5. Resolution – Aspect Ratio or Picture Size :: แปลว่า “สัดส่วนภาพ” เช่นหนัง Blu-ray เรื่อง AVATAR มีความละเอียดต้นฉบับที่ 1920 x 1080 พิกเซล เราจะทำอย่างไรให้ทีวีนั้นแสดงภาพ 1920 x 1080 พิกเซล ออกมาครบทุกเม็ดทุกหน่วย ไม่ขาดไปแม้แต่พิกเซลเดียว หรือถูกบิดเบือนขนาด และอัตราส่วนให้บิดเบี้ยว รวมถึงรายละเอียดขอบภาพไม่โดน Crop ตัดหายไป ซึ่งมีศัพท์ทางเทคนิคเรียกว่า 1:1 Pixel Matching โดยผมเองได้สรุปชื่อเรียกสัดส่วนภาพที่ถูกต้องของแต่ละแบรนด์มาให้แล้วดังต่อไปนี้
สัดส่วนภาพที่ “ถูกต้อง” 1:1 Pixel Matching (แนะนำเวลาดูหนัง หรือใช้งานเป็นมอนิเตอร์)
LG = Just Scan
Philips = Unscaled
Panasonic = 16:9 แล้วไปปิด Overscan เป็น Off
Samsung = Screen Fit
Sony = Full Pixel
Sharp = Dot by Dot
Toshiba = Native
ในขณะที่สัดส่วนภาพที่มีชื่อว่า “16:9” เหมือนจะเป็นชื่อที่ถูกต้อง ก็แหมสัดส่วนเดียวกับทีวี Widescreen 16:9 ของเราเลยหนิ แต่หารู้ไหมว่า “คดีพลิก” !!! ทำให้หลายท่านเข้าใจผิดไปยกใหญ่ เพราะโหมด 16:9 มักจะเป็นโหมดที่ “Crop ภาพ” ทั้งด้านบน, ด้านข้างและด้านล่างไปซัก 2.5%-5% ทำให้ขอบภาพในแต่ละด้าน “หายไปหน่อยนึง” เหตุผลที่แบรนด์ทีวีต่างๆมักใช้โหมดนี้เป็น “ค่าแรกเริ่ม” ตั้งแต่ต้นก็เพราะบริเวณขอบภาพของฟิล์มภาพยนตร์ และวิดีโอ ในอดีตมักจะมีรอยขีดเขียน หรือรอยจากพวกมาร์กเกอร์ ทำให้ขอบภาพดูไม่สะอาดและไม่เรียบร้อย จึงตั้งให้โหมด 16:9 Crop ส่วนขอบนี้ทิ้งไปตั้งแต่ต้นซะเลย ขณะเดียวกันก็ใช้เป็น “โหมดขยายภาพให้เต็มจอ 16:9” เมื่อรับชมกับคอนเทนต์อัตราส่วนอื่น (เช่น 4:3)

ปรับไม่ถูกต้อง :: รูปประกอบข้างบนเป็นการเลือกสัดส่วนภาพของทีวีที่โหมด 16:9 จะพบว่าโดน Crop ขอบภาพหายไปประมาณ 2.5%-5 (สังเกตว่าเส้นกรอบสี่เหลี่ยมที่เขียนว่า safe action 5% จะหลุดขอบออกไป)

ปรับถูกต้อง :: หากปรับสัดส่วนภาพแบบ 1:1 Pixel Matching ภาพจะไม่ถูก Crop แม้แต่นิดเดียว แสดงออกมาทุกพิกเซล สังเกตจากเม็ดสีดำๆตรงกลาง บริเวณขอบด้านบนและด้านข้าง จะโผล่ไล่ระดับให้เห็นครบถ้วน
6. Resolution – Sharpness :: ถึงแม้จะแปลว่า “ความคมชัด” แต่หากปรับค่านี้มากไปจะทำให้ภาพขึ้นขอบจนแตก เป็นรอยหยัก ออกเรื้อนแบบหยาบกร้าน หรือมีวุ้นขาวๆ เรืองตามขอบภาพ พร้อมทั้ง Noise ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ที่แฝงมากับคอนเทนต์จะปรากฏขึ้นมาให้เห็นชัดเจนขึ้น แต่ถ้าหากปรับน้อยไป ภาพก็จะออกแนวนุ่มนวล เบลอ มัว มน ไม่คมชัด เรามาดูผลเสียของปรับ Sharpness ไม่ถูกต้องตามรูปดังต่อไปนี้


ปรับถูกต้อง :: Pattern นี้นอกจากเอาไว้ทดสอบ Aspect Ratio แล้ว ยังใช้ทดสอบ Sharpness ในเบื้องต้นได้ครับ หากปรับมากไปจะมีวุ้นเรืองๆสีขาวเกิดขึ้น ตามขอบเส้น ปรับให้ถูกต้องพอดีพวกวุ้นเรืองๆ จะหายไป

ปรับมากไป :: โคลสอัพให้ดูเม็ดพิกเซลกันแบบใกล้ชิด หากปรับ Sharpness มากเกินไปจะเกิด “วุ้นขาวๆ เรืองแสง” ตามขอบเส้นสีดำ
สรุปเบื้องต้นว่า หากทุกท่านปรับภาพตามหลักพื้นฐานเบื้องต้นนี้ เราก็ได้ทีวีที่สามารถถ่ายทอดภาพได้ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากๆ ถึงจะไม่ 100% ก็ตาม ขาดก็เพียงแต่การปรับค่า White Balance และ Color Space ให้ถูกต้องเป๊ะๆ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เครื่องมือ แต่อย่างน้อยรายละเอียดมาครบแน่นอน จึงสามารถบอกได้ว่าทีวีตัวที่ท่านปรับภาพเบื้องต้นสามารถแสดงภาพได้ดีและถูกต้องใกล้เคียงกับที่ผู้กำกับต้องการสื่อออกมาให้เราได้รับชมกัน
ปรับภาพให้ถูกต้อง VS ถูกใจ
คำถามนี้เป็น “คำถามโลกแตก” รองมากจาก LCD หรือ Plasma อะไรดีกว่ากัน? ซึ่งได้สร้างดราม่ามานานหลายปีติดต่อกัน ผมคงไม่อาจกำหนดให้ทุกท่านเชื่อในสิ่งที่นำเสนอมานี้ เพราะอย่างไรเสียความชอบส่วนบุคคลถือเป็นสิ่งที่มิอาจประเมินได้ แต่ขอสรุปแบบนี้นะครับว่า ประโยชน์สำหรับผู้ชมทั่วไป ในการปรับภาพถูกต้องจะช่วยให้เรา “ตอบโจทย์” ของ “ผู้กำกับหนัง” ที่ต้องการสื่อออกมาให้เราได้รับทราบ ในมุมมองของผมคือ เราจะเข้าใจถึงอรรถรสของหนังอย่างถ่องแท้มากยิ่งขึ้น ไม่มีบิดเบือนในรายละเอียดของภาพที่หายไปรวมถึงโทนแสงสีที่ผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับ แนวภาพจะเป็นโทนอุ่นถูกต้องตามมาตรฐานสตูดิโอ ดูแล้วสบายตา ภาพเป็นธรรมชาติมาก (หากผู้กำกับต้องการสื่อออกมาอย่างนั้น) สังเกตให้ดีว่าแนวภาพแบบถูกต้องเช่นนี้จะใกล้เคียงกับโรงหนังมากครับ และประโยชน์สำหรับผู้ทำงานด้านจอภาพโดยตรง อย่างเช่นสตูดิโอที่จำเป็นต้องปรับตั้งค่าจอมอนิเตอร์เพื่อใช้อ้างอิงในการผลิตหนังออกมา ตลอดจนนักออกแบบกราฟิก ช่างภาพ นักทดสอบ ฯลฯ ที่จำเป็นต้อง “อิงมาตรฐานความถูกต้อง” ผ่านจอภาพ เช่นเดียวกับการทดสอบของ เว็บ LCDTVTHAILAND และนิตยสาร Videophile ที่ต้องทำการเปรียบเทียบทีวี และฟันธงคุณภาพของจอว่าตัวไหนดีกว่ากัน? ย่อมจำเป็นต้องปรับภาพให้เป็นมาตรฐานเดียวกันซะก่อน จึงจะตัดสินได้
อย่างไรก็ตาม หากให้พิจารณากันใน “มุมมองของผู้ใช้ทั่วไป” ทีวีก็คือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สร้างความสุขให้กับเรา ภาษาอังกฤษยังจัดให้อยู่ในหมวด Home Entertainment ที่แปลว่า ความบันเทิงภายในบ้านเลย ! หากเราปรับภาพแบบถูกต้องแล้วรู้สึกว่ามันนวลไป ดูธรรมชาติไปซักนิด แล้วไปเร่งแสงสี คอนทราสท์ให้สดขึ้น อยากให้ภาพจากจอมันดูสดใสจัดจ้าน มีชีวิตชีวา ก็สามารถเลือกปรับภาพให้ถูกใจเช่นนี้ได้ ถ้าหากมันเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ความสุขกับท่านได้มากกว่าก็ถือว่าแนะนำอย่างยิ่งครับ (บางกรณีผมก็ชอบนะ อิอิ) ดังนี้การไปยึดติดกับหลักการและความถูกต้องมากเกินไปอาจจะ “ไม่ตอบโจทย์” ในเชิงปฏิบัติเสียทีเดียว สรุปคำตอบของคำถามดราม่าว่า ให้ลองปรับภาพทั้ง 2 แบบทั้งแบบ “ถูกต้อง” และ “ถูกใจ” ดูเสียก่อน แล้วลองดูหนังไปหลายๆ เรื่อง ลองเปรียบเทียบภาพกันว่าเราชอบแบบไหนมากกว่ากัน? แบบไหนสร้างความสุขให้เราได้มากกว่ากัน? หากเราสามารถตอบโจทย์ข้อนี้ได้แล้ว ผมเชื่อว่าทุกท่านสามารถ “บรรลุความสุขที่แท้จริง” จากทีวีตัวโปรดของท่านได้ แต่หากจะก้าวข้ามความชอบส่วนบุคคลไปถึงขั้น “อ้างอิง” ยังไงเราก็ต้องมี “มาตรฐาน” ครับ !