3. Color / Tint :: Color คือ “ความสดอิ่ม” ของสีสันโดยรวมทั้งหมด หากปรับมากไปสีสันก็จะสดโอเว่อร์จนเกินจริง เช่นใบหน้าติดแดง หญ้าเขียวฉ่ำเกินไปเหมือนในนิยาย ในขณะที่ปรับน้อยไปสีก็จะจืดชืดเกินไป หรือหากลดระดับลงไปสุดๆ ให้เหลือ 0 จะกลายเป็นภาพขาวดำทันทีครับ ในส่วนของ Tint เป็นการปรับความสัมพันธ์ระหว่างสีแดงกับสีเขียว โดยส่วนมากแล้วจะเอาปรับ “สีผิวของคน” (Skin Tone) ให้ถูกต้อง หากปรับมากไป (R) สีผิวของคนจะ “อมแดง” ในขณะที่ปรับน้อยไป (G) สีผิวของคนจะกลายเป็น “อมเขียว” เหมือนไอ้ยักษ์เขียว Hulk ซะงั้น ^ ^ อย่างไรก็ตาม จากที่ผมได้มีโอกาสทดสอบทีวีมาหลายยี่ห้อหลายรุ่น ทีวียุคนี้ถือว่าเซ็ตค่า Tint มาค่อนข้างดีตั้งแต่ต้น โดยแทบไม่ต้องปรับแก้ไขอะไรเพิ่มเติมเลย ดังนี้เรามาดูการปรับค่า Color อย่างเดียวก็พอ
การใช้งานแผ่นใสฟิลเตอร์สีที่แถมมากับ DVE หรือแผ่นบลูเรย์ปรับภาพอื่นๆ ไม่เหมาะสำหรับเทคโนโลยีจอภาพปัจจุบัน ทั้งนี้การไฟน์จูน Color และ Tint ที่ให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำสำหรับมาตรฐานทีวียุคใหม่ควรเลือกใช้ฟังก์ชั่น RGB Colour Filter (Blue Only Mode) ซึ่งเป็นฟีเจอร์หนึ่งของทีวีแทน
ปรับถูกต้อง :: จาก Color Filter – Blue (Blue Only Mode) จะมองเห็นสี่เหลี่ยมสีเข้ม 6 ช่อง เท่านั้น บริเวณโดยรอบจะกลืนเป็นสีพื้นเดียวกันหมด
ปรับมากหรือน้อยไป :: จะสังเกตเห็นสี่เหลี่ยมในตำแหน่งอื่น ๆ นอกเหนือจากสี่เหลี่ยมสีเข้ม 6 ช่อง ข้างต้น กล่าวคือ พื้นหลัง “ไม่กลืนกันเป็นน้ำเงินทั้งแผ่นดิน”
ทั้งนี้นอกเหนือจากการกำหนดระดับ Color ที่ไม่ถูกต้องแล้ว การกำหนด Tint ที่ไม่ถูกต้องก็ก่อให้เกิดผลลัพธ์ “ไม่กลืนกันเป็นน้ำเงินทั้งแผ่นดิน” เช่นเดียวกัน
4. Color Temperature :: แปลว่า “อุณหภูมิสี” หากเราปรับอุณหภูมิสีถูกต้องที่ 6500°K (K=Kelvin) จะได้ “สมดุลสีขาว” หรือ “White Balance” ที่ถูกต้องเฉกเช่นเดียวกับจอมอนิเตอร์ในสตูดิโอซึ่งผู้กำกับเอาไว้ใช้ดูภาพเวลาตัดต่อ Master นั่นแหละครับ ศัพท์เทคนิคของนักปรับภาพระดับโปรเฟสชั่นแนล เรียกจุดสมดุลสีขาวที่ถูกต้องว่าจุด “D65” ซึ่งตัวเลข 6500°K นั้น เป็นค่าอุณหภูมิแสงสีที่ “ดวงอาทิตย์” ส่องแสงสว่างในเวลา “กลางวัน” โดยถือว่าแสงขาวที่ได้รับจากดวงอาทิตย์ในช่วงเวลานี้เป็นแสงสีขาวที่ใช้ในการอ้างอิงสำหรับการมองเห็น จึงใช้เป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมวีดีโอ และ Digital Imaging รวมถึงมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง ผมมีตัวอย่างจาก “หลอดไฟ” แม้มาตรฐานการส่องสว่างของหลอดไฟจะแตกต่างจากจอภาพอยู่บ้าง แต่ใช้เปรียบเทียบให้เห็นภาพว่าในแต่ละช่วงอุณหภูมิสีของแสงขาวนั้น จะติดโทนสีอื่นแตกต่างกันออกไป
ข่าวร้ายคือการวัดอุณหภูมิสีอย่างแม่นยำนั้น มิอาจฟันธงด้วยตาเปล่าได้ จึงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์และซอฟท์แวร์ปรับภาพระดับโปรโฟสชั่นแนลพร้อมมิเตอร์ไว้วัดค่าต่างๆ เข้ามาช่วย ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูงและใช้งานค่อนข้างยากสำหรับมือใหม่หรือคนทั่วไป อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นมิใช่ว่าเราจะไม่สามารถได้ White Balance จากจอภาพที่ใกล้เคียงกับค่าอ้างอิงได้ โดย “เคล็ดลับ” ก็คือการเลือกตัวเลือกตั้งค่าในส่วนของ “Color Temperature” ให้ถูกต้อง ซึ่งปกติจะให้มาดังต่อไปนี้
กราฟแสดงอุณหภูมิสี :: ดูแนวเส้นอ้างอิงตรงกลางได้ว่า Color Temperature ในแต่ละช่วง °K เช่น 10000K / 6500K / 4800K / 2850K มีโทนสีขาวที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
แต่เป้าหมายสำหรับมาตรฐานการอ้างอิง คือราว 6500K โดยอ้างอิงร่วมกับ RGB Balance เพื่อความเที่ยงตรงสูงสุด !!!
White Balance & Color Space:: เครื่องมือที่ใช้ในการอ้างอิง White Balance และ Color Space คือ Gamut CIE Chart ตำแหน่งกรอบสี่เหลี่ยมสีขาว คือ จุดอ้างอิงขอบเขตการแสดงสีที่ถูกต้องตามมาตรฐานอุตสาหกรรมวีดีโอของ “แม่สีหลัก” (Red Green Blue) และ “แม่สีรอง” (Cyan Magenta Yellow) / ส่วนจุดสีเหลี่ยมสีขาวตรงกลางเรียกว่า “จุดสมดุลแสงขาวที่ถูกต้อง” หรือ “D65” นั่นเอง (ก็จุดอ้างอิงในแนวเส้นอุณภูมิสีที่ 6500K) การปรับและวัดค่าทั้ง 2 อย่างนี้จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ปรับภาพและวัดค่าภาพช่วยเพื่อความเที่ยงตรง แต่ไม่ต้องกังวลเพราะผมมีแนวทางพื้นฐานที่ง่าย และประหยัดกว่าในการอ้างอิงอุณหภูมิสีที่ถูกต้องแบบคร่าวๆ
Color Temperature Mode :: ใช้แบบไหนดี ?
5.1 Cool :: โทนเย็น สีขาวจะติดอมน้ำเงิน สังเกตว่าสีขาวจะขาวโอโม่ติดน้ำเงินหน่อยเหมือนเสื้อนักเรียก โดยโทนนี้มักจะอยู่ในโหมด Vivid หรือ Dynamic ที่สว่างสุด
5.2 Neutral :: โทนเย็นกลางๆ สีขาวจะติดอมฟ้าเล็กน้อย โดยโทนนี้มักจะอยู่ในโหมดภาพสำเร็จรูปอย่าง Standard (บางค่ายใช้ว่า Normal หรือ Medium)
5.3 Warm :: โทนสีอุ่น สีขาวจะติดอมเหลืองแดงเล็กน้อย โดยอุณหภูมิสีแบบ Warm นี้มักจะอยู่ในโหมด Movie/Cinema/Custom/Professional/Expert หรืออาจจะรวมถึงโหมด Photo ในบางยี่ห้อ (ต่างแบรนด์ก็ต่างชื่อเรียก) ซึ่งเป็นโหมดที่ให้อุณหภูมิสีและสมดุลสีขาวใกล้เคียงกับมาตรฐานอุตสาหกรรมวีดีโอมากที่สุด !!!
**อุณหภูมิสีจะอยู่ที่ประมาณ 6000K-7000K หากเป็นทีวีตัวเทพๆ อาทิเช่น Sony HX925 รุ่นท็อปปี 2011 มันก็ Hit ที่ 6500K เลย จะบวกลบไม่เกิน 50K เท่านั้น (เทพมาก) วิธีการไม่มีอะไรซับซ้อนเลย เพียงแค่ปรับเป็นโหมด Custom พร้อม Scene ภาพแบบ Cinema 1 และ Color Temperature แบบ Warm 1 โดยผมเองและทีมงานก็ได้สาธิต “วัดอุณหภูมิสี” เจ้า Sony ตัวนี้ให้ดูกันสดๆ ในงานบรรยายของ LCDTVTHAILAND ในงาน BAV HI-END SHOW 2012 ที่โรงแรมแลนด์มาร์คสุขุมวิท ที่ผ่านมา แนะนำหากจะ ใช้เป็นจอภาพอ้างอิง ไว้ดูหนัง Blu-ray, แหล่งโปรแกรม HD หรือใช้เป็นมอนิเตอร์ระดับโปร ให้ใช้โหมดนี้เลย !!!