แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - hs8jai

หน้า: 1 ... 920 921 [922] 923 924 ... 934
16579
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812

16580


หลังจากประเทศไทย/]ปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด และอนุญาตให้นำไปใช้ในทางการแพทย์ "น้ำมันกัญชา" ได้กลายเป็นรูปแบบยาประเภทหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจ เนื่องจากมีประโยชน์และสรรพคุณที่ช่วยรักษาโรคบางชนิดได้ แต่การจะใช้น้ำมันชนิดนี้ได้อย่างปลอดภัย ก็ควรศึกษาข้อมูลและวิธีใช้ที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ

ทำความรู้จัก "น้ำมันกัญชา" คืออะไร?
ไลฟ์สไตล์ติดตาม
31 ก.ค. 64
วิธีทำข้าวคลุกกะปิ สูตรอร่อยเด็ด อิ่มอร่อยแบบง่ายๆ

30 ก.ค. 64
ข้อสอบใบขับขี่ 2564 สำหรับรถยนต์ และรถจักรยานยนต์

30 ก.ค. 64
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย เหนียวนุ่มน่ากิน ทำง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน

ดูทั้งหมด 
น้ำมันกัญชา คือ สารสกัดเข้มข้นจากต้นกัญชา ที่นำมาทำให้เจือจางเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบในรูปแบบยาทางการแพทย์ หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผลิตเป็นยารักษาโรค มีการนำไปผสมกับส่วนผสมต่างๆ ให้เหมาะแก่การรักษาในแต่ละประเภท เช่น นำไปหยดใต้ลิ้น นำไปทาบนผิวหนัง เป็นต้น

ทั้งนี้ น้ำมันกัญชาทุกรูปแบบที่นำไปรักษาโรคและเกี่ยวข้องกับการรักษาสุขภาพ จะต้องผ่านกระบวนการที่ถูกต้อง อยู่ภายใต้การดูแลและได้รับคำแนะนำถึงวิธีการใช้อย่างปลอดภัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งบางคนอาจมีความเชื่อว่าน้ำมันกัญชาคือ "ยาสารพัดโรค" ทำให้มีการนำไปใช้รักษาอาการต่างๆ เอง ยกตัวอย่างเช่น

น้ำมันกัญชา สำหรับหยอดหู หยอดตา
แน่นอนว่าหากจะใช้น้ำมันชนิดนี้ไปหยอดหูเพื่อรักษาอาการที่เกี่ยวข้องกับหู หรือนำไปหยอดตา ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะไม่ได้หมายความว่าน้ำมันกัญชาทุกประเภทจะใช้งานเหมือนกัน โดยเฉพาะการใช้น้ำมันกัญชารักษาโรคที่เกี่ยวกับดวงตา เช่น โรคต้อหิน เป็นการรักษาที่ยังไม่ได้รับการยอมรับ หรือแม้กระทั่งหยอดตาเพื่อลดความดันลูกตา ก็ถือเป็นวิธีที่อันตรายและไม่ควรทำด้วยตนเอง

น้ำมันกัญชา สำหรับรักษาสิว
แม้ว่าน้ำมันกัญชาจะสามารถใช้รักษาโรคทางผิวหนังบางชนิดได้ ทำให้หลายคนนำไปใช้รักษาสิว หรือผิวหน้าที่มีผื่นแดง แต่ทั้งนี้ต้องศึกษาด้วยว่าน้ำมันกัญชามีส่วนผสมใดบ้าง และสิวนั้นเป็นสิวประเภทใด เพราะไม่เช่นนั้นแทนที่จะช่วยลดอาการอักเสบ อาจทำให้มีอาการผิวหนังอักเสบมากกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าทุกกระบวนการใช้น้ำมันกัญชาเพื่อรักษาอาการต่างๆ นั้น จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญก่อนนำไปใช้เสมอ


สรรพคุณน้ำมันกัญชาในทางการแพทย์ รักษาโรคอะไรได้บ้าง?
ประโยชน์และสรรพคุณของน้ำมันกัญชาถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ เพื่อรักษาอาการและโรคบางชนิด เช่น ใช้บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง บำรุงสุขภาพ รวมถึงคลายอาการวิตกกังวล แต่อย่างไรก็ตามหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป หรือผู้ใช้มีอาการแพ้น้ำมันกัญชาก็อาจส่งผลเสีย ทำให้มีผลข้างเคียง เช่น อ่อนเพลีย ท้องเสีย เป็นต้น

จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ได้ระบุถึงคุณสมบัติของน้ำมันกัญชา 3 ประเภท ที่ได้รับการยอมรับในฐานะสารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ ประกอบไปด้วยกลุ่มสารแคนนาบินอยด์ (Cannabinoid) ที่พบในพืชกัญชา ได้แก่ 

1. น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร THC
ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด ใช้หยอดใต้ลิ้นตามแพทย์สั่ง

2. น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร CBD
ใช้รักษาผู้ป่วยโรคลมชักที่รักษายาก หรือดื้อต่อการรักษา ใช้หยอดใต้ลิ้นตามแพทย์สั่ง

3. น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร THC : CBD 
ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง และโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ใช้หยอดใต้ลิ้นตามแพทย์สั่ง


ใครสามารถปลูกกัญชา และปรุงยาจากกัญชาได้บ้าง?
แม้ประเทศไทยจะปลดล็อกกัญชาแล้ว แต่ในปัจจุบันก็เปิดให้ยื่นขออนุญาตปลูกกัญชาได้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยเท่านั้น ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ระบุว่า ผู้ที่สามารถปลูกกัญชาได้ มีดังนี้

หน่ายงานของรัฐ
สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่มีการสอน วิจัย ทางการแพทย์หรือเภสัชศาสตร์
ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น สหกรณ์การเกษตร, วิสาหกิจชุมชน, วิสาหกิจสังคม ที่อยู่ภายใต้หน่วยงานของรัฐ หรือสถาบันอุดมศึกษา
ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม (เภสัชกรรม ทันตกรรม การแพทย์แผนไทย หรือหมอพื้นบ้านตามกฎหมาย) 
การขออนุญาตปลูกกัญชา
สำหรับผู้ที่ต้องการจะขออนุญาตเพื่อปลูกกัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะต้องประกอบไปด้วย 3 ข้อ ได้แก่
1. มีคุณสมบัติเป็นผู้ที่สามารถปลูกกัญชาได้ถูกต้องตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 หรือมีสถานะเป็นวิสาหกิจชุมชน และไปร่วมกับหน่วยงานของรัฐ
2. มีแผนโครงการ แผนกระบวนการผลิต และรายละเอียดการใช้ประโยชน์อย่างชัดเจน 
3. มีสถานที่ปลูกกัญชา ที่มีเอกสารสิทธิครอบครองที่ถูกต้องตามกฎหมาย


ผู้ที่สามารถปรุงยากัญชาได้
สำหรับผู้ที่จะนำกัญชาไปปรุงยาได้นั้น จะต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทย และหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย หรือผ่านการอบรมหลักสูตรการใช้ตำรับยาที่มีกัญชาผสม จากหลักสูตรที่กระทรวงสาธารณสุข

ส่วนการจำหน่าย หรือสั่งจ่ายยา ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้สถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชนก็ได้ แต่ต้องเป็นตำรับยาที่ได้รับการยอมรับแล้วเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถติดต่อสอบถามเรื่องกัญชาทางการแพทย์ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันกัญชาได้ที่ [email protected]

ที่มา : คณะกรรมการขับเคลื่อนประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

16581
111-Lotto 111  ตัวแทนจำหน่าย ล็อตเตอรี่ออนไลน์ รายใหญ่ของ มังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์  ปรับเปลี่ยนรูปแบบการซื้อล็อตเตอรี่แบบใหม่  ยุค new normal




ไม่ต้องไปหน้าแผง ไม่ต้องเสียเวลาก้มหาเลข ไม่ต้องไปลุ้นว่าจะมีเลขที่อยากได้มั้ย แค่แอดไลน์ หาเรา บอกเลขที่ต้องการ เลขเด็ด เลขดัง แจ้งโอนเงิน จะได้รับ SMS ยืนยัน




ถ้าถูกรางวัลสามารถขึ้นเงินได้จริง ได้รับเงินจริงไม่เกิน 24 ชม โดยปกติใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงหลังผลสลากกินแบ่งรัฐบาลออกเท่านั้น 

ขั้นตอนการซื้อ ล็อตเตอรี่ออนไลน์ กับเรานั้น ง่ายๆ มาก มี 2 แบบให้เลือกแล้วแต่สะดวก

1. แอดไลน์ @111-lotto หรือคลิกทีนี่ เพื่อ คุยกับแอดมินโดยตรงและทำการสั่งซื้อและโอนเงินผ่านไลน์ มีเจ้าหน้าที่แนะนำทุกขั้นตอน 

111-lotto รีบแอดไลน์เพื่อเลือกเลขรางวัลก่อนใคร

Add Line : @111-lotto





2. สั่งซื้อผ่านระบบ 111-lotto ล็อตเตอรี่ของของมังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์ ด้วยตัวเอง จะทำที่ไหน เมื่อไหร่ เวลาไหนก็ได้ Add Line : @111-lotto


 


 

16585



วันนี้ (30 กรกฎาคม 2564) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จัดการประชุม Science and Technology Organization Forum (STO Forum) ครั้งที่ 3/2564 โดยเชิญผู้บริหารหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย เข้าร่วม/]ระดมสมองหารือถึงแนวทางการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และแนวทางการสนับสนุนงบประมาณกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุนส่งเสริม ววน.) สำหรับโครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนระบบวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาประเทศ

โอกาสนี้ รศ.ดร. ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือของ สกสว. กับหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย ในการร่วมกันกำหนดเป้าหมายและทิศทางการพัฒนาระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ซึ่งเป็นความคืบหน้าจากการดำเนินการตามแผนงานต่าง ๆ ความร่วมมือการพัฒนานี้จะนำไปสู่การพัฒนาวิทยาศาสตร์ไทยแบบไร้รอยต่อ อย่างไรก็ตามคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) ได้มีนโยบายเกี่ยวกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศที่สามารถก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด


ทางด้าน ดร.ณิรวัฒน์ ธรรมจักร์ ผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สกสว. ได้นำเสนอถึงแนวทางการสนับสนุนงบประมาณกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำหรับโครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี โดยที่ผ่านมา สกสว. ได้ระดมความคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำให้ได้กรอบกิจกรรมสำคัญและรายละเอียดของลักษณะโครงการที่มีเป้าหมายในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี จากนั้น สกสว. ได้เสนอกรอบแนวคิดและแนวทางการสนับสนุน “โครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี” ซึ่งที่ผ่านมาได้นำเสนอต่อคณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาระบบนวัตกรรม และคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.)

โดยกองทุนส่งเสริม ววน. มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมและสนับสนุนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ในหลากหลายมิติ ครอบคลุมถึงการพัฒนาต้นทุนทรัพยากรที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพ และการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้นเป็นไปตามกรอบนโยบายและยุทธศาสตร์ อววน. โดยมีกิจกรรมสำคัญสำหรับการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี 5 ด้าน ประกอบด้วย 1) การพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2) การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงและตอบโจทย์การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำคัญ 3) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน ววน. และโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศ 4) การให้บริการเทคโนโลยีและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างแพร่หลาย 5) การสื่อสารและสร้างเครือข่ายเชิงกลยุทธ์ด้าน ววน.

ทางด้าน รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) ได้นำเสนอแนวทางการบริหารและใช้ประโยชน์จากศูนย์ไซโคลตรอน โดยอธิบายว่า เครื่องไซโคลตรอนถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของประเทศ โดยปัจจุบัน สทน. อยู่ระหว่างการดำเนินการสร้างศูนย์ไซโคลตรอนของประเทศ ซึ่งไซโคลตรอนนั้นเป็นเครื่องเร่งอนุภาคไอออน ปัจจุบันการนำมาใช้ประโยชน์ทั้งในภาคธุรกิจรวมถึงทางด้านการแพทย์ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการผลิตสารเภสัชรังสี อย่างเช่นไอโซโทปที่ใช้สำหรับการตรวจและรักษาโรคมะเร็ง ปัจจุบันมีการนำเครื่องไซโคลตรอนมาใช้ประโยชน์ในการผลิตสารเภสัชรังสีเกี่ยวกับการทำ Proton Therapy การรักษาโรคมะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอน มีข้อดีคือสามารถปล่อยพลังงานเฉพาะตำแหน่งที่ต้องการ ไม่ทำให้เกิดแผล สามารถปล่อยพลังงานเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งในตำแหน่งที่ต้องการ ลดความเสี่ยงจากการผ่าตัด เช่น สามารถใช้ในการรักษามะเร็งสมอง เป็นเทคนิคที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน 

อย่างไรก็ตาม สทน. มีแผนการพัฒนาศูนย์ไซโคลตรอนเพื่อให้บริการงานวิจัยในด้านต่างๆ ด้วย ซึ่งการติดตั้งเครื่องคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2564 สามารถเป็นศูนย์กลางในการให้บริการผลิตสารเภสัชรังสี ทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงการรักษาโรคด้วยเภสัชรังสีในราคาที่เข้าถึงได้ ถือเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ

นอกจากนี้การประชุมในวันนี้ ที่ประชุมยังได้ร่วมกันระดมสมองเกี่ยวกับการร่วมกันพัฒนาระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ รวมถึงแนวทางการสนับสนุนและใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ

16587



กระทรวงอุตสาหกรรมเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.ขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ภาพรวมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) อยู่ที่ระดับ 97.73 เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.58 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยไตรมาสที่ 2/64 ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 20.41 ครึ่งปีแรก 64 ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 9.41 เนื่องจากประเทศคู่ค้าสำคัญเริ่มฟื้นตัวจากมาตรการของภาครัฐในแต่ละประเทศ รวมถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนในหลายประเทศส่งผลให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำและยุทโธปกรณ์) ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 45.23 ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่สำคัญจะยังเติบโตต่อเนื่องตามภาคการส่งออกซึ่งถือเป็นกลจักรสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศในช่วงเวลานี้

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมเปิดเผยว่า สถานการณ์ภาคการผลิตอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้น สะท้อนได้จากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI)เดือนมิถุนายน 2564 ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากทิศทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญทั่วโลกมีแนวโน้มดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และยุโรป ส่งผลให้ภาคการผลิตโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญขยายตัว ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เหล็กและเหล็กกล้า แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีบางโรงงานอุตสาหกรรมต้องหยุดการผลิตชั่วคราวแต่เป็นเฉพาะบางสายการผลิต และสามารถกลับมาเร่งกำลังการผลิตได้เหมือนเดิม



ขณะเดียวกันกระทรวงอุตสาหกรรมมีการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ด้วยหลักการ “Online - Onsite - Upgrade -Vaccine” คือ 1.Online ให้โรงงานประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ไทย สต๊อป โควิด-19 พลัส และไทยเซฟไทย 2. Onsite จัดทีมแนะนำและติดตามการประเมินตนเอง โดยให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด และหน่วยงานในพื้นที่ของกระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ร่วมกันจัดทีมสุ่มตรวจประเมินโรงงานในพื้นที่ในโรงงาน

3.Upgrade จัดทำมาตรการฟื้นฟูสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หลังจากโรงงานประเมินตนเอง เพื่ออัพเกรดสถานประกอบการให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน 4. Vaccine เร่งรัดการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในโรงงาน รวมทั้งผลักดันการเป็นศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและโรงงานขนาดใหญ่ที่มีคนงานมากกว่า 2,000 คน เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดในภาคแรงงาน และจะสามารถทำให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถเดินหน้าการผลิตต่อไปได้

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมิถุนายน 2564 ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 อยู่ที่ระดับ 97.73 เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.58 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยไตรมาสที่ 2/64 ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 20.41 ส่วนครึ่งปีแรกปี 2564 ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 9.41 โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทอง อาวุธ รถถัง และอากาศยาน) มูลค่า 18,440 ดอลล่าร์สหรัฐ ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 45.23 ส่วนการนำเข้าสินค้าทุน ขยายร้อยละ 28.5 ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวร้อยละ 69.4 ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เป็นต้น



สำหรับการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งปีแรก ปี 2564 ขยายตัวเกือบทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการผลิตของอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์มีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.87 โดยเป็นการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นในรถทุกประเภทจากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามคำสั่งซื้อจากต่างประเทศส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ยางล้อขยายตัวตามไปด้วย อุตสาหกรรมเหล็กขยายตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก ส่งผลให้การผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.80 การผลิตชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ มีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.65 ตามความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากการเรียนและการทำ[^_^] และอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยางที่เติบโตตามความต้องการใช้งานทางการแพทย์สูงขึ้นจากการระบาดของโควิด-19 อีกทั้ง ในเดือนมิถุนายน 2564 อุตสาหกรรมเครื่องประดับ ซึ่งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยเริ่มกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 178.89 สะท้อนให้เห็นภาพของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศการเร่งกระจายการฉีดวัคซีน และแผนการเปิดประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลให้การคาดการณ์ MPI ในเดือนถัดไปจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีประเด็นที่ต้องติดตามและให้ความสำคัญ อาทิเช่น การระบาดของโควิด-19 ในกลุ่มคลัสเตอร์โรงงานอุตสาหกรรม ปัญหาการขาดแคลนชิปในอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งปัญหาต้นทุนค่าระวางการขนส่งสินค้าทางเรือตู้คอนเทนเนอร์สูงขึ้นที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตในอนาคต

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่มีดัชนีผลผลิตที่ส่งผลบวกขยายตัวในเดือนมิถุนายน 2564 ยานยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 90.06 จากการผลิตเกือบทุกรายการสินค้า ประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เวียดนาม ญี่ปุ่น เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีขึ้น ทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 82.14 ส่วนตลาดในประเทศยังขยายตัวได้แม้จะมีการระบาดระลอก 3 ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 32.32 ตามความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์โลกที่ขยายตัว และความต้องการสินค้าเพื่อการทำงานแบบ work from home มากขึ้น ประกอบกับแนวโน้มของการพัฒนาสินค้าเทคโนโลยีเป็นปัจจัยส่งเสริมให้มีการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในหลากหลายอุตสาหกรรมมากขึ้น

ส่วนเหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 28.93 จากเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กรูปพรรณรีดร้อน และเหล็กเส้นข้ออ้อย เป็นหลัก ตามความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องโดยเฉพาะยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ตลอดจนการเร่งก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานของรัฐในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา

ขณะที่เครื่องประดับเพชรพลอยและโลหะมีค่า ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 178.89 เนื่องจากปีก่อนเป็นช่วงเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ยอดการผลิตและจำหน่ายยังอยู่ในระดับต่ำ ต่างจากปีนี้ ที่การผลิตเป็นไปตามปกติ รวมถึงการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ทำให้การจำหน่ายเติบโตได้มากขึ้น ยางรถยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 78.19 จากยางนอกรถยนต์นั่ง ยางนอกรถบรรทุกรถโดยสาร และยางนอกรถกระบะ ขยายตัวได้ตามยอดการผลิตรถยนต์ที่เติบโตได้ดีขึ้น รวมถึงมีการลดราคาและทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งในปีก่อนได้รับผลจากการแพร่ระบาดและมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ความต้องการสินค้าหดตัว

https:// siamrath.co.th/n/266720

16588



“กรุงเทพธุรกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ “ชาติชาย พยุหนาวีชัย” อดีตขุนพลมือดีที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการเงินนานกว่า 30 ปี และผู้บริหารของธนาคารหลายแห่ง ที่เข้ามาเป็นกำลังหลักเดินหน้าภารกิจก้าวข้ามสร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญจากนี้ ในฐานะ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการบริษัท ร่วมสานกลยุทธ์ “ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” ภายใต้แนวคิด “ORIGIN NEXT LEVEL” ที่จะมีการขยายธุรกิจทั้งเชิงกว้างและเชิงลึกด้วยทำเลใหม่ แบรนด์ใหม่ กลุ่มธุรกิจใหม่ ความร่วมมือใหม่ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายใหม่ และ สร้างสรรค์ฟังก์ชั่นใหม่ และบริการใหม่ ในบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม

ชาติชาย เล่าย้อนการมาร่วมทัพ “ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” ครั้งนี้ ได้รับการชักชวนจากผู้บริหารออริจิ้นมาระยะหนึ่งแล้ว เหตุผลสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจมาร่วมทัพด้วย คือเรื่อง “ความหลงใหล”(Passion)การทำงานที่ตรงกัน และบิ๊กชาเลนจ์ในการสร้างอีโคซิสเท็มของออริจิ้น เพื่อ “ต่อยอด” ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอสังหาฯ อย่างครบวงจร ถือเป็นความท้าทายใหม่ในการนำประสบการณ์จากภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐมาใช้ในการทำงานร่วมกับออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้

“ไม่ใช่” เพียงแค่ด้านการเงินเท่านั้น แต่ครอบคลุมไปถึงทั้งด้านการตลาด และด้านภาพลักษณ์องค์กร ในการก้าวสู่ เน็กซ์ เลเวลในด้านต่างๆ ตามที่ประกาศแผนไว้เมื่อช่วงต้นปี อาทิ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company : AMC) ที่เขามีความคุ้นเคยอยู่แล้วเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเข้ามาช่วยปรับองค์กรในภาพรวมเพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

ชาติชาย กล่าวย้ำว่า กลยุทธ์สำคัญที่จะนำพา “ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” ให้ก้าวไปตามแผน “ออริจิ้น เน็กซ์ เลเวล” ได้นั้น เกิดจาก 2 ส่วนหลัก ส่วนแรก การคิดแบบ “เน็กซ์ นอร์มอล” ให้โตไปแบบ เน็กซ์ เลเวล โดยนำแนวคิดในการปรับตัวรับมือวิกฤติโควิดในช่วงท้ายของการทำงานที่ธนาคารออมสินก่อนเกษียณ มาใช้ในการปรับเปลี่ยนรูปแบบงาน ขีดความสามารถในการทำงานของทีมงานใหม่เพื่อรองรับกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในวันข้างหน้า

“เราเห็นเลยว่าความยืดหยุ่นเป็นเรื่องสำคัญ และทีมงานจำเป็นต้องเข้าใจเรื่อง เน็กซ์ เลเวลในทุกมิติ เพราะถ้าไม่เข้าใจ ก็จะปรับตัวไม่ทัน และก้าวไปไม่ทันโลก”

ส่วนที่สอง "ซินเนอร์จี้” ธุรกิจ/อุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตดี (Sunrise Industry)ทั้งแนวกว้างและแนวลึก โดยในส่วนของธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ จะมีบ้านจัดสรร มีคอนโดมิเนียมครอบคลุมทุกเซ็กเมนท์

สเต็ปต่อไปคือการก้าวไปสู่เซ็กเตอร์อุตสาหกรรมใหม่เพื่อขยายแลนด์สเคปธุรกิจของออริจิ้นให้กว้างขึ้นในอนาคต!!

จากเมื่อต้นปี ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ได้ประกาศทิศทาง เน็กซ์ เลเวล ใน 3 กลุ่มธุรกิจใหม่ ซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจบริหารสินทรัพย์, ธุรกิจเวลเนส และธุรกิจโลจิสติกส์ ถือเป็นธุรกิจที่มีอนาคต และที่เติบโตรวดเร็วในยุคเน็กซ์ นอร์มอล ล่าสุดขยายไปสู่ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจความงาม ข้อดีของการซินเนอร์จี้ระหว่างเซ็กเตอร์ระหว่างอุตสาหกรรมจะทำให้องค์กรแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากธุรกิจที่หลากหลาย

สำหรับ ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ซึ่งเผชิญวิกฤติโควิด-19 มาตลอดช่วงเกือบ 2 ปีนี้ มีความท้าทายใหม่ๆ เกิดขึ้นมาก แต่ออริจิ้น มีการปรับตัวตลอดเวลา ซึ่งองค์กรค่อนข้างมีพื้นฐานชุดความคิดที่ยืดหยุ่น (Flexible Mindset) พร้อมรับการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่าง การทำ Property Live ขายคอนโดแบรนด์ ดิ ออริจิ้น ผ่าน Live สดบนเฟซบุ๊ก จนกวาดยอดขายกว่า 200 ล้านบาท

“พื้นฐาน ออริจิ้น เป็นองค์กรที่ไม่มีกำแพง ไม่มีเพดาน คนในองค์กรพร้อมจะคิดสิ่งใหม่ๆ ไปทั้งแนวกว้าง แนวสูง แนวลึก กันอยู่เสมอ 2 กลยุทธ์ที่ผมบอกไปข้างต้น จะเป็นส่วนเติมเต็มที่สำคัญที่ทำให้ออริจิ้นก้าวไปแบบ เน็กซ์ เลเวล ได้ทั้งองคาพยพ”

จากประสบการณ์ของ “ชาติชาย” ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยใช้เวลา2-3ปีในการฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย หากองค์กรไหนมีการปรับตัวดีจะมีอัตราการเติบโตเหนือกว่าอุตสาหกรรม และคู่แข่ง อย่าง ออริจิ้น ในภาวะแบบนี้ยังขายได้จากการหาลูกค้าใหม่เข้ามาเสริม เช่น กลุ่มนักศึกษา คนชอบเลี้ยงสัตว์ กลุ่มผู้สูงอายุ รวมถึงการขยายช่องทางขายผ่านทางออนไลน์ ที่ผ่าน มียอดโอนจากการขายผ่านช่องทางออนไลน์ กว่า 600 ล้านบาท!!

ปัจจุบัน ออริจิ้น พยายามนำ “บิ๊กดาต้า” ของลูกค้าที่มีอยู่กว่าแสนรายนำมาใช้ประโยชน์ด้วยการนำเสนอสินค้าและบริการให้กับลูกค้าได้ทุกช่วงชีวิตทั้งไลฟ์สเตต(เมนต์) และไลฟสไตล์ ตั้งแต่เริ่มทำงาน เข้าสู่ช่วงวัยกลางคนและสูงวัย รวมทั้งการลงทุนร่วมสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ เข้ามาเสริมให้ออริจิ้นแข็งแกร่งขึ้น รวมถึงเรื่องของ “ดิจิทัลแอสเสท” เพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ ซึ่งแต้มต่อที่สำคัญที่จะทำให้ ออริจิ้นจะสามารถสร้างความผูกพันกับลูกค้า 360 องศา เพื่อวิเคราะห์โอกาสการขายที่เป็นไปได้กับลูกค้าแต่ละราย เพื่อการขายเพิ่ม ขายซ้ำ และสุดท้ายลูกค้าก็มีความสุข พึงพอใจในบริการของบริษัทและกลายเป็นลูกค้าชั่วชีวิต

พร้อมกับการทะยานขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาฯ ได้ในหลากหลายมิติทั้งจากนวัตกรรม เทคโนโลยีดิจิทัล ช่องทางขายสื่อสารผ่านทางออนไลน์ การร่วมมือพาร์ทเนอร์ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด และก้าวเป็นเบอร์หนึ่งในอนาคต "ชาติชาย" เชื่อว่า เป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินฝัน หลังจากที่ออริจิ้นสามารถผลักดันยอดขายเติบโตจนมียอดขายปีละเกือบ 30,000 ล้านบาทและมีแบ็คล็อก (Backlog)ถึง 40,000 ล้านบาททำให้มีรายได้อย่างต่อเนื่อง

16589
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812

16590



นายนิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า บริษัท อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมเพิ่มเติม จากปัจจุบัน ได้ลงทุนโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ชลบุรี คลีน เอ็นเนอร์ยี่ (CCE) กำลังการผลิต 8.63 เมกะวัตต์ ซึ่งจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์(COD) ไปแล้วเมื่อช่วงปลายเดือนธ.ค.ปี 2562 และปัจจุบันการดำเนินงานในโรงไฟฟ้าดังกล่าวก็เป็นไปด้วยดี และมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งโรงไฟฟ้าแห่งนี้ใช้เทคโนโลยีมาตรฐานยุโรป อีกทั้งยังสะอาด ไม่มีกลิ่น และบริษัท คาดหวังให้โรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นโชว์รูมต้นแบบที่ตั้งอยู่กลางนิคมฯ แล้วเป็นที่ยอมรับของชุมชนในพื้นที่

ดังนั้น หากภาครัฐมีนโยบายเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมเพิ่มเติม บริษัทก็พร้อมที่จะขยายการลงทุน เนื่องจากมีความพร้อมด้านที่ดินในบริเวณใกล้เคียงกับโรงไฟฟ้าเดิมที่ยังสามารถขยายเพื่อรองรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมประเภทโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็กมาก หรือ VSPP ขนาด 9.9 เมกะวัตต์ หรือ ไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ต่อแห่ง ซึ่งจะก่อสร้างได้อีกอย่างน้อย 4 แห่ง หรือ มีกำลังการผลิตรวมไม่เกิน 40 เมกะวัตต์

บริษัทมั่นใจว่า พื้นที่ตรงนี้มีความเหมาะสมที่จะพัฒนาเป็นโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม เพราะมีระบบสาธารณูปโภค มีสายส่ง และกระแสการตอบรับจากชุมชนก็ไม่มีปัญหา อีกทั้งโครงการที่ผ่านมาก็ทำได้ดี จึงคากว่าจะพัฒนาได้อีกหลายโครงการ



“เราเตรียมที่ไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่รอนโยบายรัฐบาลเปิดรับซื้อเพิ่ม อย่างน้อยพื้นที่รองรับได้อีก 4 โรงแต่จะเกิดได้จริงเท่าไหร่ ยังต้องรอดูนโยบายและปริมาณขยะในพื้นที่ด้วย”


นายนิพนธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ภาครัฐเตรียมทบทวนอัตราเงินสนับสนุนตามต้นทุนที่แท้จริง (Feed-in-Tariff) หรือ FiT สำหรับเชื้อเพลิงขยะว่า ปัจจัยดังกล่าวก็จะต้องนำมาคำนวณความเป็นไปได้ในการลงทุนในอนาคตด้วย เพราะหากปรับลด FiT ลงแล้ว ต้นทุนค่าก่อสร้างเป็นอย่างไร มีความคุ้มค่าในการลงทุนหรือไม่ ซึ่งในส่วนของโรงไฟฟ้าขยะ ปกติแล้วจะมีรายได้จาก 2 ส่วน คือ รายได้จากการขายไฟฟ้า และรายได้จากค่ากำจัดขยะ โดยข้อมูลเหล่านี้ก็ต้องนำมาประกอบการพิจารณาต่อไป


“จริงๆแล้วที่ผ่านมา การใช้ FiT ของภาครัฐ ก็คำนวณมาจากการลงทุนของภาคเอกชน เฉพาะหากรัฐจะปรับ FiT ลงก็มีความเป็นไปได้ เพราะต้นทุนเทคโนโลยีก็มีแนวโน้มลดลง แต่ก็เชื่อว่ารัฐจะพิจารณาอย่างรอบครอบ เพราะหาก FiT ต่ำไปก็จะไม่เอื้อให้เกิดการลงทุน”

สำหรับเม็ดเงินลงทุนโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมนั้น ปัจจุบัน คาดว่า จะอยู่ที่ประมาณ 150 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ ซึ่งจะสูงกว่าการผลิตไฟฟ้าเชื้อเพลิงประเภทอื่น เพราะจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีประสิทธิภาพสูงเพื่อดูแลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม


ทั้งนี้ ในส่วนของโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ชลบุรี คลีน เอ็นเนอร์ยี่ (CCE) กำลังการผลิต 8.63 เมกะวัตต์ เป็นการลงทุนร่วมระหว่าง บริษัทดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (WHAUP) บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) และ บริษัทสุเอซ (SUEZ) เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปลายปี 2560 กำลังการผลิตขนาด 8.63 เมกะวัตต์ ตามข้อตกลงการซื้อขายพลังงาน (power purchase agreement- PPA) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่าการลงทุนในโครงการนี้ อยู่ที่ประมาณ 1,800 ล้านบาท หรือประมาณ 57 ล้านดอลลาร์

ขณะที่ตามแผนพัฒนากาลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561-2580. 12. ฉบับปรับปรุงครั้งที่1 (PDP2018 Revision 1) ทางกระทรวงพลังงาน กำหนดเป้าหมายจะรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม เพิ่มเติมอีก 44 เมกะวัตต์ จากแผน PDP เดิมมีการรับซื้อไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมไปแล้ว 31 เมกะวัตต์ หรือ รวมปลายแผนปี 2580 ประเทศไทยจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม รวมอยู่ที่ 75 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันนั้น ทางกระทรวงพลังงาน ยังไม่มีการประกาศนโยบายเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมเพิ่มเติม

16591



อย. ห่วงใย ไม่แนะนำให้ประชาชนใช้ปืนฉีดแอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อโรค เสียเงินฟรีแถมได้รับอันตราย เพราะละอองฝอย ทำให้น้ำยาสัมผัสพื้นผิวไม่เพียงพอ ลดประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค แถมยังทำให้เชื้อโรคฟุ้งกระจาย หากเข้าตาหรือสูดดมอาจทำให้เคืองตา เวียนหัว คลื่นไส้ ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ เป็นอันตรายโดยเฉพาะในเด็กเล็ก หากใช้ปืนที่มีแสงยูวีฆ่าเชื้อโรคบนร่างกายโดยตรง อาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังและเป็นอันตรายต่อดวงตาอีกด้วย

แนะวิธีฆ่าเชื้อโรคที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่ได้รับอนุญาตจาก อย. เทราด หรือเช็ดบนพื้นผิวหรือวัสดุอุปกรณ์ที่ทำความสะอาดแล้ว ทิ้งไว้ให้เปียกตามเวลาที่กำหนด และปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลาก ก่อนซื้อตรวจสอบเลข อย. ที่ www.fda.moph.go.th หัวข้อ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์

วันนี้ (29 ก.ค.) เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข และรักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้

ทำให้ปืนฉีดแอลกอฮอล์กำลังได้รับความนิยม เป็นที่ต้องการของประชาชนเป็นอย่างมาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง ไม่แนะนำให้ซื้อปืนฉีดแอลกอฮอล์มาใช้เนื่องจากละอองฝอยที่ออกมาจากเครื่องมีขนาดเล็กมาก ทำให้ตัวน้ำยาสัมผัสพื้นผิวไม่เพียงพอซึ่งจะลดประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค แถมยังทำให้เชื้อโรคฟุ้งกระจาย หากเข้าตาหรือสูดดมอาจทำให้เคืองตา เวียนหัว คลื่นไส้ ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ เป็นอันตรายโดยเฉพาะในเด็กเล็ก ที่สำคัญ หากใช้ปืนที่มีแสงยูวีฆ่าเชื้อโรคบนร่างกายโดยตรง อาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังและเป็นอันตรายต่อดวงตา ดังนั้น ปืนฉีดแอลกอฮอล์นอกจากจะไม่มีประโยชน์ในการฆ่าเชื้อโรคแล้วยังเป็นอันตรายต่อสุภาพอีกด้วย วิธีการฆ่าเชื้อบนพื้นผิวและวัสดุอุปกรณ์ที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่ได้รับอนุญาตจาก อย. เทราดหรือเช็ดบนพื้นผิวหรือวัสดุอุปกรณ์ที่ทำความสะอาดแล้ว ทิ้งไว้ให้เปียกตามระยะเวลา ที่กำหนด และปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลาก หากพื้นผิวที่สกปรกมากจะลดประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค ก่อนซื้อตรวจสอบเลข อย. ที่ www.fda.moph.go.th หัวข้อ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ รองเลขาธิการ อย. กล่าวในตอนท้าย

16595



ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี เผยภาคภูมิใจหลังโชว์ฟอร์มในศึกโอลิมปิก ได้อย่างเด็ดขาดจนเข้ามาถึงรอบ 8 คนสุดท้ายเป็นครั้งแรก พร้อมตั้งความหวังปราบนักชกคิวบา เพื่อเอาเหรียญทองแดงมาคล้องการันตีไว้ก่อน

รอบนี้ ฉัตร์ชัยเดชา เจอกับ เมียร์โก เจฮีล คูเอลโญ่ จากอาร์เจนติน่า ปรากฏว่านักชกไทยโชว์ประเคนหมัดได้อย่างเหนือชั้น ก่อนที่กรรมการตัดสินให้กำปั้นตัวเก๋าชนะ 4-1 เสียง ทำให้ ฉัตร์ชัยเดชา เข้ารอบ 8 คนสุดท้ายไปเจอกับ ลาซาโร่ อัลบาเรซ จากคิวบา ดีกรีเหรียญทองแดงโอลิมปิกที่ลอนดอน 2012 กับ ริโอ 2016 ซึ่งหากกำปั้นไทยเอาชนะได้อีกไฟต์ จะการันตีเหรียญทองแดงไปคล้องคอก่อนแล้ว

หลังจบไฟต์ กำปั้นไทยวัย 36 ปี เผยว่า “ถือว่าชกได้ตามเป้าที่วางไว้ เขาเป็นมวยไฟต์เตอร์ ชกระยะใกล้ได้ดี เราเลยใช้วิธีคือพยายามชกระยะห่าง และระวังศรีษะไว้แต่ก็มีพลาดจนได้ ถือว่าพอใจกับผลการแข่งขัน”

“ไฟต์ต่อไปชิงเหรียญทองแดง เจอกับนักชกจากคิวบา เป็นมวยซ้าย ชกยาว จังหวะฝีมือก็ดี เราก็ต้องคุยกับสตาฟฟ์เพื่อหาวิธีการชก รวมถึงไปแก้เกมบนเวที น่าจะสนุกครับ”

“โอลิมปิกครั้งนี้ก็ถือว่าดีที่สุดที่เคยชกเพราะที่ผ่านมามาถึงแค่รอบ 16 คน แต่ก็ยังหวังลึกๆ ว่าจะได้เหรียญรางวัลกลับบ้าน บอกเลยว่า 36 ยังแจ๋วครับ” เจ้าสด กล่าวด้วยรอยยิ้ม

หน้า: 1 ... 920 921 [922] 923 924 ... 934