หลายคนคงต้องเคยได้ยินชื่อ YouTube Cast, Google Cast, Screen Mirroring หรือ AirPlay เหล่านี้กันมาบ้าง และเชื่อว่าต้องมีหลายคนที่สงสัยว่ามันคืออะไร? แล้วแตกต่างกันแบบไหน? เพราะเท่าที่เข้าใจมันก็คือการส่งภาพจากอุปกรณ์พกพา ขึ้นไปบนทีวีเหมือนกัน ดังนั้นบทความนี้จะมาไขข้อข้องใจให้กับทุกคน
Cast (แคสต์) การ Cast ทั้งหลาย คือการส่งภาพ หรือวิดีโอ จากสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ขึ้นไปแสดงบนทีวี เพียงแต่ว่าจุดเด่นของการ Cast คือเราสามารถที่จะปิดหน้าจอสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าวิดีโอที่เรา Cast ขึ้นไปจะดับ จะจอดำ เพราะการทำงานจะแยกกัน เพียงแต่การ Cast จะมีข้อแม้คือแอปฯ นั้นๆ จะต้องรองรับการ Cast ด้วย เช่น YouTube, Netflix, AIS Play, Spotify เป็นต้น
Screen Mirroring (สกรีน มิลเลอร์ริ่ง) เป็นอย่างชื่อหัวข้อ ภาพบนสมาร์ทโฟนแสดงยังไง บนทีวีก็จะแสดงแบบนั้น ทำให้ไม่ต้องสนใจว่าแอปฯ นั้นจะมีบนทีวีหรือเปล่า แต่ฟีเจอร์นี้ก็มีข้อเสียคือหากเราปิดหน้าจอบนสมาร์ทโฟน ภาพที่แสดงบนทีวีก็จะดับไปด้วย ดังนั้นเราจะต้องเปิดหน้าจอสมาร์ทโฟนตลอดเวลาทำให้เปลืองแบตเตอรี่เวลาใช้งาน การ Screen Mirroring จะส่งสัญญาณทั้งภาพ และเสียง
AirPlay ฟีเจอร์ AirPlay ของ Apple คือลูกผสมระหว่าง Cast กับ Screen Mirroring ซึ่งในการใช้งานบนทีวีจะเน้นไปทางด้าน Screen Mirroring ก่อน แต่พอเปิดวิดีโอ หรือแอปฯ ไหนที่รองรับการ Cast มันก็จะกลายเป็นการ Cast โดยอัตโนมัติ แต่ถ้าแอปฯ ไหนไม่รองรับก็จะเป็น Screen Mirroring แทน ทำให้การใช้งาน AirPlay จะค่อนข้างยืดหยุ่นมากกว่าทั้งสองแบบข้างต้น
สรุป! ความแตกต่างระหว่างทั้งสองแบบ Cast คือการส่งภาพขึ้นไปแสดงบนทีวีแบบเน้นเป็นแอปพลิเคชั่น สามารถปิดหน้าจออุปกรณ์ต้นทางได้ ส่วน Screen Mirroring จะโคลนภาพจากอุปกรณ์ต้นทางมาเลย หากปิดจอเข้า Standby Mode ภาพบนทีวีก็จะถูกตัดไป ทำให้ไม่เหมาะกับการดูวิดีโอเท่าไหร่ ดังนั้นจะเลือกใช้แบบไหนก็พิจารณากันให้ดี ถ้าทีวีเครื่องไหนมี Airplay ก็จะได้เปรียบหน่อย เพราะเหมือนรวมสองฟีเจอร์ในตัวเดียว