอเรียนจบ โตมา ทำงานก็ดื้นรนหาซื้อมาเล่น มาฟัง มาเรียนรู้ไปเรื่อยๆ จากชุดน้อยๆกลอยใจ ก็เติบโตคืนวันอย่างช้าๆ ตามกำลังทรัพย์และแรงปรารถนาในใจให้เติบใหญ่เป็นชุดที่โตและ so big ขึ้นเรื่อยๆๆๆ

เครื่องเสียงมันก็สนุกและมีเสน่ห์แบบนี้แหละครับ   
เล่นเครื่องเสียงให้สนุกและมีความสุขในทุกๆวันครับ


















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 12, 2016, 09:44:16 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Klipsch Reference Premier ชุดนี้ไปให้ลูกค้าที่รังสิต หมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปีครับ

ชุดนี้ประกอบด้วย
Klipsch RP-250F
Klipsch RP250C
Klipsch RP150M

ลูกค้าเอาไปใช้ดูหนังแทนชุด Mordaunt short ชุดเก่า จับกับ AVR Yamaha
และลูกค้ายังมีชุดฟังเพลงแยกออกมาอีกชุด เป็น Kef R300 + Marantz Ki Pearl

เรียกว่าครบเครื่องในห้องเดียว อยากจะดูหนังก็เปิดชุดนี้ อยากจะฟังเพลงก็เปิดอีกชุดนึง  เป็นไอเดียที่ไม่เลวทีเดียวครับ ไม่ต้องเสียเวลาตามหาชุดที่ทำได้ดีทั้งดูหนังและฟังเพลง ซึ่งมันก็ต้องได้อย่างเสียอย่าง จะเอาดูหนังดีๆ เสียงมันก็ต้องพุ่ง ต้องสด  เอามาฟังเพลงซึ่งๆ เพลง vocal เพลงอคูสติกมันก็ไม่ไพเราะไปอี้กก....

จะเอาซิสเต็มหวานๆ นุ่มๆ โปร่งๆ มาดูหนังมันก็ไม่มันอีก 
สรุปห้องนี้แยกมันสองซิสเต็มเลย แถมเป็นห้องนอนด้วย นอนดู นอนฟังเพลง อะไรจะสุขไปกว่านี้...

ราคา Klipsch RP-250F: http://www.whatthatsound.com/product/14/klipsch-rp-250f
ราคา Klopsch RP-250C: http://www.whatthatsound.com/product/17/klipsch-reference-premier-rp-250c
ราคา Klipsch RP-150M: http://www.whatthatsound.com/product/18/klipsch-reference-premier-rp-150m













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 16, 2016, 02:08:01 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์



เรื่องเล่าจากนักฟังเพลง

เมื่อวันก่อนผมเอาลำโพง Mordaunt short MS905i ราคาแค่ 3,500 บาทไปส่งให้ลูกค้าที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากผมเท่าไร่  แค่พุทมณฑลสาย 2   ส่วนชื่อลูกค้านั้นผมขอสงวนนามไว้ละกันครับ

-------------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆที่เว็บได้ที่นี่: http://goo.gl/kYSRNM
-------------------------------------------------------------------

ตอนไปส่งก็คิดว่าคงแค่แป๊ปเดียว ส่งแล้วกลับ...  เจอหน้ากันกับลูกค้าครั้งแรก ยกมือทักทายตามปกติ ส่งของให้ ตรวจดูความเรียบร้อย ลูกค้าทักผมคำแรกทำเอาผมอึ้งไปเหมือนกัน   "นี่จะไม่ดับเครื่องรถก่อนเหรอ...."   ผมเลยเดินไปดับเครื่องและเดินตามเจ้าของเข้าบ้านไปหยอยๆ  ใจก็คิดว่าแกคงอยากจะต่อลำโพงแล้วเทสเสียง




พอเข้าไปถึงนั้นกลับผิดคาด สภาพห้องนั้นเป็นห้องนั่งเล่นที่ถูกดัดแปลงให้เป็นห้องฟังเพลง และมีเครื่องเครา อุปกรณ์ต่างๆที่ผมมองๆดูแล้ว ค่อนไปทางวินเทจและมีอายุมากสักหน่อย โดยเฉพาะลำโพง... ที่เห็นแล้วก็พอจะรู้ว่า เจ้าของชอบแนวไหน

ไปถึงห้องผมได้รับไมตรีจิตรที่ดีจากเจ้าบ้านมากๆ   ตอนที่ผมยกลำโพงเซ็นเตอร์มาวางในห้องนั้น แกกลับไม่ได้สนใจเจ้าลำโพงที่ว่านั้นเลย  แต่แกกลับกุลีกุจอรีบไปหากาแฟ และน้ำมาเลี้ยงผม   

หลังจากนั้นแกก็นั่งและเริ่มเล่าเรื่องของแกให้ฟัง  ซึ่งผมผิดคาดจริงๆครับ  แกไม่ได้เรียกผมมาปรึกษา  แกไม่ได้เรียกผมมาให้สอนหรือให้ต่ออะไรให้ แกไม่ได้เรียกผมมาเทสเครื่อง  แกไม่ได้เรียกผมมาให้ขายของ  แต่แกเรียกมานั่งคุยกัน

กับคนที่ผมไม่รู้จัก และเพิ่งรู้จักได้สักราว 5 นาทีได้ 




แกถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตหลายๆเรื่องของแกให้ผมฟัง ราวกับเรื่องพวกนั้นมันผุดขึ้นมาบนห้อง  ทั้งเรื่องเจ้าลำโพงตัวโปรดที่คลุมผ้าอยู่  แกบอกว่าลำโพงตัวนี้ แกรักมากก  แต่แกหาแอมป์ที่เหมาะกับมันไม่ได้   ทุกวันนี้แกบอกว่าแกเคยฟังเสียงลำโพงบรรเลงได้อย่างไพเราะยามที่มันถูกขับโดยแอมป์ที่ match กับมัน
แต่ในปัจจุบันแกก็ไม่เคยได้ยินเสียงเนื้อแท้ที่ไพเราะเช่นนั้นอีกเลย จวบจนทุกวันนี้  และก็ก็ยังตามหาแอมป์ที่เหมาะกับลำโพงตัวนี้ต่อไป 
จะว่าไปประเด็นอาจไม่ใช่แค่เรื่องเสียงจากลำโพงตัวนี้  แต่ประเด็นคือ ช่วงชีวิตของเจ้าของลำโพงตัวนี้ มันผ่านอะไรๆมาร่วมกับลำโพงตัวนี้มากมายเหลือเกิน ทั้งเรื่องดีๆ เรื่องเศร้าๆ และที่มาของลำโพงก็แสนจะประทับใจ  แกไม่ได้ซื้อเอง แต่มีคนซื้อให้ คนที่ผูกพันกับแก...


จนสุดท้ายผมก็ตื้อแกให้เปิดผ้าคลุมให้ดูหน่อย ว่าลำโพงมันเป็นยี่ห้ออะไรกันแน่
สุดท้ายก็เอาผ้าออก และเฉลยว่าเป็นลำโพง DCM Time Window ที่ผมบอกตรงๆนะครับ ว่าผมไม่รู้จักจริงๆ   บางทีอายุลำโพงตัวนี้มันอาจจะไล่เลี่ยกับอายุผมก็เป็นได้

ผมฟังแกเล่าสักพัก ผมก็พอสรุปได้ว่า บางทีที่แกอาจไม่ได้ติดใจกับสุ้มเสียงของลำโพงตัวนี้เท่ากับความทรงจำและเรื่องราวดีๆ ที่บางทีมันอาจถูกซึมซับผ่านบทเพลงต่างๆมาร่วม 30 ปี 
อย่าลืมนะครับว่า บทเพลงมันก็เหมือนเครื่องบันทึกความทรงจำชั้นดี เราฟังเพลงเพลงนึง ตอนกำลังสุข หรือกำลังเศร้า  เวลาผ่านไป บทเพลงเดิมถูกเล่นซ้ำ นอกจากเมโลดี้ และทำนองและคำร้องแล้ว เรายังจดจำช่วงอารมณ์และความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นทั้งสุขและเศร้า ตอนที่เราฟังเพลงนั้นเมื่อหลายปีก่อน ให้หวนกลับคืนมาได้อีกครั้งนึงด้วย




ก่อนกลับเจ้าของบอกว่า ถ้าใครมีแอมป์ดีๆที่คิดว่าเหมาะกับเจ้า DCM Time Window ตัวนี้ก็แนะนำแกมาได้  แกยังคงออกเดินทางและตามหาหนทางที่ทำให้ลำโพงตัวนี้มันกลับมามีชีวิตชีวาและสดใสอีกครั้ง

ตอนผมเดินออกมาจากบ้านหลังนี้  ผมก็พลางคิดในใจว่า บางทีถ้าแกตามหาแอมป์เสียงดีๆสักตัว ที่เหมาะกับลำโพงตัวนี้ได้สำเร็จเมื่อไร  วันนั้นสิ่งที่ขาดหายไป ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาและความทรงจำดีๆ ในอดีต มันอาจกลับมาโลดแล่นและมีชีวิตขึ้นอีกครั้งก็ได้......

เพราะบางทีลำโพงดีๆบางตัว มันก็มีค่ามากกว่าแค่ไว้ใช้ฟัง....  ลำโพงที่ผ่านร้อนผ่านหนาว  เกิดและผ่านช่วงเวลาของความยากลำบากของชีวิตมาพร้อมๆกับเจ้าของ มันย่อมทรงคุณค่าเสมอ ... ใช่มั๊ยครับ




ปล  ก่อนกลับเจ้าของบอกผมว่าแกสนใจ Klipsch RC-64 II แต่แกไม่มีโอกาศลองฟังสักที  ผมยิ้ม และตอบแกกลับไปว่า  พี่ลืมลำโพงนี้ตัวนี้ไปเถอะเพราะจากที่คุยกับแกมา ผมพอจะสรุปได้ว่า ด้วยแนวดนตรีที่แกชอบฟัง หนังทีแ่กชอบดู แนวทางที่แกชอบ ด้วยรสนิยมในแนวเพลง ด้วยวัยวุฒิ ด้วยประสบการณ์ชีวิต ด้วยอะไรหลายๆอย่าง.... มันไม่ใช่ทางที่แกชอบแน่นอน     ลำโพงตัวนี้อาจเป็นลำโพงที่ดีมากๆสำหรับคนรักการดูหนัง คนวันกลางคนเช่นผม หรือวัยรุ่นที่ชอบหนังทีมันชัดมากๆๆ สดๆ สะใจ แต่หากคุณตามหาความนุ่ม ความรื่นหู ไร้สากเสี้ยน ความละมุนละไม  ผมว่าคุณอาจเดินมาผิดทาง...

แน่นอนว่าผมเสียลูกค้าในอนาคตไปอีกหนึ่งคน  แต่อย่างน้อยผมก็ได้มิตรที่ดี และได้รู้จึกนักฟังเพลงอีกคนนึงเพิ่มขึ้น...













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 17, 2016, 10:12:17 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


ห้องดูหนังในแบบ Klipsch THX Ultra II

System ของลูกค้าท่านนึงที่สั่ง Klipsch THX Ultra II ไปติดตั้งใช้คอนเซปแบบ Buffle wall คือมีผนังมาฝังลำโพงไปอีกชั้นก่อนผนังจริง และใช้จอปิดทับลำโพง THX ทำให้บรรยากาศหลังจากปิดไฟ นั้นจะมองเห็นแต่จอและภาพสวยๆเท่านั้น
 
ก็เป็นอีกอารมณ์นึงที่น่าสนใจและได้บรรยากาศโรงหนังจริงๆครับ เพราะเวลาคุณเข้าไปดูหนังในโรง คุณก็มองไม่ค่อยเห็นลำโพงหน้าอยู่แล้ว อาจจะมีเห็นลำโพง Sr บ้าง แต่ลำโพงไม่ใช่สิ่งที่เค้าจะโชว์ หรือขายให้คุณ โรงหนังขายภาพยนตร์ เรื่องราว เสียง ภาพ และบรรยากาศ แต่เค้าไม่โชว์ซิสเต็ม
 

 
 
ส่วนตัวผมมองว่า แนวคิดนี้สำหรับโรงภาพยนตร์ในบ้านเราอาจจะแปลกใหม่ เพราะคำว่า Home Theater ในบ้านเราอาจจะคิดว่า เดินเข้าห้องไปต้องเจอลำโพงเท่ๆ สวยๆ ตัวใหญ่ๆ ดูอลังการ เครืองเคราๆเยอะๆ มีแอมป์ มีโมโนบล๊อก มีปรีเทพๆ ตั้งโชว์ มีชั้นวางเครื่องเสียงแพงๆ มันก็ใช่ครับ แนวนั้นมันก็ดูดีในแบบของมัน
 
แต่เมืองนอกก็มีอีกแนวที่เค้านิยมติดตั้งลำโพงโดยเน้นให้โชว์ลำโพงให้น้อยที่สุด แต่เน้นบรรยากาศในห้องดูหนังให้มันมีความเป็น "โรงหนัง" ให้มากที่สุด เข้าไปไม่ต้องโชว์ของ ไม่ต้องโชว์ลำโพง อาจจะมีแร๊คชั้นวางเล็กๆ วางแอบไว้หลังห้อง แต่เน้นภาพและเสียง เน้นโซฟานุ่มๆ เบียร์เย็นๆ และการใช้งานได้จริง
 
 
นี่ก็เป็นอีกห้องนึงที่ผมดูแล้วรู้สึกชอบ และอยากจะขอเข้าไปนั่งดูหนังสักเรื่องสองเรื่อง
 
ปล ส่วนตัวผมมองว่าแนวทางในการเล่นเครื่องเสียงมันมีหลากหลายมากมายเหลือเกินครับ ทั้งทางฟังเพลง 2 แชนแนล
ทั้งทางสายดูหนัง ใครชอบแบบไหน เลือกแบบไหนแล้วมีความสุข ทำแล้วไม่เดือดร้อนใครและไม่เดือดร้อนตัวเอง ก็เล่นไปให้มันมีความสุขเถอะครับ เพราะชีวิตนี้มันสั้นนัก.... จะไปถกเถียงกันเรื่องเครื่องเครา หรือเอาเป็นเอาตายกับราคาถูก..แพง.. หรือผิดถูกให้มันเครียดไปไย จริงมั๊ยครับ












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 18, 2016, 09:02:53 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


วันนี้เอารูปสวยๆของซิสเต็ม Klipsch Reference Premier ของลูกค้าเรามาฝากกันครับ

ชุดนี้ต้องบอกว่าเป็นซิสเต็มของลูกค้าท่านนึงแถวรังสิตที่รักในเครื่องเสียงจริงๆ (ไม่เปิดเผยนาม เพื่อความเป็นส่วนตัว)
จากที่ผมได้พูดคุยกับลูกค้าท่านนี้ จัดเป็นนักเล่นที่มากประสบการณ์ท่านนึง แม้เครื่องเคราจะไม่ได้ไฮเอ็นท์หรูหราแพงระยับ  แต่ทุกชิ้นที่เลือกใช้ก็บ่งบอกถึงความใส่ใจในการเลือกมาเป็นอย่างดีแล้ว

ลูกค้าแยกชุดดูหนังและฟังเพลงออกจากกัน ซิสเต็มก็เล่นเอง ลองเอง ลองผิดลองถูก ค้นหาแนวทางที่ชอบเอง โดยชุดดูหนังก็ประกอบไปด้วยดังต่อไปนี้ (ข้ามชุดฟังเพลงไปก่อนนะ)



 - Klipsch RP250F
 - Klipsch RP250C
 - Klipsch RP150M
 - Klipsch RW12D
 - Yamaha 1020




ชุดนี้ตอนที่ไปส่ง (ไปส่งเอง) ต้องบอกว่าผมประทับใจในความพิถีพิถันในการเล่นเครื่องเสียงของแกมาก  เพราะแกฝากลำโพงมาตีเทิรน์ไปด้วย 2 ตัว อายุอานามก็ 5 ปีแนะ (ปกติผมจะไม่รับเทิรนของ)  แต่รายนี้ยอมใจแกครับ  คือไม่เคยเจอของอายุ 5 ปีที่สภาพมันกริ๊บและสวยแบบนี้มาก่อน  บ่งบอกถึงความรักษาของและใจรักของแกจริงๆ

ปล  ปกติเวลาดูสภาพของ ถ้าของมีอายุหน่อย นอกจากดูขอบยาง กรวยลำโพง และขอบตู้ว่าบุบหรือมีรอยมั๊ยแล้ว  ผมมักจะชอบดูฝุ่นตามขอบยางและขอบขั้วลำโพงเพราะพวกฝุ่นนี่แหละครับคือตัวบอกว่าเจ้าของใส่ใจแค่ไหน  ปกติถ้าเปิดหน้ากากเล่นฝุ่นมันจะไปเกาะตอบขอบ ตามซอกแล้วเอาออกยากมากๆ  และถ้าห้องไหนที่ไม่อยู่ในห้องแอร์ หรือตั้งตากแดด ขอบไม้ ผิวไวนิลก็มักจะลอกหรือแตกบ้างตามอายุขัย   

ถ้ารายไหนที่มีลำโพงอายุเยอะๆแล้วทุกอย่างมันดูสภาพดีนี่  ผมบอกได้เลยมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะเจอกันบ่อยๆ  เจ้าของต้องใจรักจริงๆ   ว่าแล้วคุณก็ลองไปสำรวจดูลำโพงในห้องคุณดูสิครับ ว่ามันยังกริ๊ปเหมือนตอนเอาออกจากกล่องหรือเปล่า??   




ราคา Klipsch RP250F: http://www.whatthatsound.com/product/14/klipsch-rp-250f

ราคา Klipsch RP250C: http://www.whatthatsound.com/product/17/klipsch-reference-premier-rp-250c

ราคา Klipsch RP150M: http://www.whatthatsound.com/product/18/klipsch-reference-premier-rp-150m

 













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 18, 2016, 09:32:39 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


ส่ง Kef LS50 สีขาว พร้อมของแถมหูฟังแบบ On-ear  Kef M400
ให้ลูกค้า (มารับเองที่ห้อง) 


สำหรับใครที่สนใจลำโพงตัวนี้ เราต้องบอกก่อนว่า มันเหมาะสำหรับเป็นลำโพงฟังเพลง แนวเสียงที่มันถนัดก็เป็นอคูสติก Vocal Bossa Jazz ใครที่คาดหวังว่ามันต้องหนักแน่น ทรงพลังและใช้เป็นลำโพง Home Theater ในห้องใหญ่ๆ กว้างๆได้แทนลำโพงตั้งพื้น
มันคงไม่ใช่แบบนั้นครับ   
เสียงมันออกไปทางเป็นลำโพงมอนิเตอร์ ป้อนอะไรเข้าไปก็ออกมาตามนั้น  ป้อนของดี ก็ออกมาดี ป้อนขยะก็ออกมาเป็นขยะ Garbage in, garbage out  คนเล่นควรจะมีประสบการณ์และจัดการกับเรื่องแอมป์ และแมทชิ่งพอสมควร   ไม่ใช่เห็นมันขับยาก ก็เอา power อะไรที่มันแรงๆป้อนมันแล้วมันจะเสียงดี  ผมลองใช้ Power ดูหนังตัวนึงที่ขึ้นชื่อเรื่องพละกำลังเล่นดู  ผลลัพธ์ก็ออกมาแล้วก็รู้สึกว่ายังไปไม่ถึงฝั่งฝันเท่าที่ควร




เอาเป็นว่า ถ้าคุณเป็นคนพิถีพิถันในการแมทชิ่ง และเลือกใช้ของดีๆหน่อย แอมป์คุณภาพๆ เลือกเล่น source hi-res คุณภาพสูง  CD คุณภาพการบันทึกเสียงดีๆ ที่เลือกสรรมาแล้ว แล้วอยากจะลองปลุกปั้นจับตัวเล็กตัวนี้ดูสักตั้ง   มันเป็นเรื่องที่สนุกและบางทีคุณอาจจะไม่แปลกใจว่า ทำไมลำโพงตัวนี้มันถึงถูกจัดให้เป็นหนึ่งในลำโพงที่ดีที่สุดตัวหนึ่ง และกวาดรางวัลมาแล้วเกือบทั่วโลก...

กับลำโพง monitor Kef LS50 ขนาดเล็กเสียงดีเจ้าของรางวัลมากมาย  จากความพยายามในการสร้างลำโพงมอนิเตอร์ชั้นดีเพื่อสืบทอดตำนานของ ลำโพง LS3/5a ที่เลื่องชื่อในอดีต
ผลลัพธ์จึงทำให้เรามีลำโพงตัวเล็กอย่าง KEF LS50 ที่เป็นมากกว่าลำโพงมอนิเตอร์ทั่วๆไปไว้ใช้งาน




ราคา Kef LS50: http://www.whatthatsound.com/product/394/kef-ls50-free-kef-m400
 
























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 18, 2016, 10:28:14 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


ส่ง Klipsch R15PM ตัวนี้ให้ลูกค้าที่พิษณุโลกครับ 

ตัวนี้เป็น Active Speaker หรือเรียกอีกอย่างง่ายๆคือลำโพงที่มีแอมป์ในตัว  สามารถเสียบปลั๊กแล้วใช้งานได้เลย ไม่ต้องใช้แอมป์มาขับมันอีก    ใช้งานได้หลากหลายตั้งแตท usb, rca, minijack, optical ไปยัน Bluetooth

ราคา Klipsch R15PM: http://www.whatthatsound.com/product/330/klipsch-r-15pm

ปล ส่งไปตจว ใช้รูปลำโพงแทนจากต่าประเทศ (ไม่ใช่รูปจากลูกค้าจริง)















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 22, 2016, 09:07:01 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


ส่ง Klipsch RP150M ลำโพงบุ๊กเชลฟ์ไซส์เล็กสุดในซีรี่ย์ Reference Premier ไปให้ลูกค้าเก่าที่แถวศรีสมานครับ 

ห้องนี้อาจจะคุ้นๆหน้าคุ้นตากันบ้าง  เนื่องจากลูกค้าแรกเริ่มเดิมทีลูกค้าสั่ง Onkyo 7705 ชุด in the box  ไปใช้ และหลังจากนั้นไม่นานก็เริ่ม อัพจากลำโพงในชุดเดิม ไปเป็น Klispch RP-150M, RP-250C และซับ R-110SW   โดยที่ยังใช้แอมป์ตัวเดิมในชุดของ Onkyo อยู่

ก็เป็นข้อดีอีกข้อของชุด in the box ของ onkyo ที่เวลาเราซื้อแล้วได้ของครบๆทุกอย่าง เวลาเบื่อ เราสามารถอัพเกรดแบบแยกชิ้นได้ แถม AVR ในชุดก็ยังมีกำลังเพียงพอที่จะขับลำโพงทั่วๆไปที่ขนาดกลางๆไปจนเล็กๆได้เกือบทุกตัวด้วย (พูดแบบนี้ก็อย่าเอาไปขับ Polk, elac, nht ละ)

ซิสเต็มของลูกค้าท่านนี้มีดังนี้
----------------------------------------
Front: Klipsch RP150M
Center: Klipsch RP-250C
Surround: Klipsch RP150M
Subwoofer: Klipsch R110Sw
AVR: Onkyo in th box 7705
----------------------------------------




หลังจากนั้นก็มาถึงคิวของ Surround กันบ้าง  วันนี้ลูกค้าท่านเดิมก็เลยสั่ง Kliupsch RP-150m มาอัพคู่หลัง พร้อมสั่งสาย Klotz  สำหรับเดินขึ้นฝ้าเพื่อความเรียบร้อยและสวยงามอีกด้วย  แถมด้วยสั่งขาตั้งลำโพงเซอราวด์ S10   ซึ่งในระหว่างรอขาตั้งนั้นก็เลยใช้ขาตั้งจำเป็น นั่นคือ "เก้าอี้" กันแบบชั่วคราวไปก่อนครับ ^_^

ก็ต้องบอกว่า ตอนเดินออกมาจากบ้านลูกค้าก็รู้สึกว่า เป็นอีกห้องนึงที่ดูน่าอยู่ มีการบาล้านความพอดีของความเป็นห้องนั่งเล่นที่ใช้งานร่วมกัน กับห้องดูหนังฟังเพลงของชาวหนุ่มได้แบบกำลังดี ไม่ล้ำไปจนกลายเป็นห้องมืดที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์จนคนอื่นในบ้านอึดอัดใจ ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นซิสเต็มที่เล็กๆไม่ใหญ่จนเกินไป  แต่เลือกใช้ของอย่างชาญฉลาดและพอเหมาะพอสม ไม่อัพไปจนเกินตัว และใช้แต่ของที่เลือกมาแล้ว มีการวางแผนให้พอเหมาะกับ space สามารถจัดวางได้อย่างลงตัวทั้งชั้นวางที่วัดแล้วพอดีกับลำโพง  และ AVR ตัวไม่ใหญ่มากมาย เรียกว่าเป็นซิสเต็มพอเพียงที่เน้นใช้งานแบบพอตัว แต่ดูหนังฟังเพลงได้ดีในระดับที่ใช้งานได้เลยครับ  (ไปฟังมาแล้ว เสียงใช้ได้ โดยเฉพาะอคูสติกในห้องนั้นถือว่าไม่ค่อยมีปัญหา เลยทำให้ชุดฟังดูดีขึ้นมามาก)


ราคา Klipsch RP150M:
http://www.whatthatsound.com/product/18/klipsch-reference-premier-rp-150m

ราคาสาย Klotz 1.5 mm (แบ่งตัด): http://www.whatthatsound.com/product/389/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%87-klotz-1-5mm-%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%94

ราคาขาตั้ง S10:
http://www.whatthatsound.com/product/142/stand-surround-s-10


 



















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 22, 2016, 09:39:16 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์



อาทิตย์ที่แล้วเราได้มีโอกาศไปส่ง AVR Onkyo RZ810, Klipsch R112SW, Oppo103D และขาตั้ง S10ที่บ้านลูกค้าแถวราชบุรีมาครับ ซึ่งชุดของลูกค้าเจ้านี้ประกอบไปด้วย

 - Klipsch RF-62 II
 - Klipsch RC-64 II
 - Klipsch RB-61 II
 - Klipsch R112SW
 - AVR Onkyo RZ810
 - Oppo103D
 - ขาตั้ง S10

เดิมทีตั้งใจว่าจะส่งขนส่งเอกชนไปให้ แต่คุยไปคุยมากับลูกค้าแล้วอยากจะให้ไปส่งด้วยตัวเอง เพราะจะได้ช่วยดูเรื่องการติดตั้งในเบื้องต้นด้วย  ก็เลยไปมันด้วยตัวเองซะเลย 




ออกเดินทางแต่เช้า มุ่งหน้าเส้นกาญจนาไปเรื่อย รถน้อย ขับชิว ลมเย็นๆ แป๊ปเดียวก็ถึง 8.00 เช้าเกินไปครับ ผมเลยขับรถเลยเข้าไปในตัวตลาด ขับเข้าไปกะหาอะไรทาน
ขับเข้าไปเรื่อยๆ จอดทานข้าวร้านนึง เป็นห้องแอร์ สั่งข้าวกระเพราะหมูไข่ดาว  พอเช็คบิลเก็บเงินมา 35 บาท (แุถวบ้านผมต้องมี 50 บาทขึ้นครับ)  เสร็จแล้วก็เดินออกมาซื้อชาเย็น เดินริมถนนไปเรื่อยเปื่อย
ผมรู้สึกว่า เราขับออกมาจากกรุงเทพแค่ 100 กว่ากิโล แต่ทำไมรู้สึกว่าบ้านเมืองดูน่าอยู่ ตึกรามบ้านช่องดูออกแนวอนุรักษณ์สวยงามเหมือนเดินหลงไปในยุคเก่า แต่สะอาด ดูโล่ง ดูคลาสสิค ค่าครองชีพที่นี่ก็อยู่แบบสบายๆ ไม่ต้องดื้นรน ที่สำคัญรถก็ไม่ติดเหมือนในกรุงเทพด้วย   ผมเดินทอดน่องไปเรื่อยๆรู้สึกว่า จริงๆแล้วบ้านเมืองเรานี่ความเจริญมันไปกระจุก แออัดอยู่ในกทมจริงๆ ตามต่างจังหวัดบางทียังมีมุมสวยๆ มุมผ่อนคลายน่าอยู่อีกมากมายให้ค้นหา

ว่าแล้วก็เรียกสติกลับมา รีบวิ่งเข้าไปบ้านลูกค้าต่อ   ไปถึงก็เห็นห้องดูหนังที่ตกแต่งดูสวยงาม ฟังจากเจ้าของว่า แกสร้างบ้านหลังนี้มานาน เพิ่งจะเสร็จ  จึงอยากได้ห้องดูหนังสักห้องเอาไว้ดูหนังฟังเพลงสบายๆ อารมณ์แบบใช้งานในครอบครัวได้ ไม่ต้องเป็นซีเรียส Home theater ที่มืดตึ้บอะไรแบบนั้น

ข้อดีของห้องนี้คือเสียงไม่ก้อง อคูสติกดีครับ เสียอย่างเดียวที่ด้านซ้ายมือเป็นกระจกซะเยอะไปหน่อย แต่ก็ให้อารมณ์โปร่งๆ ผ่อนคลายกว่าเป็นห้องทึบ




หลังจากแกะกล่องของออกมาต่อเทสดูก็พบว่า onkyo RZ810 มันใหญ่กว่าช่องใส่ของลูกค้า จึงต้องระเห็จเอา RC-64 II ลำโพงเซ็นเตอร์มันลงมาวางบนพื้นก่อน และเอา Onkyo RZ810 ไปวางแทน
ซึ่งตัว RZ810 นี้เป็นซีรี่ย์ใหม่ล่าสุดของ Onkyo แนวเสียงจะไม่เหมือนรุ่นเดิมๆที่ เน้นเสียงกลางอิ่ม นุ่ม ออกแนวฟังสบาย สมดุลๆ

แต่ตัว RZ810 นี้จะมาแนวปลายเปิด แหลม สด คล้ายๆแนว Pioneer ครับ แต่ไม่สดเท่า Pioneer นะ จากที่ฟังเสียงดูจับกับลำโพงสดๆอย่าง Klispch นี่เสียงดูหนังมันกำลังดีเลยครับ ไม่สดมากแบบสุดโต่ง แต่ก็พอที่จะให้บรรยากาศการดูหนังแบบมันๆได้
เพราะลำโพงเน้นดูหนังเสียงมันจะต้องแข๊งๆ สดๆ พุ่งๆ คือต้องแลกกันและไปคนละทางกับการฟังเพลง 

เสร็จแล้วก็แกะเจ้าซับวูฟเฟอร์ Klipsch R112SW มาตั้งประจำการ แรกเริ่มเดิมทีเราก็ไม่รู้จะเอาซับวางตรงไหนดี เพราะตอนนี้ระบบลูกค้ายังไม่เรียบร้อย เลยวางต่อลองเสียงกันไปก่อน  เราเลยเลือกมุมขวา ที่เลือกมุมนี้เพราะมุมนี้มีผนังปิด แถมมีบุนวมไว้ที่ผนังทั้งด้าน ให้คุณสมบัติซับเสียงที่ดีกว่าอีกด้านที่เป็นกระจกหมดทั้งแถบ
และไม่รู้ใครสังเกตเห็นหรือเปล่าว่า ตอนแกะเจ้า R112SW มา สีของดอกลำโพงมันช่างเข้ากันกับสีไม้ปาร์เก้บนพื้นพอดิบพอดี  เลยยิ่งขับให้ห้องทั้งห้องดูสวย ราวกับลำโพงเป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งห้องอีกตัวนึงด้วย  แถม R112 ใช้ดอก 12 นิ้ว ตัวตู้ไม่ใหญ่เทอะทะ ทำให้เหมาะกับห้องไซส์นี้ได้ดีครับ (ห้องขนาดประมาณ 6*5)




เสร้จแล้วมาแกะ Oppo103D กันต่อ อันนี้ยอมรับเลยว่า ปกติผมจะเป็นสายเล่นด้วยไฟล์ ด้วย hdplayer เป็นส่วนใหญ่  และไม่ค่อยนิยมเล่นแผ่น เพราะผมมองว่าเทรนด์อนาคตเรากำลังจะก้าวไปสู่โลกของ paperless โลกของการไม่เก็บ Hardware แต่มาเก็บในรูปแบบ soft file แทน เช่นพวกไฟล์เพลง ไฟล์หนัง   เลยทำให้ผมไม่ค่อยคุ้นเคยกับเจ้า oppo  (พูดง่ายๆสั้นๆคือ ไม่เคยใช้นั้นแหละ 55)

แกะกล่องมา โอ้โหตกใจ Package อลัง มีถุง มีโฟมสีดำดูไฮโซมากจริงๆ  สมควรคุ้มค่ากับราคา 24,000 บาทของตัวนี้จริงๆ











สรุปสุดท้ายต่อเทส ลองติดตั้ง เสียบสายกันไปจนหมด เสียเหงื่อไปหลาย เวลาปาไปเกือบเที่ยง ก็ต้องลาลูกค้ากลับบ้านเพีราะช่วงบ่ายมีนัดลูกค้าต่อที่กทม เลยต้องจากลาเมืองราชบุรีไปโดยไม่มีเวลาแวะเที่ยวสวนผึ้งอันเลื่องชื่อ แวะกินถั่วเย็น เดินดูแกะ ถ่ายรูปลงเฟสชิลๆเลย อิอิ

สุดท้ายจริงๆ ทริปนี้แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ ไม่กี่ชั่วโมว เดินทางใกล้ๆ แต่บ้านเมืองของจังหวัดราชบุรี น่าอยู่กว่าที่คิด สวยงาม น่ามาเที่ยวมากๆครับ ใครมีแพลนจะไปเที่ยวไหนใกล้ๆกทม ขอเชิญชวนให้ลองมาที่นี่ดู ยิ่งหน้าหนาวจะยิ่งโรแมนติกมาก

และห้องของลูกค้าห้องนี้ ดูแล้วก็ประทับใจตรงที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เลือกใช้ของที่มีคุณภาพโดยที่ยังบาล้านห้องให้สามารถใช้งานได้ภายในครอบครัวเป็นห้องนั่งเล่นสวยๆ ดูข่าว ดูละคร นั่งเปิดหนัง ฟังเพลงกันได้ แทนที่จะเป็นห้องดูหนังมืดๆของคุณพ่อคนเดียว

ก็เป็นอีกห้องนึงที่น่าพิจารณาครับ สำหรับใครที่คิดว่าต้องการห้องดูหนังที่ไม่ใช่อารมณ์โรงหนังเพียวๆ แต่ยังมีกลิ่นอายของห้องดูทีวีที่มีพ่อ แม่ ลูก มาใช้เวลาร่วมกันได้ นี่เป็นตัวอย่างที่ลงทุนกับอุปกรณ์ไม่แพง (ลำโพงคุณพ่อไปเหมามาจากร้านที่คุณก็รู้ว่าร้านอะไร เป็นตัวโชว์ ราคาไม่แพงเลย)  แอมป์ก็ใช้แค่ avr ตัวเดียวจบ ไม่ต้องไปใช้ Power , pre ให้เมื่อย   
เพราะชุดที่ดีๆ ไม่ใช่วัดกันที่ราคา แต่วัดกันที่การใช้งานและความพอใจของเจ้าของห้อง  ใช่มั๊ยครับ ?




ราคา AVR Onkyo 810: http://www.whatthatsound.com/product/367/onkyo-tx-rz810

ราคา Klipsch R112SW: http://www.whatthatsound.com/product/4/klipsch-r-112sw

ราคา Oppo103D: http://www.whatthatsound.com/product/189/oppo-bdp-103d






























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 23, 2016, 06:55:23 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Subwoofer รุ่นประหยัด Klipsch Reference R-10SW ไปให้ลูกค้าที่พิษณุโลกครับ (ลูกค้าสั่งไปใช้กับลำโพง Klipsch R-15PM ที่มีช่องต่อซับวูฟเฟอร์ในตัว)

ซึ่งตัวนี้เป็นรุ่นเล็กสุดของ Subwoofer klipsch ราคาย่อมเยาว์กว่าตัว R-110SW พอสมควร   
หลายคนถามว่า หน้าตาคล้ายๆกัน  มันต่างกันตรงไหนบ้าง ตอบเป็นข้อตรงนี้ว่า

1. ตัวตู้ไม่ลบเหลี่ยมมุม โดยสันขอบจะเป็นมุมคมๆ  ส่วนตัว r110sw ตัวตู้จะทำมุมมนๆ ไม่มีเหลี่ยม

2. ตัวปลั๊กไฟ จะไม่สามารถเปลี่ยนได้ ยึดติดกับตัวซับไปเลย แต่ตัว R110SW เปลี่ยนสายไฟได้

3. ฐานตัว R10SW จะทำเป็นขา 4 ขา ส่วนตัว R110SW จะทำเป็นฐานพลาสติกตั้งมาเลย

4. ตัวดอกของ R10SW ใช้คนละแบบกับ R110SW แม้มันจะสีทองแดงเหมือนกัน แต่มันคนละแบบ  ค่าการตอบสนองความถี่ต่ำก็ไม่เหมือนกัน  R110: 27 - 125 Hz  ส่วน R10: 32 - 120 Hz
ตัว R110 ลงได้ลึกกว่า

5. การรองรับเบสหนักๆ ช่วงโหมๆเวลาดูหนัง ตัว R110SW ทำได้ดีกว่า ทดสอบด้วย AVR ที่ให้สัญญาณเบสหนักๆ เร่งเบส เปิดหนังที่เบสเยอะๆ อัดได้ไม่มีคำว่าแป๊ก  แต่ตัว R10SW ยังมีความเสี่ยงที่รองรับความถี่ต่ำช่วงเบสโหมมากๆได้ไม่เท่ากับตัว R110SW (ตามราคา)

6. หัวเบส R10SW จะกลม กระชับ เป็นลูก นุ่ม ฟังง่าย และสะอาดกว่าตัว R110SW เหมาะกับใช้ฟังเพลงมากกว่าดูหนัง (ใช้ดูหนังหนักๆ เปิดอัดมากๆจะไม่ไหว)
แต่ตัว R110SW เบสจะหนัก กระแทก ลูกใหญ่กว่า โหดกว่า โครมครามกว่า ลงลึกกว่า R10SW (ก็ตามราคาอีกนั่นแหละ)


สรุป ใครอยากเอาไปดูหนังโหดๆ เน้นดูหนัง ชอบโครมคราม แนะนำไปตัว R110SW แต่ถ้าใครเอาไปใช้ฟังเพลง เปิดเบาๆเป็นบรรยากาศ ใช้กับคอม ใช้กับลำโพง desktop หรือใช้งานดูหนังฟังเพลงทั่วๆไป ไม่นิยมเบสหนักๆ กลัวไปกวนชาวบ้าน ตัว R10SW ก็อาจจะเพียงพอครับ

ราคา Klipsch R10Sw: http://www.whatthatsound.com/product/47/klipsch-r-10sw

ราคา Klipsch R110Sw: http://www.whatthatsound.com/product/5/klipsch-r-110sw

 













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 23, 2016, 09:34:20 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Klipsch R12-SW ไปให้ลูกค้าที่บางโพครับ (ประชาราษฎร์ซอย 10)  ตัวนี้เป็นซับขนาด 12 นิ้วรุ่นประหยัดที่ราคาคุ้มค่าตัวอีกตัวนึง
อย่าสับสนกับ R-112SW นะครับ คนละตัวกัน
ลูกค้าตั้งใจเอาไปฟังเพลง ไม่ต้องการเบสหนัก หรือดูหนังโหดๆที่ต้องการความถี่ต่ำมากๆ ซึ่งตัวนี้ต้องบอกว่าตรงตามวัตถุประสงค์ลูกค้าเลย เพราะรุ่นนี้เหมาะกับการฟังเพลงมาก เบสนุ่มๆกำลังดี ออกมาเป็นลูกกระชับ ไม่แผ่ และเบสไวมากๆ จนลูกค้าออกปากชมเปราะว่า เบสดีเหลือเกิน ประทับใจ

งานนี้ตอนไปส่ง (ส่งเอง อีกแล้ว)  ผมก็จับ google map ซอยประชาราษฎร์ 10  ปรากฏว่าพอใกล้ถึงซอย ผมก็โทรถามลูกค้าอีกรอบ ปรากฏว่าลูกค้าบอกว่า เฮ้ย ไปผิดทาง ยูเทิรน์กลับมาด่วน ผมก็เถียงลูกค้าว่า อ้าวใน google map ซอยมันอยู่ตรงนี้น่ะพี่ ลูกค้าก็ยืนยันว่าผิดๆ 
ผมก็จนใจ ต้องเชื่อลูกค้าครับ เพราะบ้านเค้าอยู่ตรงนั้น ไม่เชื่อเค้าแล้วจะไปเชื่อใครละจริงมั๊ย  ก็ u-tern แล้ว ปิด google map แม่มเลย ฮาๆ   วิ่งมาสักพัก เห็นป้ายซอย คราวนี้ถึงบางอ้อเลย

มันมีซอยที่ชื่อว่า ประชาราษฎร์ 10  กับอีกซอยที่ชื่อว่า ประชาราษฎร์ สาย1 ซอย10     
สรุปว่าซอยลูกค้าอยู่ ประชาราษฎร์ สาย1 ซอย 10  แต่ผมดันไปประชาราษฎร์ 10  ซึ่งชื่อจะตั้งแบบนี้ทำไมก็ไม่รู้ แถมไอ้สองซอยเนี่ยมันก็อยู่ไม่ไกลกันด้วย  เฮ้อ




เข้าสาระกันบ้างครับ
หลายคนถามว่า R10SW, R12SWหน้าตาคล้ายๆกันกับ R110SW, R112SW มันต่างกันตรงไหนบ้าง ตอบเป็นข้อตรงนี้ว่า

1. ตัวตู้ไม่ลบเหลี่ยมมุม โดยสันขอบจะเป็นมุมคมๆ  ส่วนตัว r110SW, R112SW ตัวตู้จะทำมุมมนๆ ไม่มีเหลี่ยม

2. ตัวปลั๊กไฟ จะไม่สามารถเปลี่ยนได้ ยึดติดกับตัวซับไปเลย แต่ตัว R110SW, R112SW เปลี่ยนสายไฟได้

3. ฐานตัว R10SW, R12SW จะทำเป็นขา 4 ขา ส่วนตัว R110SW, R112SW จะทำเป็นฐานพลาสติกตั้งมาเลย

4. ตัวดอกของ R10SW, R12SW ใช้คนละแบบกับ R110SW, R112SW แม้มันจะสีทองแดงเหมือนกัน แต่มันคนละแบบ  ค่าการตอบสนองความถี่ต่ำก็ไม่เหมือนกัน  R110: 27 - 125 Hz  ส่วน R10: 32 - 120 Hz
ตัว R110 ลงได้ลึกกว่า

5. การรองรับเบสหนักๆ ช่วงโหมๆเวลาดูหนัง ตัว R110SW, R112SW ทำได้ดีกว่า ทดสอบด้วย AVR ที่ให้สัญญาณเบสหนักๆ เร่งเบส เปิดหนังที่เบสเยอะๆ อัดได้ไม่มีคำว่าแป๊ก  แต่ตัว R10SW, R12SW ยังมีความเสี่ยงที่รองรับความถี่ต่ำช่วงเบสโหมมากๆได้ไม่เท่ากับตัว R110SW, R112SW (ตามราคา)

6. หัวเบส R10SW, R12SW จะกลม กระชับ เป็นลูก นุ่ม ฟังง่าย และสะอาดกว่าตัว R110SW, R112SW เหมาะกับใช้ฟังเพลงมากกว่าดูหนัง (ใช้ดูหนังหนักๆ เปิดอัดมากๆจะไม่ไหว)
แต่ตัว R110SW, R112SW เบสจะหนัก กระแทก ลูกใหญ่กว่า โหดกว่า โครมครามกว่า ลงลึกกว่า R10SW, R12SW (ก็ตามราคาอีกนั่นแหละ)

สรุป ใครอยากเอาไปดูหนังโหดๆ เน้นดูหนัง ชอบโครมคราม แนะนำไปตัว R110SW, R112SW แต่ถ้าใครเอาไปใช้ฟังเพลง เปิดเบาๆเป็นบรรยากาศ ใช้กับคอม ใช้กับลำโพง desktop หรือใช้งานดูหนังฟังเพลงทั่วๆไป ไม่นิยมเบสหนักๆ กลัวไปกวนชาวบ้าน ตัว R10SW, R12SW ก็อาจจะเพียงพอครับ

ราคา Klipsch R12SW: http://www.whatthatsound.com/product/48/klipsch-r-12sw






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 26, 2016, 09:47:44 pm โดย keamglad »