ผู้เขียน หัวข้อ: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Procella , SVS, Anthem, Parasound,Audyn  (อ่าน 330365 ครั้ง)

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #450 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2014, 09:08:37 pm »




How to วิธีการ unpack ซับยักษ์ใหญ่ตัวนี้แบบง่ายๆ แบบ 2 นาทีเสร็จ และข้อควรระวังต่างๆ

-----------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆได้ที่นี่: https://goo.gl/NGdPec
-----------------------------------------------------------


SVS SB16Ultra
เป็นซับรุ่นเรือธงของ SVS ที่หนักมาก (หนักประมาณ 55 กิโล หากรวมกล่องก็น่าจะเฉียดๆ 60 กิโล ส่วน PB16 Ultra นี่ล่อไป 70 กว่ากิโล)
หากใครสั่งไปใช้จะสังเกตว่ากล่องของมันนั้นแน่นหนาและแข๊งแรงหลายชั้นมากๆ การ unpack ออกแบบมาได้ดีและง่ายๆมากกก เอามีดกรีดฝาด้านหน้า (ไม่ใช่ด้านบนนะ) และเปิดฝาหน้าออกไปเรื่อยๆ ประมาณ 3 ชั้น ก็จะเจอกับซับ ตัวนี้ไม่ใช้วิธีเทกล่องเหมือนซับตัวอื่นๆนะครับ และเราสามารถเอาซับออกได้สองวิธีคือ

1. ไปแกะตูด แล้วดันตรงตูด ให้โฟมและซับเลื่อนออกมาด้านหน้ากล่อง (ดันตรงตูดด้านแอมป์นะครับ ไม่ใช่ดันด้านดอกลำโพง)

2. เอามือดึงด้านหน้า จับตรงฐานโฟมด้านล่างแล้วดึงออกมาตรงๆ อย่าดึงตรงฝากริล ตัวซับและฐานโฟมก็จะเลื่อนออกมาได้โดยง่าย ซึ่งเราชอบวิธีนี้มากกว่าเพราะไม่ต้องไปเปิดตูด

ส่วนหลังจากเอาออกมาแล้ว การยกนั้นแค่ตะแคงตัวซับที่ละข้าง เอาโฟมที่รองออกทีละข้างก็จะได้ซับที่พร้อมยกเข้าประจำที่เรียบร้อย

ปล. ที่กล่องมีคำเตือนไว้หลายอย่าง ทั้งเรื่องน้ำหนักที่เตือนกันไว้ก่อนว่ามันหนักมาก เวลายกกล่องจะมีหูหิ้วมาให้ที่ด้านข้างกล่องอย่างดี และเวลายกให้ยกเป็นทีม หรืออย่างน้อยสองคน อย่าพยายามยกคนเดียว (ผมคนเดียว ยกไม่ขึ้นแต่ใช้ดันไปกับพื้นพรมก็พอได้ แต่ถ้าจังหวะที่ต้องยกคนเดียววันรุ่งขึ้นจะปวดร้าวและปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดหน้าอก )




พอได้ซับมาแล้วที่ด้านบน จะให้อุปกรณ์มา 4 อย่าง


1. กริล หน้ากากเหล็กไว้ใส่ด้านหน้าซับ ซึ่งผมไม่เคยใส่ใจหน้ากากมันเลย เพราะหน้าตารุ่นอื่นๆมันไม่ค่อยสวย และหนากากมันไม่แนบไปกับตัวตู้ลำโพงทำให้มันกันฝุ่นไม่ได้ ปกติผมจะใส่กริลเพื่อกันฝุ่น แต่ถ้ามันกันฝุ่นไมไ่ด้ และมีรูๆแบบนี้ผมจึงไม่สนใจจะใส่ ปล่อยมันไว้ในถึงแบบนั้น
จนมีลูกค้าที่สั่งตัวนี้ไปถ่ายรูปมาให้ดูพร้อมใส่กริล ผมพบว่า รุ่นนี้ออกแบบหน้ากากกริล มาเท่มากๆครับ รูปทรงรับกับด้านหน้า และเว้นที่สำหรับหน้าปัดดิจิตอลด้านบน ดูทันสมัยดี ถึงแม้มันจะกันฝุ่นไมไ่ด้ก็ตามทีเถอะ แต่มันน่าใช้ครับ










2. รีโมท พร้อมถ่านแบบถ่านนาฬิกา เห็นในคู่มือบอกว่า มันสามารถควบคุมซับ SB/PB 16 Ultra ได้ทุกตัว แต่ผมก็ยังไม่ได้ลองว่าถ้ามีซับหลายๆตัว มันจะสั่งได้พร้อมๆกันมั๊ย ใครมีหลายตัวฝากลองที


3. สายไฟ แถมสายไฟมาให้ เส้นใหญ่พอสมควร ใช้ไปก่อน ถ้าให้แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้สายไฟดีๆหน่อยได้จะดีมาก





4. คู่มือ อันนี้แนะนำนะครับ อ่านซะหน่อยนะ เพราะคู่มือ SVS รุ่น 16 Ultra นั้น เค้าลงมือแยกทำมาตรงรุ่นแยกรุ่นกันเลย ถ้าใครสั่ง SB16 Ultra ก็จะได้คู่มือเฉพาะของ SB16 Ultra และด้านในก็อธิบายเมนู และวิธีการใช้งานได้ค่อนข้างดีพอสมควรครับ มือใหม่ควรอ่านนะครับ (ผมก็มือใหม่)




จบแล้วครับ หลังจากแกะกล่องแล้วก็ขอให้ใช้ความระมัดระวังในการยกกันให้ดี ช่วยกันยกสองคน ผิวตัวตู้มันเงาและมันมาก ตอนยกระวังจะหลุดมือ และขอให้มีความสุขกับซับ SVS SB-PB16 Ultra กันทุกท่านครับ



Step วิธีการ Unpack แบบละเอียด

------------------------------------------

1. ที่ตัวกล่องจะมีป้ายคำเตือนว่า เวลายก อย่ายกคนเดียว ยกเป็นทีม อย่างน้อยสองคัน ถ้าไม่อยากปวดหลังหรือทำซับกระแทกเป็นรอยให้ปวดหัวใจ
และก็มีมือจับที่ทำไว้สำหรับยกกล่องโดยเฉพาะ  เอาไว้สำหรับคนยกสองตนช่วยกันยกคนละข้าง
และอีกด้านจะมีป้ายบอกสีว่าเป็นสี Piano Gloss Black โดยที่เมืองนอกมีหลายแบบ ทั้งสีไม้ และดำ piano แต่บ้านเราเอาเข้ามาเฉพาะ Piano Black (บ้านเราชอบหรูๆ แต่ก็ต้องแลกมากับการเป็นรอยมือง่ายเวลาไปจับมัน และก็ฝุ่นเกาะชัดมากๆ)








2. วิธีการแกะกล่อง เริ่มต้นจากตรงด้านที่เขียนว่า Start Here  สังเกตที่มุมบนซ้าย จะมีรูปคัตเตอร์ ให้กรีดที่มุมนั้นก่อน วิธีแกะก็ไม่ใช่เอาคัตเตอร์ไปกรีดกล่องนะ แต่ไปกรีดเทปใสที่มุมนั้น ลงมา และกรีดด้านบน ฝากล่องมันจะเปิดลงมาได้ครับ





3. เอาคัตเตอร์กรีด เทปใสออก จากบนลงล่าง และจากซ้ายไปขวา
ฝากล่องด้านนอกจะเปิดออกมา เราจะเห็นฝากล่องด้านในชั้นที่ 1 และวิธีการแกะแบบถูกวิธี ว่าให้หันด้าน Up ขึ้นด้านบน  และให้ดันออกจากทางตูด (จริงๆเราลักไก่ ดึงตรงโฟมด้านหน้าออกมาเลย) แล้วค่อยเอาฐานโฟมออกเป็นขั้นตอนสุดท้าย
ตอนนี้เราก็เอามีดกรีดฝากล่องชั้นที่ 1 ออกอีกทีนึงครับ





4. พอกรีดฝากล่องชั้นที่ 1 ออก เราจะเจอฝากล่องชั้นที่สองอีกที สภาพตามรูป แล้วเราก็เอามีดกรีดฝากล่องชั้นที่ 2 ออกโดยเร็ว







5. พอกรีดฝากล่องชั้นที่ 2 ออก เราจะเจอฝากล่องชั้นที่ 3  (อะไรจะเยอะซับซ้อนขนาดนั้น)  ที่ฝากล่องชั้นนี้ SVS มีป้ายเขียนไว้บอกด้วยว่า ใจเย็นๆนะ เกือบจะถึงแล้ว อันนี้อันสุดท้ายแล้วละ  เราก็จัดการกรีดฝาชั้นที่ 3 อีกที





6. กรีดฝากล่องชั้นที่ 3 มาจะเจอตัวซับและหน้ากากกริล วิธีเอาออก SVS แนะนำให้เราไปเปิดแบบเดียวกันนี้ที่ด้านตูด และดันออกมาจากท้ายจะปลอดภัยกว่า (อย่าแกะผิดด้าน แล้วดันด้านดอกออกไปละ) แต่เราแกะมาสองสามตัวและขี้เกียจแกะตูด เราเลยเอามือดึงฐานโฟม ย้ำนะว่าดึงฐานโฟมออกมา  อย่าไปดึงที่ฝากริล หรือจับที่ดอกมันดึงออกมาเด็ดขาด  พอดึงออกมาจนสุด เราจะได้ซับวูฟเฟอร์ออกมาแบบไม่ต้องเหนื่อยเลย ถ้าเคยแกะนี่ ใช้เวลาแค่ 1-2 นาทีก็เสร็จแล้ว ง่ายๆมาก





7. สภาพซับที่ออกมาจากกล่องแล้ว มีสายไฟ คู่มือ และรีโมท ในซองคู่มือก็จะมีรีโมท IR ถ่านและก็คู่มือ ถ่านก็ถ่านนาฬิกาปกตินี่แหละครับ หาเปลี่ยนตามร้านนาฬิกาทั่วๆไปได้ ราคาไม่แพง
เราก็จัดการเอาโฟมด้านบนออกครอบ และโฟมด้านล่างออกแบบให้เอาออกง่ายโดยที่ไม่ต้องยกซับเลย แค่กระดกด้านซ้าบแล้วเอาโฟมด้านขวาออก และกระดกด้านขวาและเอาโฟมด้านซ้ายออก เป็นอันจบ เราจะได้ตัวซับที่พร้อมใช้งาน ที่นี้ภาระของคุณคือ ยกมันเอาไปตั้งประจำที่ซะ ตอนยกใช้สองคน และห้ามมือลื่นเด็ดขาด เพราะขั้นตอนนี้เรามีไม่มีโฟมแล้ว เราจะสัมผัสกับผิวตู้ Piano Black ตรง  หากคนใดคนหนึ่งมือลื่น แล้วพลาดทำหลุดมือ เพราะผิวมันมีความมันและเงามาก ตู้ตกร่วงลงพื้นจะงานเข้า
แนะนำให้ใส่ถุงมือครับ ไม่เป็นรอยด้วย จริงๆ SVS น่าจะแถมถุงมือมาเลย







8. ได้ซับ SB16 Ultra มาเชยชมแว้ววววววว...........
ผิวลำโพงสวยและเงามากๆๆๆครับ งานประกอบ สำหรับผมนั้นถือว่าโอเคพอสมควร
เสร็จแล้วเราก็ยกมาตั้งประจำการกันเลย.... พร้อมจะอัดกันรึยังงงงงง....








ราคา SVS SB16 ultra: http://www.whatthatsound.com/product/480/svs-sb16-ultra

ราคา SVS PB16 ultra: http://www.whatthatsound.com/product/479/svs-pb16-ultra

 




















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 25, 2016, 09:46:10 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #451 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2014, 09:48:31 am »

บรรยากาศจัดส่งชุด Klipsch Reference Series ที่โครงการ The Twenty Six ซอยสุขุมวิท 26
 


 
จัดส่งชุด Klipsch Reference และ AVR Marantz SR6011 ไปให้ลูกค้าที่โครงการ The Twenty Six ที่สุขุมวิทซอย 26
ซึ่งตอนผมเดินทางเข้าไปในโครงการนั้นค่อนข้างงงนิดหน่อยว่า ทำเลเป็นคล้ายๆตึกโครงการแบบนี้ จะมีห้องโฮมซ่อนในรูปแบบไหน ซึ่งทำเลตรงนี้ต้องบอกว่า เป็นทำเลทองที่ค่อนข้างไปง่าย และอยู่ในทำเลที่ดีมาก ใช้เป็นร้านค้า ทำธุรกิจ มีร้านรวงต่างๆไว้นั่งพักผ่อนหย่อนใจในทำเลกลางเมืองได้เป็นอย่างดี

--------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆได้ที่นี่: https://goo.gl/J8XNlR
--------------------------------------------------------------
 
ไปถึงเจ้าของออกมาต้อนรับและพาอ้อมไปด้านหลังตัวอาคาร The Twenty Six ไปถึงก็พบว่า ด้านหลังอาคารมีบ้านอีกหลังซ่อนอยู่ ใช้เป็นที่พักอาศัย เดินเข้าไปในบ้าน เจ้าของบ้านเล่าว่า ห้องที่ใช้ทำห้องโฮมยังไม่เสร็จดี อยู่ชั้น 3 เลยขอเอาของวางกองๆเอาไว้ที่ชั้นล่างก่อน
 
ว่าแล้วก็พาขึ้นลิฟต์ไปดูห้องโฮม เราพบว่าห้องค่อนข้างมีพื้นที่เหมาะสม มีขนาด 5*6 ตรม แต่ติดตรงที่มีพื้นที่กระจกเยอะไปนิด ทำให้หากใช้ดูหนังแบบจริงจังอาจจะมีอาการสั่นและเบสบางได้
ซึ่งตอนนี้ห้องกำลังทำและตกแต่งอยู่ คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงกลางเดือนหรือปลาย มกราคม เสร็จแล้วหากเข้าติดตั้งเมื่อไร่จะมีรูปซิสเต็มสวยๆมาฝากกันอีกครั้งครับ
 


 
ซิสเต็มของลูกค้าประกอบด้วย

-------------------------------------
  - Klipsch R-28F
  - Klipsch R-25C
  - Klipsch R-15M
  - Klipsch R-112SW
  - Marantz SR6011

 
ราคา Klipsch R-28F: http://www.whatthatsound.com/product/169/klipsch-reference-r-28f
 
ราคา Klipsch R-25C: http://www.whatthatsound.com..klipsch-reference-r-25c
 
ราคา Klipsch R-15M: http://www.whatthatsound.com/product/171/klipsch-reference-r-15m
 
ราคา Klipsch R-112SW: http://www.whatthatsound.com/product/4/klipsch-r-112sw
 
ราคา Marantz SR6011: http://www.whatthatsound.com/product/496/marantz-sr-6011
 
 



























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 25, 2016, 02:40:37 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #452 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2014, 04:41:38 pm »


จัดส่ง Klipsch RP440C ไปให้ลูกค้าที่ท่าอิฐครับ ตัวนี้เป็นลำโพงเซ็นเตอร์ขนาด 4 นิ้วขนาดเล็กกระทัดรัดที่ใช้จำนวนดอกถึง 4 ดอกเรียงกันในแนวยาว  ตัวนี้ลูกค้าวัดขนาดและมีชั้นวางเซ็นเตอร์ที่พอดีกับลำโพงเด๊ะๆ พอดีชนิดยังกะสั่งทำมายังไงยังงั้น
ลำโพงอื่นๆเป็น Celestion และซับเป็น SVS PB2000

ตัว RP440C ให้แนวเสียงสด ชัด ดุดันเหมาะกับดูหนังครับ และ Klipsch Reference Premier ยังมีลำโพงเซ็นเตอร์รุ่นใหญ่กว่านี้อีกหนึ่งตัวนั่นคือ RP450C
ส่วนในซีรี่ย์ Reference ii ยังมีลำโพงเซ็นเตอร์รุ่นใหญ่สุดอย่าง RC-64 ii ที่ถือเป็นตัวท๊อปใหญ่สุดของลำโพงในซีรี่ย์ Home Theater แล้วครับ (ไม่นับ Klipsch THX)


ราคา Klipsch RP440C: http://www.whatthatsound.com/product/16/klipsch-reference-premier-rp-440c












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 29, 2016, 09:14:39 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ jomjonekid

  • New member
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #453 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2014, 12:25:01 am »
Yht-299  มีของไหมครับ ถ้ามี ราคาเงินสดเท่าไหร่ครับ

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #454 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2014, 10:22:10 am »
Yht-299  มีของไหมครับ ถ้ามี ราคาเงินสดเท่าไหร่ครับ

YHT-299 ราคา 17999 ครับ มีของอยู่ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 08, 2014, 05:56:28 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #455 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2014, 01:48:16 pm »


จัดส่ง Kef X300A ไปให้ลูกค้าย่านสิริธรครับ

ตัวนี้เป็น Active speaker ใช้ฟังกับคอม ใช้ต่อฟังกับมือถือ และใช้งานโดยไม่ต้องใช้แอมป์มาขับได้ เป็นลำโพงในตระกูล active speaker ของ kef อีกตัวนอกจาก kef egg และ kef ls50 wireless ครับ

คุณภาพเสียงตัวนี้เหมาะสำหรับนั่งฟังแบบ near field ระยะใกล้ และใช้ขาตั้งระดับเดียวกับผู้นั่งจะให้เสียงทีดี และเหมาะกับแนวเพลงที่ออกโทนใสๆ ฟังสบายๆ หรือแนว audiophile จะทำได้ดีเป็นพิเศษ
------------------------------------------------------------------
มาดูว่าคุณเหมาะกับ Kef X300A หรือไม่ อ่านได้ที่นี่ครับ: https://goo.gl/aanQp3
------------------------------------------------------------------

ราคา Kef X300A: http://www.whatthatsound.com/product/71/kef-x300a


ปล. รูปลำโพงใช้รูปแทนจากลูกค้าท่านอื่น
 
























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 31, 2016, 07:16:24 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #456 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2014, 05:56:43 pm »


จัดส่งซาวด์บาร์ Klipsch RSB-14 รุ่นใหญ่สุดรองรับ DTS Play Fi ไปให้ลูกค้าที่พระราม 4 (ถนนพระราม4 ไม่ใช่สะพานพระราม4 คนละที่กัน อิอิ)

โดย Soubd Bar ของ Klipsch รุ่นใหม่ประกอบด้วยกัน 4 รุ่นได้แก่

RSB-6: ซับ 6.5 นิ้ว / ทวีตเตอร์ *2 / กลาง *2 สำหรับทีวีเล็กถึงปานกลาง มีช่อง hdmi 1 ช่อง

RSB-8: ซับ 6.5 นิ้ว / ทวีตเตอร์ *2 / กลาง *2  รองรับ Play-Fi สำหรับทีวีเล็กถึงปานกลาง มีช่อง hdmi 1 ช่อง

RSB-11:  ซับ 8 นิ้ว / ทวีตเตอร์ *2 / กลาง *4 สำหรับทีวีใหญ่ มีช่อง hdmi 3 ช่อง

RSB-14: ซับ 8 นิ้ว / ทวีตเตอร์ *2 / กลาง *4  รองรับ Play-Fi สำหรับทีวีใหญ่ มีช่อง hdmi 3 ช่อง

สรุปง่ายๆก็คือ RSB-6 กับ RSB-8 สเปกเดียวกันเหมือนกันต่างกันตรง RSB-8 มี Play-fi
และ RSB-11 กับ RSB-14 สเปกเหมือนกัน รองรับ hdmi 3 ช่อง ต่างกันตรง RSB-14 มี Play-fi

รายละเอียดรุ่นและราคาทั้งหมดตามรูปเลยครับ




และใครที่งงว่า DTS Play-fi คืออะไร ดีอย่างไร เราสรุปสั้นๆ มันก็คือ Internet radio, Internet streaming  service ที่คุณภาพสูงดีกว่า blutooth ไม่มีการบีบอัด รองรับเพลงแบบ Lossless ได้ โดยราสามารถ connect เข้าไปใช้งานได้ทั้งแบบเสียตังค์และฟรี โดย play-fi จะมีรายการเพลง แลบริการต่างๆรองรับคล้ายๆ youtube เพื่อให้เราเลือกบริการต่างๆได้มากมาย เราก็เลือกได้ตามสบาย ไฟล์คุณภาพสูง เพราะเชื่อมต่อผ่าน wifi บ้าน เสียงดี เลือกเพลงที่ชอบได้ ไม่ต้องดาว์นโหลดมาลงเครื่องหรือโทรศัพท์ก่อน สะดวกสบายมากครับๆ

รายละเอียด Play-Fi คืออะไร อ่านได้ที่นี้เลย: https://goo.gl/SXK0td

ราคา Klipsch RSB-14: http://www.whatthatsound.com/category/7/klipsch/klipsch-sound-bar




































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 31, 2016, 07:42:26 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #457 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2014, 08:59:12 am »
Full Review SVS SB16 Ultra


 

    หากจะสรุปสั้นๆ ให้รีวิวนี้จบภายในบรรทัดเดียว ผมสามารถประหยัดเวลาท่านผู้อ่านให้ไม่ต้องอ่านยืดยาวได้ว่า "SVS SB16 Ultra ตัวนี้คุณสมบัติทางด้านเสียงมันเหมือน copy แล้วก็ parse บุคลิกเสียงของ SVS SB13 Ultra มาหมดทุกประการ  ทั้งความเร็ว (Speed) ความหนักแน่น (Impact) ความกระชับ (Tight) ความสะอาด (Clean)  เพียงแต่ว่าไอ้การ copy และ parse นั้น มันดันกด parse ออกมาเบิ้ลๆหลายๆครั้ง    จนทำให้ดูเหมือนว่ามันเพิ่มกำลังทุกอย่างที่ SB13 Ultra ทำได้มาให้ตัว SB16 Ultra ทำได้ดีกว่า เบสแน่นกว่า ลงลึกกว่า พละกำลังมากกว่า ให้กำลังได้มากกว่า คลุมห้องได้มากกว่า และที่สำคัญมันดันเร็วและกระชับกว่าทั้งๆที่ดอกใหญ่กว่าด้วยครับ"
(มีเกจิหลายท่านกล่าวไว้ช่วงที่ซับตัวนี้ยังไม่ออกว่า ดอกใหญ่ไม่ดีหรอก มันจะช้า เก็บตัวไม่ดี ซึ่งขอบอกว่าไม่จริงครับ มันเร็วมากกก กระชับมาก)

---------------------------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆที่เว็บของเราที่นี่: http://www.whatthatsound.com/article/230/full-review-svs-sb16-ultra
---------------------------------------------------------------------------------

ต้องยอมรับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างนึงในปี 2016 (ปีที่แล้ว) ที่ได้มีโอกาศแกะกล่อง และได้ลองฟังเจ้า SB16 Ultra  เรียกว่าเปิดประสบการณ์การลองฟังซับวูฟเฟอร์ที่ราคาเกิน 50,000 บาทขึ้นไปอีกพอสมควร  เคยคิดมั๊ยครับว่าเราจะได้อะไรจากการลงทุนในซับวูฟเฟอร์ราคาแพงๆสักตัว
มันให้เสียงเบสต่างยังไงกับซับราคาไม่เกิน 30,000 บาท  ความดังเหรอ ความหนักเหรอ หรือความไว ความกระชับ หรืออะไรละที่เราค้นหากันจนต้องยอมจ่ายเงินสำหรับลำโพงที่ผลิตความถี่ต่ำอย่างเดียวที่ราคาขึ้นไปเฉียดแสนขนาดนี้  (SVS SB16 Ultra ราคาขายอยู่ที่ 90,000 บาท และ SVS PB16 Ultra ราคาขายอยู่ที่ 109,000 บาท)




ขอพาไปดูความเป็นมาคร่าวๆกันก่อนว่าซับ SVS SB16 Ultra ตัวนี้มันมีอะไรดีถึงได้รับการรีวิวและได้กระแสตอบรับที่ค่อนข้างดีมากในต่างประเทศ  โดย SVS เปิดตัวซับวูฟเฟอร์รุ่นใหม่ในตระกูล Ultra สองตัว ได้แก่ SVS SB16 Ultra และ SVS PB16 Ultra

ซึ่งในตระกูล Ultra เดิมนั้นจะมีซับวูฟเฟอร์อยู่ทั้งหมดสองรุ่นได้แก่
- SVS SB13 Ultra
 - SVS PB13 Ultra


และหลังจากเปิดตัว New Flagship subwoofer รุ่นใหม่นี้เอง จึงทำให้ SVS มีซับวูฟเฟอร์ในตระกูล Ultra ถึง 4 รุ่นแล้ว นั่นคือ SB/PB 13 Ultra และ SB/PB 16 Ultra นั่นเอง

โดยรุ่นใหม่ 16 Ultra นี้เปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2016 และมีกำหนดการส่งมอบซับวูฟเฟอร์ให้กับ Distributor และลูกค้าทั่วโลกในช่วงเดือนธันวาคม  โดยตัวที่เราได้รับส่งมอบมานี้ เราได้รับมาในช่วงเดือนธันวาคม และถือเป็นซับวูฟเฟอร์ล๊อตแรกๆที่ SVS ได้ส่งมอบให้กับลูกค้าจริงๆด้วยครับ
เราได้มีโอกาศสัมผัสกับ SVS ในรุ่น 16 Ultra  3-4 ตัวด้วยกัน โดยเราแกะตัวนึงเอาไว้ใช้เดโม และทดสอบในการรีวิวครั้งนี้




    Spec SVS SB16 Ultra
    ----------------------------------------------------
    Driver: 16"

    Amplifier: 1500 watts RMS (5000+ watts peak)
  
    Freq. Response: 16-460Hz ±3 dB
  
    Dimension: 20" (H) 19.5" (W) 20.1" (D)
  
    Weight: 122 lbs (57 กิโล)  
    ----------------------------------------------------

ถ้าดูรูปลักษณ์ภายนอกก็ถือว่าเป็นซับที่ตัวใหญ่ครับ แต่ถ้าดูขนาดดอกที่ใหญ่ถึง 16 นิ้ว voice coil ใหญ่ขนาด 8 นิ้ว ก้ต้องบอกว่าตัวตู้ไมไ่ด้ใหญ่อะไรมาก
งานประกอบทำได้ค่อนข้างดี เป็นผิวเปียโนสีดำ สวยจริงๆ และก็เป็นรอยมือง่ายด้วย  ในเมืองนอกจะมีสองสีให้เลือกนั้นคือ ดำเปียโน และดำลายไม้ แต่ราคาเท่ากัน     ในบ้านเราเลยเอาเข้ามาเฉพาะสีดำเปียโน เพราะว่ามันดูหรูหรากว่าแบบลายไม้สีดำมากเลยครับ




คุณสมบัติของ SVS SB16 Ultra มีดังนี้ครับ

หลังจากแกะกล่องออกมา ซึ่งต้องบอกว่ากล่องของ SVS SB และ PB16 Ultra นั้นออกแบบมาให้แกะออกโดยดึงออกมาตรงๆ ไม่ต้องคว่ำกล่อง  การเอาออกถ้าใครเคยเอาออกแล้วจะสบายมากๆและไม่ต้องใช้แรงอะไรมากเลย เอาออกง่าย การแพ๊คแน่นหนาดีมากครับ
--------------------------------------------------------------
ดูวิธีการแกะกล่องของ SVS SB16 Ultra ที่นี้: https://goo.gl/NGdPec
--------------------------------------------------------------

พอแกะออกมาเราก็จะได้ซับ SVS SB16 Ultra ที่มีฟีเจอร์ดังนี้

  - มีช่องต่อ Input แบบ RCA ทั้ง LFE และ Right Left  สามารถเลือกต่อได้ทั้งแบบเส้นเดียว (LFE) และแบบสองเส้น (Right Left)

  - มีช่องต่อ Output แบบ RCA สำหรับพ่วงซับแบบเป็น chain หลายๆตัวต่อกัน เผื่อใครอยากจะพ่วงซับหลายๆตัวโดยไม่อยากต่อสายออกมาจาก AVR / Pre Processor ครับ  มันสามารถเอาสายต่อออกจากช่อง output ของซับ SB16 Ultra ตัวแรก ไปต่อเข้ากับช่อง Input ของ SB16 Ultra ตัวถัดๆไปได้เหมือนพวกเครื่องเสียงกลางแจ้งนั้นแหละ

  - มีช่องต่อ Input แบบ XLR คุณสมบัติเช่นเดียวกับ RCA ทุกอย่าง แต่เป็นขั้วต่อแบบ Balance และใช้สายแบบนี้ gain สัญญาณจะแรงกว่าแบบ RCA ครับ เร่ง volume แล้วจะได้ปริมาณเบสเยอะกว่าแบบ RCA

  - มีช่องต่อ Output แบบ XLR คุณสมบัติเหมือนช่องต่อ output RCA ทุกประการครับ




และก็ด้านหลังไม่มีปุ่มปรับอะไรอีกแล้ว เพราะในส่วนของการปรับจะยกไปไว้ที่หน้าปัดด้านหน้าเป็นการปรับแบบ Digital เองทั้งหมด  

การปรับและเซ็ทอัพ SVS SB16 Ultra สามารถทำได้ 3 วิธี

1. ปรับที่หน้าปัดด้านหน้าของตัวซับ จะมีปุ่มให้ 4 ปุ่ม บน ล่าง ซ้าย ขวา ใช้แทนการเลือกแต่ละเมนู และการกด ok และ back เท่าที่ลองใช้ จะใช้ค่อนข้างยากหน่อยเพราะเราต้องจำว่าปุ่มไหนเป็น ok ปุ่มไหนเป็น back ก็จะมั่วๆนิดๆในตอนแรก   แต่ก็ยังปรับง่ายกว่า SVS SB13 Ultra ที่ใช้การปรับแบบปุ่มเดียว แต่ไปอยู่ด้านหลังซับ ถ้าใครวางซับติดผนัง นี่จะลำบากมากเพราะต้องนอนพาดไปกับซับแล้วก้มหัวไปปรับแบบกลับหัว




2. ปรับที่รีโมท ตัว SVS SB16 Ultra ให้รีโมทมาด้วยหนึ่งอัน ใช้ถ่ายไฟฉายเป็นขุมพลัง  สามารถกดปุ่ม เพิ่มลด volume และปรับทุกอย่างจากรีโมทนี้ได้ง่ายกว่าแบบแรกครับ อะไรที่เราปรับบนรีโมท มันก็จะโชว์บนหน้าปัดที่ตัวซับทันที ใช้ง่าย แต่ปุ่มกดยากนิดๆ ปุ่มจะให้ฟีลการกดเหมือนปุ่มกดราคาไม่แพงของพวกซาวด์บาร์อะไรทำนองนั้น ไม่ได้นุ่มมือเหมือนรีโมทราคาแพงๆเท่าไร่




3. ปรับที่แอพ SVS บน Smartphone ตัวนี้เป็นวิธีที่ง่ายและดีที่สุดในการปรับครับ เพราะทุกอย่างเป็น UI (User Interface) หมด เราสามารถไปโหลดแอพได้ทั้ง Android และ IOS มาลงบนมือถือ และเวลาใช้งานครั้งแรกเราก็แค่เปิดบลูทูธและให้มัน pair กัน  พอครั้งถัดไปเมื่อเราใช้งานมันก็จะ pair กันเองอัตโนมัติ ง่ายๆ เร็วและ work มากๆครับ ใช้งานง่ายที่สุด เพราะเราจะจิ้มบนมือถือได้เลย และทุกอย่างที่เรากดผ่านมือถือก็จะไปโชว์บนหน้าจอด้วย แต่พึงระวัง อย่าเลื่อนปรับ level ขณะดูหนังที่เบสหนักๆ เพราะปุ่มปรับ level มันเป็นแบบรูดซ้ายขวา บางทีเรารูดแล้วคุมน้ำหนักมือไมไ่ด้มันรูดปี๊ดไปเป็นดังสุดขณะเบสกำลังพีคๆอยู่ก็อาจสร้างความรำคาณให้คนที่นั่งอยู่ใกล้ๆซับได้ครับ
--------------------------------------------------------------
วิธีการใช้งานแอพ SVS บน SmartPhone: https://goo.gl/xXVtOU
--------------------------------------------------------------




ซึ่งแอพของ SVS ค่อนข้างฉลาด และปรับได้หลากหลาย ทั้ง low passfilter, slope, EQ, Room Gain Compensation, Phase, Polarity และยังสามารถ save ค่าที่เซ็ทเอาไว้ได้หลายๆ profile ด้วยนะ และที่สำคัญค่าในการเซ็ทไม่ว่าจะเป็น phase, low pass และค่าอื่นๆสามารถปรับได้ละเอียดชนิด +, - ทีละหนึ่งเลยนะ ไม่ใช่กดทีข้าวไป 0, 90, 180 หรือไปทีละสิบเหมือนซับตัวอื่น

วิธีการปรับและเซ็ทของเจ้า SVS SB16 Ultra ก็ถือว่ามันเป็นซับอีกตัวที่่แลาดและปรับได้ค่อนข้างหลากหลายมากๆ สะดวกดีครับ   ใครจะคิดว่าแหมมันปรับแค่ทีเดียว แล้วก็ไม่ได้ไปปรับกันบ่อยๆหรอก  ก็จริงครับ แต่มีไว้ก็ดีและรู้สึกว่าภูมิใจนิดๆว่ามันเป็นซับที่โมเดิรน์ดีไม่ใช่เล่นครับ

ส่วน EQ นั้นก็สามารถเซ็ทละเอียด สามารถยกกราฟ หรือกดความถี่ต่ำลงได้หากต้องการ แต่ตัวนี้จะไม่มีไมค์มาให้นะครับ ดังนั้นมือใหม่จะไม่สามารถเล่นกับเมนูนี้ได้หากเราไม่รู้ว่าตอนนี้กราฟเรามันเป็นยังไง  วิธีก็คือเราต้องใช้ไมค์ของ AVR หรือ Pre ในการช่วยพลอตกราฟดูความถี่ต่ำ หรือหากใครมี tool ในการวัดหรือไมค์ของตัวเองก็สามารถใช้ได้เช่นกัน พอรู้ว่ากราฟความถี่ต่ำขาดเหลืออะไรแล้วค่อยมาเติม มาปรับ EQ ในตัว SVS SB16 Ultra เอาได้ครับ

และสุดท้ายแอปสามารถเซ็ทและใช้งานกับ SVS SB16 Ultra ได้หลายตัว โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้เชื่อมและคอนโทรลไปควบคุมซับวูฟเฟอร์ตัวไหน ซึ่งแต่ละตัวจะมีชื่อไม่เหมือนกัน และจะลิสต์ขึ้นมาในแอปบนมือถือเราให้เลือกได้ว่าตอนนี้เชื่อมอยู่กับซับตัวไหนอยู่ เจ๋งมั๊ยละ



 

อุปกรณ์ที่เราใช้ทดสอบร่วมด้วย

- Pre Processor: Anthem AVM60

- Power: Emotiva XPA3, 5

- Speaker: Klipsch THX Ultra2 (KL650 *3, KS525)

- Subwoofer: SVS SB16 Ultra

- Subwoofer:  SVS SB13 Ultra (เปิดสลับๆกันเป็นบางช่วง)

 

ทดลองต่อฟัง

หลังจากที่ผมแกะกล่องมาได้ประมาณ 2-3 อาทิตย์ บอกตรงๆเลยว่า ไม่กล้ารีวิวจริงๆ เพราะดูสภาพของซับวูฟเฟอร์ที่ดอกใหญ่ถึง 16 นิ้ว และ voice coil ใหญ่ระดับ 8 นิ้วแบบนี้ แล้วแถมด้วยขอบยางที่หนาและแข๊งปั๊ก ทำให้กลัวว่าหากรีบด่วนรีวิวในขณะที่ยังไม่พ้นเบิร์น มันอาจจะทำให้ผมพลาดอะไรเด็ดๆไป และทำให้พลาดบุคลิกสำคัญที่เราควรจะบอกกล่าวให้ผู้อ่านทราบไปได้ครับ

ก็เลยปล่อยให้เวลามันล่วงเลยมาจนถึงป่านนี้ ให้เราได้เผาและเบิร์นลำโพงกันร่วม 3 อาทิตย์ และอายุการใช้งานก็ปาไปร่วม 40-60 ชั่วโมงเข้าไป จนเรารับรู้ว่าบุคลิกเสียงมันเปลี่ยนไปจริงๆ  จนเราไม่อยากรอ และเข็นรีวิวตัวนี้ออกมาในขณะที่ประเมินคร่าวๆว่าเจ้า SVS SB16 Ultra ตัวนี้น่าจะผ่านระยะเวลา brake in มาได้สักครึ่งนึงแล้ว




ตอนที่ลองฟังครั้งแรก ดอกทำงานกระเพื่อมเข้าๆ ออกๆ  พลุบเข้าพลุบออกแรงมาก เสียงตอนที่เปิดแรกๆ บอกบุคลิกว่ามันเป็นซับวูฟเฟอร์ที่ไว เร็ว เบสต้นดี และสะอาดมากตัวนึง  เบสที่ได้ไม่มีการแผ่เลยแม้แต่น้อย หากจะเทียบกับ SVS SB13 Ultra เราก็คิดว่ามันน่าจะไวพอๆกัน เผลอๆ SB16 Ultra จะไวกว่าด้วย  สังเกตจากฉากที่เบสวิ่งจากซ้ายไปขวาเร็วๆ เช่นฉากรถแข่ง  เบสที่ได้จะวิ่ง ฟุ้บบ กระแทกมาแล้วจบทันที จะไป ฟุ้บบบบบบบบบบ ยาวเหมือนซับตู้เปิดปกติ นี่คือบุคลิกตอนที่เปิดชั่วโมงแรก  หลังจากนั้นเราก็นวดกันไปด้วยหนังหลายๆเรื่อง
ทั้งเพลงทั้งหนังก็ไล่ประเคนใส่เข้าไป

พอเวลาผ่านไปซักระยะเราก็เริ่มเซ็ทโดยใช้ไมค์ ARC2 ของ Anthem มาช่วย ซึ่งจะบอกว่าเดิมทีตอนที่ใช้ SVS SB13 Ultra ตัวเดียวนั้น กราฟของความถี่ต่ำมีอาการเป็นหลุมในช่วง 50-60 Hz ซึ่งแก้ไมไ่ด้ยกเว้นว่าจะย้ายตำแหน่ง ซึ่งเราไม่ย้าย เพราะไม่สะดวกจะย้าย

ตอนหลังพอเติม SVS SB16 Ultra ไปอีกตัว พอลองวัดใหม่ด้วยโปรแกรมของ Anthem ARC2 ก็ปรากฏว่าเบสที่เป็นหลุมหายไปแล้ว ตอนนี้กราฟเรียบและสมดุลตั้งแต่ 20-120 Hz ดีจนน่าพอใจ โดยที่เราไม่ได้ไปทำอะไรมันเลย  ใช้โปรแกรมของ Anthem ช่วยอย่างเดียว  ฏ็ต้องยอมรับว่าสำหรับในส่วนของการปรับ Auto นั้นโปรแกรมเค้าใช้งานได้จริง ดีจริงและเสียงที่ได้ก่อนปรับและหลังปรับนั้นอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ว่าจะไม่ละเอียดและดีเท่าเซ็ทอัพแมนนวลโดยผู้เชี่ยวชาญ แต่สำหรับมือใหม่ที่ไม่มีอุปกรณ์ ไม่มีโปรแกรมแล้ว ตัวนี้ใช้งานได้ดีน่าพอใจครับ


 

แนวเสียงและข้อดีจากการใช้งาน

หลังจากใช้งานไปสักระยะ จนรู้สึกว่าลำโพงเริ่มพ้นเบิรน์ และเสียงเปลี่ยนจนเริ่มจะรับรู้ได้ว่าแนวเสียงที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร เราก็เริ่มทดสอบกันจริงจัง (ใช้เวลานานพอสมควร) โดยหนังที่เราใช้นั้นประกอบไปด้วย อาทิเช่น Man of Steel, Transformer 4, MadMax, Terminator, WarCraft, Need for Speed, Edge of Tomorrow และก็เพลงส่วนใหญ่ที่ใช้นั้น เป็นแพลงป๊อปไทย เพลงร๊อคมีจังหวะ (ไม่ใช่บัลลาดร๊อค) และก็เพลงแนว house, Trance, Electronic ทั้งหลายแหล่  ทั้งหมดเลือกเพลงที่ฟังจริง ไม่ได้ใช้เพลงแนว vocal, audiophile, jazz หรือเพลงบรรเลงช้าๆ ในการทดสอบครับ ดังนั้นผลการทดลองฟังเพลงก็จะเอนเอียงไปทางเพลงที่ฟังในแนวๆนี้ หากไม่ถูกต้องตามรสนิยมของใครก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้.

 
1. เบสเร็ว ชัด และสะอาด SVS Sb16 Ultra ให้เบสต้นที่ดี ชัด กระชับ และสะอาดมาก เบสมาเร็วมาก กระชาก จบเร็ว ไม่ลากยาว ไม่เน้นปริมาณ แต่เน้นแรงกระแทก ดึงหนักๆ เบสต้นชัดมาก ที่เราเรียกกันว่ามัน punch ออกมาเป็นลูก และแต่ละลูกก็แน่น (tight) ไม่ใช่เบสลูกใหญ่ๆบวมๆบานๆ เรียกว่า เบสในหนังออกมาเร็วๆ 3 ลูกติดๆกัน ตัวนี้ก็ให้เบสเป็นลูกออกมาเป็น 3 ลูกชัดๆ หนักๆ เร็วๆได้ตามที่บันทึก ไม่มีการที่เบสจะออกมาเป็นปื้นๆต่อกัน 2-3 ลูกกลืนๆกันจนฟังแล้วรู้สึกว่าเบสหนา แต่ไม่แน่นเหมือนซับที่ช้ากว่าแน่นอนครับ

ถามว่าแน่นและกระชับแค่ไหน หลังพ้นเบิร์นความกระชับและความเร็วนั้นเร็วกว่า SB13 Ultra เสียอีก  ส่วนลูกหนักก็ให้ความหนักแน่นที่ดีกว่า SB13 Ultra ไปอีกระดับนึงครับ อิมแพคเกินพอแล้วสำหรับคนที่ใช้ดูหนัง เพราะมันกระแทกหนัก ดึงเราจมโซฟาแล้วปล่อยดีดกลับมาได้อย่างรวดเร็ว  ยิ่งหลังพ้นเบิร์นนี่ซับเหมือนเปลี่ยนไปเป็นอีกตัวนึงเลย  ตอนแกะกล่องลองฟังว่าเร็วและเบสหนักแล้ว พอพ้นเบิร์นอยากจะบอกว่าแล้วจะร้องว้าวว  เพราะมันเร็วและกระชับ หนักขึ้นอีก

อีกประการนึงคือเซ็ทง่าย เพราะเป็นตู้ปิด วางตรงไหนก็ไม่ค่อยมีปัญหา แต่จะดีมากถ้าได้ SB16 Ultra สองตัวช่วยกันตอด ช่วยกันอัด แต่แค่ตัวเดียวนี่ก็ดีมากๆแล้ว เบสสะอาด ฟังง่าย ดูไฮโซ ฟังเพลิน สนุกมากๆครับ

บุคลิกเสียงซับมันเหมือนเสียงเบสของซับ PA ตามผับหรูๆชั้นดีที่ให้เบสต้นที่ตอดเร็วๆ พันซ์เป็นลูกๆ สะอาดๆ เล่นเพลงก็มัน พอเอามาดูหนังก็ดันลงลึกกระชากดูดวิญญาณได้อีก

SVS SB16 Ultra ให้เบสต้น ความกระชับที่ดีกว่า PB16 Ultra โดย PB16 Ultra จะให้เบสลึก (deep bass) ที่ดีกว่า ปลายเบสที่หนาและมีปริมาณและคลื่นความถี่ต่ำที่แผ่ได้เต็มห้องกว่า  ซึ่งบุคลิกนี้ก็ติดมาตั้งแต่ PB13 Ultra และ SB13 Ultra อยู่แล้ว

ตัวใหม่ก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ จะว่าไปมันคือบุคลิกของตู้เปิด และตู้ปิดนั้นแหละ มีดี มีเสียไปคนละอย่าง ถ้าเอาเบสเยอะๆ ปริมาณมากๆ แผ่ๆ เบสลึกดีๆ ตัว PB16 Ultra จะทำได้ดีกว่า เพราะมีท่อลมในการอัดอากาศช่วย
แต่ถ้าจะหาซับที่ให้เบสออกมาเป็นลูกๆ กระชับๆ สะอาดๆ เบสต้นดีๆ หนักๆ ชัดๆ ตัว SB16 Ultra ย่อมทำได้ดีกว่ามากๆ




2. กำลังสูง ด้วยข้อดีของกำลังขับที่สูงขึ้นนอกจากจะขับดอกลำโพงใหญ่ได้อยู่หมัดแล้ว  จึงทำให้ผลิตความถี่ต่ำคุณภาพดี สะอาด กระชับ และหนักแน่นได้มากพอโดยไม่ต้องเร่งเยอะ และสามารถใช้มันในห้องที่ใหญ่ขึ้นได้อีก

ซึ่งตัวนี้ให้ปริมาณเบสที่มากเกินพอสำหรับห้องขน่าดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ได้เลยทีเดียว  ของเดิม Sb13 Ultra เราอาจต้องเร่งถึง -10 หรือไปถึง -5 เพื่อให้ห้องใหญ่ระดับ 20 ตรม.ขึ้นไปได้เบสที่เต็มอิ่ม หนักหน่วง  แต่ SB16 Ultra นั้นเร่งน้อยลง แค่ระดับ -20 หรือมากกว่านี้อีกหน่อยก็รู้สึกได้ถึงพละกำลังและแรงกระแทกที่หนักหน่วงมากจนพอใจแล้ว





3. การบังคับควบคุมทำได้ง่ายดี จะเห็นว่า SVS ให้การควบคุมตัวซับมาหลากหลาย ทั้งหน้าจอดิจิตอลบนตัวซับ จากตัวรีโมท และจากตัวแอปบนมือถือ ถามว่าเราชอบแบบไหนมากที่สุด ก็ต้องบอกว่าเราชอบบังคับ เพิ่มลด volume จากแอปบนมือถือที่สุด มันง่าย สะดวก และสามารถปรับเพิ่มแต่งเสียง ปรับ eq ได้ง่ายๆจากการใช้นิ้วลากบนหน้าจอได้เลย

และมีลูกเล่น สามารถตั้งได้ว่าขณะใช้งานนั้น จะให้หน้าปัดบนตัวซับ มัน dim มืดลงไปเพื่อป้องกันไม่ให้กวนสายตาขณะชมภาพยนตร์ หรือจะให้มันแสดงคำว่า Ultra หรือจะให้มันโชว์ระดับ volume ของตัวซับค้างไว้ก็ได้ ซึ่งอันนี้ลูกค้าบางคนก็ชอบให้มันโชว์ค่า Volume ค้างไว้ เค้าบอกมันสวยดี  ส่วนตัวผมชอบให้มันดับไปมากกว่า เพราะชินกับ SB13 Ultra ที่ด้านหน้ามันมืดสนิทไม่มีไฟอะไรมารบกวนสายตาดี




4. ในแง่ของการฟังเพลงนั้น ทำได้ดีมาก และแย่มากในตัวเดียวกัน  จะเห็นว่าเบสของ SB16 Ultra มันแน่นและสะอาด เป็นลูก กระชับ คลีน และไว ดังนั้นดนตรีที่เหมาะกับเบสแบบนี้มันก็หนีไม่พ้น ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์จำพวก house, hiphop, trance อะไรพวกนี้ ซึ่งเราต้องการเบสที่เร็ว ตามบีทของดนตรีทัน เราไม่ต้องการเบสแผ่ๆ คลื่นนุ่มๆลอยๆลูกใหญ่ๆ เพราะมันจะทำให้ดนตรีมันบวม ไม่กระฉับกระเฉง กระแทกออกมาเป็นลูกใหญ่ๆ บวมๆเหมือนดนตรีที่เปิดตามรถกระบะที่แต่งเครื่องเสียงและเปิดกระจกเผื่อแผ่ชาวบ้านแบบนั้น
เบสที่เราต้องการคือ กระแทกแล้วจบ สะอาด ชัด เบสต้นดี เบสลึกไม่ต้องมีก็ได้เพราะดนตรีอิเล็กทรอนิกส์จะเอา deep bass ไปทำอะไร  เหมาะกับการเปิด youtube เปิดเพลง house เก๋ๆแล้วให้ SB16 Ultra ช่วยกระแทก เสริมความถี่ต่ำ เบสหนุบๆหนับๆ เร็วๆตามจังหวะเพลง ในมือเราก็นั่งอ่านนิตยสารไป หาอะไรจิบพักผ่อนไปจะเป็นอะไรที่ชิลมากครับ   หรือจะใช้เปิดปาร์ตี้เล็กๆย่อมๆในห้องก็ฟังสนุกได้ไม่แพ้เบสในผับเหมือนกัน (แต่สเกลห้องไม่เท่ากัน)

กลับกันส่วนที่ไม่ดีคือหากคุณเป็นคอเพลงจีน คอเพลง vocal คอเพลงช้าๆ เพลงบรรเลง เพลงคลาสสิค เบสมันจะเด่นชัดขึ้นมาเป็น layer อีก layer นึงเลย ดูไม่ธรรมชาติ และดูไม่ไพเราะเท่าไร่ ถ้าเทียบกับซับที่ให้เบสนุ่มๆนิด กระแทกหน่อยๆ แผ่นิดๆพอหอมปากหอมคอ เพลงแนวนี้จะฟังดีมากกว่าครับ  สรุปคือการฟังเพลงนั้นชั้นเชิงของ SB16 Ultra นั้นยังมีรายละเอียดและชั้นเชิงในแง่ของความนุ่มนวล ความมีรายละเอียด ได้ไม่ดีมากนัก แต่จะเน้นกระแทก เน้นเบสต้นที่สะอาดและชัดเป็นหลักมากกว่าครับ




5. งานประกอบระดับมาสเตอร์พีซ งานประกอบสวยงามมาก หรูหราไฮโซครับ ผิวเปียโน เอาออกจากกล่องมาตั้ง สวยยังกะเฟอร์นิเจอร์ดีๆสักชิ้น  แต่ล๊อตแรกที่เราลองแกะออกมา 2-3 ตัวก็ยังมีบางจุด บางตัวที่ไม่เรียบร้อยบ้าง บางตัวก็เรียบร้อยสวยงาม บางตัวก็มีบางจุดที่ต้องตำหนิกันบ้างนิดหน่อย   ถ้าให้เทียบกับงานประกอบของ SB13 Ultra แล้วต้องบอกว่า สำหรับตัวนั้นงานประกอบปราณีต บรรจง สวยงามกว่า
สำหรับ SB13 Ultra เราชอบตรงการใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เช่นตรงขอบยางกับดอกลำโพงมีการใช้ด้ายเย็บติดกันเลย แต่ตัว SB16 Ultra ไม่ได้ใช้ด้ายเย็บเหมือน SB13 Ultra ครับ


 

ส่วนตัวตู้ก็มีความหนา มั่นคงแข๊งแรงมาก น้ำหนักก็มากเช่นกัน ยกคนเดียวไม่ไหวแน่นอนครับ  การเอาออกจากกล่องนั้นเอาออกคนเดียวได้ แต่การยกเข้าประจำที่นั้นอาจต้องใช้คนช่วยสัก 2-3 คนจะปลอดภัยกว่าครับ
ตัวตู้ยามที่มันทำงานนั้นมีแรงสั่นสะเทือนพอสมควร ถ้าให้แนะนำ เราก็แนะนำว่าไม่ควรเอาอะไรไปวางบนหลังตู้ของมัน เพราะมันสั่นครับ ถ้าเทียบกับ SB13 Ultra แล้วตัวนี้สั่นกว่าเยอะ ก็เป็นเรื่องปกติครับเพราะดอกใหญ่กว่า แอมป์กำลังสูงกว่า




อีกเรื่องที่ชอบก็คือตะแกรงของ SB16 Ultra นั้นออกแบบมาสวยงามมาก ไม่ทื่อเหมือนรุน SB13 Ultra เพราะตะแกรงมีการเล่นเคิรฟ เส้นสายมีการโค้งหลบหน้าปัดดิจิตอล ทำให้ตัวตะแกรงรุ่นใหม่นั้นดูสวยงาม คล้ายกับโล่และตราสัญลักษณ์ที่ดูมี design  ซึ่งจะเปิดหน้ากากหรือใส่หน้ากากก็ให้อารมณ์สวยงามและดูโหดไปในทิศทางเดียวกัน  แต่ตินิดนึงตรงที่ตะแกรงมันไม่สามารถกันฝุ่นหรืออะไรได้เพราะตัวตะแกรงมันครอบห่างจากตัวดอกพอสมควร  พวกฝุ่นหรืออะไรมันจะเข้าไปติดตามซอกหรือขอบๆดอกลำโพง เวลาใช้งานนานๆแล้วทำความสะอาดยาก




6. แนวเสียงไม่เหมาะกับคนชอบเบสลากๆ แผ่ๆ เช่นพวก Paradigm หรือชอบเบสนุ่มๆผู้ดีๆอย่าง Martin Dynamo, Rel, Polk  เพราะเบสของ SB16 Ultra มันเก็บตัวเร็ว กระชับ มาเร็วจบไว แต่มาถี่ ยิ่งปืนมากี่เม็ด เราจะรับรู้และนับเม็ดได้ครบทุกเม็ด   ต่อยมารัวๆกี่ที เราจะรับรู้ได้หมด  เบสเร็วและหนัก และอีกประการนึงคือโซฟาสั่นสะเทือนแต่โซฟาไม่ได้สั่นแบบลากยาวๆแบบตู้เปิดที่เน้นปริมาณและแผ่ จนทำให้โซฟาสั่นตลอด  แต่ตัวนี้โซฟาจะสั่นตามจังหวะเบสที่มาและหยุดจริงๆเป็นระลอกๆๆ เหมือนมีคนโยกโซฟาตามจังหวะเบส  ก็เป็นอีกฟีลนึงในการดูหนังที่ได้อารมณ์ดีครับ




7. การเบิรนอินนาน แต่คุ้มค่า ตัวนี้บุคลิกหลังและก่อนพ้นเบิรน์มันช่างต่างกันค่อนข้างมากครับ ด้วยดอกลำโพงที่ใหญ่และ voice coil ที่ค่อนข้างใหญ่จริงๆ ทำให้ระยะเวลาในการเบิร์นอินค่อนข้างใช้เวลา เราอยากให้อดทนกับมันสัก 50-60 ชม.ขึ้นไป   เพราะจากตอนแรกที่คุณรู้สึกว่าเบสมันกระชับ เร็ว และหนักแล้ว  พอมันเริ่มจะพ้นเบิร์น บอกได้เลยวาเบสมันหนักขึ้นอีก ไวขึ้นได้อีกเยอะครับ  เบสพอมันหนักและเร็วทีนี้ก็มันสุดๆเลยครับ โดยเฉพาะฉากยิงปืน ฉากระเบิดมันสมจริง ตูม บอกทิศทาง บอกตำแหน่งของเสียง ชัด หนัก เร็วกว่าตอนที่ยังไม่พ้นเบิรน์ขึ้นไปได้อีกระดับนึงครับ (ก่อนพ้นเบิร์นก็ว่ากระชับแล้ว ตอนหลังพ้นเบิร์นนี่กระชับแบบสุดๆ เป็นที่สุดของซับที่ให้เสียงไวและกระชับจริงๆ)


 

จากทั้งหมดที่ได้ลองเล่นมา ต้องยอมรับข้อนึงว่า SVS SB16 Ultra มันเป็นซับที่คุ้มค่าคุ้มราคามากๆตัวนึง เพราะแนวเสียงที่เอาข้อดีของ SB13 Ultra รุ่นน้องมาได้ครบหมด ทั้งความไว ความกระชับ ลูกหนัก ความสะอาด และยังเสริมเติมกละกำลังและแรงกระแทกเข้าไปอีก  ด้วยดอกขนาดใหญ่ขึ้น ไม่เหมือนซับบางตัวที่พอออกรุ่นใหม่ ดอกใหญ่ขึ้นแล้วกลับเสียบุคลิกที่ดีของรุ่นเล็กไป เช่น เบสช้าลง ไม่ค่อยกระชับ แต่หนักขึ้น กลายเป็นซับอีกบุคลิกนึงไป ทั้งๆที่อยู่ในซีรี่ย์เดียวกัน  แต่ตัว SB16 Ultra ยังคงเก็บรักษาสิ่งดีๆจาก SB13 Ultra ไว้ได้อย่างน่าชื่นชม  (SB13 Ultra ได้รางวัล the Best Subwoofer จาก StereoNet) และโดยส่วนตัวเราก็ชอบบุคลิกและแนวเสียงของ SB13 Ultra มากๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

นอกเหนือจากได้ดอกใหญ่ขึ้น ได้เสียงดีขึ้น ยังพัฒนาการปรับเซ็ทให้สามารถทำได้ละเอียดและดีขึ้น ง่ายขึ้น ไฮโซกว่าเดิมมาก ไม่ว่าจะเป็นแผงหน้าปัดดิจิตอล รีโมท และแอปบนมือถือ  เงินที่จ่ายเพิ่มจากตัว SB13 Ultra อีกประมาณ 3 หมื่นบาท เอาจริงๆแค่ดอกใหญ่ขึ้น แอมป์กำลังสูงระดับ 5,000 วัตต์พีคนั้นก็คุ้มแล้วครับ




คุณเหมาะกับ SVS SB16 Ultra มั๊ย

จุดเด่นของ SVS SB16 Ultra ที่ชัดเจนที่สุดคือ เบสหนัก แต่ไว โคดไว กระชับ และถ้าคุณชอบเบสที่กระชับ ฉับไหว และต้องการซับที่มีพละกำลังด้วย ยามที่ต้องโหม ซับให้แรงกระแทกได้มหาศาลพอเพียง กระแทก อิมแพค ดึงรุนแรง  ตัวนี้ให้ได้ครับ

จุดเด่นของ SB16 Ultra ไม่ใช่ deep bass ที่ลาก แผ่ยาว หรือเบสที่สร้างแรงสั่นสะเทือนที่โซฟายาวๆหนักๆ หรือปริมาณเบสมากๆ  แต่เป็นเบสคุณภาพที่พุ่งมา
กระแทก ทีเดียว ดึงโซฟา เขย่าทีเดียวแล้วหยุดตามจังหวะของหนังที่บันทึกมา  จำเอาไว้ว่า SB16 Ultra ลงลึกได้ 16 Hz ก็จริง แต่จุดเด่นของ SB16 Ultra นั้นคือย่านเบสต้นที่ทำได้ค่อนข้างดีและชัดเจนมากๆกว่าซับตัวอื่นๆในช่วงราคาเดียวกัน และแน่นอนว่าเบสต้นชัดเจนกว่า PB16 Ultra  มากมายนัก แต่ PB16 Ultra จะมาเอาชนะช่วง mid และ deep bass ที่ปริมาณมากและโหดจนขนลุก  ซึ่งก็เหมาะกับคนที่ชอบเบสที่มีเนื้อและแผ่ๆ

การคาดหวังว่า SB16 Ultra จะให้เบสที่นุ่มนวล ผู้ดี เบาๆบางๆ Blend ไปกับคู่หน้า แผ่สร้างบรรยากาศหรูๆเฉกเช่น Velodyn หรือ Rel นั้น ขอบอกว่าว่าคุณคิดผิด เก็บเงินไว้ไปทำอย่างอื่นจะดีกว่า

แต่ตรงกันข้าม SB16 Ultra ให้เบสที่หนักหน่วง รุนแรงเหมาะกับคนชอบซับตู้ปิดที่มีพละกำลัง ชอบดูหนัง เหมาะกับการดูหนัง ชอบเบส หรือชอบฟังเพลงเร็วๆ มีจังหวะมากกว่าครับ

หากคุณมีซิสเต็ม มีลำโพงที่ดีมากพออยู่แล้ว และต้องการหาซับดีๆสักตัว หน้าตาสวยๆ โชว์แขกได้  เบสสะอาด กระชับ ฉับไว หนัก กระแทก SVS SB16 Ultra อาจเป็นคำตอบสำหรับคุณ  แต่ถ้าจะพิจารณาใช้ SVS SB16 Ultra เป็นซับคู่ ขอบอกว่ามันจะให้ปริมาณเบส คุณภาพเบสที่ดีกว่าใช้ตัวเดียวมาก

----------------------------------------------------------------
จุดเด่น :  เบสไวมาก กระชับ หนักมาก เบสต้นดี ฟังมัน กระชาก
จุดด้อย : เบสกระชับจนดูเหมือนห้วน เบสลึกๆ เป็นคลื่นแผ่มาปะทะอาจจะสู้ตู้เปิดอย่าง PB16 Ultra ไม่ได้
----------------------------------------------------------------


ความหนักแน่น แรงปะทะ: 4.75
ความกระชับ ความไว: 5.0
ความนุ่มนวล: 4.5
ความสะอาด: 5.0
หน้าตา งานประกอบ: 4.75
ความคุ้มค่าเทียบกับราคา: 4.9
คะแนนรวม: 4.8/5


ราคาและสเปก SVS SB16 Ultra: http://www.whatthatsound.com/product/480/svs-sb16-ultra



































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 03, 2017, 08:26:47 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #458 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2014, 01:27:34 pm »




หากคิดว่า Klipsch คือลำโพงที่ดูหนังมัน สนุก อันนั้นคุณคิดไม่ผิดครับ แต่ถ้าคิดว่าลำโพงในตระกูล Reference Premier (RP) ให้เสียงที่ดูหนังสนุกที่สุดแล้ว
เราอยากจะบอกว่า เรายังมี Klipsch THX Ultra 2 อีกหนึ่งซีรี่ย์ ที่ให้อะไรมากกว่า Klipsch RP ไปอีกหลายเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็น

---------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆที่เว็บได้ที่นี่: https://goo.gl/fu0P9A
---------------------------------------------------

 
1. ความชัด หากคุณไม่เคยได้ชัดเสียงพูด และเสียงเอฟเฟคที่ชัดในระดับโรงภาพยนตร์ ชัดทุกย่าน ทุกความถี่ตั้งแต่ กลางต่ำไปยันกลางแหลม Klipsch THX ให้ความชัดที่สูงมากกว่าลำโพง Home Audio ทั่วๆไป แม้แต่ Klispch RP ก็ยังต้องหลบให้
เวลาดูหนังแล้วได้ยินรายละเอียดเสียงครบๆ ทุกย่านได้ยินรายละเอียดออกมาชัดๆ เสียงพูดละเอียด ดัง สเกลใหญ่โต มันสนุก และมันอย่าบอกใครครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ให้รายละเอียดได้ครบถ้วน โดยเฉพาะรายละเอียดเล็กน้อยๆที่ฟังไม่ชัดในลำโพง Home Audio ทั่วๆไป ตัวนี้ขุดและดึงขึ้นมาหใ้ได้ยิน และไม่ต้องแปลกใจว่าในย่านเสียงปกติ เสียงที่ได้ยินชัดอยู่แล้ว จะยิ่งทวีความชัด และละเอียดขึ้นจนนึกไม่ถึงว่าระบบ home Theater ในบ้านทั่วๆไปจะให้เสียงได้ชัดถึงเพียงนึ้
 
2. เบสตั้งแต่ 80 Hz ขึ้นไป ที่ไว กระชับและเร็วมากในระดับโรงหนัง เบสกลมเป็นลูก กระชับ เซ็ทให้กลืนและเข้ากันได้ดีเป็นพิเศษกับซับวูฟเฟอร์ที่ให้เบสไวๆ คมๆ
 
3. Dynamic range ที่ดีเยี่ยม รายละเอียดตอนปกติฟังชัดเจนทั้งเสียงพูดที่ละเอียด ชัด แต่เมื่อฉากที่โหมขึ้นมาเช่นฉากแอคชั่น เสียงปืน เสียงระเบิด ฉากต่อสู้ รายละเอียดและพลังทั้งหมดก็โหมขึ้นมาในฉับพลัน ไดนามิคทรงพลัง แรง พุ่ง เร็ว สะใจ และให้อารมณ์แบบโรงภาพยนตร์แบบที่ลำโพง Home Audio จะไม่ให้ Dynamic range ที่ใหญ่โตและยิ่งใหญ่ขนาดนี้
 
4. ตอบสนองความดัง ในห้องดูหนังใหญ่ๆกว้างๆได้มากเป็นพิเศษ ยิ่งใครมีห้องที่ใหญ่เกินกว่า 40-50 ตรม และต้องใช้ความดังมาก ตัวนี้ตอบโจทย์ครับ เพราะออกแบบมาให้ทำงานในย่านที่ดังโดยมีความเพี้ยนต่ำ (Distortion) แต่ต้องแลกมาด้วยการใช้ power amp ที่ดีและมีคุณภาพด้วยเช่นกัน (จงหลักเลี่ยง power amp ที่ให้เสียงหนา ทึบบางตัว)




การแมทชิ่งซิสเต็มของ Klipsch THX Ultra 2

แนะนำว่าควรใช้ Power amp กำลังขับ 150-200 วัตต์ขึ้นไป หลีกเลี่ยงแอมป์ทึบ และหลีกเลี่ยงปรีที่เสียงบางๆบางตัว
ซับที่เหมาะนำมาใช้ร่วมกันก็แนะนำซับ passive ในชุดของ THX เองหรือหากใครจะใช้ซับ Active ก็ควรเป็นซับที่ไว กระชับ เช่นซับตู้ปิด แต่ต้องมีอิมแพคและน้ำหนักเสียงที่ดี หนัก ไม่เช่นนั้นย่านเบสจะไม่ครบและไม่มันอย่างที่ควรจะเป็น และพยายามหลักเลี่ยงซับที่เด่นด้านฟังเพลง หรือซับแนวนุ่มนวล
 
ปล. ชุดลำโพงดูหนังในราคาย่านนี้ที่เป็นแนว Dedicated Home Theater (ขอหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า Home Cinema) ในบ้านเรานอกจาก Klipsch THX Ultra 2 แล้ว ก็ยังมี M&K S150, XTZ Cinema ซึ่งหากเทียบกันแล้ว โทนเสียงก็จะมาแนวคล้ายๆกัน ขึ้นอยู่กับการแมทชิ่ง และการเซ็ทอัพ แต่โทนเสียงของลำโพงทั้งสามตัวนั้นแตกต่างกัน ตัวที่ให้เสียงธรรมชาติที่สุดก้คงไม่พ้น M... และตัวที่ให้เสียงชัดและคม หนักแน่น ดุเดือดที่สุดก็คงไม่พ้น Klipsch THX Ultra 2
 
ราคาและสเปก Klipsch THX Ultra 2: http://www.whatthatsound.com/category/9/klipsch/klipsch-thx-ultra-2















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 03, 2017, 09:15:36 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #459 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2014, 05:17:53 pm »


จัดส่ง Sound bar Klipsch RSB-14 รุ่นใหญ่สุดที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ ไปให้ลูกค้าที่ GDH แถวสุขุมวิท (ไปส่งเอง แน่นอนว่าวิ่งเข้าเมือง ก็หลงกระจาย) เดินเข้าไปเค้านึกว่ามาแคสหนัง อ่ะล้อเย้น 555

ตัวนี้เป็น Sound bar รุ่นใหญ่ที่มาแทนรุ่นเดิม มีฟีเจอร์ใหม่ๆคือ รองรับ HDMI ให้ 3 ช่อง และแถมสาย HDMI มาให้ในกล่องด้วย
และรองรับ Play-fi เทคโนโลยีใหม่ที่รองรับการสตรีมเพลงจากมือถือผ่านระบบ wifi บ้านให้สามารถเล่นเพลงแบบ Lossless ได้มากมายและหลากหลายผ่านช่องสถานีต่างๆมากมาย ทั้งแบบเสียตังและไม่เสียตัง  รวมถึงความสามารถพิเศษในการนำ ซาวด์บาร์ตัวอื่นๆมาเชื่อมต่อเล่นพร้อมๆกันหลายๆตัวแบบ Multi room ได้ (ต้องโหลดแอพของ Klipsch)




วิธีการเชื่อมต่อ

------------------------------------------------------------------------------
 
1. สาย Optical ต่อกับทีวี: ใช้สาย Optical ต่อจากช่อง Audio out / Digital out / Optical put แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ วิธีนี้ง่ายที่สุดครับ ตอนนี้ไม่ว่าเสียงอะไรก็ตามที่วิ่งมาเข้าทีวีก็จะมาออกที่ Sound bar เราทั้งหมดไม่ว่าจะดูทีวี ดูละคร เล่น ps4, ดู dvd / bluray หรือเปิดคาราโอเกะก็ตาม

 
2. สาย RCA ต่อกับทีวี: ใช้สาย RCA (ขาว แดง) วิธีนี้สำหรับทีวีรุ่นเก่าๆที่มีช่อง Audio out แบบ RCA สองเส้น เราก็สามารถต่อจากช่อง Audio out แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ ได้เหมือนกันครับ ผลลัพธ์เหมือนกับวิธีแรกทุกประการครับ

 
3. HDMI 2.0 (4K Pass Through) ต่อกับอุปกรณ์เครื่องเล่นตรงๆ เช่น DVD / Bluray / PS4 หรือกล่องจานดาวเทียม ด้วยสาย HDMI  โดยเราจะเอาสาย Hdmi ต่อจากเครื่องเล่นของเราเข้ามาที่ Sound bar โดยตรงโดยไม่ผ่านทีวีเลย ข้อดีคือมีการสูญเสียน้อยที่สุด แต่ข้อเสียคือ ถ้าเรามีอุปกรณ์เครื่องเล่นๆหลายอย่าง เราอาจจะต้องคอยสลับสายกันวุ่นวายนิดหน่อยครับ


4. สตรีมมิ่งผ่าน Bluetooth กับโทรศัพท์ Iphone /Ipad / Android หรืออุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth โดยสามารถ connect เพื่อเปิดเพลงฟังโดยโดยที่ไม่ต้องต่อสายใดๆครับ
 

5. ต่อกับคอมพิวเตอร์ ด้วย USB ง่ายๆ ก็สามารถนำ Sound bar มาใช้กับคอมได้แล้ว


6. ต่อ Klipsch Play-Fi ด้วยแอปบนมือถือ (Klipsch Stream app) ก็สามารถเข้าถึงและเล่น content ต่างๆได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น Pandora, Tidal และ Internet Radio ได้หลากหลาย

 7. สามารถทำ Multi room ได้
ด้วยฟังก์ชั่น Klipsch Stream Wireless Multi-Room System สามารถนำ Sound bar หลายๆตัวมาเชื่อมกันหลายๆห้อง และเล่นพร้อมๆกันแบบ Multi room แบบไร้สาย (RSB-8)

 
ความสามารถหลากหลายและอัดแน่นแบบนี้ กับราคาที่แทบจะไม่แตกต่างไปจากเดิมเลย และแน่นอนว่าเสียงยังแน่น และดุดันเช่นเดิมเหมือนที่รุ่นเก่าเคยทำไว้  นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีอีกตัวของตลาด Sound bar ที่ต้องพิจารณาครับ

ราคาและสเปก Klipsch RSB-14: http://www.whatthatsound.com/product/500/klipsch-rsb-14






















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 07, 2017, 11:00:13 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #460 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2014, 08:31:35 pm »


จัดส่งชุด Klipsch Reference Premier พร้อม AVR Anthem MRX520 ไปให้ลูกค้าที่วัชรพลครับ

ชุดนี้เราขนเอาของไปกองไว้ที่บ้านลูกค้ากันเอาไว้ก่อน  โดยจะนัดติดตั้งกันอีกทีอาทิตย์ถัดไป ซึ่งหลังติดตั้งแล้วจะเอารูปสวยๆมาฝากกันอีกที  
ปล. ห้องยังไม่พร้อมเพราะรอติดม่าน พรม ชั้นวางทีวี และโซฟา มาก่อน

โดยชุดของลูกค้าประกอบไปด้วย

----------------------------------------
AVR: Anthem MRX520
Front: Klipsch RP260F
Center: Klipsch RP450C
Surround: Klipsch RP150M
Subwoofer: Klipsch R110SW (ตัวนี้ของเดิมของลูกค้า)
และขาตั้ง S4 สำหรับวางเซอราวด์
----------------------------------------




โดยชุดนี้ลูกค้าตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ Anthem MRX520 แทนที่จะเป็น Marantz 7011  เพราะลูกค้าตั้งใจว่าจะไม่ไป Atmos และไม่เพิ่มจำนวนแชนแนลมากไปกว่า 5.1 แล้ว  แต่จะเน้นและให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียงและแนวดูหนังที่ดุดันมากที่สุดครับ  

ส่วนลำโพง Klipsch Reference Premier นั้นก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะมันออกแบบมาเพื่อดูหนังอยู่แล้ว  น้ำเสียงดุดัน และเช้ากันได้กับ Anthem ได้เป็นอย่างดี โทนเสียงหนา ดุ เบสเยอะ แต่ได้รายละเอียดกลางแหลม และการโอบล้อมและแยกแยะรายละเอียดที่ดีกว่า AVR ค่ายญี่ปุ่นอื่นๆ
เมื่อจับกับ Klipsch ที่ให้เสียงสด ชัด  ทำให้แนวเสียงที่ได้นั้น ยิ่งดุดัน ดูหนังดีและสนุกสะใจเป็นอย่างยิ่งครับ

หลังจากติดตั้งเสร็จแล้วจะนำภาพสวยๆมาฝากกันอีกที




ราคา Anthem MRX520: http://www.whatthatsound.com/product/434/anthem-mrx520

ราคา Klipsch RP260F: http://www.whatthatsound.com/product/13/klipsch-rp-260f

ราคา Klipsch RP450C: http://www.whatthatsound.com/product/15/klipsch-reference-premier-rp-450c

ราคา Klipsch RP150M: http://www.whatthatsound.com/product/18/klipsch-reference-premier-rp-150m






































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 07, 2017, 11:32:51 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #461 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2014, 08:30:04 am »


จัดส่งขาตั้งคู่หน้า Z4 ไปสระบุรี
และจัดส่งขาตั้ง T8 สำหรับวางลำโพงทาวเวอร์ไปปทุมธานีครับ

ราคาขาตั้ง Z4: http://www.whatthatsound.com/product/408/stand-front-z4

ราคาขาตั้ง T8:
http://www.whatthatsound.com/product/153/stand-surround-tower-t-8













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 13, 2017, 10:13:59 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #462 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2014, 01:10:09 pm »


จัดส่ง Oppo UDP203 เครื่อเล่น Bluray 4K รุ่นใหม่ล่าสุด 2 เครื่อง (ถ่ายไว้เครื่องเดียว) ไปให้ลูกค้าที่เป็นนักเล่นในตำนานมือฉมังคนนึงแถวโบ๋โบ๋

--------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆได้ที่นี่: https://goo.gl/SsDVCY
--------------------------------------------------------------

นักเล่นท่านนี้ผมขอสงวนนามไว้เพื่อจรรยาบรรณของร้านค้าที่ดี  แต่ต้องบอกว่าแค่เห็นประตูทางเข้าห้องดูหนังของเค้า และราคาซิสเต็มที่ปาไปร่วมๆ 7 ้เกือบ 8 หลักก็ต้องร้องกรี๊ดและยอมใจ ยอมศิโรราบให้กับเสียงที่ใครเข้าไปฟังแล้วก็ต้องหูพัง หูเสีย กลับไปฟังชุดตัวเองลำบากไปอีกร่วมอาทิตย์

และเนื่องจากผมเองเป็นคนไม่ใช้เครื่องเล่นแผ่นทั้งหลาย จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมผมไม่ทำรีวิวพวกเครื่องเล่นทั้งหลายแหล่เลย   แต่ๆๆๆๆเรามีรีวิวแนวเสียง เทียบกับ Pioneer LX88 จากนักเล่นท่านนี้มาฝากกันด้วยครับ (ต่อไปนี้จะเป็นรีวิวที่ก๊อปมาจากกรุ๊ปไลน์ของเราเลย อิอิ)




Oppo UDP203 vs Pioneer LX88
-------------------------------------------------------------
เรื่องภาพ : อันนี้อาจจะใช้เป็นแนวทางได้หรือไม่แล้วแต่ระบบของแต่ละคน แต่ที่รู้สึกได้ oppo สว่างกว่านิดๆ ส่วน pi ก็ดำลึกกว่า เรื่องภาพ คงแล้วแต่ระบบและตาของแต่ละท่านครับ

เสียง : oppo ให้เบสที่อวบ กลมกว่า ปลายแผ่กว่า
Pi ให้เบสที่กระชับ ขึ้นลูก เบสจะเล็กกว่า oppo
เรื่องของเบสก็แล้วแต่ระบบว่ากำลังต้องการอะไร
เบสผมอยากได้ลูกอวบแผ่ของ oppo

บรรยากาศของเสียง : ผมชอบ pi88 มากกว่าอันนี้ตอบได้เต็มปาก เพราะ บรรยากาศของ pi ผมฟังแล้วชัดกว่า โอบล้อมตัวผมมากกว่า oppo

สรุป ผมอยากได้ เบสอวบ แผ่ แบบออปโป้ แต่อยากได้บรรยากาศโอบล้อมของ pi

เบสบ้านผมที่เคยโหด พอฟิตเจอริ่งกับน้องออปโป้เข้าไป ตอนนี้ มหาโหดกว่าเดิม แต่ก็ต้องแลกกับเสียง Srr ที่อาจจะชัดน้อยลงกว่าเดิม แต่ 203 โอเคครับ ผมชอบ เบสหนักดี 555
-------------------------------------------------------------------

ราคา Oppo UDP203: http://www.whatthatsound.com/product/505/oppo-udp-203







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 13, 2017, 10:36:56 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #463 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2014, 07:27:34 pm »

 
จัดส่ง Klipsch Sound bar RSB-6 ไปให้ลูกค้าที่บางกรวยไทรน้อยครับ ตัวนี้เป็น sound bar รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งออกมาเมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนที่เราได้ลองฟังเสียงก็ค่อนข้างทึ่งว่าเสียงพุ่ง และสดมากจริงๆ ดังมากด้วยถ้าเทียบกับว่า มันเป็นลำโพงซาวบาร์ตัวไม่ใหญ่ แต่เสียงคลุมห้องใหญ่ๆ เช่นห้องนั่งเล่น หรือห้องปาร์ตี้ ห้องโถงได้แบบสบายๆ

------------------------------------------------
อ่านบทความนีเต็มๆได้ที่นี่: https://goo.gl/ee9vO0
------------------------------------------------
 
แนวเสียง ก็ Klispch ละครับ เสียงเหมือนลำโพง Home Theater รุ่นพี่เค้า ทั้งสด ทั้งพุ่ง เบสหนัก กลางแหลมชัด เหมาะกับการดูหนังฟังเพลงแบบร๊อคๆเป็นอย่างยิ่ง
และรุ่นใหม่นี้ มี hdmi มาให้แล้วนะ โดยรุ่น RSB-6, RSB-8 จะให้ช่อง hdmi มา 1 ช่อง และ RSB-11, RSB-14 ให้มา 3 ช่อง
และแถม hdmi มาให้ในกล่อง


 
 
รวมถึงช่องต่ออื่นๆอย่าง optical, rca, bluetooth ก็ยังมีให้มาครบครันเช่นเดิมครับ
 
Sound bar เป็นลำโพงง่ายๆ ที่เหมาะกับคนง่ายๆ ไม่ต้องการยุ่งยากกับระบบ multi channels ที่เต็มไปด้วยลำโพง สายเต็มห้อง ปรีโปร avr เครื่องเคราเต็มไปหมด แต่ยังต้องการเสียงดีในระดับนึง และไม่ต้องการเสียงโอบล้อมรอบตัวอะไรมากมาย การใช้งานเหมาะกับคนทั้งบ้าน เปิดทีวีทีเดียวแล้วใช้งานได้เลย เสียงดีเลย ไม่ต้องปรับแต่งหรือต่อสาย เดินไปเปิดสวิทซ์อะไรกันให้ยุ่งยาก
 
ถ้าความต้องการคุณเป็นเช่นนั้น sound bar สามารถตอบโจทย์คุณได้ครับ
 
ราคา Klipsch RSB-6: http://www.whatthatsound.com/product/499/klipsch-rsb-6
 


 
วิธีการเชื่อมต่อก็ง่ายๆ ใครไม่เคยเล่นเครื่องเสียงก็สามารถต่อได้ง่ายๆด้วยตัวเองตามวิธีที่เราแนะนำ ตามด้านล่างนี้เลยครับ

------------------------------------------------------------------------------

1. สาย Optical ต่อกับทีวี: ใช้สาย Optical ต่อจากช่อง Audio out / Digital out / Optical put แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ วิธีนี้ง่ายที่สุดครับ ตอนนี้ไม่ว่าเสียงอะไรก็ตามที่วิ่งมาเข้าทีวีก็จะมาออกที่ Sound bar เราทั้งหมดไม่ว่าจะดูทีวี ดูละคร เล่น ps4, ดู dvd / bluray หรือเปิดคาราโอเกะก็ตาม

 2. สาย RCA ต่อกับทีวี:
ใช้สาย RCA (ขาว แดง) วิธีนี้สำหรับทีวีรุ่นเก่าๆที่มีช่อง Audio out แบบ RCA สองเส้น เราก็สามารถต่อจากช่อง Audio out แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ ได้เหมือนกันครับ ผลลัพธ์เหมือนกับวิธีแรกทุกประการครับ

3. HDMI 2.0 (4K Pass Through) ต่อกับอุปกรณ์เครื่องเล่นตรงๆ เช่น DVD / Bluray / PS4 หรือกล่องจานดาวเทียม ด้วยสาย HDMI  โดยเราจะเอาสาย Hdmi ต่อจากเครื่องเล่นของเราเข้ามาที่ Sound bar โดยตรงโดยไม่ผ่านทีวีเลย ข้อดีคือมีการสูญเสียน้อยที่สุด แต่ข้อเสียคือ ถ้าเรามีอุปกรณ์เครื่องเล่นๆหลายอย่าง เราอาจจะต้องคอยสลับสายกันวุ่นวายนิดหน่อยครับ

4. สตรีมมิ่งผ่าน Bluetooth กับโทรศัพท์ Iphone /Ipad / Android หรืออุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth โดยสามารถ connect เพื่อเปิดเพลงฟังโดยโดยที่ไม่ต้องต่อสายใดๆครับ

 5. ต่อกับคอมพิวเตอร์ ด้วย USB
ง่ายๆ ก็สามารถนำ Sound bar มาใช้กับคอมได้แล้ว

6. ต่อ Klipsch Play-Fi ด้วยแอปบนมือถือ (Klipsch Stream app) ก็สามารถเข้าถึงและเล่น content ต่างๆได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น Pandora, Tidal และ Internet Radio ได้หลากหลาย

7. สามารถทำ Multi room ได้ ด้วยฟังก์ชั่น Klipsch Stream Wireless Multi-Room System สามารถนำ Sound bar หลายๆตัวมาเชื่อมกันหลายๆห้อง และเล่นพร้อมๆกันแบบ Multi room แบบไร้สาย (RSB-8)

ความสามารถหลากหลายและอัดแน่นแบบนี้ กับราคาที่แทบจะไม่แตกต่างไปจากเดิมเลย และแน่นอนว่าเสียงยังแน่น และดุดันเช่นเดิมเหมือนที่รุ่นเก่าเคยทำไว้  นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีอีกตัวของตลาด Sound bar ที่ต้องพิจารณาครับ


























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 13, 2017, 11:24:48 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #464 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2014, 12:09:07 pm »

บรรยากาศจัดส่ง Klipsch THX Ultra2 ลำโพงที่ให้อะไรๆที่ลำโพงบ้านทั่วๆไปให้ไม่ได้



 
 
จัดส่ง Klipsch THX Ultra 2 ตัว LCR ไปให้ลูกค้าที่ย่านพุทมณฑลสาย 3 ครับ
 
ตัวที่จัดส่งไปเป็นลำโพงในตระกูล Klipsch THX Ultra 2 ที่ใช้เป็นสามตัวหน้า อันประกอบด้วย Left, Center, Right โดยลำโพงทั้งสามตัวจะใช้รหัส KL-650 แต่แตกต่างกันตรงที่รหัสต่อท้าย L ต้องใช้รหัส KL-650-L ส่วน R จะใช้ KL-650-R เพราะดอกจะหันหน้าไม่เหมือนกันครับ
 
วันนี้เราแค่เอาลำโพงมาส่งไว้ก่อน ยังไม่ได้จัดวางหรือปรับอะไร แค่แกะกล่องเช็คความเรียบร้อย ลองต่อให้เสียงออกเป็นอันจบ รอยกลำโพงตัวเก่าและหาขาตั้งมาจัดวางใหม่ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมวางลำโพงแบบนี้ เอาแค่มาวางและต่อลองเสียงให้ออกเฉยๆ ยังไม่ได้ทำอะไรกับชุดนี้ทั้งสิ้นครับ
 
   ซิสเต็มลูกค้ามีดังนี้
------------------------------------
  1. Power: Anthem MCA525
  2. Pre: Anthem MRX720
  3. LCR: Klipsch THX KL-650L/L/R
  4.Subwoofer: Klipsch R115SW
  5.Pioneer BDP-LX88

------------------------------------



 
ก็ต้องยอมรับไปตรงๆว่า Klipsch THX Ultra2 นั้นค่อนข้างอ่อนไหวและเสียงเปลี่ยนไปตามอุปกรณ์ที่เอามาต่อร่วมกันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ Pre และ Power ค่อนข้างมีผลมาก ส่วนเส้นสายนั้นผมไม่แนะนำให้ใช้ของแพง เพราะมันไม่ได้ต่างกันเยอะขนาดนั้น (ขอของมีคุณภาพมาตรฐานพอ และไม่ฟังแบบจับผิด)
ส่วนตัวผมฟัง Klispch THX Ultra2 จับกับแอมป์ต่างกันมาหลายชุด ก็ต้องบอกว่าเสียงมันจะเปลี่ยนไปตามอุปกรณ์สำคัญอย่าง AVR/Pre และ Power เป็นหลัก
มีตั้งแต่เสียงทึบจนนึกไม่ถึงว่าจะทึบได้ (ขอไม่เอ่ยอุปกรณ์)
ไปจนถึงเสียงกลมกล่อม หนักกำลังดี ดูหนังสนุก เสียงไม่จัดเกินไป (Anthem)
ไปจนถึงเสียงบาล้านดี ไม่หนัก ไม่แสบหู ฟังกำลังดี พอใช้ฟังเพลงได้ด้วย (Audyn)
ไปจนถึงเสียงดุดัน เฟี้ยวฟ้าว เบส กลางแหลม ประดังมาดั่งพายุดุดัน ไม่ประนีประนอม (Emotiva)
ก็แล้วแต่จะแมทชิ่งและเลือกใช้อุปกรณ์กันตามทุนทรัพย์และความชอบกันไป


 

ตัวนี้ลูกค้าอัพจากซิสเต็มเดิมที่เป็น Klipsch RP280F และ RC-64 ii ยังใหม่สดๆซิงๆสภาพ 100% เลยทีเดียว สภาพห้องอาจจะยังไม่เรียบร้อยสักเท่าไร่ ก็เอาเป็นว่าเดี๋ยวค่อยๆอัพ ค่อยๆปรับปรุง ค่อยๆจัดการกันไป
เนื่องจากลูกค้าท่านนี้ชอบดูหนัง และใช้ห้องร่วมกันกับลูกๆและภรรยา และนี่เป็นอีกกิจกรรมที่สร้างความสุข สร้างเสียงหัวเราะให้เจ้าของห้อง ให้คนในครอบครัวได้ แม้ห้องจะไม่ค่อยอำนวนเท่าไร่ แต่เจ้าของก็เลือกจะุลงทุนกับลำโพงและอุปกรณ์ที่ดีและคุณภาพสูง โดยเฉพาะเรื่องดูหนัง

อย่าลืมว่าลำโพงที่เน้นด้านนี้ บ้านเราก็มีอยู่แค่ 2-3 แบรนด์เท่านั้นที่ให้คุณภาพระดับการฟังที่แทบจะดีเทียบเท่าโรงภายพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็น M.., X..., และ Klipsch THX ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ทำได้ดีและมีแนวเสียงที่โดดเด่น ทั้งเรื่องความคมชัดของเสียงกลางแหลมที่ชัดมากเกินกว่าลำโพงบ้านทั่วๆไปจะทำได้
ทั้งความสด เบสที่หนักหน่วง อิมแพคที่รุนแรงในทุกๆย่านที่มาครบๆ ไม่ต้องเงี่ยหูฟัง รายละเอียดที่มาเยอะและไม่ประนีประนอมใดๆ จริงๆคุณภาพเสียงนั้นไม่แพ้เสียงในโรงหนังดีๆเลยทีเดียว
และนี่ก็เป็นจุดเด่นของลำโพงในตระกูล Klipsch THX Ultra2 ครับ
 


 
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายๆคนอาจจะคิดว่า ลำโพงตั้งแพง แต่ทำไมห้องไม่ค่อยเอื้ออำนวยกับลำโพงบ้าง ห้องเล็กไปบ้าง ลำโพงเกินหน้าห้องไปบ้าง การเซ็ทอัพยังไม่เรียบร้อยบ้าง ทำไมยังกล้าเล่นระดับนี้....
ก็ขอตอบแทนว่า เครื่องเสียงเป็นของเล่น เป็นงานอดิเรก เป็นของสะสม เป็นของที่ใช้ฟังคลายเครียด ใช้คลายเหงา ใช้เพิ่มความสุขยามอยู่บ้าน
แบบนี้ถ้าซื้อรถสปอร์ตมาแล้วเอามาวิ่งแต่ในกรุงเทพ ไม่ได้อัด ก็แสดงว่าใช้งานได้ไม่คุ้มค่าหรือเปล่า
หรือบางทีเราสะสมนาฬิกาแต่ไม่เคยเอาออกมาใส่ หรือสะสมกีตาร์แต่เล่นกีตาร์ไม่เทพ แบบนี้เรียกว่าไม่คุ้มหรือเปล่า

 
เราต้องการอะไรจากเครื่องเสียงกันมากไปกว่านี้เหรอครับ? เอามาโชว์ เอามาอวดเพื่อน เอามาแข่งกัน หรือเอามาเพื่อให้ใครหลายคนยอมรับว่าเสียงดี...
ถ้าเจ้าของจะซื้อลำโพงคุณภาพสูงแล้วเสียงมันแสดงศักยภาพออกมาได้ไม่ถึง 70% แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น?



 
จะมีอะไรสำคัญไปกว่า เจ้าของเค้าได้ใช้ ได้เปิดมันใช้งานบ่อยๆ ได้ตักตวงความสุขจากมันให้ตัวเองและครอบครัว
ถ้าเราซื้อมาแล้วต้องเอามาแข่งขันกันว่าห้องไหนเสียงดีกว่ากัน ห้องไหนเครื่องแพงกว่า จับผิดทุกกระเบียดนิ้ว
แบบนี้มีความสุขหรือ?
เสียงมันไม่ดี เซ็ทอัพยังไม่ถึง อนาคตเราก็เอามันมาเซ็ทให้มันดีได้ ไม่แน่ตอนที่ยังไม่เซ็ท เสียงมันอาจจะดีกว่าลำโพงตัวอื่นที่เซ็ทแล้วเสียอีก
หรือห้องมันไม่ค่อยเหมาะ อนาคตถ้าเจ้าของเค้ามีห้อง เค้าก็สามารถเอาลำโพงย้ายไปห้องใหม่ได้ อายุลำโพง passive มันอายุเกิน 10 ปีแน่นอน ไม่ได้ใช้แล้วหมดเปลืองไป
 
แต่ที่แน่ๆ Klipsch THX Ultra2 ถ้าได้ลองฟังแม้จะอยู่ภายใต้สภาพห้องที่ไม่ได้ดีเลิศหรือมีข้อด้อยหลายอย่าง เช่นห้องของคนปถุชนคนทั่วๆไป ห้องนั่งเล่น ห้องใหญ่มากๆ หรือห้องไม่ได้สัดส่วน หรือแม้แต่ห้องเล็ก (เช่นห้องผมเองก็ไม่ได้ดี)
ถ้าคุณมีโอกาศได้ฟัง คุณจะรู้ว่าถ้าเป็นเรื่องดูหนัง แม้ตัวลำโพงมันจะอยู่ภายใต้สภาพที่ไม่เหมาะสมหรือสมบูรณ์ แต่คุณภาพเสียงที่ได้แบบไม่ต้องไปปรุงแต่งหรือไปทำอะไรกับมัน เสียงมันก็ดีกว่าลำโพงซีรี่ย์อื่นในเกรด Home Audio ไปมาก
แล้วยิ่งถ้ามันได้เซ็ทอย่างเหมาะสม ได้อยู่ในสถานที่ที่เหมาะกับมัน มันจะไปได้ไกลถึงเพียงไหน?


 
 
ตรงนี้ไม่มีใครถูกหรือผิด อยู่ที่มุมมองในการเล่นเครื่องเสียงของคุณเองครับ ขึ้นอยู่กับความชอบ กำลังทรัพย์ และการใช้งานเป็นหลัก บางคนซื้อลำโพงเป็นแสนเอามาฟัง You tube ซะ 60-70% ก็มี
 
สิ่งสำคัญที่สุด โปรดจำไว้ว่าเราควรวัดคุณค่าของเครื่องเสียงที่ "เราชอบ" ไม่ใช่ "เสียงที่คนอื่นชอบ" อย่าให้ใครมาติ มาค่อนขอด มาฟังแล้วบอกเสียงไม่ดี แล้วไปซื้อตามเพื่อน ซื้อตามร้านแนะนำ แต่จงหาแนวเสียงแบบที่คุณชอบ เล่นตามเสียงที่ตัวเองชอบ และใช้งานมันให้มีความสุขและเปิดมันบ่อยๆ
 
เครื่องเสียงที่ไม่ได้เปิดแม้แพงเป็นล้านก็สู้เครื่องเสียงหลักหมื่นที่เปิดใช้งานทุกวันไม่ได้ครับ (ยกเว้นจะตั้งไว้โชว์ อิอิ)
 
 
ราคา Klipsch THX Ultra 2: http://www.whatthatsound.com/product/43/klipsch-kl-650-thx-front-left-right-speakers
 


























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 14, 2017, 10:47:36 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #465 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2014, 04:22:33 pm »
บรรยากาศติดตั้งชุด Klipsch Reference Premier + Anthem





เมื่ออาทิตย์ก่อนเราได้ไปส่ง Klipsch Reference Premier พร้อม AVR Anthem MRX520 พร้อมขาตั้งให้ลูกค้าที่แถวสายไหม  วันนี้เราเอารูปสวยๆ และชุดเครื่องเสียงที่พร้อมใช้งานหลังติดตั้งแล้วมาฝากให้ชมกันครับ

===================================
อ่านบทความนี้เต็มๆที่นี่:  https://goo.gl/Wu9Tdu
===================================


โดนชุดนี้ประกอบด้วย
----------------------------------------
   - AVR: Anthem MRX520
   - Front: Klipsch RP260F
   - Center: Klipsch RP450C
   - Surround: Klipsch RP150M
   - Subwoofer: Klipsch R110SW (ตัวนี้ของเดิมของลูกค้า)
และขาตั้ง S4 สำหรับวางเซอราวด์

----------------------------------------




โดยชุดนี้ลูกค้าตัดสินใจว่าจะใช้ Anthem MRX520 แทนที่จะเป็น Marantz 7011  เพราะลูกค้าตั้งใจว่าจะไม่ไป Atmos และไม่เพิ่มจำนวนแชนแนลมากไปกว่า 5.1 แล้ว  แต่จะเน้นและให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียงและแนวดูหนังที่ดุดันมากที่สุดครับ

ส่วนลำโพง Klipsch Reference Premier นั้นก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะมันออกแบบมาเพื่อดูหนังอยู่แล้ว  น้ำเสียงดุดัน และเช้ากันได้กับ Anthem ได้เป็นอย่างดี โทนเสียงหนา ดุ เบสเยอะ แต่ได้รายละเอียดกลางแหลม และการโอบล้อมและแยกแยะรายละเอียดที่ดีกว่า AVR ค่ายญี่ปุ่นอื่นๆ
เมื่อจับกับ Klipsch ที่ให้เสียงสด ชัด  ทำให้แนวเสียงที่ได้นั้น ยิ่งดุดัน ดูหนังดีและสนุกสะใจเป็นอย่างยิ่งครับ

ก่อนติดตั้งมีปัญหาเสียงเบสขึ้นไปอยู่บนชั้นสองหมด ความถี่ต่ำไม่ค่อยมี เหลือแต่กลางแหลม หลังจากติดตั้งและย้ายตำแหน่งซับวูฟเฟอร์ใหม่ ก็ช่วยให้ความถี่ต่ำให้อยู่ในจุดนั่งฟังได้ดีขึ้น  หลังจากนี้จึงแนะนำว่าให้ติดม่านยาวรูดมาปิดฝั่งซ้ายที่เป็นบันได เนื่องจากห้องนั่งเล่นไม่สมมาตรจะช่วยให้ห้องนั่งเล่นที่ไม่สมมาตรเสียงดีขึ้น




ราคา Anthem MRX520:
http://www.whatthatsound.com/product/434/anthem-mrx520

ราคา Klipsch RP260F: http://www.whatthatsound.com/product/13/klipsch-rp-260f

ราคา Klipsch RP450C:
http://www.whatthatsound.com/product/15/klipsch-reference-premier-rp-450c

ราคา Klipsch RP150M: http://www.whatthatsound.com/product/18/klipsch-reference-premier-rp-150m


















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 19, 2017, 08:00:07 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #466 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2014, 07:24:10 pm »
บรรยากาศจัดส่ง Kef LKS50 Wireless เสียงดีไม่ต้องง้อแอมป์




เมื่อวันก่อนเราได้มีโอกาสเอา Kef LS50 Wireless จำนวนสองคู่ สีขาว/ดอกทองแดง และสีดำ/ดอกน้ำเงินไปส่งให้ลูกค้าแถวดอนเมือง และสายไหมครับ  ตัวนี้ลูกค้าเอาไปฟังเพลงแบบจริงจังทั้งคู่
โดยส่วนตัวผมชอบสีดำ เพราะกลัวเลอะ และชอบสีดำเป็นการส่วนตัว

------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆได้ที่นี่: https://goo.gl/7VvSbi
------------------------------------------------------------

แต่พอแกะกล่องสีขาวออกมาดูแล้ว ต้องยอมใจกับความสวยของดอกสีทองแดงที่สีมันระยิบระยับ สวยงามมากๆ กราบเลยครับ แม้คนไม่ชอบสีขาว แต่พอเห็นตัวจริงแล้วก็ต้องยอมศิโรราบให้กับความงามของมัน
ปล. แต่สีดำก็สวยไม่แพ้กัน กินกันไม่ลงเลยจริงๆ แอบอยากจะเก็บไว้ทั้งสองสีมากๆๆๆ




ซึ่ง KEF LS50 เดิมทีนั้นเป็นลำโพงกึ่งบุ๊กเชลฟ์ กึ่งมอนิเตอร์ขนาดเล็กที่กวาดรางวัลมามากมายทั่วโลก  จะเห็นว่าแรกเริ่มเดิมที KEF LS50 ถูกผลิตขึ้นมาเป็นลำโพงแบบ passive ก่อน ....   นั่นคือ ต้องใช้แอมป์มาต่อเพื่อขับมัน (เมื่อ 2-3 ปีก่อนนั้นเป็นที่เลื่องลือมากเรื่องเสียงที่ดีและอ่อนไหวต่ออุปกรณ์ทุกชิ้นที่เอาเข้ามาในระบบ)

แต่ก็มีหลายๆคนที่ลองเล่นแล้วท้อ บางคนยอมแพ้เลิกและยอมขายทิ้งไป บางคนก็รู้สึกว่าเสียงทำไมมันไม่ดีเหมือนกับที่ไปลองฟังที่ร้านเลย (ว่ะ) ซึ่งนั่นก็เป็นจุดสำคัญอีกข้อนึงของ Kef LS50 นั่นคือ มันกินวัตต์มาก  และไม่ใช่แค่กินวัตต์ มันยังเลือกแอมป์อีกด้วย ไม่ใช่ว่าสักแต่จะเอาแอมป์กำลังสูงไปขับมันอย่างเดียว


 

คงจะมีใครที่คิดหาทางลัดด้วยการเอา power ดูหนังกำลังดีๆอย่าง Emotiva, Adcom ไปลองหวดมันแล้วคิดว่ากำลังดีซะอย่าง เสียงก็ต้องออกมาดีแน่นอน
แต่หลังจากลองแล้วก็อาจจะต้องรีบปิดและล้มเลิกความคิดแทบไม่ทัน เพราะเสียงมันไม่เอาอ่าวเลย   ดังนั้นคนที่จะไปถึงฝั่งฝันกับ Kef LS50 ได้นอกจากจะต้องเป็นคนพิถีพิถัน เลือกแอมป์ดีๆ int amp เจ๋งๆ เส้นสายก็สำคัญ ตำแหน่งก็สำคัญ แนวเพลงก็ไม่ใช่จะเน้นเบสกันโครมๆ เพราะลำโพงดอกเล็กนิดเดียว

ความท้อแท้สิ้นหวังเหล่านั้น บัดนี้ถูกแก้ปัญหาแล้ว ด้วย Kef LS50 Wireless รุ่นใหม่ ที่พกพากับความสามารถแบบล้นเครื่องดังต่อไปนี้


กำลังขับในตัวสูงถึง 200 วัตต์ต่อข้าง แยกขับ 200 วัตต์ class D ขับดอกวูฟเฟอร์เสียงต่ำ
และ 30 วัตต์ class AB แยกขับทวีตเตอร์เสียงแหลม ทำให้เสียงที่ได้นั้นละเมียดละไมสุดๆ แถมยังต่อซับได้อีก

ลองจินตนาการว่า Kef LS50 ตัวธรรมดาที่ขับยากแสนยากราคาร่วม 50,000 บาท และต้องซื้อแอมป์ระดับ 200 วัตต์คุณภาพสูงมาขับให้เสียงมันเพราะและต้องพิถีพิถันเลือกมันให้แมทชิ่งกับลำโพง LS50 ด้วยแล้ว
แค่คิดก็ต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่าแสนบาทเป็นแน่ครับ




และนี่คือ KEF LS50 ที่มาพร้อมกับแอมป์ในตัว (Active speaker) และพ่วงด้วยความเป็น wireless และรองรับฟังก์ชั่นทุกอย่างของ digital music แบบเต็มพิกัด เช่น

 - รองรับช่องต่อ usb type B กับ computer / notebook

 - รองรับช่อง digital optical เอาไว้ต่อกับอุปกรณ์พวกทีวี เกม (ps3, ps4)

 - รองรับ RCA Analog ไว้ต่อกับเครื่องเล่น cd, dvd, bluray, หรือเครื่องเล่นต่างๆ

 - รองรับ wireless 2.4 GHz Dual-band Wifi network

 - รองรับ Bluetooth 4.0 with aptX codec

 - รองรับช่องต่อสายแลน 10/100 Mbps RJ45 Ethenet

 - มีช่องต่อซํบวูฟเฟอร์ (Active Sub) เอาไว้ต่อซับเพิ่มคุณภาพเสียงเบสได้อีกด้วย (ต่อซับอะไรก็ได้ที่เป็น Active Sub)

 - สามารถใช้แอปรีโมทบน Smart Phone, ipad บน IOS ได้  เพิ่มลดเสียง สั่งการเปลี่ยนเพลง รับคำสั่งด้วยคำพูดได้ด้วย




Kef LS50 Wireless รุ่นใหม่นี้สามารถปลดล๊อคพันธนาการเก่าๆ แอมป์ราคาแพงๆ ที่ต้องหาซื้อมาขับ แต่รุ่นใหม่สามารถพาคุณโลกแล่นไปในโลกของเสียงดนตรี ได้ครบทุกอย่าง ทุกรูปแบบ ด้วยคุณภาพการฟังคุณภาพสูงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแอมป์อีกต่อไปว่า มันจะขับลำโพงไหวมั๊ย ขับได้กี่เปอร์เซนต์ เพราะ Kef LS50 Wireless ให้คุณภาพเสียงได้เต็มประสิทธิภาพของลำโพงที่มันจะให้ได้

ลองฟัง ลองใช้งาน ปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับเสียงเพลง ปล่อยตัวโน๊ตไหลไปรอบๆตัว ให้เวลามันผ่านไปช้าๆ และบรรจงเสพย์งานดนตรีที่ไพเราะจากลำโพงคู่นี้ Kef LS50 Wireless

มีให้เลือก 3 สี  ดำ / ขาว / เทา

ราคา Kef LS50 Wireless:  http://www.whatthatsound.com/product/487/kef-ls50-wireless-black

 













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 19, 2017, 10:06:24 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #467 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2014, 10:49:41 pm »


จัดส่ง SVS Soundpath ไปให้ลูกค้าที่บางแคครับ
ตัวนี้ลูกค้าเอาไปใช้รอง power
ซึ่งจริงๆตัว Soundpath นี้ไว้ใช้รองใต้ซับของ SVS และซับยี่ห้ออื่นๆเพื่อลดการแผ่ ลดเสียงรบกวนที่จะไปรบกวนตามฝ้าเพดาน หรือชั้นล่างได้ ช่วยให้เบสเก็บตัวเร็ว เบสต้นชัดขึ้น กระชับ หนักแน่นขึ้นครับ

ถ้านำไปใช้กับซับ SVS เองจะมีน๊อตให้สามารถใช้ไขเข้าไปที่ด้านล่างของซับได้เลย โดยต้องหมุนเอาตัวยางรองซับของเดิมออกก่อน แล้วเอาน๊อตและ Soundpath ตัวใหม่ใส่เข้าไปแทนที่ได้เลย
แต่ถ้าเป็นซับยี่ห้ออื่นก็แต่ใช้รองไว้ด้านใต้เฉยๆก็เพียงพอครับ

ราคา SVS SoundPath: http://www.whatthatsound.com/product/369/svs-soundpath












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 21, 2017, 05:34:51 pm โดย keamglad »