ผู้เขียน หัวข้อ: Digital Marketing Freelancer หลักสูตรอบรม, ความรู้การทำ SEO เพื่อเพิ่มยอดขาย  (อ่าน 1667 ครั้ง)

ออฟไลน์ wm5398

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 471
    • ดูรายละเอียด
ขายของออนไลน์ ด้วยเว็บไซต์ WordPress + SEO ยอดขายเกิน 15 ล้าน/ปี

“แชร์ประสบการณ์ผลลัพธ์ที่ได้ผลแล้ว ผู้อ่านควรนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเองครับ “
– นักรบ


หลังจากมีพื้นฐานการเป็น Freelance รับทำเว็บไซต์ด้วย WordPress และ เป็น Freelance รับทำ SEO จึงฟอร์มทีมเพื่อทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ด้วย พิสูจน์ว่าถ้าเว็บติดหน้า 1 Google Search จะช่วยให้ขายของออนไลน์ได้ยอดขายเกินล้านหรือไม่ครับ

ที่สามารถทำได้เพราะอาศัยหลักคิดเริ่มต้น คือ Good Product + Marketing เพราะมีสินค้าดีและมีการตลาดที่ดี ถึงจะสู้คู่แข่งได้ครับ ฉะนั้นถ้ายังไม่แน่ใจ ก็ขอให้ลงทุนที่ละน้อยๆค่อยทดสอบเรียนรู้ไป พอมียอดขายเพิ่มขึ้นค่อยลงทุนเพิ่มก็ได้ครับ จะได้ไม่เสี่ยงเกินไป


ทำการตลาดออนไลน์ แตะยอดขายหลัก 1,000,000 ฿
พิสูจน์ว่าเทคนิคการตลาดออนไลน์แบบนักรบ นั้นได้ผลจริงกับธุรกิจค้าขายออนไลน์ (E-Commerce) แน่นอน แต่กว่าจะทำได้ก็ต้องลองผิดถูกพอสมควร และพัฒนาปรับปรุงเสมอๆ โดยดูคู่แข่งเพื่อเรียนรู้ และดูตัวเองเพื่อหาจุดเด่นสร้างจุดขาย พัฒนาต่อเนื่องจนกว่าจะได้ผล

ทำไมเลือกทำการตลาดให้ธุรกิจขายของออนไลน์ แบบขายส่ง/ผลิตเอง
      - เพื่อสัมผัสการสร้างยอดขายเกิน 1 ล้านบาท จะได้มีประสบการณ์มาสอนได้
      - ต้องการให้ทีมงานคุยกับลูกค้าไม่กี่ราย ก็สร้างยอดขายสูงๆได้ และการขายส่งตอบโจทย์นี้มากกว่าการขายปลีก
      - ถนัดด้านเว็บไซต์ WordPress & Google Marketing ฉะนั้นการทำธุรกิจแบบขายส่ง จะอาศัยเว็บไซต์และการตลาดในกูเกิลที่ได้ผล ลูกค้าตรงกลุ่มมากกว่าใน Social Media
ด้วยเหตุผลหลักๆ 3 ข้อด้านบน ที่วิเคราะห์แล้วว่าพอสู้ได้ จึงเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป

มองเห็นภาพรวมก่อนเริ่มต้นขายของ


ก่อนเริ่มขายของออนไลน์ต้องมี
1. สินค้าหรือบริการ
2. หน้าเว็บหน้าร้าน ช่องทางการขาย
3. การตลาดออนไลน์ เช่น SEM,SEO,SMM เป็นต้น

หลังจากเห็นภาพรวมการทำธุรกิจค้าขายออนไลน์แล้ว ก็เข้าสู่การทดสอบเบื้องต้นก่อน เช่นทำเว็บไซต์พอใช้งานได้ เปิดแฟนเพจ เปิด Line@ เปิด Youtube ให้พอใช้งานได้ แล้วเริ่มพาคนเข้าเว็บเข้าเฟสด้วยการยิง Ads เช่น Google Ads, Facebook Ads

ใช้เงินโฆษณาเพียงเล็กน้อย แล้วทดสอบว่ามีคนซื้อสินค้าจริงหรือไม่ ดูค่า ROAS ว่าคุ้มค่าเป็นตัวเลขที่รับเราได้ไหม เพราะถ้าทำการตลาดแล้วไม่มีคนซื้อเลย จะได้กลับมารีเช็คสินค้า บริการ หรือหน้าเว็บไซต์ ว่าตรงจุดไหนที่มีปัญหา เช่น สินค้าราคาสูงไป หน้าเว็บไม่น่าเชื่อถือ ขาดคอนเทนต์อะไรไป จะได้มาปรับมาแก้กันให้ถูกจุด

ดูคู่แข่งเพื่อเรียนรู้ ดูตัวเองเพื่อหาจุดขาย
พยายามดูคู่แข่งที่ทำธุรกิจนี้มาก่อนเรา ดูว่าเขาทำอย่างไรแล้วขายได้ เขาขายยังไง ขายช่องทางไหน ทำคอนเทนต์แบบไหน และขายอะไรบ้าง แทบจะดูทุกอย่างเลยก็ว่าได้ เพื่อเรียนรู้จากผลลัพธ์ของเขา

จากนั้นเรียนรู้ดูตัวเอง ดูสินค้าและบริการตัวเอง ดูแนวทางการตลาดของตัวเองเพื่อหาจุดขาย นำมาพัฒนาให้ดีและทำการตลาดให้คนรู้จัก

มีสิ่งที่ดีกว่าหรือสิ่งที่แตกต่างที่ลูกค้าต้องการก็ขายได้
ลูกค้าจะซื้อของที่ดีกว่าเดิม หรือ แตกต่างกว่าเดิมในแบบที่เขาต้องการ ฉะนั้นเวลาเราขายของและทำการตลาด ก็ทำให้ดีกว่าคู่แข่งหรือแตกต่างกว่าคู่แข่งในแบบที่ลูกค้าต้องการด้วย เป็นหลักคิดทั่วไปที่ไม่ควรมองข้าม

ถ้าคู่แข่งทำการตลาดช่องทาง Search Engine หรือ Social Media อยู่แล้ว แต่เราทำได้ดีกว่า หรือ ถ้าคู่แข่งไม่มีสินค้านี้ เรามีดีกว่าคู่แข่ง ลูกค้าก็ซื้อของเรา

รู้เส้นทางลูกค้า (Customer Path) ก่อนจะทำการตลาด
เส้นทางลูกค้าแบ่งเป็น 5 Step ดังนี้
      1. เห็น : ทำให้ลูกค้าเห็นได้มาก ต้องใช้ SEM, SEO, SMM
      2. สนใจ : ทำให้ลูกค้าสนใจด้วยคอนเทนต์
      3. สอบถาม : ช่องทางติดต่อสะดวก มีข้อมูลติดต่อเห็นตลอด เช่น Tel, Chat, Inbox
      4. สั่งซื้อ : มีปุ่มสั่งซื้อ วิธีสั่งซื้อง่าย สะดวก ชำระเงินง่าย
      5. บอกต่อ สนับสนุน ซื้อซ้ำ : ถ้าสินค้าและบริการดีจะเกิดการบอกต่อ สนับสนุน ซื้อซ่ำ

เตรียมตัวทดสอบขายของออนไลน์ก่อนลุยเต็มที่
1) สินค้าหรือบริการ
ที่สามารถสู้กับคู่แข่งเดิมในตลาดได้ ทั้งคุณภาพและราคา หลังจากนั้นจึงเข้าสู่การเตรียมสร้างแบรนด์อย่างง่ายๆและเตรียมทีมงาน

2) รูปสินค้า สวยพอกับๆกับคู่แข่งเดิมในตลาด หรือทำให้ดีกว่า อีกทั้งเตรียมข้อมูลรายละเอียดสินค้าเพื่อรออับเดทในเว็บไซต์
วิธีค้นหาไอเดียเพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการให้ได้มาตรฐาน คือ การเสิร์ชเว็บต่างๆในต่างประเทศเพื่อดูแนวทางการถ่ายรูป และ เตรียมข้อมูลให้เยอะที่สุด เพื่อรออับเดทในเว็บไซต์

เครื่องมือแก้ไขรูป
         - กล้องถ่ายรูปมือใหม่ : กล้องมือความละเอียดคมชัด ราคาช่วง 5,000 บาท ขึ้นไป
         - กล้องถ่ายรูปสำหรับมืออาชีพ : กล้อง DSLR ราคาตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป
         - ฉากถ่ายรูปสินค้า
         - โปรแกรมตกแต่งภาพสำหรับมือใหม่ : Photoscape , Canva , Pixlr, Crello
         - โปรแกรมตกแต่งภาพสำหรับมืออาชีพ : Photoshop, Lightroom

3) เว็บไซต์ ที่ได้มาตรฐานระดับพรีเมี่ยม ปรับแต่งได้มากมายและรองรับมือถือ รองรับทำการตลาดใน Google และ Facebook ได้เป็นอย่างดี หลังจากนั้นจึงนำข้อมูลทั้งหมดขึ้นเว็บไซต์ที่นักรบเลือกใช้คือ WordPress

4) โฆษณา Google Ads ด้วยเงินจำนวนหนึ่ง นักรบใช้เพียง 1,500-3,000 บาท/เดือน เพื่อทดสอบว่ามีการติดต่อจากลูกค้า หรือมีการสั่งซื้อสินค้าหรือไม่ ถ้ามียอดขายดี ให้เพิ่มงบโฆษณาตามกำลัง

5) วัดผล หากยอดขายไม่คุ้มค่า ให้รีบประหยัดรายจ่ายส่วนที่ไม่จำเป็น และเช็คให้แน่ใจว่าข้อมูลในเว็บไซต์ทั้งภาพสินค้า ราคา เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับลูกค้าแล้วหรือยัง ? หากยอดขายดี ควรเพิ่มงบการลงโฆษณาและอับเดทผลงานลูกค้าสม่ำเสมอๆ

วัดผลคนเข้าเว็บด้วยเครื่องมือ Google Analytic

6) ธุรกิจเติบโต หรือมียอดขายแล้ว ควรเร่งเติมความแข็งแรงให้ธุรกิจ เพื่อทิ้งห่างคู่แข่งทั้งในปัจจุบันและอนาคต เช่น การทำธุรกิจที่ 2 เพิ่ม โดยเกื้อหนุนธุรกิจแรก, การเพิ่มเนื้อหาชนิดวีดีโอเพื่อสร้างแบรนด์ดิ้ง, การเพิ่มชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง, การออกสื่อสิ่งพิมพ์, วิทยุ, โทรทัศน์, หรือ การทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกมากขึ้น เป็นต้น

ขั้นตอนเตรียม Website & Social Media
1. เลือกสินค้าที่ขายส่งได้ และเน้นทำการตลาดขายส่ง เพราะเท่าที่ศึกษามา คนทำยอดขายมากๆ มาจากขายส่งแทบทั้งนั้น
2. จดโดเมน 400 ฿/1y : เลือกชื่อโดเมนที่มีชื่อสินค้าไปด้วย จะได้ทำ SEO ได้ด้วย
3. ออกแบบโลโก้
4. Hosting 1,000  ฿/1y : เลือก  HostAtom เพราะรองรับ WordPress ดี
5. Facebook Fanpage : เปิดแฟนเพจ และออกแบบหน้าปกกับรูปโปรไฟล์
6. Line@ : จ่ายค่า Premium ID 200 ฿/1y
7. เบอร์โทร, Email , เลขที่บัญชีธนาคาร
8. YouTube Chanel : ไว้ลง Video ในเว็บและไว้ทำ SEO
9. ค้นหาเว็บไว้อ้างอิง สำหรับคุยกับทีมงานให้ดีไซน์เว็บไปในแนวทางเรียบหรูดูแพง

เตรียมเว็บไซต์ WordPress
1. ติดตั้ง Theme Flatsome
2. ใส่ Logo
3. ใส่ข้อมูลติดต่อ Email , เบอร์โทร , ไลน์
4. ติดแฟนเพจในเว็บ
5. ติด Line@

ทีมงานทำการตลาดออนไลน์
ทีมงานทั้งหมดอย่างน้อย 4 คน
        - ฝ่ายขาย 1 คน สำหรับติดต่อลูกค้าและปิดการขาย
        - ฝ่ายอัพเดทเนื้อหาภายในเว็บ 1 คน
        - ผ่ายการตลาดออนไลน์ 1 คน
        - ฝ่ายเว็บไซต์ 1 คน

ขายของออนไลน์อะไรดี
แนะนำให้เลือกสินค้าขายที่เราได้เปรียบทางธุรกิจและการตลาด เช่น
        - ได้เปรียบทรัพยากรการผลิต
        - ได้เปรียบคอนเนคชั่น
        - ได้เปรียบทางภาษา
        - ได้เรียบเรื่องคนที่มีทักษะเฉพาะด้าน เช่น การตลาด การผลิต การขาย
        - ได้เปรียบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
        - อื่นๆอีกหลายข้อที่ทำให้แน่ใจว่าจะสู้กับคู่แข่งเดิมในท้องตลาดและคู่แข่งใหม่ในอนาคตได้

Mindset ก่อนเริ่มต้นธุรกิจขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์ จะลงทุนมากกว่างานบริการมาก และใช้คนทำงานเยอะกว่า โดยนักรบมี Mindset ง่ายๆ คือ
ธุรกิจขายของออนไลน์ : ใช้ทีมงานอย่างน้อย 2 คน แบ่งหน้าที่กัน
        - คนที่ 1 ดูแลสินค้า เช่น ถ่ายรูป, รีทัชรูป, โพสลงเว็บไซต์, ใส่รายละเอียดสินค้า, ใส่วิธีการสั่งซื้อ รวมทั้งข้อมูลต่างๆที่สำคัญภายในเว็บไซต์
        - คนที่ 2 ดูแลการตลาด เช่น Facebook Marketing , Google Marketing (SEO & AdWords) และ Content Marketing พวกบทความและวีดีโอ
มีทักษะความชำนาญด้าน Digital Marketing มาก ก็มีโอกาสสร้างยอดขายได้มาก

คำถามที่พบบ่อย
❓ จำเป็นไหมที่ทำธุรกิจขายของออนไลน์ ต้องลงทุนสูงขนาดหลักแสน
ไม่จำเป็นครับ เริ่มต้นขายของออนไลน์ลงทุนหลักร้อยหลักพันก็มี แต่ถ้าอยากทำยอดขายสูงมากๆถึงหลักล้าน ควรลงทุนอุปกรณ์เพิ่ม เช่น
        - กล้องถ่ายรูป DSLR ราคาประมาณ 15,000 บาท
        - ชุดไฟถ่ายรูป 8,000 บาท
        - ฉากหลัง 2,300 บาท
        - คอมพิวเตอร์ 20,000 บาท

วิธีหาสินค้าขายส่งจากโรงงาน
จริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกวิธีของการค้นหาสินค้าเพื่อขายของออนไลน์ก็ได้ครับ รู้เพียงไม่กี่วิธีก็พอ แต่ขอให้เลือกสินค้าที่เราได้เปรียบทางการค้าหรือการตลาด

วิธีค้นหาสินค้า
1. อ่านบทความต่างประเทศเพื่อได้ไอเดียการค้นหาสินค้า โดย Search คำว่า : Google Search : How to find niche products
2. ไล่เช็ครายการสินค้าใน Lazada แล้วมองหาโรงานที่ผลิตสินค้านั้นๆ แต่ยังไม่ได้ทำการตลาดขายส่งออนไลน์มากนัก หรือทำได้ไม่ดีพอ (เอาง่ายๆ คือเราทำได้ดีกว่า)
3. ค้นหาโรงงานที่อยู่ใกล้เคียงกับระแวกบ้านเรา จะได้สะดวกเดินทางและติดต่อเจรจา
4. ร่วมทำธุรกิจกับเพื่อนที่เป็นเจ้าของโรงงาน

หลักๆคือเท่านี้ หลังจากได้ Supplier แล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนต่อไป คือ เตรียมเว็บไซต์, เตรียมสินค้าลงเว็บ และเตรียมทำการตลาดออนไลน์ครับ ส่วนนักรบเลือกขายส่งออนไลน์กับสินค้าอะไรนั้น นักรบจะมาบอกหลังจากเตรียมเว็บไซต์และทำการตลาดไปสักพักเสร็จแล้วครับ

5 ปัจจัยพื้นฐาน ที่ทำให้ขายของออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ได้
ก่อนสร้างเว็บไซต์ควร Search หาข้อมูลเว็บที่สวย มีมาตรฐานการสร้างคอนเทนต์ และการจัดวางคอนเทนต์ได้อย่างสวยงาม ช่วยฝ่ายขายปิดการขายได้ดี ซึ่งนักรบแนะนำให้ค้นหาเว็บไซต์จากต่างประเทศทั่วโลกเป็นหลัก ไม่ควรดูเพียงเว็บไซต์ในประเทศไทย หลังจากนั้นควรคำนึงปัจจัยต่างๆเหล่านี้
1. Website ระดับมาตรฐานมืออาชีพ ซึ่งนักรบเลือกสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress + WooCommerce โดยซื้อธีมที่ https://themeforest.net/
2. มีตัวอย่างเว็บไซต์ต่างประเทศอ้างอิง เพื่อพัฒนาเนื้อหาในเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย สวยและดูดีได้มาตรฐานในระดับเดียวกับคู่แข่งหรือมากกว่า
3. อัพเดทผลงานลูกค้า และสินค้าใหม่ๆเสมอๆในเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย
4. ทำการตลาดให้เหมาะกับสินค้าหรือบริการนั้นใน Google & Social Media เช่น Search Engine Marketing (SEM,SEO), Social Media Marketing (SMM), Video Marketing (Video, Live)
5. พัฒนาทีมงานฝ่ายการตลาดสม่ำเสมอ

อ่านเพิ่มเติมคลิกที่ลิ้งค์ได้เลยครับ   https://warrior.in.th/jobs/ecommerce/

ออฟไลน์ wm5398

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 471
    • ดูรายละเอียด

วิธีสร้าง seo agency team
แชร์ประสบการณ์นักรบที่ทำได้แล้ว เพื่อให้คนรุ่นหลังได้หยิบบางส่วนไปใช้ต่อยอดในสายอาชีพตัวเอง และอย่าลืมที่จะแบ่งปันความรู้ให้กับคนรุ่นถัดๆไปนะครับ

วิธีคิดเริ่มต้นสร้าง SEO Agency Team
เหตุผลในการสร้างทีมเล็กๆในการรับทำ SEO ให้บริษัทต่างๆ(Small SEO Agency Team) เพื่อต่อยอดความสำเร็จจากการเป็น Freelancer SEO Specialistและ การขายของออนไลน์ด้วย WordPress & SEO ในปีที่ผ่านมา เพื่อก้าวสู่ขั้นตอนที่ยากขึ้นจากการทำงานเป็นทีมที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน SEO โดยเฉพาะ

วิธีคิดในการทำงานและการสร้าง Small SEO Agency Team ของนักรบ มีความเฉพาะตัวสูงและอาจขัดกับความคิดของใครหลายๆคนแน่นอน ฉะนั้นถ้ามีสิ่งไหนที่ไม่เห็นด้วย ขอให้ข้ามไปและหยิบเฉพาะส่วนที่มีประโยชน์ไปปรับใช้ตามสภาพแวดล้อมและกาลเวลาที่เหมาะสมของแต่ละคน

SEO Agency คือ ตัวแทนในการรับผิดชอบการทำ SEO ทั้งหมดให้บริษัทหรือองค์กรต่างๆ โดยลูกค้าที่พอจะมีงบจ้าง SEO Agency ได้ จะต้องมีขนาดของธุรกิจที่ใหญ่พอสมควร โดยนักรบจะรับทำ SEO ให้บริษัทขนาดกลางขึ้นไป ซึ่งจากสถิติธุรกิจขนาดกลางในประเทศไทยมีมากกว่า 4หมื่นธุรกิจเลยทีเดียว

สำหรับธุรกิจขนาดเล็กแนะนำให้เรียนรู้การทำ SEO ด้วยตัวเองแทนไปก่อนครับ หรืออาจจ้างเป็น SEO Audit 1 ครั้งต่อระยะเวลา 3-6 เดือนแทน จะช่วยลดต้นทุนได้

แนะนำอ่านเส้นทางอาชีพ Digital Marketing Freelancer
แชร์ประสบการณ์การสร้างอาชีพเกี่ยวกับ SEO & Digital Marketing แบบนักรบ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นจริงว่าความรู้ที่สอนนี้ใช้ได้ผลจริงกับนักรบ แต่ผู้เรียนควรนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับธุรกิจตัวเองครับ เช่น รับทำเว็บไซต์ WordPress, วิทยากรสร้างคอร์สออนไลน์, ขายของออนไลน์ด้วยเว็บไซต์, รับทำ SEO แบบฟรีแลนซ์ และ Small SEO Agency
https://warrior.in.th/jobs/small-seo-agency/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 30, 2021, 02:19:42 pm โดย wm5398 »

ออฟไลน์ wm5398

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 471
    • ดูรายละเอียด

แชร์เส้นทางการเป็น Freelance SEO Specialist เพื่อเป็นแนวทางให้กับรุ่นน้อง ได้อ่านกรณีศึกษาสัก 1 กรณี ที่แชร์เนื้อหากว่าจะเป็นฟรีแลนซ์ได้ต้องเจออุปสรรคอะไรบ้าง จะได้เป็นฟรีแลนซ์ได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้นครับ

คำแนะนำ : Best Practice และ Case Study นี้ อยู่บนพื้นฐานสิ่งแวดล้อมของนักรบ เนื่องจากแต่ละคนไม่เหมือนกัน ฉะนั้นหยิบไปปรับใช้ที่เหมาะกับตัวเองนะครับ / นักรบ

อาชีพ Freelance SEO SPecialist เหมาะกับใคร
จากที่บอกตอนต้น นี้เป็น Case Study ฉะนั้นจะอิงลักษณะที่นักรบคิดว่าเหมาะสำหรับอาชีพนี้นะครับ โดยลักษณะนิสัยที่ช่วยทำงาน SEO Freelance ได้ดีมีประมาณนี้ครับ
1. เป็นคนช่างสังเกตุ จดบันทึกและติดตามข่าว Google’s algorithms สม่ำเสมอ เพื่อปรับเปลี่ยนได้ทัน โดยแนะนำให้จดใน Note ต่างๆในโปรแกรมที่ใช้ทำ SEO ครับ
2. ชอบเรียนรู้วิธีทำ SEO จากทีมงาน Google Search Console โดยตรง จากเว็บ Developers.google.com/search/blog
3. ชอบเรียนรู้การทำ SEO จากคนชำนาญระดับโลกก่อนเป็นหลัก เช่น Brian dean, Ahefs Blog, SEMrush Blog
4. ชอบเรียนรู้การทำ SEO จาก Blog คนไทย (Thai Freelance SEO Specialist Blog) ที่ทำเอสอีโอเองและได้ผลดี โดยเน้นที่ Best practice และย้ำว่าต้องเป็นแนวทางปฏิบัติจริงจากผลงานจริงครับ
5. ชอบทดสอบ จดบันทึก วัดผลการทำ SEO และสนุกกับการไต่อันดับของคีย์เวิร์ดในกูเกิลเสิร์ชครับ
6. มีทัศนะคติที่ดีกับคู่แข่ง โดยเฉพาะคู่แข่งการทำเอสอีโอในกลุ่มคียเวิร์ดเดียวกัน มองว่าเป็นการพัฒนาร่วมกันในอุตสาหกรรมนี้
เท่าที่นึกได้และจำเป็น น่าจะประมาณด้านบนนั้นครับ เป็นข้อมูลจากประสบการณ์นักรบเอง

พื้นฐานและทักษะของ Freelance SEO Specialist ที่ดี
พื้นฐานนี้อิงตามประสบการณ์นักรบล้วนๆ เพราะอย่างที่บอกนี้คือ My best practice & case study ครับ
        - มีพื้นฐานการสร้างเว็บไซต์ต่างๆ เช่น Domain, Hosting, DNS, Security, Backup, CMS, Blog
        - มีพื้นฐาน HTML, CSS จะช่วยเรื่องการทำ Technical SEO ได้ดีขึ้นครับ
        - มีพื้นฐานการสร้างและผลิตคอนเทนต์ จะช่วยเรื่อง Content SEO ได้ดีขึ้นครับ
        - มีพื้นฐานในการประสานงานกับทีม Dev, writer, advertiser เพราะบ่อยครั้งต้องทำงานร่วมกันครับ
        - ศึกษาจากแหล่งความรู้ที่น่าเชื่อถืออยู่เสมอ ทั้งจาก Google Central blog, คนเก่งระดับต่างประเทศและในประเทศครับ
        - มีพื้นฐานด้าน Business เพื่อเข้าใจมุมมองของนักลงทุนและการตลาดด้านอื่นๆ โดยเฉพาะ Digital Marketing สาขาอื่นๆครับ
        - มีพื้นฐาน Google Ads, Facebook Ads, Remaketing, และการสร้าง Social Media Channel
        - เป็นนักสังเกตุ จดบันทึก ทดลองและวัดผลครับ เพราะใช้บ่อยกับอาชีพนี้เพื่อปรับ และหาสาเหตุต่างๆในการทำ SEO ครับ
        - เตรียม SEO Report และวิเคราะห์ Data ได้ครับ
        - มีความรู้ด้านการเงิน และการทำการตลาดให้ตัวเองเป็นที่รู้จักครับ
หลักๆน่าจะประมาณนี้ ที่เป็นพื้นฐานและทักษะที่สำคัญในการเริ่มต้นเป็น Freelance SEO Specialist ครับ โดยอาชีพนี้ทำคู่งานประจำก่อน เพื่อวางรากฐานกิจการให้มั่นคงก่อนคิดเรื่องทำเต็มตัวครับ

Freelance SEO Specialist Fulltime ดีอย่างไร
หลังจากทำ Freelance-Partime มาได้สักพัก การตลาดและฝีมือเริ่มอยู่ตัว พอจะออกมาทำเต็มเวลาได้ เพราะมี Blog ที่ช่วยเพิ่มทราฟฟิคอยู่เสมอ ทำให้มีลูกค้าแวะเวียนมาสอบถามอยู่ประจำ จึงตัดสินใจทำเต็มตัว เพราะคิดว่าจะทำได้เต็มที่กว่า

ข้อดีของการทำแบบเต็มเวลาคือ มีเวลาเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าและได้เลือกทำงานกับลูกค้าที่เข้ากับเราได้ดี ส่งผลให้งานออกมาดี และนั้นคือจุดเริ่มต้นของคำว่า ” ผลงานดี จะทำการตลาดบอกต่อให้เราเอง”

สิ่งที่ขาดไม่ได้หลังจากเป็น Freelance Fulltime คือ การหมั่นทำการตลาดให้ตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องการทำ SEO Blog คือ แนวทางที่เรียบง่าย มีประสิทธิภาพมาก เพราะใช้เวลาน้อยและตรงกลุ่มเป้าหมาย อย่าลืมว่าเราเริ่มต้นคนเดียว ฉะนั้นต้องบาลานซ์เวลาระหว่างทำ SEO ให้เว็บลูกค้าและทำ SEO ให้เวบตัวเองครับ

รับทำ SEO เน้นลูกค้าบริษัทขนาดกลางขึ้นไป
เหตุผลที่เน้นรับทำ SEO กับบริษัทขนาดกลาง เพราะเขามีกำลังจ่ายครับ กลุ่มบริษัทขนาดกลาง จะมียอดขายหลายร้อยล้านต่อปี การจ้างฟรีแลนซ์รับทำ SEO ในราคา 6 หลักต่อปี ไม่ได้แพงเกินไปกว่าจะที่จะรับไหว ถ้าได้มืออาชีพมาทำ SEO ให้เลย จะคุ้มค่าการลงทุนและประหยัดเวลาได้มาก เรามีหน้าที่ทำให้ตัวเองมีความน่าเชื่อถือด้วยผลงานครับ

ส่วนบริษัทขนาดเล็ก เช่น Micro-sme, Small business นั้น ส่วนใหญ่นักรบจะแนะนำให้เรียนรู้การทำ SEO เองและทยอยจ้างเอาท์ซอสบ้างส่วนช่วยทำ SEO จะประหยัดเงินและมีความเสี่ยงในการลงทุนน้อยลงครับ

กิจการขนาดกลางมี 44,290 กิจการ มีมากเกินพอสำหรับ Freelance SEO Pro ในปัจจุบัน

รายได้เพิ่ม 4 เท่าจากงานประจำ หลังทำฟรีแลนซ์

รายได้ปี 2561 อิงจากงบส่งสรรพากร กระจายรายได้เป็น 2 ทาง แล้วแต่ลูกค้าจะสะดวกชำระผ่านช่องทางไหนครับ

รายได้เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่า จากงานประจำ 336,000 บ/ปี เป็น 1,212,564 บาท/ปี ซึ่งมากกว่าตอนรับเงินเดือนหลายเท่า เหตุผลการเป็นฟรีแลนซ์ได้เปิดโอกาสในการทำงานกับลูกค้าที่มากขึ้น และใช้ศักยภาพได้เต็มที่มากขึ้นด้วยครับ

ฟรีแลนซ์ควรทำการตลาดสร้างแบรนด์ตัวเอง
ฟรีแลนซ์มีความต่างกับพนักงานประจำ ตรงต้องแบ่งเวลาทำการตลาดให้แบรนด์ตัวเอง แต่ไม่ลงทุนหนักเท่ากับเจ้าของกิจการ นักรบใช้เครื่องทุ่นแรงในการทำการตลาด เช่น การทำ SEO Blog ให้ติด Google เพื่อให้มีคนมาเยี่ยมเยียนเว็บไซต์ได้บ่อยๆ , การผลิตและอับโหลดวีดีโอขึ้น YouTube และการแชร์ความรู้ต่างๆใน Facebook จนปัจจุบันมี Content ที่สร้างผู้ชมใหม่ๆได้ตลอด 24 ชม. จนเกิดเป็นคอนเทนต์ที่ดีที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเราได้ดังนี้
ณ ปัจจุบันค่อยๆสะสมมาเรื่อยจนมีประมาณ
Blog ในเว็บไซต์มีกว่า 100 บทความ
วีดีโอใน YouTube กว่า 200 วีดีโอ
คนติดตามใน Facebook Fanpage 30,000 like

เคล็ดลับนักรบ
การสร้างรายได้ที่ยั่งยืน นั้นมาจากพื้นฐานการสร้างความน่าเชื่อถือ, การเปิดเผยตรงไปตรงมาในเนื้องานทีทำ และการสร้างผลลัพธ์ที่ได้ผลจริง เลยสรุปเป็นทฤษฎีไว้ตามด้านล่างนี้ครับ

สรุปเป็นทฤษฎี เคล็ดลับสร้างลูกค้า และสร้างลักษณะนิสัย
สร้างความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจและความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นในตัวลูกค้า ด้วยการแชร์ประสบการณ์ตรง ผลลัพธ์การลงมือทำจริงจากนักรบ
1. สร้างความเชื่อถือ (Respect) ด้วยเว็บไซต์, ภาพการทำงานจริง, ข้อความที่สื่อถึงวิธีคิดในการทำงานดี, ใบรับประกัน อื่นๆ
2. เปิดเผย ตรงไปตรงมา (Reveal) ในเนื้องานที่ทำ ขั้นตอนการทำงาน ความคืบหน้าต่างๆ
3. สร้างผลลัพธ์ (Result) ผลงานมีพลังกว่าคำพูด ผลลัพธ์ที่ทำได้จริง จะก่อเกิดความเชื่อมั่นในตัวของลูกค้า


สร้างลักษณะนิสัย 5 ข้อ
ลักษณะนิสัยที่ดีจะทำให้ตัวเองพัฒนา วางแผนแก้ไขหรือรับมือปัญหาได้ล่วงหน้า ท้าชนลุยแก้ปัญหา และสนุกกับมันเหมือนเป็นเกม โดยจะวิเคราะห์ลักษณะนิสัยได้ใน 5 เรื่องนี้
1. Time – แบ่งเวลาชัดเจน และมากพอที่จะทำให้เกิดผลงาน
2. Vision – มีวิสัยทัศน์ในสายงานของตัวเอง ติดตาม Blog ผู้นำด้าน SEO เช่น Ahrefs, Backlinko รวมทั้งทิศทางด้าน Digital Marketing
3. Power – สร้างพลังจากภายในตัวเองได้ มีเวลาส่วนตัว จุดไฟในตัวได้เอง
4. Fast – ลงมือทำให้เร็ว สร้างผลงานให้ได้เร็ว แล้วปรับปรุงไปทำไปจนได้ผลระดับหนึ่ง
5. Tools – ใช้เครื่องทุนแรง หัดใช้ Data Tools เช่น Keyword Planner, Backlink Checker, SEO Analysis

พัฒนาตัวเองใน 4 ด้าน
1. Knowledge set : เรียนรู้จากคนเก่งระดับโลก เพื่อสู้กับคู่แข่งระดับในประเทศ
2. Tools Set : เรียนรู้ Digital Marketing Tools เพื่อประหยัดเวลา ลดขั้นตอนการทำงานและวางแผนเป็นระบบ
3. Skill Set : ฝึกฝนจนเกินความชำนาญ สร้างผลงานและคุณค่าออกสู่ตลาด
4. Mind Set : ฝึกฝนเกลาความคิดและจิตใจด้วยการเขียน Blog และลงมือทำจะได้ผลลัพธ์

วิธีเริ่มต้น Freelance SEO Specialist
การเริ่มต้นอาชีพนี้ ให้เน้นที่การพัฒนาตัวเองและสร้างผลงานเผยแพร่ใน Blog & Social Media ก่อนเป็นสำคัญเพื่อฝึกฝีมือและสร้าง Personal Brading ให้ตัวเองครับ

ในช่วงเริ่มต้น อย่าเน้นที่ตัวเงินหรือรายได้มากเกินไป จนละเลยซึ่งความมุ่งมั่นและพยายามลงมือทำต่อเนื่อง
ควรเข้าใจก่อนว่า SEO Freelancer ที่เก่งและมีชื่อเสียง จะมีคอนเนคชั่นมากมายจากผลงาน รวมทั้งได้ทำงานกับบริษัทใหญ่ที่จ่ายผลตอบแทนดีครับ

อาชีพนี้ต้องใช้ทักษะความสามารถที่หลากหลาย เน้น SEO เป็นหลักและมี Digital Marketing ด้านอื่นๆเป็นส่วนเสริม เช่น พื้นฐานการสร้างเว็บไซต์, ความรู้พื้นฐานด้าน HTML CSS, การเขียนบทความ, การลงโฆษณา Google Ads, Facebook Ads, Line@, YouTube และผลงานการทำ SEO ที่ได้ผล ฉะนั้นควรสนุกกับการพัฒนาตัวเองและสร้างผลงานครับ

ตัวอย่างระยะเวลาที่ใช้เรียนรู้ทักษะ
ตัวอย่างการประเมิณเวลาในการเรียนรู้ด้าน SEO และทักษะ Digital Marketing อื่นๆเสริมครับ
         - ทักษะสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress เรียนรู้ 6 เดือน – 1 ปี
         - ทักษะ HTML, CSS พื้นฐาน เรียนรู้ 1-3 เดือน
         - ทักษะการเขียนบทความ เรียนรู้ผ่านการเขียนมากกว่า 30 บทความขึ้นไป
         - ทักษะการลงโฆษณา Google Ads เรียนรู้ 6 เดือน – 1 ปี
         - ทักษะการลงโฆษณา Facebook Ads ขั้นพื้นฐาน-กลาง เรียนรู้ 6 เดือน – 1ปี
         - ทักษะการใช้งาน Line@, YouTube ขั้นพื้นฐาน-กลาง เรียนรู้ 3 – 6 เดือน
         - ทักษะการทำ SEO และสร้างผลงาน เรียนรู้และสร้างผลงาน 1-3 ปี
แต่ละคนจะใช้เวลาเรียนรู้แตกต่างกัน ด้านบนเป็นตัวอย่าง คร่าวๆที่นักรบประเมิณใช้ลงมือทำงานจริงครับ ส่วนแหล่งเรียนรู้หาได้จากกูเกิลหรือหนังสือได้เลย เริ่มต้นจากฟรี ราคาประหยัดก่อน แล้วค่อยลงทุนใช้เครื่องมือที่ราคาสูงขึ้นเพื่อนำมาประกอบการวิเคราะห์ SEO โดย SEO Tools ที่นักรบใช้จะมีตามรายละเอียดด้านล่างนี้ครับ

แหล่งเรียนรู้ SEO ระดับโลก ที่นักรบติดตาม
         - Google Guidelines แหล่งเรียนรู้การทำ SEO จาก Google เป็นพื้นฐานที่ดีที่สุดในการศึกษา White hat SEO การทำเอสอีโอสายขาวที่ถูกหลักตามคำแนะนำของกูเกิลครับ
         - Backlinko.com “Brian Dean is one of the world’s most sought-after SEO experts” บล็อกสอนการทำ SEO ระดับ Top ของโลก
         - Ahrefs.com/blog/ Blog & Backlink Tools Checker ที่ดีที่สุดครับ

ติดตามอ่านเพิ่มเติมคลิกลิ้งค์นี้ครับ  https://warrior.in.th/jobs/freelance-seo-specialist/

ออฟไลน์ wm5398

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 471
    • ดูรายละเอียด
สร้างคอร์สออนไลน์ รายได้ Passive Income

มนุษย์เงินเดือน ใช้ความชำนาญในงานประจำ 7 ชั่วโมง/วัน , 140 ชั่วโมง/เดือน เป็นต้นทุนทำธุรกิจส่วนตัว ทำอาชีพเสริม ลงทุนให้น้อย ใช้จุดเด่นจากงานประจำ เอาทักษะมาเป็นต้นทุนให้ความรู้ และขายความรู้ออนไลน์ ทำธุรกิจ(Info Business) ได้ จะมีกี่ธุรกิจ ธุรกิจน่าสนใจ ที่ทำเสริมคู่งานประจำ ลงทุนน้อย ไม่ต้องลงทุนสินค้า, ไม่มีหน้าร้าน, ไม่ต้องเช่าที่, ไม่ต้องจ้างคนงานให้ปวดหัว แต่ให้เราลองผิดลองถูกจนเก่งก่อน แล้วถ้าได้ดิบได้ดี จนตั้งบริษัทเล็กๆได้


ทำให้ ธุรกิจน่าสนใจ และยั่งยืนด้วยการสร้างแฟน
สร้างแฟนก่อนใน Facebook Fanpage รวมคนที่ชอบเหมือนกัน ชีวิตเหมือนกันมาอยู่ในแฟนเพจ  ใช้แฟนเพจแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ เรื่องราวดีๆ มอบให้เขา จะได้เอาไปใช้แล้วดีกับชีวิตเขามากยิ่งขึ้น มันจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ (trust), ความไว้วางใจ, ทำให้คนรู้จักความสามารถของตัวเรา สินค้าของเราคือความรู้ (Info Products) ที่ช่วยให้เขามีความรู้ เราแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ทั้งปัญหา, วิธีแก้ไข , หนทางในการสร้างโอกาส และ สร้าง Connection หากคนนำไปใช้ก็มีโอกาสมากยิ่งขี้นที่จะประสบความสำเร็จดังที่หวัง

ในช่วงแรก นักรบมีสมาชิกแฟนเพจเพียง 5,000 คน ก็สามารถสร้างรายได้ และเติบโตขึ้นได้ ขอเพียงแบ่งปันความรู้ และมอบสิ่งเป็นประโยชน์ให้เสมอๆ

ธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ ของนักรบเมื่อ 3 ปีก่อนเป็นอย่างไร ?
นักรบทำธุรกิจเล็กๆ ธุรกิจออนไลน์ มาแล้ว 7 อย่างใน3ปี เจ๊งแล้วเจ๊งอีก เจ๊งจนชิน ทุกครั้งที่เจ๊งมันได้ประสบการณ์มาอย่างน้อย 1 ข้อ ทำไป 7 ตัว ได้มาอย่างน้อย 7 ข้อที่ไม่ควรทำ หรือถ้าแก้ไขมันได้ ธุรกิจก็รอด อยากรู้ว่าก่อนหน้านี้ นักรบทำธุรกิจอะไรบ้าง อ่านได้ที่ ประวัตินักรบ จนพบธุรกิจสุดท้าย ธุรกิจขายและให้ความรู้เป็นธุรกิจที่ดีที่สุดในชีวิต ธุรกิจเล็กๆรายได้ดี จนเก็บเงินมาตั้งบริษัทเล็กๆ และออกมาทำเต็มตัวได้

อยากทําธุรกิจเล็กๆ ทำธุรกิจออนไลน์, IT ต้องได้ App ต้องเป็น
อยากมีธุรกิจเล็กๆเป็นของตัวเอง แนะนำ Online Tools ที่ดี เหมาะกับการ เริ่มต้นธุรกิจเล็กๆเป็นของตัวเอง ใช้ทำธุรกิจได้อีกนาน คือ Google Docs, Sheets, Slides, Forms เป็นเครื่องมือฟรี
      - Google Docs สำหรับพิมงานเอกสาร เหมือนกับ Words
      - Google Sheets สำหรับทำงานตารางคำนวน เหมือนกับ Excel
      - Google Slides สำหรับการนำเสนอข้อมูลและการ Present เหมือนกับ Power Point
      - Google Forms สำหรับการสร้าง Forms รับข้อมูล

นักรบสร้างเอกสารออนไลน์ Google Docs และแชร์กับเพื่อนร่วมงาน ทำงานที่ไหนก็ได้แม้ผ่านมือถือ

ธุรกิจน่าสนใจ ธุรกิจเล็กๆที่น่าลงทุน ที่เหมาะมนุษย์เงินเดือน
มนุษย์เงินเดือน มีความเชี่ยวชาญในงานประจำ 7 hr/วัน หรือ 140 hr/เดือน จะได้เปรียบหากเอาเอาจุดเด่นนี้ มาต่อยอดเพื่อเปิดธุรกิจให้ และขายความรู้ (Info Business) ธุรกิจให้และขายความรู้ (Info Business) เป็นธุรกิจส่วนตัว รายได้ดี ต้นทุนต่ำมากๆ หรือแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีทุนทางวัตถุได้เลย แต่ใช้ต้นทุนทางความรู้ ความสามารถที่สูงแทน เหมาะกับการทำควบคู่งานประจํา เริ่มต้นได้ง่ายมาก ทำหลังงานประจำได้

นักรบ ทำธุรกิจให้และขายความรู้ (Infopreneur) สมัยเริ่มทำแรกๆ ทำควบคู่งานประจำไปก่อน ขายความรู้ผ่าน Video DVD เป็นหลัก ทำได้ 1 ปี ทำให้มีเงินเก็บมากพอและมีคนรู้จักระดับหนึง จนตัดสินใจออกมาทำเต็มตัว เปิดบริษัทเล็กๆของตัวเองได้

Note : Infopreneur เป็นอาชีพมาแรงในยุคนี้ เพราะข้อมูลความรู้ที่มีมากใน Internet สามารถเปลี่ยนคนธรรมดากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ และสร้างธุรกิจได้ อีกทั้งกำไรจากอาชีพ Infopreneur จะมีมากถึง 2,000 เท่าเลยทีเดียว ถ้าเทียบกับราคาต้นทุนทางวัตถุ

นักธุรกิจความรู้ (Infopreneur) คือ อะไร ?
นักธุรกิจความรู้ Infopreneur คือ อาชีพหนึง ที่ให้ความรู้และขายความรู้เป็นหลัก ในแต่ละวันจะสร้างเนื้อหาที่ดีให้คนอืนผ่าน Fanpage และ Website อีกทั้งยังจำหน่ายสินค้าเป็นความรู้ใน Package ต่างๆ เช่น DVD, คอร์สออนไลน์, สัมมนา, หนังสือ, eBook
นักรบเริ่มต้นให้ความรู้ฟรีบ่อยๆ  และจำหน่ายความรู้ในแบบ Video DVD

จุดเด่นของอาชีพ Infopreneur
ใช้ความเชี่ยวชาญที่ได้จากงานประจำเป็นต้นทุนหลัก 140 hr/เดือน คือเวลาที่มีค่ามาก ประสบการณ์ตรงส่วนนี้สามารถนำมาเผยแพร่ และให้ความรู้ผ่านช่องทางเหล่านี้ได้
        - Facebook Fanpage
        - Website
ยิ่งให้ความรู้ ยิ่งเพิ่มพูนความสามารถ ต่อยอดสู่รายได้เป็นธุรกิจส่วนตัวได้ – นักรบ

ความรู้ที่ให้ไป จะมี 2 ประเภทใหญ่
1. ความรู้ แบบฟรี ความรู้ทั่วไป เนื้อหากว้าง มีประเด็นสั้นๆและ 1 ใจความที่ดี
2. ความรู้ แบบเสียเงิน เช่น หนังสือ, eBook, Video DVD, Audio CD, คอร์สออนไลน์, สัมมนา, คลาสเรียน, หรือ ที่ปรึกษา

นักรบเริ่มต้นให้ความรู้ฟรีผ่าน เว็บไซต์ และ Youtube โดยแจกฟรีเกือบทุกวัน ผ่านไป 1 เดือน จะมีเนื้อหาที่ให้ความรู้ฟรี 20 วีดีโอ และมากขึ้นเป็น 50 วีดีโอใน 3 เดือน ส่งผลให้ Video DVD ขายดีและมีคนสั่งซื้อ จนมีรายได้ประมาณ 200,000 บาท ในปีแรกที่ทำ

อีกหนึ่งสิ่งทีสำคัญกว่า ที่มาพร้อมกับรายได้ คือ มีคนรู้จักนักรบมากยิ่งขึ้น ได้ถูกเชิญเป็นวิทยากร 4 ครั้งใน 1 ปี และเว็บไซต์มีคนเข้าสม่ำเสมอ 4,000 – 5,000 คนทุกเดือน (ปี 2557)

คนเข้าเว็บน้อย 1000 คน/เดือน แต่สินค้าดี ความรู้ดีก็ขายได้
ช่วงเริ่มต้น มีคนเข้าเว็บไซต์เพียง 1,000 – 2,000 คน/เดือน แต่เนื้องจากนักรบให้ความรู้เยอะเพียงพอ ก็ช่วยให้คนอ่านความรู้ฟรีของเรา ตัดสินใจซื้อสินค้า อาจจะสัปดาห์ล่ะ 2-3 คน แต่พอครบ 1 เดือน ก็สามารถทำยอดได้ 20,000-30,000 หมื่นบาทได้

ทำไมธุรกิจขายความรู้จึงเป็น ธุรกิจน่าสนใจ
ธุรกิจให้และขายความรู้ (Info Business) เป็นธุรกิจส่วนตัว ทําที่บ้านที่น่าสนใจตัวหนึง เพราะใช้ความรู้ในงานประจำที่ทำเป็นหลัก ไม่ต้องเข้า Office มีเวลาดูแลครอบครัว ใช้ชีวิตได้ยืดหยุ่นมากขึ้น และสามารถจัดเวลาตัวเอง วางแผนตัวเองได้อย่างมีอิสระได้

อาชีพ นักธุรกิจความรู้ ( Infopreneur )เริ่มต้นอย่างไร ?

เริ่มต้นธุรกิจได้จากการสร้าง Fanpage ของตัวเองก่อน แล้วเขียนบทความ + ภาพประกอบดีๆ โพสลง Fanpage ให้ได้เกือบทุกวัน โดยควรทำโฆษณา Fanpage ด้วย เพื่อสร้างฐานลูกค้าในกลุ่มที่เราสนใจ เพื่อจะเปลี่ยนคนอ่านให้เป็นลูกค้าในอนาคตได้
1. สร้างแฟนเพจ : โดยตั้งชื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่จะขาย
2. ให้ความรู้บ่อยๆ : ทำ PartTime 2-3 ครั้ง/week , ทำ Full Time  4-6 ครั้ง/week
3. นำความรู้ลงเว็บไซต์ : นักรบแนะนำระบบเว็บไซต์ แนว Blog & Magazine ดีที่สุดกับ SEO ด้วย Content ดี

ทำไมต้องให้ความรู้บ่อยๆ
1. ความรู้บน Fanpage จะช่วยรวมกลุ่มคนในแฟนเพจที่ชอบ และมีนิสัยเหมือนๆกัน
2. ความรู้บน Website จะนำคนเข้าเว็บไซต์ผ่าน Google
3,. ความรู้ จะสร้าง Personal Brand ต่อยอดสู่ธุรกิจส่วนตัว ทั้ง วิทยากร, ที่ปรึกษา, เขียนหนังสือ,จัดคอร์สสัมมนา, ขายของออนไลน์ และอื่นๆตามมา
การให้ความรู้ฟรี คือการทำการตลาด พร้อมๆกับสร้าง Personal Brand  – นักรบ

ทักษะของ Infopreneur
ทักษะพื้นฐาน
1. การใช้งานโปรแกรมพื้นฐาน เช่น Word, Excel
2. การสร้าง Fanpage และการจัดการ Fanpage
3. การเขียนบทความ (Content Writer)
4. ทำโฆษณาผ่าน Facebook Ads
5. การตลาดผ่าน Google SEO

ทักษะระดับกลาง
1. อ่านเนื้อหาจากต่างประเทศ และเรียนรู้เพิ่มเติมได้
2. มีเว็บไซต์ รองรับ SEO และ Social Media ได้ดี
3. ใช้การตลาดผ่านเนื้อหา Content Marketing + Google SEO

ทักษะระดับสูง
1. เขียนหนังสือ, eBook, จัดสัมมนา หรือ สร้างคอร์สออนไลน์ ให้เข้าใจและเรียนรู้ง่าย
2. พัฒนาบุคลิคภาพ และการพูดต่อหน้าคน เพื่อฝึกเป็นวิทยากร
3. กลยุทธ์การตลาด : โปรโมทตัวเอง สร้าง Personal Brand และ Connection ผ่านสื่อต่างๆ

สร้างธุรกิจนานแค่ไหน ?
มนุษย์เงินเดือน สามารถทำธุรกิจนี้ควบคู่งานประจำได้ โดยใช้เวลา 3 ชั่งโมงหลังเลิกงาน และทำธุรกิจให้มั่นคงโดยใช้เวลาทดสอบรายได้ที่สม่ำเสมอตลอดระยะเวลา 6 เดือน เป็นอย่างน้อย

ธุรกิจเริ่มมีรายได้เมื่อไหร่ ?

จะเริ่มมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ เมื่อนักธุรกิจความรู้ (Infopreneur) สร้าง Personal Brand เสร็จแล้ว และออกคอร์สออนไลน์, eBook, จัดสัมมนา อย่างใดอย่างหนึงจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว

ทำไมต้องสร้างเว็บ (Blog) ให้ความรู้
เว็บไซต์ที่ติดอันดับการค้นหา Google หน้าแรก จะดึงคนอ่านเว็บไซต์ใหม่ๆทุกวัน และมีโอกาสเปลี่ยนเป็นลูกค้าในอนาคต

เว็บไซต์ติดอันดับ Google แล้วส่งผลดีอย่างไร ? ผู้อ่านใหม่ๆ เข้าเว็บไซต์ทุกๆวัน ตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่น/เดือน โดยไม่ต้องใช้เงินจ่ายค่าโฆษณาเลย อีกทั้งยังสร้างความน่าเชื่อถือในระยะยาว

กรณีศึกษาจาก Pantip ” นักธุรกิจขายความรู้ Infopreneur “


แชร์ประสบการณ์ การทำธุรกิจ 7 ธุรกิจ ภายใน 3 ปี จนพบธุรกิจการสอนที่เหมาะกับตัวภายในแนวคิดทีว่า “คนจะยอมซื้อสินค้า หรือ บริการก็ต่อเมื่อเป็นประโยช์นกับเขาจริงๆ” และนี้คือ จุดเริ่มต้นของนักธุรกิจขายความรู้ (Infopreneur)

แนะนำอ่านเส้นทางอาชีพ Digital Marketing Freelancer
แชร์ประสบการณ์การสร้างอาชีพเกี่ยวกับ SEO & Digital Marketing แบบนักรบ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นจริงว่าความรู้ที่สอนนี้ใช้ได้ผลจริงกับนักรบ แต่ผู้เรียนควรนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับธุรกิจตัวเองครับ เช่น รับทำเว็บไซต์ WordPress, วิทยากรสร้างคอร์สออนไลน์, ขายของออนไลน์ด้วยเว็บไซต์, รับทำ SEO แบบฟรีแลนซ์ และ Small SEO Agency
https://warrior.in.th/jobs/infopreneur/

ออฟไลน์ wm5398

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 471
    • ดูรายละเอียด
ฟรีแลนซ์ รับทําเว็บไซต์ WordPress สร้างรายได้เก็บเงินแสนใน 1 ปี


เปลี่ยนชีวิตจาก Webmaster ใน Office สู่ Freelance Digital Marketer (SEO,SEM,WordPress)

สวัสดีครับ นี้เป็นบทความที่เขียนขึ้นจากประสบการณ์ของนักรบ เพื่อเป็นความรู้ให้กับคนรุ่นหลังที่สนใจอาชีพ ” รับทำเว็บไซต์ด้วย WordPress ” ดูแนวทางนักรบไปปรับใช้กับตัวเองครับ

สามารถสร้างรายได้หลังเลิกงาน จะทำแบบ Fulltime/Partime เป็นธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ ไว้เก็บเงินหลักแสนได้ในเวลาไม่นานนัก อีกทั้งยังลงทุนไม่สูงมากด้วยครับ

ฟรีแลนซ์เริ่มต้น รับทําเว็บไซต์ด้วย WordPress  8,000-15,000 ฿

ช่วงเริ่มต้นถ้ายังใช้ WordPress ไม่คล่อง ให้ทำเว็บไซต์ให้คนรู้จักเพื่อฝึกฝีมือและรับทำเว็บไซต์ในราคาเพื่อนๆกัน ที่ 8,000-15,000 บาทก่อน เพื่อฝึกรับมือกับ Requirement ที่สามารถต่อรองได้ และควรเป็นเว็บไซต์ที่นำเสนอข้อมูลง่ายๆไม่มีระบบอะไรซับซ้อนครับ

ตัวอย่างผลงานด้านบนเป็นเว็บไซต์ที่สร้างด้วย WordPress ใช้เวลาทำงานประมาณ 15-20 วัน ต่อ 1 เว็บไซต์ โดยคิดราคาช่วงเริ่มต้น อยู่ในช่วง 8,000-15,000 ต่อเว็บไซต์ โดยผู้ที่จะสามารถทำได้ ควรรู้พื้นฐานของ WordPress ทั้งหมด และฝึกการใช้งาน Theme WordPress อีก 40-60 ชั่วโมง   โดยประมาณครับ

ฟรีแลนซ์มืออาชีพ รับทําเว็บไซต์ด้วย WordPress 25,000 – 50,000+ ฿
เมื่อเข้าใจและใช้ WordPress ได้อย่างคล่องแคล่ว ก็จะสามารถรับงานระดับมืออาชีพ ที่ราคา 25,000 – 50,000 บาทขั้นไปได้

ตัวอย่างนี้ใช้ Premium Theme ครับ โดยคนที่จะสามารถทำได้จะต้องมีพื้นฐานการใช้งาน WordPress ทั้งหมด รวมทั้งผ่านประสบการณ์การรับทำเว็บไซต์ด้วย WordPress แบบง่ายๆมาก่อน 2-3 เว็บ

รวมทั้งมีความสามารถในการจัดการ plugin ที่ตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าได้ โดยทักษะเหล่านี้ควรผ่านการทำงานจริงมาแล้ว มากกว่า 100+ ชั่วโมงครับ

Tips :  วิธีการทำการตลาดอาชีพรับทําเว็บไซต์ WordPress
อาชีพรับทำเว็บไซต์ด้วย WordPress สามารถหางานได้ง่าย หากมี Connection และมีผลงานสม่ำเสมอๆให้คนใกล้ๆชิด หรือคนรู้จักทราบในโลกออนไลน์ โดยวิธีการที่ดีที่สุด คือการให้ความรู้เกี่ยวกับเว็บไซต์ผ่าน Blog + Social Media นั้นเอง

อาชีพรับทำเว็บไซต์ จะต้องเจอกับคู่แข่งที่เป็นบริการ สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปซึ่งบริการเหล่านี้จะฟรี เรามาดูวิธีแก้ไขที่นักรบแนะนำครับ

คนทำรับทำเว็บไซต์หากต้องการความยั่งยืนและประสบความสำเร็จในระยะยาว ควรต่อยอดการรับทำเว็บไซต์แบบเฉพาะทาง  (Niche Market)

การรับทำเว็บไซต์แบบเฉพาะทาง  (Niche Market) เช่น รับทําเว็บไซต์ WordPress โรงแรมโดยเฉพาะ, รับทําเว็บไซต์ WordPress การขายของออนไลน์โดยเฉพาะ, รับทําเว็บไซต์ WordPress สำหรับนักเขียนโดยเฉพาะ เป็นต้นครับ

ซึ่งวิธีนี้จะช่วยเพิ่มทางเลือก และต่อกรกับผู้ให้บริการฟรีเว็บไซต์ได้ เพราะมีระบบเว็บที่เฉพาะกลุ่มลูกค้ามากกว่าครับ

ทําเว็บไซต์ WordPress ได้แล้ว ให้ต่อยอดเรียนรู้เรื่องการตลาดออนไลน์ด้วยล่ะ
เมื่อทำเว็บไซต์เป็นแล้ว ก็อย่าอยู่กับที่ ไม่พัฒนาฝีมือตามยุคตามสมัยล่ะ ก็เพราะเดี๊ยวนี้ เว็บมันทำง่ายขึ้น ระบบเปิดเว็บไซต์ฟรีก็มีมากมาย หากไม่ปรับตัวกัน มีหรือคนทำเว็บไซต์จะอยู่รอด ก็คงไม่พ้นหนีไปทำอาชีพอื่นอยู่ดี

แล้วจะมานั่งบ่นๆเรื่อยๆ ว่าอาชีพนี้ไม่ดีอย่างโง้น อย่างงี้ จริงๆ มันก็เป็นทุกอาชีพนะเหละครับ มันต้องปรับตัวและพัฒนากันทั้งนั้น ถ้าไม่พัฒนาตัวเอง มันก็เหมือนถอยหลังลงคลอง รายได้หดหาย ไม่ใช่เพราะอาชีพไม่ดี แต่ลืมดูตัวเองไป ว่าไม่พัฒนาเองขึ้นเลย ฉะนั้นควรพัฒนาตัวเองด้าน Digital Marketing เพื่อทำการตลาดให้ธุรกิจของตัวเอง หรือจะทำการตลาดให้ลูกค้าก็ยังได้ครับ

สอนสร้างเว็บไซต์ WordPress

วีดีโอสอนพื้นฐาน WordPress แบบจดโดเมนและเช่า Hosting เอง
       - ทำไมต้องใช้ WordPress สร้างเว็บไซต์
       - จดโดเมน & เช่า Hosting
       - ติดตั้ง WordPress ผ่าน Cpanel
       - ติดตั้ง Free Theme สำหรับ Web Blog
       - การตั้งค่า WordPress Setting
       - การตั้งค่าหน้าแรกของเว็บไซต์ และ หน้า Blog
       - สร้างเรื่อง (Post)
       - สร้างหน้า และเมนู (Page & Menu
       - ปรับแต่ง Theme WordPress
       - วิธีติดตั้ง Plugin & ตัวอย่างการติดตั้ง Facebook Fanpage Widget
       - ตัวอย่างเว็บไซต์ ที่ใส่ข้อมูลเรียบร้อยแล้ว

FAQ : คำถามที่พบบ่อย
อาชีพรับทำเว็บไซต์ เป็นธุรกิจที่ทำเสริมนอกเวลางานประจำได้ ไม่ต้องลงทุนสูงมาก ใช้เพียง Computer, อินเตอร์เนต และความรู้ที่สามารถเรียนได้จากโลกออนไลน์ หรือหนังสือ โดยคนที่ทำได้ต้องมีใจรักในงานนี้ด้วย ก็จะฟั่นฝ่าอุปสรรคไปได้ครับ

1. รับทำเว็บไซต์ด้วย WordPress เป็นอาชีพเสริมสร้าง[^_^]ที่ทําที่บ้าน ไม่ต้องลงทุนสูงได้อย่างไร ?
อาชีพรับทำเว็บไซต์ เป็นธุรกิจที่ทำเสริมนอกเวลางานประจำได้ ไม่ต้องลงทุนสูงมาก ใช้เพียง Computer, อินเตอร์เนต และความรู้ที่สามารถเรียนได้จากโลกออนไลน์ หรือหนังสือ โดยคนที่ทำได้ต้องมีใจรักในงานนี้ด้วย ก็จะฟั่นฝ่าอุปสรรคไปได้ครับ

2. ทําไงให้มีเงิน จากอาชีพรับทําเว็บไซต์ ?
รับทำเว็บไซต์ด้วย WordPress สิ ทำได้ง่ายหนังสือและคอร์สเรียนสอนฟรี มีเยอะมาก แต่พอทำได้แล้ว ต้องสร้าง Brand ให้ตัวเองผ่าน Blog ด้วยนะ จะได้มีลูกค้าใหม่แวะเวียนมาเสมอ มี Connection ใหม่ๆ ตลอด จะได้มีรายได้เรื่อยๆทุกเดือน

อาชีพรับทำเว็บไซต์ เป็น ” อาชีพอิสระ (freelance) ได้ แต่จะต้องเก่งและมีวิธีการทำการตลาดออนไลน์ให้ตัวเองจริงๆ ถึงจะทำได้ โดยมีประสบการณ์ และมี Connection ที่มาจาก Blog และเว็บไซต์ได้นั้นเอง

คนเพิ่งเริ่มทำเว็บไซต์ หากไม่มี Blog ไว้โปรโมทผลงานตัวเองที่ใช้หลัก SEO ด้วย อย่าออกไปทำ Freelance เร็วเกินไป เพราะจะหางานไม่ได้นะ

3. ทำช่วงแรกไม่มีงานทำ อยากมีงานทําเว็บไซต์ ทําไงดี ?
เริ่มแรกจากคนรู้จักก่อน โปรโมทตัวเอง Social Media ของตัวเองก่อน เวลาโปรโมทก็ทำให้ดูมืออาชีพนิดหนึง แนบผลงานสวยๆ ราคาและรายละเอียดเบื้องต้นให้ครบ อ๋ออย่างลืมข้อมูลติดต่อกลับด้วยล่ะ ทำเสร็จก็โพสใน Status Facebook ส่วนตัวให้คนรู้จักเห็น นี้เป็นวีธีง่ายๆในการโปรโมทตัวเองเลยนะ อีกวิธีหนึง ก็แวะเวียนไปตามกลุ่ม Facebook หรือ Webboard ที่มีลูกค้าเราอยู่บ้าง ไปอ่านไปตอบไปแชร์ความรู้ให้เขา เวลาแชร์ก็อย่าทำง่ายๆ แค่พิม Comment แต่ให้แชร์เป็น Blog เป็นบทความที่เราเขียนขึ้น หรือวีดีโอที่ทำขึ้นเลยดีกว่า มันเข้าใจง่ายกว่าเยอะ และเป็นการโปรโมทตัวเองไปในตัวด้วย ดีไหมล่ะ ^_^

4. รับทําเว็บไซต์ WordPress ทำนอกเวลางานประจำได้ไหม ?
รับทำเว็บไซต์สามารถนอกเวลางานประจำได้ เพราะติดต่อออนไลน์เป็นหลัก ทั้งรับงาน ส่งงาน อาจจะมีบ้างที่ต้องโทรศัพท์คุยรายละเอียด แต่คุยหลังเลิกงานได้นะ ถ้ารับทำเว็บไซต์งบไม่มาก ไม่ต้องไปพบคนว่าจ้างก็ได้ แต่ถ้าจ้างสูง มีถ่ายรูปสินค้าหน้าร้าน ก็อาจมีนัดคุยรายละเอียดกันไปตามเหมาะสม ตรงนี้ก็อยู่ที่ประสบการณ์ของแต่ละคนแล้วล่ะ ว่าจะจัดสรรเวลาอย่างไร แต่มั่นใจได้ระดับหนึงว่าทำงานเป็นธุรกิจเสริม นอกเหนืองานประจำได้นะ

5. วิธีสร้างรายได้จากการรับทําเว็บไซต์ WordPress นั้นทำอย่างไร ?
มันมีหลายขั้นตอนเหมือนหลายๆอาชีพนั้นเหละ ก่อนจะไปรับงานก็ต้องเล่น Theme WordPress ให้เก่งๆก่อน แนะนำ Theme ที่ Themeforest.net นะ เลือก Theme ดีๆหน่อย มีคนพัฒนาดีๆ และ Support ดีๆบ่อยๆ  พอเล่นคล่องแล้ว ค่อยหางาน และพูดคุยเกี่ยวกับการรับงานต่อไป มันหลายขั้นตอนหน่อย แต่ถ้าทำบ่อยมันจะเป็นอัตโนมัติ
          1. หางานให้ได้ก่อน ตรงนี้สำคัญ ถึงบอกว่าให้เขียน Blog หรือ ทำวีดีโอ แบ่งปันความรู้บ้าง จะได้ดึงดูดลูกค้ามาให้รู้จักเราสม่ำเสมอ
          2. พอมีลูกค้า ก็พูดคุยเนื้องานเว็บไซต์ ตรงนี้ก็สำคัญนะ ถ้าตรงไหนทำได้ก็บอกลูกค้าไปตรงๆ ตรงไหนทำไม่ได้ ก็บอก และให้ลูกค้าจ่ายเงินเฉพาะส่วนที่ทำได้ก็พอ ที่เหลือเก็บไว้พัฒนาต่อได้ ภายหลังจากที่มี Plugin ดีๆมาแล้ว
          3. คุยเสร็จ ต้องมัดจำเงินล่วงหน้าด้วยนะ ถ้าคนกันเอง หรือรับงานครั้งแรก ยังไม่กล้า ก็รับเงินหลังจากส่งงานครั้งแรกก็ได้ แต่ถ้าทำไปสักพัก เก่งแล้ว ก็รับล่วงหน้า 30% ก็ได้จ้า
          4. จบงานให้ได้ตามเนื้อหาที่คุยกับลูกค้าไว้ ตรงไหนทำไม่ได้ก็บอกตรงๆ ส่วนใหญ่เวลาจบงาน ถ้า Theme ที่เลือกมัน Support ความต้องการลูกค้าแล้วมันจะง่าย มันจะจบงานเร็ว แนะนำให้หา Theme ดีๆ มาเล่นก่อน ให้เวลากับมันนิด พอคล่องมันช่วยได้เยอะเวลาทำงาน
          5. เรื่องดูแลบริการหลังการขาย หรือการทำการตลาดออนไลน์ ก็ต้องมีนะ โดยคิดเป็นค่าดูแลรายปีหรือรายเดือนก็ได้ แล้วแต่ตกลง


6. ปัญหาอาชีพรับทําเว็บไซต์ด้วย WordPress นี้มีไหม ?
มันก็มีปัญหากันทุกอาชีพเหละ มีอาชีพไหนบ้างไม่มีปัญหา ถ้าทำแล้วหาเงินงานไม่ได้ ก็ทำ Blog หรือ ทำวีดีโอโปรโมทผลงาน หรือ แบ่งปันความรู้สิ ต่างประเทศทำกันตั้งนานแล้ว ถ้าทำงานแล้วจบงานไม่ได้ ก็ดูสิว่าเพราะอะไร คุยเนื้องานไม่ละเอียดหรือปล่าว เราไปรับงานที่ทำไม่ได้หรือปล่าว ถ้าเอาแบบแนะนำง่ายๆ สำหรับมือใหม่เลยนะ ก็เล่นธีมเวิร์ดเพรสให้คล่องก่อน เลือกธีมดีๆแล้วไปรับงาน อย่าไปรับงานที่มีฟังชั่นเยอะๆอะไรมากมายนัก เอาแค่โชว์ข้อมูลที่ theme ทำได้ก่อน

7. ปัญหาของมืออาชีพ คือ มีงานมากเกินไป
คนที่รับทำเว็บไซต์เก่งๆจะมีงานล้นมือ และรับงานมากเกินไปจนทำไม่ได้ วิธีแก้ไขคือ รู้ลิมิตตัวเองว่า 1 เดือนทำได้กี่เว็บ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 1-3 เว็บไซต์/เดือนเท่านั้น
ฉะนั้นถ้ามีงานเข้ามา ก็ให้แจ้งลูกค้าทันทีว่าจะเริ่มงานได้เดือนไหน ถ้าลูกค้ารอได้ก็ดีเลย อย่ารับงานซ้อนกันเพราะจะทำไม่ทันครับ (หรือบางคนอาจส่งงานต่อให้คนรู้จักและเก็บค่าหัวคิว แต่วิธีการนี้ไม่แนะนำเพราะอาจควบคุมคุณภาพไม่ได้ อีกอย่างลูกค้าอยากให้คุณทำเว็บ ไม่ได้อยากให้คนอื่นทำให้ครับ)

สรุป
เอาละครับถึงตรงนี้ก็พอจะได้ความรู้เกี่ยวกับอาชีพรับทำเว็บไซต์ด้วย WordPress ไปไม่มากก็น้อย หวังว่าบทความนี้จะช่วยเพิ่มมุมมองอะไรใหม่ๆ และพัฒนาความคิดให้คนรุ่นใหม่ได้ก้าวสู่เส้นทางนี้ได้ดีขึ้นนะครับ
นักรบ – ลุย !!!
https://warrior.in.th/jobs/wordpress/

ออฟไลน์ wm5398

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 471
    • ดูรายละเอียด
ทำ SEO เวบขายของออนไลน์
ประสบการณ์ทำ SEO ให้เวบไซต์ตัวเอง ส่งเสริมการขายของออนไลน์ ยอดขายเกินล้านใน 6 เดือนแรก โดยใช้เงินลงทุน Google Ads และ Facebook Ads เพียง 3,000 บาท / เดือน ลูกค้าส่วนใหญ่กว่า 60 % มาจากช่องทาง Organic Search ที่ทำ SEO ไว้

ทำ SEO เว็บขายของของตัวเอง
ทำ SEO ให้เวบไซต์ตัวเอง ส่งเสริมการขายของออนไลน์ สร้างยอดขาย โดยใช้เงินลงทุน Google Ads และ Facebook Ads เพียง 3,000 บาทต่อเดือน เป็นตัวอย่างให้กับธุรกิจขนาดเล็ก

SEO Agency Team ให้กับบริษัทขนาดใหญ่
รับทำ SEO ให้บริษัทขนาดใหญ่ ดูแลครบวงจรในส่วนของ Search Marketing เช่น สร้างเว็บไซต์ Shopping Cart, Website Development, Content Marketing, Social Media , SEO, PPC และอื่นๆ

รับทำ SEO กับบริษัทนักรบ ดีอย่างไร ?
บริษัทรับทำ SEO ส่วนใหญ่กว่า 99% จะไม่สอนเจ้าของธุรกิจให้ดูแลต่อได้ ทำให้เจ้าของธุรกิจต้องจ่ายเงินค่าทำการตลาดตลอดไป ซึ่งต่างจากบริษัทนักรบ ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลกรในบริษัทของท่าน เพื่อที่จะดูแลการทำ SEO ได้เอง และสร้าง Content ที่รองรับการทำเอสอีโอได้ดี มีความมั่นคงในระยะยาว

บริษัทรับทำ SEO แบบนักรบ มีทีมที่ผ่านการฝึกฝนการทำ SEO มาเป็นอย่างดี ผลงานเว็บ E-Commerce กว่า 90% ล้วนมาจากกูเกิลเสิร์ช จึงมั่นใจได้ว่า ทีมเราคือผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพจริง

ผลลัพธ์การรับทำ SEO ให้ลูกค้า

สนใจทำ SEO ขอคำปรึกษา  https://warrior.in.th/seo-services/

ออฟไลน์ wm5398

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 471
    • ดูรายละเอียด
SEO Agency vs In-House SEO Team แบบไหนดีกว่ากัน


สำหรับการทำธุรกิจในปัจจุบัน การทำตามตัวอย่างที่ได้ผลแล้ว มีส่วนช่วยเพิ่มความสำเร็จเป็นอย่างมาก เช่น การปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อได้รับอันดับที่ดีในกูเกิลเสิร์ช การมีคีย์เวิร์ดสำคัญๆที่ติดหน้าแรกกูเกิล ส่งผลต่อจำนวนทราพฟิคที่เพิ่มมากขึ้น และทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นด้วย แต่ใครล่ะจะเป็นคนทำ SEO ได้ดี ระหว่างการสร้าง SEO In-house Team หรือจ้าง SEO agency มาช่วย

ในบทความนี้จะพูดถึงเรื่อง…
        - In-house SEO และ SEO Agency คือ อะไร ?
        - ความแตกต่างระหว่างทั้งสองและข้อดีข้อเสียต่างๆ
        - แบบไหนที่เหมาะกับเรา

SEO In-house Team คือ…
SEO in-house team คือ การสร้างทีมการตลาดเอสอีโอขึ้นมาเองภายในหน่วยงาน อาจจะคัดคนที่น่าสนใจ มีพื้นฐาน หรือมีหน่วยก้านดีพอที่จะฝึกฝนและพัฒนาต่อไปเป็นตำแหน่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
สมาชิกในทีม In-house SEO จะมีตำแหน่งเรียกเช่น
        - SEO Specialist
        - SEO Manager
        - SEO Director
จำนวนสมาชิกในทีมและชื่อเรียกตำแหน่ง จะขึ้นอยู่กับขนาดของบริษัทที่จัดตั้งทีม


ความแตกต่างระหว่าง In-house SEO และ SEO Agency
ความแตกต่างสามารถมองได้หลายแบบ เช่น ความรวดเร็วในการทำงาน ทักษะความถนัดในสายงาน ราคา และความคุ้มค่าการลงทุน
โดยทั่วไปแล้ว การจ้างทำจะได้มืออาชีพมาทำงาน ปรับเปลี่ยนเอเจนซี่หลังหมดสัญญาได้ง่ายกว่าการสร้างทีมเอง และเริ่มต้นทำงานได้เร็วกกว่าสร้างทีมเอง
ถึงจุดนี้คุณอาจจะเลือกไม่ถูกว่าจะสร้างทีมเองหรือจ้างเอเจนซี่ดี ลองมาดูข้อดีและข้อเสียของแต่ละแบบด้านล่างนี้ ไว้ประกอบการตัดสินใจครับ

ข้อดี-ข้อเสียของการสร้าง In-house SEO Team
ข้อดี :
        - สามารถมองเห็นเนื้องานที่คืบหน้าได้ชัดเจนกว่า และสามารถปรับเปลี่ยนได้เร็วกว่า
        - ทีมงานรับผิดชอบเกี่ยวกับเว็บไซต์ของบริษัทตัวเองเท่านั้น
        - ทีมงานภายในบริษัท มีความเข้าใจวัฒนธรรม คุณค่าและภาพรวมของกิจการได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว
        - ทีมงานจะประสานงานกับทีมอื่นได้ เพราะมีความคุ้นเคยกับทีมงานอื่นๆ เช่น ทีม PR, ทีม Web Dev, ทีมขาย และทีมโซเชียลมีเดีย
ข้อเสีย :
        - ใช้เวลาฝึกฝนทีมงานนาน เพราะอาจจะต้องเริ่มสอนตั้งแต่พื้นฐาน
        - แบกรับค่าใช้จ่ายของทีมงานประจำทั้งทีม และค่าชดเชยต่างๆกรณีให้ออกจากงาน
        - ทีมงานอาจไม่มีเวลาจัดการทำเอสอีโอเต็มที่ เพราะอาจมีงานเดิมที่ดูแลอยู่แล้ว
        - เนื้องานและผลงานการทำเอสอีโออาจช้าหรือน้อยเกินไป เพราะไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญของงานได้ เนื่องจากขาดประสบการณ์


ข้อดี-ข้อเสียของการจ้าง SEO Agency
ข้อดี :
        - การจ้าง SEO Agency จะสามารถมีคนทำงานที่มีประสบการณ์พร้อมทำงานได้เลย เร่ิมต้นได้เร็วกว่า
        - การปรับเปลี่ยนเอเจนซี่หลังหมดสัญญาได้ง่ายกว่าการเปลี่ยนทีมภายหน่วยงาน
        - โดยส่วนใหญ่ Agency จะมีการติดตามและอับเดทความรู้ในแวดวงเอสอีโอได้ดีกว่าทีมงานภายในหน่วยงาน
ข้อเสีย :
        - เอเจนซี่อาจรับงานมากเกินไป ทำให้ดูแลลูกค้าไม่เต็มที่
        - การติดต่อประสานงานกัน จะทำได้ช้ากว่า
        - การค้นหาเอเจซี่ที่เหมาะกับกิจการของตัวเองทำได้ยาก และต้องใช้เวลา
        - มีราคาสูงกว่าเพราะต้องจ่าย 2 ต่อ ให้กับทีมงานและส่วนต่างกำไรของเอเจนซี่

เลือกแบบไหนดี
การเลือก SEO Agency หรือ In-house team อยู่บนพื้นฐานของหลายปัจจัยที่แตกต่างกัน และปัจจัยหลักที่มีผลมาก คือขนาดของกิจการและการแข่งขัน

หากคุณเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ การเลือกตัวเองหรือหุ้นส่วนหลัก ดูแลการตลาดดิจิทัลก่อนเป็นเรื่องดีที่ และสามารถต่อยอดไปยังการสร้างทีม หรือจะประสานงานกับเอเจนซี่ก็สามารถทำได้ เพราะมีประสบการณ์อยู่บ้าง จะช่วยประหยัดและลดความเสี่ยงได้อย่างหลายด้าน

หากคุณเป็นเจ้าของกิจการขนาดกลาง-ใหญ่ การเลือกจ้างเอเจนซี่จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากกว่า เพราะการทำงานของมืออาชีพจะช่วยขัดเกลาทีมงานภายในองค์กรไปพร้อมๆกัน และเริ่มทำการตลาดได้ทันที หลังจากนั้นทีมภายในหน่วยงานได้เรียนรู้จากเอเจนซี่ ก็สามารถสร้างทีมภายในขึ้นมาทีหลังได้
https://warrior.in.th/entrepreneur/seo-agency-vs-inhouse-seo-team/

ออฟไลน์ wm5398

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 471
    • ดูรายละเอียด
รวมนักทำ SEO ฟรีแลนซ์คนไทย (Thai Freelance Specialist)


รวม Blog ของฟรีแลน์เอสอีโอชาวไทย (Thai Freelance Specialist) ที่นักรบอ่านผ่านตามาแล้วบ้าง และยอมรับว่าควรแนะนำบอกต่อ ** นักรบดูแต่ส่วนของ Free Knowledge นะครับ ฉะนั้นหากผู้อ่านสนใจ Paid Service ต่างๆของผู้สอนแต่ละท่าน ควรรีเช็คให้แน่ใจว่าเหมาะกับตัวเองไหม และสอบถามไปกับผู้สอนโดยตรงครับ

Thai Freelance SEO Specialist Blog ที่น่าติดตาม
นักรบรวมแต่ฟรีแลนซ์นะครับ เพราะส่วนตัวจะชอบอ่านบทความที่มีคาแรคเตอร์ชัดเจนในการทำเอสอีโอของฟรีแลนซ์ครับ
       - Padveewebschool.com สอนการทำ SEO & WordPress ฉบับพัดวี
       - Chalakornberg.com สอนการทำ SEO สไตล์โบ๊ะบ๊ะ ฉบับคุณเม
       - Funnel.in.th สอนการทำ SEO เน้นกลุ่ม Business ฉบับคุณเจ
       - Rungwat.com สอนการทำ SEO เป็นภาษากันเองเข้าใจง่าย ฉบับคุณนิว
       - Papayiw.com สอนการทำ SEO ประสบการณ์ Agency ต่างประเทศ ฉบับคุณยิว
       - Thewhitemarketing.com สอนการทำ SEO และ Digital Marketing ด้านอื่นๆ

หากไม่มีเวบอื่นในนี้ แปลว่าผมยังไม่เห็นผลงานที่นานเพียงพอครับ ขอให้ทำสอนฟรีไปเรื่อยๆจนกว่าผมจะเห็นครับ
https://warrior.in.th/freelance-seo/thai-freelance-specialist/

ออฟไลน์ wm5398

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 471
    • ดูรายละเอียด
Google Algorithm Update : Product Reviews วันที่ 8 เมษายน 2564



กูเกิล เสิร์ช มักจะแสดงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้อยู่เสมอๆผ่านการทดสอบ, ทดลองและกระบวนการทบทวนต่างๆ จากขั้นตอนเหล่านั้นทำให้เรารู้ว่าคนชื่นชอบรีวิวสินค้าที่ละเอียด หาข้อมูลเชิงลึก มากกว่าสรุปเนื้อสั้นๆในกลุ่มสินค้านั้นๆ นี้คือเหตุผลว่า ทำไมพวกเราถึงแชร์การปรับปรุง Ranking systems ที่เรียกกว่า Product review update มันถูกออกแบบมาเพื่อให้รางวัลกับคอนเทนต์ที่ดีเหล่านั้น
 
การอัพเดทครั้งนี้ได้ถูกใช้งานกับภาษาอังกฤษก่อนเท่านั้น พวกเราเชื่อว่านี้จะช่วยส่งเสริมให้การผลิตคอนเทนต์รีวิวสินค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
 
ถึงแม้ว่าการอัพเดทครั้งนี้จะแยกออกจาก Core update เราก็มีคำแนะนำในการผลิตคอนเทนต์ดีๆที่เกี่ยวข้องนี้ ให้โฟกัสไปที่ภาพรวมของการนำเสนอคอนเทนต์เชิงลึก มีการค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลเป็นอย่างดีกับผู้อ่าน และเนื้อหาต่างๆนั้นถูกเขียนโดยผู้ที่ชำนาญหรือผู้ที่ชื่นชอบประเด็นนี้อย่างดี
 
สำหรับการผลิตคอนเทนต์เหล่านั้น นี้เป็นคำถามเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์เพื่อพิจารณาในแบบของการรีวิวสินค้า
        - แสดงความรู้อย่างผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสินค้าอย่างเหมาะสมไหม ?
        - แสดงลักษณภายนอกสินค้า หรือวิธีใช้งาน มีคอนเทนต์ที่โดดเด่นไม่ซ้ำหรือมากว่าเนื้อหาเดิมที่จัดเตรียมจากผู้ผลิตไหม ?
        - นำเสนอการวัดเชิงปริมาณ เช่น ความกว้าง ยาว สูง น้ำหนัก เกี่ยวกับสินค้าในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพไหม ?
        - อธิบายได้ว่าจุดเด่นของสินค้าที่แตกต่างจากคู่แข่งคืออะไร ?
        - การแสดงข้อมูลเปรียบเทียบสินค้า หรืออธิบายว่าสินค้าไหน อาจจะดีที่สุดกับผู้ใช้หรือตามแต่สถาณการณ์ไหม ?
        - แสดงความคิดเห็นในข้อดีและข้อเสียของสินค้า โดยมีพื้นฐานจากข้อมูลที่ค้นหามาแล้วไหม ?
        - อธิบายได้ว่าสินค้านี้เกี่ยวข้องกับสินค้าเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้อย่างไร หรือเปิดเผยข้อมูลในการปรับปรุงประเด็นสำคัญ เพื่อส่งเสริมการตัดสินใจซื้อไหม ?
        - ระบุปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจสำหรับหมวดหมู่สินค้าต่างๆเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น การรีวิวรถ ควรบอกอัตาการกินน้ำมัน, ความปลอดภัย, การควบคุมรถ เหล่านี้เป็นประเด็นสำคัญในการตัดสินใจในกลุ่มสินค้านี้ไหม ?
        - อธิบายถึงทางเลือกที่สำคัญในการออกแบบผลิตภัณฑ์และผลกระทบต่อผู้ใช้นอกเหนือจากที่ผู้ผลิตกล่าวไว้ไหม ?
 
พวกเราหวังว่าการนำเสนอข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์นะครับ
แปลและเรียบเรียงโดยนักรบ
ที่มา https://developers.google.com/search/blog/2021/04/product-reviews-update

https://warrior.in.th/freelance-seo/job/google-algorithm-update/search-algorithm-product-reviews/

ออฟไลน์ wm5398

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 471
    • ดูรายละเอียด
SEO พื้นฐาน สำหรับเจ้าของธุรกิจ SME


เจ้าของธุรกิจออนไลน์จะมองว่า SEO เป็นการทำการตลาดที่ซับซ้อน และมีการพัฒนาปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ทำให้การทำ SEO เป็นเรื่องยาก สำหรับเจ้าของธุรกิจเสมอๆ ไม่เพียงแต่เจ้าของธุรกิจเท่านั้นที่จะมึนงงไปกับเทคนิค SEO ที่มากมาย เหล่านักการตลาดออนไลน์ทั้งใหม่และเก่า ต่างก็ต้องใช้เวลาเรียนรู้หลายชั่วโมงเพื่อให้เข้าใจพื้นฐานการทำ SEO ได้ วันนี้

ผมนักรบจะช่วยไขปัญหาและอธิบายให้เข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้นสำหรับคนที่สนใจการตลาดออนไลน์ผ่าน Google SEO เป็นหลัก ผ่านบทความ ” สอน SEO : เรียนวิธีการทำ SEO พื้นฐาน และเทคนิคการตลาดออนไลน์ สำหรับเจ้าของธุรกิจ SME ” Tip : SEO สามารถต่อยอดสู่ Adwords ได้อย่างดีเยี่ยมในอนาคต แต่นักรบขอพูดถึงในโอกาสต่อไปครับ

SEO คืออะไร ?
SEO คือ การปรับปรุงเว็บไซต์ให้ปรากฏในตำแหน่งที่ดีที่สุด  ในหน้าผลการค้นหาของ Google (SERP) หลังจากที่คนพิมพ์คำค้นหา (Keyword) ในธุรกิจของท่านเรียบร้อยแล้ว การทำ SEO ที่ดีจะทำให้หน้าเว็บไซต์ของท่านอยู่ในหน้าแรกของ Google อันดับ 1-10 ท่านจะมีคนเข้าเว็บไซต์เฉลี่ย 10-30% โดยเฉลี่ยของจำนวนยอดการค้นหาในแต่ละเดือน

ตัวอย่างเช่น
คำค้นหา (keyword) = เริ่มต้นธุรกิจ จำนวนการค้นหา = 1600 ครั้ง/เดือน (จาก เครื่องมือวางแผนคำหลัก Google keyword planner tools )

หลังจากพิมพ์คำค้นหา ” เริ่มต้นธุรกิจ ” ใน Google แล้วเว็บไซต์ของท่านอยู่ในอันดับ 1-10 ท่านจะมียอดคนเข้าเว็บไซต์อย่างน้อย 160-480 ครั้ง/เดือน โดยไม่เสียเงินค่าโฆษณา Adwords (อัตราเข้าชมเฉลี่ย 10-30% X 1,600) จะช่วยประหยัดเงินโฆษณา Google Adwords ได้สูงถึง 800-2,400 บาท/เดือนทีเดียว (ขอกำหนดราคาต่อคลิ๊กโดยเฉลี่ยที่ 5 บาท/คลิ๊ก)

การทำ SEO นั้นมีวิธีหลากหลาย และมีบทความสอน SEO ฟรีมากมาย แต่หากว่าบทความเหล่านั้นไม่ได้อัพเดทตามยุคตามสมัยของ Google ละก็ แทนที่จะเป็นผลดีให้เว็บไซต์ อาจส่งผลร้ายกับอันดับเว็บไซต์ของท่านก็เป็นได้ ฉะนั้นหากท่านไม่ทราบแน่ชัดว่า เทคนิค SEO ที่ท่านอ่านและเรียนรู้มา จะส่งผลดีหรือผลร้ายกับเว็บไซต์ของท่านกันแน่ โปรดอย่าทำตามเทคนิค SEO ทันที

โปรดศึกษาเทคนิคที่เรียนรู้มาให้แน่ชัด หากเป็นเทคนิควิธีการทำ SEO แบบสายมึด (Black Hat SEO) ท่านโปรดอย่าทำเป็นเด็ดขาด เพราะจะส่งผลเสียกับเว็บไซต์ของท่านในระยะยาว แต่หากพบว่าเทคนิควิธีการทำ SEO นั้นเป็นสายคุณภาพ (White Hat SEO) ท่านสามารถเดินหน้าลุยต่อได้เต็มกำลังครับ

เกี่ยวกับ Black-hat และ White-hat SEO
        1. Black Hat จะเน้นที่การขึ้นอันดับเร็ว ด้วยการสร้าง Black Link จำนวนมาก, การสร้างเครือข่าย Blog ส่วนตัวไม่มีคุณภาพ, การ Spam Keyword เป็นต้น
        2. White Hat จะเน้นที่การสร้างเนื้อหาที่ดี และเกิดการบอกต่อเป็นธรรมชาติ มีสถิติผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์ดี สม่ำเสมอ ทั้งในเว็บไซต์และสื่อออนไลน์อื่นๆ

ข้อแนะนำพิเศษ  โดยนักรบ
หากท่านไม่ทราบแน่ชัดถึงวิธีการทำ SEO ที่ได้ผลอย่างยั่งยืนในระยะยาว ขอให้ท่านมุ่งเน้นไปที่การสร้างเนื้อหาที่ดี และเป็นประโยชน์กับคนเข้าเว็บไซต์ (Quality Content) เป็นอันดับแรกก่อน  หลักจากศึกษาเทคนิคการทำ SEO จนค้นพบวิธีที่แน่ใจว่าได้ผล หลังจากนั้นค่อยนำมาใช้กับเนื้อหาดีอีกมากมายที่รอให้ท่านปรับแต่งได้อย่างเต็มกำลัง จนส่งผลดีกับเว็บไซต์ของท่านในระยะยาวครับ
https://warrior.in.th/entrepreneur/how-to-wordpress-seo/

ออฟไลน์ wm5398

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 471
    • ดูรายละเอียด
9 ขั้นตอนการทำการตลาดออนไลน์


เจ้าของธุรกิจหลายคนจะรู้สึกเหมือนกันว่าการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) เป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน และเข้าใจยาก หลายต่อหลายครั้งที่เขาจ่ายเงินทำโฆษณาออนไลน์ไป แต่กลับไม่ได้ลูกค้ามากขึ้นดังที่ใจคิด อีกทางหนึ่งที่เจ้าของธุรกิจจะทำ คือ การจ้างนักการตลาดออนไลน์เป็นที่ปรึกษา ดูแลการตลาดออนไลน์ให้แทน แต่ถ้าหากยังไม่ได้ผล ทำไมเจ้าของธุรกิจถึงไม่ลองทดสอบและเรียนรู้ด้วยตัวเองบ้างล่ะ ? ซึ่งอาจจะพบวิธีทำการตลาดออนไลน์และได้ลูกค้าใหม่ๆมาก็เป็นได้ บทความนี้ ” 9 ขั้นตอนการทำการตลาดออนไลน์ ” จะเป็นการแนะนำ วิธีการทำการตลาดออนไลน์ด้วยตัวเอง ซึ่งนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด ที่จะลองลงทุนเรียนรู้ และหาหนทางในการทำการตลาดออนไลน์ด้วยมือของคุณเองครับ

1. เริ่มต้นที่ Social Media
Social Media คือ เครือข่ายผู้บริโภคขนาดใหญ่ สถานที่ที่สามารถสร้างการรับรู้ (Awareness) และการ PR เป็นอย่างดี เพราะด้วยความสามารถในการกดชอบ (like), แสดงความคิดเห็น (Comment) และการแชร์ (Share) ล้วนส่งผลดีแทบทั้งสิ้น สามารถสร้าง Facebook Fanpage ได้ที่ คลิ๊กสร้าง Fanpage

2. เริ่มต้นเขียนบล็อก (Blog)
อย่าเพิ่งปฏิเสธการเขียน Blog เพราะ การเขียนบทความ (Articles) ใน Blog นั้นมีคุณค่ากับธุรกิจเป็นอย่างยิ่ง เช่น การสร้างการรับรู้ (Awareness), ความน่าเชื่อถือ (Credibility) และ ความเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจ (Authority) Tip : การเขียน Blog จะไม่เหมือนการเขียนงานเรียงความในมหาลัย (ซึ่งนั้นอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่ท่านเขียน) โปรดใช้เทคนิคการเขียนที่ง่ายต่อการอ่านแบบสแกน และย่อยข้อมูลให้เข้าใจง่าย โดยเนื้อหาใจความโดยรวมไม่หลุดประเด็นไปจากหัวข้อหลัก

3. สร้างความสำพันธ์ ผ่านช่องทางสื่อ
สื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มจำนวนการเข้าถึงของคนเข้าชมใหม่ๆ ถ้าที่ปรึกษาหรือทีมงาน ไม่ได้สร้างสายสำพันธ์กับนักเขียน หรือ Bloggers ไว้เลย มันคงน่าเสียดายมาก เพราะผู้เข้าชมส่วนใหญ่จะอยากติดต่อและพูดคุย สอบถามกับธุรกิจนั้นๆที่เขาสนใจ Tip : ติดตามนักเขียน ในช่องทางสื่อออนไลน์ต่างๆ เช่น Facebook, Twitter ในกลุ่มธุรกิจของท่าน เพื่อที่จะแบ่งปันเนื้อหา แสดงความคิดเห็น เพื่อทราบทิศทางร่วมกันในอนาคต เวลาที่จะต้องนำเสนอข่าวสารร่วมกัน

4. นำเสนอเนื้อหาที่คนเข้าชมต้องการ
เชื่อมกับลูกค้าคนสำคัญได้ง่ายดายผ่านเนื้อหาที่ปรับแต่งเพื่อให้ใช้งานง่าย ในทางข้อมูล 61% ของลูกค้าส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าจาก Brand ที่นำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน Tip : ใส่ใจปัญหาผู้ฟังเป็นหัวข้อสำคัญในการทำเนื้อหาที่จะนำเสนอ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดเนื้อหา และพัฒนารายงาน, eBooks, คู่มือ และ โพสบล็อก ที่ให้คุณค่ากับลูกค้าของท่าน

5. ใส่ใจการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติ (Analytics)
มันง่ายดายที่จะรู้ว่าช่องทางสื่อออนไลน์ไหน ที่สร้างจำนวนคนเข้าชมได้มากมายผ่านเครื่องมือสถิติ เช่น Google Analytics เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ท่านไม่ควรทิ้งมัน หากแต่จะช่วยทำให้โฟกัสการทำงานได้มากยิ่งขึ้นในสื่อนั้นๆ Tip : ติดตั้ง Google Analytics ในเว็บไซต์ของคุณ เพื่อที่จะเช็คว่า กลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ ผ่านช่องทางไหนที่ได้ผลที่สุด

6. เช็คให้แน่ใจว่า E-Mail Marketing ยังสื่อสารถึงคนอ่านอยู่เสมอ
หากพูดถึงทุกวิธีทำการตลาด E-Mail Marketing ยังคงใช้ได้ผลอยู่เสมอ เป็นหนทางที่จะส่งเนื้อหาไปถึงผู้อ่านได้โดยตรง เพื่อเปลี่ยนให้เป็นลูกค้าที่จะซื้อของจากท่าน และยิ่งท่านมีฐานสมาชิก E-Mail List มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งประสบความสำเร็จในการเข้าถึงมากขึ้นเท่านั้น Tip : โปรดใช้เวลาและใส่ใจกับหัวข้อใน E-Mail ให้มากหน่อย เพราะ 64% ของผู้รับจะเปิด eMail หลังจากที่เขาอ่านหัวข้อแล้วสนใจ เวลาที่ท่านใช้ไปกับการสร้างสรรค์หัวข้อ E-Mail จะช่วยการันตีถึงจำนวนการเปิดอ่านได้มากยิ่งขึ้น

7. ปรับแต่งเว็บไซต์ (SEO) ให้ดีเยี่ยม
เช็คให้แน่ใจว่า Keywords บทเว็บไซต์ของท่าน เป็นสิ่งที่คนอ่านกำลังค้นหาอยู่จริงๆ ด้วยเครื่องมือวางแผนคำหลัก (Keyword Planner Tools) ของ Google ใน Adwords หากในเว็บไซต์ของท่านไม่มีเนื้อหา หรือ Keywords ที่เกี่ยวข้อง จะเป็นไปได้สูงที่คนจะออกจากเว็บไซต์ของท่านทันที ส่งผลให้อัตราการออก (Bounce rate) ใน Google Analytics สูงขึ้น และ การตอบสนองจากผู้อ่านจะลดน้อยลงไป Tip : หากธุรกิจของท่านมีคำค้นหา (keywords) ที่หลากหลาย โปรดอย่ามองข้ามคำค้นหาที่เป็นภาษาพูด เพราะคำเหล่านี้ผู้อ่านมักจะใช้พิมพ์คําค้นหาใน Google ท่านสามารถใส่คำภาษาพูดที่เข้าใจง่ายในหน้า Blog ของท่านได้ครับ

8. จัดเวลาเป็น นักเขียน Blog รับเชิญบ้าง (Guest Blogging)
ท่านสามารถเข้าถึงคนอ่านได้มากมายผ่าน Blog ของท่าน แต่ท่านก็สามารถเพิ่มจำนวนคนอ่านใน Blog อื่นๆที่มีชื่อเสียงได้ผ่านการเป็นนักเขียน Blog รับเชิญ ซึ่งมีหลายๆ Blog ก็ยินดีต้อนรับ Guest Blogging Tip: การเขียน Guest Blogging ควรเขียนในเนื้อหาที่มีเป็นประโยชน์กับคนอ่านของเจ้าของ Blog เป็นสำคัญ เพื่อที่เนื้อหาที่เขียนนั้น สอดคล้องกับเนื้อหาเดิมใน Blog ก่อนหน้านี้

9. เช็คให้แน่ใจว่า ขั้นตอนการทำงานทั้งหมด รวมกันเป็นหนึ่งเดียว และสอดคล้องกันเป็นอย่างดี
ทุกขั้นตอนสามารถทำได้สำเร็จได้ แต่ควรเช็คให้แน่ใจว่าทุกขั้นตอนนั้นทำงานสอดคล้องกันเพื่อให้ถึงเป้าหมายหลัก (Goal) ที่วางไว้ของธุรกิจของท่าน Tip : ก่อนที่จะทำการตลาดออนไลน์ ควรกำหนดเป้าหมายไว้เรียบร้อยแล้วว่าคืออะไร ? เช่น ต้องการเพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ (Website Traffic), เพิ่มยอดขาย 200% หรือต้องการจะโปรโมทสินค้าตัวใหม่ โดยทุกๆขั้นตอนควรพุ่งประเด็นไปที่เป้าหมายของท่าน

การลงมือทำ ขั้นตอนการทำการตลาดออนไลน์  จะได้ผลลัพธ์ที่วิเศษ
ถ้าท่านต้องการเงินในระยะสั้น การจ้างนักการตลาดออนไลน์เพื่อเป็นที่ปรึกษา อาจจะช่วยให้ท่านได้ผลลัพธ์ที่ต้องการได้ แต่ในธุรกิจขนาดเล็ก (SME) การขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาด โดยการลงมือทำด้วยตัวเอง จะทำให้เข้าใจลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นอันส่งผลต่อผลลัพธ์ทางการตลาดที่ดีที่สุด แบ่งเวลาที่ท่านมี เพื่อศึกษาขั้นตอนการทำการตลาดออนไลน์บ้าง และเทคนิคที่เผยแพร่ในบทความนี้ก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่ท่านสามารถทดลอง เรียนรู้ และลงมือทำได้ทันที

พื้นฐานที่ควรมี (จาก Wikipedia)
การตลาดออนไลน์ ((Online Marketing) หรือ การตลาดบนอินเทอร์เน็ต ( Internet marketing)  คือ อะไร ? หรืออาจใช้ว่า i-marketing, web-marketing, Digital Marketing, การตลาดออนไลน์ (online-marketing) หรือ การตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Marketing) หมายถึง การดำเนินกิจกรรมทางการตลาดโดยใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลาง และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ มาผสมผสานกับวิธีการทางการตลาด การดำเนินกิจกรรมทางการตลาด อย่างลงตัวกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายขององค์กรอย่างแท้จริง ซึ่งในรายละเอียดของการทำการตลาด E-Marketing จะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
         1. เป็นการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายในลักษณะเฉพาะเจาะจง (Niche Market)
         2. เป็นลักษณะเป็นการสื่อสารแบบ 2 ทาง (2 Way Communication)
         3. เป็นรูปแบบการตลาดแบบตัวต่อตัว (One to One Marketing หรือ Personalize Marketing) ที่ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายสามารถกำหนดรูปแบบ  สินค้าและบริการได้ตามความต้อง การของตนเอง
         4. มีการกระจายไปยังกลุ่มผู้บริโภค (Dispersion of Consumer)
         5. เป็นกิจกรรมที่นักการตลาดสามารถสื่อสารไปยังทั่วทุกมุมโลก ตลอด 24 ชั่วโมง (24 Business Hours)
         6. สามารถติดต่อสื่อสาร โต้ตอบ ปฏิสัมพันธ์ได้อย่างรวดเร็ว (Quick Response)
         7. มีต้นทุนต่ำแต่ได้ประสิทธิผล สามารถวัดผลได้ทันที (Low Cost and Efficiency)
         8. มีความสัมพันธ์กับกิจกรรมการตลาดแบบดั้งเดิม (Relate to Traditional Marketing)
         9. มีการตัดสินใจในการซื้อจากข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ (Purchase by Information)

บทความนี้เป็นการฝึกแปลบทความจาก Ref : https://marketingland.com/9-steps-implementing-online-marketing-campaign-98393 Ref : https://th.wikipedia.org/wiki/การตลาดบนอินเทอร์เน็ต เรียบเรียงโดย นักรบสอนการตลาดออนไลน์
https://warrior.in.th/freelance-seo/nine-step-online-marketing/

ออฟไลน์ wm5398

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 471
    • ดูรายละเอียด
3 เส้นทางทำเงินธุรกิจการสอนออนไลน์ SEO&Training


ก่อนจะทำธุรกิจการสอน SEO และให้คำปรึกษา เริ่มต้นต้องมี Website และ Facebook  ในการโปรโมทก่อนครับ ในต่างประเทศเรียกธุรกิจการสอนว่าเป็นอาชีพ Infopreneur ขายสินค้าความรู้อยู่ในรูปแบบ Digital Products

วิธีการโปรโมทธุรกิจการสอนออนไลน์ที่ดีที่สุดวิธีหนึง คือการเขียน Blog และให้ความรู้ฟรีเบื้องต้นสม่ำเสมอ อย่างน้อย 10 เนื้อหา/เดือนหรือมากกว่า ทั้งในเว็บไซต์ และ  Fanpage หลังจากมี Blog Website และ Facebook  Fanpage ที่มีการให้ความรู้ฟรีอย่างต่อเนื่องแล้ว จึงสร้าง 3 ช่องทางทำเงินธุรกิจการสอน SEO

เส้นทางที่ 1 : ขายสินค้าที่คนเข้าถึงได้ง่าย ราคาไม่สูง
สินค้าราคาไม่สูง สินค้าที่คนเข้าถึงได้ง่าย ไม่ได้แปลว่าเป็นของไม่ดีนะครับ เพียงแต่ว่านี้คือ ด่านแรกที่คุณสามารถหยิบยื่นให้ลูกค้าได้ง่าย และลูกค้าก็เข้าถึงคุณได้ง่ายเช่นกัน เสมือนว่า ถ้าสินค้านี้ดี และเป็นประโยชน์กับเขาจริง เขาจะยินดีซื้อสินค้าที่ราคาสูงขึ้น เพื่อได้ประโยชน์สูงขึ้นนั่นเอง สินค้าประเภทนี้ คือ : E-Book และ Audio CD ครับ

ในเมืองไทยมีหลายท่านที่ขายเพียง E-Book อย่างเดียว โดยฝากขายกับ Ookbee, Se-ed, Naiin ก็สามารถทำเป็น[^_^]สร้างเงินให้แบบ กึ่ง Passive Income ได้ตลอดทั้งเดือน จนมองเห็นโอกาสในการทำ Infopreneur เต็มตัวในเวลาต่อมา

ทำไมต้องเป็น E-Book
ข้อดีของ E-Book
         1. ลูกค้าซื้อได้ง่าย ไม่แพง และใช้อ่านเพื่อเรียนรู้เบื้องต้นด้วย
         2. E-Book ดาวน์โหลดได้เร็ว เพราะ File จะเล็กมากเมื่อเทียบกับ DVD Video หรือ คอร์สออนไลน์
         3. E-Book เข้าถึงได้ง่าย และ ฝากขายผ่านตัวแทนได้ง่าย เช่น Ookbee, Se-ed, Naiin หรือ ผ่านนายหน้าออนไลน์ (Affiliate)
         4. E-Book ต่อยอดสู่การทำหนังสือเล่ม สร้าง Personal Brand ได้
         5. สามารถหยิบเนื้อหาใน Blog ทีเขียนฟรีมาปรับแต่ง เป็นหัวข้อ และเติมรายละเอียดให้เข้าใจง่าย และลึกมากขึ้น แล้วนำมาเขียน E-Book ได้
         6. เมื่อเขียน E-Book จะได้ไอเดียใหม่ๆ ที่ต่อยอดไปเขียนใน Blog สร้างเนื้อหาใหม่ๆได้ ไม่มีวันหมด และสร้างฐานผู้อ่านใหม่ได้ผ่าน Google และ Facebook
         7. E-Book เป็นสินค้าแบบ กึ่ง Passive Income ทำเสร็จ ฝากขายได้หลายเดือนและหลายปี มีเวลาเหลือไปเขียน E-Book เล่มใหม่ต่อ

ข้อเด่นชัด คือ การเขียน E-Book มีผลต่อทักษะการเขียน Blog และ Google SEO โดยตรง ช่วยการตลาดได้ดีเยี่ยม ตัวอย่างราคา :  E-BOOK จะอยู่ในช่วง 100-500 บาท อุปกรณ์ที่ต้องมี
         1. โปรแกรมพิมพ์งาน เช่น Word, Google Doc
         2. ภาพประกอบ E-Book

นักรบแชร์
นักรบเคยทำ E-Book อยู่ครั้งหนึงแต่ผลลัพธ์ไม่ดีมากพอ อาจเป็นเพราะเราไม่สะดวกในการขายอะไรยาวๆ ดูมันใช้เวลามากเกินไป ไม่คุ้มการทำ จึงเน้นทำวีดีโอคอร์สที่สั้น กระชับ เห็นภาพการทำงานทันทีดีกว่าครับ เป็นการแชร์ประสบการณ์ส่วนตัว แต่ละคนอาจไม่เหมือนกันครับ

ทำไมต้องเป็น Audio CD
         1. Audio CD ราคาไม่แพง ลูกค้าซื้อได้ง่าย ถ้าลูกค้าชอบ จะซื้อสินค้าที่แพงขึ้นและมีเนื้อหาเข้มข้นขึ้นไปอีก
         2. Audio CD ฟังได้แม้เดินทางบนรถ ซึ่งสินค้าแบบอื่นมักจะทำไม่ได้
         3. การอัดเสียงใน Audio CD จะฝึกทักษะการพูดได้ดี และต่อยอดสู่การพูดใน Video DVD หรือ คอร์สออนไลน์ได้
         4. การอัดเสียงใน Audio CD จะต่อยอดการเป็น วิทยากร และการจัดสัมมนาได้ เพราะได้ฝึกการพูดไปในตัวแล้ว
         5. Audio CD เป็นสินค้า ที่สามารถฝากขายผ่านตัวแทนได้
ข้อเด่นชัด : Audio CD มีผลต่อทักษะการจัดสัมมนา และวิทยากรโดยตรง ช่วยต่อยอดทักษะการพูดได้ดีเยี่ยม
ตัวอย่าง ราคา : Audio CD จะอยู่ในช่วง 100-500 บาท

เส้นทางที่ 2 : ขายสินค้าราคาปานกลาง ให้ประโยชน์และละเอียดมากขึ้น
สินค้าราคาปานกลาง ที่ให้ประโยชน์ ช่วยให้เห็นภาพและขั้นตอนได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น มักจะเป็น Video DVD หรือ คอร์สออนไลน์ โดยสินค้าชนิดนี้ จะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่ายขึ้น และประหยัดเวลาเรียนรู้ได้มากยิ่งขึ้น  สินค้าประเภทนี้ มักจะเป็น Video DVD หรือ คอร์สออนไลน์ (Online Courses) สอนวิธีการ (How To)

ทำไมต้องเป็น Video DVD หรือ คอร์สออนไลน์
วีดีโอจะทำให้ผู้เรียนเห็นภาพ และขั้นตอนการทำได้เข้าใจง่ายกว่า การอ่านและการฟังเพียงอย่างเดียว ผู้เรียนประหยัดเวลาเรียนรู้ได้เร็วกว่าเดิมมาก และได้รับประสบการณ์การเรียนแบบเห็นหน้า และฟังเสียงจากผู้สอน เพิ่มความสะดวกและเป็นมิตรระหว่างผู้เรียนและผู้สอนได้ดียิ่งขึ้น ข้อดีของ Video DVD หรือ คอร์สออนไลน์
         1. ผู้เรียนเห็นขั้นตอนชัดเจน รวดเร็วผ่าน ภาพ เสียง และท่าทางผู้สอน
         2. ผู้เรียนสามารถชมวีดีโอทีไหน ก็ได้ ผ่านคอร์สออนไลน์
         3. การทำ Video จะต่อยอดสู่การจัดสัมมนาได้ เพราะจะเป็นการฝึกพูดและแสดงท่าทางไปในตัวของ Infopreneur
         4. Video DVD หรือ คอร์สออนไลน์ จะมีราคาที่สูงกว่า E-Book และ Audio CD เพราะมีขั้นตอนจัดทำและใช้ทักษะที่เพิ่มเข้ามาเช่น การแสดงท่าทางหรืออัดภาพเคลื่อนไหวประกอบ รวมทั้งลิขสิทธิ์ต่างๆที่ปรากฏบนวีดีโอ
         5. Video DVD หรือ คอร์สออนไลน์ ฝากขายผ่านตัวแทนได้
         6. Video DVD หรือ คอร์สออนไลน์ เป็นสินค้าแบบ กึ่ง Passive Income
ข้อเด่นชัด คือ การทำ Video DVD และ คอร์สออนไลน์  จะฝึกทักษะการพูด และแสดงท่าทาง เพื่อต่อยอดสู่การเป็นวิทยากรและจัดสัมมนาได้ ตัวอย่างราคา :  Video DVD หรือ คอร์สออนไลน์  จะอยู่ในช่วง 500-3,000 บาท Tips :  จุดเด่นสูงสุดข้อหนึงของ Infopreneur คือ สินค้าความรู้ แบบ E-Book, Audio CD, Video DVD และ คอร์สออนไลน์ จะเป็นแบบกึ่ง Passive Income ทำจบขายได้ซ้ำ และมีเวลาเหลือในการสร้างสินค้าต่อ ราคาจะไม่สูงมาก แต่จะทำให้มีเวลาและชีวิตที่ออกแบบได้ แบบ Infopreneur

เส้นทางที่ 3 : สัมมนา, มิตติ้งกลุ่มย่อย, ที่ปรึกษา และโค้ชชิ่ง ให้ประโยชน์และละเอียดสูงสุด
ลูกค้าสามารถสอบถาม และพูดคุยกับผู้สอนได้โดยตรง อีกทั้งได้ Connection ใหม่ๆจากผู้เรียน ได้ทันที ซึ่งเป็นข้อเด่นของงานประเภทนี้ สินค้าประเภทนี้ คือ : สัมมนา, มิตติ้งกลุ่มย่อยๆ , ออกค่าย, โค้ชชิ่ง

ทำไมต้องเป็น สัมมนา, มิตติ้งกลุ่มย่อยๆ , ออกค่าย, โค้ชชิ่ง
การจัดงานเป็นการแบ่งปัน และถ่ายทอดความรู้แบบคลาสเรียน ที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี และมักจะจัดในสถานที่ที่สะดวกสบายต่อการสอน และการพบปะระหว่างผู้เรียนและผู้สอน  ซึ่งเป็นก้าวถัดมาของผู้เรียนที่ต้องการได้เจอตัวผู้สอน และสอบถามโดยตรงมากยิ่งขึ้น ถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้

ข้อดี สัมมนา, มิตติ้งกลุ่มย่อยๆ , ออกค่าย, โค้ชชิ่ง
         1. ผู้เรียนจะได้สอบถามปัญหาที่ต้องการ และเรียนรู้กับผู้สอนได้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นข้อดีที่เด่นชัดที่สุดข้อหนึง
         2. ผู้เรียนจะได้ Connection ใหม่ภายในงาน
         3. ผู้สอนสามารถสร้าง Personal Brand ทั้งภาพภายในงานและวีดีโอเพื่อจัดทำการตลาดต่อไป
         4. ผู้สอนสามารถสร้าง Connection ใหม่ๆ โดยการเชิญผู้สอนท่านๆอื่นร่วมงาน เพื่อแบ่งปันความรู้ได้อีกด้วย
         5. การจัดสัมมนาจะช่วยเสริมภาพลักษณ์และการสร้าง Brand ต่อยอดสู่การเขียนหนังสือ, ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ และสื่อต่างๆได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
ข้อเด่นชัดที่มีผล คือ จะช่วยสร้าง Personal Brand ที่เห็นชัดที่สุด ถึงความเป็นมืออาชีพและชื่อเสียง อีกทั้งรายได้จากการจัดต่อครั้งจะสูงอีกด้วย ตัวอย่างราคา :  ราคา 3,000 – 20,000 บาท

ปัญหาของธุรกิจการสอน
         1. สร้างเนื้อหาฟรี ใน Blog Website และ Fanpage น้อยเกินไป และไม่ทำสม่ำเสมอ ทำให้ขายสินค้าความรู้ได้ยาก
         2. ไม่พัฒนาตัวเองเพิ่ม ทำให้มีความรู้น้อยเกินไปที่จะขาย
         3. ไม่ฝึกการเขียน ทั้งใน Blog, E-Book และ Fanpage ทำให้ไม่มีหนังสือและ E-Book ขาย
         4. ไม่ฝึกการอัดเสียงลง Audio CD ทำให้ไม่มีสินค้าชนิดนี้
         5. ไม่ฝึกการอัด Video ทำให้ไม่มีสินค้าชนิดนี้
         6. ไม่ฝึกการทำเว็บไซต์ และการตลาดออนไลน์ ทำให้ไม่มีช่องทางการขาย
Tips : ทุกอาชีพมีปัญหา และการแก้ไขปัญหาธุรกิจนี้  คือ การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการให้และแบ่งปันความรู้ คุณต้องเริ่มต้นด้วยการให้ความรู้ผู้คนก่อน แล้วจึงค่อยเปลี่ยนความรู้นั้น ที่ละเอียดและมีคุณประโยชน์มากขึ้นเป็นสินค้าเพื่อขายในภายหลัง

ประโยชน์ของ Digital Products
Digital Products คือ สินค้าดิจิทัลที่อยู่ในรูป Audio,Video หรือคอร์สออนไลน์
         1. สินค้าความรู้แบบกึ่ง Passive Income จะทำที่ไหน และเวลาใดก็ได้
         2. E-Book, หนังสือเล่ม, Audio CD, Video DVD และ คอร์สออนไลน์ เป็นสินค้าแบบกึ่ง Passive Income ทำเสร็จขายซ้ำได้ มีเวลาเหลือสร้างสินค้าใหม่ เพิ่มรายได้มากขึ้น
Tips : สินค้าความรู้ (Info Products) ของธุรกิจการสอน ไม่ต้องมีมากหมายหลายร้อยชิ้น คุณอาจมีเพียง E-Book, Audio CD, Video DVD / คอร์สออนไลน์ และ จัดงาน ก็เพียงพอต่อการทำธุรกิจการสอนแบบ Infopreneur แล้วครับ

สรุป
นี้เป็นการสรุปเกี่ยวกับอาชีพธุรกิจการสอนออนไลน์ Infopreneur และจากประสบการณ์ที่นักรบทำธุรกิจการสอน SEO ออนไลน์มา ก็พอจะเล่ามาได้ประมาณนี้ครับ หวังว่าอ่านแล้วจะได้ไอเดียกลับไปครับ
https://warrior.in.th/entrepreneur/infopreneur-income-way/

ออฟไลน์ wm5398

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 471
    • ดูรายละเอียด
เทคนิคการใช้ Keyword Finder Tool : kwfinder.com


นาทีที่ 0:01 – 3:45 วิดีโอจะเป็นการสาธิต การใช้งานเว็บไซต์ keyword finder tool เว็บไซต์ตัวนี้จะเป็นการค้นหาแบบ Long tail, การให้คะแนนวิเคราะห์เกี่ยวกับคู่แข่ง,ราคาการคลิก,เกี่ยวกับ Adwords และคะแนนความยากง่ายของ SEO ต้องขอเน้นตรงคำว่า “คะแนนความยากง่ายของ SEOของคำนั้นๆ” ซึ่งใน Google Adwords ไม่ได้บอกตรงนี้ จะบอกเพียงการแข่งขันคำโฆษณาของ Google Adwords วิธีการใช้งาน – เข้าไปเว็บไซต์ kwfinder.com(ที่ผมแนะนำเพราะเป็นเว็บไซต์ขั้นพื้นฐาน) – จากนั้น Log in user e-mail ของเราก่อน (เนื่องจากใช้งานฟรี จะมีข้อจำกัดเรื่อง พิมพ์ได้ 5 ครั้งต่อวัน และมีคำค้นหาเพียง 50 คำ แต่หากคุณชอบเว็บไซต์นี้ คุณสามารถซื้อใช้ได้) – จากนั้นพิมพ์คำที่ต้องการในช่องว่าง เลือกประเทศและภาษา จากนั้นกดคำว่า analyze ตัวอย่างที่ผมค้นหาคำว่า “ธุรกิจ” ซึ่งจะปรากฏคำที่เราค้นหาเยอะมาก จากการค้นหาจะขึ้นมาแค่ 50 ตัวเท่านั้น (หมายความว่า คุณต้องอัปเกรตแพ็คเก็ตของคุณ) คำว่า ธุรกิจ มีคนค้นหา 14,000 ครั้งต่อเดือน มี CPC (Cost per Click) คือราคาในการคลิก ซึ่งเวลาเราทำจริง ราคาต่อ $1 มันน้อยมาก มันจะขึ้นอยู่กับการทำโฆษณา Google Adwords มากกว่า แต่คนที่ทำ SEO ผมอยากให้โฟกัสไปที่ การ Search volume(การค้นหาต่อเดือนและกี่ครั้ง) และโปรแกรมนี้ที่เพิ่มเข้ามาคือ คะแนนความยากง่ายของ SEOของคำนั้นๆเวลาที่เราจะทำอันดับนั้นเอง ถ้าตัวเลขเยอะแปลว่า มีความยากในการไต่อันดับ เราทำอันดับขึ้นได้แต่เพียงต้องใช้เวลา แต่ถ้าตัวเลขน้อย เราจะทำการไต่อันดับได้เร็ว เช่น ถ้าเปรียบเทียบคำว่า ธุรกิจร้านกาแฟคะแนน SEO มี 5 คะแนน ซึ่งมีจำนวนน้อย เราสามารถไต่อันดับได้เร็ว หากเปรียบกับคำว่า ธุรกิจ มันมีความหมายกว้าง คะแนน SEO มี 22 คะแนน คุณต้องใช้เวลาในการไต่อันดับ แต่ไม่ได้แปลว่า คำที่ยากจะทำไม่ได้ เพียงแต่ใช้เวลานานขึ้นและต้องใช้ความรู้แบบ SEO ในเชิงลึกมากกว่า

นาทีที่ 3:46 – 5:32 สำหรับเบื้องต้น คนที่มีพื้นฐาน SEO และเว็บไซต์ เราสามารถเอา keyword มาวิเคราะห์และนำทางว่า เราจะใช้ keyword ตัวไหนก่อน เมื่อค้นหา keyword ได้แล้ว จะมีการแสดง 10 อันดับแรกใน Google ให้ด้วย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Google SERP แต่หากอยากดูอันดับเพิ่มให้คลิกคำว่า More โดยตัวที่อยากให้ดู คือการที่โปรแกรมนี้เก็บข้อมูลของเว็บไซต์ทั่วโลก นำมาวิเคราะห์และประมวลผลตรง Rank สิ่งที่แสดงคือ เว็บไซต์ตัวไหนที่มีคะแนน Rank สูง แสดงว่า ทำมานานและมีความเชี่ยวชาญทางด้านการทำการตลาด SEO แต่ไม่หมายความว่า Rank สูงจะขึ้นเป็นอันดับต้นๆ เพราะ การทำการตลาด SEO มีหลายปัจจัย อีกอย่างเว็บไซต์นี้ไม่สามารถประเมินได้อย่างครบถ้วน อย่างเช่น ปัจจัยที่ผู้ใช้อ่านเว็บไซต์นานแค่ไหน โปรแกรมนี้ส่วนใหญ่ประมวลผลข้อมูลแค่บางส่วนอย่างเช่น blacklink หรือจำนวน traffic

นาทีที่ 5:33 – 7:35 เราสามารถลองหา Keyword แบบง่ายๆ ผมยกตัวอย่าง เช่นคำว่า “ทำธุรกิจอะไรดี” มีคะแนน SEO แค่ 1 เท่านั้น หมายความว่า คู่แข่งน้อย ทำให้เรามีโอกาสไต่อันดับขึ้นมาอยู่หน้าแรกได้ง่ายๆ โดยคะแนนพวกนี้เป็นการนำทาง เพื่อให้เราเห็นภาพเท่านั้น ไม่สามารถยืนยันได้ 100% ขึ้นอยู่กับการอัพเดตของเว็บไซต์นี้ด้วย แต่จากที่ดูคราวๆและผลการค้นหา ถ้าเราใช้ Keyword คำว่า “ทำธุรกิจอะไรดี” เราก็สามารถไต่อันดับขึ้นมาอันดับได้เช่นกัน แต่สิ่งสำคัญ คนที่ทำ SEO ช่วงแรกๆ เค้าไม่รู้ว่าจะเริ่มใช้ Keywordอะไรก่อนดี แต่เมื่อมีโปรแกรมนี้ช่วยนำทาง เค้าสามารถรู้ได้ว่า จะใช้ keyword อะไรเพื่อไต่อันดับเว็บไซต์ ส่วนคนที่รู้เรื่องการใช้การทำการตลาดแบบ SEO อย่างชำนาญแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้ด้านนี้ก็ได้ เพราะ เค้าจะทำหมดเรยทุก Keyword สำหรับคนที่มีเวลาน้อยหรือเพิ่งเริ่มต้น อยากจะค้นหา keyword โปรแกรมนี้สามารถช่วยคุณได้ ซึ่งเป็นจุดเด่นของโปรแกรมนี้

นาทีที่ 8:00 – 8:40 นอกเหนือจากนี้ ยังมี PR (page rank) ซึ่งมีการอัพเดตช้า และ social media พวก Facebook, IG, TW, G+ และประมวลผลมาเป็น Rank หากอยากดูข้อมูลมากกว่านี้ ก็ต้องซื้อโปรแกรมนี้ นี้คือตัวอย่างเว็บไซต์ Kwfinder.com เป็นเว็บไซต์การวิเคราะห์ keyword นั้นเองว่ามันยากง่ายหรือไม่ 
https://warrior.in.th/freelance-seo/job/keywords/how-to-use-keywords-finder-tool/

ออฟไลน์ wm5398

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 471
    • ดูรายละเอียด
ฟรีแลนซ์ ซื้อรถในนามบริษัทดีอย่างไร ?


ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า Digital Marketing Freelance เป็นอาชีพที่ไม่มั่นคงในสายตาของธนาคาร ฉะนั้นการขอสินเชื่อจะทำได้ยากกว่า ถ้ามีรายได้ 30k ต่อเดือน อาจโดนธนาคารตีรายได้แค่ 40% ของสามหมื่นแทน อีกทั่งการซื้อรถในนามบุคคลธรรมดาไม่ได้ช่วยเรื่องประหยัดภาษีเลย

จริงๆแล้วเป็นเรื่องดี ที่ธนาคารตีรายได้ของฟรีแลนซ์ต่ำกว่ายอดรับจริง เพราะมันจะช่วยทำให้เราผลักดันตัวเองให้มี Statement ที่ดีขึ้นในอนาคต และไม่สร้างหนี้เร็วเกินไป

วิธีนำมาเป็นค่าใช้จ่าย คือ ต้องจดบริษัทและซื้อรถในนามบริษัทแทน จึงนำค่าบำรุงรักษารถ ค่าน้ำมัน ค่าเสื่อมราคา มาเป็นค่าใช้จ่ายบริษัทแทนได้ แต่นักรบไม่แนะนำให้ฟรีแลนซ์จดบริษัทเร็วเกินไป เพราะจะมีเนื้องานด้านเอกสารและค่าปิดบัญชีเพิ่มอีกประมาณ 15-20k/ปี (ฟรีแลนซ์ควรมองเรื่องการจดบริษัทหลังจากมีรายได้เกิน 800k/ปี)

ค่าเสื่อมราคารถได้ 200k/ปี และค่าบำรุงรักษา ค่าน้ำมันมาเป็นค่าใช้จ่ายบริษัทฟรีแลนซ์ได้หมด ซึ่งเป็นข้อดีมากๆ ทำให้เราประหยัดภาษีได้อีกด้วย

มีอีกวิธีหนึงที่อ่านมา แต่ยังไม่มีประสบการณ์คือ ในกรณีที่ไม่ได้ซื้อรถในนามบริษัทแล้วอยากเอาค่าน้ำมันมาเป็นค่าใช้จ่ายบริษัท ต้องทำเรื่องให้บริษัทยืมรถใช้งานอีก ซึ่งค่อนข้างยุ่งยากหน่อย หากใครสนใจหาข้อมูลเพิ่มเติมดูครับ

แชร์ประสบการณ์ฟรีแลนซ์ด้านการเงิน โดยนักรบ
ฟรีแลนซ์รับทำ SEO
https://warrior.in.th/freelance-seo/income/freelance-buy-car/

ออฟไลน์ wm5398

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 471
    • ดูรายละเอียด
ข้อคิดตกผลึกชีวิตฟรีแลนซ์ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน


อัตลักษณ์แบบนักรบ อธิบายถึงวิธิคิด สิ่งแวดล้อม ทั้งการงาน การเงิน ต้นทุนชีวิต ทักษะอาชีพและเป้าหมายต่างๆ เพื่อให้ผู้ที่จะเรียนรู้เข้าใจและนำไปปรับใช้กับตัวผู้เรียนได้

ต้นทุนชีวิตไม่ได้ร่ำรวย เป็นลูกคนที่ 2 ที่เกิดในครอบครัวยากจน พ่อแม่ทำงานก่อสร้างตั้งแต่ยังเด็ก แต่ส่งเสียให้เรียนจบปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ได้ ฉะนั้นสิ่งที่เป็นต้นทุนเพียงอย่างเดียว คือ ความรู้ความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ ที่ใช้ต่อยอดอาชีพและธุรกิจในปัจจุบัน

สิ่งที่ตกผลึกจากที่ผ่านมา หลอมรวมเป็นอัตลักษณ์
         - เวลา คือ ต้นทุนวัตถุดิบแลกเงินตรา ในโลกของ Freelance ค่าจ้างเวลาทำงาน Man-hour ของแต่ละคนไม่ได้เท่ากัน คิดอยู่เสมอว่า จะเพิ่มราคาจ้างต่อชั่วโมงได้อย่างไร คำตอบ คือ ต้องเก่งและเป็นที่รู้จักในสายที่ตลาดต้องการ
ความล้มเหลวในการแข่งขันต่างๆ ในช่วงวัยเรียนย่ำเตือนได้ดี ว่าต้องมุ่งมั่นทำจริงถึงจะไม่เสียดายเวลาในอดีตที่ล้มเหลว ปัจจุบันยังระลึกถึงเพื่อปรับใช้กับการทำงาน
         - หนังสือพัฒนาความคิดและการพูด ช่วงเริ่มต้นสร้างตัว อ่านหนังสือพัฒนาตัวเองทุกวัน โดยเฉพาะจิตวิทยาเพื่อความสำเร็จ นิสัยรักการอ่านช่วยเรื่องการทำการตลาดได้มาก เพราะจะสามารถสื่อสารที่มัดใจลูกค้าได้ง่ายขึ้น อีกท้งยังใช้เป็นทักษะการพูดในตอนเป็นวิทยากรการตลาด SEO ได้อีกด้วย
         - พี่เลี้ยงดี พัฒนาไว ได้หัวหน้างานดี สอนให้เราเก่งได้ไว
         - คิดเพื่อแข่งขันกับคู่แข่งที่เก่ง รางวัลมีสำหรับคนเก่งที่อยู่บนยอดพีระมิดเสมอๆ ทุกการทำงานจะจินตนาการถึงคู่ต่อสู้ที่เก่งในสายงาน
         - ค้นหาจุดเด่น เพื่อสร้างจุดยืนในใจลูกค้า เมื่อทะเลการแข่งขันแดงเดือด การสร้างจุดแตกต่างด้วยจุดเด่นที่มีตลาดรองรับเป็นเรื่องที่ต้องทำในเวลาที่หมาะสม
         - คนเก่งเจอกัน จะชนะกันที่ความแข็งแรงของทีม ต่อให้เก่งแค่ไหน ก็มี 2 มือและ 24 ชม. เหมือนกัน ถ้าฝีมือเฉือนกันไม่มาก จะชนะกันที่ความเก่งของคนในทีมแทน
         - เปลี่ยนคู่แข่งเป็นมิตร เป็นคู่แข่งกับทุกคนมันเหนื่อย ควรสร้างมิตรบ้างเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ สุดท้ายเรา คือมนุษย์ที่ควรช่วยเหลือกันในสังคมอยู่ดี
         - ความสำเร็จไม่เพียงพอ คนไม่ฟัง ในการเขียน Blog ถ้าไม่มีผลงานรองรับ แล้วเปอร์เซ็นต์ที่คนจะเชื่อจะลดต่ำลง ฉะนั้นเลย จึงต้องสร้างผลงานด้วย เช่น เก็บเงินจากการรับทำเว็บไซต์ด้วย WordPress, สร้างยอดขายหลัก 1.2 ล้าน/ปีด้วยอาชีพ SEO Freelance, ทำเว็บขายของออนไลน์ส่งเสริมยอดขาย 15 ล้าน/ปี, สร้าง Small SEO Agency ยอดขาย 2 ล้าน/ปี แบบนี้ถึงจะมีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าได้ผลจริง
         - เห็นแก่เงิน อาจเดินทางผิด ถ้าเห็นแต่เงินอย่างเดียว อาจผันตัวไปทำ SEO & Digital Marketing ให้ธุรกิจพนันได้ เพราะวงการณ์นี้เงินหมุนเวียนเยอะ แต่ผิดกฎหมาย ทำลายชีวิตคนอื่น ฉะนั้นจึงไม่สอนและสนับสนุนการทำเอสอีโอให้ธุรกิจการพนันทุกชนิด
         - รักษาระดับผลงาน รักษาความเป็นมืออาชีพ เมื่อถึงจุดจุดหนึงจะพบว่าการรักษาระดับผลงานแบบมืออาชีพ จะสร้างความมั่นคงให้อาชีพนี้ได้ และควรระวังเรื่อง Comfort zone ที่เหนี่ยวรั้งหยุดเราพัฒนา
         - มีเป้าหมายเพื่อพัฒนา เพื่อประสบความสำเร็จระดับหนึง การมีเป้าหมายต่อไป จะช่วยกระตุ้นตัวเองได้ดี

สิ่งต่างๆเหล่านี้เขียนไว้เพื่อเป็นแรงบรรดาลใจ เอาไปปรับใช้กับผู้เรียนที่จะศึกษาการพัฒนาตัวเองครับ วู้ๆ!!!
https://warrior.in.th/warrior-life/identity/

ออฟไลน์ wm5398

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 471
    • ดูรายละเอียด
วิธีค้นหา Niche Keyword & Long Tail Keyword


วิธีค้นหา และวางแผน Keyword แบบ Niche และ Long Tail Keyword ที่เฉพาะเจ
นาทีที่ 0 – 2.04 การใช้โปรแกรม Keyword tool ที่ช่วยในการค้นหา keyword การเริ่มต้นสำหรับใครที่ทำธุรกิจออนไลน์ โดยอยู่บนพื้นฐานของเว็บไซต์และเรียกคนจากโลกออนไลน์ ผมแนะนำว่าต้องเริ่มที่ keyword ก่อนเพราะเราจะได้รู้ว่าคนในโลกออนไลน์เขาค้นหาอะไรกัน มาโยงใยเกี่ยวกับในเนื้อหาเว็บไซต์หรือคลิปวิดีโอของท่าน เพื่อดึง traffic จากคนหรือจากโลกออนไลน์ ซึ่ง search engine เข้ามา นี้คือเส้นทางที่คนทั่วโลกทำกันแบบนี้ การเริ่มต้นสำหรับคนที่ใช้เครื่องมือ Google Adwords แล้ว ก็สามารถใช้ได้ อีกตัวหนึ่งที่ผมจะแนะนำคือ Keyword tool ไปที่ Google >> search คำว่า “Keyword tool” ในอินเตอร์เน็ตมีเกี่ยวกับ Keyword tool เยอะมาก แต่จะรองรับภาษาไทยได้แค่ไม่กี่ตัว หาก search ไปประมาณ 10 ตัว ผมตัดออกไปได้ 8-9 ตัว เหลืออยู่แค่ 1-2 ตัวเท่านั้น โดยตัวที่ผมแนะนำคือ  Keyword tool.io คลิกเข้าไปดูได้

วิธีค้นหา และวางแผน Keyword แบบ Niche และ Long Tail Keyword ที่เฉพาะ

วิธีการใช้ ง่ายมากๆเพราะมันจะเช็คว่าเราอยู่ประเทศอะไร แล้วใส่ Keyword ของเราเข้าไป โดยตัวอย่างของผม ผมจะใส่ Keyword คำว่า ธุรกิจ โดย Keyword tool มันใช้วิเคราะห์ Keyword แบบ Niche (ระบุความเฉพาะเจาะจง) เข้าไป ลองเข้าไปดูโดยพิมพ์ keyword ใน google โดยพิมพ์คำว่า ธุรกิจ มันจะมีคำ guideline ของ google เข้ามาประมาณ 4 แถวคำเหล่านี้เราจะเรียกว่า “long-tell-keyword หรือว่า niche keyword ”ก็ได้ เป็นการ search คำที่เฉพาะเจาะจงเข้าไปอีก โดย google จะนำทางให้เราว่า เราสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ใช่ไหม หรือว่าคำที่คุณกำลังค้นหาอยู่   นาทีที่ 2.05 – 4.05 ซึ่งน้อยมากอาจจะมีแค่ 4 แถว ส่วนข้างล่างอาจจะมีนิดหน่อยที่โผล่มาเป็น Limited Keyword ซึ่งมีน้อยเกินไป เวลาที่เราใช้เพื่อดึง traffic จากโลกออนไลน์ เราต้องรู้ Keyword มากกว่านี้ ซึ่งฝรั่งเค้าจัดทำโปรแกรมนี้ขึ้นมา โดยหนึ่งในนั้นเขาจะเรียกว่า “Keyword tool” เทคนิคง่ายๆ เราใส่ Keyword ของเราเข้าไปก่อน มันจะ generate long-tell-keyword มาให้เรา อย่างโปรแกรมตัวนี้ ผมพิมพ์ keyword คำว่า “ธุรกิจส่วนตัว” มันมาประมาณ 151 unique keywordsสังเกตดูคือ วิธีการง่ายๆ มันจะเอา keyword ของเรา ตามด้วยพยัญชนะภาษาไทยแล้วก็ไล่อักขระไปเรื่อยๆ เพื่อหา keyword ที่มีคนค้นหา เราก็จะได้ไอเดียของการค้นหาคำมากขึ้น

เปรียบเทียบโปรแกรม Keyword Tool กับ Google Adwords ดังตัวอย่าง โปรแกรม keyword tool เน้นการค้นหาแบบ niche เรียบเรียงตามพยัญชนะและอักขระ :

วิธีค้นหา และวางแผน Keyword แบบ Niche และ Long Tail Keyword ที่เฉพาะ

โปรแกรม Google Adwords เน้นกลุ่มคำที่เกี่ยวข้องมากกว่า ไม่ใช่เป็นคำแบบ Niche keyword

วิธีค้นหา และวางแผน Keyword แบบ Niche และ Long Tail Keyword ที่เฉพาะ

คำถามคือ ทำไมเราต้องรู้เรื่อง Niche Keyword เพราะในต่างประเทศมีการแข่งขันทางด้าน Google SEO แบบเข้มข้นมาก บางธุรกิจที่ต้องการมีจุดยืน เขาเลือกแนวคิดอีกอย่างคือ ระบุ Keyword ที่เป็นเฉพาะเจาะจงให้เข้ากับธุรกิจที่เป็นแบบเฉพาะเจาะจงของเขามากขึ้น โดยใช้คำค้นหาที่ยาวมากขึ้น เป็น Niche keyword หรือ Long-tell-keyword แบบนั้นแทน เพื่อที่จะสร้าง traffic จากคำพวกนี้เพิ่มมาอีกช่องทางหนึ่ง   นาทีที่ 4.06 – 5.23 หลังจากที่เราได้คำเรียบร้อยแล้ว ใน keyword tool เราจะนำ keyword พวกนี้ไปใช้ต่อ เนื่องจากโปรแกรมจะไม่ได้จำนวนของการค้นหาว่ามีเท่าไร เราจะต้องเสียเงิน แต่ถ้าเราไม่อยากเสียเงิน เราก็ทำการเลือก keyword ทั้งหมด และ copy เท่านั้นเอง และไปที่เครื่องมือคำหลัก(Google Adwords) นำไปวาง ซึ่งเครื่องมือคำหลักจะทดสอบได้ครั้งละ 200 keyword จากที่ค้นหาเรียบร้อยแล้ว เราจะได้การค้นหาแบบรายเดือนต่างๆ ซึ่งจะเป็นไอเดียในการสร้างเว็บไซต์,บทความและวิดีโอต่างๆ เพื่อเรียก traffic บนโลกออนไลน์ผ่าน Search Engine ได้อย่างดีเรย เราจะได้ไปต้องคิดเองว่าคำไหนคนค้นหา สังเกตว่าข้อมูลเฉลี่ยเรียบร้อยแล้ว เป็นที่น่าสนใจ มีข้อมูลที่ให้มีเป็นหลักร้อยคำ เวลาที่ผมใส่ keyword คำว่า “ธุรกิจส่วนตัว” ซึ่งมีคน search 22,000 ครั้งต่อเดือน ซึ่งมันจะ Generate มาให้เพิ่มขึ้น 100 กว่าคำ มีความรวดเร็วมาก เป็นไอเดียในการสร้างเนื้อหาเว็บไซต์ บทความ และเป็นทำการตลาดทางด้าน Google SEO ต่อไป นาทีที่ 5.24 – 8.03 ตัวอย่าง ในเมืองไทย เราไม่สามารถในใช้ Niche keyword ได้เสมอไป ธุรกิจออนไลน์ยังมีอีกหลายเว็บไซต์ที่ใช้การทำการตลาดแบบ SEO อย่างไม่เต็มที่ ฉะนั้น Keyword บางคำ หากเราประเมินคู่แข่งว่า เขายังไม่เก่ง SEO เต็มที่ เราก็สามารถใช้ Mass Keyword ได้ ตัวอย่างเช่น คำว่า “ธุรกิจส่วนตัว” จะมีคน search ประมาณ 22,000 ครั้ง/เดือน ซึ่งไม่ใช่ Niche keyword แต่ค่อนข้างเป็น Mass Keyword คู่แข่งค่อนข้างเยอะและก็เก่ง แต่ถ้าเรารู้หลัก SEO จะทำให้เราไต่อันดับได้ง่ายและก็ดีมากขึ้น 

วิธีค้นหา และวางแผน Keyword แบบ Niche และ Long Tail Keyword ที่เฉพาะ

เรากดใช้ รูปโลกในการค้นหาที่เป็นกลาง สังเกตอันดับเว็บไซต์ของผมจะอยู่ในหน้าสอง ภายใน 3-4 เดือน อยู่หน้าแรกภายในเวลา 6-7 เดือน โดยเว็บไซต์พึ่งสร้างขึ้นไม่นานราว 7-8 เดือน และค่อยๆไต่อันดับมา เมื่อเข้าเว็บไซต์มีคนเข้ามาดูประมาณ 4,000กว่าวิว แต่ด้าน Social Media จะมีคนวิวค่อนข้างน้อย เพราะมีการรีเซ็ทข้อมูลใหม่ และเปลี่ยนแปลง domain ใหม่ทำให้มีผลทางด้าน Social Media ทำให้วิวหายไป เพื่อทดสอบ SEO แต่พอติดอันดับแล้ว ก็จะมีคนเข้ามาเว็บไซต์ของเราเป็นหลักพันคนและมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงเฉียด 10,000 คนได้เลย นี้คือตัวอย่างของการใช้ Keyword tool เป็นการหา Niche keyword หรือ Long-tell-keyword เป็นหา Keyword ที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น เพื่อเป็นไอเดียในการสร้างเนื้อหาบทความและวิดีโอ สร้าง Content Marketing ในการดึง traffic จากโลกอินเตอร์เน็ต และใช้ควบคู่กับเครื่องคำหลัก(Google Adwords) เพราะ Google Adwords ไม่ได้บอกทุกอย่าง สำหรับผู้ที่สนใจโปรแกรม Keyword tool สามารถซึ้อแพคเกจกับทางเว็บไซต์ ผมมีรายละเอียดไว้ให้แล้ว
https://warrior.in.th/freelance-seo/job/keywords/how-to-find-niche-n-longtail-keywords/

ออฟไลน์ wm5398

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 471
    • ดูรายละเอียด
Startup เริ่มต้นให้ดี วางแผนการเงินให้เป็น


การเริ่มต้นเรียนรู้แนวเบสิคการทำบัญชีของ Startup เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ประกอบการไม่ควร “พลาด” เพราะหากกิจการที่เราทำนั้นเป็นกิจการที่ดีมีอนาคตสดใส แต่เรากลับมาพลาดกับเรื่องที่ไม่ควรจะพลาดอย่างการวางแผนการเงิน และการทำบัญชี… คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสุดๆ เลยทีเดียวครับ เรามาดูกันดีกว่าว่า Startup เริ่มต้นให้ดี วางแผนการเงินให้เป็นต้องทำอย่างไรกันบ้าง

ประการแรก… วางแผนสภาพคล่องของธุรกิจ
ธุรกิจดีๆ หลายธุรกิจอาจถึงขั้นล้มละลายได้ถ้าขาดสภาพคล่อง สภาพคล่องคือ การบริหารรายจ่ายให้สัมพันธ์กับรายรับของบริษัท ยกตัวอย่างเช่น หากบริษัทเรามีรายจ่ายประจำเดือนๆ ละ 1 ล้านบาท ถ้าเรามีรายรับในรอบเดือน 1 ล้านเท่ากับรายจ่าย แบบนี้ถือว่าเราเริ่มตึงมือแล้วครับ เมื่อไรสภาพคล่องเราต่ำกว่า 1 เท่านั่นเป็นสัญญาณอันตรายของธุรกิจ กิจการที่ดีควรมีสภาพคล่องสูงกว่า 1 เท่าขึ้นไปจึงจะดี และปลอดภัย

ประการที่สอง… วางแผนกระแสเงินสดของกิจการ
กิจการที่ดีควรมีกระแสเงินสดไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง กระแสเงินสดก็คือ การนำรายรับไปหักออกจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน กระแสเงินสดที่ดีควรสูงกว่ากำไรสุทธิที่บริษัททำได้ ยิ่งมากยิ่งดี เพราะกว่าจะหักค่าใช้จ่ายจนกลายเป็นกำไรสุทธินั้น จะต้องหักภาษี และดอกเบี้ยจ่ายออกไปอีก… หากกระแสเงินสดดีอย่างต่อเนื่อง แถมเติบโตขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือสัญญาณที่ดีในการทำกิจการ ในทางกลับกันหากกระแสเงินสดของกิจการลดลง และไม่เติบโต นั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดี แต่มีข้อยกเว้นในกรณีที่กิจการกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และต้องลงทุนอย่างต่อเนื่อง กระแสเงินสดของกิจการอาจจะติดลบได้ แต่ควรเป็นสภาวะชั่วคราว และควรจะดีขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตนะครับ

ประการที่สาม… เรียนรู้งบดุล
งบดุลถือเป็นตัววัดสุขภาพทางการเงินของบริษัท งบดุลประกอบด้วย สินทรัพย์ หนี้สิน และทุน เมื่อเรานำสินทรัพย์มาหักลบกับหนี้สิน ส่วนที่เหลือคือทุน หรือที่เราจะเรียกว่าเป็นส่วนของเจ้าของนั่นเองครับ บริษัทที่ดีควรมีงบดุลที่แข็งแรง มีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน และมีส่วนของเจ้าของ หรือทุนที่สะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั่นเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการทำงบดุลของกิจการ ในทางกลับกันหากงบดุลไม่ดี ส่วนของทุนจะลดลงเรื่อยๆ จนถึงขึ้น “กินทุน” ถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดีของการทำธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ Startup อย่าลืมตรวจสอบ และเรียนรู้งบดุลเพื่อสุขภาพทางกาเงินที่ดีของกิจการของเราด้วยนะครับ

ประการที่สี่… ตรวจติดตามงบกำไร-ขาดทุน
งบกำไร-ขาดทุน ถือเป็นงบการเงินทางบัญชีที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะกิจการที่ดีควรทำแล้วมีกำไร แม้ในระยะแรกของกิจการที่อาจต้องลงทุนสูงๆ จะทำให้ขาดทุนไปบ้าง แต่เจ้าของธุรกิจควรมีแผนการที่ชัดเจนที่จะทำให้บริษัทพลิกกลับมากำไรในระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้ การตรวจติดตามผลการดำเนินงานเราสามารถติดตามได้จาก งบกำไร-ขาดทุน ของกิจการของเราครับ หากกิจการของเรามีแนวโน้มที่จะกำไร และเป็นกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน นั่นเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นว่า… กิจการของเรากำลังดีขึ้น เราเดินมาถูกทาง

ประการสุดท้าย… ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน การบัญชี
แน่นอนที่สุดว่าไม่มีใครเก่งไปเสียหมดทุกเรื่อง เรื่องการทำธุรกิจนั้นเจ้าของกิจการต้องเก่งที่สุด แต่ถ้าเป็นเรื่องของการเงิน การบัญชี เราอาจไม่ได้เก่งที่สุด ดังนั้นเราควรมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน การบัญชี ที่จะมาช่วยเรา ช่วยกิจการของเราให้ราบรื่น เพราะตัวเราเองนั้นไม่สามารถทำทุกอย่างได้หมด การที่เรามองหามืออาชีพมาช่วยงาน จะทำให้เราไม่ต้องกังวลกับเรื่องที่เราไม่ถนัด ปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญทำงานที่เราไม่ถนัด ทำให้เรามีเวลามาต่อยอดธุรกิจ Startup ของเราจะดีกว่าครับ อย่าลืมนะครับ… Startup เริ่มต้นให้ดี วางแผนการเงินให้เป็น อนาคตก้าวไกลอย่างแน่นอน  บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจาก www.krungsri.com
https://warrior.in.th/freelance-seo/startup-startup-financial-planning-is/

ออฟไลน์ wm5398

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 471
    • ดูรายละเอียด
ผลลัพธ์ SEO 50 Keyword ติดหน้า 1 ชนะ Lazada, Shopee ใน 10 เดือน


ผลลัพธ์ SEO ทำ SEO ให้เว็บขายของออนไลน์ เป้าหมายหลักคือ ทำอันดับให้แซง Lazada , Shopee และอยู่อันดับ 1-5 ในหน้าแรกกูเกิล ผลลัพธ์SEO

ผลลัพธ์และข้อมูลน่าสนใจ
      - ใช้เวลา 10 เดือน ทำ SEO 50 Keyword ติดหน้า 1
      - Keyword ทั้งหมดอยู่อันดับ 1-5
      - อันดับชนะ Lazada, Shopee เป็นส่วนใหญ่กว่า 70%     

ที่ทำได้เพราะนักรบพยายามควบคุมปัจจัยที่สำคัญเกี่ยวกับการทำ SEO 2 ข้อใหญ่ๆ คือ
       1. Content โดย นักรบมีทีมที่ทำ Content เองเพื่อให้แน่ใจว่าสู้คู่แข่งได้ สร้างทีมงานผลิตคอนเทนต์ พัฒนาฝีมือได้ด้วยการทำงานจริง หากยังไม่มีทีมให้ลองสร้างเตรียมไว้ครับ
        2. Technical SEO โดยนักรบดูแลส่วนนี้เป็นหลัก

รายละเอียดอื่นๆเกี่ยวกับการทำเว็บและคอนเทนต์ขายของออนไลน์ เขียนไว้แล้ว ขายของออนไลน์ ด้วย Website, SEO & Digital Marketing

การทำ SEO ต้องมองหลายด้านประกอบกัน และพยายามควบคุมปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำ SEO ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถทำได้

โดยนักรบจะฝึกทีมงานเพื่อทำ Content และ มี Web Programmer Support ด้าน Coding อีกด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถชนกับทีมงานคู่แข่งที่เก่งๆได้

ถึงแม้ว่ายังมีอีกหลายส่วนที่ต้องพัฒนาต่อ สำหรับผลลัพธ์ด้านการทำ SEO ณ ตอนนี้ ถือว่าโอเคเลย

ประวัตินักรบ
อดีตพนักงานประจำทำเว็บไซต์ ผันตัวมาทำธุรกิจค้าขายออนไลน์ (E-Commerce) และรับทำ Digital Marketing อ่านต่อ ประวัติวิทยากร SEO & Digital Marketing

อุดมการณ์นักรบ
นักรบมีวันนี้ได้ เพราะการพัฒนาตัวเองและมีครูบาอาจารย์สอนด้านการทำธุรกิจ และ Digital Marketing จึงมีความมุ่งมั่นที่จะสอนและแชร์ประสบการณ์ให้คนรุ่นหลังที่มีพื้นฐานคล้ายๆกัน ได้มีโอกาสของชีวิตที่มากขึ้นครับ รายได้จากการขายคอร์สจะกลับมาลงทุนเพื่อทดสอบเทคนิคใหม่ๆ  อัปเดตความรู้ให้ผู้เรียนเก่าผ่านวีดีโอคอร์สออนไลน์ฟรี
https://warrior.in.th/seo-goal/seo-result-50keywords/