ในช่วง “ครึ่งหลัง” ของงานจะเป็นการเปรียบเทียบภาพและเสียงล้วนๆ ซึ่งการทดสอบนั้นก็จัดให้แบบครอบคลุมทุกมิติการรับชมไม่ว่าจะเป็นการทดสอบด้วย Test Pattern ระดับโปรเฟสชั่นแนล , หนัง 1080p Blu-ray , แผ่นคอนเสิร์ต และที่ขาดไม่ได้คือ หนัง 4K HDR โดยทีวีทุกตัวนั้นได้รับการปรับภาพให้ถูกต้องตามหลักของ ISF : Imaging Science Foundation ทั้งภาพ SDR และ HDR ด้วยอุปกรณ์ฮารด์แวร์และซอฟท์แวร์จาก SpectraCal เพื่อให้เป็นกลางในการทดสอบ โดยเล่นผ่านเครื่องเล่น 4K Blu-ray Player ที่ดีที่สุดในปัจจุบันอย่าง Panasonic DMP-UB900 ส่งสัญญาณผ่านสาย LCD HDMI : JERICHO ทั้งระบบ ตัวทีวีและเครื่องเล่นเชื่อมต่อผ่านเครื่องกรองไฟทั้งหมด เพื่อไม่ให้ความสกปรกและสัญญาณรบกวนของระบบไฟฟ้าภายในโรงแรมมาลดทอนคุณภาพของทีวีแต่ละตัว เครื่องกรองไฟใช้สายไฟ VELOCITA : SIENA V ทั้งระบบเพื่อรักษาความสมบูรณ์ของสัญญาณภาพและเสียงตั้งแต่ Input แหล่งสัญญาณไปจนถึงด่านสุดท้ายคือ Output จากทีวี แบบต้นน้ำยันปลายน้ำ
หัวข้อในการทดสอบ
– Peak Brightness : ระดับความสว่างสูงสุด
– Black Level : ระดับความดำ
– Color : สีสันและขอบเขตการแสดงสี
– Detail : รายละเอียดและความคมชัด
– Viewing Angle : มุมอมงรับชม
– High Dynamic Range : คอนเทนต์ HDR
– Input Lag : ความเร็วในการตอบสนองการเล่นเกมส์
– Sound Quality : คุณภาพเสียง
– Power Consumption : อัตราการบริโภคไฟ
คอนเทนต์ที่ใช้ทดสอบ
– Test Pattern : แพทเทิร์นทดสอบภาพเชิง Lab Test ระดับความสว่าง ระดับความดำ สีสัน
– 1080p Blu-ray : เรื่อง Journey 2, Avengers, Simply Red
– 4K HDR Blu-ray : เรื่อง Amazing Spiderman 2, Batman V Superman, Life of Pi
.
.
.
.
.
.
เอาหละทดสอบครบถ้วนทุกด้านแล้ว ก็ได้เวลา “โหวตตัดสิน” จากแฟนเว็บที่มาร่วมงานนี้
.
.
.
.
.
.
.
.
หลังจากทุกท่านได้ร่วมส่งกระดาษโหวตว่าทีวีตัวไหนจะเป็นทีวีที่ดีที่สุดประจำปีเสร็จสิ้นเหล่า “กรรมการรับเชิญ” ที่เป็นกูรูในแต่ละด้านก็ออกมาให้ความเห็นอย่างเจาะลึกทั้งประเด็นเรื่อง ดีไซน์ ภาพ เสียง และสมาร์ททีวีพร้อมฟันธงว่าแต่ละตัวเด่นด้านไหนบ้าง ? ตลอดจนทีวีที่ดีที่สุดประจำปี 2016 ในใจของพวกเขาคือตัวไหนกันแน่ ???
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ก็คือ ….???
.
.
.
.
.
ก็คือ ….???
.
.
.
.
.
สรุปผลโหวต
– ผลโหวตจาก “แฟนเว็บ” ที่มาร่วมงาน LG = 43% / Sony = 18.6% / Panasonic = 18.6% / Samsung = 14% / TCL = 4.6%
– ผลโหวตจากกรรมการรับเชิญ LG = 75% / Sony = 25%
– ซึ่งผลโหวตก็ออกมาเป็นเอกฉันท์ LG OLED TV 65E6T จึงคว้า“รางวัลทีวีที่ดีที่สุดประจำปี 2016” ไปครอง
– The Winner of Best of The Best TV Shootout 2016 is “LG OLED TV 65E6T”
บทสรุป
1) LG 65E6T : OLED TV
จุดเด่น เนื้อแท้เป็น OLED TV ที่ให้สีดำได้ดำสนิทที่สุด 100% ส่งผลให้สีสันอื่นๆดูโดดเด้งขึ้นมาทันตา ขอบเขตสีกว้าง ภาพมีความเอิบอิ่มและเจิดจรัสทั้งแบบ HDR และ SDR มุมมองการรับชมกว้างมากเทียบชั้น Plasma TV ทันที ที่สำคัญยังคงเทคโนโลยีภาพ 3D แบบ Passive ที่เด่นเรื่องลอยเด้งเตะตาไว้ให้ด้วย ดีไซน์ตัวเครื่องบางเฉียบที่สุดในบรรดาทีวีทุกตัว
จุดด้อย : ระดับความสว่างสูงสุดถือว่ายังด้อยกว่า Full LED และ Edge LED ของคู่แข่งพอสมควร การปรับภาพต้องระมัดระวังเพราะเดิมภาพจะติดอมเขียวเล็กน้อย ส่วนลำโพง Speaker Bar จาก Harman / Kardon เสียงดีใช้ได้แต่ก็ยังไม่ได้ดีที่สุด
2) Sony 65Z9D : Full-Array LED TV
จุดเด่น ระดับความสว่างสูงมากๆทะลุ 1700 Nits สู้แสงได้ทุกสภาพแวดล้อม แผงหลอดไฟ Backlight Master Drive ดิมไฟได้ละเอียดยิบและแม่นยำมากจนแทบไม่แสดงรั่ว-แสงลอดให้เห็น ภาพ HDR ก็สวยเจิดจรัสไม่ได้ด้อยกว่าใคร ลูกเล่น Android TV นับว่ายังเป็นระบบปฏิบัติการ Smart TV ทีดีที่สุดในตอนนี้ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ
จุดด้อย : ขอบเขตสียังไม่กว้างมากนัก แถมเมนูปรับภาพไม่มีให้ปรับ Color Gamut ส่วนคุณภาพเสียงจากลำโพงจัดอยู่ในเกณฑ์แอบธรรมดาไปซักนิด
3) Panasonic 65DX900T : Full Array LED TV
จุดเด่น โครงสร้างหลอดไฟ Backlight ดีไซน์รังผึ้งอันเป็นเอกสิทธิ์อย่าง Honeycomb Structure จัดว่าเก่งทั้งที่สว่างและที่มืดไ่ม่หนีจาก Backlight Master Drive ของ Sony เลย มีพละกำลังเหลือเฟือ สามารถระเบิดความสว่างสูงสุดสำหรับการแสดงภาพแบบ SDR ได้อย่างน่าทึ่ง อีกทั้งถ่ายทอดระดับสีดำได้ดำสนิทจนแทบไม่มีแสงลอดรบกวน ในขณะที่ภาพ HDR นี่ก็เจิดจรัสไม่เป็นสองรองใคร
จุดด้อย มุมมองการรับชมมิได้กว้างนัก ระบบ Smart TV อย่าง Firefox OS ยังดูเบสิคเกินไปไม่ได้มีลูกเล่นอะไรหวือหวา ดีไซน์ขาตั้งต้องใช้พื้นที่ในการวางกว้างมาก สุดท้ายคือน้ำหนักตัวเครื่องที่หนักที่สุด ต้องใช้คนช่วยยกซัก 2-3 คนขึ้นไป
4) Samsung 65KS9000 : Edge LED TV
จุดเด่น : เป็น Edge LED สามารถขับศักยภาพที่ Edge LED ควรทำได้ได้อย่างหมดจด สามารถแสดงภ่าพ HDR แล้วสัมผัสได้ถึงความเจิดจรัส รวมถึงภาพ SDR ที่สวยที่สุดในบรรดาภาพจาก Edge LED ทั้งหมดทั้งมวล ผ่านมาตรฐาน Ultra HD Premium ซะด้วย ดีไซน์จอโค้งสวยแบบ 360 องศาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ลำโพงเสียงดีที่สุด (เกินคาด) อิ่มแน่นมีน้ำหนักเบสก็มา Smart TV มีช่องรายการเกาหลีให้ดูฟรีแบบออนไลน์
จุดด้อย : ด้วยที่โครงสร้าง Edge LED มีข้อจำกัดเรื่องการวางหลอดไฟตามขอบบนล่าง การแสดงระดับความสว่างและความดำสูงสุดยังสู้พวก Full Array LED ไม่ได้ (แต่ก็ดีที่สุดในบรรดา Edge LED ที่เป็นมาตรฐานส่วนใหญ่ของ LED TV)
5) TCL 65H9800 : Edge LED TV
จุดเด่น เป็นเรื่องราคาและความคุ้มค่าที่จัดเต็มมาก ทีวีความละเอียด 4K พร้อมดีไซน์จอโค้งสวยหรู มีระบบสมาร์ททีวีที่ใช้งานได้จริงผนวกมาให้ หากเทียบราคากับผู้ประกวดแบรนด์อื่น จัดว่าหากซื้อแบรนด์อื่น 1 ตัว จะเท่ากับซื้อ TCL 65H9800 ได้ถึง 3 ตัวทันที แถมระยะเวลาประกันก็นานถึง 3 ปี เป็นแบรนด์น้องใหม่ที่ไฟแรงที่สุดใน พ.ศ .นี้ และกลายเป็นแบรนด์ขวัญใจมหาชนได้อย่างรวดเร็ว
จุดด้อย ยังไม่รองรับ HDR ไม่มีฟีเจอร์ Local Dimming และโหมดปรับภาพเบื้องลึกยังไม่ะเอียดนัก อันที่จริงรุ่น 65X1 เป็นตัวท็อปที่ควรเข้าประชันในปีนี้ซึ่งรองรับ HDR ด้วย แต่น่าเสียดายในไทยยังไม่นำเข้ามาขายในปีนี้ ไว้ปีหน้าฟ้าใหม่ค่อยส่งมาประชันอีกได้
ขอบคุณทีมงานจากแบรนด์ทีวีและแฟนเว็บ LCDTVTHAILAND ทุกท่านที่มาร่วมงานประชันสุดยอดทีวีที่ดีที่สุด Best of The Best TV Shootout 2016 แน่นอนว่าการแข่งขันประชันคุณภาพในลักษณะนี้ก็ย่อมต้องมี “ผู้แพ้และผู้ชนะ” ซึ่งวิทยากรของแต่ละแบรนด์ก็มี “น้ำใจนักกีฬา” ยอมรับผลโหวตของทั้งแฟนเว็บและเหล่ากรรมการรับเชิญทั้ง 4 ท่าน เชื่อว่าฟีดแบ็กทั้งด้านบวกและด้านลบต่อทีวีทุกตัวจะเป็นกระบอกเสียงชั้นดีให้แบรนด์เหล่านี้ได้นำไปพัฒนาคุณภาพทีวีให้ดียิ่งขึ้นในปีถัดๆไป เพื่อตอบสนองความต้องการเสพความสุขจากทีวีคุณภาพเยี่ยมของพวกเราๆท่านๆนี่แหละ ครั้งหน้าหากมีงานบรรยายเสริมความรู้ด้านภาพและเสียงลักษณะนี้ ก็ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมงานอีกนะครับ หน้าสุดท้ายไปชมรูปผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลต่างๆจากการ Lucky Draw ท้ายงาน ^ ^