แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - hs8jai

หน้า: 1 ... 919 920 [921] 922 923 ... 934
16561



นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการระบาดโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าที่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้ตลาดโลกมีความต้องการสินค้าอาหารที่ปลอดภัย ได้คุณภาพ และมุ่งตอบโจทย์ข้อกังวลทางด้านสุขภาพมากยิ่งขึ้น เรื่องนี้นายจุรินทร์นทร์  ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เสนอการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของอาหารไทยให้กับผู้ซื้อและผู้บริโภคทั่วโลก ในรูปแบบหนังสือรับรอง COVID-19 Prevention Best Practice สำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการส่งออกสินค้าอาหารซึ่งเมื่อเดือนก.ย.2563 ที่ผ่านมานายจุรินทร์เป็นประธานสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือของ 4 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย


ล่าสุดกรมประมงได้ออกหนังสือรับรองดังกล่าวให้แก่โรงงานอาหารทะเลแช่เย็นและแช่แข็ง และโรงงานผลิตอาหารทะเลกระป๋อง ให้กับโรงงานผู้ส่งออกแล้ว กว่า 237 โรงงานแล้ว สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขอหนังสือรับรองดังกล่าวเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ สามารถติดต่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องก่อนส่งออกไปยังผู้นำเข้าในประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้


นอกจากนี้นายจุรินทร์ยังติดตามการสร้างการตระหนักรับรู้ และตอกย้ำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าสินค้าอาหารไทยมีคุณภาพ และปลอดภัยในทุกๆ ขั้นการผลิตและการจัดส่งถือมือผู้บริโภคภายใต้แคมเปญ ‘Thailand Delivers with Safety’ ผ่านทูตพาณิชย์ที่เป็นเซลส์แมนประเทศ ซึ่งประจำการในประเทศต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย

สำหรับภาพรวมการส่งออกสินค้าอาหาร ไม่รวมน้ำตาล โดยในช่วงครึ่งปีแรกตั้งแต่ม.ค. – มิ.ย. 2564 มูลค่ากว่า 441,014 ล้านบาท  โดยมีสินค้าประเภทผัก ผลไม้สด แช่เย็น แช่เข็ง และแห้ง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อาหารทะเลสด แช่เย็นแช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป ไก่สดแช่แข็ง และแปรรูป และเครื่องดื่มทุกชนิด ที่ส่งออกมากที่สุดตามลำดับ

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952206

16562


แม่ค้าอุทัยธานี บ่นลอตเตอรี่เหลือเพียบ หลัง "โควิด-19" แพร่ระบาด ทำบรรดานักเสี่ยงโชคประหยัดเงินมากขึ้น บางร้านต้องปรับแผนรับสลากกินแบ่งมาน้อยลง

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 ส.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศแผงขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในอำเภอเมืองอุทัยธานี บรรดาแม่ค้าต่างบ่นกันอุบ เพราะตั้งแต่เปิดแผงจำหน่ายในตอนเช้านั้นไม่คึกคักมาหลายงวดแล้ว

จากการสอบถาม แม่ค้าสลากกินแบ่งนั้น เผยว่า ลอตเตอรี่เหลือทุกงวด ตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้บรรดาแม่ค้านั้นจำต้องแบกรับภาระไว้เอง เนื่องจากลอตเตอรี่เหลือเพราะประชาชนนั้นต่างแตกตื่นกับโควิดเป็นอย่างมากที่เพิ่มขึ้นทุกวันและอย่างต่อเนื่องจึงต้องใช้เงินอย่างประหยัด


ขณะที่แม่ค้าบางราย เตรียบรับสถานการณ์ไว้คือนำลอตเตอรี่มาขายลดลง เพราะงวดที่ผ่านมาขายไม่ได้เช่นกัน จึงต้องรับมาน้อยลง ถึงแม้จะได้กำไรน้อยแต่ก็ต้องจำทนกันไป ทำได้แค่เฝ้ารอให้สถานการณ์ดีขึ้น.

https:// www.thairath.co.th/lottery/news/2154506

16564
ป้ายไฟวิ่ง LED ดิจิตอล 2 รูปแบบ กันน้ำ 100% - รับประกัน 1 ปี

**** Single color ****** ราคา 2,900 .- 

**** FULL color ****** ราคา 4,200 .-

- กันน้ำ 100% - รับประกัน 1 ปี











16565
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812

16566



สถานการณ์การที่พื้นที่ กทม.และปริมณฑล เต็มไปด้วย ผู้ป่วยโควิด 19 ทั้งกลุ่มสีเขียว และกลุ่มผู้ป่วยอาการหนัก สีเหลือง และสีแดง ‘/]อาสาสมัคร’ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้ช่วยทีมแพทย์ ลงพื้นที่ทำงานเชิงรุก ทั้งในการตรวจคัดกรองโควิด 19 เพื่อค้นหาแยก ผู้ป่วยโควิด 19 ลดการแพร่ระบาดในชุมชน รวมถึงเป็นผู้ดูแลในส่วนของ Home Isolation และCommunity Isolation ด้วย

นิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ (AIDS Access) และกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทีมอาสาสมัครที่ได้ทำงานร่วมกับชุมชนแออัดในกทม.เรื่องรัฐสวัสดิการ บำนาญแห่งชาติ รวมถึงเรื่องที่อยู่อาศัย ที่ดินร่วมกับพี่น้องชุมชนแออัด มาตลอด เล่าว่า เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 กลุ่ม อาสาสมัคร ได้มีการปรับมาทำหน้าที่ช่วยเหลือให้ความรู้ และร่วมแก้ปัญหาให้พี่น้องในชุมชนแออัดที่ติดเชื้อโควิด 19 รวมถึงป้องกับการแพร่ระบาดในชุมชน


โดยเมื่อพบผู้ป่วยติดเชื้อจะติดต่อไปยังหน่วยงานของรัฐ รพ.ต่างๆ เพื่อรับผู้ป่วยโควิด เข้าดูแล รักษาที่รพ. ทีมอาสาสมัครได้มีการอบรมแกนนำในชุมชน เพื่อให้คนเหล่านี้มีความรู้ ความเข้าใจในการดูแลผู้ป่วยโควิด 19

คาดการณ์ว่าหากมีการติดเชื้อในชุมชนมาก อาจจะไม่มีรพ.ให้เข้า จึงได้ร่วมกันตั้งศูนย์พักคอยในชุมชนเพื่อให้ผู้ป่วยโควิด 19 ได้รับการดูแลระหว่างรอเตียงจากรพ. ซึ่งศูนย์ดังกล่าวจะเป็นการดูแลให้ข้าวให้น้ำ หรือให้ ยาฟ้าทะลายโจร ภายใน 1-2 วัน แล้วเข้ารับการรักษาในรพ. แต่ขณะนี้เตียงไม่มี ทุกคนก็มาแออัดอยู่ในศูนย์พักคอย หรือบางคนก็ดูแลตัวเองที่บ้าน ทำให้ชุมชนมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก

นิมิตร์ กล่าวต่อว่า จาก ผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว กลายเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง สีแดง และเสียชีวิต เพราะไม่ได้รับการรักษา นอนรอเตียงอยู่ที่บ้าน เพราะการให้ผู้ป่วยโควิด 19 ทุกคนเข้าไปนอนในรพ.ทั้งหมด พอมีผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง สีแดง กลุ่มอาการหนักก็ไม่มีเตียงทำให้ประชาชน


ตอนนี้เตียงในรพ.ต่างๆ เต็มไปหมด ช่วงเดือนเมษายนมีการหารือ เรื่อง Home Isolation ว่าให้ผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว ได้รับการกักตัวรักษาที่บ้าน หรือ Community Isolation แยกกักตัวรักษาในชุมชน

แนะ 'ตรวจโควิด 19' ทุกชุมชนแออัดทุกที่ในกทม.
“ตอนนี้สถานการณ์สุกงอม ไม่มีเตียง ประกาศสาธารณสุขเริ่มออกมาตรการให้ผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวกักตัวรักษาที่บ้าน หรือที่ชุมชน หลายคนกังวลไม่อยากกักตัวรักษาที่บ้าน ไม่รู้ว่าจะดูแลตัวเองอย่างไร ยิ่งมีคนรอบตัวติดมากขึ้น พวกเขาก็ยิ่งเครียด การดูแลรักษาก็ไม่ทั่วถึง อาการก็แย่ลง ถ้ารักษาทันก็หาย รักษาไม่ทันก็เสียชีวิต” นิมิตร์ กล่าว

ขณะนี้ได้เปิดรับอาสาสมัครรับลงทะเบียน ณ จุดตรวจโควิดบริการเชิงรุก จำนวน 300 คน โดยจะมีการอบรมอาสาสมัครมาร่วมทำงานวันที่ 2 ส.ค.นี้ ขอเพียงมีโน้ตบุ๊คและพร้อมทำงานต่อเนื่อง 7 วัน ระหว่างวันที่ 4-10 ส.ค.นี้ ณ จุดลงทะเบียน การตรวจเชิงรุกจะกระจาย ไปทั้ง 69 เขตในกทมและปริมณฑล ซึ่งจะมีจุดตรวจอย่างน้อย 50 จุดต่อวัน แต่ละจุดต้องการอาสาสมัครช่วยงานลงทะเบียน 6 คน รวมแล้วต้องการอาสาสมัครช่วยการลงทะเบียน 300 คน


เพื่อเร่งค้นหาเพื่อช่วยผู้ติดเชื้อโควิดที่รู้ผลในวันที่ตรวจ เพื่อช่วยให้ทุกคนได้รับบริการที่เหมาะสมตาม โดยผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว ไม่มีอาการเข้าสู่ระบบ Home Isolation(HI) ในศูนย์สาธารณสุขหรือคลินิกอบอุ่น ส่วนผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว มีอาการสัมพันธ์กับโควิดและกลุ่มผู้ป่วยสีเหลือง จะได้รับยา และ อยู่ในระบบ HI กับคลินิกพริบตา IHRI ซึ่งต้องมีระบบการลงทะเบียนและระข้อมูลที่ดี

นายนิมิตร์ กล่าวต่อไปว่าอยากให้รัฐบาล สธ. กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจโควิด 19 ทุกชุมชนแออัด ทุกที่ในกทม.ให้ได้มากที่สุด และเมื่อตรวจแล้ว ควรมีการให้ความรู้ ทำความเข้าใจกับผู้ป่วย และต้องหาสถานที่ดูแลรักษาซึ่งทีมอาสาสมัครพร้อมช่วยเหลือ เตรียมชุมชน เตรียมพื้นที่ให้ และถ้าผลติดเชื้อ ก็พร้อมจะช่วยดูแลต่อหากผู้ป่วยเข้ามาตรการต่างๆ



จัดลำดับความสำคัญเร่ง 'ตรวจเชิงรุก' 1 ล้านคน
ตอนนี้ประชาชนที่ป่วยโควิด 19 ต้องรู้ว่าเมื่อตัวเองติดเชื้อต้องทำอย่างไรต่อไป และต้องมีการผลักดันให้คลินิกเป็นตัวจ่าย ยาต้านไวรัสให้แก่คนในชุมชนทันที เพื่อให้พวกเขาไม่มีอาการรุนแรงมากขึ้น ถ้ามัวแต่รอคัดแยกกลุ่ม ไม่ให้ยา แถมคัดแยกแล้วก็ไม่มีเตียงรองรับผู้ป่วยก็มีแต่คนติด ไม่มีคนหาย

“รัฐบาล สธ.และกทม. ควรจัดลำดับความสำคัญ โดยเฉพาะกทม.ต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นเมืองใหญ่ แต่คนทำงานที่มีประสิทธิภาพจริงๆ มีน้อย คนทำงานระดับล่างทำงานจริง เข้าใจปัญหาแต่ไม่กล้าตัดสินใจ ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงออกนโยบายแต่ยากในทางปฎิบัติจริง การบริหารจัดการกทม.ถือว่าด้อยประสิทธิภาพ กทม.ต้องเร่งตรวจเชิงรุก ลงมาร่วมมือกับภาคประชาชน สาธารณสุขในพื้นที่และแพทย์ชนบท ต้องทำงานตรวจเชิงรุกให้ได้ 1 ล้านคน และสั่งการให้ทุกจุดของสาธารณสุขเป็นจุดตรวจโควิด ” นิมิตร์ กล่าว


รัฐต้องสื่อสาร ไทยจะไปทิศทางไหน 
ขณะที่ ระบบสาธารณสุข ต้องสร้างภาพใหม่ว่าเป็นโรคติดต่อที่ทุกคนสามารถป้องกันได้หากทุกคนปฎิบัติตัว สวมใส่หน้ากากตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ เพราะในความเป็นจริง ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ในประเทศเป็นกลุ่มสีเขียว ส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อ 80% รักษาได้ด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องรับการรักษาในรพ.และหากตอนนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อที่มีแนวโน้มจะเสียชีวิตเป็นกลุ่มใด ต้องเร่งสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชน และจ่ายยาให้ครบทุกคน

อยากให้นำเสนอคนที่รักษาตัวเองแล้วหายมีจำนวนเท่าไหร่ และควรให้คนเหล่านี้มาเป็นอาสาสมัคร เป็นกระบอกเสียง ไม่สร้างความตื่นตระหนกจนแย่ไปหมด ทุกคนดิ้นรนหาเตียง รัฐไทยต้องการผู้นำในการสื่อสาร ต้องบอกกับคนในประเทศว่าสถานการณ์เป็นแบบไหน จะเดินไปทิศทางใด ไม่ใช่แก้สถานการณ์ตามปัญหาที่เกิดไปเรื่อยๆ ตอนนี้มีการล็อกดาวน์ ตรวจเชิงรุก เร่งฉีดวัคซีน แต่กลายเป็นทุกอย่างทำให้คนแออัดมากขึ้น


“ในเมื่อพึ่งพาภาครัฐได้เพียงส่วนน้อย ประชาชนต้องเริ่มด้วยตัวเอง ต้องไม่ตื่นตระหนก ควรมีสติ ถ้าติดเชื้ออาการไม่รุนแรง ไม่จำเป็นต้องร้องหาเตียง ดูแลตัวเองที่บ้าน และคนที่หายดีแล้ว ต้องลุกขึ้นมาพูด ช่วยบอกชุมชน ช่วยเป็นอาสาสมัคร มาทำงาน ต้องสร้างเครือข่ายอดีตผู้ติดเชื้อโควิด ส่วนบุคลากรทางการแพทย์เข้าใจว่าเหนื่อยล้า แต่ในภาวะวิกฤตนี้เป็นความท้าทายของบุคลากรทางการแพทย์ว่าจะบริหารจัดการอย่างไร และ หน่วยงานของรัฐต้องยืดหยุ่น ลดความเป็นระบบราชการ ต้องกล้าคิด กล้าตัดสินใจเอาผู้ป่วยเป็นที่ตั้ง” นิมิตร์ กล่าวทิ้งท้าย

16567



จากกรณีเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2564 สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ออกข่าว จี้ ‘Gojek’ รีบคืนเงินให้ลูกค้า หลังประกาศยุติการให้บริการ 31 ก.ค. แต่ยังพบปัญหาคืนเงินผ่าน e-Wallet” นั้น

ล่าสุด (30 กรกฎาคม 2564) บริษัท เวล็อคซ์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการระบบแอปพลิเคชัน Gojek ได้ส่งหนังสือชี้แจงถึงสภาองค์กรของผู้บริโภค โดยระบุว่า ทางบริษัทฯ ได้แจ้งให้ผู้ใช้บริการ GoPay (ระบบกระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์ของ Gojek) ใช้หรือถอนเงินออกจากกระเป๋าสตางค์ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 และมีข้อความแจ้งเตือนส่งไปยังผู้ใช้บริการเป็นระยะ ๆ โดยระหว่างวันที่ 7 -31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ผู้ใช้บริการ GoPay จะยังคงสามารถใช้เงินในกระเป๋าสตางค์สำหรับ การทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชัน Gojek หรือถอนเงินออกจากกระเป๋าสตางค์ได้  อีกทั้งบริษัทฯ จะยังเปิดช่องทางการให้บริการและสนับสนุนลูกค้าเพื่อตอบคำถามหรือช่วยเหลือลูกค้าในกรณีที่เกิดปัญหาจากการถอนเงิน

ส่วนสาเหตุที่จำกัดการคืนเงินผ่านบัญชีธนาคารเพียง 3 ธนาคาร คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงเทพ นั้น ทางบริษัทฯ ชี้แจงว่า เนื่องจากลูกค้าสามารถเติมเงินเข้ากระเป๋าเงิน GoPay ของตัวเองได้ผ่านทางแอปฯ ของ 3 ธนาคารดังกล่าวซึ่งเป็นคู่สัญญาให้บริการกับบริษัทฯ และเวล็อคซ์ ฟินเทคเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การถอนเงินออกจากกระเป๋าเงิน GoPay จะต้องทำผ่านบัญชีธนาคารที่ลูกค้าเติมเงินเข้ามาเท่านั้น


ทั้งนี้ แม้ว่า Gojek จะยุติการให้บริการในประเทศไทยนับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป แต่บริษัทฯ จะยังคงเปิดช่องทางให้สามารถถอนเงินออกได้ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 90 วัน โดยผู้บริโภคสามารถยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องผ่านแอปฯ Gojek ได้ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564 และหลังจากระยะเวลาดังกล่าวผู้บริโภคสามารถติดต่อเพื่อทำเรื่องขอถอนเงินจากกระเป๋าสตางค์ทาง E - mail ได้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2565

สำหรับขั้นตอนการขอถอนเงินจากกระเป๋าเงิน GoPay ผู้บริโภคสามารถแจ้งความประสงค์เพื่อขอรับเงินคืน พร้อมส่งเอกสารได้ที่แบบฟอร์มในแอปฯ Gojek (เปิดเฉพาะระบบช่วยเหลือและการถอนเงิน) พร้อมแนบเอกสารดังนี

- เอกสารการทำธุรกรรม เช่น สลิปการโอนเงิน ข้อมูลบันทึกการเคลื่อนไหวของบัญชีจากธนาคาร

- สำเนาหน้าแรกสมุดบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ หรือ ธนาคารกสิกรไทย พร้อมเซ็นสำเนาถูกต้อง (ชื่อและนามสกุลต้องตรงกับเอกสารการทำธุรกรรม ข้อ 1)

- สำเนาบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต พร้อมเซ็นสำเนาถูกต้อง (ชื่อและนามสกุลต้องตรงกับเอกสารการทำธุรกรรม ข้อ 1)


โดยการขอเงินคืนจะมีระยะเวลาในการดำเนินการ 7 - 14 วันทำการ สำหรับผู้บริโภคที่ไม่สะดวกยื่นคำขอผ่านทางแอปฯ Gojek สามารถขอถอนเงินจากธนาคารต้นทางที่เติมเงินเข้ามาได้ และทางธนาคารจะประสานกับ Gojek เพื่อดำเนินการคืนเงินในลำดับต่อไป

อย่างไรก็ตาม สภาองค์กรของผู้บริโภค เห็นว่า เพื่อการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค ขอให้ Gojek เร่งประกาศเงื่อนไขดังกล่าวให้ประชาชนผู้ใช้บริการทุกคนทราบผ่านทุกช่องทางของ Gojek  ด้วย และหากมีผู้บริโภครายใดมีปัญหาในการขอเงินคืน

สามารถร้องเรียนได้สภาองค์กรของผู้บริโภค E - mail : [email protected], Inbox Facebook : สภาองค์กรของผู้บริโภค หรือร้องเรียน ร้องทุกข์ผ่าน google form สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ในลิงก์นี้ https://forms.gle/Uz8Wb4ZrnuVeFSeu6

16569



ไทยประกันชีวิตจัดกิจกรรม “ไทยประกันชีวิต LIFE FIT 4 YOU ซีรีส์ 3 Sweat is Fat Crying” รูปแบบ Virtual Activities พร้อมโปรโมชั่นเพียบเอาใจสายสุขภาพ และสิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกไทยประกันชีวิต INFINITE/ไทยประกันชีวิต LIFE FIT นอกจากนี้ยังได้ร่วมทำบุญโดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการสมัครสมทบโครงการหนึ่งคนให้ หลายคนรับ เพื่อชีวิตใหม่หัวใจเด็ก

นางดวงเดือน คงคาสวัสดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไทยประกันชีวิตดำเนินธุรกิจมุ่งสู่การเป็นทุกคำตอบของชีวิต หรือ Life Solutions ผ่านการส่งมอบสุขภาพดี ชีวิตที่มั่งคั่งมั่นคง และชีวิตที่ดีมีความสุขให้กับลูกค้า พร้อมสร้างแรงบันดาลใจในการดูแลสุขภาพผ่านกิจกรรมรูปแบบต่างๆ บนแนวคิดการส่งเสริมสุขภาพดีครบวงจร หรือ Eco-Health System

ดังนั้น เพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพดีอย่างต่อเนื่องในสถานการณ์ที่ต้องระมัดระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บริษัทฯ จึงร่วมมือกับบริษัท ไทยดอทรัน จำกัด จัดกิจกรรม “ไทยประกันชีวิต LIFE FIT 4 YOU : สุขภาพดี ฟิตรอบด้าน” ในรูปแบบกิจกรรมเสมือนจริง หรือ Virtual Activities 4 ซีรีส์ ตลอดทั้งปี 2564 ซึ่งปัจจุบันเป็นซีรีส์ที่ 3 “Sweat Is Fat Crying” ในภารกิจท้าทายความสามารถ (Challenge) สะสมเวลาจากการออกกำลังกายรูปแบบใดก็ได้ อาทิ การเวทเทรนนิ่ง โยคะ การเดิน การวิ่งบนลู่ ฯลฯ ให้ครบ 300 นาที หรือเท่ากับ 5 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง คลายความเครียด และมีภูมิต้านทานที่ดี เหมาะกับภาวะปัจจุบันที่ต้องเสริมสร้างสุขภาพทั้งกายและใจให้แข็งแรง

นอกจากนี้ ไทยประกันชีวิตยังได้ร่วมกับ Jason แบรนด์ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ออกกำลังกายชั้นนำ จัดโปรโมชั่นพิเศษ 4 แพ็กเกจสำหรับผู้สมัครเข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย แพ็กเกจที่ 1 เป็นแพ็กเกจพื้นฐาน โดยผู้สมัครจะได้รับเสื้อที่ระลึก Sweat Today Stronger Tomorrow จำนวน 1 ตัว E-BIB (หมายเลขแข่งขันออนไลน์) และ E-Certificate (ผลการออกกำลังกายออนไลน์) และโค้ด/คูปองส่วนลด 15% สำหรับซื้อผลิตภัณฑ์ Jason ผ่านช่องทางไลน์ JasonMyFitness

แพ็กเกจที่ 2 ผู้สมัครจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามแพ็กเกจพื้นฐาน พร้อมผลิตภัณฑ์ออกกำลังกาย Jason X-BURNER เป็นชุดเบิร์นกระชับสัดส่วนร่างกาย ประกอบด้วยอุปกรณ์จำนวน 3 ชิ้น

แพ็กเกจที่ 3 ผู้สมัครได้รับสิทธิประโยชน์ตามแพ็กเกจพื้นฐาน พร้อมผลิตภัณฑ์ออกกำลังกาย Jason X-RELEASE ชุดยืดกล้ามเนื้อคลายปวดเมื่อย และแพ็กเกจที่ 4 ผู้สมัครจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามแพ็กเกจพื้นฐานแล้ว ยังได้รับผลิตภัณฑ์ออกกำลังกายชุด Jason X-BURNER และ Jason X-RELEASE ครบชุด

และทุกการสมัครเข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับสิทธิ์จับรางวัลเพื่อลุ้นรับผลิตภัณฑ์ X - Tra Lite ชุดซัพพอร์ตข้อเท้า และ X- Release 4 Runner อุปกรณ์สำหรับยืดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โดยแจกรางวัลทุกสิ้นเดือนตลอดระยะเวลากิจกรรมในซีรีส์ 3

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมอบสิทธิพิเศษที่มากกว่าให้กับสมาชิกไทยประกันชีวิต INFINITE และสมาชิกโครงการไทยประกันชีวิต ไลฟ์ฟิต สำหรับการสมัครแพ็กเกจที่ 1 เท่านั้น โดยสมาชิกไทยประกันชีวิต INFINITE 100 คนแรกที่สมัครเข้าร่วมกิจกรรมในแพ็กเกจที่ 1 จะได้รับส่วนลด 50% และสมาชิกไทยประกันชีวิต ไลฟ์ฟิต 50 คนแรกที่สมัครเข้าร่วมกิจกรรมในแพ็กเกจที่ 1 จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต

นางดวงเดือนกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ผู้สมัครเข้าร่วมกิจกรรมไทยประกันชีวิต LIFE FIT 4 YOU ยังมีส่วนร่วมในการทำบุญ โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากค่าสมัครจะมอบให้กับมูลนิธิหนึ่งคนให้ หลายคนรับ ในโครงการ "หนึ่งคนให้ หลายคนรับ เพื่อชีวิตใหม่หัวใจเด็ก" สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายผ่าตัดผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดที่ขาดแคลนทุนทรัพย์อีกด้วย

โดยผู้ที่สนใจกิจกรรมซีรีส์ 3 นี้ สามารถเลือกสมัครแพ็กเกจที่ต้องการผ่านทางเว็บไซต์ https:// race.thai.run/sweat ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 โดยเริ่มนับเวลาสะสมพร้อมส่งผลการออกกำลังกายผ่านระบบออนไลน์ที่เชื่อมกับระบบกับนาฬิกา หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ได้ที่ https:// vr.thai.run/sweat จนถึงวันที่ 10 ตุลาคม 2564 รวมถึงสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมในแต่ละซีรีส์ผ่านทางเว็บไซต์ race.thai.run

16570



เยลลี่ “ปีโป้” เป็นหนึ่งในสินค้าและแบรนด์เรือธวของ บริษัท ยูโรเปี้ยนฟู้ด จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้เล่นรายสำคัญของตลาดขนม โดย “ปีโป้” มีฐานผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยเด็ก วัยทีนหรือวัยรุ่น เป็นหลัก จะเห็นว่าในการสื่อสารการตลาด ช่วงเวลาที่แบรนด์จะยึดเพื่อสร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภครับรู้จะเป็นช่วงเวลาเช้า ที่มีรายการเด็ก โดยเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ ที่มีการ์ตูนเอาใจคุณหนูๆน้องๆเป็นส่วนใหญ่ 

ทว่า ปัจจุบันการดื่มด่ำตัวเลขเติบโตทางธุรกิจอยู่ในขอบเขตกลุ่มเป้าหมายหลักเดิมๆที่มี ไม่เพียงพอ และการทำตลาดโดยอาศัยจุดแข็งของแบรนด์ตนเองฝ่ายเดียวคงไม่ได้ หมดยุคโชว์เดี่ยวหรือ One Man Show อีกต่อไป ยิ่งในยุคโรคโควิด-19 ระบาด หลายธุรกิจ สินค้ายอดขายหดตัว ต้องหันมาประหยัดงบประมาณ ดูแลบริหารจัดการต้นทุนให้ดี หาก “ผนึกพันธมิตร” เพื่อแชร์ทรัพยากร สินทรัพย์ที่มี ต่อยอดธุรกิจ เกิด Win-win strategy ย่อมเป็นเรื่องดี 

“ปีโป้” เป็นอีกแบรนด์ที่เดินหน้าใช้กลยุทธ์ความร่วมมือ(Collaboration)กับแบรนด์สินค้าอื่นที่มีความแข็งแรง มีโจทย์และเป้าหมายธุรกิจเดียวกัน มาร่วมสร้างสีสันให้เกิดขึ้นในตลาด ล่าสุดกับการจับมือเครื่องดื่มชูกำลัง “M-150” ของค่าย “โอสถสภา” ออกเยลลี่ “ปีโป้กลิ่น M-150” เข้าทำตลาดแบบลิมิเต็ด เอดิชั่น 

“ปีโป้ X M-150” จะเกิด Win-win อะไรบ้าง กรุงเทพธุรกิจ ชวนวิเคราะห์จุดแข็งของทั้ง 2 แบรนด์ คือการเป็น “ผู้นำตลาด” ในเซ็กเมนต์ที่ตัวเองอยู่นั่นคือ เยลลี่และเครื่องดื่มชูกำลัง และมีฐานผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายใหญ่ที่ “แตกต่างกัน” 

ผู้บริโภคเยลลี่ คือวัยเด็ก วัยรุ่น ส่วนเครื่องดื่มชูกำลัง M-150 เป็นวัยทำงาน โดยเฉพาะชนชั้นแรงงาน แต่หลายปีที่ผ่านมา แบรนด์เลือกพี่ตูน บอดี้สแลม เป็นพรีเซ็นเตอร์ ใช้กลยุทธ์การตลาดทางดนตรี(Music Marketing) รวมถึงการตลาดเชิงกีฬา(Sport Marketing) สร้างการรับรู้ ชูภาพลักษณ์แบรนด์สู่คนรุ่นใหม่ เป็นการขยายฐานที่กว้างขึ้น เมื่อ 2 แบรนด์โคจรมา Collaboration กัน จึงทำให้ช่วยขยายฐานกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขึ้น โดยเฉพาะกับ “ปีโป้” สอดคล้องกับภารกิจแบรนด์ที่ย้ำว่าเป็นสินค้าไม่ว่าเจนเนอเรชั่นไหนก็อร่อยได้


แม้ทุกคนจะเคยผ่านวัยเด็ก วัยรุ่น และรับประทานเยลลี่ปีโป้มาก่อน แต่เมื่อเติบโตจนถึงวัยผู้ใหญ่ การบริโภคสินค้าดังกล่าวจะลดลง หันไปบริโภคสินค้าอื่นๆที่มีความหลากหลาย ตอบไลฟ์สไตล์ตามแต่ละช่วงอายุแตกต่างกันไป 


เมื่อทุกคนต่างรู้จัก รับรู้แบรนด์เยลลี่ ปีโป้ อย่างดี แต่การจะบริโภคทุกวัน ถี่เหมือนวันเด็ก วัยรุ่นคงไม่ได้ หากแบรนด์ต้องการกระตุ้นให้ผู้บริโภคกลับมาทานเยลลี่เหมือนวันวานต้องออกสินค้าใหม่สร้างความตื่นเต้น หนุนให้เกิดการ “ทดลอง” สินค้า ซึ่ง “ปีโป้ กลิ่น M-150” เป็นคำตอบที่แบรนด์เลือกทำตลาด เพราะวัยทำงาน วัยผู้ใหญ่ อาจต้องการย้อนสู่วัยใส 14 อีกครั้ง และไม่ต้องทานแค่ “ปีโป้” กลิ่น รสชาติทั่วไปที่มีในตลาด แต่ต้องเป็นสิ่งที่แบรนด์สร้างสรรค์เพื่อตอบโจทย์คนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ 

ส่วน M-150 ได้สร้างโอกาสใหม่ ในการขยายตลาดต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ไม่ใช่เครื่องดื่มชูกำลัง แต่สามารถผสานในหมวดขนม หรืออาจเป็นหมวดอื่นๆได้ด้วย ซึ่งเป็นโจทย์ที่ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์จะหา “ช่องว่างและโอกาส” ทางการตลาดให้เจอ เพื่อเพิ่มการขายสินค้าให้หลากหลาย ผลักดันการเติบโตต่อไป  

อย่างไรก็ตาม ก่อนสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด ยูโรเปี้ยนฟู้ด ได้ปลุกกระแสนำร่องผ่านโลกออนไลน์ ถึงการ Collaboration กับพันธมิตรใหม่ เพื่อหยั่งเสียงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งหลายคนตั้งตารอ ทันทีที่ปล่อยสินค้าออกมา ผลตอบรับถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี 

สำหรับ “ปีโป้ กลิ่น M-150” ผลิตจำหน่ายแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น ขนาดบรรจุ 50 ถ้วย ในราคา 99 บาท  จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ช้อปปี้ ลาซาด้า, เจดี, โรบินฮู้ด, ไลน์และเฟซบุ๊กของ ยูโรเปี้ยนฟู้ด เป็นต้น 

กระแสของ “ปีโป้” ไม่เคยจางหายไปจากตลาด เพราะผู้บริโภคที่เคยซื้อสินค้าจะรู้ดีว่า “ปีโป้” มี 5 สี ได้แก่ สีแดง (สตรอว์เบอร์รี) และสีส้ม (ส้ม) สีเขียว (แอปเปิ้ล), สีขาว (ลิ้นจี่), สีม่วง (องุ่น) แต่บางครั้งผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าผสมกับเครื่องดื่มปั่นอื่นๆ มักจะอดทาน ปีโป้สีม่วง จนเกิดการทวีตบนทวิตเตอร์ เกิดไวรัส #saveปีโป้ม่วง ทำให้แบรนด์ยังอยู่ในสายตา การรับรู้ของกลุ่มเป้าหมายเสมอ

 นอกจากการ Callaboration กับ M-150  ที่ผ่านมายังมี ปีโป้โยเกิร์ต สร้างสีสัน ความตื่นเต้นให้ตลาดเยลลี่ ยิ่งกว่านั้นกลยุทธ์ความร่วมมือยังปูทางสู่การผลักดันยอดขายให้เติบโตแก่ทั้ง 2 แบรนด์ด้วย 


นอกจากยูโรเปี้ยนฟู้ด จะมีปีโป้ เป็นแบรนด์เรือธง แต่พอร์ตโฟลิโอสินค้าที่บุกตลาดขนมมีมากมาย เช่น ลูกอม Hitto, เวเฟอร์ปักกิ่ง, เค้กเอลเซ่ และเวเฟอร์ชนิดแท่งสอดไส้ครีม โจโจ้ เป็นต้น 

16571



สาย Electro POP ห้ามพลาด! การผนึกกำลังของ “Dallas K” โปรดิวเซอร์มือทอง และซูเปอร์สตาร์สายอินดี้ป็อปคนสนิท “Lauv” กับ/]เพลงใหม่ฟังเพลิน “Try Again”

“Dallas K” ศิลปิน โปรดิวเซอร์ และนักแต่งเพลง เจ้าของเพลง EDM POP อย่าง “All My Life”, “Self Control”, “I Know” และ “Sometimes” อีกทั้งเขายังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำเพลงดังของศิลปินระดับโลกหลายคน เช่น BTS, Tiësto, Fifth Harmony, Chromeo และ KSHMR ล่าสุด “Dallas K” ได้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานกับเพื่อนศิลปินอินดี้ป็อประดับซูเปอร์สตาร์ “Lauv” กับซิงเกิลใหม่แนว Electronic POP ฟังสบาย อย่าง “Try Again” ซึ่งถือว่าเป็นซิงเกิลแรกของ Lauv ในปีนี้



“Try Again” เป็นเพลงที่ “Dallas K” ทำขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจกับ “Lauv” ตั้งแต่เมื่อปี 2016 ในช่วงที่พวกเขาได้ร่วมงานกัน และร่วมเขียนเพลงดัง “Breathe” แต่หลังจากซิงเกิล “Breathe” ถูกปล่อยได้ไม่กี่เดือน “Lauv” ก็ได้กลายเป็นศิลปินป็อปชื่อดังไปในชั่วข้ามคืน ทำให้เพลง “Try Again” ที่พวกเขาได้ร่วมกันทำถูกพับเก็บไปถัดมาในปี 2020 “Dallas K” ยังคงได้ร่วมทำ และร่วมเขียนเพลง “Sad Forever” ซิงเกิลเปิดตัวอัลบั้ม “~how i'm feeling~” ของ “Lauv” อีกครั้ง

นอกจากนี้ ใน “Without You EP” ของ “Lauv” ที่ถูกปล่อยมาเมื่อปี 2020 ก็ได้ความร่วมมือจาก “Dallas K” อีกเช่นกันเนื่องด้วย “Try Again” เป็นเพลงแนวแดนซ์เพลงแรกที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตัวเองของทั้ง “Dallas K” และ “Lauv” เข้าด้วยกัน พวกเขาจึงรักเพลงนี้มาก ๆ ด้วยเหตุนี้ ระหว่างช่วงกักตัวเมื่อปีที่แล้ว “Dallas K” จึงได้ชวน “Lauv” มาอัดเพลง “Try Again” ใหม่อีกรอบ และปรับให้เพลงเน้นการเต้นมากขึ้น



“Lauv” ได้กล่าวว่า “Dallas K และผมได้ทำเพลงนี้ขึ้นเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว พวกเราได้กลับมาทำร่วมกันอีกในช่วงกักตัวและตอนนี้เราก็พร้อมที่จะปล่อยเพลงนี้ให้ทุกคนได้รับฟังกันแล้ว” เชื่อได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเพลงสนุกที่จะชวนทุกคนมาเต้น บรรเทาความเครียดในช่วงนี้ได้แน่นอน“Try Again” เป็นเพลงที่ “Dallas K” ทำขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจกับ “Lauv” ตั้งแต่เมื่อปี 2016 ในช่วงที่พวกเขาได้ร่วมงานกัน และร่วมเขียนเพลงดัง “Breathe” แต่หลังจากซิงเกิล “Breathe” ถูกปล่อยได้ไม่กี่เดือน “Lauv” ก็ได้กลายเป็นศิลปินป็อปชื่อดังไปในชั่วข้ามคืน ทำให้เพลง “Try Again” ที่พวกเขาได้ร่วมกันทำถูกพับเก็บไป

ถัดมาในปี 2020 “Dallas K” ยังคงได้ร่วมทำ และร่วมเขียนเพลง “Sad Forever” ซิงเกิลเปิดตัวอัลบั้ม “~how i'm feeling~” ของ “Lauv” อีกครั้ง นอกจากนี้ ใน “Without You EP” ของ “Lauv” ที่ถูกปล่อยมาเมื่อปี 2020 ก็ได้ความร่วมมือจาก “Dallas K” อีกเช่นกัน เนื่องด้วย “Try Again” เป็นเพลงแนวแดนซ์เพลงแรกที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตัวเองของทั้ง “Dallas K” และ “Lauv” เข้าด้วยกัน พวกเขาจึงรักเพลงนี้มาก ๆ ด้วยเหตุนี้ ระหว่างช่วงกักตัวเมื่อปีที่แล้ว “Dallas K” จึงได้ชวน “Lauv” มาอัดเพลง “Try Again” ใหม่อีกรอบ และปรับให้เพลงเน้นการเต้นมากขึ้น

“Lauv” ได้กล่าวว่า “Dallas K และผมได้ทำเพลงนี้ขึ้นเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว พวกเราได้กลับมาทำร่วมกันอีกในช่วงกักตัวและตอนนี้เราก็พร้อมที่จะปล่อยเพลงนี้ให้ทุกคนได้รับฟังกันแล้ว” เชื่อได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเพลงสนุกที่จะชวนทุกคนมาเต้น บรรเทาความเครียดในช่วงนี้ได้แน่นอน

สามารถฟัง “Try Again” ได้ที่ : https:// umusicth.lnk.to/TryAgainPR

16575



เรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา และva.com/5-เว็บ.บอลดีที่สุด-pantip/]ยูเวนตุส 3 บิ๊กสโมสรยุโรปยืนยันจะเดินหน้าจัดแข่งขันศึกฟุตบอลยูโรเปียน ซูเปอร์ ลีก ต่อไปหลังศาลแห่งกรุงมาดริดระบุว่าไม่มีความผิด

สำหรับฟุตบอลยูโรเปียน ซูเปอร์ ลีก ถูกก่อตั้งโดย 12 ทีมชั้นนำของยุโรปที่ต้องการให้มีลีกฟุตบอลใหม่เกิดขึ้น ทว่ากลับถูกกระแสต่อต้านอย่างหนัก ส่งผลให้ 9 จาก 12 ทีมประกอบด้วย เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน, แอตเลติโก มาดริด, อาร์เซนอล, เชลซี, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ถอนตัวออกไป

การถอนตัวที่เกิดขึ้นส่งผลให้โปรเจกต์นี้ได้รับผลกระทบ เนื่องจากเหลือเพียง 3 ทีมคือ เรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา และยูเวนตุส นอกจากนั้นสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ยังส่อลงโทษสถานหนักกับทั้ง 3 สโมสรดังกล่าว

ถึงกระนั้นทั้ง เรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา และยูเวนตุส ไม่ยอมแพ้ และได้ยื่นเรื่องไปที่ศาลในกรุงมาดริดเพื่อให้ปกป้องพวกเขาจากการลงโทษของ ยูฟ่า เนื่องจากมองว่าไม่เป็นธรรม

กระทั่งล่าสุด ศาลแห่งกรุงมาดริด ประกาศผลการตัดสินออกมาแล้วว่า ยูฟ่าไม่สามารถลงโทษทั้ง 3 สโมสรจากเรื่องดังกล่าวได้ และต้องยกเลิกบทลงโทษทั้งหมดที่ออกมา

หลังจากนั้น เรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา และยูเวนตุส ได้แถลงการณ์ร่วมกันโดยยืนยันว่าจะดำเนินแผนงานของฟุตบอลยูโรเปียน ซูเปอร์ ลีก ต่อไป “เรามีความยินดีที่ก้าวไปข้างหน้า เราจะไม่อยู่ภายใต้การคุกคามอย่างต่อเนื่องของ ยูฟ่า อีกต่อไป”

16576
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812

16577


หลังจากประเทศไทย/]ปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด และอนุญาตให้นำไปใช้ในทางการแพทย์ "น้ำมันกัญชา" ได้กลายเป็นรูปแบบยาประเภทหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจ เนื่องจากมีประโยชน์และสรรพคุณที่ช่วยรักษาโรคบางชนิดได้ แต่การจะใช้น้ำมันชนิดนี้ได้อย่างปลอดภัย ก็ควรศึกษาข้อมูลและวิธีใช้ที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ

ทำความรู้จัก "น้ำมันกัญชา" คืออะไร?
ไลฟ์สไตล์ติดตาม
31 ก.ค. 64
วิธีทำข้าวคลุกกะปิ สูตรอร่อยเด็ด อิ่มอร่อยแบบง่ายๆ

30 ก.ค. 64
ข้อสอบใบขับขี่ 2564 สำหรับรถยนต์ และรถจักรยานยนต์

30 ก.ค. 64
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย เหนียวนุ่มน่ากิน ทำง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน

ดูทั้งหมด 
น้ำมันกัญชา คือ สารสกัดเข้มข้นจากต้นกัญชา ที่นำมาทำให้เจือจางเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบในรูปแบบยาทางการแพทย์ หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผลิตเป็นยารักษาโรค มีการนำไปผสมกับส่วนผสมต่างๆ ให้เหมาะแก่การรักษาในแต่ละประเภท เช่น นำไปหยดใต้ลิ้น นำไปทาบนผิวหนัง เป็นต้น

ทั้งนี้ น้ำมันกัญชาทุกรูปแบบที่นำไปรักษาโรคและเกี่ยวข้องกับการรักษาสุขภาพ จะต้องผ่านกระบวนการที่ถูกต้อง อยู่ภายใต้การดูแลและได้รับคำแนะนำถึงวิธีการใช้อย่างปลอดภัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งบางคนอาจมีความเชื่อว่าน้ำมันกัญชาคือ "ยาสารพัดโรค" ทำให้มีการนำไปใช้รักษาอาการต่างๆ เอง ยกตัวอย่างเช่น

น้ำมันกัญชา สำหรับหยอดหู หยอดตา
แน่นอนว่าหากจะใช้น้ำมันชนิดนี้ไปหยอดหูเพื่อรักษาอาการที่เกี่ยวข้องกับหู หรือนำไปหยอดตา ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะไม่ได้หมายความว่าน้ำมันกัญชาทุกประเภทจะใช้งานเหมือนกัน โดยเฉพาะการใช้น้ำมันกัญชารักษาโรคที่เกี่ยวกับดวงตา เช่น โรคต้อหิน เป็นการรักษาที่ยังไม่ได้รับการยอมรับ หรือแม้กระทั่งหยอดตาเพื่อลดความดันลูกตา ก็ถือเป็นวิธีที่อันตรายและไม่ควรทำด้วยตนเอง

น้ำมันกัญชา สำหรับรักษาสิว
แม้ว่าน้ำมันกัญชาจะสามารถใช้รักษาโรคทางผิวหนังบางชนิดได้ ทำให้หลายคนนำไปใช้รักษาสิว หรือผิวหน้าที่มีผื่นแดง แต่ทั้งนี้ต้องศึกษาด้วยว่าน้ำมันกัญชามีส่วนผสมใดบ้าง และสิวนั้นเป็นสิวประเภทใด เพราะไม่เช่นนั้นแทนที่จะช่วยลดอาการอักเสบ อาจทำให้มีอาการผิวหนังอักเสบมากกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าทุกกระบวนการใช้น้ำมันกัญชาเพื่อรักษาอาการต่างๆ นั้น จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญก่อนนำไปใช้เสมอ


สรรพคุณน้ำมันกัญชาในทางการแพทย์ รักษาโรคอะไรได้บ้าง?
ประโยชน์และสรรพคุณของน้ำมันกัญชาถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ เพื่อรักษาอาการและโรคบางชนิด เช่น ใช้บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง บำรุงสุขภาพ รวมถึงคลายอาการวิตกกังวล แต่อย่างไรก็ตามหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป หรือผู้ใช้มีอาการแพ้น้ำมันกัญชาก็อาจส่งผลเสีย ทำให้มีผลข้างเคียง เช่น อ่อนเพลีย ท้องเสีย เป็นต้น

จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ได้ระบุถึงคุณสมบัติของน้ำมันกัญชา 3 ประเภท ที่ได้รับการยอมรับในฐานะสารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ ประกอบไปด้วยกลุ่มสารแคนนาบินอยด์ (Cannabinoid) ที่พบในพืชกัญชา ได้แก่ 

1. น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร THC
ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด ใช้หยอดใต้ลิ้นตามแพทย์สั่ง

2. น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร CBD
ใช้รักษาผู้ป่วยโรคลมชักที่รักษายาก หรือดื้อต่อการรักษา ใช้หยอดใต้ลิ้นตามแพทย์สั่ง

3. น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร THC : CBD 
ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง และโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ใช้หยอดใต้ลิ้นตามแพทย์สั่ง


ใครสามารถปลูกกัญชา และปรุงยาจากกัญชาได้บ้าง?
แม้ประเทศไทยจะปลดล็อกกัญชาแล้ว แต่ในปัจจุบันก็เปิดให้ยื่นขออนุญาตปลูกกัญชาได้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยเท่านั้น ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ระบุว่า ผู้ที่สามารถปลูกกัญชาได้ มีดังนี้

หน่ายงานของรัฐ
สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่มีการสอน วิจัย ทางการแพทย์หรือเภสัชศาสตร์
ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น สหกรณ์การเกษตร, วิสาหกิจชุมชน, วิสาหกิจสังคม ที่อยู่ภายใต้หน่วยงานของรัฐ หรือสถาบันอุดมศึกษา
ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม (เภสัชกรรม ทันตกรรม การแพทย์แผนไทย หรือหมอพื้นบ้านตามกฎหมาย) 
การขออนุญาตปลูกกัญชา
สำหรับผู้ที่ต้องการจะขออนุญาตเพื่อปลูกกัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะต้องประกอบไปด้วย 3 ข้อ ได้แก่
1. มีคุณสมบัติเป็นผู้ที่สามารถปลูกกัญชาได้ถูกต้องตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 หรือมีสถานะเป็นวิสาหกิจชุมชน และไปร่วมกับหน่วยงานของรัฐ
2. มีแผนโครงการ แผนกระบวนการผลิต และรายละเอียดการใช้ประโยชน์อย่างชัดเจน 
3. มีสถานที่ปลูกกัญชา ที่มีเอกสารสิทธิครอบครองที่ถูกต้องตามกฎหมาย


ผู้ที่สามารถปรุงยากัญชาได้
สำหรับผู้ที่จะนำกัญชาไปปรุงยาได้นั้น จะต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทย และหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย หรือผ่านการอบรมหลักสูตรการใช้ตำรับยาที่มีกัญชาผสม จากหลักสูตรที่กระทรวงสาธารณสุข

ส่วนการจำหน่าย หรือสั่งจ่ายยา ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้สถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชนก็ได้ แต่ต้องเป็นตำรับยาที่ได้รับการยอมรับแล้วเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถติดต่อสอบถามเรื่องกัญชาทางการแพทย์ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันกัญชาได้ที่ [email protected]

ที่มา : คณะกรรมการขับเคลื่อนประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

16578
111-Lotto 111  ตัวแทนจำหน่าย ล็อตเตอรี่ออนไลน์ รายใหญ่ของ มังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์  ปรับเปลี่ยนรูปแบบการซื้อล็อตเตอรี่แบบใหม่  ยุค new normal




ไม่ต้องไปหน้าแผง ไม่ต้องเสียเวลาก้มหาเลข ไม่ต้องไปลุ้นว่าจะมีเลขที่อยากได้มั้ย แค่แอดไลน์ หาเรา บอกเลขที่ต้องการ เลขเด็ด เลขดัง แจ้งโอนเงิน จะได้รับ SMS ยืนยัน




ถ้าถูกรางวัลสามารถขึ้นเงินได้จริง ได้รับเงินจริงไม่เกิน 24 ชม โดยปกติใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงหลังผลสลากกินแบ่งรัฐบาลออกเท่านั้น 

ขั้นตอนการซื้อ ล็อตเตอรี่ออนไลน์ กับเรานั้น ง่ายๆ มาก มี 2 แบบให้เลือกแล้วแต่สะดวก

1. แอดไลน์ @111-lotto หรือคลิกทีนี่ เพื่อ คุยกับแอดมินโดยตรงและทำการสั่งซื้อและโอนเงินผ่านไลน์ มีเจ้าหน้าที่แนะนำทุกขั้นตอน 

111-lotto รีบแอดไลน์เพื่อเลือกเลขรางวัลก่อนใคร

Add Line : @111-lotto





2. สั่งซื้อผ่านระบบ 111-lotto ล็อตเตอรี่ของของมังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์ ด้วยตัวเอง จะทำที่ไหน เมื่อไหร่ เวลาไหนก็ได้ Add Line : @111-lotto


 


 

หน้า: 1 ... 919 920 [921] 922 923 ... 934