ผู้เขียน หัวข้อ: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Procella , SVS, Anthem, Parasound,Audyn  (อ่าน 330768 ครั้ง)

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #468 เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2014, 08:32:29 am »
บรรยากาศจัดส่งขาตั้งรุ่นใหม่สำหรับ Klipsch THX Ultra 2




จัดส่งขาตั้งสำหรับลำโพง Klipsch THX Ultra2 ไปให้ลูกค้าที่สั่งลำโพง LCR Klipsch THX รุ่น KL650 ครับ
ซึ่งเดิมทีห้องลูกค้า มีขนาดจำกัด และมีของเยอะ มีเด็กเล็ก จึงต้องการขาตั้งที่เล็กกระทัดรัด แข๊งแรง ปรับระดับได้เหมาะกับห้อง เพลทล่างต้องไม่ใหญ่เพราะพื้นที่วางน้อย และเพลทบนต้องพอดีและเหมาะกับลำโพง Klipsch THX Ultra 2 ด้วย

------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆได้ที่นี่: https://goo.gl/6G65dS
------------------------------------------------------------

หลังจากเอาไปติดตั้งที่บ้าน (เดิมวางกับพื้น) หน้าตาซิสเต็มก็ดูเรียบร้อยขึ้นเยอะ ดังรูป
และที่สำคัญที่สุด เสียงมิติ โฟกัส และรายละเอียดที่ดีขึ้นกว่าวางกับพื้น วางกับลัง หรือวางบนซับวูฟเฟอร์มากนัก (ถ้าวางบนซับนานๆด้วยความที่ซับวูฟเฟอร์พอทำงานที่ย่านความถี่ต่ำลึกๆ มันจะสั่นและทำให้ลำโพงหลักสั่นตามไปด้วย ซึ่งไม่ดีต่อลำโพงหลัก องศาก็เปลี่ยน และโฟกัสก็เพี้ยน)




โดยลำโพงรหัส KL650 นี้เป็นลำโพงที่ใช้ทำคู่หน้าและใช้ทำเซ็นเตอร์ในระบบ Home Theater เพียงแต่ในระบบเสียงของ series THX นี้จะใช้ลำโพงรหัสเดียวกันทั้งสามตัว นั่นคือ Klipsch KL650 โดยใช้ทำเป็น LCR (Left, Center, Right)

ซึ่งขาตั้งลำโพงรุ่นนี้ เป็นรุ่นพิเศษที่เราออกแบบ เหมาะสำหรับคนที่ไม่สะดวกและไม่ชอบแขวนลำโพงกับผนัง  กำหนดขนาดเพลทบน กำหนดความสูง กำหนดสเปกขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อใช้กับลำโพงรุ่น Klipsch KL650 โดยเฉพาะ โดยจะมีให้เลือกด้วยกันสองรุ่นนั้นคือ

1. LCR for Klipsch THX Ultra2 สำหรับคนที่ต้องการให้ขาตั้งทั้งสามตัวเป็นรูปแบบเดียวกันหมด โดยรุ่นนี้ออกแบบมาให้มีความสูงปรับระดับได้ตามชอบ 50-80 ซม. ซึ่งเพียงพอกับความสูงทั่วๆไปของคู่หน้าที่ดี (ควรให้ระดับทวีตเตอร์และดอกวูฟเฟอร์ตรงกับตำแหน่งหูฟัง) ซึ่งตามปกติห้องฟังที่เป็นโซฟาเบด หรือโซฟารูปตัวแอล หรือโซฟานั่งเล่น จะมีความสูงต่ำกว่าเก้าอี้ดูหนังโดยเฉพาะพวก Lazyboy พอสมควร ดังนั้นขาตั้งจึงออกแบบให้ลดระดับได้ต่ำถึง 50 ซม เพื่อรองรับสำหรับคนที่นั่งดูด้วยโซฟาเตี้ยๆ หรือนอนดูบนเตียงได้
แต่ถ้าใครใช้เก้าอี้ชมภาพยนตร์โรงหนังก็สามารถปรับสูงขึ้นได้สูงสุดถึง 80 ซมเช่นกัน
รุ่นนี้ใช้เสาแบบปรับระดับได้ถึงสองเสา เพลทบนขนาด 30*25 ซม.
เพลทล่างขนาด 25*25 ซม.




2.Center for Klipsch THX Ultra2 ตัวนี้ออกแบบพิเศษให้เพลทบนมีขนาดเท่ากับตัวลำโพง Klipsch KL650 พอดี และมีขนาดความสูงปรับระดับได้ตั้งแต่ 25-45 ซม. เพลทบนเป็นแบบเอียงลาดขึ้นเพื่อเชิดให้ตัวลำโพง ดอกทวีตเตอร์ฮอร์นพุ่งเข้าหูคนฟังมากที่สุด และหลบจอ pjt หรือหลบจอทีวี และเพื่อลดความเกะกะให้มากที่สุด รุ่นนี้ใช้สำหรับคนที่อยากให้ตำแหน่งเซ็นเตอร์ Center ไม่รบกวนจอ และเสียงพุ่งตรงเข้าหูตำแหน่งนั่งฟังได้มากกว่าปกติ
รุ่นนี้ขนาดเพลทบนเท่าขนาดลำโพง Klipsch THX KL650 : 43*29 ซม. มีกันตก
เพลทล่างขนาด 30*25 ซม.




ราคาและสเปก LCR for Klipsch THX Ultra2: http://www.whatthatsound.com/product/506/lcr-for-klipsch-thx-ultra2-by-whats-that-sound

ราคาและสเปก Center for Klipsch THX Ultra2: http://www.whatthatsound.com/product/507/center-for-klipsch-thx-ultra2-by-whats-that-sound


















































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 21, 2017, 06:20:38 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #469 เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2014, 02:02:52 pm »
จัดส่ง Pre Anthem AVM60 ไปให้ลูกค้าที่บางแคครับ



 
เดิมทีลูกค้าใช้ AVR Anthem MRX720 เป็น pre ต่อกับ power ผ่านทางช่อง Pre-out อยู่  วันนี้มีโอกาสเอา Pre AVM60 ที่เลื่องลือว่าให้บรรยากาศในการดูหนังที่ยอดเยี่ยม การแยกแยะรายละเอียดที่ดี และเบสที่ดุดัน แต่ยังให้โทนโดยรวมที่เป็นธรรมชาติน่าฟัง ไม่เทไปทางด้านใดด้านหนึ่งได้ดี
พร้อมกับก็เอา SVS Soundpath ติดไม้ติดมือไปฝากลูกค้าด้วยหนึ่งกล่อง พร้อมกับขนเอาขาตั้งลำโพง THX ไปให้ในทีเดียว  ขับทีเดียวได้ถึงสามต่อ อิอิ

โดยซิสเต็มลูกค้ามีดังนี้

-----------------------
Klipsch THX ultra2 KL650 (LCR)
Power Anthem MCA525
Pre Anthem AVM60
Subwoofer Klipsch R115Sw
Pioneer BDP-LX88





ถ้ายังจำกันได้ ห้องนี้เดิมทีลูกค้าใช้ Klipsch THX Ultra2 แต่ยังไม่ได้ติดตั้ง ยังไม่ได้จัดวาง  วันนี้เราขนขาตั้งไป จัดวางกันเรียบร้อย ต่อ Pre AVM60 แล้วก็ลองฟัง เซ็ทอัพนิดหน่อยๆ แล้วก็ให้เบิร์นไป พร้อมกับถ่ายรูปสวยๆมาฝากกันด้วยครับ

จะเห็นว่าห้องนี้ มีปัญหาหลักคือขนาดห้องที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก และห้องก็ไม่เป็นสมมาตร มีช่องเปิดด้านขวามือ และมีหน้าต่างด้านซ้ายกับด้านหลัง และแถมยังมีข้าวของเยอะ ใช้เป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอนด้วยเลยทำให้ไม่สามารถปรับหรือทำอะไรมากได้ครับ
แต่ข้อดีก็มีตรงที่ห้องนี้ไม่มีปัญหาอคูสติกเท่าไร่ เพราะด้วยความที่เป็นห้องนอน มีทั้งฟูก ทั้งหมอนทั้งอะไร เลยทำให้เสียงไม่ก้องและเก็บตัวดีพอสมควร

หลังจากต่อและทดลองฟังก็พบว่า AVM60 ทำหน้าที่ของมันอย่างที่เราคาดหวัง คือให้บรรยากาศในการดูหนัง ให้รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ การแยกแยะวัตถุต่างๆ แยกแยะตำแหน่งต่างๆได้ดีกว่า AVR MRX720 ค่อนข้างมาก

และที่น่าประทับใจคือ เราได้รายละเอียด ได้บรรยากาศเพิ่ม แต่ความดุดัน เบสก็ๆไม่ได้ลดน้อยถอยลงไปแต่อย่างใด หนำซ้ำเบสยังมีรายละเอียดและน่าฟังขึ้นด้วย

ซิสเต็มนี้ของลูกค้า เป็นชุดที่ใช้ทั้ง Power amp Anthem และ Pre Anthem จับกับลำโพงที่เสียงจัดจ้าน สะใจ และดีเทลจ๋าาาาาสุดๆอย่าง Klipsch THX Ultra 2




หากจะกล่าวว่า ว่ามันเป็น Prefect combination ก็ไม่เกินเลยแต่อย่างใดครับ .... เพราะด้วยโทนของ pre, power Anthem เองนั้นมีบุคลิกที่โดดเด่นและค่อนข้างแปลกด้วยความที่แอมป์ทั่วๆไป มันมักจะมีโทนเสียงไม่ไปทาง Bright ก็ไปทาง Warm  แต่ Anthem มันเหมือนกับจับข้อดีของแอมป์หลายๆตัวมารวม แล้วโทนเสียงที่ได้ไปทางดุดัน เบสหนัก แต่ไม่ทึบ  และขณะเดียวกันมันก็ให้รายละเอียดและดีเทลที่ดี โดยไม่สดเกินไปด้วย  
พอ pre, power มันค่อนข้างบาล้านซ์ออกมาดี  จับกับลำโพงที่มีดีในตัวอยู่แล้วอย่าง Klispch THX Ultra 2 มันเลยได้ทั้งบรรยากาศ ได้รายละเอียด ได้ความมันในการดูหนังที่ดีมากๆ โดยที่เสียงมันไม่สดจนเกินไปจนล้าหูแต่อย่างใดครับ

หากใครจะเล่นลำโพงแนวนี้ หรือเล่นลำโพง Klipsch เราแนะนำว่า AVM60 เป็นทางเลือกที่ดีที่ต้องพิจารณาเป็นลำดับต้นๆเลยครับ เพราะมันเข้ากันได้ดีมาก เสียงดูหนังมันสะใจ บรรยากาศเป็นเลิศ ทำได้ดีมากทั้งดูหนัง และฟังเพลงก็ยังโอเคด้วย


วันนี้หลังจากนั่งเก็บนู้นนี่นั่น จัดนู้นจัดนี้ และเซ็ทค่าอะไรเล็กๆน้อยๆให้ซิสเต็มนี้ก่อนที่จะปล่อยลูกค้าเบิร์นอินไปก่อน  ก็เก็บบรรยากาศสวยๆมาฝากกันเป็นห้องเล็กๆ อบอุ่น ใช้งานได้จริงทุกๆวัน  แม่จะไม่ใช่ห้องที่เสียงดีมาก หรือห้องที่เป็นเลิศจนขับศักยภาพของลำโพงออกมาได้จน 100% แต่มันก็ถือว่าเป็นซิสเต็มที่ดีอีกซิสเต็มนึง   ความคุ้มค้านั้นขึ้นอยู่กับคุณจะมอง ว่ามันจะคุ้มหรือไม่ หากจะรอว่าต้องมีห้องที่รีดประสิทธิภาพของลำโพงได้ 100% ก่อนถึงจะกล้าเล่นลำโพงที่เราชอบ หรือลำโพง Hi Performance แบบนี้เพราะกลัวว่ามันจะไม่คุ้ม อันนี้ก็เป็นมุมมองของแต่ละบุคคล




เพราะคนเรามีจุด และมุมมองในการจ่าย (Willing to pay)  ไม่เหมือนกัน บางคนจ่ายลำโพงเป็นแสนเป็นล้าน แม้ห้องจะถีบลำโพงได้แค่ 50-60% แต่เค้าก็ว่าคุ้ม บางทีมันรีดประสิทธิภาพได้ 50% แต่บางทีเค้าก็บอกว่า แค่นี้ก็พอใจแล้ว เสียงมันก็ยังดีกว่าเอาลำโพงรุ่นกลางๆมาขับแล้วเสียงมันก็ได้แค่ 50% อยู่ดี
เทียบกันแล้ว 50% ของลำโพง Hi Performance มันก็ยังดีกว่า 50% ของลำโพงรุ่นเริ่มต้น???  รึเปล่า??
และอีกประการคือ ลำโพง บางทีมันไม่ใช่แค่เรื่องของเสียง แต่บางทีมันเป็นเรื่องของ Brand เป็นเรื่องของ Emotion เป็นเรื่องของความรู้สึก อารมณ์ ความภาคภูมิใจในการได้ครอบครอง หน้าตา ความสวย การได้มองเห็นลำโพงที่ชอบ  ผิวลำโพงสวยๆ ดอกที่เนียนกริ๊บ  ทวีตเตอร์ส่องเป็นประกาย การได้ใช้ชีวิตในบ้านแล้วเห็นลำโพงที่ชอบในบ้านแบบนี้ บางทีมันก็เป็นความสุขของผู้ที่ได้ครอบครองมากกว่าเรื่องเสียงที่ต้องดิ้นรนถีบกันให้ถึงขีดสุดเสมอไป ก็มีนะครับ

แต่บางคนถ้าห้องไม่สามารถรีดประสิทธิภาพลำโพงได้ดีจริงๆ เค้าก็เลือกที่จะเล่นลำโพงแค่พอตัว ไม่แพง ระดับหลักหมื่นต้นๆหรือปลายๆพอ เพราะห้องไม่ดี ไว้รอเอาตังไปทุ่มที่ห้องแล้วค่อยซื้อมาลำโพงดีๆมาฟังทีหลัง  แล้วมีความสุขกับการเล่นมันทีหลังให้ได้เสียงที่ใกล้เคียงประสิทธิภาพเต็มที่ของมันก็มีเช่นกัน

อันนี้ก็ไม่ผิดแต่ประุการใด แล้วแต่แนวทางของแต่ละคน




แต่เราฝากไว้อย่างนึงว่า เล่นอย่างไรก็ตาม ไม่ผิด เอาที่เราชอบ เราสบายใจ จงอย่าหลอกตัวเองว่าเสียงแบบนี้เพื่อนบอกว่าดี หรือของชิ้นนี้ร้านบอกว่าเยี่ยม ให้สอยมาได้เลย แล้วมานั่งทนทุกข์และไม่ชอบมัน  อย่าลืมว่าเครื่องเสียง ไม่ใช่รถ เอามาติดตั้งแล้ว เพื่อนหรือคนขายไม่ได้มานั่งฟังหรือใช้งานกับคุณด้วย (ยกเว้นว่าคุณจะซื้อมาเอาไว้อวดหรือโชว์ลงหนังสือ)
ดังนั้นเลือกที่คุณชอบ ตัดสินใจเอง อย่าไปฟังใครจนมากเกินไป  อย่าให้ใครชักจูง  จงเลือกเสพย์และให้น้ำหนักหูและรสนิยมตัวเอง และให้น้ำหนัก รีวิว หรืออ่านบทวิเคราะห์ของ "คนใช้งานจริง" มากกว่า "ร้านขายของ" หรือ "เพื่อน"

ขอให้เล่นเครื่องเสียงอย่างมีความสุขและมีสติครับ  สุดท้ายฝากข้อคิดไว้ข้อหนึ่งว่า   "กิเลสระงับได้ด้วยการซื้อ"   เอ้ยไม่ใช่  "เครื่องเสียงเล่นที่เล่นแล้วมีความสุข ได้ใช้งาน ดูหนังฟังเพลง ย่อมคุ้มค่ากว่าซิสเต็มที่ไม่ได้ใช้ หรือมานั่งจับผิดครับ"




ราคา Klipsch THX KLUltra2: http://www.whatthatsound.com/category/9/klipsch/klipsch-thx-ultra-2

ราคา Anthem AVM60: http://www.whatthatsound.com/product/446/anthem-avm-60-2

ราคา Anthem MCA525: http://www.whatthatsound.com/product/441/anthem-mca525

ราคาและสเปก LCR for Klipsch THX Ultra2: http://www.whatthatsound.com/product/506/lcr-for-klipsch-thx-ultra2-by-whats-that-sound

ราคาและสเปก Center for Klipsch THX Ultra2: http://www.whatthatsound.com/product/507/center-for-klipsch-thx-ultra2-by-whats-that-sound






























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 21, 2017, 09:32:09 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #470 เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2014, 02:58:48 pm »



จัดส่งซับวูฟเฟอร์ Klipsch R115SW ไปให้ลูกค้าแถวสายไหมครับ เราเอาภาพสวยๆจากบ้านลูกค้ามาฝากกัน (3 รูปแรก)
โดยลูกค้านำไปใช้กับลำโพง GoldenEar ที่มีซับเล็กๆอยู่ในตัวลำโพงอยู่แล้ว  จึงต้องการหาซับไปวางเสริมความถี่ให้ครอบคลุมที่ด้านหลังแถวจุดนั่งฟัง  โดยตัว R115SW เป็นซับตู้เปิดที่แนวเสียง ไม่แผ่ และก็ไม่กระชับจนเกินไป เรียกว่ากลางๆ กำลังดี
แต่จุดเด่นก็คือ ให้พละกำลังมากมายเหลือเกิน  เนื้อเบสเยอะ แรงกระแทกสูง หนัก   

ถ้าใครกระหายเบส ต้องการปริมาณ ต้องการความมัน แรงปะทะ ตัวนี้ให้ได้แน่นอนครับ และสามารถนำไปใช้กับห้องกว้างๆได้ ด้วยความที่กำลังมันเยอะกว่าซับปกติทั่วไปมาก แถมดอกวูฟเฟอร์ขนาด 15 นิ้วของตัวนี้ก็ขับง่าย... ความไวสูง ให้พละกำลังและความดังที่เกินพอสำหรับห้องขนาดกลางขึ้นไป และที่สำคัญสามารถลงลึกได้ถึง 18 Hz

เกินจะพอสำหรับเราๆท่านๆที่ต้องการซับสักตัวหรือสองตัวไปไว้ใช้ดูหนังครับ  แค่นี้ก็เกินพอแล้วถ้าไม่ได้จับผิดหรือต้องการอะไรมาก เพราะราคากับคุณภาพที่ได้จากตัวนี้นั้น ขอยืนยันว่ามันเป็นซับที่ให้เบสดีที่สุดตัวหนึ่งในย่าน 3-4 หมื่นบาทครับ  (ถ้าคุณชอบบุคลิกของมัน)
ถ้าใครชอบซับมันๆ โหดๆ แผ่บ้างนิดหน่อย กระชับกำลังดี ไม่ห้วนเกินไป ตัวนี้เป็นอีกตัวเลือกที่ดีที่สุดอีกตัวนึงครับ

ราคา Klipsch R115SW: http://www.whatthatsound.com/product/3/klipsch-r-115sw

 















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 26, 2017, 10:23:21 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #471 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2014, 08:18:39 am »


วันนี้เราเอารูปและบรรยากาศสวยๆจากห้องของลูกค้าเราที่สั่ง SVS SB16 Ultra มาฝากกันครับ     อันนี้เป็นรูปที่ถ่ายตอนแกะกล่องและเพิ่งวางโดยยังไม่ได้ติดตั้ง และยังไม่ได้หาตำแหน่งใดๆ  เรียกว่าเพิ่งแกะกล่อง ก็ต่อทดลองฟังเสียงแล้วเอารูปสวยๆมาฝากกันเลย


โดยซิสเต็มลูกค้ามีดังนี้
---------------------------
Emotiva XPA5 gen2
Marantz 7702 mkii
Klipsch RF7 ii
Klipsch RC64 ii
Klipsch RS62 ii
SVS SB16 Ultra

---------------------------




ซิสเต็มนี้ลูกค้าเริ่มเก็บทีละชิ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว เริ่มตั้งแต่ลำโพงหลัก ไปจนเซ็นเตอร์ เซอราวด์ เดิมทีก็ใช้เพียงแค่ AVR Yamaha 3050 ขับ ตอนหลังก็เปลี่ยนเอา power มาขับจนกลับไปใช้ AVR เดิมๆไม่ได้แล้ว เพราะพละกำลังและสิ่งที่ได้จาก Power นั้นให้อะไรมากกว่าที่คิดเยอะ

ส่วน Pre ก็ขยับขยายมาเป็น 7702 mk ii ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เป็นงานอดิเรกและสิ่งที่เจ้าของทยอยเอาเข้าบ้าน ซึ่งก็เป็นความสุขที่ได้ใช้เวลาอยู่ในบ้าน โดยเฉพาะห้องนี้เป็นห้องดูหนังด้วย ห้องนอนไปด้วยในตัว แม้ห้องจะไม่อำนวยมากนัก แต่ก็ได้ฟังก์ชั่นการใช้งานที่สบาย  นอนดูไปด้วย เบื่อก็หลับ อยากดูก็ลุกมาดู  ซึ่งชุดนี้เป็นชุดที่ลูกค้าเอาไว้คั่นเวลาก่อนที่จะย้ายไปบ้านใหม่ที่เตรียมสร้างห้องดูหนังไว้เฉพาะ

จะว่าไปผมก็ชอบบรรยากาศการดูหนังในห้องนอนครับ มันผ่อนคลายกว่าเก้าอีเโรงหนังมาก ซึ่งส่วนตัวผมชอบการดูหนังที่มันเอกเขนก ผ่อนคลายบนเตียงหรือโซฟาเบดแบบตัว L หรือโซฟาเอนนอนมากกว่า   ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่รสนิยมใคร รสนิยมมัน  แต่ผมเคยมีห้องดูหนังในห้องนอนอยู่ห้องนึง  ซิสเต็มเล็กๆ
เวลาหน้าหนาว ตอนกลางคืน ปิดห้อง อากาสเย็นๆ ห้องมืดๆ ไฟสลัวๆจากจอ  นั่งดูหนังไป นอนพักไป บางทีเผลอหลับตื่นมาหนังก็เลื่อนวนไปเรื่อยๆ  ลุกขึ้นมาปิดแล้วมานอนต่อ

มันก็มีความสุขอีกแบบนะครับ 
บางทีเสียงดีที่สุดก็อาจจะไม่ตอบโจทย์ความสุขที่สุดก็ได้ ???





ราคา SVS SB16 Ultra: http://www.whatthatsound.com/product/480/svs-sb16-ultra

ราคา Klipsch RF7 II: http://www.whatthatsound.com/product/7/klipsch-rf-7-ii-black

ราคา Klipsch RC-64 II: http://www.whatthatsound.com/product/22/klipsch-reference-rc-64-ii-black
 































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 26, 2017, 10:57:37 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #472 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2014, 12:26:51 pm »



จัดส่ง Klipsch RSB-6 Soundbar รุ่นเล็ก ใหม่ล่าสุดของ Klipsch ให้ลูกค้าแถงประชาชื่นครับ (รูป Soundbar ใช้รูปแทนจากลูกค้าเจ้าอื่น)
ตัวนี้เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาแทนรุ่นเก่าอย่าง Klispch R10B, R20B  โดยเพิ่ม hdmi เข้ามาให้ ในกล่องแถมสาย hdmi มาให้หนึ่งเส้น
รุ่นใหม่มีทั้งหมด 4 รุ่น โดยแบ่งได้ 2 กลุ่มใหญ่ๆ ความแตกต่างกันมีดังนี้

RSB-6, RSB-8 เหมือนกันทุกอย่าง HDMI 1 ช่อง midrange *2, tweeter *2 , subwoofer 6.5"    แต่ RSB-8 มี DTS Play-Fi

RSB-11, RSB-14
เหมือนกันทุกอย่าง HDMI 3 ช่อง midrange *4 (Soundbar ยาวพิเศษ), tweeter *2 , subwoofer 8"  แต่ RSB-14 มี DTS Play-Fi

-----------------------------------------------------------------------------
ราคา Soundbar Klipsch : http://www.whatthatsound.com/category/7/klipsch/klipsch-sound-bar
-----------------------------------------------------------------------------




วิธีการเชื่อมต่อก็ง่ายๆ ใครไม่เคยเล่นเครื่องเสียงก็สามารถต่อได้ง่ายๆด้วยตัวเองตามวิธีที่เราแนะนำ ตามด้านล่างนี้เลยครับ
 

1. สาย Optical ต่อกับทีวี: ใช้สาย Optical ต่อจากช่อง Audio out / Digital out / Optical put แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ วิธีนี้ง่ายที่สุดครับ ตอนนี้ไม่ว่าเสียงอะไรก็ตามที่วิ่งมาเข้าทีวีก็จะมาออกที่ Sound bar เราทั้งหมดไม่ว่าจะดูทีวี ดูละคร เล่น ps4, ดู dvd / bluray หรือเปิดคาราโอเกะก็ตาม

2. สาย RCA ต่อกับทีวี: ใช้สาย RCA (ขาว แดง) วิธีนี้สำหรับทีวีรุ่นเก่าๆที่มีช่อง Audio out แบบ RCA สองเส้น เราก็สามารถต่อจากช่อง Audio out แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ ได้เหมือนกันครับ ผลลัพธ์เหมือนกับวิธีแรกทุกประการครับ

 3. HDMI 2.0 (4K Pass Through) ต่อกับอุปกรณ์เครื่องเล่นตรงๆ เช่น DVD / Bluray / PS4 หรือกล่องจานดาวเทียม ด้วยสาย HDMI  โดยเราจะเอาสาย Hdmi ต่อจากเครื่องเล่นของเราเข้ามาที่ Sound bar โดยตรงโดยไม่ผ่านทีวีเลย ข้อดีคือมีการสูญเสียน้อยที่สุด แต่ข้อเสียคือ ถ้าเรามีอุปกรณ์เครื่องเล่นๆหลายอย่าง เราอาจจะต้องคอยสลับสายกันวุ่นวายนิดหน่อยครับ

4. สตรีมมิ่งผ่าน Bluetooth กับโทรศัพท์ Iphone /Ipad / Android หรืออุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth โดยสามารถ connect เพื่อเปิดเพลงฟังโดยโดยที่ไม่ต้องต่อสายใดๆครับ

5. ต่อกับคอมพิวเตอร์ ด้วย USB ง่ายๆ ก็สามารถนำ Sound bar มาใช้กับคอมได้แล้ว

6. ต่อ Klipsch Play-Fi ด้วยแอปบนมือถือ (Klipsch Stream app) ก็สามารถเข้าถึงและเล่น content ต่างๆได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น Pandora, Tidal และ Internet Radio ได้หลากหลาย

7. สามารถทำ Multi room ได้ ด้วยฟังก์ชั่น Klipsch Stream Wireless Multi-Room System สามารถนำ Sound bar หลายๆตัวมาเชื่อมกันหลายๆห้อง และเล่นพร้อมๆกันแบบ Multi room แบบไร้สาย (RSB-8)


ความสามารถหลากหลายและอัดแน่นแบบนี้ กับราคาที่แทบจะไม่แตกต่างไปจากเดิมเลย และแน่นอนว่าเสียงยังแน่น และดุดันเช่นเดิมเหมือนที่รุ่นเก่าเคยทำไว้  นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีอีกตัวของตลาด Sound bar ที่ต้องพิจารณาครับ






















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 04, 2017, 07:32:54 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #473 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2014, 04:01:48 pm »


จัดส่ง Klipsch RSB-11 สองตัวไปนครนายกและชะอำ (ชะอำไม่ได้ถ่ายไว้)   
โดย RSB-11 เป็น Soundbar รุ่นใหญ่รองจาก RSB-14  แต่ spec ช่องต่อ และขนาดลำโพงทุกอย่างเหมือนกันทุกประการ ต่างกันเพียงอย่างเดียวคือ RSB-11 ไม่มี DTS-Playfi เท่านั้น

นอกเหนือจากนั้นไม่ว่าจะเป็น soundbar ขนาดยาวพิเศษ (midrange 4 ดอก) ซับวูฟเฟอร์ 8 นิ้ว  รีโมทแบบพิเศษต่างจาก RSB-6,8 และช่องต่อ hdmi มากถึง 3 ช่อง ก็ยังเหมือนกับรุ่นท๊อปอย่าง RSB-14 ทุกประการ  ดังนั้นรุ่น RSB-11 จึงกล่าวได้ว่าเป็นรุ่นสุดคุ้มที่คุ้มราคา สำหรับใครที่ไม่ต้องการฟังก์ชั่น DTS-Playfi จริงครับ

แนวเสียง Klipsch Soundbar ก็อย่างที่คุ้นเคยกัน และถ่ายทอดกรรมพันธ์ DNA มาจากรุ่นพี่อย่าง Klipsch Reference Premier ทุกประการ นั้นคือเร็ว สด เสียงชัด ดีเทล และเบสหนัก ใช้กับห้องโถง ห้องนั่งเล่น หรือห้องกว้างๆก็ได้ครับ เพราะให้เสียงที่ดังและชัดมากกว่า Soundbar ทั่วๆไปทีเดียว

ราคา Klipsch RSB-11: http://www.whatthatsound.com/product/502/klipsch-rsb-11




วิธีการเชื่อมต่อก็ง่ายๆ ใครไม่เคยเล่นเครื่องเสียงก็สามารถต่อได้ง่ายๆด้วยตัวเองตามวิธีที่เราแนะนำ ตามด้านล่างนี้เลยครับ
 ----------------------------------------------------------------------

1. สาย Optical ต่อกับทีวี: ใช้สาย Optical ต่อจากช่อง Audio out / Digital out / Optical put แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ วิธีนี้ง่ายที่สุดครับ ตอนนี้ไม่ว่าเสียงอะไรก็ตามที่วิ่งมาเข้าทีวีก็จะมาออกที่ Sound bar เราทั้งหมดไม่ว่าจะดูทีวี ดูละคร เล่น ps4, ดู dvd / bluray หรือเปิดคาราโอเกะก็ตาม

2. สาย RCA ต่อกับทีวี: ใช้สาย RCA (ขาว แดง) วิธีนี้สำหรับทีวีรุ่นเก่าๆที่มีช่อง Audio out แบบ RCA สองเส้น เราก็สามารถต่อจากช่อง Audio out แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ ได้เหมือนกันครับ ผลลัพธ์เหมือนกับวิธีแรกทุกประการครับ

3. HDMI 2.0 (4K Pass Through) ต่อกับอุปกรณ์เครื่องเล่นตรงๆ เช่น DVD / Bluray / PS4 หรือกล่องจานดาวเทียม ด้วยสาย HDMI  โดยเราจะเอาสาย Hdmi ต่อจากเครื่องเล่นของเราเข้ามาที่ Sound bar โดยตรงโดยไม่ผ่านทีวีเลย ข้อดีคือมีการสูญเสียน้อยที่สุด แต่ข้อเสียคือ ถ้าเรามีอุปกรณ์เครื่องเล่นๆหลายอย่าง เราอาจจะต้องคอยสลับสายกันวุ่นวายนิดหน่อยครับ

4. สตรีมมิ่งผ่าน Bluetooth กับโทรศัพท์ Iphone /Ipad / Android หรืออุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth โดยสามารถ connect เพื่อเปิดเพลงฟังโดยโดยที่ไม่ต้องต่อสายใดๆครับ

5. ต่อกับคอมพิวเตอร์ ด้วย USB
ง่ายๆ ก็สามารถนำ Sound bar มาใช้กับคอมได้แล้ว

6. ต่อ Klipsch Play-Fi ด้วยแอปบนมือถือ (Klipsch Stream app) ก็สามารถเข้าถึงและเล่น content ต่างๆได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น Pandora, Tidal และ Internet Radio ได้หลากหลาย

7. สามารถทำ Multi room ได้ ด้วยฟังก์ชั่น Klipsch Stream Wireless Multi-Room System สามารถนำ Sound bar หลายๆตัวมาเชื่อมกันหลายๆห้อง และเล่นพร้อมๆกันแบบ Multi room แบบไร้สาย (RSB-8)

ความสามารถหลากหลายและอัดแน่นแบบนี้ กับราคาที่แทบจะไม่แตกต่างไปจากเดิมเลย และแน่นอนว่าเสียงยังแน่น และดุดันเช่นเดิมเหมือนที่รุ่นเก่าเคยทำไว้  นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีอีกตัวของตลาด Sound bar ที่ต้องพิจารณาครับ






















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 04, 2017, 07:48:28 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #474 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2014, 07:11:50 pm »
Klipsch The Three ลำโพงสมัยใหม่ในคราบวินเทจสไตล์



 
ลำโพงวางหิ้งแบบ Active (มีแอมป์ในตัว) รุ่นใหม่ล่าสุด Klipsch The Three แค่หน้าตา เอามาวางตั้งในห้องรับแขกก็บ่งบอกรสนิยมและสะกดสายตาแขกไปใครมาให้หันมามองลำโพงหน้าตาวินเทจตัวนี้ได้แล้วครับ
และตัวนี้มาพร้อมกับหน้าตาแบบ vintage แต่พกความสามารถแบบลำโพงสมัยใหม่มาล้นตู้ ไม่ว่าจะเป็น

   - การเชื่อมต่อ Bluetooth
   - ช่องต่อ 3.5mm สำหรับต่อกับโทรศัพท์หรือคอม
   - ช่องต่อ Pre Phono สำหรับต่อเครื่องเล่นแผ่นเสียง
   - ช่อง USB สำหรับต่อกับคอม
   - ช่องต่อ RCA สำหรับต่อกับเครื่องเล่น cd/dvd/bluray
   - Wifi สำหรับเชื่อมต่อ DTS Play-fi สำหรับสตรีมมิ่งมิวสิคต่างๆ เช่น tidal, pandora, internet radio มีทั้งแบบเสียงเงินและฟรี และมีทั้ง lossless และแบบบีบอัด

 
 
ราคา Klipsch The Three: http://www.whatthatsound.com/product/508/klipsch-the-three




-----------------------------------------------------------
SPECIFICATIONS
 
MAX ACOUSTIC OUTPUT: 106dB (0.5M near field)
 
HIGH FREQUENCY DRIVERS: 2 x 2 1/4” (57.15mm) full range drivers
 
SUBWOOFER: 5.25” (133.4mm) long-throw woofer
2 x 5.25” (133.4mm) dual opposed passive radiators
 
ENCLOSURE TYPE: sealed

POWER

60 watts continuous @ <1% THD
80 watts short-term peak power
 
FREQUENCY RESPONSE: 45Hz ~20kHz @ -3dB
 
INPUTS
Bluetooth®, 3.5mm miniplug (analog), Phono pre-amp / RCA analog, USB Type B, Wi-Fi (for DTS Play-Fi)
 
OUTPUTS: none
 
DIMENSIONS (WxHxD): 13.7” (34.82cm) x 7” (17.78cm) x 8” (20.3cm)
 
FINISH OPTIONS: Walnut Ebony
 
VOLTAGE: 110/240 VAC
 
WEIGHT: 10.32lbs (4.7kg)
 
INCLUDED ACCESSORIES
3.5mm aux cable, USB Type B to USB Type A cable,
Wireless Remote Control, Power Cord




























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 04, 2017, 10:35:32 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #475 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2014, 09:39:36 pm »


จัดส่งลำโพงเซอราวด์ Klipsch THX Ultra 2 KS525 และ Poweramp Emotiva XPA5 Gen2 กำลังขับ 200 วัตต์ * 5 แชนแนล และสาย Increcable 6N OFHC ให้ลูกค้าที่บางแค

โดยซิสเต็มลูกค้าค่อยๆทยอยสะสมทีละชิ้นมีดังนี้
  Pre Anthem AVM60
  Power Anthem MCA525
  Power Emotiva XPA5 Gen2
  Klipsch THX KL650 * 3
  Klipsch THX KS525
  Subwoofer Klipsch R115SW


ตัวนี้ผมได้มีโอกาศฟัง Emo กับชุด Klipsch THX ก็ต้องบอกว่า มันเปิดรายละเอียดกลางแหลม เบสออกมามันสะใจดี ซึ่งผมชอบสไตล์เสียงแนวนี้และคิดว่ามัน match กันมาก

จริงๆส่วนตัวผมค่อนข้างลุ้นและอยากให้มีคนเอา Emotiva เข้ามาทำตลาดจริงๆจังๆเสียที (เอามาแบบเป็นตัวแทน) หรือหิ้วก็ได้แต่ไม่บวกราคาแบบบ้าเลือด สาเหตุเพราะมันเป็น poweramp ราคาย่อมเยาว์ และคุณภาพดีมากๆจริงๆ
คือมันจะโฆษณาว่าเป็น Poweramp สำหรับลำโพง cinema ยังได้เลย เพราะกำลังที่ดีมาก และแนวเสียงของมันเหมาะกับลำโพงแนวนี้อย่างยิ่ง (เหมาะดูหนัง)



สด มัน สะใจ รายละเอียดกลางแหลมเยอะ ชัดเจน บุคลิกแบบนี้เหมาะกับคนที่ชอบดูหนัง และแน่นอนว่าบุคลิกแบบนี้ก็ย่อมต้องมีคนไม่ชอบและเกลียดเสียงแนวนี้ เพราะเสียงมันจัดไป ไม่ถูกหูสำหรับขาละมุนและชอบแนวธรรมชาติแบบ flatๆ
ซึ่งในบ้านเรา Poweramp ที่ขายๆกันอยู่ไม่มีตัวไหนเลยที่ให้แนวเสียงแบบนี้ ถ้าไม่ทึบไปเลย ก็แหลมเบสบางไปเลย (ไม่เอ่ยชื่อ) ซึ่งมันก็แมทชิ่งลำโพงยากไปนิด
แต่ emo นี่จับกับลำโพงอะไรก็ร๊อคขึ้นอีก 50%

ซึ่งสายการผลิตของ Emo นั้นทำมา 3 generation แล้ว นับตั้งแต่
Gen1, Gen2, Gen3
ก็ตอนนี้ใครจะหาเก็บไว้ใช้งานในห้องดูหนังก็ต้องบอกว่าเสียงของทั้งสามเจนนั้นค่อนข้างต่างกัน




Gen1: เสียงสด จัด ชัด แหลมพุ่งมากที่สุด ดูหนังมันที่สุดแต่ข้อเสียคือเสียงติดแห้งและแข๊งไป และคนชอบเอาไปโมมากที่สุด เพราะมันถูก และโมแล้วขึ้น โมแล้วเสียงดี (ผมมีอยู่ตัวนึงที่โมแล้ว เออเสียงมันดีจริง เทียบอีกตัวที่ไม่โมเสียงจะแห้งๆแข๊งๆขึ้นขอบ) ถ้าจับกับ Klipsch นี่ยิ่งกว่าคำว่าร๊อค ราคาขายมือสองในบ้านเราต้องบอกว่าถูกยังกับ..... แต่คุณภาพดีกว่า power ราคาย่อมเยาว์บางยี่ห้อที่นิยมเล่นกันมากนัก

Gen2: เสียงสด จัด ชัด แหลมพุ่งน้อยลงกว่า gen1 เพราะใช้อุปกรณ์เปลี่ยนไป เสียงสมดุลมากขึ้น ฟังง่ายขึ้นนิดนึง แต่บุคลิกยังมันและดูหนังสนุก หน้าตาดูไฮโซขึ้น สวยขึ้น จับกับลำโพงได้ทุกประเภทง่ายขึ้น แต่ข้อเสียคือความมันสุดๆแบบ gen 1 มันหายไปนิดนึง (ไม่โหดเท่า) ราคาขายในบ้านเรามือสองก็ไม่แพงเลย

Gen3: เสียงมาแนวออดิโอมากขึ้น มีความเป็นดนตรีมากขึ้น ความสด มันลดหายไปอีกพอสมควร และที่สำคัญราคาอัพขึ้นเยอะพอสมควร และได้ข่าวว่าตัวแอมป์มีปัญหาจี่กับไฟบ้านเราพอสมควร ไม่รู้เป็นทุกเครื่องมั๊ย

ส่วน Klipsch THX KS525 เป็นลำโพงเซอราวด์แบบไบโพลที่ทำดอกแบบสองหน้า คล้าย Klipsch RS52 ii, RP250S ซึ่งผมเคยฟัง RP250S, RS52ii ที่มีขนาดดอกเท่ากันมาแล้ว และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องใช้ลำโพงเซอราวด์ THX ด้วย .. เพราะเซอราวด์คงไม่ต่างกันมาก ฟังไม่ออกม้างงงงงงงงงงงง 555
แต่หลังจากเราเอา RP250S ออก (ในห้องฟังเราเอง) และเอา KS525 มาแทน ผมก็ไม่คิดจะเอา RP250S กลับมาใช้อีกเลย เพราะทุกสิ่งที่คิดว่า RP250S ทำได้ดีแล้ว แต่ KS525 มันทำได้ดีกว่าทุกอย่าง ทั้งรายละเอียดเสียง ทั้งการให้เสียงโอบล้อมและบอกรายละเอียดว่าอะไรเกิดขึ้นตรงไหนได้ดีกว่า ไม่ใช่ทุกเสียงนั้นเกิดขึ้นที่ด้านหลังและพุ่งเข้าหูเราหมด




ซึ่งสรุปก็คือถ้าคุณใช้ลำโพงสามตัวหน้า LCR อะไร หากเป็นไปได้ถ้าใช้ลำโพงเซอราวด์ในซีรี่ย์ของมันเอง ให้แนวเสียงมันแมทกันได้
ก็จะยิ่งดีครับ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ขอเน้น LCR ควรต้องเป็นซีรี่ย์เดียวกัน แล้วเสียงมันจะเซ็ทและให้เสียงออกมากลมกลืนและดีกว่าใช้ต่างยี่ห้อ ต่างซีรี่ย์

ราคา Klipsch THX: http://www.whatthatsound.com/…/9/klipsch/klipsch-thx-ultra-2

ราคา Anthem AVM60: http://www.whatthatsound.com/product/446/anthem-avm-60-2

ราคา Anthem MCA525: http://www.whatthatsound.com/product/441/anthem-mca525




































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 05, 2017, 04:23:11 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #476 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2014, 08:44:26 am »
บรรยากาศจัดส่ง Klipsch The Three ลำโพงใน Series Heritage ร๊อคในคราบของวินเทจ




-------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆได้ที่นี่: https://goo.gl/jyNcFq
-------------------------------------------------------------

วันก่อนมีโอกาศจัดส่งลำโพง Active Wireless ในซีรี่ย์ Heritage ของ Klipsch ไปให้ลูกค้าที่จังหวัดภูเก็ต (ส่งด่วนวันเดียวถึง)
โดย The Three เป็นลำโพงรุ่นใหม่ล่าสุดสดๆร้อนๆ ที่ออกแบบมาเป็น Active Speaker ในดีไซน์ stereo tabletop  เป็นลำโพงแบบตัวเดียว แต่ภายในใช้ดอกลำโพงแบบฟูลเร้นจ์ 2.25 นิ้ว 2 ดอก และวูฟเฟอร์เสียงต่ำแบบช่วงชักยาว (Long throw) ขนาด 5.25 นิ้ว
ใช้แอมป์ในตัวแบบ bi-amp กำลัง 60 watts ต่อเนื่องและ 80 watts peak
ให้พละกำลังดังสูงถึง 106 dB

ซึ่งตัวนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากลูกค้า ถ่ายรูปตอนแกะกล่อง และรูปสวยๆมาฝากกัน โดยตัวที่ส่งไปเป็นสี Ebony ซึ่งต้องบอกว่าสีดูคลาสสิคและดูเก๋ามาก ชนิดที่เรียกว่าเดินเข้าไปในบ้าน ถ้าเห็นลำโพงตัวนี้ตั้งอยู่บนโต๊ะ และเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องเครื่องเสียงมาก่อน ต้องคิดว่าลำโพงตัวนี้ต้องเป็นแบบไฮเอ็นท์ราคาแพงระยับ หรือเป็นลำโพงวินเทจที่สร้างมานานหลายสิบปีแล้วแน่ๆ  ด้วยหน้าตาที่ดู Old school ดูเก๋า ลุคโบราณจริงๆ แต่ด้วยวัสดุไม่ว่าจะเป็นผิวลายไม้แท้ และลูกบิดหมุนสีทองสีสด มันทำให้ดูเนี๊ยบและผสมความโมเดิรน์ลงไปบางๆ จนลงตัวและสวยแบบร่วมสมัยจริงๆ




แนวเสียงของ the Three ก็มาตามสไตล์ลำโพงรุ่นพี่อย่าง Klipsch Reference Premier นั่นคือเบสหนัก กระชับ ค่อนข้างเหมาะกับการฟังเพลงแนวสนุกสนาน

และขออนุญาติเอารีวิวสั้นๆจากลูกค้ามาลงให้อ่านกันครับว่าตัวนี้แนวเสียงเป็นเช่นไร




ปล. ลำโพงมีสองสี Walnut และ Ebony

โดย Walnut เป็นสีโปรโมท สีอ่อนโทนสว่าง เหมาะกับตั้งในห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์ออกแนวโทนไม้ โทนสว่าง ดูสว่างตาและดูโทนสมัยใหม่กว่า

ส่วนสี Ebony จะเป็นลายไม้สีเข้ม ให้ฟีลคลาสสิคและอารมณ์ oldie มากกว่า มีอายุ ดูเก๋า และดูสบายตา ดูได้นานกว่า Walnut ไม่เบื่อ  และเหมาะกับห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์โทนเข้ม หรือต้องการคุมโทรห้องให้เข้ม ดูเก่า และคลาสสิค (ให้อารมณ์ไม้เก่าๆ เข้มๆเหมือนไม้ในบ้านไทย)




Klipsch The Three สามารถเชื่อมต่อได้หลายแบบ

--------------------------------------------------
  - การเชื่อมต่อ Bluetooth
  - ช่องต่อ 3.5mm สำหรับต่อกับโทรศัพท์หรือคอม
  - ช่องต่อ Pre Phono สำหรับต่อเครื่องเล่นแผ่นเสียง
  - ช่อง USB สำหรับต่อกับคอม
  - Wifi สำหรับเชื่อมต่อ DTS Play-fi สำหรับสตรีมมิ่งมิวสิคต่างๆเช่น tidal, pandora, internet radio มีทั้งแบบเสียงเงินและฟรี และมีทั้ง lossless และแบบบีบอัด

--------------------------------------------------

ราคา Klipsch The Three:
http://www.whatthatsound.com/product/508/klipsch-the-three






































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 11, 2017, 09:24:58 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #477 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2014, 02:14:49 pm »





 จัดส่ง Klipsch R15M ลำโพงบุ๊กเชลฟ์ในซีรี่ย์ Reference (คนละรุ่นกับ Reference Premier)  ไปให้ลูกค้าที่ปทุมธานี (ลูกค้าเอาไปทำ Front high)
โดยตัวนี้เป็นรุ่นเริ่มต้น ราคาประหยัดมาก เหมาะสำหรับคนหาลำโพงราคาย่อมเอาไว้ใช้ดูหนังฟังเพลงสบายๆเพลินๆ แนวเสียงต่างกับ Reference Premier ตรงที่ตัว R15M จะเสียงโทนอุ่นๆ หนาๆ และไม่พุ่ง ไม่สดเท่า RP ครับ

ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับคนไม่ชอบเสียงสดจัด ใช้ฟังเพลินๆ ในระบบ 2 ch  หรือใช้ทำ Atmos  หรือทำ Sr ทำ front high ในระบบดูหนังก็ใช้ได้ ราคาย่อมเยาว์และคุ้มค่าตัวนึงครับ




ลำดับซีรี่ย์ของ Klipsch เผื่อใครมือใหม่ศึกษาไว้เรียงจากต่ำไปสูง

 - Klipsch Home theater set เช่น Quintet V, HDT600
 - Klipsch Reference
 - Klipsch Reference Premier มาแทน Reference II
 - Klipsch THX Ultra2


นอกจากนั้นยังมี
- Klipsch Palladium
 - Klipsch Sound bar ตระกูล RSB
 - Klipsch Heritage เช่น The Three, Cornwall
 - Klipsch กลุ่มหูฟัง



ราคา Klipsch R15M: http://www.whatthatsound.com/product/171/klipsch-reference-r-15m












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 11, 2017, 09:49:48 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #478 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2014, 05:00:50 pm »


จัดส่ง Cerwinvega XD5 ลำโพง Active (หรือลำโพงคอมนั่นแหละ) ไปให้ลูกค้าที่ตลิ่งชัน

โดยตัวนี้ต้องบอกว่าเป็นลำโพงแบรนด์อเมริกันแท้ๆ ที่มาตอบโจทย์คนยากจริงๆ เหมาะสำหรับคนต้องการเล่นลำโพงแบบง่ายๆไม่ต้องใช้แอมป์ ต่อกับคอมป์ ต่อกับเครื่องเล่นโดยตรง เล่นง่ายๆ ราคาย่อมเยาว์มากกกกกที่สุดใน 3 โลกจนไม่คิดว่าเป็นลำโพงอเมริกัน

ตัวนี้แนวเสียงก็เป็นแบบอเมริกัน เบสเยอะ ฟังสนุกๆ ให้ความคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไป

ราคา Cerwinvega: http://www.whatthatsound.com/product/181/cerwin-vega-xd5












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 11, 2017, 10:05:17 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #479 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2014, 08:11:14 pm »


จัดส่ง ซับ Klipsch R110SW ซับวูฟเฟอร์ร่นเล็กรุ่นยอดนิยม ราคาเป็นมิตรไปให้ลูกค้าที่บางใหญ่

สำรับมือใหม่ มือระดับเริ่มต้น หรือใครที่งบน้อย คิดไม่ออกว่าจะหาซับดูหนังแนวดุๆอะไรดี ก็แนะนำตัวนี้เลยครับ คุณสมบัติเทียบกับราาแล้วยืนยันว่าคุ้มที่สุด

ราคา Klipsh R110Sw:
http://www.whatthatsound.com/product/5/klipsch-r-110sw







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 15, 2017, 06:56:38 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #480 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2014, 04:21:12 pm »


จัดส่ง sound bar Klipsch RSB-11  ไปส่งให้ลูกค้าถึงหน้าบ้านแถวบางใหญ่ครับ ตัวนี้จัดส่งแบบด่วนสั่งของแล้วส่งภายในหนึ่งชั่วโมงครับ
ตัวนี้เป็น Sound bar ตัวใหม่ล่าสุดรุ่นรองท๊อป สดๆซิงๆที่เพิ่งออกจำหน่าย โดยมีด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกันคือ

RSB-6 : เสียงกลาง 2.5" สองดอก ซับวูฟเฟอร์ขนาด 6.5"  hdmi  x 1

RSB-8
: เสียงกลาง 2.5" สองดอก ซับวูฟเฟอร์ขนาด 6.5" รองรับ Play-Fi   hdmi  x 1

RSB-11
: เสียงกลาง 2.5" สี่ดอก ซับวูฟเฟอร์ขนาด 8"   และซาวด์บาร์เป็นแบบยาว สำหรับทีวีขนาดใหญ่ 50 นิ้วขึ้นไปโดยเฉพาะ  hdmi  x 3

RSB-14 : เสียงกลาง 2.5" สี่ดอก ซับวูฟเฟอร์ขนาด 8" รองรับ Play-Fi  และซาวด์บาร์เป็นแบบยาว สำหรับทีวีขนาดใหญ่ 50 นิ้วขึ้นไปโดยเฉพาะ   hdmi  x 3

จะสังเกตว่า RSB-6 และ RSB-8 นั้นสเปกเหมือนกัน ทุกอย่าง ซับวูฟเฟอร์ก็เหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ RSB-8 จะรองรับ Play-fi

และ RSB-11 และ RSB-14 ก็เหมือนกันเช่นกัน ซาวด์บาร์ขนาดยาวพิเศษ ซับขนาด 8 นิ้ว แต่ RSB-14 จะรองรับ Play-Fi

ดังนั้นใครที่ไม่ได้ต้องการใช้ playfi สำหรับเล่นเพลง หรือว่า่มี account ของพวกบริษัทบริการเพลงออนไลน์ทั้งหลายเช่น spotify ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงเพื่อเล่นตัวท๊อปครับ  เพราะ rsb-11, rsb-11 นั้นเหมือนกันทุกอย่าง ต่างกันแค่ play-fi  และ rsb-6, rsb-8 ก็เหมือนกันทุกอย่างเช่นกัน

ราคา Klipsch RSB-11: http://www.whatthatsound.com/product/502/klipsch-rsb-11














« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 15, 2017, 06:52:34 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #481 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2014, 07:17:25 pm »


จัดส่ง Kef Egg (สีขาว) ไปให้ลูกค้าที่เพชรบูรณ์ครับ (ส่งขนส่งเอกชน)  ซึ่งตัวนี้ต้องบอกว่า ใครที่ชอบฟังลำโพง active หรือลำโพงคอม  อย่าได้ดูถูกว่ามันเป็นลำโพงตัวเล็กๆธรรมดาเด็ดขาด  เพราะเสียงของมันนั้นถ้าใครได้ฟังแล้วจะต้องตกใจ เพราะเสียงของ Kef ให้เสียงที่มีความเป็นดนตรีสูงมากๆ  แยกแยะจังหวะจะโคน และถ่ายทอดตัวโน๊ตได้ดี  ถ้าใครชอบฟังเพลงที่มีบรรยากาศความเป็นดนตรีดีๆ  เพลงเพราะๆ  ไม่ว่าจะเป็นแนว pop, jazz, vocal ตัวนี้ทำได้ดีมากๆโดยเฉพาะย่านกลางแหลม ที่ใส สะอาดจริงๆ ฟังแล้วติดใจครับ 
ถ้าถามว่าแนวเสียงเป็นยังไง ก็ต้องตอบว่าแนวเสียงแบบ Kef เลย ถายทอดกรรมพันธ์แนวเสียงมาจากรุ่นพี่อย่างรุ่น R-Series  แต่ย่อส่วน และใส่แอมป์เข้ามาทำให้ใช้ง่าย เสียงสะอาดมากๆ  ถ้าใครชอบแนวนี้บอกเลยว่าตอบโจทย์   

ปล. แนวเสียงเบสจะไม่ร๊อคและหนักมาก แต่จะเน้นใส สะอาด กระชับ และเสียงละเอียด ชัด เหมาะกับดนตรีที่เน้นรายละเอียดและฟังแบบผ่อนคลายครับ

ปล2. รูปประกอบลำโพงและนางแบบจากต่างประเทศ  credit: http://www.e-zone.com.hk/ , https://contentparty.org/r/699f7aff2b4e87830946c2d809bcd26d




KEF EGG มาให้เลือก 3 สี ดำ ขาว น้ำเงิน ที่มาด้วย Concept "One System For Every Use" สามารถต่อฟังเพลงแบบ Wireless  / High Resolution Sound หรือต่อกับทีวี คอม โทรศัพท์ โน๊ตบุ้กก็ได้อย่างง่ายๆ
และตัวนี้ยังเป็น Active Speaker ที่ไม่ต้องใช้แอมป์อะไรมาต่อพ่วงให้ยุ่งยาก และยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นต่างๆมากมาย อาทิเช่น

--------------------------------------------------------------------------
 - รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 4.0 แบบ aptX

 - มี DAC, 96kHz/24-bit ในตัว รองรับการฟังเพลง high Resolution

 - รองรับ mini USB input สามารถต่อกับคอม โน๊ตบุ้ก หรืออุปกรณ์ต่างๆได้

 - รองรับการเชื่อมต่อสาย Optical ทำให้สามารถใช้เป็นระบบเสียงแทนลำโพงทีวีได้เลย (ด้วยตัวที่เล็กทำให้วางข้างทีวีแล้วไม่เกะกะและเสียงยังดีอีกด้วย)

 - รองรับการเชื่อมต่อผ่านสาย Aux 3.5mm เชื่อมต่อกับอุปกรณ์คอม โน๊ตบุ้กได้อย่างง่ายดาย

 - รองรับการเชื่อมต่อ Subwoofer เพื่อเพิ่มความหนักแน่นในย่านเสียงต่ำให้มากขึ้นไปอีกสำหรับใครที่เน้นการฟังเพลงดูหนังหนักๆ
--------------------------------------------------------------------------




เรียกว่าเจ้า Kef Egg  ตัวนี้แทบจะเป็น Universal Speaker system ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันแทบจะทุกๆอย่างในดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ต่อคอม เชื่อมต่อแบบไร้สายกับ Iphone, Ipad และถ้ายังไม่หนำใจก็เอา subwoofer มาต่อเพิ่มให้มันร๊อคกันเพิ่มขึ้นได้อีกด้วยนะ

เรื่องเสียงนั้นไม่ต่องห่วง เห็นตัวเล็กๆแบบนี้อย่าดูถูกว่าจะเสียงเล็ก เพราะใช้เทคโนโลยี UNI-Q อันเลื่องชื่อที่สืบทอดมาจากลำโพงรุ่นใหญ่สุด  ดังนั้นเสียงจึงลื่นไหล กลมกลืนและเหมาะกับการดูหนังฟังเพลงในห้องเป็นอย่างมาก

*** รีวิว KEF EGG จาก WhatHifi: http://www.whathifi.com/kef/egg/review


ราคา Kef Egg:
http://www.whatthatsound.com/product/242/kef-egg

 







































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 15, 2017, 07:51:31 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #482 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2014, 06:12:13 am »


SVS SoundPath ช่วยเรื่องความถี่ต่ำอย่างไร?

วันก่อนผมมีโอกาสไปจัดส่ง SVS SoundPath ให้ลูกค้ามา และก็ได้ติดตั้งและทดสอบเจ้า SoundPath ตัวนี้ด้วยตัวเอง ก็เลยจะมาเล่าสู่กันฟังว่า SoundPath ตัวนี้มันหน้าตา วัสดุ และการทำงานมันช่วยอะไรบ้าง

สำหรับ SoundPath ตัวนี้เป็นฐานสำหรับรองซับวูฟเฟอร์ ทำจากยางและพลาสติกที่แน่น และมีความนุ่มเล็กน้อย สามารถรองรับน้ำหนักได้สูง  เมื่อใส่เข้าไปกับซับวูฟเฟอร์แล้ว จะเหมือนซับลอยขึ้นมาอยู่เหนือพื้น สรรพคุณทางยาก็เหมือนกันพวกซับดู้ด (Sub Dude) หรือพวก Aurolex อะไรเทือกๆนั้น แต่มาในราคาที่ย่อมเยาว์กว่า และสามารถไขน๊อตยึดเข้าไปที่ฐานซับวูฟเฟอร์ได้เลย (ขันน๊อตได้เฉพาะ SVS ส่วนยี่ห้ออื่นใช้วางรอง)

ตัวนี้ลูกค้าสั่งมาวางรอง SVS SB16Ultra     ช่วยเรื่องเบส ให้กระชับเก็บตัว ควบแน่นเป็นลูก ลดอาการสั่นกระพือของเบส และคลื่นความถี่ต่ำที่แผ่ไปกวนฝ้าเพดาน ประตู และส่วนต่างๆของห้อง
ทำให้เบสที่ได้มีความแน่น เร็ว กระชับ และเบสต้นดีขึ้น ส่วนเบสปลายลดการสั่นค้างลง  และที่สำคัญคือตัวตู้ก็มีความนิ่งขึ้น ไม่สั่นไม่กระพือ และลดการสั่นสะเทือนที่พื้นในกรณีที่ใช้งานชั้นสองและกลัวความถี่ต่ำจะลงไปกวนคนที่อยู่ชั้นล่างได้ด้วยนะครับ

วิธีการใช้งานสำหรับ SVS
ก็แค่หงายด้านล่างของซับขึ้น  แล้วหมุนเอาตัวรองของเดิมออก แล้วเอา SoundPath ใส่ขันน๊อตเข้าไปแทนที่ในแต่ละมุม โดยจะมีน๊อตให้เลือกหลายขนาด  เวลาใส่ให้หันด้านยางลงพื้น

ส่วนซับรุ่นอื่นๆที่ไม่ใช่ SVS ก็แค่เอาหนุนรองก็เป็นอันใช้ได้ครับ

SoundPath หนึ่งกล่อง (1 กล่องมี 4 อัน และมีน๊อตให้มาด้วยในกล่อง)

ราคา SVS SoundPath: http://www.whatthatsound.com/product/369/svs-soundpath

 





















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 15, 2017, 09:49:24 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ ball98

  • Full LED TV member
  • ****
  • กระทู้: 843
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #483 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2014, 12:20:06 pm »
เปิดราคา r-110sw และ 112sw แล้วเหรอครับ

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #484 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2014, 06:47:08 pm »


Klipsch Wireless Kit (WA-2) สำหรับต่อซับวูฟเฟอร์แบบใช้สายของ Klipsch ให้กลายเป็น Wireless Subwoofer

วันก่อนได้มีโอกาสเอาตัวนี้ไปติดตั้งให้ลูกค้าที่บางแค  ซึ่งเอาจริงๆผมก็ไม่เคยลองใช้งานจริงๆเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาก็ต่อแบบใช้สายซับมาโดยตลอด  วันนี้ฤกษ์งามยามดี ได้มีโอกาศแกะกล่อง และก็ได้ติดตั้งให้กับซับวูฟเฟอร์ Klipsch R115SW  
ก็เลยจะมาแนะนำวิธีการใช้งานและข้อดีข้อเสียกันครับ


----------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆได้ที่นี่: https://goo.gl/rpDSQr
----------------------------------------------------------------

เริ่มจากตัวนี้  Klipsch WA-2 เป็นตัว Subwoofer Wireless Kit ของ Klipsch โดยเฉพาะ ออกแบบและใช้งานได้กับซับ Klipsch และเครือญาติของมันเท่านั้น เช่น Jamo, Energy



แกะกล่องออกมาจะพบว่ามีอุปกรณ์ให้มาดังนี้

1. ตัวรับสัญญาณ  
ตัวนี้จะติดตั้งไว้ที่ฝั่งซับวูฟเฟอร์ โดยออกแบบให้มีที่เกี่ยวแขวนไว้กับตัวซับที่ด้านหลังได้เลย  โดยการต่อนั้นจะต่อสายที่ตัวรับสัญญาณเข้ากับช่องที่ทำมาไว้เฉพาะสำหรับซับ Klipsch โดยเฉพาะที่เรียกว่าช่อง WA2  
เราแค่เอาสายที่ตัวรับสัญญาณเสียบเข้าไปก็เป็นอันเสร็จ ไม่ต้องเสียบปลั๊กไม่ต้องอะไร แค่แขวนไว้ที่ด้านหลังซับ เสียบเข้ากับตัวซับ

2. ตัวส่งสัญญาณ  
ตัวนี้จะติดไว้ฝั่ง AVR, Pre หรือพูดง่ายๆก็ติดไว้ฝั่งเครื่องเล่นเรานั่นเอง โดยฝั่งนี้จะมีอแดปเตอร์ให้เสียบกับปลั๊กไฟ และมีสายสัญญาณมาให้หนึ่งเส้น เราก็แค่เอาตัวส่งสัญญาณเสียบปลั๊กไฟ แล้วเอาสายสัญญาณเสียบจากช่อง Subwoofer out หรือถ้าเป็น บางเครื่องหรือ Int amp ก็จะเป็น pre out หรือช่องอะไรก็ได้ที่ส่งสัญญาณเสียงออกมาก็ใช้ได้หมด  
ส่วนปลายอีกข้างก็เสียบเข้ากับตัวส่งสัญญาณก็เสร็จ  

แนะนำว่าสายสัญญาณที่แถมมาให้เป็นสาย RCA สั้นๆธรรมดาๆแบบพื้นๆแค่พอต่อได้  ถ้าเป็นไปได้หาสายสัญญาณดีกว่านี้มาเสียบน่าจะดีกว่า หรือถ้าไม่อยากลงทุนก็เอาสายซับเรานั่นแหละครับ (สาย 1 ออก 2 ธรรมดาๆ) มาเสียบแทนสายสัญญาณที่แถมมาได้เลย  ปกติสายซับมันจะยาวหน่อยแต่ ไม่เป็นไร ใช้แทนกันได้

ที่ตัวเครื่องจะมีให้ปรับได้ 3 ค่า โดยเป็นการปรับความแรงของสัญญาณ  โดยมีให้สามค่านั่นคือ  0, +, -
ค่า default จะตั้งค่าอยู่ที่ 0  และหากบางห้องที่สัญญาณส่งไปไม่ถึง หรือเบา (เปิดฟังที่ซับถ้าเบากว่าปกติ) ก็สามารถตั้งมาที่ + เพื่อบู๊ทสัญญาณให้แรงขึ้น
หรือถ้าบางห้องสัญญาณมันแรงไป ก็สามารถปรับมาเป็น - เพื่อให้สัญญาณมันเบาลงได้
ในกรณีห้องของลูกค้าท่านนี้ผมเปิด + ไว้
พอต่อเสร็จก็หาที่วางเจ้าตัวส่งสัญญาณเอาไว้ให้เหมาะๆ ก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี




พอต่อเสร็จ เทสฟังเสียง ตอนนี้ซับ Klipsch R115SW ของเราก็จะกลายร่างเป็น Wireless Subwoofer ที่ไร้สาย สามารถลากไปวางตรงไหนของห้องก็ได้แล้ว  ตรงนี้อาจจะต้องลองเซ็ทและปรับ delay หรือ distant ที่ตัว avr/pre ดูใหม่ด้วยนะครับ
ซึ่งในเคสของลูกค้าเรานั้น จะลากไปวางไว้หลังห้องสุด ตรงข้างเตียง  หลังจากลองเปิดหนังดูก็รู้สึกว่าเบสใช้งานได้ดี หนักและอิมแพคจุกและได้บรรยากาศเบสที่ดี เพราะซับมันอยู่ตรงข้างเตียงเลย  แต่ละลูกมานอกจากจะได้เบสที่อิมแพคแน่นๆแรงๆแบบเต็มๆแล้ว ยังได้บรรยากาศเตียงสั่นตามจังหวะของเบสแต่ละลูกด้วยครับ
ผมนั่งฟังอยู่แป๊ปเดียวยังชอบในบรรยากาศแบบนี้เลย  




ข้อดี
ช่วยประหยัดค่าสายซับ เซ็ทอัพง่าย ลากไปตรงไหนของห้องก็ได้ ใช้งานง่าย และสัญญาณเบสมาเที่ยงตรง ไม่ดีเลย์และหนักแน่นพอๆกับใช้สาย เซ็ทอัพดีๆก็ได้เสียงที่ดีไม่แพ้ลากสายยาวๆเหมือนกัน

ข้อเสีย
สัญญาณอาจจะดรอปหรือไม่มาตรฐานเท่าใช้สาย สังเกตจากบางห้องถ้าห้องใหญ่ๆหรือมีซอกหลืบ หรือสัญญาณเบสจาก AVR/Pre มาอ่อนเอง  สัญญาณจากตัวรับก็จะน้อย ซึ่งตัวนี้ปรับช่วยที่ตัวส่งสัญญาณให้ส่งไปแรงขึ้นได้ แต่ข้อเสียคือมันจะได้ความดังที่ไม่มาตรฐานและไม่เท่ากับใช้สายครับ  

ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการใช้สายอาจจะทำได้ดีกว่าแบบ wireless เพียงแต่ตัว WA-2 ตัวนี้ อาจทำได้ดีที่สุดคือใกล้เคียงการใช้สาย แต่ก็อาจจะแทนที่สายซับวูฟเฟอร์ไม่ได้ 100% และ WA2 เหมาะกับคนที่ต้องการความง่าย ไม่ชอบอะไรยุ่งยาก และอาจจะต้องยอมรับกับการดรอปของสัญญาณ (บ้างนิดหน่อยในบางห้อง)
แต่ก็ได้ข้อดีตรงหาที่วางซับได้ง่ายไม่ต้องลากสายกันยาวๆให้สิ้นเปลืองหรือเกะกะครับ

สรุป ถามว่าดีมั๊ย
ส่วยตัวผมว่าดีครับ เสียงไม่ได้ขี้เหร่ และสามารถใช้งานแทนสายได้เลยโดยไม่สังเกตว่ามันแย่ ช้า หรือดรอปแต่อย่างใด  ถ้าไม่ฟังแบบ AB Test หรือจับผิดจริงๆ ผมว่าฟังไม่ออก  และยิ่งถ้าเป็นคนใช้งานทั่วๆไปที่ไม่ได้จับผิดหรือซีเรียสมากนัก ตัว WA2 นี้ผมว่าแทนที่สายซับได้ค่อนข้างดีมากๆ และใช้งานง่ายด้วยครับ

ราคา Klipsch WA-2: http://www.whatthatsound.com/product/331/klipsch-subwoofer-wireless-kit-wa-2






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 15, 2017, 10:45:00 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #485 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2014, 08:52:52 am »
บรรยากาศซิสเต็มสวยๆที่ The Twenty Six




วันนี้เอาบรรยากาศสวยๆของซิสเต็มลูกค้าทีสุขุมวิท 26 โครงการ The Twenty Six มาฝากกันครับ
 
โดยเริ่มต้นซิสเต็มนี้ลูกค้าสั่งของไปตั้งแต่ช่วงธันวาคมปีที่แล้ว เราก็จัดส่งของกันเรียบร้อยไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนที่เหลือลูกค้าก็กำลังบิ้วท์ห้อง ตกแต่งกัน จึงยังไม่ได้ทำการติดตั้งและเซ็ทเสียง
วันนี้หลังจากห้องเสร็จเรียบร้อย ผมจึงได้มีโอกาศและขออนุญาติเก็บภาพของห้องนี้อีกครั้ง รวมถึงเซ็ทเสียงด้วยครับ
 
ซิสเต็มลูกค้ามีดังนี้
---------------------------------
Klipsch R26F
Klipsch R25C
Klipsch R15M
Klipsch R112SW
Marantz 6011
Pioneer BD-LX58

---------------------------------


 
 
  ปัญหาของห้องก็คือมีกระจกอยู่เยอะ และห้องมีอคูสติกที่ค่อนข้างก้อง แจึงทำให้เสียงเบสที่ได้ค่อนข้างมีอาการฟุ้งเก็บตัวไม่ดี และแผ่ออกมากระจายเต็มห้อง (เบสต้นไม่มี) ทำให้เวลาฟังเพลงแนว EDM (ลูกค้าฟังแนวนี้) เสียงจะฟังไม่ค่อยกระชับและเบสออกมากลบรายละเอียดไป
และเมื่อเปิดดังขึ้นเบสก็จะไปกวนบิ้วท์อินและฝ้าด้วย ซึ่งอันนี้เป็นปัญหาคลาสสิคของห้องทั่วๆไปที่เราไม่ได้เตรียมฝ้าและเฟอร์นิเจอร์ไว้สำหรับรองรับความถี่ต่ำในห้องดูหนัง
 
ซึ่งเดิมทีลูกค้าปรับเซ็ทด้วยไมค์ Audyssy ที่แถมมาใน AVR Marantz ค่าจะค่อนข้างเพี้ยน ตัวนี้ก็ค่อนข้างแปลกใจที่เห็นใครหลายๆคนชอบใช้ และถามหากันเวลาซื้อเครื่องมือสอง
จริงๆถ้าไม่จำเป็นก็ไม่แนะนำให้ใช้ และไม่ควรจะใช้เลยจะดีที่สุดครับ
 
หลังจากปรับและเซ็ท เสียงก็เข้าที่เข้าทางและเบสคือปัญหาหลักที่ใหญ่ที่สำคัญของห้องก็ดีขึ้น และกวนเสียงกลางแหลมน้อยลง ช่วยให้เบสต้นกระชับ มาเป็นลูก ชัด และมีปริมาณ



 
ซึ่งการเซ็ทก็จะทำภายใต้ข้อจำกัดของห้อง ตามการใช้งาน และความคาดหวังของเจ้าของห้องเอง หากห้องมีเฟอร์ มีฝ้าและมีกระจะ เราก็จะทำได้แค่ระดับนึง ซึ่งการคาดหวังว่าเสียงจะต้องเหมือนห้องปิดทึบ 4 ด้านมีอคูสติกแปะเป็น 8 เหลี่ยมเหมือนห้องฟังนั้นคงเป็นไปไมไ่ด้
แต่การเซ็ทอัพจะทำได้ดีแค่ไหน มีปัจจัยสองประการคือ
 
    1. ห้อง และอคูสติกห้อง หากห้องเตรียมการมาดี และอคูสติกดีอยู่แล้วอันนี้คาดหวังเสียงที่ดีได้ ซึ่งบางทีการแก้ปัญหาเรื่องห้องนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ก็ต้องตกลงและทำความเข้าใจของสภาพห้องแต่ละคนกันก่อน
บางทีลำโพงซฺิสเต็มเดียวกันฟังในห้องนึง เสียงดีเหลือเกิน แต่พอยกซิสเต็มเดียวกัน ลำโพงตัวเดียวกัน แอมป์ตัวเดียวกันมาไว้ในอีกห้องซึ่งมีสภาพต่างกัน หรือแม้แต่จะดูคล้ายกันก็ตาม บางทีเสียงมันก็ไม่ได้เหมือนกับห้องเดิมครับ บางทีเสียงต่างกันราวกับคนละซิสเต็มกันไปเลย
 
ซึ่งเราแนะนำว่าถ้าห้องดี ก็เหมือนพื้นฐานดี เราเอาอะไรเข้าไปก็ช่วยให้เสียงมีโอกาสดีและเซ็ทอัพได้ง่ายครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นการปรับปรุงห้องควรตั้งอยู่บนความ
คาดหวัง, กำลังทรัพย์, และการใช้งานของครอบครัวครับ
หากเราใช้ห้องนั่งเล่นเป็นห้องดูหนัง การปรับปรุงห้องนั่งเล่นควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของการใช้งานจริงและคำนึงถึงผู้อยู่อาศัยในบ้านร่วมด้วยครับ บางทีเราไม่สามารถไปทุบกระจก ปิดทึบ เอาแผ่นอคูสติก เอาเบสแทรปมาวาง เอา diffuser มาแปะบนเพดาน รื้อแชนเดอเลียทิ้ง ไปรื้อชั้นวางทิ้ง ไปวางลำโพงรอบด้าน ยกเส้นสายลอยไว้รอบห้อง เอาซับมาตั้งตรงกลางห้อง อะไรทำนองนี้ เพราะบางทีจากมีห้องนั่งเล่นไว้ดูหนัง ท่านอาจจะไม่มีบ้านอยู่แทนได้ครับ..... อิอิ
 
แต่ถ้าหากมีห้อง มีกำลังทรัพย์ ก็สามารถแยกห้องออกมาส่วนตัวและทำได้เต็มที่อย่างที่ใจต้องการได้เลบเช่นกัน และผมเชื่อว่าข้อนี้คงเป็นความฝันของผู้ชายหลายๆคนแน่นอน เพียงแต่ถ้าความเป็นจริงเราไม่สามารถทำได้ก็ต้องบาล้านการใช้งานจริงและความบันเทิงเหล่านี้ให้สมดุล เอาแค่ให้พอดูหนังฟังเพลงได้ดี และสามารถใช้งานร่วมกับคนอื่นในชีวิตประจำวันได้ด้วยครับ




    2. อุปกรณ์ในห้อง
อันนี้เป็นเรื่องรองลงมา ถ้าเราไม่สามารถไปเปลี่ยนห้องได้ อุปกรณ์ในห้องก็เป็นอีกปัจจัยนึงที่มีผลต่อเสียง
ก็แน่นอนว่าของแพงมันย่อมดีกว่าของถูก แม้ซิสเต็มจะไม่ได้แสดงศักยภาพเต็ม 100 เท่าที่มันจะทำได้ แต่ถ้าอุปกรณ์เลือกได้แมทกัน และตรงกับความต้องการของเรา เสียงที่ได้ก็จะสามารถใช้งานได้ดีและถูกใจเราได้เช่นกันครับ (ไม่ได้หมายความว่าของแพงดีเสมอไป บางทีของแพงแต่ไม่ใช่แนวที่เราชอบก็ไม่ได้เหมือนกัน เช่นชอบดูหนัง แต่เอาลำโพงราคาแพงเสียงซอฟท์ๆที่ขึ้นชื่อเรื่องฟังเพลงมาฟังก็ไม่เวิร์ก)





















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 16, 2017, 12:01:29 pm โดย keamglad »