ผู้เขียน หัวข้อ: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Procella , SVS, Anthem, Parasound,Audyn  (อ่าน 329993 ครั้ง)

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #594 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2014, 09:00:22 am »


จัดส่งสาย HDMI GoldenSound 1.5m ให้ลูกค้าที่ห้วยขวางครับ  (ส่ง kerry)

ตัวนี้เป็นสายที่รองรับ 4K และให้คุณภาพของเสียงและภาพไม่ด้อยไปกว่าสายในระดับเดียวกัน เหมาะสำหรับใช้ต่อจาก source ไปยัง AVR/Pre หรือใช้ต่อจาก AVR/Pre ไป Projector หรือ LED ครับ

ราคาสาย HDMI GoldenSound : http://www.whatthatsound.com/category/107/golden-sound-hdmi






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 17, 2017, 11:50:32 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #595 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2014, 12:45:40 pm »


จัดส่ง Plate รองลำโพง Pioneer Andrew john ไปให้คุณโอ๊ตที่ลพบุรีครับ

สำหรับแฟน AJ ตัวนี้เป็น item ที่ต้องมี เรียกว่า must have ก็ว่าได้ครับ   รองแล้วดูไฮโซ สวยงาม และช่วยให้เสียงนิ่งและสงัดดีขึ้นด้วย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 28, 2017, 07:31:00 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #596 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2014, 04:45:44 pm »


วันนี้เอาบรรยากาศจัดส่ง SVS SB16 Ultra (มือสอง) ไปให้ลูกค้าท่านนึงแถวบางกรวยมาฝากกันครับ
ซิสเต็มของลูกค้าใช้ Klipsch THX Ultra2 (7.1.4)
ห้องสวยงามมีเล่นระดับ มี โซฟานั่งได้สองชั้น เหมือนโรงหนังย่อมๆเลยทีเดียว ฝ้าเพดานก็มีดาวให้ดูแก้เบื่อด้วย
 
ห้องค่อนข้างลึก 4*7.5 ถือว่าห้องใหญ่พอสมควรทีเดียว เดิมทีใช้ซับ SVS SB13 Ultra ตัวเดียวนี่แทบจะเอาไม่อยู่ครับ บรรยากาศเบสมาไม่ถึง แรงปะทะยังไม่สะใจในการดูหนังจริงๆ
จริงๆห้องไซส์นี้อยากจะแนะนำให้ใช้ตู้เปิดอย่าง SVS PB13 Ultra ด้วยซ้ำ แต่ลูกค้าชอบ SB16 ultra และเมื่อมีมือสองตัวนี้มา ลูกค้าจึงไม่ลังเลที่จะจัดมาเพิ่มอีก



 
มัดจำกันเรียบร้อย เรานัดส่ง ขนซับเข้าห้อง (หนักมากๆ 50 กว่าโล ทางเข้าติดโซฟาต้องยกซับลอยขึ้นสูงระดับคอ ยกของหนักระดับนี้ขึ้นระดับคอนี่แทบตายครับ)
เอามาส่ง จับหงายแล้วใส่ Soundpath ซะหน่อย แล้วก็วางเทียบกับ SB13 Ultra แล้วก็จะเห็นว่าไซส์ไม่ได้ต่างกันมาก แต่หน้าตา SB16 หล่อกว่าเห็นๆเพราะมีหน้าจอด้านบนสวยๆไว้แสดงสถานะด้วย
 
วางเทียบกันถ่ายรุป แล้วก็ลองต่อทดสอบฟังกัน (ยังไม่เซ็ท) จะเห็นว่ามวลเบส พละกำลังของ SB16 ultra นั้นมาก และหนากว่า SB13 Ultra มากจริงๆ ตัวตู้สีไฮกลอสดำเงา มีรีโมท มีแอปให้ใช้ในมือถือ ว่าแล้วก็สั่งลูกค้าให้ไปโหลดแอป SVS ทันที เพื่อจะได้คอนโทรลและเซ็ทได้ง่ายๆไม่ต้องเดินไปกดที่ตัวซับ และไม่ต้องใช้รีโมท (เซ็ทผ่านแอปมือถือนี่แนะนำจริงๆ)



 
ตัว SVS SB16 Ultra เป็นซับที่ให้พละกำลังสูงมาก max spl สูงถึงระดับ 120 กว่าเกือบ 130 db เรียกว่าที่ความดังระดับนี้สูงมากจริงๆ ตัวเนื้อเบส แรงปะทะ แรงกระแทกและลงลึกได้ เพราะอณิสงค์ของดอกขนาด 16 นิ้ว และวอยท์คอยขนาด 8 นิ้ว
แม้เนื้อเบสจะเยอะ และหนาแต่เบสตู้ปิดก็ยังช่วยคุมปริมาณเบส และความไวให้ยังคงความกระชับและไม่ยืดย้วย ยานครางจนไม่เหมาะกับการดูหนัง
เพราะซับดูหนังต้องไว แรง หนักแน่น และต้องไม่ช้า ไม่แผ่ ไม่ยืดย้วย หรือขาดน้ำหนัก ซึ่งบุคลิกของซับดูหนังที่ดีจะตรงข้ามกับซับฟังเพลง ใครที่คิดจะหาซับดูหนังดีๆเราอยากให้พิจารณายี่ห้อพวกนี้เป็นตัวเลือกแรกๆครับ SVS, Klipsch THX, Procella
 
และในช่วงราคาไม่เกินแสน ผมเชื่อจริงๆว่า SVS SB16 Ultra เป็นหนึ่งในซับที่ให้ความคุ้มค่า หนัก และโหดเมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่่จ่ายออกไปได้มากที่สุดตัวนึงแล้วในท้องตลาด
 
ส่งเสร็จ ก็ขอตัวลาลูกค้าไป วันนี้จึงขอฝากรูปสวยๆของนักเล่นท่านนี้ที่ใส่ใจและบรรจงเลือกสินค้า และทำห้องซะสวยงามน่าใช้งานแบบนี้ครับ
 
ราคา SVS SB16 Ultra: http://www.whatthatsound.com/product/480/svs-sb16-ultra

















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 28, 2017, 08:58:55 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #597 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2014, 10:02:05 pm »


จัดส่ง SVS PB2000 ให้ลูกค้าที่ร่มเกล้าครับ (รับเอง)

โจทย์คือ ห้องใหญ่ ไม่ใช่ห้องปิด และต้องการเบสเยอะ  คำตอบจึงออกมาเป็น PB อย่างหลีกเลี่ยงไมได้ เพราะหากคุณชอบเบสเยอะ หรือห้องใหญ่แล้วไปฝืนใช้ SB  ผลที่ได้คือเบสจะอ่อน และไม่หนักแน่นตามที่มันควรจะเป็นครับ

รหัส PB ย่อมาจาก Ported box หรือตู้เปิด ที่ตัวตู้จะมีรูอากาศ ไว้ช่วยปั๊มเบส ทำให้ไม่เปลืองแอมป์ ใช้แอมป์กำลังไม่ต้องมากก็สามารถสร้างปริมาณและเนื้อเบสออกมาได้มากและหนักหน่วง
จึงเหมาะสมกับคนที่ชอบเบสเยอะ ชอบหนักๆ เอาไปดูหนังอย่างเดียว และห้องขนาดกลางๆครับ

ปล. 2 รูปแรกจากลูกค้า และรู้อื่นๆใช้รูปแทนจากลูกค้าท่านอื่น

ราคา SVS PB2000: http://www.whatthatsound.com/product/321/svs-pb-2000
 






















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 29, 2017, 10:17:07 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #598 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2014, 11:18:40 am »
บรรยากาศจัดส่ง Procella P15 + DA-06DSP ที่สุดแห่งซับวูฟเฟอร์



Procella P15 + DA-06DSP นิยามของซับ passive sub และแอมป์ตัวนี้คือ ซับที่เร็วที่สุดเท่าที่ผมเคยฟัง ดุดัน ไดนามิคดี เหมาะกับการดูหนัง หนัก กระแทก เนื้อเบสไม่เยอะจนอวบอ้วน เหมาะกับการดูหนังสุดๆ

วันนี้ได้มีโอกาศจัดส่งสุดยอด Subwoofer ตัวนึงของโลก Procella P15 ตัวนี้เป็น passive sub ที่ใช้แอมป์มาขับ  และ Professional amp 2 ch  DA-06DSP กำลังขับ 1200 วัตต์ (2 ch มี DSP ในตัว)

ซับส่วนใหญ่ก็ทำงานในย่าน 20 - 100 Hz เหมือนๆกัน ซับราคา 20,000 ต้นๆก็ทำงานในย่านนี้ได้เหมือนกันกับ Procella P15  (ราคา 250,000) และ DA-06DSP (ราคา 120,000)
ทำไมต้องใช้ของราคาขนาดนี้กับความถี่ต่ำเหมือนกันๆ เบสที่ลงในย่านเดียวกัน 20 - 100 Hz เหมือนกันๆ

คำตอบก็คือ คุณภาพของเบสมันไม่เหมือนกัน รายละเอียด ความสะอาด ความรวดเร็ว ไดนามิคของความถี่ต่ำมันไม่เหมือนกัน  เหมือนรถทั่วๆไปก็วิ่งกันที่ 20 - 200 km/h กันทั้งนั้น แล้วเราจะจ่ายเงินเพื่อรถที่วิ่งได้ในย่านความเร็วนี้ได้พอๆกันไปทำไม
คำตอบก็คือคุณภาพที่ได้ในขณะที่เราใช้ความเร็วในช่วงนี้มันต่างกัน ช่วงล่าง อัตราเร่งแซง ฟีลลิ่ง การเก็บเสียง เหล่านี้คือคุณภาพที่มันเอามาโชว์เป็นตัวเลขบนสเปกไม่ได้นั่นเองครับ



อย่างที่เราเคยเล่าไปแล้วถึง Passvie subwoofer Klipsch THX ในตอนที่แล้ว และยังประทับใจไม่รู้ลืมถึงความสะดวกและความเจ๋งของ passive sub ว่ามันแรง กระชับ หนักแน่นเหมาะกับการดูหนังดี  และที่สำคัญ มันสะดวกตรงที่ไม่ต้องเสียบปลั๊กที่ตัวซับเลย   เพราะสามารถแยกเอาซับไปวางตรงไหนก็ได้  ตัวแอมป์ก็วางรวมกันใกล้ๆกับปรี เสียบสายสัญญาณและสายลำโพงได้สะดวก

วันนี้เราได้ความอนุเคราะห์จากลูกค้าให้แกะกล่องเพื่อฝากเบิร์นและเทส Procella P15 + DA-06DSP 
วันที่เอาของออกมา ก็ไม่กล้าแกะออกจากกล่องเลยครับ เกร็งไปหมด เพราะ P15 ตัวนี้เป็นซับที่ราคาค่อนข้างสูง  และตัวมันใหญ่มากๆ แกะคนเดียวก็กลัวจะงานเข้า เผลอหลุดมือ หล่นกระแทกไปจะยุ่ง
P15 ใช้ดอก 15 นิ้วถึงสองดอกอยู่ในตู้เดียวกัน  น้ำหนักตู้ 40 กิโล เป็นตู้ปิด ลงลึก  22 Hz, maximum SPL: 125dB (@50 Hz)   งานประกอบทั้งหมดทำใน Sweden



ดูสเปกและงานประกอบแล้วมันเหมือนกับซับ professional  แต่พิเศษกว่าตรงที่เป็นซับโปรที่ออกแบบมาสำหรับดูหนัง เพราะปกติซํบ pro จะลงลึกได้อย่างเก่งก็แค่ 40-50 Hz แต่ตัวนี้ลงได้ลึก 22 Hz 

การจัดวางค่อนข้างยากสำหรับห้องเราเพราะตัวซับยาวแต่บาง ห้องเราไม่มีที่วางจริงๆ ตำแหน่งที่วางก็ไม่ใช่ตำแหน่งที่ดีที่สุด แต่ห้องชั่วคราวเรามีที่วางแค่นี้จริงๆ จะให้ไปรื้อลำโพงหลักแล้วเอาซับวางตำแหน่งอื่นอันนี้บอกเลยว่าไม่ทำครับ  ไม่คุ้มกัน
วันนี้จึงทำได้แค่เซ็ทคร่าวๆแล้วลองฟังแนวเสียง ก่อนจะส่งถึงมือลูกค้าไปติดตั้งในห้องใหม่ที่ทำมาเพื่อตัวนี้โดยเฉพาะ (วันหลังจะนำรูปสวยๆมาฝากกัน)

แนวเสียงของ Procella P15 จับกับ DA-06DSP แล้วเหมือนติดปีก เพราะแอมป์ตัวนี้ออกแบบมาใช้ร่วมกับซับรุ่นนี้โดยเฉพาะ  เหมือนกับ Klipsch THX Sub KL-120 จับกับแอมป์ KA-1000 นั่นแหละ
แนวเสียงมันคือ professional ซับเลยครับ เพราะมันเร็วมาก ประมาณเบสที่ใช้ในงานคอนเสิรต์ดีๆ เบสเร็วๆตามจังหวะดนตรีได้ทัน  ทั้งๆที่ดอกใหญ่ถึง 15 นิ้วสองดอก  เร็วจนเรารู้สึกว่า เปิดครั้งแรก เนื้อเบสหนาๆที่มันกวนรายละเอียดและกลางแหลมมันหายไปหมด  ความรู้สึกเดิมๆของซับบ้านๆที่เราใช้กัน ที่เบสเนื้อเยอะ ย้วย นุ่มๆมันหายไปหมด เหลือแต่เบสสะอาดๆ พั้นซ์ๆจริงๆ



ถ้าเคยฟังซับบ้านมาฟังตัวนี้อาจไม่ชิน เพราะมวลเบสไม่ได้เยอะ แต่เร็วจัด หนัก โหม ไดนามิคมหาศาลสร้างบรรยากาศการดูหนังที่เป็นภาพยนตร์จริงๆ บุคลิกเบสไม่ได้มาคลอตลอดเหมือน JL แต่เบสมาทีจะรู้สึกได้ถึงความอลังการสเกลเสียงที่ยิ่งใหญ่ของเบสที่เป็นเบสดูหนังจริง  ยิ่งถ้าใครฟังซับแนวฟังเพลงเช่น Rel, Velodyn มาขอบอกเลยว่ามันคนละเรื่อง คนละตำรากันเลย เบสไปคนละทิศละทางกันอย่างสิ้นเชิง

ส่วนตัวเคยฟังซับเร็วๆตู้ปิดอย่าง SVS SB13 Ultra มาแล้วคิดว่ามันเร็วแล้ว  ตอนนี้มาฟัง Procella P15 แล้วมันเร็วขึ้นไปอีก 2-3 เท่า  ถ้านึกไม่ออกอยากให้นึกถึงเสียงเบสในคอนเสริต์ระดับใหญ่ๆ (ไม่เอาพวกงานวัดนะ) มันจะชัด clear ไม่มีบวม ไม่มีเบลอ ความถี่ต่ำไม่มากวนใจกับย่านอื่น  และซับตัวนี้ลงได้ลึกเพราะออกแบบมาใช้สำหรับดูหนังโดยเฉพ่าะ

หลังจากลองได้สักพัก พอต่อกับไปใช้ SVS SB16 Ultra แล้วรู้สึกว่าเบสเนื่อเยอะ ช้าไปเลย  กลับไปใช้ซับเดิมยากจริงๆครับ 555




ข้อเสีย
ของ PA15 ก็มีตรงที่ราคามันสูงมาก ตัวใหญ่ หน้าตาดูแปลก จึงไม่เหมาะที่จะตั้งในห้องรับแขกที่โชว์ ส่วนใหญ่เราจะไม่ค่อยเห็นคนใช้ซับแบบนี้วางตั้งในห้องดูหนังเท่าไร่ เพราะส่วนใหญ่เค้าจะบิ้วท์ และแอบซับใน buffle wall หรือวางแอบไปกับผนัง ไม่วางโชวกัน

สรุป   
Procella P15  + DA06DSP  สเปกของซับไม่ได้เว่อร์วังอลังการอะไรเลย เพราะเราจะหาซับที่ลงลึก 22 Hz และความดัง spl ระดับ 125 dB นั้น บอกตรงๆว่าตัวเลขนี้หาได้ด้วยเงินไม่กี่บาทด้วยซ้ำ ไม่ต้องลงทุนเป็นหลายแสนแบบนี้ เช่น
SVS PB16 Ultra ที่ลงลึก 13 Hz และ maximum spl 136 dB
หรือจะเป็น SVS SB16 Ultra ที่ลงลึก 18 Hz และ maximum spl 129 dB
หรือจะจ่ายน้อยกว่านั้นมา Klipsch R115sw ที่ลงลึก 19 Hz และดังระดับ 120 กว่า dB เช่นกัน

ทั้งสองตัวจ่ายถูกกว่า และสเปกเหนือกว่าทั้งนั้น  แล้วเราจ่ายเงินเพิ่มสำหรับสเปกอย่าง Procella p15 กันไปทำไมครับ
ก็เพราะคุณภาพเบสมันไม่ได้วัดกันที่สเปกหรือตัวเลขบนกระดาษยังไงละครับ  คุณนึกไม่ออกว่าเบสคุณภาพเป็นยังไง เบสดูหนังที่ดึมากๆเป็นเช่นไร หากไม่ได้ลอง Procella P15  ตัวนี้ และนี่เป็นซับที่ดีและควรค่าแก่นักเล่นที่ใส่ใจในคุณภาพของความถี่ต่ำในการดูภพายนตร์จริงๆ

เรายังยืนยันว่า Procella P15 + Da-06DSP เป็นซับที่เร็ว สะอาด ไดนามิคดี เหมาะกับการชมภาพยนตร์ที่สุดตัวนึงเท่าที่เราเคยฟังมาแล้วจริงๆ ถ้าคุณกล้าจ่าย และจ่ายไหว ตัวนี้ก็ให้คุณภาพความถี่ต่ำที่ดีสมกับราคาค่าตัวของมันจริงๆครับ

ราคา Procella P15: http://www.whatthatsound.com/product/531/procella-p15

ราคา Procella DA-06DSP: http://www.whatthatsound.com/product/530/procella-da-06dsp































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 29, 2017, 11:00:45 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #599 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2014, 02:31:54 pm »


จัดส่ง Anthem MRX520
AVR รุ่นเริ่มต้นของ Anthem ที่ขึ้นชื่อในเรื่องพละกำลังสำรอง และแนวเสียงที่บาล้านซ์ทุกย่านมาดีพอ  ไม่ว่าจะเป็นความถี่ต่ำที่หนักจน harman ต้องนับญาติเป็นน้อง
และบรรยากาศความโอบล้อมที่ไม่แพ้ Yamaha 
และเสียงกลางที่หนาไม่แหลมจนบาดหู  แรงปะทะ/ไดนามิคดีหนักแน่น
เรียกว่าเป็น AVR ที่ดีมากสำหรับดูภาพยนตร์ และรวมไปถึงการฟังเพลงก็ทำได้ดีกว่าแบรนด์อื่นๆในย่านราคาเดียวกันด้วยครับ

ซีรี่ย์ MRX นี้มีด้วยกัน 3 รุ่น 520, 720, 1120
-----------------------------------------------------------
520: รองรับ 5.2 แชนแนล 100 วัตต์ 8 โอห์ม
720: รองรับ 7.2 แชนแนล 140 วัตต์ 8 โอห์ม (Atmos, DTS:X)
1120: รองรับ 11.2 แชนแนล 140 วัตต์ 8 โอห์ม (Atmos, DTS:X)

ราคา Anthem MRX520: http://www.whatthatsound.com/product/434/anthem-mrx520














« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 05, 2017, 07:26:39 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #600 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2014, 05:33:45 pm »
การตั้งค่าลำโพงเป็น Large หรือ Small ดีกว่ากัน



วันนี้ขอเขียนถึงเบสิค พื้นฐานเริ่มต้นเลยของการเล่น Home theater และก็เป็นคำถามเบื้องต้นที่ถูกถามมากที่สุดเช่นกัน จะพยายามเขียนให้สั้น กระชับ และเข้าใจง่ายที่สุดสำหรับมือใหม่อ่านเข้าใจง่ายๆครับ
 
1. Large / Small คืออะไร คำนี้ไม่ได้หมายถึงขนาดตู้ลำโพงเหมือนที่เราเข้าใจนะครับ แต่
    1.1 Large หมายถึงการปล่อยให้ลำโพงตัวนั้นเล่นได้ตลอดทุกย่านความถี่ (ทั่วไป 20 KHz - 20 KHz) นั่นหมายถึงลำโพงที่จะเล่นได้ขนาดนี้ย่อมไม่ใช่ลำโพงตัวเล็กๆหรือลำโพงแซทเทิลไลท์ เพราะหากเอาลำโพงเล็กที่ลงลึกได้ 50Hz มาปรับเป็น large ก็แปลว่า avr/pre ของเราจะส่งความถี่มาหมด ตั้งแต่ 20 - 20 KHz แต่วงจรในตัวลำโพงจะตัดความถี่ที่ต่ำกว่า 50 Hz ทิ้งไป เพราะตัวเองทำไม่ไหว แปลว่าเราได้ฟังเสียงจากหนังหรือเพลงที่บันทึกมาไม่ครบครับ
 
   1.2 Small หมายถึง เราตัดความถี่ต่ำช่วงนึง แบ่งไปให้ลำโพงซับวูฟเฟอร์ทำ ซึ่งทั่วๆไปเราจะตัดกันที่ 120 - 50Hz หรือตัดตามมาตรฐาน THX นั่นคือ 80 Hz แปลว่าความถี่ที่ต่ำกว่านี้ จะถูกตัดจากลำโพงหลัก และยกไปให้ Subwoofer ทำงานแทนครับ




2. ข้อดี ข้อเสีย ของการตั้ง Large

     ส่วนใหญ่ในระบบ Home theater นั้นผมมักไม่ค่อยแนะนำให้ตั้ง Large ในระบบเท่าไร่ น่ั่นเป็นเพราะว่า หากเรากางสเปกของลำโพงคู่หน้าออกมาดูเราจะเห็นว่ามันลงได้ไม่ลึกมาก ลำโพงตั้งพื่้นตัวใหญ่ๆลงได้ 26 - 30 Hz คือเก่งแล้ว และถ้าดูกราฟของลำโพงให้ดีๆจะเห็นว่าในช่วง 40-50 Hz ลงมา ลำโพงพวกนี้มักจะ roll-off ลงมาแทบจะไม่เหลือคุณภาพและความดังและอิมแพคของเสียงเบสที่ดีสำหรับระบบดูหนังแล้ว คือสเปกมันลงได้แต่มันไม่ดังเท่าย่านอื่น ไม่หนักแน่นไม่มีอิมแพคจากเสียงเบสที่ควรจะเป็นครับ
 
หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือลำโพงหลักก็เปรียบเสมือนนักวิ่งมาราธอนที่เก่งหลายด้าน วิ่งตลอดทุกย่าน ทั้งความถี่สูง กลางและต่ำ แต่ไม่ได้เก่งมากในความถี่ต่ำมากๆ คือวิ่งมาตั้งแต่ 20 KHz แล้วก็เริ่มมาผ่อนที่ 60-80 Hz เนื่องจากความถี่ต่ำมากๆนั้นมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากย่านอื่นตรงที่คลื่นความุถี่ต่ำนั้นยาวมาก และต้องการกรวยวูฟเฟอร์และช่วงชักที่ใหญ่มากพอจะสร้างคลื่นความถี่ต่ำ้ ไม่เหมือนกับย่านกลางสูง หรือกลางต่ำที่ใช้วูฟเฟอร์สัก 5-8 นิ้วก็ได้คุณภาพเสียงที่เพียงพอกับความต้องการได้แล้ว
กลับกัน Subwoofer ก็เหมือนนักวิ่งฝีเท้าจัดที่ซ้อมมาทั้งชีวิตเพื่อหวังชิงชัยกับช่วงความถี่ต่ำ 20 - 120 Hz นี้มาโดยเฉพาะ

ลองคิดดูหากจะวัดกันเฉพาะความถี่ต่ำอย่างเดียว ระหว่างซับวูฟเฟอร์ที่เก่งด้านนี้โดยเฉพาะ ถูกสร้างมาเพื่อทำงานย่านนี้อย่างซับวูฟเฟอร์ นำไปเทียบกับ ลำโพงหลักที่ถูกสร้างมาให้วิ่งมาราธอนไกลๆ และทำงานตลอดทุกย่านความถี่นั้น ใครจะได้เปรียบเสียเปรียบ



   2.1. ข้อดีของ large คือเหมือนเสริมเอาลำโพงหลักมาเสริมเป็นซับตัวเล็กๆอีกตัวในระบบ นั่นคือนอกจากเราจะมีซับวูฟเฟอร์แล้ว ลำโพงหลักยังช่วยลงมาทำงานเสริมกันไปด้วย ซึ่งถ้าเซ็ทให้ดีๆในบางซิสเต็มก็อาจให้ผลลัพธ์ที่ดีและน่าพอใจก็ได้ ซึ่งอันนี้แล้วแต่ความชอบของผู้ใช้งาน ไม่มีถูกไม่มีผิด
 
   ข้อดีอีกข้อคือ ในระบบฟังเพลง หรือระบบที่ไม่ซับวูฟเฟอร์นั้น อย่างไรก็ต้องเซ็ทลำโพงหลักเป็น large เพื่อให้ลำโพงตอบสนองความถี่ให้ครบ หากระบบคุณไม่มีซับ แล้วไปตัดลำโพงหน้าเป็น small ผลก็คือเบสจะไม่มีเลย เพราะ avr/pre จะตัดความถี่ต่ำกว่า 80-100 Hz ทิ้งไปหมด เหมือนนั่งฟังลำโพงที่ไม่มีเบส ฟังแล้วหงุดหงิดมาก
จะเห็นว่าในระบบ 2 ch หรือชุดฟังเพลงสมัยก่อน จะมีบางท่านนิยมใช้ลำโพงหลักอย่างเดียว และไม่ใช่ซับวูฟเฟอร์เลย เพราะมีความเชื่อว่า 2 แชนแนลที่ดี ต้องไม่มีเบสมากวน ต้องใสๆ กรุ๊งกริ้งๆ มีอิมเมจ ซาวด์สเตจที่ชัดเจน ในระบบนี้แบบนี้ลำโพงหน้าจะปล่อยความถี่ออกมาเป็น Large เสมอครับ ซึ่งเอาจริงๆผมว่าฟังแบบไร้ซับ มันจะเหมาะกับเพลงร้องหรือเพลงบางประเภทเท่านั้น แนว audiophile, vocal

แต่หากลองเอามาฟังเพลง pop rock หรือเพลง electronic แล้วจะรู้เลยว่าหากฟังโดยไม่มีซับวูฟเฟอร์นั้น "นรกมีจริง"


   2.2. ข้อเสียของการตั้ง large คือ ย่านความถี่ต่ำที่ได้จากคู่หน้ามันไม่มีคุณภาพดีพอ แม้ลำโพงคุณจะตัวใหญ่เท่าห้องก็เถอะ การที่จะเร่งให้คุณภาพเสียงความถี่ต่ำได้คุณภาพนั้น เราอาจต้องลงทุนและใช้ Power amp ขนาด monoblock กล้ามโต 400-500 วัตต์มาขับให้ลำโพงคู่หน้าตัวนั้นมีเบสที่ดีพอ ซึ่งมันสิ้นเปลือง และมันก็ไม่ดีพอ หากเทียบกับซับวูฟเฟอร์ดีๆสักตัวครับ




    3. ข้อดี ข้อเสีย ของการตั้ง Small

   เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำงาน แบ่งเบาภาระของลำโพงหลัก และแอมป์ด้วย ให้ลำโพงหลักทำหน้าที่ที่มันเก่งคือช่วงย่านกลางแหลมและกลางต่ำพอแล้ว และหาซับดีๆมาทำในช่วงความถี่ต่ำแทน เซ็ทให้ดี ให้เนียน phase, distant ให้ได้ แค่นี้รับรองว่ายังไงก็ฟังดีแน่นอนครับ.......
ซึ่งส่วนใหญ่ซับวูฟเฟอร์มักจะเป็นซับแบบ active ที่มีแอมป์มาในตัว (ส่วนใหญ่ก็ 300 - 1500 วัตต์) ซึ่งถือว่ากำลังมหาศาลมากกว่ากำลังขับจาก avr หรือ power ที่เอามาขับคู่หน้ามากนัก พอเอามาต่อในระบบ Home theater ย่านความถี่ต่ำก็สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเพราะย่านนี้ได้แอมป์ที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับซับตัวนั้นๆมาขับครับ
 
หากเราตัดความถี่ cross over ที่ 80 Hz แปลว่าย่านต่ำกว่านี้ซับวูฟเฟอร์จะรับไปทำงาน ย่านสูงกว่านี้ลำโพงหลักจะรับไปทำงาน คล้ายๆรับไม้ต่อในการวิ่งผลัดนั่นเอง (จริงๆจะมี roll off นิดหน่อยแต่ไม่มีสาระสำคัญขอข้ามไปไม่พูดถึง)




4. คำถามถัดมาคือ ตั้ง cross เท่าไร่ดี ถ้าให้ผมแนะนำง่ายๆแบบไม่อิงหลักการมาก ก็ตามมาตรฐาน THX ที่ 80 Hz
แต่ในบางระบบ อาจจะไม่ชอบ ก็สามารถเซ็ทเปลี่ยนได้ตามต้องการและความชอบครับ แต่หลักง่ายๆสำหรับผมเองให้ดูสองอย่างดังนี้

  4.1. ลำโพงหน้าลงได้เท่าไร่ หากลำโพงเล็กมาก ลงได้ 100 Hz แปลว่าซับโดนบังคับให้ตัดที่ 100 หรือมากกว่าเช่น 120 Hz เพราะหากตัดต่ำกว่านี้เช่น 80 Hz เราจะเสียความถี่ช่วง 80 - 100 Hz ไป ซึ่งการตัดความถี่สูงๆเช่น 100 - 120 Hz ในชุดราคาประหยัดหรือเริ่มต้นนั้น คุณภาพอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไร่นัก
ปกติตัด cross สูงๆสามารถทำได้ในซับที่ดีมากๆ มีความไวมากๆ กระชับ เช่นซับที่ออกแบบมาในระบบดูหนังโดยเฉพาะ แต่ซับบ้านทั่วๆไปหากตัดที่ความถี่สูงๆแบบนี้ ส่วนใหญ่มักจะมีอาการคือมันเบลอๆ บวมๆ และฟังยานๆคลางๆ ดูอื้ออึง ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเซ็ทอัพ นั่นเป็นเพราะความถี่ต่ำช่วง 100 - 120 Hz บางทีมันมีเสียงคนพูด หรือเสียง effect อย่างอื่นที่มันควรจะทำในลำโพงหลัก เสียงที่เร็วมากๆๆปนมาด้วย บางทีมีเสียงคนดำพูดปนมา ซับบ้านทั่วไปไม่ได้เก็บตัวเร็วพอ พอเจอย่านนี้ เบสก็ทำงานไม่ทัน และมีเบสมาปนกวนกับย่านอื่น ฟังดูยาน บวมและฟังไม่ค่อยดีนัก
 
  4.2. ซับวูฟเฟอร์ทำงานได้ดีแค่ไหน ถ้าเป็นซับทั่วๆไปนั้นออกแบบมาให้ดูหนังฟังเพลง ส่วนใหญ่จะแผ่หน่อยๆ
ให้ดูบุคลิคและความไวในการเก็บตัวของซับ แผ่ครางแค่ไหน หากแผ่มากแล้วเซ็ท cross สูงมากๆเช่น 120 ส่วนใหญ่เบสจะกลบรายละเอียด เพราะซับทำงานไม่ทัน หลงเหลือคลื่นความถี่ต่ำที่ควรจะหยุดและเก็บตัวแล้วหลงเหลือไปกวนกับย่านกลางแหลม ทำให้ฟังดูบวมๆ อู้อี้ๆ ซึ่งอันนี้ก็ตัดสินใจเอาที่ชอบกันเลยว่าชอบแบบไหน
ส่วนตัวผมชอบเบสที่เร็ว เก็บตัวทันที และไม่แผ่ครับ ดังนั้นซับที่เลือกใช้ส่วนใหญ่ผมมักจะเลือกซับแนวดูหนังที่เร็วๆ หนัก มีไดนามิคดีๆ ตรงนี้ทำให้สามารถเลือกปรับ crossover ได้สูงกว่า 80 Hz นิดๆได้ด้วย (แต่จริงๆแนะนำที่ 80 มากกว่า)

 
สุดท้าย จะปรับ large / small และตั้ง crossover เท่าไร่นั้นมีหลักการรองรับอยู่แล้ว ลองปรับตามหลักดูก่อน หากไม่ชอบจะปรับเปลี่ยนมาเป็นแนวที่ชอบก็ตามอัธยาศัย เพราะเรื่องความชอบนั้นต้องบอกว่า ไม่มีผิดไม่มีถูก บางคนชอบเบสแผ่ๆครางๆ เยอะๆ บางคนทนฟังเบสไม่ได้เลย ขอน้อยๆตัดที่ 40-50 Hz ก็มี
เล่นเครื่องเสียงตามใจผู้ฟัง เอาที่สะดวกและสบายใจ เล่นแล้วมีความสุขสำคัญที่สุดครับ
 
หากบทความนี้ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี่... ขอบคุณครับ







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 05, 2017, 07:08:53 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #601 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2014, 09:12:19 pm »
การตั้งค่าลำโพงเป็น Large หรือ Small ดีกว่ากัน



วันนี้ขอเขียนถึงเบสิค พื้นฐานเริ่มต้นเลยของการเล่น Home theater และก็เป็นคำถามเบื้องต้นที่ถูกถามมากที่สุดเช่นกัน จะพยายามเขียนให้สั้น กระชับ และเข้าใจง่ายที่สุดสำหรับมือใหม่อ่านเข้าใจง่ายๆครับ
 
1. Large / Small คืออะไร คำนี้ไม่ได้หมายถึงขนาดตู้ลำโพงเหมือนที่เราเข้าใจนะครับ แต่
    1.1 Large หมายถึงการปล่อยให้ลำโพงตัวนั้นเล่นได้ตลอดทุกย่านความถี่ (ทั่วไป 20 KHz - 20 KHz) นั่นหมายถึงลำโพงที่จะเล่นได้ขนาดนี้ย่อมไม่ใช่ลำโพงตัวเล็กๆหรือลำโพงแซทเทิลไลท์ เพราะหากเอาลำโพงเล็กที่ลงลึกได้ 50Hz มาปรับเป็น large ก็แปลว่า avr/pre ของเราจะส่งความถี่มาหมด ตั้งแต่ 20 - 20 KHz แต่วงจรในตัวลำโพงจะตัดความถี่ที่ต่ำกว่า 50 Hz ทิ้งไป เพราะตัวเองทำไม่ไหว แปลว่าเราได้ฟังเสียงจากหนังหรือเพลงที่บันทึกมาไม่ครบครับ
 
   1.2 Small หมายถึง เราตัดความถี่ต่ำช่วงนึง แบ่งไปให้ลำโพงซับวูฟเฟอร์ทำ ซึ่งทั่วๆไปเราจะตัดกันที่ 120 - 50Hz หรือตัดตามมาตรฐาน THX นั่นคือ 80 Hz แปลว่าความถี่ที่ต่ำกว่านี้ จะถูกตัดจากลำโพงหลัก และยกไปให้ Subwoofer ทำงานแทนครับ




2. ข้อดี ข้อเสีย ของการตั้ง Large

     ส่วนใหญ่ในระบบ Home theater นั้นผมมักไม่ค่อยแนะนำให้ตั้ง Large ในระบบเท่าไร่ น่ั่นเป็นเพราะว่า หากเรากางสเปกของลำโพงคู่หน้าออกมาดูเราจะเห็นว่ามันลงได้ไม่ลึกมาก ลำโพงตั้งพื่้นตัวใหญ่ๆลงได้ 26 - 30 Hz คือเก่งแล้ว และถ้าดูกราฟของลำโพงให้ดีๆจะเห็นว่าในช่วง 40-50 Hz ลงมา ลำโพงพวกนี้มักจะ roll-off ลงมาแทบจะไม่เหลือคุณภาพและความดังและอิมแพคของเสียงเบสที่ดีสำหรับระบบดูหนังแล้ว คือสเปกมันลงได้แต่มันไม่ดังเท่าย่านอื่น ไม่หนักแน่นไม่มีอิมแพคจากเสียงเบสที่ควรจะเป็นครับ
 
หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือลำโพงหลักก็เปรียบเสมือนนักวิ่งมาราธอนที่เก่งหลายด้าน วิ่งตลอดทุกย่าน ทั้งความถี่สูง กลางและต่ำ แต่ไม่ได้เก่งมากในความถี่ต่ำมากๆ คือวิ่งมาตั้งแต่ 20 KHz แล้วก็เริ่มมาผ่อนที่ 60-80 Hz เนื่องจากความถี่ต่ำมากๆนั้นมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากย่านอื่นตรงที่คลื่นความุถี่ต่ำนั้นยาวมาก และต้องการกรวยวูฟเฟอร์และช่วงชักที่ใหญ่มากพอจะสร้างคลื่นความถี่ต่ำ้ ไม่เหมือนกับย่านกลางสูง หรือกลางต่ำที่ใช้วูฟเฟอร์สัก 5-8 นิ้วก็ได้คุณภาพเสียงที่เพียงพอกับความต้องการได้แล้ว
กลับกัน Subwoofer ก็เหมือนนักวิ่งฝีเท้าจัดที่ซ้อมมาทั้งชีวิตเพื่อหวังชิงชัยกับช่วงความถี่ต่ำ 20 - 120 Hz นี้มาโดยเฉพาะ

ลองคิดดูหากจะวัดกันเฉพาะความถี่ต่ำอย่างเดียว ระหว่างซับวูฟเฟอร์ที่เก่งด้านนี้โดยเฉพาะ ถูกสร้างมาเพื่อทำงานย่านนี้อย่างซับวูฟเฟอร์ นำไปเทียบกับ ลำโพงหลักที่ถูกสร้างมาให้วิ่งมาราธอนไกลๆ และทำงานตลอดทุกย่านความถี่นั้น ใครจะได้เปรียบเสียเปรียบ



  2.1. ข้อดีของ large คือเหมือนเสริมเอาลำโพงหลักมาเสริมเป็นซับตัวเล็กๆอีกตัวในระบบ นั่นคือนอกจากเราจะมีซับวูฟเฟอร์แล้ว ลำโพงหลักยังช่วยลงมาทำงานเสริมกันไปด้วย ซึ่งถ้าเซ็ทให้ดีๆในบางซิสเต็มก็อาจให้ผลลัพธ์ที่ดีและน่าพอใจก็ได้ ซึ่งอันนี้แล้วแต่ความชอบของผู้ใช้งาน ไม่มีถูกไม่มีผิด
 
   ข้อดีอีกข้อคือ ในระบบฟังเพลง หรือระบบที่ไม่ซับวูฟเฟอร์นั้น อย่างไรก็ต้องเซ็ทลำโพงหลักเป็น large เพื่อให้ลำโพงตอบสนองความถี่ให้ครบ หากระบบคุณไม่มีซับ แล้วไปตัดลำโพงหน้าเป็น small ผลก็คือเบสจะไม่มีเลย เพราะ avr/pre จะตัดความถี่ต่ำกว่า 80-100 Hz ทิ้งไปหมด เหมือนนั่งฟังลำโพงที่ไม่มีเบส ฟังแล้วหงุดหงิดมาก
จะเห็นว่าในระบบ 2 ch หรือชุดฟังเพลงสมัยก่อน จะมีบางท่านนิยมใช้ลำโพงหลักอย่างเดียว และไม่ใช่ซับวูฟเฟอร์เลย เพราะมีความเชื่อว่า 2 แชนแนลที่ดี ต้องไม่มีเบสมากวน ต้องใสๆ กรุ๊งกริ้งๆ มีอิมเมจ ซาวด์สเตจที่ชัดเจน ในระบบนี้แบบนี้ลำโพงหน้าจะปล่อยความถี่ออกมาเป็น Large เสมอครับ ซึ่งเอาจริงๆผมว่าฟังแบบไร้ซับ มันจะเหมาะกับเพลงร้องหรือเพลงบางประเภทเท่านั้น แนว audiophile, vocal

แต่หากลองเอามาฟังเพลง pop rock หรือเพลง electronic แล้วจะรู้เลยว่าหากฟังโดยไม่มีซับวูฟเฟอร์นั้น "นรกมีจริง"


  2.2. ข้อเสียของการตั้ง large คือ ย่านความถี่ต่ำที่ได้จากคู่หน้ามันไม่มีคุณภาพดีพอ แม้ลำโพงคุณจะตัวใหญ่เท่าห้องก็เถอะ การที่จะเร่งให้คุณภาพเสียงความถี่ต่ำได้คุณภาพนั้น เราอาจต้องลงทุนและใช้ Power amp ขนาด monoblock กล้ามโต 400-500 วัตต์มาขับให้ลำโพงคู่หน้าตัวนั้นมีเบสที่ดีพอ ซึ่งมันสิ้นเปลือง และมันก็ไม่ดีพอ หากเทียบกับซับวูฟเฟอร์ดีๆสักตัวครับ




   3. ข้อดี ข้อเสีย ของการตั้ง Small

   เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำงาน แบ่งเบาภาระของลำโพงหลัก และแอมป์ด้วย ให้ลำโพงหลักทำหน้าที่ที่มันเก่งคือช่วงย่านกลางแหลมและกลางต่ำพอแล้ว และหาซับดีๆมาทำในช่วงความถี่ต่ำแทน เซ็ทให้ดี ให้เนียน phase, distant ให้ได้ แค่นี้รับรองว่ายังไงก็ฟังดีแน่นอนครับ.......
ซึ่งส่วนใหญ่ซับวูฟเฟอร์มักจะเป็นซับแบบ active ที่มีแอมป์มาในตัว (ส่วนใหญ่ก็ 300 - 1500 วัตต์) ซึ่งถือว่ากำลังมหาศาลมากกว่ากำลังขับจาก avr หรือ power ที่เอามาขับคู่หน้ามากนัก พอเอามาต่อในระบบ Home theater ย่านความถี่ต่ำก็สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเพราะย่านนี้ได้แอมป์ที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับซับตัวนั้นๆมาขับครับ
 
หากเราตัดความถี่ cross over ที่ 80 Hz แปลว่าย่านต่ำกว่านี้ซับวูฟเฟอร์จะรับไปทำงาน ย่านสูงกว่านี้ลำโพงหลักจะรับไปทำงาน คล้ายๆรับไม้ต่อในการวิ่งผลัดนั่นเอง (จริงๆจะมี roll off นิดหน่อยแต่ไม่มีสาระสำคัญขอข้ามไปไม่พูดถึง)




4. คำถามถัดมาคือ ตั้ง cross เท่าไร่ดี ถ้าให้ผมแนะนำง่ายๆแบบไม่อิงหลักการมาก ก็ตามมาตรฐาน THX ที่ 80 Hz
แต่ในบางระบบ อาจจะไม่ชอบ ก็สามารถเซ็ทเปลี่ยนได้ตามต้องการและความชอบครับ แต่หลักง่ายๆสำหรับผมเองให้ดูสองอย่างดังนี้

 4.1. ลำโพงหน้าลงได้เท่าไร่ หากลำโพงเล็กมาก ลงได้ 100 Hz แปลว่าซับโดนบังคับให้ตัดที่ 100 หรือมากกว่าเช่น 120 Hz เพราะหากตัดต่ำกว่านี้เช่น 80 Hz เราจะเสียความถี่ช่วง 80 - 100 Hz ไป ซึ่งการตัดความถี่สูงๆเช่น 100 - 120 Hz ในชุดราคาประหยัดหรือเริ่มต้นนั้น คุณภาพอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไร่นัก
ปกติตัด cross สูงๆสามารถทำได้ในซับที่ดีมากๆ มีความไวมากๆ กระชับ เช่นซับที่ออกแบบมาในระบบดูหนังโดยเฉพาะ แต่ซับบ้านทั่วๆไปหากตัดที่ความถี่สูงๆแบบนี้ ส่วนใหญ่มักจะมีอาการคือมันเบลอๆ บวมๆ และฟังยานๆคลางๆ ดูอื้ออึง ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเซ็ทอัพ นั่นเป็นเพราะความถี่ต่ำช่วง 100 - 120 Hz บางทีมันมีเสียงคนพูด หรือเสียง effect อย่างอื่นที่มันควรจะทำในลำโพงหลัก เสียงที่เร็วมากๆๆปนมาด้วย บางทีมีเสียงคนดำพูดปนมา ซับบ้านทั่วไปไม่ได้เก็บตัวเร็วพอ พอเจอย่านนี้ เบสก็ทำงานไม่ทัน และมีเบสมาปนกวนกับย่านอื่น ฟังดูยาน บวมและฟังไม่ค่อยดีนัก
 
 4.2. ซับวูฟเฟอร์ทำงานได้ดีแค่ไหน ถ้าเป็นซับทั่วๆไปนั้นออกแบบมาให้ดูหนังฟังเพลง ส่วนใหญ่จะแผ่หน่อยๆ
ให้ดูบุคลิคและความไวในการเก็บตัวของซับ แผ่ครางแค่ไหน หากแผ่มากแล้วเซ็ท cross สูงมากๆเช่น 120 ส่วนใหญ่เบสจะกลบรายละเอียด เพราะซับทำงานไม่ทัน หลงเหลือคลื่นความถี่ต่ำที่ควรจะหยุดและเก็บตัวแล้วหลงเหลือไปกวนกับย่านกลางแหลม ทำให้ฟังดูบวมๆ อู้อี้ๆ ซึ่งอันนี้ก็ตัดสินใจเอาที่ชอบกันเลยว่าชอบแบบไหน
ส่วนตัวผมชอบเบสที่เร็ว เก็บตัวทันที และไม่แผ่ครับ ดังนั้นซับที่เลือกใช้ส่วนใหญ่ผมมักจะเลือกซับแนวดูหนังที่เร็วๆ หนัก มีไดนามิคดีๆ ตรงนี้ทำให้สามารถเลือกปรับ crossover ได้สูงกว่า 80 Hz นิดๆได้ด้วย (แต่จริงๆแนะนำที่ 80 มากกว่า)

 
สุดท้าย จะปรับ large / small และตั้ง crossover เท่าไร่นั้นมีหลักการรองรับอยู่แล้ว ลองปรับตามหลักดูก่อน หากไม่ชอบจะปรับเปลี่ยนมาเป็นแนวที่ชอบก็ตามอัธยาศัย เพราะเรื่องความชอบนั้นต้องบอกว่า ไม่มีผิดไม่มีถูก บางคนชอบเบสแผ่ๆครางๆ เยอะๆ บางคนทนฟังเบสไม่ได้เลย ขอน้อยๆตัดที่ 40-50 Hz ก็มี
เล่นเครื่องเสียงตามใจผู้ฟัง เอาที่สะดวกและสบายใจ เล่นแล้วมีความสุขสำคัญที่สุดครับ
 
หากบทความนี้ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี่... ขอบคุณครับ







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 05, 2017, 07:09:58 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #602 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2014, 09:22:37 am »


จัดส่งขาตั้งเซอราวด์ Z4 และจานรองสไปรค์ให้คุณโอ๊ตที่ลพบุรี
และจัดส่งขาตั้งเซอราวด์ปรับระดับได้ S8 MKII
และขาตั้งเซ็นเตอร์ modify ตามสเปก ให้คุณโค้กที่บางบัวทอง

ราคา Z4: http://www.whatthatsound.com/product/408/stand-front-z4







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 05, 2017, 07:25:35 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #603 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2014, 12:50:47 pm »


จัดส่ง Klipsch RP140SA ไปให้ลูกค้าที่นนทบุรี นครอินทร์
ตัวนี้ลูกค้าลูกค้าออเดอร์ผ่านเว็บของเราเข้ามา ปกติคนไทยไม่ค่อยใช้ระบบเว็บช้อปปิ้งเท่าไร่  เป็นเรื่องที่น่าดีใจที่ระบบ shopping เริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้น
ตัวนี้เราเลยจัดส่งด่วน ภายใน 3 ชั่วโมงกันไปเลย

RP140SA เป็นลำโพงที่ออกแบบมาให้เป็นลำโฑง Dolby Atmos Enabled นั่นคือจำลองเสียงจากข้างบนลงมา โดยใช้การยิงเสียงขึ้นไปบนฝ้าเพดาน  ตัวนี้จึงติดตั้งโดยนำไปวางบนลำโพงคู่หน้า  เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสะดวกสบาย ไม่ต้องเจาะฝ้าเดินสายให้ลำบาก  แต่ความสมจริงก็อาจจะลดทอนลงบ้างจากลำโพงแบบฝังฝ้าจริงๆครับ

และก็มีนักเล่นหลายๆท่าน นำไปประยุกต์ใช้โดยการนำไปใช้เป็น Surround ก็มีเช่นกัน

ราคา Klipsch RP140SA: http://www.whatthatsound.com/product/202/klipsch-rp-140sa







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 05, 2017, 08:10:12 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #604 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2014, 04:30:55 pm »



อาทิตย์ก่อนเราไปส่ง Klipsch R112SW ให้ลูกค้าที่อยุธยามาครับ เป็นการไปส่งด้วยตัวเองถึงบ้านเลย งานนี้ถือโอกาศไปแวะไหว้พระเสริมความเป็นสิริมงคลกับตัวเองที่วัดใหญ่ชัยมงคลด้วย ออกเดินทางกันแต่เช้าถึงบ้านลูกค้า 9 โมงพอดี ยกซับเข้าบ้านแกะกล่อง ติดตั้ง และเทสจบในเวลา 5 นาที ที่วางลูกค้าฟิกซ์ตำแหน่งไว้แล้ว ทำอะไรไมไ่ด้นอกจากรอเบิร์นสักพัก แล้วค่อยเซ็ทอัพกันอีกที

R112SW เป็นซับราคาประหยัดสำหรับนักเล่นระดับเริ่มต้นที่คุณภาพจัดว่าไม่แพ้ใคร รวมไปถึงความคุ้มค่าของตัว R112SW ที่ถือว่า คุ้มค่าที่สุดตัวนึงในซับย่านราคา 2 - 3 หมื่นบาทครับ

บุคลิกเสียงของ R112 จะเป็นซับที่เบสเยอะ ให้เบสแบบไม่กั๊ก ไม่มีปัญหาห้องใหญ่ๆแล้วเกิดอาการเบสหาย มีแต่ลม หรือเปิดแล้วแต่ไม่รู้ว่าเปิด เบสออกมาพอจั๊กกะจี๊แบบนั้นจะไม่เจอใน R112SW
การเก็บตัวจะเป็นแนวกึ่งกระชับกึ่งแผ่นิดๆ เหมาะสำหรับใครที่ชอบเบสดุๆ เยอะๆ สะใจๆ และเร่งได้เยอะโดยไม่มีปัญหาแป๊ก




ซีรี่ย์นี้มีซับด้วยกัน 3 รุ่น R110Sw, R112Sw, R115Sw
และก็จะข้ามไปรุ่นใหญ่อย่าง THX Sub ที่เป็น Passive sub อย่าง KL-120 + KA1000 ไปเลยครับ

ราคา Klipsch R112SW: http://www.whatthatsound.com/category/4/klipsch/klipsch-subwoofer







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 05, 2017, 08:54:59 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #605 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2014, 09:16:09 pm »
จัดส่งแผ่น planet green หนึ่งกล่องสีดำ (10 แผ่น) ให้คุณแก๊บที่โบ๊เบ๋
และจัดส่งแผ่น planet green คละสี (ขาว เบจ เทา) ให้คุณประภาวุทย์ ที่สุขสวัสดิ์อีก 12 แผ่น (เดิมสั่งไปแล้ว 6 แผ่น) ตอนหลังชอบ เพราะติดแล้วให้เสียงที่นิ่ง สงัด และ Image soundstage ชัดเจนขึ้น เลยสั่งอีกรอบ รวม 18 แผ่น



ถ้าถามว่า แผ่นซับเสียงช่วยเรื่องอะไร จำเป็นมั๊ย ก็ต้องตอบว่า เครื่องเสียงจะดีไม่ดีนั้น อยู่ที่สองสิ่ง นั้นคือ
เสียงของห้อง และเสียงของเครื่องเสียงเอง
เสียงของห้องก็คือขนาด ไดเมนชั่นและอคูสติกของห้อง
แผ่นซับเสียงจะช่วยเรื่องอคูสติกให้ห้องที่ก้อง และมีการสะท้อนที่สูงฟังเพลง ดูหนังแล้วฟุ้งไปหมด เสียงจับโฟกัสไม่ได้ให้มีอัตราการสะท้อนของเสียงที่ดี มีความเป็น Live ดูดซับเสียงที่สะท้อนมากๆให้เก็บตัวและมีมิติที่ดีขึ้น รวมไปถึงแก้เสียงก้องในบางจุดของห้องได้ผลเป็นอย่างดี

ถ้าถามว่าดีมั๊ย ลองอ่านรีวิวดูครับ ถ้าไม่ดี ผมเองก็คงไม่ติดไว้ในห้องฟังของผมเองให้รก รวมถึงห้องฟังใหม่ของเราก็จะติดแผ่น planet green เช่นกัน

รีวิว Planet green: http://goo.gl/Yf1W3H











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 11, 2017, 08:52:52 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #606 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2014, 08:34:37 am »


จัดส่ง Polk New Signatur รุ่นใหม่ S15 + S35 ไปให้ลูกค้าที่นครปฐมครับ 

รุ่นใหม่หน้าตาสวยงามหมดจด กระทัดรัดดีจริงๆ
คาดว่าน่าจะขับง่ายขึ้นกว่ารุ่นเดิมอีกเยอะด้วย
เพราะรุ่นเก่า ลูกค้าถามมากันเยอะว่า
ใช้ rti a7 ใช้ avr อะไรขับได้ดีที่สุด
ก็ขอตอบว่า ไม่มีครับ ลำโพงขับยากมาก ถ้าเอาเสียงออกก็พอได้
แต่ถ้าเอาเสียงดีก็ต้อง Power
แต่ถ้าซื้อลำโพงราคา 3-4 หมื่น แล้วต้องซื้อ Power ดีๆอีกร่วมแสน ก็ต้องลองพิจารณาดูว่า คุ้มมั๊ย กับการซื้อลำโพงไม่แพง แต่ต้องลงทุนแอมป์แพงๆ 

ราคา Polk S35: http://www.whatthatsound.com/product/609/polk-s35

ราคา Polk S15: ]http://www.whatthatsound.com/product/612/polk-s15
[/url]

















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 17, 2017, 06:02:28 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #607 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2014, 12:31:55 pm »


จัดส่ง Kef iq50 มือสอง ไปให้ลูกค้าที่หมู่บ้านซื่อตรงบางใหญ่

ตัวนี้เป็นลำโพงในตระกูล Kef Q ที่ให้เสียงร้องดี เหมาะกับการเอาไปฟังเพลงมากๆครับ เพราะเสียงผมได้มีโอกาศลองฟังแล้ว มันเนียน ใสดีจริงๆ  งานประกอบสวย หรู เห็นแล้วชื่นใจสมกับเป็น kef จริงๆ











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 17, 2017, 06:10:34 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #608 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2014, 05:23:12 pm »


ส่ง Subwoofer Klipsch R112SW มือสองราคาพิเศษ แพ้คคู่ไปให้ลูกค้าครับ  งานนี้ลูกค้ามารับเอง เรากำลังดูภาพโปรเจคเตอร์ตัวใหม่ 8300 กันอยู๋ เลยได้มีโอกาศต่อทดลอง และก็แถมด้วยชมภาพ pjt สวยแจ่มๆแถมไปด้วยครับ  ของเค้า ภาพสดใสคมน้องๆ led จริงๆ  หุหุ

ซับ R112SW ไม่ใช่ซับที่ดีที่สุด ไม่ใช่ซับที่เสียงดี
แต่มันเป็นซับที่คุ้มตังครับ 2 หมื่นกว่าบาท คุณภาพที่ดีในการดูหนัง ผมเชื่อว่าไม่มีซับตัวไหนให้แบบนี้ได้ ถ้าเน้นเอาดูหนัง มันเป็นซับที่คุ้มตังที่สุดตัวนึง   
ถ้าจะเล่นหาซับวูฟเฟอร์ดูหนัง แต่งบจำกัด อย่ามัวเสียเวลากับซับตัวอื่นที่เสียงเบาๆเหมือนแมวครับ  ซับดูหนังดีในงบนี้มีไม่กี่แบรนด์ และ Klipsch ก็พิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่า ที่ขายดีและเป็นที่นิยมขนาดนี้ ระดับที่ถ้าเข้าไปในห้องนักเล่น Multi channels 10 บ้าน เราจะเจอ Klipsch ซะ 4-5 บ้าน 
อันนี้คือเรื่องจริง  ว่าของมันคุ้มตังจริงๆ

ราคา Klipsch R112SW: http://www.whatthatsound.com/product/4/klipsch-r-112sw
















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 19, 2017, 10:15:18 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #609 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2014, 09:14:57 pm »



จัดส่ง Anthem MCA352 เพาเวอร์แอมป์กำลังขับ 225 วัตต์ 3 แชนแนล ไปให้ลูกค้าเก่าเราที่นครปฐม (พร้อมสายสัญญาณ Fururech SA22  + FP160)
ตอนนี้ลูกค้ากำลังอัพเกรดจากเดิม 5.1 แชนแนล ตอนนี้จะมาเล่นเป็น 7.1 แชนแนล จึงเติมเพาเวอร์แอมป์เสริมสำหรับ SRB ที่จะเพิ่มเข้ามา
จริงๆลูกค้าท่านนี้เป็นแฟนพันธ์แท้ Anthem เลยก็ว่าได้ เพราะอุปกรณ์ทุกชิ้นล้วนมาจากแคนาดาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น

-----------------------------------------------------------
Pre Anthm AVM60
Power Anthem MCA525, 325
Speaker Paradigm Signature
จะมีแค่ซับที่มาจากอเมริกา นั่นคือ SVS SB16 Ultra นั่นเอง
-----------------------------------------------------------



เราขับรถไปส่งเองตั้งแต่เช้า เข้าไปก็เจอห้องที่คุ้นเคย จริงๆเป็นอีกห้องนึงที่สวยงามและดูดีมากๆครับ อุปกรณ์ทุกชิ้นแมทชิ่งและเข้ากันได้เป็นอย่างดี จะมีแอมป์อะไรเหมาะกับลำโพง Paradigm ไปกว่า Anthem อีก ในเมื่อมันผลิตและจูนเสียงโรงงานเดียวกัน (จะมีแอมป์อะไรเหมาะกับลำโพงสายละมุน อย่าง B&W ได้เท่าแอมป์ Rotel ที่จับกันแล้วแมทอย่าบอกใคร แต่ไปจับกับลำโพง cinema อื่นแล้ว...อาจจะฟังดูขาดความหนักแน่นไปบ้าง) ทุกอย่างบนโลกมีคู่แมทชิ่ง และคู่ที่ไม่เข้ากันอยู่เสมอ เมื่อมีสิ่งที่ผสมเข้ากันได้อย่างลงตัว ก็ย่อมต้องมีสิ่งที่ล้างและต้านกัน เป็นธรรมดาของธรรมชาติโลกใบนี้ครับ
ไม่เว้นแม่แต่เครื่องเสียง

การเล่นโดยหลับหูหลับตาจิ้มแล้วจับผสมกัน อาจจะได้ชุดที่เสียงดีตามราคาที่จ่าย
แต่การเล่นแบบรู้เขารู้เรา รู้ว่าอะไรจับกะอะไนแล้วดี อะไรจับกะอะไรแล้วเสียงแย่ การเล่นแบบนี้ย่อมให้เสียงที่ดีมากกว่าในงบเท่าๆกันหรือจ่ายน้อยกว่าเสมอครับ

ราคา Anthem MCA325: http://www.whatthatsound.com/product/440/anthem-mca325



















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 19, 2017, 11:32:13 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #610 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2014, 08:04:47 am »
พาชมซิสเต็มและตามรอยการเดินทางของห้องที่เกิดมาเพื่อดูหนังอย่างแท้จริงที่พุทธทณฑลสาย 3



วันนี้ขออนุญาติพาชมห้องฟังสวยๆของลูกค้าเราที่สายสาม
งานนี้ขอยกเครดิตให้กับคุณ Big (B Acoustic) ที่ได้ลงแรงและลงไอเดียในการปรับโฉม รังสรรค์ห้องสวยๆนี้ รวมถึงงานติดตั้งลำโพงทั้งหมด 7.4.4 แชนแนล (ซับ 4 ตัว) และทำห้องฟังให้บรรยากาศสวยงาม รวมถึงลงโปรเจคเตอร์ให้พร้อมครบถ้วนสมบูรณ์ครับ
 
เสร็จออกมาเป็นห้องดูหนังที่ให้บรรยากาศสวยงาม และยิ่งไปกว่านั้น เสียงยังดีมากๆๆๆอีกด้วย


อ่านบทความนี้เต็มๆได้ที่นี่: https://goo.gl/1VpyzM

-------------------------------------------------------------------------
 - เส้นทางของลูกค้าเราท่านนี้เริ่มมาจาก Klipsch R15PM ลำโพงแอคทีฟตัวเล็กๆ
 
 - แล้วก็กระโดดไป Klipsch RP280F + RC64 II + Klipsch R115SW ขับด้วย AVR Anthem MRX720
 
 - ต่อมากระโดดไปปรีโปร Anthem AVM60 +Anthem MCA525
 
 - ต่อมาก็เติมซับ SVS SB16 Ultra เข้าไปอีกตัว
 
 - ต่อมาก็กระโดดไป Klipsch THX ultra 2 พร้อมกับซับ Klipsch THX Passive KL120 สองตัว พร้อมแอมป์ KA1000 อีกหนึ่งตัว
 
 - ต่อมาก็ได้ Emotiva XPA5 gen2 มาเสริมทัพ แล้วติดใจเสียงและแมทชิ่งกับ Klipsch THX มากกว่า Anthem เสียอีก เลยสั่ง Emotova XPA5 gen2 มาเสริมอีกตัว แล้วก็หิ้ว Emotiva XPA3 Gen3 มาเสริมอีกตัว สรุปห้องนี้มี Emotiva ถึง 3 เครื่อง
 
 - ต่อมาก็อัพไปเป็น Procella ทั้งระบบ P8 (LCR) + P6V (SR,SBR) แต่ลำโพง Atmos นั้นใช้ลำโพงแบบฝังฝ้าของ Klipsch THX Ultra2 (Klipsch Pro kl 7502-L)
 
 - ต่อมาก็เติมซับ Passive ของ Procella เข้าไปอีกสองตัว P15 และแอมป์พร้อม DSP DA-06DSP อีกหนึ่งตัว
------------------------------------------------------------------------------------




สรุป ห้องนี้ใช้ซับ 4 ตัว เป็นซับ passive ทั้งหมด Procella 2 ตัว และ Klipsch THX Sub 2 ตัว ใช้งานร่วมกัน
เป็นอีกห้องที่สวยงาม และมีการเดินทางที่มีเรื่องราว มีสตอรี่ และมีจุดมุ่งหมายชัดเจน และเดินมาตามทางที่กำหนดมาอย่างไม่หลงทางครับ จะเห็นว่าลำโพงที่เลือกมาตั้งแต่ต้น ก็ล้วนเป็นลำโพงแนวที่เจ้าของห้องชอบทั้งนั้น เสียงมันๆ ดูหนังสนุก เบสดีๆ
เจ้าของไม่หลงทางเขวไปทางอื่นเลย.... จริงๆแนวที่ลูกค้าเล่นก็ชัดเจนในตัวเอง ว่าต้องการเอามาดูหนังจริงๆ ไม่ได้ต้องการเอามาฟังเพลง ต้องการไดนามิค ต้องการอิมแพค ไม่ได้ต้องการความนุ่มหู ไม่ได้ต้องการเสียงหวาน เสียงแหลมละมุนทอดยาวแนวฟังเพลง


ดังนั้นการเล่นของข้ามสาย ข้ามแนวกันนั้นบางทีอาจทำให้หลงทางได้ ผมเห็นส่วนใหญ่ใครชอบแนวฟังเพลง ชอบแนวนุ่มๆเค้าก็จะเล่นแต่ลำโพงแนวอังกฤษ เยอรมันกันอยู่แต่ในสายนั้น ฟังแอมป์สายอังกฤษนานๆ พอมาฟังแอมป์สายแคนาดา สายอเมริกันก็จะบอกว่าทึบ สาก ไม่เนียน
ตรงกันข้าม... สายดูหนัง พอไปฟังแอมป์ ลำโพงอังกฤษก็บอก ไดนามิคไม่มี แหลมไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการดูหนังได้เลย
 
ต่างคนต่างชอบ ลางเนื้อชอบลางยา ความชอบคือปัจเจก ดีของเราอาจจะห่วยของเค้า ดีของเค้าอาจจะห่วยสำหรับเรา
 
ค้นหาตัวตน ความชอบของตัวเองให้เจอ เพราะเครื่องเสียงไม่มี All in one ที่ดีทุกอย่างในตัวเดียวแน่นอน คุณชอบแนวไหน ดูหนัง 100% ดนตรีสด หรือเพลง audiophil แนวละมุนหู สบายๆ
ค้นหาให้เจอ แล้วจะเล่นได้อย่างไม่หลงทาง
ข้ามไปข้ามมา สลับไปสลับมา นอกจากจะเสียเงินแล้วยังเสียเวลาครับ


 
ลูกค้าเราค้นพบตัวเองว่าชอบแนวเสียงแบบไหนมาตั้งแต่วันแรก พอฟัง Klipsch ก็ชอบ แล้วก็ต้องการจะให้เสียงมันดีขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ในแนวทางนี้
จนในที่สุดก็มาจบที่ซิสเต็มนี้ ในฐานะที่เราเป็นคนที่ให้คำแนะนำ และจัดหาของเกือบทุกชิ้นให้ลูกค้ามาตั้งแต่แต่ เราก็ภูมิใจทุกครั้งที่สรุป ปลายทางมันออกมาดี มันออกมาตามที่ลูกค้าเราต้องการ ออกมาแล้วลูกค้าชอบมีความสุข และไม่หลงทาง
 
เราไม่ได้ต้องการขายของให้ได้จำนวนเยอะๆ แต่เราต้องการขายของที่ลูกค้าต้องการใช้จริงๆ ซื้อแล้วแฮปปี้ มีความสุข
ถ้ามันมี short cut ที่ลูกค้าเดินไปแล้ว ได้ในสิ่งที่ต้องการในราคาที่ถูก ตรงวัตถุประสงค์ เราก็จะแนะนำให้ไปทางนั้น
ดีกว่าไปเชียร์ ให้ใช้ของที่ไม่ตรงกับความต้องการแล้วไปเติมนู้นนี้นั้นมาเพื่อเสริม มาเติมแต่งเสียงที่มันไม่ดี ไม่ครบ ขาด แล้วไปซื้อซับ ซื้อนู้นซื้อนี้ ไปซื้อ accessories แพงๆมาเติมเพื่อกลบจุดด้อยของลำโพงหลัก และ pre + power
 
อย่าลืมว่าอุปกรณ์สำคัญที่สุดในซิสเต็มของคุณที่จะกำหนดทิศทางและแนวเสียง ก็คือ Speaker+Subwoofer, Pre, Power สามอย่างนี้เท่านั้นครับ (ไม่นับห้องซึ่งก็สำคัญไม่แพ้กัน) ถ้าสามอย่างนี้มันถูกต้องตรงกับความต้องการ ต่อให้ไปเอาปลั๊กหม้อหุงข้าวมาเสียบ ไปเอาสายสัญญาณ RCA ดำเหลืองขาวมาต่อ ไปเอาสาย yazaki มาเสียบลำโพง เสียงมันก็ดีเป็นทุนเดิม (เหมือนคน ถ้าหุ่น โครงหน้ามันดี แต่งนิดหน่อยมันก็ดีกว่าไปฝืนเอาคนที่หุ่นหรือโครงหน้าไม่ได้มาแก้ไขด้วย make up   หรือเหมือนนักกีฬา ถ้ามีพื้นฐาน มีโครงสร้าง มีพรสวรรค์เป็นทุนเดิม เอามาฝึกเอามาทำอะไรต่อมันก็ง่ายกว่า)
 
อย่าไปเชื่อใครที่เค้าบอกว่า ถ้าฟังเพลงดี มันจะดูหนังดีตามไปด้วย เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ครับ ถ้าขาวมันย่อมไม่ดำ ถ้าดำมันย่อมไม่ขาว
โลกนี้มีสิ่งที่ตรงข้ามกัน มีสิ่งที่เสริมกัน มีสิ่งที่หักล้างกันเสมอ มีสองขั้วเสมอ ไม่มีทางที่จะมีสิ่งใดๆในโลกที่ all in one ตัวเดียวดีครอบจักรวาล...


 
ราคา Procella: http://www.whatthatsound.com/category/105/procella
 
ราคา Klipsch THX: http://www.whatthatsound.com/category/9/klipsch/klipsch-thx-ultra-2
 
ราคา Emotiva: http://www.whatthatsound.com/category/106/emotiva-gen3
 
ราคา Anthem: http://www.whatthatsound.com/category/79/anthem

ราคา SVS Subwoofer: http://www.whatthatsound.com/category/100/svs/svs-subwoofer-2

























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 19, 2017, 02:41:03 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #611 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2014, 12:44:10 pm »


จัดส่ง Klipsch R115SW  ซับวูฟเฟอร์ดอก 15 นิ้วไปให้ลูกค้าที่โคราชครับ  ตัวนี้จัดส่งด้วนผ่าน Nim Express วันเดียวถึง
ส่วนตัวผมชอบส่งผ่าน Nim Express มากกว่าเจ้าอื่นครับ  เพราะมาตรฐานในการส่งที่ผมยืนๆดูแล้ว เค้าจะมีสายพานลำเลียงของไปถึงที่คัดแยกตามจังหวัดปลายทาง  และก็จะมีรถยกมายกของไปเข้ากรง แล้วเอาทั้งกรงขนขึ้นรถไปถึงปลายทางโดยไม่ต้องมีคนยกเลย   

แถมมีแทร๊กกิ้งให้เช็คในเว็บได้ด้วย พอส่งถึงปลายทางก็มีรูปให้ดูว่าส่งถึงมือแล้วนะ  ซึ่งรู้ด้านล่างรูปแรกนั้นก็เป็นฝีมือการถ่ายของพี่ๆ Nim Express ที่โคราชเค้าละครับ
ผมสามารถมีรูปถ่ายสินค้าถึงมือผู้รับได้โดยไม่ต้องกระดิกตัวไปไหนเลย  นั่งเฉยๆอยู่กทม ก็ยังอุ่นใจ เช็คสถานะของให้ลูกค้าได้แบบสบายใจ 
ข้อเสียข้อเดียวของ nim คือมันแพงหน่อยครับเมื่อเทียบกับขนส่งเจ้าอื่น แต่ก็ยอมเลือกเพราะซื้อความสบายใจและอุ่นใจ
อ้อ ข้อเสียอีกอย่าง คือถ้าส่งไปจังหวัดที่ปลายทางพนักงานขาด บางที Nim ก็ดองของเราไว้เหมือนกัน 2-3 วัน อันนี้เจอมากับตัว

ส่วนซับ R115SW  นี้ก็ต้องบอกคำเดียวว่า มันไม่ใช่ซับที่คุณภาพดีที่สุดครับ แต่มันเป็นซับที่คุ้มค่า คุ้มราคาที่สุดตัวนึงในงบ 3 หมื่นกว่าบาท 
ถ้าคุณต้องการเบสที่หนัก มีปริมาณ แผ่และเก็บตัวกำลังดี นี่คือคำตอบของซับที่คุ้มค่าที่สุดตัวนึงแน่นอน

ราคา Klipsch R115SW: http://www.whatthatsound.com/product/3/klipsch-r-115sw






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 22, 2017, 09:41:47 pm โดย keamglad »