ผู้เขียน หัวข้อ: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Procella , SVS, Anthem, Parasound,Audyn  (อ่าน 329941 ครั้ง)

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์



จัดส่ง Anthem MRX720 ไปให้ลูกค้าที่พุทธมณฑลสาย 1
ตัวนี้เป็น AVR ของ Anthem อีกตัวที่เสียงดีมว๊ากกก โทนเสียงติดดุ ให้เสียงกลางหนา impact และเบสดีเกือบจะที่สุดในตลาด   ในขณะเดียวกันก็ให้บรรยากาศและรายละเอียดปลายแหลมที่ดีมากๆไปพร้อมๆกัน  รวมถึงการแพนเสียงรอบตัว   การแยกแยะรายละเอียดรอบๆตัว และความสมจริงของการแยกแยะรายละเอียดและวัตถุ (immersive sound)   

MRX720 กำลังขับ 140 วัตต์ (8 ohms) ให้กำลังเท่ากับตัว MRX1120 ตัวท๊อป  ต่างกันตรงที่ MRX720 ขับลำโพงด้วยตัว AVR เองได้พร้อมๆกัน 7.2 แชนแนล 
แต่ MRX1120 ขับลำโพงด้วยตัว AVR เองได้พร้อมกันถึง 11 แชนแนล
แต่ภาคปรีของทั้ง MRX720 และ MRX1120 นั้นรองรับการต่อลำโพงได้ 11.2 แชนแนลได้เท่าๆกัน  (MRX720 ต้องเอา Power amp มาต่อ pre-out ถึงจะต่อได้ 11 แชนแนล)




ซึ่งการใช้งานจริงๆ ถ้างบจำกัด ผมมองว่า MRX720 เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามาก เพราะให้กำลังเท่าตัวท๊อป (MRX1120) และยังให้ภาคปรีที่รองรับจำนวนลำโพงได้เท่ากับตัวท๊อป (MRX1120) อีกด้วย
ทีนี้เวลาเราจะต่อลำโพงสูงถึง 11 แชนแนลด้วย AVR ตัวเดียวนั้น มันก็สะดวกสบายดี  แต่ผมกลับมองว่าบางทีหากต่้อลำโพงเยอะขนาดนั้น  หากเราใช้ power สักตัว อาจจะ 3 หรือ 5 แชนแนลมาขับลำโพงหลัก นั่นคือคู่หน้า เซ็นเตอร์ หรือเซอราวด์ จะให้เสียงที่ดีกว่า ลดภาระ AVR มากกว่าครับ

ส่วนจะเป็น Anthem MRX720 หรือ MRX1120 นั้นก็แล้วแต่กำลังทรัพย์ การใช้งานของแต่ละคนเลย   ในเรื่องเสียงนั้นคงไม่ต้องพูดถึง เพราะ Anthem ไม่เคยทำให้ผิดหวังแน่นอน  เพราะทั้งดุดัน  และให้รายละเอียดดีไปพร้อมๆกัน  ไม่ต้องเลือกอย่างใดอย่างนึง  จะเอารายละเอียด โอบล้อมแต่เสียงบาง เบสไม่มีอิมแพค กำลังสำรองน้อย
หรือจะเอาเบสหนัก แต่รายละเอียดไม่มี
หรือจะเอาดูหนังสนุก เฟี้ยวฟ้าว แต่แสบหูอีกต่อไป

เพราะทุกอย่างรวมอยู่ใน Anthem ตัวเดียว


ราคาและสเปก Anthem MRX720: http://www.whatthatsound.com/product/433/anthem-mrx720




















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 13, 2016, 08:35:11 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Onkyo TX-NR555 3 เครื่องไปให้ลูกค้าที่ภูเก็ตและสมุย
Onkyo TX-NR555 เป็นAVR รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Onkyo รองรับ 7.2 channels DTS:X, Dolby Atmos, กำลังขับ 130 วัตต์

ตัวนี้เป็น AVR น้องใหม่เพิ่งออก รองรับระบบทุกอย่าง ถ้าใครไม่ต่อลำโพงเยอะ ตัวนี้น่าสนใจและราคาย่อมเยาว์ เป็นมิตร แถมรองรับอนาคตไปได้อีกยาวๆๆๆครับ

ราคา Onkyo TX-NR555: http://www.whatthatsound.com/product/494/onkyo-tx-nr555









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 15, 2016, 06:39:12 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #434 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2014, 11:57:04 am »


New Klipsch Soundbar

SoundBar Klipsch รุ่นใหม่ล่าสุดมาแล้วครับบบ  มาพร้อมกับช่องต่อ HDMI, USB และ Play-Fi
ให้แนวเสียงดุดัน หนักแน่นเหมาะกับการดูหนังฟังเพลงและการใช้งานง่ายมากๆ แค่ต่อสาย HDMI หรือ optical เพียงเส้นเดียวกับทีวีหรืออุปกรณ์ต่างๆ (มีสาย HDMI แถมมาให้) ก็สามารถให้เสียงหนักแน่นพอๆกับชุดโฮมเธียร์เตอร์ขนาดย่อมๆชุดเล็กๆได้สบาย

พ่วงด้วย Subwoofer แบบ wireless ไร้สายที่สามารถควบคุม volume ของเสียงเบสแยกต่างหากจากตัว Sound bar และสะดวกสบายด้วยการจัดวางไว้ที่ไหนก็ได้เพียงแค่หาที่วาง เสียบปลั๊ก เสียงก็จะ Sync มาที่ตัวซับวูฟเฟอร์เองโดยไม่ต้องทำอะไรหรือต่อสายให้วุ่นวาย
โดยที่สามารถปรับและคอนโทรลผ่านรีโมทที่แถมมาให้ได้อีกด้วย

 และ sound bar ทุกรุ่นสามารถรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth กับโทรศัพท์หรืออุปกรณ์ต่างๆสำหรับดูหนังฟังเพลงได้แบบง่ายๆอีกด้วยครับ



 
วิธีการเชื่อมต่อก็ง่ายๆ ใครไม่เคยเล่นเครื่องเสียงก็สามารถต่อได้ง่ายๆด้วยตัวเองตามวิธีที่เราแนะนำ ตามด้านล่างนี้เลยครับ

------------------------------------------------------------------------------


 1. สาย Optical ต่อกับทีวี:
ใช้สาย Optical ต่อจากช่อง Audio out / Digital out / Optical put แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ วิธีนี้ง่ายที่สุดครับ ตอนนี้ไม่ว่าเสียงอะไรก็ตามที่วิ่งมาเข้าทีวีก็จะมาออกที่ Sound bar เราทั้งหมดไม่ว่าจะดูทีวี ดูละคร เล่น ps4, ดู dvd / bluray หรือเปิดคาราโอเกะก็ตาม

2. สาย RCA ต่อกับทีวี: ใช้สาย RCA (ขาว แดง) วิธีนี้สำหรับทีวีรุ่นเก่าๆที่มีช่อง Audio out แบบ RCA สองเส้น เราก็สามารถต่อจากช่อง Audio out แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ ได้เหมือนกันครับ ผลลัพธ์เหมือนกับวิธีแรกทุกประการครับ

 3. HDMI 2.0 (4K Pass Through):
ต่อกับอุปกรณ์เครื่องเล่นตรงๆ เช่น DVD / Bluray / PS4 หรือกล่องจานดาวเทียม ด้วยสาย HDMI  โดยเราจะเอาสาย Hdmi ต่อจากเครื่องเล่นของเราเข้ามาที่ Sound bar โดยตรงโดยไม่ผ่านทีวีเลย ข้อดีคือมีการสูญเสียน้อยที่สุด แต่ข้อเสียคือ ถ้าเรามีอุปกรณ์เครื่องเล่นๆหลายอย่าง เราอาจจะต้องคอยสลับสายกันวุ่นวายนิดหน่อยครับ

4. สตรีมมิ่งผ่าน Bluetooth กับโทรศัพท์ : Iphone /Ipad / Android หรืออุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth โดยสามารถ connect เพื่อเปิดเพลงฟังโดยโดยที่ไม่ต้องต่อสายใดๆครับ

5. ต่อกับคอมพิวเตอร์ ด้วย USB : ง่ายๆ ก็สามารถนำ Sound bar มาใช้กับคอมได้แล้ว

6. ต่อ Klipsch Play-Fi: ด้วยแอปบนมือถือ (Klipsch Stream app) ก็สามารถเข้าถึงและเล่น content ต่างๆได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น Pandora, Tidal และ Internet Radio ได้หลากหลาย

7. สามารถทำ Multi room
: ได้ ด้วยฟังก์ชั่น Klipsch Stream Wireless Multi-Room System สามารถนำ Sound bar หลายๆตัวมาเชื่อมกันหลายๆห้อง และเล่นพร้อมๆกันแบบ Multi room แบบไร้สาย (RSB-8)


 

ความสามารถหลากหลายและอัดแน่นแบบนี้ กับราคาที่แทบจะไม่แตกต่างไปจากเดิมเลย และแน่นอนว่าเสียงยังแน่น และดุดันเช่นเดิมเหมือนที่รุ่นเก่าเคยทำไว้  นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีอีกตัวของตลาด Sound bar ที่ต้องพิจารณาครับ


ราคา Klipsch Sound Bar : http://www.whatthatsound.com/category/7/klipsch/klipsch-sound-bar


































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 18, 2016, 07:32:54 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #435 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2014, 03:34:51 pm »



จัดส่ง Klipsch RC-64 ii ไปให้ลูกค้าที่ ชลบุรี
ตัวนี้ลูกค้าทยอยอัพทีละชิ้นไปเรื่อยๆ จากชุดเล็กๆ จนเริ่มโตทีละน้อยๆ 
 RC-64 ii คือเซ็นเตอร์รุ่นใหญ่ที่สุดของ klipsch ถ้าไม่นับ palladium  และตัวนี้งานประกอบยังทำที่อเมริกาอีกด้วย
ให้โทนเสียงชัด ละเอียด และสเกลเสียงอลังการมากขึ้น เหมาะกับการดูหนังเป็นอย่างยิ่ง  ถ้าใครเน้นดูหนัง ต้องบอกว่า เซ็นเตอร์ และซับคือหัวใจที่จะทำให้การดูหนังได้อารมณ์ที่สุดแล้ว (ไม่รวมห้องฟัง)


รีวิว Klipsch RC-64 ii: http://goo.gl/92FOhB

ราคา Klipsch RC-64 ii: http://www.whatthatsound.com/product/22/klipsch-reference-rc-64-ii-black







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 18, 2016, 07:55:03 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #436 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2014, 08:58:57 pm »

บรรยากาศจัดส่ง Power Amp Anhem MCA525


 
 
จัดส่ง Anthem MCA525 Power amp กำลังขับ 225 วัตต์ * 5 แชนแนลรุ่นใหม่ไปให้ลูกค้าที่บางแคครับ ตัวนี้ลูกค้านำไปขับลำโพงคู่หน้า เซ็นเตอร์ และ Atmos แบบ ยิงขึ้น (Dolby Atmos Enbled)
(ยังไม่ใส่ Surround)
 
ยกไปติดตั้งลูกค้ากันตอน 2 ทุ่ม ตัวเครื่องหนักประมาณ 28 กิโลกรัม ยกขึ้นชั้น 3
 
ห้องลูกค้ามีของเล่นกิมมิจเล็กๆน้อยๆอยู่หลายอย่างทั้งเกมตู้อาเขต ทั้ง Model ตุ๊กตาการ์ตูนญี่ปุ่นๆเก่าๆ เข้าไปแล้วให้อารมณ์เหมือเราเป็นเด็กและดูมีความสุข เป็นทั้งห้องดูหนัง ห้องเล่น ห้องนอนไปในตัว อะไรจะมีความสุขไปมากกว่านี้อี้กกก..
 



ไปถึงก็วางและเริ่มต้นต่อและเซ็ทกันเลย
ลูกค้าใช้ Anthem MRX720 ซึ่งภาคปรี ช่อง pre-out มีมาให้ 11 แชนแนลอยู่แล้ว ใช้เวลาไม่นาน ตั้ง Hight1 มาเป็น Front Atmos ก็เป็นอันจบ ลองเปิดเสียง เทสกันดูก็เป็นอันใช้ได้
ซึ่งยังไม่ได้เซ็ท ยังไม่ได้ปรับเสียงกันเท่าไร่ เพราะมันดึกแล้ว เปิดดังไม่ได้ เลยขอตัวกลับก่อน และแนะนำว่าหากเป็นไปได้ให้ใช้ไมค์ ARC ของ Anthem มาเซ็ทอัพ จะได้ผลดีกว่า เพราะไมค์ของ Anthem ที่แถมมา และโปรแกรม Arc ที่ให้มานั้นมีคุณภาพดีใช้ได้เลยทีเดียว (ดีกว่าโปรแกรมปรับเสียงและไมค์ค่ายญี่ปุ่น) หลังปรับจะเห็นความแตกต่างว่าเสียงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
 


-----------------------------------------------------
ซิสเต็มลูกค้ามีดังนี้
 
1. Power: Anthem MCA525
2. Pre/AVR: Anthem MRX720
3. Front: Klipsch RP280F
4. Center: Klipsch RC64 ii
5. Atmos: Klipsch RP140SA
6. Subwoofer: Klipsch R115SW
7. Cable: [^_^]
8. อื่นๆ: Klipsch R15PM
-----------------------------------------------------
 


 
ตัวนี้ห้องลูกค้ามีแพลนจะทำเพิ่มเติมคือติดตั้ง Surround เดินสายขึ้นฝ้า ทาสีผนังด้านหน้าเป็นสีดำเพื่อเพิ่มบรรยากาศในการดูหนัง ซึ่งซิสเต็มที่ใช้ หลังจากที่ผมเข้าไปต่อและลองฟังมาสองสามรอบแล้ว AVR Anthem MRX720 ให้โทนเสียงไปทางหนักแน่นและดุดันมาก gain volume ของ MRX720 ค่อนข้างสูง เบสหนักกว่า AVR ญี่ปุ่นแทบจะทุกค่าย โทนเสียงดุดัน กลางแหลมมีรายละเอียด แยกแยะรายละเอียดดี สามารถบ่งบอกตำแหน่งและวัตถุต่างๆด้านหน้าได้ค่อนข้างดี (ยังสู้ AVM60 ไม่ได้)
 
ซึ่งจริงๆผมมองว่า Anthem MRX720 แมทชิ่งกันได้ดีกับ Klispch มาก (ไม่บาดหู และเสริมความหนักแน่นให้ Klispch ไปได้อีกไกล) และให้ความคุ้มค่ามากๆในการเล่น AVR เพราะให้กำลังสูงถึง 140 วัตต์ (วัตต์ยุโรป) สามารถเข้ากับชุดทั่วๆไปที่เล่น 7.2 แชนแนลได้โดยไม่ต้องหา Power amp มาเพิ่ม ซึ่งก็จอบโจทย์คนทั่วๆไปพอสมควรแล้ว
 
 


แต่ถ้าอยากจะอัพไปเล่นมากกว่านี้ก็สามารถขยายต่อได้อีก 11.2 แชนแนล ด้วยการเอา Power amp มาต่อช่วย ถ้าแนะนำก็ให้ใช้ power กับคู่หน้า และเซ็นเตอร์เป็นหลัก
 
ตอนนี้เสียงซิสเต็มของลูกค้าท่านนี้เสียงทำได้ดีในระดับที่น่าพอใจ ขาดก็เพียงบรรยากาศโอบล้อมที่ยังไม่มี (แน่ละ เพราะไม่มี surround)
แต่ตอนนี้ลูกค้าพอใจ และเสียงโอเคในระดับนึง ซึ่งผมมองว่าอุปกรณ์ที่ลูกค้าเลือกแต่ละชิ้นนั้นค่อนข้างแมทชิ่ง และไปกันได้ดี มีคุณภาพ โทนเสียงจึงออกมาดีและน่าฟัง ที่เหลือก็แค่เบิร์นและใช้กันไปยาวๆได้เลย.....
 
ปล. เป็นอีกห้องนึงที่ไม่ต้องทำห้องแบบปิดทึบ และยังมีไลฟสไตล์ในการใช้งานร่วมกันกับครอบครัว กับลูก และใช้นอนและใช้งานได้จริง ทั้งเล่นและพักผ่อน แม้เสียงจะสู้ห้องปิดทึบไม่ได้ แต่ก็บาล้านซ์กันออกมากับครอบครัวได้อยู่ในจุดที่พอดี ไม่รก และเสียงดีในระดับที่ใช้ได้ครับ
 
 


ราคา Power Anthem MCA525: http://www.whatthatsound.com/product/441/anthem-mca525
 
ราคา AVR Anthem MRX525: http://www.whatthatsound.com/product/433/anthem-mrx720
 
ราคา Klispch RP140SA: http://www.whatthatsound.com/product/202/klipsch-rp-140sa
 
ราคา Klipsch RP280F: http://www.whatthatsound.com/product/12/klipsch-rp-280f
 
ราคา Klipsch RC-64 ii: http://www.whatthatsound.com/product/22/klipsch-reference-rc-64-ii-black
 
ราคา Klipsch R-115SW: http://www.whatthatsound.com/product/3/klipsch-r-115sw


































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 18, 2016, 11:14:47 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #437 เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2014, 10:06:46 am »



 
บรรยากาศจัดส่ง Klipsch Refernce Premier ให้ลูกค้าที่ระยอง
 
 
จัดส่ง Klipsch RP450C และ Klipsch RP280F (ตัวโชว์) ไปให้ลูกค้าที่ระยอง ตัวนี้จัดส่งเองอีกแล้ว ออกเดินทางตั้งแต่ ตี 5.30 ระหว่างทางก็พ่วงเอา RC-64 ii ไปแวะให้ลูกค้าอีกท่านด้วย ถึงบ้านลูกค้าก็ 8 โมงกว่าหน่อยๆ เช้าตรู่เลยทีเดียว วันที่เดินทางอากาศดี อากาสเริ่มเย็นแล้ว

------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆที่เว็บของเราได้ที่นี่: https://goo.gl/cjdoYQ
------------------------------------------------------------
 
โดย RP280F, RP450C เป็นลำโพงรุ่นสูงสุด ใหญ่สุดของ Reference Premier Series ลูกค้า (พี่วิชัย) เปลี่ยนจากเดิมที่ใช้ลำโพง PSB Image 4T รุ่นเก่า เนื่องจากตัดสินใจจะมาดูหนัง 100% ลำโพงเดิมมีความนุ่มนวล ละเมียดและฟังง่าย ทำให้ดูหนังไม่ค่อยมันเท่าไร่ แม้จะจับคู่กับ AVR อย่าง Pioneer LX85
จึงตัดสินใจมาใช้ลำโพง Klipsch และลูกค้ากำลังปรับปรุงห้อง โดยทำสีดำที่ผนัง และติด Projector และรื้อเอาตู้ด้านหน้าออกเพื่อรองรับจอ 120 นิ้ว
 



จริงๆลำโพงทุกตัวนั้นมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป ลำโพงแต่ละตัวก็ฟังดีในแบบของมัน เพียงแต่เราต้องตัดสินใจและเลือกว่าเสียงแนวไหนมันเหมาะกับแนวที่เราชอบ หากเราชอบเสียงเนียนๆ ฟังสบายๆ หน่อย ไม่ชอบเสียงจัดๆ พุ่งๆ ทางเลือกก็มีให้เลือกหลากหลายในตลาด
แต่หากคุณชอบเสียงจัดๆ พุ่งๆ แนวดูหนัง เสียงดุๆ ในตลาดก็คงมีให้เลือกไม่มากนัก มีไม่แบรนด์ที่ทำเสียงแนวนี้
และอย่าลืมว่า ลำโพงคือสิ่งสำคัญที่สุดที่เป็นตัวกำหนดบุคลิกเสียงส่วนใหญ่ของซิสเต็ม เลือกลำโพงถูก อย่างอื่นก็จะง่ายขึ้น
 
แต่ถ้าเลือกลำโพงผิด ก็เหมือนกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดถัดๆไปแม้จะพยายามแก้เท่าไร่มันก็ออกมาไม่สวยงามเท่าไร่นัก และจำไว้ว่า หากเสียงในซิสเต็มออกมาไม่ถูกใจ ไม่ใช่แนวที่ชอบ อย่าพยายามไปทุ่มงบไปลง accessories เพื่อเปลี่ยนแนวเสียงในระบบเด็ดขาด เพราะนอกจากจะเสียเงินมหาศาลแล้ว ยังได้ผลไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยอีกด้วย เส้นสายไม่อาจเปลี่ยนเสียงในระบบได้ แต่มันเติมเต็มและช่วยให้เสียงในระบบเข้าที่ เน้นโฟกัส หรือเสริมจุดด้อยด้านใดด้านหนึง แต่ไม่ใช่ไปเปลี่ยนระบบ
 


 
เส้นสายสำคัญ แต่เสียงจะดีต้องประกอบด้วยลำโพง ห้อง และซิสเต็มที่ดีอยู่แล้วถึงจะออกมาดี หากซิสเต็มไม่ดี ลำโพงไม่ชอบ ทุ่มงบสายไปเท่าไร่ ก็จะตันที่ลำโพง ซิสเต็ม และห้องอยู่ดี
 
ราคา Klipsch RP450C: http://www.whatthatsound.com/product/15/klipsch-reference-premier-rp-450c
 
ราคา Klipsch RP280F: http://www.whatthatsound.com/product/12/klipsch-rp-280f

 


















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 18, 2016, 04:15:31 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #438 เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2014, 01:04:55 pm »


จัดส่ง SVS SB16 Ultra Flagship Subwoofer รุ่นใหม่ล่าสุดไปให้ลูกค้าที่หนองจอกครับ

-------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆได้ที่นี่: https://goo.gl/5uKCNX
-------------------------------------------------------------


ตัวนี้เพิ่งออกและกระจายสินค้ากันมาสดๆร้อนๆจากเตาเมื่อวันศุกร์นี้เอง  เหล่าบรรดาตัวเดโมทั้งหลายยังกระจายไปร้านต่างๆยังไม่ทันได้เซ็ทอัพ  ตัวนี้ก็มีลูกค้าขอซื้อมาแล้ว 1 ตัว 
เรากว่าจะขนขึ้นรถไปส่งได้ทุลักทุเลพอสมควร เพราะมันหนักมาก รวมกล่องก็ร่วม 60 กิโล  ยกสองคนก็หืดจับ  ขนขึ้นรถต้องถอยรถมารอรับใกล้ๆ 




ตัวนี้จากที่เราสัมผัสตัวเดโมของห้องฟังเราเอง  เราพบว่าผิวไฮกลอสเงามัน สวยมาก แต่เป็นรอยมือง่าย แค่เอามือสัมผัสก็เป็นรอยจ้ำนิ้วมือแล้ว (เช็ดออกได้) และดอกวูฟเฟอร์ใหญ่ วอยคอยล์ใหญ่มาก สัมผัสแรกเรารู้สึกว่ามันต้องเบิร์นกันนานพอสมควร กว่าจะได้รู้ศักยภาพที่แท้จริงของตัวมัน  แต่สัมผัสแรกที่เรารู้สึกคือ เบสมันเร็วมาก กระชับและเร็วพอๆกันกับ SB13Ultra ใครที่คิดว่าดอกใหญ่แล้วต้องช้า อยากให้ทิ้งความคิดนั้นไปเสีย

เบสใหญ่ก็กระชับ เร็ว เก็บตัวดีได้  แนวเสียงชั่วโมงแรกคล้ายๆ SB13Ultra ติดเทอร์โบ คือเร็ว สปีด เบสต้นหนัก กระแทก แล้วหยุด เก็บตัว  บางจังหวะที่เบสลงลึกๆ ก็กระชากเราลงลึกๆจนรู้สึกโซฟาหล่นไปในหลุม แล้วก็เด้งกลับคืนมาอย่างรวดเร็วได้มากกว่า SB13Ultra

ข้อสังเกตอีกอย่างของเราคือ เรารู้สึกว่ายิ่งเบิร์น ยิ่งเปิดใช้เบสยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ จาก volume ตอนแรกที่เปิด ตอนหลังต้องลด volume ลงเรื่อยๆ นั่นแสดงว่าลำโพงใหม่และต้องการการเบิร์นอีกมาก




ดังนั้นใครที่คาดหวังรีวิว SVS SB16IUltra ช่วงนี้ เราบอกเลยว่าต้องรอไปอย่างน้อยๆอีก 1-2 เดือนถึงจะได้งานรีวิวที่บ่งบอกถึงข้อเท็จจริงของซับตัวนี้   และหากมีรีวิวออกมา  เราอยากจะบอกว่า นั่นอาจไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของซับ SB16 Ultra ก็ได้   เราอยากให้อดใจรออีกนิด   

ปล. SB16 ultra รูปทรงหน้าตา สวยงาม สะเด่าและอลังการมากครับ ใครชอบซับสวยๆ เอามาโชว์ให้เป็นสง่าราศีแก่ห้อง ตัวนี้เหมาะเหลือเกิน

ปล.2  แนวเสียงไม่เหมือน JL ดังนั้นใครที่คิดว่าจะเอามาแทนกัน เราคิดว่าอย่าเอามาเปรียบกันจะดีกว่า มันคนละแนวทาง

ราคา SVS SB16Ultra: http://www.whatthatsound.com/product/480/svs-sb16-ultra

 















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 18, 2016, 04:55:03 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #439 เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2014, 05:31:06 pm »



Marantz รุ่นใหม่มากันแล้วครับ

ทั้ง AV7703, 7011, 6011, 5011
คุณภาพเสียงก็น่าจะไม่ทิ้งรอยของรุ่นที่แล้ว ใครที่ชอบแนวเสียงของ Marantz ตัดสินใจกันได้ ตัวที่น่าสนใจก็น่าจะเป็น 7703 ที่ทำชื่อเสียงไว้ดีมากในรุ่น 7702 mk ii ด้วยราคาที่ย่อมเยาว์ และคุณภาพที่ดีสมกับราคา

มารอดูกันว่ารุ่นใหม่นี้ เสียงจะดีขึ้นมากแค่ไหน

ปล. แต่ที่แน่ๆ งานนี้ตัดราคากันเละเทะเฉียดทุนเช่นเคย อุ๊บ


ราคา Marantz SR7011: http://www.whatthatsound.com/product/497/marantz-sr-7011

ราคา Marantz SR6011: http://www.whatthatsound.com/product/496/marantz-sr-6011

ราคา Marantz SR5011: http://www.whatthatsound.com/product/495/marantz-sr-5011

ราคา Marantz AV7703: http://www.whatthatsound.com/product/498/marantz-av-7703














« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 18, 2016, 05:11:08 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #440 เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2014, 11:32:41 am »




Klipsch THX Ultra 2   มาประจำการที่ห้องฟังของเราแล้วครับ


ตอนนี้ซิสเต็มลองฟังของเราจะเปลี่ยนไปเป็น Klispch THX Ultra 2 แทน เพื่อยกระดับคุณภาพการฟังแบบ multi channels ให้ดียิ่งขึ้นอีกขั้น และจะเป็นหนึ่งใน exclusive dealer ไม่กี่แห่งที่สามารถสั่งลำโพงในตระกูล Klipsch THX ได้   โดยชุดลองของเราจะประกอบไปด้วยดังนี้

------------------------------------------
 - Front L: Klipsch KL650-L
 - Center:  Klipsch KL650-R
 - Front R: Klipsch KL650-L
 - Surround: Klipsch KS525
 - Surround Back: Klipsch KS525
 - PowerAmp: Emotiva XPA3, 5
 - Pre: Anthem AVM60
 - Subwoofer 1: SVS SB13 Ultra
 - Subwoofer 2: SVS SB16 Ultra
------------------------------------------




แวบแรกที่แกะกล่อง และลองต่อ (เล่นๆ) แบบวางมั่วๆไม่สนใจตำแหน่ง (LCR ยังวางสลับตำแหน่งเลย) ไม่เซ็ทอัพอะไรทั้งสิ้น
เสียงมันต่างกับลำโพงในตระกูลรุ่นน้อง Reference Premier มากโขอยู่  เปิดแค่ WarCraft ฉากนาทีที่ 25.00  ฉากแรกก็รู้ว่าเสียงกลางแหลม มันมาชัด สด เสียงกรอบ รายละเอียดพรั่งพรูและครบถ้วน แบบไม่ต้องสลับลำโพงมาลองของเก่าอีกแล้ว

ความเชื่อเก่าๆที่ว่าลำโพง THX นั้นเบสไม่มีนั้นลืมไปได้เลย เพราะเบสต้นนั้นก็มาตั้งแต่ 80 Hz ขึ้นไป ความถี่ต่ำกว่านี้ก็เป็นหน้าที่ของซับเราทำงานกันไป
ความรู้สึกที่เคยฟังลำโพงแนว THX  แบรนด์อื่นอย่าง M&...... มาก่อน ตอนนั้นก็รู้สึกว่า เออความถี่แต่ละความถี่้ มันชัด มันคม ดูหนังสนุก ได้รายละเอียดดีจัง  กลับมาบ้านก็มาปั้นว่าทำยังไงให้เสียงของเรามันคล้ายแบบนั้นบ้าง (ว่ะ) 
แต่ทำยังไงก็ไม่เหมือนไม่คล้าย ลำโพงแต่ละรุ่นมันก็มีเสน่ห์และมีคาแรคเตอร์ในแบบของมัน

วันนี้เสียงที่เคยฟัง เหมือนก้องและรู้สึกชัดขึ้นมาอีกครั้ง
ที่ผ่านมา Klipsch THX อาจไม่ได้ทำตลาดมากนัก ไม่มีให้ลองฟัง ไม่มีข้อมูลคนเล่นในบ้านเรา 
แต่นับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป คุณจะเห็นการทำตลาดอย่างตั้งใจของตัวแทน และได้เห็น ได้ฟัง ได้เห้นศักยภาพของลำโพงรุ่นนี้มากยิ่งขึ้น




และคุณจะไม่แปลกใจว่าทำไมลำโพง Klispch THX Ultra2 เป็นหนึ่งในลำโพงไม่กี่รุ่นที่ made in USA และเป็นลำโพงรุ่นเดียวของ Klipsch ที่ทำตลาดมายาวนานร่วม 10 ปี โดยไม่มีความจำเป็นต้องปรับปรุง หรือออก Model Change อะไรเลยแม้แต่ครั้งเดียว นั่นเป็นเพราะคุณภาพเสียงที่ดี และได้รับการยอมรับโดยเฉพาะในเมืองนอกนั้นกระแสรีวิวค่อนข้างดี
เมือนำไปเปรียบกับลำโพงแนวเดียวที่งบใกล้ๆกันเช่น M..... S150 จะพบว่าเมืองนอกก็ค่อนข้างจะให้คะแนนเรื่องการดูหนัง ความสด สะใจไปทาง Klipsch THX Ultra 2 ซะด้วยครับ โดยเฉพาะจุดเด่นเรื่องความขับง่าย และค่า Sensitivity ที่สูงเกือบ 100 dB ทำให้ผมสลับลำโพงตัวเก่าจาก Klipsch RP280F มาเป็น Klipsch THX แล้วค่า level ความดังแทบจะไม่ได้รู้สึกต่างจากเดิมเท่าไร่ มิหนำซ้ำเสียงยังจะชัดขึ้น ดังขึ้นในตำแหน่ง volume เดียกวันเสียด้วยซ้ำไป

สำหรับปีหน้านี้ ใครสนใจลำโพงแนว THX สำหรับดูหนังโดยเฉพาะ  เราอยากให้ลองพิจารณา Klispch THX Ultra 2  เป็นตัวเลือกเพิ่มสักนิด หรือกดเข้าไปดูรีวิวเมืองนอกก่อนที่จะตัดสินใจ 
เราเชื่อว่าลำโพง Klipsch THX Ultra 2 ให้บรรยากาศในการดูหนังได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้ลำโพงตัวไหนในงบเท่าๆกันครับ





**** สิ่งที่ควรใส่ใจเกี่ยวกับ Klipsch THX Ultra 2 มีเรื่องนึงคือ ควรใช้แอมป์ที่มีกำลังขับดีๆหน่อย เสียงสดๆ หนาๆจะดีและแมทชิ่งกับมันอย่างมาก เช่น Anthem, Parasound พยายามหลักเลี่ยงแอมป์เสียงทึบๆ หรือเสียงบางๆ บางตัว....เพราะไม่ค่อยจะแมทซ์เท่าไร่ครับ

ข้อเสียตอนนี้ที่เจอก็คือ ลำโพงหากนำไปฟังเพลง จะรู้สึกเสียงออกแห้งๆ แห้งแล้ว พุ่ง สดไปหน่อย ขาดความอิ่ม นุ่ม ความมีน้ำมีนวลของเสียงไปบ้าง ก็แหงละ มันลำโพง THX จะให้หวาน นุ่มก็ไม่ใช่ แต่หากใครใช้ฟังเพลงร็อคๆ หรือ Electronic นี่บอกเลยว่า ทำได้ดีกว่าลำโพงธรรมดานะครับ อย่าง Metalica, 30 second to mars, One Ok Rock, Tiesto นี่ทำได้ดีในระดับที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว สด สะใจ แผด แต่ไม่ได้แผดแบบแสบหู แต่แผดแบบมีรายละเอียด ชัด ฟังร้อคสนุก

ส่วนเรื่องดูหนังนั้นไม่ต้องพูดถึง เทียบกับตัวท๊อปของ Klipsch Reference Premier อันลือลั่นเรื่องการดูหนัง แค่ฉากเดียวก็รับรู้ความแตกต่างได้อย่างมหาศาลแล้ว


ราคาและสเปก Klipsch THX Ultra 2:
http://www.whatthatsound.com/category/9/klipsch/klipsch-thx-ultra-2

 



























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 19, 2016, 09:05:53 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #441 เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2014, 05:35:25 pm »


ส่ง SVS SB16 Ultra ไปให้ลูกค้าที่พระราม 2 ครับ
ตัวนี้ลูกค้าไม่เอากล่อง  เราแกะและขนไปส่งให้เฉพาะตัวซับ
จะเห็นว่าหน้าตาและ package ของ SB16 Ultra นั้นดูแน่นหนาดี และการแกะกล่องทำได้ง่ายมากๆ เพราะแกะแล้วเราดันซับเลื่อนออกมาได้ในแนวนอน ไม่ต้องคว่ำกล่องเหมือนซับทั่วๆไป

ในกล่องมีอะไรบ้าง?  มีรีโมท  มีหน้ากาก  มีสายไฟ และมีคู่มือครับ   หน้าตาก็อย่างที่เห็น  ตัวตู้ผิวไฮกลอสเปียโน มีความมัน เงามาก  หากใครคิดจะยกตัวซับ ช่วยกันสองคนและมีเหงื่อออก ก็ให้ระวังเป็นรอย หรือระวังมันลื่นจะหลุดมือเอาง่ายๆครับ อันตราย  จงใช้ความระมัดระวังในการขนย้าย เพราะมันหนักมากกกๆ

ราคา SVS SB16 ultra: http://www.whatthatsound.com/product/480/svs-sb16-ultra




















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 19, 2016, 09:34:11 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #442 เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2014, 10:18:43 pm »


จัดส่ง SVS PB1000 ซับวูฟเฟอร์ตู้เปิดระดับเริ่มต้นของ SVS ไปให้ลุกค้าที่บางซื่อครับ  ตัวนี้เป็นซับตู้เปิดที่เร็วและคมพอๆกับซับตู้ปิด เพราะด้วยอาณิสงค์ของดอกที่ไม่ใหญ่ ขนาดเพียง 10 นิ้ว ทำให้ไม่แผ่ เร็ว  แต่ยังได้พละกำลังที่ดีแบบตู้เปิดและเบสหนักๆกระแทกๆ ได้ดีกว่า

ราคา SVS PB1000: http://www.whatthatsound.com/product/421/svs-pb1000









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 23, 2016, 10:49:59 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #443 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2014, 08:33:09 am »


จัดส่ง sound bar Klipsch RSB-6  ไปให้ลูกค้าถึงที่ ที่สายไหมครับ
ตัวนี้เป็น Sound bar ตัวใหม่ล่าสุด สดๆซิงๆที่เพิ่งออกจำหน่าย โดยมีด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกันคือ

RSB-6 : เสียงกลาง 2.5" สองดอก ซับวูฟเฟอร์ขนาด 6.5"

RSB-8 : เสียงกลาง 2.5" สองดอก ซับวูฟเฟอร์ขนาด 6.5" รองรับ Play-Fi

RSB-11 : เสียงกลาง 2.5" สี่ดอก ซับวูฟเฟอร์ขนาด 8"   และซาวด์บาร์เป็นแบบยาว สำหรับทีวีขนาดใหญ่ 50 นิ้วขึ้นไปโดยเฉพาะ

RSB-14 : เสียงกลาง 2.5" สี่ดอก ซับวูฟเฟอร์ขนาด 8" รองรับ Play-Fi  และซาวด์บาร์เป็นแบบยาว สำหรับทีวีขนาดใหญ่ 50 นิ้วขึ้นไปโดยเฉพาะ




จะสังเกตว่า RSB-6 และ RSB-8 นั้นสเปกเหมือนกัน ทุกอย่าง ซับวูฟเฟอร์ก็เหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ RSB-8 จะรองรับ Play-fi

และ RSB-11 และ RSB-14 ก็เหมือนกันเช่นกัน ซาวด์บาร์ขนาดยาวพิเศษ ซับขนาด 8 นิ้ว แต่ RSB-14 จะรองรับ Play-Fi

โดยทุกรุ่นรองรับ HDMI แล้ว   ส่วนใครที่ถามว่า Play-fi ดียังไง เราขอบอกว่า ไปลองแล้วจะชอบครับ มันเป็นวิธีการเชื่อมต่อไร้สายแบบใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากผู้ผลิตเครื่องเสียงชั้นนำหลายค่าย
จุดเด่นก็คือ มันสามารถส่งข้อมูลได้แบบ lossless ไม่เหมือน blutooth ที่จะมีการบีบอัด
แถม Play-fi ยังมีสถานีวิทยุ internet radio ให้ฟังแบบฟรีๆ และแบบเสียตังอีกมากมาย  เหมือนเป็นอีกโลกของการฟังเพลงโดยแท้จริงครับ แค่โหลดแอป Play-fi ลงมือถือ แล้วก็เล่นเพลงได้เลย โดยเล่นได้คุณภาพสูงสุดถึงระดับ Lossless ไฟล์กันเลยทีเดียว (ต้อง connect wifi)
--------------------------------------------------
Play-fi คืออะไร: https://goo.gl/SXK0td
--------------------------------------------------




วิธีการเชื่อมต่อของ sound bar Klispch รุ่นใหม่มีดังนี้

1. สาย Optical ต่อกับทีวี: ใช้สาย Optical ต่อจากช่อง Audio out / Digital out / Optical put แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ วิธีนี้ง่ายที่สุดครับ ตอนนี้ไม่ว่าเสียงอะไรก็ตามที่วิ่งมาเข้าทีวีก็จะมาออกที่ Sound bar เราทั้งหมดไม่ว่าจะดูทีวี ดูละคร เล่น ps4, ดู dvd / bluray หรือเปิดคาราโอเกะก็ตาม

 
2. สาย RCA ต่อกับทีวี: ใช้สาย RCA (ขาว แดง) วิธีนี้สำหรับทีวีรุ่นเก่าๆที่มีช่อง Audio out แบบ RCA สองเส้น เราก็สามารถต่อจากช่อง Audio out แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ ได้เหมือนกันครับ ผลลัพธ์เหมือนกับวิธีแรกทุกประการครับ
 

3. HDMI 2.0 (4K Pass Through) ต่อกับอุปกรณ์เครื่องเล่นตรงๆ เช่น DVD / Bluray / PS4 หรือกล่องจานดาวเทียม ด้วยสาย HDMI  โดยเราจะเอาสาย Hdmi ต่อจากเครื่องเล่นของเราเข้ามาที่ Sound bar โดยตรงโดยไม่ผ่านทีวีเลย ข้อดีคือมีการสูญเสียน้อยที่สุด แต่ข้อเสียคือ ถ้าเรามีอุปกรณ์เครื่องเล่นๆหลายอย่าง เราอาจจะต้องคอยสลับสายกันวุ่นวายนิดหน่อยครับ
 

4. สตรีมมิ่งผ่าน Bluetooth กับโทรศัพท์ Iphone /Ipad / Android หรืออุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth โดยสามารถ connect เพื่อเปิดเพลงฟังโดยโดยที่ไม่ต้องต่อสายใดๆครับ

 
5. ต่อกับคอมพิวเตอร์ ด้วย USB ง่ายๆ ก็สามารถนำ Sound bar มาใช้กับคอมได้แล้ว

 
6. ต่อ Klipsch Play-Fi ด้วยแอปบนมือถือ (Klipsch Stream app) ก็สามารถเข้าถึงและเล่น content ต่างๆได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น Pandora, Tidal และ Internet Radio ได้หลากหลาย

 
7. สามารถทำ Multi room ได้ ด้วยฟังก์ชั่น Klipsch Stream Wireless Multi-Room System สามารถนำ Sound bar หลายๆตัวมาเชื่อมกันหลายๆห้อง และเล่นพร้อมๆกันแบบ Multi room แบบไร้สาย (RSB-8)



 

ความสามารถหลากหลายและอัดแน่นแบบนี้ กับราคาที่แทบจะไม่แตกต่างไปจากเดิมเลย และแน่นอนว่าเสียงยังแน่น และดุดันเช่นเดิมเหมือนที่รุ่นเก่าเคยทำไว้  นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีอีกตัวของตลาด Sound bar ที่ต้องพิจารณาครับ

ราคาและสเปก Klipsch RSB-6: http://www.whatthatsound.com/product/499/klipsch-rsb-6


























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 23, 2016, 11:19:48 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #444 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2014, 12:18:41 pm »


จัดส่ง Klipsch RSB-11 ไปให้ลูกค้าที่ซอยแบริ่ง

ตัวนี้เป็น Sound bar ตัวใหม่ล่าสุด สดๆซิงๆที่เพิ่งออกจำหน่าย โดยมีด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกันคือ

RSB-6 : เสียงกลาง 2.5" สองดอก ซับวูฟเฟอร์ขนาด 6.5"

RSB-8 : เสียงกลาง 2.5" สองดอก ซับวูฟเฟอร์ขนาด 6.5" รองรับ Play-Fi

RSB-11 : เสียงกลาง 2.5" สี่ดอก ซับวูฟเฟอร์ขนาด 8"   และซาวด์บาร์เป็นแบบยาว สำหรับทีวีขนาดใหญ่ 50 นิ้วขึ้นไปโดยเฉพาะ

RSB-14 : เสียงกลาง 2.5" สี่ดอก ซับวูฟเฟอร์ขนาด 8" รองรับ Play-Fi  และซาวด์บาร์เป็นแบบยาว สำหรับทีวีขนาดใหญ่ 50 นิ้วขึ้นไปโดยเฉพาะ





จะสังเกตว่า RSB-6 และ RSB-8 นั้นสเปกเหมือนกัน ทุกอย่าง ซับวูฟเฟอร์ก็เหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ RSB-8 จะรองรับ Play-fi

และ RSB-11 และ RSB-14 ก็เหมือนกันเช่นกัน ซาวด์บาร์ขนาดยาวพิเศษ ซับขนาด 8 นิ้ว แต่ RSB-14 จะรองรับ Play-Fi

โดยทุกรุ่นรองรับ HDMI แล้ว   ส่วนใครที่ถามว่า Play-fi ดียังไง เราขอบอกว่า ไปลองแล้วจะชอบครับ มันเป็นวิธีการเชื่อมต่อไร้สายแบบใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากผู้ผลิตเครื่องเสียงชั้นนำหลายค่าย
จุดเด่นก็คือ มันสามารถส่งข้อมูลได้แบบ lossless ไม่เหมือน blutooth ที่จะมีการบีบอัด
แถม Play-fi ยังมีสถานีวิทยุ internet radio ให้ฟังแบบฟรีๆ และแบบเสียตังอีกมากมาย  เหมือนเป็นอีกโลกของการฟังเพลงโดยแท้จริงครับ แค่โหลดแอป Play-fi ลงมือถือ แล้วก็เล่นเพลงได้เลย โดยเล่นได้คุณภาพสูงสุดถึงระดับ Lossless ไฟล์กันเลยทีเดียว (ต้อง connect wifi)
--------------------------------------------------
Play-fi คืออะไร: https://goo.gl/SXK0td
--------------------------------------------------




วิธีการเชื่อมต่อของ sound bar Klispch รุ่นใหม่มีดังนี้

1. สาย Optical ต่อกับทีวี: ใช้สาย Optical ต่อจากช่อง Audio out / Digital out / Optical put แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ วิธีนี้ง่ายที่สุดครับ ตอนนี้ไม่ว่าเสียงอะไรก็ตามที่วิ่งมาเข้าทีวีก็จะมาออกที่ Sound bar เราทั้งหมดไม่ว่าจะดูทีวี ดูละคร เล่น ps4, ดู dvd / bluray หรือเปิดคาราโอเกะก็ตาม

 
2. สาย RCA ต่อกับทีวี: ใช้สาย RCA (ขาว แดง) วิธีนี้สำหรับทีวีรุ่นเก่าๆที่มีช่อง Audio out แบบ RCA สองเส้น เราก็สามารถต่อจากช่อง Audio out แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ ได้เหมือนกันครับ ผลลัพธ์เหมือนกับวิธีแรกทุกประการครับ
 

3. HDMI 2.0 (4K Pass Through) ต่อกับอุปกรณ์เครื่องเล่นตรงๆ เช่น DVD / Bluray / PS4 หรือกล่องจานดาวเทียม ด้วยสาย HDMI  โดยเราจะเอาสาย Hdmi ต่อจากเครื่องเล่นของเราเข้ามาที่ Sound bar โดยตรงโดยไม่ผ่านทีวีเลย ข้อดีคือมีการสูญเสียน้อยที่สุด แต่ข้อเสียคือ ถ้าเรามีอุปกรณ์เครื่องเล่นๆหลายอย่าง เราอาจจะต้องคอยสลับสายกันวุ่นวายนิดหน่อยครับ
 

4. สตรีมมิ่งผ่าน Bluetooth กับโทรศัพท์ Iphone /Ipad / Android หรืออุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth โดยสามารถ connect เพื่อเปิดเพลงฟังโดยโดยที่ไม่ต้องต่อสายใดๆครับ

 
5. ต่อกับคอมพิวเตอร์ ด้วย USB ง่ายๆ ก็สามารถนำ Sound bar มาใช้กับคอมได้แล้ว

 
6. ต่อ Klipsch Play-Fi ด้วยแอปบนมือถือ (Klipsch Stream app) ก็สามารถเข้าถึงและเล่น content ต่างๆได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น Pandora, Tidal และ Internet Radio ได้หลากหลาย

 
7. สามารถทำ Multi room ได้ ด้วยฟังก์ชั่น Klipsch Stream Wireless Multi-Room System สามารถนำ Sound bar หลายๆตัวมาเชื่อมกันหลายๆห้อง และเล่นพร้อมๆกันแบบ Multi room แบบไร้สาย (RSB-8)



 

ความสามารถหลากหลายและอัดแน่นแบบนี้ กับราคาที่แทบจะไม่แตกต่างไปจากเดิมเลย และแน่นอนว่าเสียงยังแน่น และดุดันเช่นเดิมเหมือนที่รุ่นเก่าเคยทำไว้  นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีอีกตัวของตลาด Sound bar ที่ต้องพิจารณาครับ

ราคาและสเปก Klipsch RSB-11: http://www.whatthatsound.com/product/502/klipsch-rsb-11















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 23, 2016, 11:55:41 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #445 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2014, 03:40:21 pm »


วันนี้เอารูปสวยๆ ของลูกค้าเราที่สั่ง SVS SB16 ultra  ซับวูฟเฟอร์รุ่นเรือธงรุ่นใหม่ไปใช้มาฝากกันครับ

ซิสเต็มลูกค้าใช้ลำโพงเล็กแนวมอนิเตอร์อย่าง Kef LS50 ทุกแชนแนล (5.1)  ลำโพงเซ็นเตอร์ใช้แบบ 2 ตัว   
Power Emotiva xpa3 gen2
pre marantz 7702 mk ii
Kef ls50 x 3 คู่
SVS SB16 ultra

หลังจากลูกค้าลองเล่นได้สักพักจนมั่นใจ ก็ส่งรูปมาฝากและฝาก comment สั้นๆมาว่าชอบแนวเสียงซับตัวนี้มาก เนื่องจากมันเร็ว กระชับ เก็บตัวเร็ว และสะอาด  ตามคู่หน้าตัวเล็ก อย่าง LS50 ทัน และที่สำคัญเบสกระแทก ลูกหนักก็ครบถ้วน




ก่อนนั้นลูกค้าเคยเล่น JL E110, Klipsch R115SW, Paradigm seimic และอีกหลายๆตัวมาก่อน แต่ไม่มีตัวไหนที่กระชับและเร็วเท่าตัวนี้   ลูกค้าใช้สายต่อแบบ XLR สัญญาณแรงกว่าแบบ RCA เร่งนิดเดียวจึงเพียงพอกับความต้องการในการดูหนังแล้ว

ตัวนี้น่าจะต้องเบิร์นกันไปอีกยาวๆซัก 100 ชม. น่าจะได้เห็นอะไรดีขึ้น เพราะ voice coil ใหญ่มากถึง 8 นิ้ว และขอบลำโพงและดอกก็ใหญ่และแข๊ง

สิ่งอำนวยความสะดวกที่ผมชอบมากของตัวนี้ก็คือ มันมี app SVS ให้โหลดลงในมือถือทั้ง android, IOS สามารถจูนและปรับเสียง eq, room mode, slope, low pass filter และปรับอะไรได้ในมือถือได้ง่ายมากๆ เรียกว่าง่ายกว่าไปนั่งปรับที่ตัวเครื่องมากกกกมาย   (แอป ใช้บลูทูธในการเชื่อมต่อ หากเรามี SVS SB16 หลายตัว เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้มือถือเราเชื่อมกับซับลูกไหน) และยังมีรีโมทอันเล็กๆมาให้ด้วย  และที่เครื่องก็มีหน้าปัดให้ไปเซ็ทหน้าเครื่องได้อีก  หลากหลายดีครับ




ในคู่มือแนะนำความดังระดับอ้างอิงเอาไว้ที่ -10 dB และให้เราใช้ไมค์วัดจาก pre หรือ avr เอา หากจะเอาดังเอาค่อยกว่านี้ก็ไปเพิ่มลดเอาจาก pre หรือ avr

งานประกอบสวยงาม ผิวเงาวับ การบรรจุกล่องเอาออกง่ายดี แต่เลื่อนออกมา ไม่ต้องเทคว่ำเหมือนซับตัวอื่น


ปล. หากใครคิดว่าดอกใหญ่แล้วมันจะต้องย้วย ช้า เราอยากให้คิดใหม่ หาฟังก่อนและค่อยตัดสินใจ  เพราะนี่คือซับดอก 16 นิ้ว วอยคอยล์ขนาด 8 นิ้วที่ไวและกระชับ เก็บตัวเร็ว และสะอาดมากพอๆกับ SB2000, SB13 Ultra

หากใครที่คิดจะเริ่มต้นฟังซับตู้ปิดแล้ว คุณอาจจะติดใจกลับไปฟังซับตู้เปิดอีกไม่ได้เลย เพราะความกระชับ ความเร็ว ความสะอาด ลูกเบสต้นแบบมาเร็ว จบเร็ว ของมันที่ซับตู้เปิดยังไงก็สู้ได้ยาก (ยกเว้นซับดอกเล็กๆ แต่ก็จะขาดพละกำลังและเรี่ยวแรงอยู่ดี ซึ่งมีเสน่ห์ไปคนละแบบ)

และนี่คือซับที่ครบเครื่องทั้งสะอาด และกระแทก เก็บตัวเร็ว ชัด กระชับ และแรงในตัวเดียว

ราคา SVS SB16 Ultra: http://www.whatthatsound.com/product/480/svs-sb16-ultra
















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 24, 2016, 10:56:18 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #446 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2014, 07:59:22 pm »



การใช้งานแอป SVS สำหรับซับวูฟเฟอร์รุ่น SB16 และ PB16 Ultra

 
อีกหนึ่งความสะดวกสบายของ SVS 16Ultra flagship ตัวใหม่นั้นนอกจากจะให้หน้าจอบนตัวซับมา และให้รีโมทคอนโทรลมาแล้ว
ที่เด็ดที่สุดก็คือ ยังมีแอปให้โหลดบนมือถือหรือแทปเลตเอาไว้เป็นรีโมท และเอาไว้เซ็ทอัพซับทั้งสองรุ่นได้ด้วย (SB16Ultra, PB16Ultra)
 
โดยการเซ็ทอัพของ SVS 16Ultra รุ่นใหม่นี้จะเซ็ทได้ละเอียดยิบขึ้นมาก โดยเมนูในการเซ็ททั้งหมดจะมีดังนี้
 
1. Low pass filter (Cross over) ที่สามารถเซ็ทขยับได้ในระดับทีละ 1 ไม่ใช่ทีละ 10 เหมือนซับทั่วๆไป รวมไปถึงเซ็ท slope เพื่อให้สามารถเบลนเข้ากับคู่หน้าได้ดียิ่งขึ้นสำหรับใครที่นำไปฟังเพลง
ในคู่มือบอกไว้ว่า Low pass filter นี้ถ้าตัด cross มาจาก AVR หรือ Pre แล้วก็แนะนำให้ปิดที่ซับไปซะ จะได้ไม่ต้องผ่านวงจรซ้ำอีกหน ซึ่งถ้าดูหนังเราก็แนะนำให้ตั้งเป็น off และไม่ต้องตั้ง slope อะไร
 
2. Phase สามารถขยับได้ทีละหนึ่ง เซ็ทได้ละเอียดยิบ ไม่ใช่ 0/180 เหมือนซับรุ่นอื่นๆ ซึ่ง phase จะช่วยลดการเกิดการหักล้างกันของเสียงเบสได้
 

 
 
3. Polarity สามารถตั้งเป็น positive หรือ negative เพื่อช่วยแก้ปัญหาเบสหักล้าง, null หรือเบสหาย ซึ่งถ้าไม่มีปัญหานี้ ก็แนะนำให้ default ไว้ที่ positive แบบเดิม
 
4. Paramatic EQ ตรงนี้เราสามารถขยับกราฟความถี่ต่ำ ขึ้นหรือลงได้ จะดันช่วงความถี่ไหนขึ้นหรือลงก็เลือกได้โดยตรงจากแอปบนมือถือได้เลย ใช้งานง่ายมากครับ แถมสะดวกสบายๆเพราะเป็นเมนูแบบสัมผัส แต่การใช้งาน EQ ตรงนี้ เราจะรู้ว่าเราจะดันหรือลดตรงไหนนั้น เราจำเป็นต้องเห็นกราฟของความถี่ต่ำของซับวูฟเฟอร์เราในห้องนั้นๆซะก่อน เราถึงจะรู้ว่าความถี่ต่ำเรามีย่านไหนที่มันหุบ มีย่านไหนที่มันโด่ง จะได้ดึงหรือลดให้กราฟมันเรียบในทุกๆย่านๆได้ถูกต้อง
ซึ่งตรงนี้ถ้าใครมีโปรแกรมช่วยจับกราฟก็ใช้ซะ หรือใครที่ใช้ AVR หรือ Pre Anthem ก็ให้ใช้ไมค์ ARC ของเค้านั้นแหละครับ วัดและเอากราฟเฉพาะซับวูฟเฟอร์มาดูว่ากราฟเราเป็นอย่างไร ตรงนี้ Anthem จะได้เปรียบ AVR ตัวอื่นในท้องตลาด เพราะโปรแกรมของเค้าจะพล๊อตกราฟออกมาให้เราเห็นเลยว่าความถี่ต่ำช่วงไหนที่มันมีปัญหา พอเรารู้แล้ว เราจึงมาปรับ EQ ที่ตัวซับเราผ่าน app ของ SVS 13Ultra ได้ครับ
 
 
5. Room Gain Compensation ค่านี้ปกติจะ off อยู่ แต่ถ้าใครที่มีห้องเล็ก หรือมีปัญหาเบสล้น เบสบวม อาจจะมาใช้ตรงนี้ช่วยได้ครับ แต่เราแนะนำว่าถ้าห้องปกติไม่มีปัญหา ก็ให้ตั้ง off ไว้ตามเดิม
 
6. Volume ใน app จะสามารถปรับเพิ่มลดเสียง volume ได้อิสระ โดยลากแบบ drag หรือจิ้มกด +- ที่ปุ่มก็ได้ง่ายๆ แต่ได้ใคร drag ลากเอา ให้ระวังอย่าเผลอไปดันไปด้าน + เพราะมันเลื่อนง่าย พอเราดันปื้ดไป level อาจขึ้นไปสูงสุด และเราอาจกำลังดูฉากพีคๆ เช่น madmax อยู่ อาจทำให้ตกใจ หรือสร้างความเสียหายได้
 
7. Preset เราสามารถตั้งค่า setup เฉพาะจของเราและให้มันจำค่าเซ็ทอัพทั้งหมดเอาไว้ได้
 
8. System setting ตรงนี้เราสามารถเซ็ทรายละเอียดหยุมหยิมต่างๆได้เช่น เวลาดูหนัง เราจะให้หน้าปัดของซับ SVS มันโชว์คำว่าอะไร มีให้เลือก 3 แบบคือ
  - โชว์ Volume
  - โชว์ คำว่า SB 16 Ultra / PB 16 ultra
  - ไม่โชว์เลย

 


 
จริงๆส่วนตัวผมชอบไม่ให้โชว์อะไรเลย เพราะไฟมันไม่แยงตาดี และพอเราจะกดปรับอะไร แสงไฟที่หน้าปัดถึงจะค่อยติดกลับมาอีกครั้ง
แต่บางคนชอบให้โชว์ขึ้นมาก็มี เพราะจะได้รู้ว่าซับยังทำงานหรือใช้งานได้ปกติ เพราะบางทีมืดไปแล้วซับไม่ทำงาน หรือปลั๊กหลุดแล้วเราจะไม่รู้ เช่น sb13 ultra ที่ด้านหน้าจะสะอาดและเกลี้ยง ไม่มีไฟอะไรแสดงสถานะเลยใดๆทั้งสิ้น ต้องก้มไปดูด้านหลังตู้ถึงจะเห็นหน้าจอ
 
การใช้งาน app ก็ง่ายครับ แค่เข้าไปโหลดแอปชื่อ SVS มาไว้ที่เครื่องมือถือของเราก่อน ซึ่งโหลดได้ทั้ง IOS และ android (Play Store) พอติดตั้งเสร็จ เครื่องมันก็จะพยายามเชื่อมต่อกับซับของเรา ทีนี้ถ้าใครมีซับรุ่นนี้ (16 Ultra) อยู่ในห้องหลายๆตัว หรือเล่นซับหลายตัว  app มันจะลิสต์รายชื่อซับรุ่นนี้ในห้องเราทั้งหมดมาให้ดู และถามเราว่า เราจะ pair และคอนโทลซับตู้ไหน (ใช้บลูทูธ)
 

 
 
และทั้งหมดนี่คือความสะดวกสบายในการใช้งาน SVS SB/PB16 ตัวใหม่รุ่นสูงสุดรุ่นนี้ ส่วนตัวผมว่าสะดวกสบายดี เพราะบางทีเวลาเราเข้าไปนั่งฟัง มือเราก็ถือหรือติดอยู่กับมือถืออยู่ตลอดเวลาและเรียกใช้ได้ง่ายกว่าการใช้รีโมท และเดินไปปรับที่เครื่องเองเยอะครับ (app หน้าจอเป็น drag & drop เอาใช้งานลากๆถูๆเอา ง่ายมากครับ)
 
การเซ็ทอัพทั้งสามแบบก็คือ เซ็ทที่ตัวเครื่อง, เซ็ทผ่านรีโมท, เซ็ทผ่าน app ทั้งหมดล้วนทำได้เหมือนกันหมดครับ แล้วแต่สะดวกจะทำที่ไหน แต่ผมมองว่าผ่าน app นั้นง่ายสุดแล้ว และถ้าเราเซ็ทผ่าน app หรือผ่านรีโมท ค่าต่างๆที่เราป้อนไปจากมือถือหรือรีโมท มันก็จะไปโชว์แสดงบนหน้าจอตัวตู้ซับของเราไปพร้อมๆกันแบบ real time ด้วยครับ
 
 
สุดท้าย ใครที่ลังเล และคิดว่าจะคุ้มมั๊ย เราบอกว่าคุ้มค่าดีโดยเฉพาะตัว SB16 Ultra ที่เพิ่มเงินจากรุ่น SB13 Ultra แค่ 2-3 หมื่นบาทก็ได้อะไรเพิ่มขึ้นมาหลายอย่างแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็น
 
  - แรงและพละกำลังของเบสที่เหนือกว่า
  - ดอก 16 นิ้ว ใหญ่กว่า กระแทกกว่า อิมแพคเหนือกว่า และลงลึกได้มากกว่า
  - กำลังขับในตัวสูงถึง 1,500 วัตต์ และพีครองรับฉากที่ไดนามิฃคมาแรงๆได้ถึง 5,000 วัตต์




 
เอาจริงๆแค่เรื่องเสียงเรื่องเดียวก็น่าใช้แล้วครับ นี่ยังให้ฟีเจอร์อะไรมาช่วยสนับสนุนการใช้งานและเซ็ทอัพให้ง่ายยิ่งขึ้นไปอีก
สรุป ส่วนตัวมองว่า เรื่องคุณภาพเสียงของ SB/PB16 Ultra คงไม่ใช่ปัญหาที่ต้องคำนึงถึงอีกต่อไปแล้ว เพราะเสียงดีกว่ารุ่นเก่าอย่าง SB/PB13 Ultra ขึ้นไปอีกขั้น
 
และนี่คือซับวูฟเฟอร์รุ่นเรือธงของ SVS (SB16 Ultra และ PB16 Ultra)
 
ปล. ช่องต่อด้านหลังมีให้ทั้ง RCA / XLR input และ output โดยช่อง output นั้นสามารถใช้งานโดยมี SVS 16Ultra หลายๆตัว และเราใช้สาย RCA / XLR ในการส่งสัญญาณต่อให้ซับวูฟเฟอร์ตัวอื่นๆเล่นแบบเป็น chain ได้ทีละหลายๆตัวครับ
 
ราคาและสเปก SVS SB16 Ultra: http://www.whatthatsound.com/product/480/svs-sb16-ultra
 
ราคาและสเปก SVS PB16 Ultra: http://www.whatthatsound.com/product/479/svs-pb16-ultra






















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 25, 2016, 12:52:52 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #447 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2014, 09:53:11 am »


จัดส่ง Klipsch R115SW ซับวูฟเฟอร์สุดทรงพลัง (มือสอง) และ Klipsch RP250S ลำโพงเซอราวด์แบบไบโพลที่ให้เสียงกระจายกว้างได้ดีกว่าลำโพงแบบบุ๊กเชลฟ์ปกติ ไปส่งให้ลูกค้าที่ปิ่นเกล้าครับ

ตัวนี้ลูกค้าจ่ายเงินไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว  รอวันเอาไปส่งอย่างเดียว
ซึ่ง R115SW ตัวนี้เป็นซับวูฟเฟอร์ตู้เปิดอีกตัวที่คุ้มค่าคุ้มราคาที่สุดในงบ 30,000 บาท +- แล้วครับ  เพราะเราลองเอามาเทสและทดสอบดู ปริมาณเบสและความดังมันเกินซับวูฟเฟอร์ในราคาระดับนี้ไปพอสมควร เนื้อเบสเยอะมาก แรงกระแทกเยอะมาก 

ถ้ามีการจัดอันดับซับวูฟเฟอร์ยอดเยี่ยมในงบไม่เหกิน 30,000 บาทบวกลบ  เราก็จะยกให้ตัวนี้เป็น The most powerful Subwoofer แห่งปี   และตามมาแบบหายใจรดต้นคือทำคะแนนคู่คี่สูสีไปกับ SVS PB2000


ราคา Klipsch R115Sw: http://www.whatthatsound.com/product/3/klipsch-r-115sw

ราคา Klipsch RP250S: http://www.whatthatsound.com/product/3/klipsch-r-115sw








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 25, 2016, 07:38:20 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #448 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2014, 12:39:22 pm »


จัดส่ง SVS SoundPath  ไปให้ลูกค้าที่จังหวัดสระแก้วครับ (จัดส่งผ่าน Kerry) 
ตัวนี้เป็นที่รองใต้ซับวูฟเฟอร์ช่วยเรื่องความถี่ต่ำจะไม่สั่นค้างและรบกวนฝ้าเพดาน หรือทะลุลงไปชั้นล่าง (หากใครฟังอยู่บนชั้นสอง) และช่วยให้เบสมีความแน่น และเก็บตัวเร็วขึ้นอีกนิดหน่อยเมื่อเทียบกับการวางกับพื้นคอนกรีต หรือพื้นแข๊งๆตรงๆ


ราคา SVS SoundPath: http://www.whatthatsound.com/product/369/svs-soundpath
















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 25, 2016, 07:54:22 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #449 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2014, 05:21:55 pm »


บรรยากาศการจัดส่ง SVS SVB16 Ultra ไปให้ลูกค้าที่รังสิต (ตลาดสี่มุมเมือง)  ตัวนี้ลูกค้าตัดสินใจซื้อโดยไม่ต้องลองฟังเลย  หลังจากที่ SVS ปล่อยออกสู่ตลาดและเข้าไทยตอนช่วงกลางธันวาคม  ลูกค้าก็รีบปล่อยซับตัวเก่า (Klipsch R115Sw) และสั่งมาตั้งไว้ในห้องฟังก่อนเป็นของขวัญวันคริสมาสตร์ก่อนที่ลูกค้าจะออกเดินทางท่องเที่ยวประจำปี (ไปยุโรป กลับปีหน้า)
 และหลังกลับมาก็จะลองเทสและมีรูปซิสเต็มสวยๆมาฝากกันครับ

---------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆได้ที่นี่: https://goo.gl/Mxav9P
---------------------------------------------------------------

ปล รูปตอนแกะกล่องแล้ว เป็นรูปซับตัวเดโมของเราที่เพิ่งสั่งมาลงในห้องฟัง (ใช้รูปแทน)

-----------------------------------------
ซิสเต็มลูกค้ามีดังนี้

Klipsch RF-7 II Black
Klipsch RC-64 II Black
Klipsch RS-62 II
SVS SB16 Ultra
Pre Marantz 7702 MKII
Power Emotiva XPA5 Gen2
-----------------------------------------




SVS SB16Ultra เป็นซับรุ่นเรือธงของ SVS ที่หนักมาก  (หนักประมาณ 55 กิโล หากรวมกล่องก็น่าจะเฉียดๆ 60 กิโล ส่วน PB16 Ultra นี่ล่อไป 70 กว่ากิโล)
หากใครสั่งไปใช้จะสังเกตว่ากล่องของมันนั้นแน่นหนาและแข๊งแรงหลายชั้นมากๆ   การ unpack  ออกแบบมาได้ดีและง่ายๆมากกก เอามีดกรีดฝาด้านหน้า (ไม่ใช่ด้านบนนะ) และเปิดฝาหน้าออกไปเรื่อยๆ ประมาณ 3 ชั้น ก็จะเจอกับซับ ตัวนี้ไม่ใช้วิธีเทกล่องเหมือนซับตัวอื่นๆนะครับ  และเราสามารถเอาซับออกได้สองวิธีคือ

1. ไปแกะตูด แล้วดันตรงตูดให้โฟมและซับเลื่อนออกมาด้านหน้ากล่อง (ดันตรงตูดด้านแอมป์นะครับ ไม่ใช่ดันด้านดอกลำโพง)

2. เอามือดึงด้านหน้า จับตรงฐานโฟมด้านล่างแล้วดึงออกมาตรงๆ อย่าดึงตรงฝากริล  ตัวซับและฐานโฟมก็จะเลื่อนออกมาได้โดยง่าย ซึ่งเราชอบวิธีนี้มากกว่าเพราะไม่ต้องไปเปิดตูด

ส่วนหลังจากเอาออกมาแล้ว การยกนั้นแค่ตะแคงตัวซับที่ละข้าง เอาโฟมที่รองออกทีละข้างก็จะได้ซับที่พร้อมยกเข้าประจำที่เรียบร้อย   



ราคา SVS SB16 ultra:
http://www.whatthatsound.com/product/480/svs-sb16-ultra





















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 25, 2016, 08:42:14 am โดย keamglad »