What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Procella , SVS, Anthem, Parasound,Audyn

[keamglad]

ส่ง Emotiva XPA5 Gen2
มือหนึ่งตัวสุดท้ายของเราให้ลูกค้าจากเชียงรายครับ

ลูกค้าลงทุนวิ่งจากเชียงรายมารับด้วยตัวเอง แวะมาตอน 4 ทุ่ม ก่อนรับของก็พาเข้าไปฟังเสียงชุด Klispch THX ของเรากันก่อน ฟังจบพาไปส่งที่รถก็เดินเซๆ เนื่องจากจุกเบส (ล้อเล่นครับ)

ตัวนี้เป็นเจนสอง ที่เราตั้งใจไว้ว่า จะเอาไว้ประจำการในโชว์รูมของเราที่จะเปิดเร็วๆนี้ แต่เนื่องจากปัจจุบันมีตัวแทนนำเข้า Emotiva อย่างถูกต้องแล้ว และก็มี Gen3 ที่ออกมาใหม่ และให้เสียงที่ดีกว่า Gen2 ไปอีก ทั้งกำลังก็สูงกว่า  เราเลยตัดสินใจปล่อยตัวนี้ไป (ใจจริงก็เสียดายเหมือนกัน)

ไว้ลูกค้ากลับเชียงรายแล้ว ทดลองเสียงแล้วจะเอารูปสวยๆและรีวิวมาลงอีกครั้งครับ (ใช้กับ Klipsch RF II)

[keamglad]

Pre-Processos สำหรับดูหนังน่าเล่น ในยุคนี้ (มาตรฐาน 11.2 แชนแนล) ที่น่าเล่นเรียงตามความชอบของข้าพเจ้า

** ไม่นับรวม Pre รุ่นใหญ่ ไฮเอ็นท์ที่รองรับจำนวนแชนแนลสูงๆเช่น Trinnov, Strom อะไรพวกนี้ เพราะราคาสูงขึ้นไปมาก
และไม่นับรวมปรีรุ่นใหม่ที่ยังไม่ออก เช่น Emotiva RMC1 ที่รองรับ 16 แชนแนลและ Dirac live (ถ้าตัวนี้ออกมาจะมาแรงแซงโค้งมากๆ) และไม่รวม Marantz 7704 ที่กำลังจะออก


1. Anthem avm60 มาพร้อม dts playfi ตัวเดียวที่มีฟังชั่นนี้ แต่ที่สำคัญคือเสียงบาล้านมาดี เบสกำลังดีไม่หนักมาก รายละเอียดดี หยุมหยิม กลางแหลมเป็นเลิศ

2. Onkyo rz5100 ขวัญใจคนยาก เสียงหนา บู๊ เบสบ้าพลังสุดๆ ข้อดี ถูก ข้อเสีย กลางแหลมทึบไป ดาร์ก และราคาเสียไม่มีร้านไหนอยากคบค้าสมาคมหรือขายตัวนี้ เพราะมีบางร้านทำราคาเสีย (ขายทำการกุศลเปิดโรงทาน)
เชิญตัดราคากันตามสะดวกเลยครับ

3. Marantz 8802a
ขวัญใจมหาชน เสียงดีละเมียดละไม ฟรุ้งฟริ้งที่สุดในบรรดาปรีแสนกลางๆ ไม่เน้นเบส ดูคอนเสิรตดี แต่ดูหนีงประนีประนอมไม่ตูมตามมาก

4. Maranrz 7703
ขวัญใจมหาชนดาวล้านดวงระดับเริ่มต้น เสียงดีเน้นกลางๆ ฟรุ่งฟริ้งพอสมควร เน้นคอนเสิรตมากกว่าดูหนัง

[keamglad]

จัดส่ง Emotiva XPA2 Gen3 เพาเว่อร์แอมป์กำลัง 300 วัตต์ สองแชนแนลให้พี่อ๊ะที่โคราชครับ
เดิมทีพี่อ๊ะใช้ Audyn Monoblok 3 ตัว   
ช่วงที่ emotiva มีผู้นำเข้าในบ้านเรา พี่อ๊ะก็สั่ง XPA3  ไปลองโดยยังไม่ได้ลองฟัง  ได้ยินแต่เสียงร่ำลือว่าคุณภาพเสียงเหนือราคาไปไกลลิบ พอลองแล้วถูกใจกับแนวเสียงที่เสียงเปิด รายละเอียดดี เบสหนัก   จึงสั่ง XPA2 เข้ามาเสริมทัพอีกหนึ่งตัว 
เราจัดส่ง Nim express ให้
เป็นอันว่า system นี้ใช้ emo กำลังขับสูงถึง 2 เครื่อง
XPA3: 275 วัตต์
XPA2: 300 วัตต์

รีวิว Emotiva XPA2 Gen3: http://www.whatthatsound.com/article/342/mini-review-emotiva-xpa2-gen3

ราคา Emotiva XPA2 Gen3: http://www.whatthatsound.com/product/627/emotiva-xpa-2

 

[keamglad]

จัดส่ง Klipsch RSB11 Soundbar ไปให้ลูกค้าที่ซอยเย็นอากาศ สาทรครับ  (รูปตัว Soundbar ใช้รูปแทน)
ตัวนี้จัดส่งให้ถึงบ้าน สะดวกสบายไม่ต้องฝ่ารถติดไปซื้อในห้าง แบกของหนักๆไปใส่รถ เราส่งให้เอง

ตัวซาวด์บาร RSB11 เป็นรุ่นใหม่ และรุ่นสูงสุดรองจาก RSB14 แต่จริงๆแล้ว RSB11 และ RSB14 ลักษณะทางกายภาพ และเสียงเหมือนกันทุกอย่าง ต่างกันจุดเดียวคือ RSB14 มี DTS-Playfi เทคโนโลยีใหม่ที่มีในเครื่องรุ่นใหม่ๆหลายๆตัว เช่น Anthem AVM60, Rotel RA1592  ด้วยฟังก์ชั่นนี้ให้คุณสตรีมและฟังเพลงได้ผ่านทาง wifi คุณภาพสูงกว่า blutooth และการสตรีมเพลงทั่วๆไปมาก

ส่วน RSB6, RSB8 นั้นก็เป็นรุ่นเล็กที่เหมือนกันทุกอย่าง ต่างกันที่ RSB8 มี dts playfi

ราคา Soundbar Klipsch: http://www.whatthatsound.com/category/7/klipsch/klipsch-sound-bar

[keamglad]

จัดส่ง Klipsch The Sixes ให้ลูกค้าที่นครปฐมครับ  ตัวนี้ลูกค้าชำระเงินไว้ก่อนแล้ว  เราเลยถามลูกค้าว่า จะให้ส่งขนส่งไป หรือจะให้เราไปส่งเองให้ที่บ้าน ลูกค้าก็เลือกอย่างหลัง
เมื่อลูกค้าไว้ใจเรา เราก็ต้องตอบแทนความไว้ใจและบริการลูกค้า  ไปส่งให้ด้วยตัวเองครับ  ไปถึงนครปฐม บ้านลูกค้าเป็นบ้านที่ทำงานศิลปะ มีกลิ่นไปความติสท์ปกคลุมไปทั้งห้อง ผนังปูนเปลือย งานวาด และศิลปะวางอยู่ให้เห็นปะปลาย

ตัวนี้ลูกค้าเอาไว้เปิดฟังเวลาทำงาน (แนวเพลงที่ฟังส่วนใหญ่เป็น jazz )
เราแกะกล่อง ลองต่อ สอนวิธีใช้รีโมท การต่อให้ลูกค้า ลองทั้งบลูทูธ และลองทั้งต่อแบบสาย จนเป็นที่พอใจก็ขอตัวลาลูกค้ากลับมา

แม้ระยะทางจะไกล แต่เราก็ยินดีไป ไม่คิดเงินเพิ่มแม้แต่บาทเดียว เพราะถ้าคุณไว้ใจและให้ใจเรา เราก็ไว้ใจและให้ใจกลับกับคุณไปทั้งใจครับ

สุขสันต์วันเกิดครับ (วันที่ไปส่งเป็นวันเกิดลูกค้าพอดี)

ราคา Klipsch The Sixes: http://www.whatthatsound.com/product/536/klipsch-the-sixes

[keamglad]

จัดส่ง SVS SB16 Ultra ไปให้คุณจิน ตัวนี้จัดส่งไปให้ที่ปทุม เลยได้มีโอกาศได้วางคู่กับ JL ซึ่งเจ้าของบ้านนี้เป็นแฟนพันธ์แท้ JL ด้วยเลยครับ

สำหรับ SB16 Ultra ใครที่ใช้ตัวนี้ต้องอดทนนิดนึง เพราะเบิร์นนาน แต่หลังผลเบิร์นแล้วเบสต่างกันจากหลัง..เป็นหน้ามือเลยทีเดียว
จุดเด่นของ SB16 คือ พละกำลัง สำหรับใครที่มีปัญหาเบสไม่พอ เบสน้อย ต้องการกำลัง ต้องการเบสต้น ต้องการพันซ์หนักๆ โหดๆ ไม่ประนีประนอม ตัวนี้ให้คุณได้ในขณะที่ยังคงไว้ซึ่งความไว และความสะอาดแบบตู้ปิด ไม่แผ่ เก็บตัวเร็ว

ในขณะที่เทียบกับ JL จะเด่นในแง่ของความนุ่มลึก หรือที่ภาษาชาวบ้านเราชอบเรียกกันว่า นุ่มลึก ไม่กระแทกกระทั้นมากเกินไป แต่ได้บรรยากาศเบสมาคลอๆ เลียๆ ให้อุ่นใจและไมแข๊งกระด๋าง แนวเสียงแบบนี้น่าจะถูกใจผู้ใหญ่ๆ ที่ไม่อยากโหดมาก แต่ก็ยังดูหนังได้สนุก

ถามว่าแบบไหนดีกว่า ก็เอาที่ชอบๆครับ แนวเสียงมันไม่เหมือนกัน ต่างแนวเสียง เทียบกันไม่ได้ ถ้าผู้หลักผู้ใหญ่ ชอบนุ่มๆ ชอบเสียงไม่โหด ไม่จัดเกินไปก็จะไปทาง Jl
ถ้าใครชอบเบส หนักๆ เบสต้นดีๆ มันๆ ก็จะมาทาง SVS
ราคาก็ต่างกันด้วย ส่วนตัวถ้าเทียบ SB16 Ultra ต้องเทียบกับ F112, 113 ครับ ถ้าเทียบกับตัว E ส่วนตัวคิดว่าเสียงมันห่างกันเกินไป

ราคา SVS SB16 Ultra: http://www.whatthatsound.com/product/480/svs-sb16-ultra

[keamglad]

จัดส่ง SVS SB16 Ultra ไปให้พี่สุนทร ที่โคราชครับ (จัดส่ง Nim Express)

ตัวนี้พี่สุนทรจดๆจ้องๆมานานแล้ว ส่วนของตัวนี้ก็เข้ามาน้อยเหลือเกินล๊อตนึงไม่ถึง 10 ตัว เข้ามาแป๊ปๆ 1-2 วันก็หมดแล้ว ลูกค้าเลยต้องร้องเพลงรอ และจองไว้กันไว้ก่อน
สาเหตุที่หมดแล้วคือ มันเป็นซับตัวเดียว ที่ราคาอยู่ใน range 80,000-90,000 บาท แล้วให้คุณภาพเสียงในการดูหนังได้ดีมากที่สุดในกลุ่มก็ว่าได้ พูดตรงๆว่าในราคาย่านนี้ ถ้าให้จิ้มซับที่ดูหนังมันและหนักแน่นที่สุด ก็ไม่รู้จะหันไปเล่นตัวไหนแล้วจริงๆ
จะเอาดีกว่านี้ มีครับ แต่ต้องจ่ายมากกว่านี้ไปอีกไกลเลย

แถม SB16 ยังมีลูกเล่นแปลกให้เล่นด้วยไม่ว่าจะเป็นรีโมท มีแอปคอนโทรลและเซ็ทได้จากใน smart phone มีหน้าจอ led และยังมี eq ให้ปรับได้อีก
ราคาเท่านี้ ได้ขนาดนี้ ก็ต้องยอมเค้าจริงๆว่าทำไมถึงขายดีและหมดเร็วครับ

หลายคนถามว่า แล้ว PB16 ละไม่ดีเหรอ
จะตอบว่า PB16 ก็ดีมากๆครับ ไม่แพ้กันเลย ช่วงเบสลึกๆ PB16 ทำได้ดีกว่าเสียอีก เพียงแต่ SB16 ขนาดมันพอเหมาะและฟิทกับห้องขนาดเล็ก ขนาดกลางและใหญ่นิดๆในบ้านเราได้ดีกว่า เรียกว่าห้องขนาด 12 - 25 ตรม ก็เล่นตัว SB16 ได้สบายๆ
แต่ตัว PB16 ตัวมันใหญ่ และเบสมันหนักมากกก การจะเอามันอยู่นั้นต้องการห้องที่ใหญ่ และพื้นที่ให้มันสำแดงเดชพอสมควร เรียกว่าถ้าห้องเล็กกว่า 18-20 ตรม นั้นอาจจะไม่เหมาะกับตัวนี้

ปล. โชว์รูมผมก็จะใช้ SVS SB16 Ultra เช่นกันครับ

ราคา SVS SB16 Ultra: http://www.whatthatsound.com/product/480/svs-sb16-ultra

[keamglad]

จัดส่ง Klipsch Reference Series ชุดนี้ไปให้ลูกค้าที่พระราม 5 นครอินทร์ครับ  ชุดนี้เราไปส่งที่บ้านลูกค้าด้วยตัวเอง
Series REference นี้เป็นซีรี่ย์ระดับเริ่มต้นของ Klipsch ราคาย่อมเยาว์ ถูกออกแบบและสร้างมาเพื่อเป็นแบรนด์ fighter เพื่อมาชนและสู้ราคากับแบรนด์ที่เน้นราคาอย่าง Polk และลำโพงอีกหลายๆรุ่นที่ราคาอยู่ในช่วง 10,000 - 30,000 ครับ

รุ่นที่ลูกค้าเลือกไปติดตั้งนั้นเป็นรุ่นพิเศษที่เพิ่งออกมาสดๆร้อนๆนั่นคือ R26-FA เป็นลำโพงแบบตั้งพื้น แต่ติดตั้งลำโพง Atmos enabled ไว้ด้านบนของตัวลำโพง เพื่อยิงเสียงขึ้นข้างบนและสะท้อนลงมาสร้างเป็นบรรยากาศแบบ atmos ครับ

ตัวนี้เวลาต่อเราจะต่อเหมือนกับเรามีลำโพงสองชุด นั่นคือคู่หน้า และลำโพง atmos จะต่อสายแยกออกจากกัน

แนวเสียงของชุด reference series จะมีความประนีประนอม และนุ่มนวลฟังง่ายกว่าซีรี่ย์ Reference Premier พอสมควร ฟังง่าย ไม่จัด ไม่พุ่ง ได้ทั้งดูหนังและฟังเพลง เสียงจะหนากว่า รุ่น Reference premier

ราคาลำโพง Klipsch Reference series: http://www.whatthatsound.com/category/38/klipsch/klipsch-reference-series

[keamglad]

จัดส่งขาตั้งเซ็นเตอร์ C4 ไปให้พี่ซี ที่รามอินทราครับ  (ใช้กับลำโพง Klipsch RC-64 II)

ขาตั้งตัวนี้ออกแบบได้อเนกประสงค์ใช้กับลำโพงเซ็นเตอร์ได้แทบจะทั่วจักรวาลก็ว่าได้ จะตัวใหญ่ตัวยาวแค่ไหนก็วางได้ แถมยังปรับระดับความสูงได้อีก
ออกแบบให้เชิดขึ้นทำให้เสียงพุ่งเข้าที่จุดนั่งฟังโดยที่ตัวขาตั้งไม่ต้องสูงมาก ซึ่งมีประโยชน์ตรงที่ตัวเซ็นเตอร์จะไม่ขึ้นมาบดบังตำแหน่งจออีกด้วยครับ

 *ขนาดเพลทบนหนา 6 มิล*กว้าง 60ซม.*ลึก 28ซม.
*ขนาดเพลทล่างหนา 6 มิล*กว้าง 65ซม.*ลึก 33ซม.
*ขนาดเสา 2" จำนวน 2 ต้น
*ปรับระดับความสูงได้ตั้งแต่ 30-50ซม.
*ที่ปรับล็อคความสูงถูกออกแบบมาให้ใช้มือหมุน แทนประแจหกเหลี่ยม ง่ายต่อการใช้งาน
*เพลทล่างผ่านการตัดชิ้นงานด้วยเครื่อง Laser
*ราคานี้ยังไม่รวมค่าจัดส่ง

ราคาขาตั้ง C4 : http://www.whatthatsound.com/product/157/stand-center-c-4

[keamglad]

จัดส่งปลั๊กราง (กรองไฟ) Magnet  PS-6 SE ไปให้ลูกค้าที่นครอินท์ครับ
ตัวนี้เป็นปลั๊กรางของไทยเรา ราคาย่อมเยาว์ พ่วงวงจรกรองไฟเล็กๆมาด้วย มีช่อง hi สำหรับต่ออุปกรณ์ที่กินไฟสูงๆเช่น Poweramp, Subwoofer  สำหรับต่อตรงไม่ต้องผ่านวงจรกรองมาอีกสองช่อง

สำหรับคนที่ชอบง่ายๆ ซิสเต็มไม่ใหญ่มาก และไม่ต้องการเครื่องกรองใหญ่ๆมากมาย ตัวนี้น่าสนใจครับ และที่สำคัญช่วยสนับสนุนผลงานของคนไทยด้วย

ราคา Magnet PS-6 SE: http://www.whatthatsound.com/product/197/magnet-ps-6-se

[keamglad]

จัดส่ง Kef LS50 Wireless สีดำให้ลูกค้าที่หมู่บ้าน The Pallazzo พระราม3 ครับ  ตัวนี้ลูกค้าสั่งเช้า 8 โมง เราวิ่งส่งถึงบ้าน 11 โมงทันที   

ตัว LS50 Wireless เป็นลำโพงที่สืบทอดตำนานความยิ่งใหญ่ของลำโพง LS50 ตัว Passive ที่เสียงละเมียดมากกกก  แต่มีปัญหาใหญ่คือ การจะเค้นให้เสียงมันออกมาดีนั้น จะต้องแมทชิ่งมันกับแอมป์ฟังเพลงดีๆ เช่น int amp หรือ pre+power สำหรับฟังเพลงสักชุด ถึงจะออกมาดี  ผลลัพธ์ออกมาใช้กับเพลงร้อง เพลงช้าๆ เพลงอคูสติกนี่บอกเลยว่าสวรรค์ชัดๆ

เคยมีคนพยายามจะเอา power ดูหนังกำลังสูงๆไปขับมัน เพราะเชื่อว่า กำลังสูงไว้ก่อน เสียงต้องดีแน่ ผลคือฟังไม่ได้ครับ เสียงมันห่วยบรมห่วย แย่เสียยิ่งกว่าลำโพงชุดที่ขายตามห้างเสียอีก

จึงเป็นที่มาของการแมทชิ่งยาก และหาแอมป์มาขับมันยาก
Kef ก็เลยออก Kef LS50 Wireless มาซะเลย และตัวนี้เป็นลำโพง Active มีแอมป์ในตัว กำลังที่ 200 +30 วัตต์ เรียกว่ากล้ามโต และแมทชิ่งแอมป์มาให้แล้ว ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อแอมป์มาขับเองให้เปลืองและเหนื่อย

ถ้าเทียบราคาแล้ว LS50 ตัวธรรมดาราคาก็ประมาณ 4-5 หมื่นบาท หาแอมป์ดีๆมาขับมันต้องมีไม่ต่ำกว่า 5 หมื่น  บางท่านถึงขนาดต้องใช้ Int amp ราคาสองแสนยี่ห้อ ocๆๆ มาขับด้วยซ้ำไป 
ส่วนตัว LS50 Wireless นั้นสนนราคาค่าตัวอยู่ที่ 89,900 บาท และไม่ต้องซื้อแอมป์ เสียบปลั๊ก ต่อกับ source แล้วใช้งานได้เลย
จะต่อ bluetooth หรือต่อสาย rca หรือต่อสาย minijack ก็ได้หมด
หรือจะโหลดแอปของ Kef แล้วต่อผ่าน wifi เลือกเพลงจากคอมก็สุดจะสะดวก (ผมชอบวิธีนี้ ส่วนตัวชอบสั่งจากคอมมากกว่า)

----------------------------------------------------------------
มีรีวิว LS50 Wireless จากนิตยสาร GM2000 มาฝากกันด้วยครับ: http://www.gm2000magazine.com/th/review-detail.php?did=477
----------------------------------------------------------------

สเปกคร่าวๆมีดังนี้
   - ดอกวูฟเฟอร์ 5.25 นิ้ว และทวีตเตอร์ 1 นิ้ว
   - ให้ความดังสูงสุดที่ (SPL) 106dB
   - กำลังขับ LF: 200W HF: 30W
   - DAC ในตัวรองรับความละเอียดสูงสุด Up to 24bit
   - ช่องต่อรองรับ
       Wifi 2.4GHz/5GHz Dual-band
       Bluetooth 4.0 with aptX® codec
       USB Type B ต่อคอม
       TOSLINK Optical ต่อทีวี
       RCA Analog Line Level Input ต่อเครื่องเล่น dvd, bluray
       10/100 Mbps RJ45 Ethernet (For network and service)
    - ขนาด 300 x 200 x 308mm (11.8 x 7.9 x 12.1in.)
   - น้ำหนัก ซ้าย 10.0kg, ขวา 10.2kg

ราคา Kef LS50 Wireless: http://www.whatthatsound.com/product/487/kef-ls50-wireless-black

[keamglad]

Edifier ชื่อนี้ไม่ได้มีดีแค่ถูก

Edifier ลำโพงแบรนด์นี้แค่เอ่ยชื่อ สิ่งแรกที่คิดถึงก็คือ "ราคา" ทำไมถึงทำราคาได้ถูกมหาถูกเยี่ยงนี้ ถูกจนน่าตกใจ
รุ่น R2000DB เป็นตู้ลำโพงไฮกลอสเปียโน ขายในราคาแค่ 10000 นิดๆ แต่ถึงแม้จะราคาถูก แต่คุณภาพกับตรงกันข้าม สิ่งที่ทำให้แบรนด์นี้ก้าวข้ามจากบริษัทผลิตลำโพงในจีนเล็กๆ ไปจนมีสาขา มีสำนักงานในอเมริกา แคนาดา ตะวันออกกลาง รวมถึงตั้งทีมวิจัยและ R&D ในแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดาได้
ก็เป็นเพราะสิ่งเดียวคือ คุณภาพเสียงที่ดี และมาในราคาที่โคตรถูก นี่คือความแข๊งแกร่งของแบรนด์จีนแบรนด์นี้



-----------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆได้ที่นี้: https://goo.gl/76Tr3m
-----------------------------------------------------------
 
แต่ได้ยินว่าของจีนก็อย่าเพิ่งตกใจว่า ว้ายของจีนเกรดก๊อปเซินเจิ้นหรือเปล่า ลองหันไปดูรอบๆตัวว่าเดี๋ยวนี้จีนแข๊งแกร่งแค่ไหน แล้วเป็นเจ้าของแบรนด์อะไรบ้าง รถ volvo, MG หรือแม้แต่สายพันธ์รถสปอร์ตอย่าง Lotus ก็เป็นของจีน
จีนไม่ได้มีแต่ของก๊อปหรือด้อยคุณภาพ
ลองดูงานประกอบ ตัวตู้ คุณภาพเสียงแล้วคุณจะรู้ว่าทำไมแบรนด์นี้ถึงก้าวไปไกลในระดับโลกได้
 
"ด้วยราคาแค่นี้ ซื้อมาลองฟังยังไม่เสียดายเลยจริงๆ"

ลำโพง 2.0 เริ่มต้น 3 พันกว่าบาทไปจนตัวท๊อป หมิ่นนิดๆ
และซาวด์บาร์ที่มีฟังก์ชั่นครบทุกอย่างตั้งแต่ Bluettoth และช่องต่อครบครับ และยังให้ช่องต่อ Subout มาอีกในราคาแค่ 8 พันกว่า



จุดเด่นของแบรนด์นี้นอกจากราคาแล้ว ยังมีเรื่องการออกแบบที่สวยสุะดุดตา ทันสมัย และคลาสสิคอยู่ในตัว
รวมไปถึงจุดเด่นอีกอย่างนึงคือแนวเสียงที่ฟังง่าย สไตล์ชัดเจนแนวเอเชียนั่นคือ ละมุนละไม soundstage, image เป็นเยี่ยม เหมาะสำหรับฟังเพลงช้า เพลงหวานๆ เพลงที่พิถีพิถันละเมียดละไมได้ดี นี่คือวิถีของลำโพงแบบเอเชีย ไม่โครมครามแบบสไตล์อเมริกัน แต่สงบ สุขมุ นุ่มลึก ละมุนละไม แข๊งแกร่งในแบบวิถีของชาวเอเชีย
 
สินค้าของ Edifier มีหลากหลาย โดยส่วนใหญ่มุ่งเน้นการฟังเพลงเป็นหลัก สินค้าที่สร้างชื่อให้แบรนด์ก็คือ ลำโพง Luna Eclipse
รวมไปถึงลำโพงอย่าง R2000DB, R1280DB R1700BT
จะเห็นว่า Edifier พัฒนาและออกแบบให้ลำโพงทุกตัวฟังง่าย เล่นง่าย มีช่องต่อเยอะ ไม่ต้องใช้แอมป์ และลำโพงทุกตัวสามารถต่อกับอุปกรณ์ได้เกือบทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็น computer, CD Playerm มือถือ, แท๊ปเลต, TV
 
จะเห็นว่า Edifierให้ความสำคัญกับสามสิ่งนี้เสมอ คือ ราคาเข้าถึงง่าย ฟังง่าย และสามารถใช้ง่านได้ง่ายอีกด้วย
 
ราคา Edifier ทุกรุ่น: http://www.whatthatsound.com/category/113/edifier

[keamglad]

จัดส่ง Pre Anthem AVM60 ให้ลูกค้าแถวรามอินทรา (แฟชั่นไอส์แลนด์)

ถ้าถามว่า Pre ดูหนังตัวไหนดีที่สุด เราตอบไม่ได้เพราะคนเราชอบไม่เหมือนกัน
แต่ถ้าถามใหม่ว่า Pre  ดูหนังตัวไหนที่เราชอบที่สุด (นับเฉพาะ 11.2 แชนแนล) ก็ต้องตอบว่า Anthem นี่แหละครับ

รีวิว Anthem AVM60: http://www.whatthatsound.com/article/202/review-anthem-avm60-preamplifier-processors

ราคา Anthem AVM60: http://www.whatthatsound.com/product/446/anthem-avm-60-2

[keamglad]

จัดส่ง PowerAmp Anthem MCA525 (225 W * 5 ch)
และซับ SVS SB16 Ultra สองตัวให้คุณเบ๊นซ์ที่จังหวัดสมุทรสาครครับ
ตัวนี้ผมมีโอกาศได้ไปที่ห้องลูกค้าด้วย เลยเก็บภาพบรรยากาศมาฝากกันตั้งแต่ตอนขนของลงจากรถ รวมถึงติดตั้งแทนซับตัวเก่าด้วยเลย

++++++++++++++++++++++++++++++++++
อ่านบทความนี้เต็มๆได้ที่นี่: https://goo.gl/tu8Zsp
++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไปถึงแกะกล่อง ใส่ SoundPath (ยางรองซับ) ให้กับ SB16 ทั้งสองตัวก่อน และก็แกะ Poweramp Anthem แล้วต่อประจำการเป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งจริงๆลำโพงลูกค้าเป็น Klipsch bookshelf ตัวเล็ก อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ power ขนาดนั้น
แต่ลูกค้าตั้งใจเตรียมการไว้สำหรับอนาคตที่จะอัพและขยับขยายลำโพงไปเป็นลำโพง cinema ตัวใหม่แทน
ของเดิมลูกค้าใช้ AVR Anthem MRX520 จากที่เราได้ฟังก่อนใช้ power เสียง Klipsch มีความสดและบาดหูเล็กๆ ในช่วงพีคๆของหนัง
แม้ avr anthem น่าจะขับลำโพง Klipsch bookshelf ได้ 100% แล้วก็ตาม



แต่หลังจากเติม Power ไป (ต่อ preout กับ AVR) เนื้อเสียง และโทนเสียงยังคงสไตล์เดิม ฉากทั่วๆไปเราอาจไม่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงมากนัก
เพราะของเดิมนั้น AVR ก็เอาอยู่แบบสบายๆอยู่แล้ว (AVR Anthem ขึ้นชื่อในเลื่องกำลังขับ)
แต่สิ่งที่แตกต่างและจับสังเกตได้คือ ตอนเปิดดังๆ ช่วงพีคๆนั้น ความสดและความบาดหูลดน้อยลง
และได้เนื้อเสียงหนาขึ้นตอนช่วงพีคด้วยครับ รวมๆแล้วแม้จะไม่แตกต่างมาก
แต่ก็ช่วยให้สมดุลของย่านเสียงและความผิดเพี้ยนตอนเปิดดังดีขึ้นพอสมควรครับ   
ถ้าอนาคตขยับไปใช้ลำโพง cinema หรือเปลี่ยนจาก AVR เป็น Pre จะเห็นผลชัดมากกว่านี้ค่อนข้างมาก



และถึงแม้ห้องลูกค้าจะขนาดไม่ใหญ่โตมากมายอะไร (ประมาณที่กะๆเอา 4*4.5 ม.) แต่ก็ใช้ dual subwoofer ซึ่งของเดิมก็ใช้ซับสองตัวอยู่แล้ว
ซึ่งขนาด SB16 Ultra ไม่ได้ใหญ่มากกว่าตัวเดิมซักเท่าไร่ (แต่หนัก) วางแทนตัวเดิมได้พอดี ของเดิมนั้นเซ็ทอัพไว้แล้ว และมีตำแหน่งวางซับแล้วด้วยครับ

เราก็เลยเอา SB16 Ultra ไปวางตำแหน่งเดิม หน้าห้องตัว และหลังห้องอีกหนึ่งตัว (ซึ่งเดี๋ยวหลังเบิร์นก็ต้องเซ็ทใหม่)
หลายคนชอบคิดว่าห้องนิดเดียวใช้ซับดอก 16 นิ้วตั้งสองตัว จะเอาดังอะไรขนาดนั้น

คำตอบคือเราไม่ได้เอาดัง ไม่ได้เอา decibel มากๆ เพราะสุดท้ายแล้วหูมนุษย์ก็ดูหนังได้เต็มที่ไม่เกิน 80-110 decibel อยู่ดี
แต่ที่เราต้องการคือ เราต้องการเบสให้คลอบคลุมทุกย่านความถี่  (20-120 Hz) ให้มันออกมาครบและคลอบคลุมตรงจุดนั่งฟังในห้องให้มากที่สุด 
ซึ่งปกติการใช้ซับตัวเดียว ซับมันก็ให้ความถี่ย่าน 20-120 Hz นี่แหละครับ แต่พอเอามันมาวางในห้องปุ๊ป
ย่านความถี่พอตกกระทบกับวัตถุต่างๆไม่ว่าจะเป็นผนัง ม่าน พรม ฝ้า และกว่าจะมาถึงโซฟา ก็ต้องลุ้นกันว่าความถี่ต่ำมันจะมาถึงเราครบหรือไม่ 
บางทีหายย่าน 50-80 Hz ก็เป็นอันไม่มีเบสต้นเลย มีแต่เบสแผ่ๆดัง ครืดๆ ยิ่งเร่งยิ่งสั่น ไม่กระชับ
การใช้ซับสองตัวก็เหมือนช่วยเพิ่ม range การทำงานของเบสให้ครบมากขึ้นนั้นเอง



ตอนที่เปิดหนังเทสดูนั้น (เปิดคนเหล็ก ฉากตุ้ยท้อง ฉากนี้ใครชอบเบสน่าจะรู้จักกันดี) ผมขอไปยืนอยู่หลังโซฟา
ก็เข้าใจว่าตำแหน่งที่วางซับตรงด้านหลังนั้นช่วยให้บรรยากาศความถี่ต่ำมาเต็มขึ้นเยอะมากๆ  เพราะเบสมาเต็มและกระแทกมากๆ
ยืนแป๊ปเดียวเริ่มมึน เลยเปลี่ยนหนัง... แล้วก็มานั่งดูตรงโซฟาดูบ้าง นั่งดูไปก็รู้สึกว่าฉากที่เบสมา
โซฟากระเพื่อมไปตามจังหวะเบสเป็นจังหวะๆ แต่เบสกำลังพอดี ไม่ได้รุนแรงรุกเร้ามากเกินไปเหมือนยืนอยู่หลังห้อง

ซึ่งเจ้าของห้องคงเบิรน์อีกสักพัก แล้วต้องเซ็ทใหม่อีกที เพราะรู้สึกว่าเบสจะมาตกที่หลังห้องมากกว่าตรงจุดนั่งดู (หรืออาจตั้งใจให้เป็นแบบนั้น)

8gA]


เกล็ดเล็กน้อยสำหรับคนใช้ SVS Sb16 Ultra คือ หลังจากแกะกล่องมาใหม่ๆ เปิดใช้แรกๆเบสจะไม่ค่อยมีเลย 
เป็นซับแรกๆแบสน้อย (เบสน้อยในความหมายของผม คือน้อยถ้าเทียบกับขนาดตัวตู้และดอกของมัน แต่เมื่อเทียบกับซับยี่ห้อดังๆ ที่นิยมเอามาฟังเพลงบางยี่ห้อแล้วก็ยังเยอะกว่าซับพวกนั้นมากอยู่ดี) ภายหลังจากเบิร์นไปนานๆ สัก 80-100 ชม. ก็พบว่าเบสมาจากไหนไม่รู้เยอะมาก ทั้งกระชับ และคม และหนักขึ้นมากมาย

ตัวในห้องผมเดิมแกะกล่อง เปิด -10 ตอนหลังเบิร์นเปิด -29 (เลขติดลบน้อยคือดัง ดังสุดคือ 0)
และตัว SB16 ควรจะใส่ใจในการเซ็ทอัพเป็นพิเศษ ตัวมันสามารถเซ็ท phase ได้ละเอียดระดับ 1 องศา 
และระวังเรื่อง polarity  หากใช้ซับสองตัวบางทีเบสหาย

แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็เซ็ทอัพได้ด้วยแอปของมันผ่านมือถือ



** บางคนสงสัยมีซับ SB16 สองตัวในห้องแล้วมีมือถือเครื่องเดียว เซ็ทยังไง เซ็ทตัวเดียวมีผลทั้งสองตัวเลยมั๊ย
คำตอบคือตอนเปิดแอปในมือถือ จะมีขึ้นมาให้เลือกว่าจะเซ็ทตัวไหนก่อน เซ็ทได้ทีละตัว ถ้าเซ็ทตัวหน้าแล้วอยากเซ็ทตัวหลังก็ต้องสวิทซ์เลือกเปลี่ยนตัวก่อนถึงจะเซ็ทตัวหลังได้ครับ


สรุป ห้องนี้ยังไม่จบ เพราะดูจาก power Anthem MCA525 และซับที่ประจำการรออยู่ในห้องแล้ว  คงต้องมีลำโพง Cinema และ Pre ดูหนังดีๆเข้ามาประจำการในห้องอีกไม่นานนี้ แน่นอน....   
つづく

ราคา Power Amthem MCA525: http://www.whatthatsound.com/product/441/anthem-mca525

ราคา SVS SB16 Ultra: http://www.whatthatsound.com/product/480/svs-sb16-ultra

[keamglad]

Procella Promotion



วันนี้เราภูมิใจเสนอ
ลำโพง cinema ที่เอกอุในยุทธจักรลำโพงดูหนัง (แท้ๆ) ลำโพงที่พอพูดชื่อ ทุกคนจะยอมรับและไร้ข้อสงสัยอย่างแท้จริงว่า มันเสียงดี!! โดยไม่ต้องไปอ้างชื่อหรือขอยืมบารมีจากสตูดิโอชื่อดัง หรือมาตรฐาน ใดๆมาเป็น reference
ผมเชื่อว่าพอพูดถึงแบรนด์นี้ ทุกคนจะคิดถึงความไกลตัว จับต้องไม่ได้ และราคาที่แพงระยับชนิด ซื้อทั้งชุดก็แทบจะวิ่งไปซื้อรถยนต์ญี่ปุ่น C หรือ D Segment ได้หนึ่งคัน
วันนี้เรามีดีลพิเศษที่เปิดโอกาสให้คุณสัมผัสกับลำโพงทึขึ้นชื่อว่าให้เสียงสมดุลที่สุดตัวนึง ไม่นุ่ม ไม่ละมุน ไม่ก้าวร้าว แต่ให้เสียงที่บาล้านในทุกๆย่าน และมากับไดนามิคในการดูหนังที่หนักแน่นที่สุดตัวนึงของโลก
กับราคาที่จัดชุดมาเพื่อให้เข้าถึงง่าย เป็นเจ้าของง่าย ลำโพง Procella P5 ในราคาปกติ ตัวละ 60,000 บาท ที่วันนี้จัดชุดมาในราคาพิเศษ (ราคานี้จำกัดจำนวน และหมดเขตสินปี 31 ธันวาคม 2560)

-------------------------------------------------------------------------
ชุด 3.0 (P5 LCR): ราคาปกติ 180,000 ราคาพิเศษ: 146,000 ลดไป 34,000 บาท



ชุด 5.0 (P5 LCR+Surroun): ราคาปกติ 300,000 ราคาพิเศษ 225,000 ลดไป 75,000 บาท



ชุด 5.1 (P5 LCR+Surround+Subwoofer SVS SB13Ultra): ราคาปกติ 359,000 บาท ราคาพิเศษ 280,000 ลดไป 79,000
บาท


รายละเอียดโปรโมชั่นทั้งหมด: http://www.whatthatsound.com/article/361/promotion-procella-pack

เพราะเราเชื่อว่าลำโพงดูหนังที่ดี จะสามารถเปลี่ยนอารมณ์การดูหนังได้อย่างมากมายมหาศาล ไม่ใช่แค่เพียงถ่ายถอดเสียงได้ตามที่บันทึก แต่จะต้องถ่ายทอดอารมณ์และความตื่นเต้น ความระทึกใจของของหนังได้เสมือนเราอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ

อย่าลืมว่าลำโพง ซื้อครั้งเดียวใช้ไป 10-20 ปี ซื้อทั้งทีต้องได้ลำโพงที่ดี มีคุณภาพ จ่ายเงินซื้อลำโพง cinema ต้องได้เสียงและคุณภาพแบบลำโพง cinema แท้ๆ ไม่ใช่จ่ายราคา cinema แต่ได้คุณภาพเสียงลำโพงแบบ home audio

โปรโมชั่น P5 นี้จำกัดจำนวน และถึงสินปี 31 ธันวาคม 2560

[keamglad]

จัดส่ง Klipsch RP-140SA ลำโพง Atmos Enabled ไปให้ลูกค้าที่เชียงรายครับ  (จัดส่ง Nim express)
ตัวนี้เป็นลำโพง atmos แบบยิงขึ้น ใช้ง่าย แค่วางบนลำโพงคู่หน้าเสียบสายลำโพงเข้ากับ avr หรือ pre ที่รองรับ atmos ก็สามารถใช้งานได้แล้ว ไม่ต้องเจาะฝ้า

http://www.whatthatsound.com/product/202/klipsch-rp-140sa

[keamglad]

จัดส่งลำโพง atmos แบบฝังฝ้า Klipsch CDT-5650-C II ไปให้ลูกค้าแถวแจ้งวัฒนะครับ
ตัวนี้เป็นลำโพง Dolby atmos โดยเฉพาะ และออกแบบมาแบบฝังฝ้าโดยให้ทวีตเตอร์สามารถปรับมุมองศาได้ตามต้องการ
ตัวนี้ clearance อยู่นะครับ ของเหลือน้อยแล้ว ราคาย่อมเยาว์มากเมื่อเทียบกับเสียงและความขับง่ายของมัน

รหัสลำโพงฝังฝ้าตัวใหม่ของ klipsch ขึ้นต้นด้วยคำว่า pro และราคาจะสูงขึ้นครับ

ราคา Klipsch CDT5650 C ii: http://www.whatthatsound.com/product/259/klipsch-cdt-5650-c-ii

[keamglad]

แต่งสวนสวยด้วยเสียงเพลง Outdoor speaker จาก Klipsch



ลำโพงประเภท outdoor จาก klispch ที่พกพามาพร้อมกับคุณสมบัติทนแดด ทนฝน แต่ยังให้คุณภาพเสียงแบบเดียวกันกับลำโพงในบ้าน สามารถฝังดิน ตากแดดตากฝนได้เลย (ใช้ power amp แบบ volt line) ติดตั้งง่าย สะดวก ไม่เปลืองแอมป์
แถมยังสวยและเข้ากับสภาพแวดล้อมที่เป็นสวน ต้นไม้ได้อีก
 
 
ลำโพง outdoor ของ klipsch มีสองประเภทหลักๆคือ
1. ลำโพงแบบหิน ที่ออกแบบให้หน้าตาเหมือนกับหิน ซ๋อนพรางให้เข้ากับบรรยากาศสวน มีสองรุ่นคือ ดอก 5.25 นิ้ว และ 6.5 นิ้ว
แขกผ่านไปใครมาคงฉงนสงสัยว่าทำไมสวนบ้านนี้ถึงมีเสียงเพลงได้โดยไม่ต้องมีลำโพง
 
2. ลำโพง sattlelite ที่ออกแบบมาให้ฝังดินและโผล่ยืนขึ้นเป็น sattlelite มีสองรุ่นคือ ดอก 5.25 นิ้ว และ 6.5 นิ้ว
 
นอกจากนั้นยังมี subwoofer แบบก้อนหินให้มาอีกสองรุ่น คือ 10 และ 12 นิ้ว ออกแบบมาให้กลมกลืนด้วยหน้าตาเหมือนก้อนหิน
 
ราคาและรายละเอียดลำโพง outdoor ทุกรุ่น ดูรายละเอียดได้ที่นี่: http://www.whatthatsound.com/category/116/klipsch/klipsch-outdoor