แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Roman

หน้า: [1]
1

สำหรับมือใหม่และมือเก๋าที่กำลังจะซื้อทีวีเครื่องใหม่ในปี 2016-2017 มาอัพเดทดูกันดีกว่าว่าหากจะซื้อทีวีเครื่องใหม่ซักเครื่อง เราควรจะต้องพิจารณาปัจจัยและเทคโนโลยีอะไรกันบ้างในการเลือกซื้อ ? จุดประสงค์ก็เพื่อให้ท่านสามารถตัดสินใจซื้อทีวี "ตัวที่ใช่สำหรับท่านที่สุด" ภายใต้กรอบงบประมาณและลักษณะการใช้งานของตัวท่าน หวังว่า TV Buying Guide ทั้ง 10 ประการนี้จะช่วยเป็น "เข็มทิศ" ให้ท่านเดินไปหาทีวีตัวที่ใช่ได้อย่างถูกต้องและถูกใจ

1) ขนาดหน้าจอ : ในอดีตที่พวกเรายังเคยชินกับทีวีจอตู้ หรือ CRT TV ขนาด 25"- 29" พอก้าวไปสู่ LCD TV เครื่องแรกก็มักจะเล่นขนาดเริ่มต้นที่ 32" เป็นหลัก เนื่องด้วยระดับราคาที่ไม่สูงนัก แต่หลายปีผ่านไปทำให้ผู้ใช้งานเรียกนรู้ว่าทีวีจอ 32" นั้นมันค่อนข้างเล็กเกินไป ยิ่งถ้าหากเคยไปดูทีวีจอใหญ่ๆที่บ้านเพื่อนมาแล้วจะล่วงรู้เลยว่า "อาหารจอหดเป็นอย่างไร?" ซึ่งจากประสบการณ์ขอแนะนำว่าหากมีระยะชมห่างซัก 1.5-2 เมตร สามารถเลือกซื้อทีวีขนาดใหญ่ซัก 40"- 50" ได้เลย หรือหากระยะรับชม 2 เมตรขึ้นไป ขนาดใหญ่มาตรฐานอย่าง 55" จะเป็นตัวเลือกที่มีความพอดิบพอดี อย่าลืมว่า ทีวียิ่งจอใหญ่ = อรรถรสและความสุขก็จะยิ่งใหญ่ตาม



ระยะนั่งรับชมที่แนะนำ


2) ความละเอียดหน้าจอ 4K VS Full HD : 4K คือความละเอียดหน้าจอ 3840 x 2160 = 8.2 ล้านพิกเซล ส่วน Full HD คือความละเอียด หน้าจอ 1920 x 1080 = 2.1 ล้านพิกเซล ต่างกันถึง 4 เท่า ซึ่งแน่นอนว่าความละเอียดสูงก็ย่อมดีกว่าในเรื่องรายละเอียดและความคมชัด รวมถึงระบบอัพสเกลภาพความละเอียด HD / Full HD (ที่ยังเป็นความละเอียดของคอนเทนต์ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน) ให้ใกล้เคียงกับภาพ 4K ก็พัฒนาดีขึ้นตามลำดับ ภาพเนียนกริ๊บ ไม่หยาบกร้านเหมือนทีวี 4K ยุคบุกเบิกอีกต่อไป ฉะนั้นหากอยากไปให้สุดและ "รองรับอนาคต" ทีวีความละเอียด 4K เป็นตัวเลือกที่ "ตอบโจทย์" อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามหากลักษณะการใช้งานคือการดูฟรีทีวี เคเบิ้ลทีวี หรือหนัง HD และ DVD ทั่วไปเป็นหลักซึ่งมีความละเอียดอยู่ในระดับ Full HD / HD ทั่วไป ทีวีความละเอียด Full HD ก็เป็นตัวเลือกที่ "เพียงพอ" ต่อการใช้งาน แสดงภาพคอนเทนต์เหล่านั้นได้ดีเพราะความละเอียดแมตช์ชิ่งกันพอดี แถมยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้พอสมควรอีกด้วย

ทีวีความละเอียด 4K มีจำนวนจุดเม็ดพิกเซลมากกว่า Full HD ถึง 4 เท่า !


3) HDR หรือ SDR : HDR หรือ High Dynamic Range เป็นเทคโนโลยีการแสดงผลภาพแบบใหม่ล่าสุดที่ให้ระดับความดำได้ดำสนิท ระดับความสว่างที่สว่างกว่าเดิม รวมถึงสีสันที่สดอิ่มเจิดจรัส เหนือกว่าภาพแบบปกติธรรมดาหรือ Standard Dynamic Range โดยปัจจุบันนี้ HDR มี 2 มาตรฐานคือ HDR 10 และ Dolby Vision HDR หากจะเล่นทีวีความละเอียดระดับ 4K ให้สุด ก็ขอแนะว่าตัวทีวีต้องรองรับ HDR ด้วย เพราะคอนเทนต์ 4K Blu-ray Disc หรือแม้กระทั่งพวกแอพวีดีโอสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ก็เริ่มมี "หนัง 4K HDR" ให้รับชมกันแล้ว หมายเหตุว่าทีวีความละเอียด 4K รุ่นเริ่มต้นราคาประหยัดก็มักจะไม่รองรับ HDR ส่วนทีวีความละเอียด Full HD ก็จะไม่รองรับ HDR อยู่แล้วแต่ต้นเลย ฉะนั้นตรวจสอบฟีเจอร์ของทีวีให้แน่ชัดก่อนตัดสินใจซื้อ                                  

HDR เทคโนโลยีภาพชนิดใหม่ สว่างขึ้น ดำขึ้น สีสันสดสวยเจิดจรัสขึ้น

หนัง 4K HDR เริ่มทยอยออกสู่ตลาด


4) จอโค้ง หรือ จอตรง : จอโค้ง เป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ภายใต้คอนเซ็ปต์ "ภาพโอบล้อมผู้ชม...เฉกเช่นโรงหนัง IMAX" มิติภาพที่ลึกขึ้นเสมือนดึงเราเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ ถึงแม้ระยะรับชมจะต้องใกล้พอเพื่อที่จะสัมผัสประสบการณ์ที่กล่าวมาได้จริง (ก็เหอะ) ตลอดจนดีไซน์ที่ "หล่อขึ้นเป็นกอง" เมื่อตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางบ้าน หากเปรียบเป็นผู้หญิงก็จะออกแนวสวยเปรี้ยว แต่งตัวเห็นสัดส่วนโค้งเว้าแบบวับๆแวมๆ สะดุดตาทันทีเมื่อแรกพบ ส่วนจอตรงจะได้ความเรียบหรูไม่ว่าจะตั้งโต๊ะ หรือเมื่อนำไปแขวนผนังก็จะเหมือนกรอบรูป เป็นดีไซน์ที่คงกระพันอยู่ได้ในระยะยาว หากเปรียบเป็นผู้หญิง ก็จะออกแนวสวยไฮไซ แต่งตัวเรียบแต่ดูหรูดั่งผู้ดีมีสกุล สรุปได้ว่าเรื่องดีไซน์ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล จากประสบการณ์ตรงทั้งทดสอบ+เขียนรีวิวตลอดจนออกไปเยี่ยมเยียนบ้านลูกค้าจริงทั้งผู้ใช้ทีวีจอตรงและจอโค้ง ขอบอกเลยว่าผลกระทบเรื่องดีไซน์ต่อการใช้งานจริงจัดว่ามีน้อยมาก (เช่น คนขายจอโค้งมักเชียร์บอกว่าจอโค้งมุมมองดีกว่า หรือคนขายจอตรงมักบอกว่ามุมมองการรับชมจอตรงย่อมดีกว่าจอโค้ง => แต่อันที่จริงก็พอๆกัน ขึ้นอยู่กับชนิดขอจอ Panel ซะมากกว่า) ฉะนั้นเลือกเล่นตามที่ "หัวใจ" เราเรียกร้องได้เลย



ทีวีจอโค้งเทรนด์ใหม่

ทีวีจอตรงเรียบหรู


5) ติดตั้งแบบแขวน หรือ ตั้งโต๊ะ : การติดตั้งแบบพื้นฐานที่สุดคือการตั้งบนชั้นวาง (หรือตั้งโต๊ะ) โดยเราสามารถใช้ขาตั้งที่แถมมากับตัวเครื่องทีวีได้เลย ซึ่งดีไซน์ขาตั้งของทีวีแต่ละรุ่นก็ไม่เหมือนกัน บ้างก็เป็นทรง "กิ่งไม้" อยู่ด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง ซึ่งทำให้ทีวีดูมีความเพรียวบาง จะทำให้มีช่องว่างในการสอดพวกเครื่องเล่นหรือพวกกล่อง Set-Top-Box ตรงกลาง ในทางกลับกันพวกฐานตั้งแบบ "แกนกลาง" ทั่วไป ก็มีจุดศูนย์กลางที่ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องเผื่อความกว้างของโต๊ะหรือชั้นวางทีวีมากกนัก สรุปหากจะตั้งโต๊ะ/ชั้นวาง ก็จงเลือกดีไซน์ของขาตั้งทีวีให้สัมพันธ์กับชั้นวางของท่าน ส่วนการแขวนผนังนั้น จะได้เปรียบเรื่องการประหยัดพื้นที่ เหมาะกับพวกคอนโดหรือห้องนอนที่มีขนาดเล็ก หรือห้องนั่งเล่นที่ทำบิลด์อินสวยงามมาเพื่อการนี้เพราะแขวนปุ๊บดูเรียบหรูแบบสไตล์ Minimalist ทันที ระยะสูงต่ำในการแขวนหากอ้างอิงตามทฤษฎี "สายตาควรอยู่กลางจอพอดี" ทว่าเอาเข้าจริงก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวด้วยแหละ บางท่านชอบแขวนสูงขึ้นหน่อยเพื่อในเวลาเแหงนศรีษะขึ้นในท่าขี้เกียจบนโซฟาจะสอดรับกันพอดีเป๊ะ !

จะแขวนผนัง หรือ ตั้งชั้นวาง วางแผนให้ดีก่อนซื้อ !


ฐานตั้งทรง "กิ่งไม้" เรียบหรูแบบ Minimal แต่ก็ต้องใช้ชั้นวางทีวีที่มีความกว้างให้พอดีกัน


6) Smart TV จำเป็นหรือไม่ ? : ระบบปฏิบัติการ Smart TV มีหากแบรนด์หลากรูปแบบทั้ง Tizen, webOS,  Android , Firefox, Super TV ซึ่งมีวิธีการใช้งานแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่จะออกแบบเมนูให้ใช้งานง่าย เน้นโหลดแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานจริงอย่างเช่นแอพส์ดูหนังดูวีดีโอออนไลน์อย่าง YouTube และ Netflix ยิ่งไปกว่านั้นบางค่ายก็ยังรองรับพวกรีโมทแบบพิเศษ เช่น Magic Remote (แอร์เมาส์), Touchpad (ใช้นิ้วโป้งสไลด์), หรือแม้กระทั่ง Gamepad (จอยเกมส์) เป็นตัวช่วยในการควบคุมและสั่งงาน Smart TV ให้คล่องแคล่วขึ้น บ้างก็นำมาใช้ควบคุมการเล่นเกมส์บนจอได้อย่างจริงจัง ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ Smart TV ส่วนใหญ่จะรองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ สามารถแชร์ภาพ แชรร์เพลง แชร์วีดีโอ หรือแม้กระทั่งแชร์ YouTube จากมือถือไปแสดงผลบนจอทีวีจอใหญ่ได้ทันที ย้ำอีกทีวีว่า Smart TV ยุคนี้รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไร้สายทั้งหมด อีกทั้งยังมีพอร์ท LAN ไว้ให้ท่านที่ต้องการเชื่อมต่อด้วยสาย LAN เพื่อความเสถียรสูงสุดของสัญญาณอินเตอร์เน็ตอีกด้วย อรรถประโยชน์ของ Smart TV นั้นมีมากมายก่ายกอง ให้สาธยายทั้งวันก็คงไม่หมด แต่ก็ต้องแลกมาด้วยระดับราคาขายที่สูงขึ้น ฉะนั้นผู้ซื้อต้องถามใจตัวเองก่อนว่าจะใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้หรือไม่ ? ซึ่งไฟท์บังคับทีวีรุ่นกลางไปจนรุ่นบนมักจะมี Smart TV มาให้ด้วย แต่หากคิดว่าที่บ้านให้ผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ้านใช้ดูทีวีหรือดูเคเบิ้ลเพียงอย่างเดียว ก็แนะนำง่าอาจจะไม่จำเป็นนัก ซื้อทีวีรุ่นเริ่มต้นก็เพียงพอต่อการใช้แบบงานเบสิคทั่วไปแล้ว


Smart TV เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและโหลดแอพส์ได้เลย หลักการเดียวกับ Smart Phone


7) ช่องต่อ : ปัจจัยที่หลายท่านมองข้าม ช่องต่อที่มีความสำคัญที่สุดคือ HDMI ที่สามารถให้ภาพและเสียงระดับ HD ได้ในช่องเดียว โดยทั่วไปทีวีก็จะใช้ช่องต่อ HDMI เฉลี่ย 2-4 ช่อง ใหคำนวณเครื่องเล่นหรือกล่องที่เราจะนำมาเชื่อมต่อกับทีวีไว้ให้ดี อาทิ กล่อง Set-Top-Box, เครื่องเล่น DVD / Blu-ray Player, กล่อง HD Player / Android Box, เครื่องเล่นเกมส์ PS4 / XฺBoX หากจำนวนช่อง HDMI ไม่เพียงพอ ก็คงได้ถอดสลับสายกันมันส์แน่ อีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือช่องต่อ USB ซึ่งทีวีส่วนใหญ่จะรองรับการเล่นไฟล์มัลติมีเดีย รูปภาพ เพลง วีดีโอ ผ่านช่องนี้ สุดท้ายหากจะใช้งานทีวีร่วมกับลำโพงซาด์บาร์ ก็ขอแนะนำให้ดูช่องต่ออย่าง HDMI ที่มีระบุว่า ARC : Audio Return Channel และช่องต่อ Optical Out สำหรับส่งผ่านเสียงจากทีวีมาออกยังลำโพงซาวด์บาร์หรือชุดเครื่องเสียงของท่าน



ช่อง HDMI คำนวณจำนวนให้ดีก่อนซื้อ รวมถึงช่องต่อแบบอื่นๆอาทิ USB, AV, Audio Out


8) ลำโพงทีวี หรือ ลำโพงซาวด์บาร์ หรือไปสุดที่ ชุดโฮมเธียเตอร์ : เสียงจากลำโพงทีวีมักจะอยู่ในระดับแค่ "พอฟังได้" เท่านั้น เพราะระดับความบางของตัวเครื่องจะส่งผลต่อการผนวกดอกลำโพงเข้าไป ระดับความดังมักจะอยู่ราว 20 ไปจนถึง 60 วัตต์ หากเป็นตัวท็อปก็มักจะผนวกลำโพงวูฟเฟอร์ฝังหลังเครื่องมาให้ด้วยเพื่อให้เสียงมีน้ำมีนวลไม่แห้งเหือด ฉะนั้นลำโพงซาวด์บาร์ (Soundbar) จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการอัพเกรดคุณภาพเสียงของทีวีโดยไม่กระทบงบประมาณในกระเป๋ามากนัก รวมถึงการติดตั้งที่ง่ายดายแถมไม่กินพื้นที่ ไม่มีสายเกะกะรกรุงรังรอบห้อง ลำโพงซาวด์บาร์ ส่วนใหญ่จะมีกำลังขับสูงถึง 200-400 วัตต์ มาพร้อมซับวูฟเฟอร์ไร้สาย ช่วยยกระดับอรรถรสการรับชมได้อย่างเห็นผลชัดเจน หรือหากอยากได้ระบบเสียงที่รอบทิศทางโอบล้อมสมบูรณ์แบบ มีลำโพงล้อมหน้าล้อมหลังเสมือนโรงภาพยนตร์จริงๆ ก็คงต้องก้าวไปจัดชุดโฮมเธียเตอร์ซักชุดแทน ไม่ว่าจะเป็นแบบชุดสำเร็จรูปหรือซื้อเป็นลำโพงแยกชิ้นก็ตาม



ลำโพงซาวด์บาร์ เสริมอรรถรสการรับชมได้อย่างดีเยี่ยม
ให้ดูว่าทีวีมีช่อง HDMI : ARC และ Optical Out หรือไม่ ?


9) แบรนด์ เกาหลี VS ญี่ปุ่น VS จีน VS ไทย !!! ?
- แบรนด์เกาหลี LG, Samsung : ได้เรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเหนือใคร มีดีไซน์ที่สวยโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ในระดับราคาเดียวกับแบรนด์ญี่ปุ่นก็มักมาพร้อมสเป็คและฟีเจอร์ที่จัดเต็มกว่า
- แบรนด์ญี่ปุ่น Sony, Panasonic, Sharp, Toshiba ชื่อเสียงที่สั่งสมมานานย่อมก่อให้เกิดความไว้วางใจในคุณภาพสินค้า มาตรฐานการผลิตสูงส่ง ความคงทนที่มักมีเหนือแบรนด์ชาติอื่น ดีไซน์ที่ดูเรียบๆแต่ก็สวยแบบยั่งยืน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยระดับราคาที่จะสูงกว่าแบรนด์ชาติอื่นถึง 1-2 สเต็ป
- แบรนด์จีน TCL , Hisense, Skyworth แบรนด์น้องใหม่ไฟแรง หากเทียบคุณภาพและนวัตกรรมอาจจะยังมิได้ทัดเทียมกับแบรนด์เกาหลีและญี่ปุ่น แต่เรื่องความคุ้มค่านี่มาเกินร้อย ราคาถูกกว่าได้จอที่ใหญ่กว่าหรือลูกเล่นที่มากกว่าเป็นต้น
- แบรนด์ไทย ProVision, Mitron, Altron, Aconatic คุณภาพจัดว่าสูสีกับแบรนด์จีน ได้เรื่องความคุ้มค่าเช่นกันเพราะระดับราคาจับต้องได้ บางเจ้ายังมีนวัตกรรมเป็นของตนเองอย่างเช่น ProVision มีระบบ Super TV ดูรายการทีวีย้อนหลังได้ทันที  


แบรนด์จากประเทศไหนดี ?


10) งบประมาณ : ปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือ "เงินในกระเป๋า" เพราะสมัยนี้คุณภาพและลูกเล่นของทีวีจะสูงตามระดับราคา กล่าวคือ ยิ่งราคาสูง = คุณภาพยิ่งดี การแบ่งระดับซีรีส์ของทีวีมีความแม่นยำสูงมากมาก อย่างเช่นซีรส์ 9 ก็จะมีคุณภาพและลูกเล่นที่ดีกว่าซีรีส์ 8,7,6,5 เรียงลงมาตามลำดับแบบขั้นบันได สเป็คและฟีเจอร์ก็จะย่อหยอนลงมาตามระดับราคา อย่าลืมว่าทีวีตัวที่แพงที่สุดอาจะมิใช่ทีวีตัวที่ใช่ที่สุดสำหรับท่าน หากจะซื้อทีวีซักเครื่องเพื่อเสพความสุขจากมัน จงอย่ามองว่า การซื้อทีวี = ค่าใช้จ่าย แต่จงมองว่าการซื้อทีวี = การลงทุน บางทีซีรส์ 6 ที่คุณภาพของภาพและลูกเล่นอยู่ในระดับดีปานกลางเท่านั้น แต่ก็อาจจะเป็น "ตัวที่ใช่" ที่ "เพียงพอ" ต่อการใช้งาน และ "พอดี" กับเงินในกระเป๋า ก็ย่อมหมายถึงการเสพทีวีได้อย่างสุขกายสบายใจไร้ซึ่งกังวล ทว่าบางท่านอาจะมีงบประมาณเหลือเฟือ อยากจะได้กับทีวีจอใหญ่ที่คุณภาพที่ดีที่สุดพร้อมลูกเล่นครบถ้วนสุดซักตัวเพื่อเสพอรรถรสที่ดีที่สุด เพื่อนบรรลุปลายทางก็คือ "ความสุขสูงสุด" จากการรับชมนั่นเอง สรุปสั้นๆว่าเงินซื้อความสุขได้นะ..ใครบอกว่าไม่หละ ? ^ ^


2

สำหรับมือใหม่และมือเก๋าที่กำลังจะซื้อทีวีเครื่องใหม่ในปี 2016-2017 มาอัพเดทดูกันดีกว่าว่าหากจะซื้อทีวีเครื่องใหม่ซักเครื่อง เราควรจะต้องพิจารณาปัจจัยและเทคโนโลยีอะไรกันบ้างในการเลือกซื้อ ? จุดประสงค์ก็เพื่อให้ท่านสามารถตัดสินใจซื้อทีวี "ตัวที่ใช่สำหรับท่านที่สุด" ภายใต้กรอบงบประมาณและลักษณะการใช้งานของตัวท่าน หวังว่า TV Buying Guide ทั้ง 10 ประการนี้จะช่วยเป็น "เข็มทิศ" ให้ท่านเดินไปหาทีวีตัวที่ใช่ได้อย่างถูกต้องและถูกใจ

1) ขนาดหน้าจอ : ในอดีตที่พวกเรายังเคยชินกับทีวีจอตู้ หรือ CRT TV ขนาด 25"- 29" พอก้าวไปสู่ LCD TV เครื่องแรกก็มักจะเล่นขนาดเริ่มต้นที่ 32" เป็นหลัก เนื่องด้วยระดับราคาที่ไม่สูงนัก แต่หลายปีผ่านไปทำให้ผู้ใช้งานเรียกนรู้ว่าทีวีจอ 32" นั้นมันค่อนข้างเล็กเกินไป ยิ่งถ้าหากเคยไปดูทีวีจอใหญ่ๆที่บ้านเพื่อนมาแล้วจะล่วงรู้เลยว่า "อาหารจอหดเป็นอย่างไร?" ซึ่งจากประสบการณ์ขอแนะนำว่าหากมีระยะชมห่างซัก 1.5-2 เมตร สามารถเลือกซื้อทีวีขนาดใหญ่ซัก 40"- 50" ได้เลย หรือหากระยะรับชม 2 เมตรขึ้นไป ขนาดใหญ่มาตรฐานอย่าง 55" จะเป็นตัวเลือกที่มีความพอดิบพอดี อย่าลืมว่า ทีวียิ่งจอใหญ่ = อรรถรสและความสุขก็จะยิ่งใหญ่ตาม



ระยะนั่งรับชมที่แนะนำ


2) ความละเอียดหน้าจอ 4K VS Full HD : 4K คือความละเอียดหน้าจอ 3840 x 2160 = 8.2 ล้านพิกเซล ส่วน Full HD คือความละเอียด หน้าจอ 1920 x 1080 = 2.1 ล้านพิกเซล ต่างกันถึง 4 เท่า ซึ่งแน่นอนว่าความละเอียดสูงก็ย่อมดีกว่าในเรื่องรายละเอียดและความคมชัด รวมถึงระบบอัพสเกลภาพความละเอียด HD / Full HD (ที่ยังเป็นความละเอียดของคอนเทนต์ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน) ให้ใกล้เคียงกับภาพ 4K ก็พัฒนาดีขึ้นตามลำดับ ภาพเนียนกริ๊บ ไม่หยาบกร้านเหมือนทีวี 4K ยุคบุกเบิกอีกต่อไป ฉะนั้นหากอยากไปให้สุดและ "รองรับอนาคต" ทีวีความละเอียด 4K เป็นตัวเลือกที่ "ตอบโจทย์" อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามหากลักษณะการใช้งานคือการดูฟรีทีวี เคเบิ้ลทีวี หรือหนัง HD และ DVD ทั่วไปเป็นหลักซึ่งมีความละเอียดอยู่ในระดับ Full HD / HD ทั่วไป ทีวีความละเอียด Full HD ก็เป็นตัวเลือกที่ "เพียงพอ" ต่อการใช้งาน แสดงภาพคอนเทนต์เหล่านั้นได้ดีเพราะความละเอียดแมตช์ชิ่งกันพอดี แถมยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้พอสมควรอีกด้วย

ทีวีความละเอียด 4K มีจำนวนจุดเม็ดพิกเซลมากกว่า Full HD ถึง 4 เท่า !


3) HDR หรือ SDR : HDR หรือ High Dynamic Range เป็นเทคโนโลยีการแสดงผลภาพแบบใหม่ล่าสุดที่ให้ระดับความดำได้ดำสนิท ระดับความสว่างที่สว่างกว่าเดิม รวมถึงสีสันที่สดอิ่มเจิดจรัส เหนือกว่าภาพแบบปกติธรรมดาหรือ Standard Dynamic Range โดยปัจจุบันนี้ HDR มี 2 มาตรฐานคือ HDR 10 และ Dolby Vision HDR หากจะเล่นทีวีความละเอียดระดับ 4K ให้สุด ก็ขอแนะว่าตัวทีวีต้องรองรับ HDR ด้วย เพราะคอนเทนต์ 4K Blu-ray Disc หรือแม้กระทั่งพวกแอพวีดีโอสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ก็เริ่มมี "หนัง 4K HDR" ให้รับชมกันแล้ว หมายเหตุว่าทีวีความละเอียด 4K รุ่นเริ่มต้นราคาประหยัดก็มักจะไม่รองรับ HDR ส่วนทีวีความละเอียด Full HD ก็จะไม่รองรับ HDR อยู่แล้วแต่ต้นเลย ฉะนั้นตรวจสอบฟีเจอร์ของทีวีให้แน่ชัดก่อนตัดสินใจซื้อ                                  

HDR เทคโนโลยีภาพชนิดใหม่ สว่างขึ้น ดำขึ้น สีสันสดสวยเจิดจรัสขึ้น

หนัง 4K HDR เริ่มทยอยออกสู่ตลาด


4) จอโค้ง หรือ จอตรง : จอโค้ง เป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ภายใต้คอนเซ็ปต์ "ภาพโอบล้อมผู้ชม...เฉกเช่นโรงหนัง IMAX" มิติภาพที่ลึกขึ้นเสมือนดึงเราเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ ถึงแม้ระยะรับชมจะต้องใกล้พอเพื่อที่จะสัมผัสประสบการณ์ที่กล่าวมาได้จริง (ก็เหอะ) ตลอดจนดีไซน์ที่ "หล่อขึ้นเป็นกอง" เมื่อตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางบ้าน หากเปรียบเป็นผู้หญิงก็จะออกแนวสวยเปรี้ยว แต่งตัวเห็นสัดส่วนโค้งเว้าแบบวับๆแวมๆ สะดุดตาทันทีเมื่อแรกพบ ส่วนจอตรงจะได้ความเรียบหรูไม่ว่าจะตั้งโต๊ะ หรือเมื่อนำไปแขวนผนังก็จะเหมือนกรอบรูป เป็นดีไซน์ที่คงกระพันอยู่ได้ในระยะยาว หากเปรียบเป็นผู้หญิง ก็จะออกแนวสวยไฮไซ แต่งตัวเรียบแต่ดูหรูดั่งผู้ดีมีสกุล สรุปได้ว่าเรื่องดีไซน์ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล จากประสบการณ์ตรงทั้งทดสอบ+เขียนรีวิวตลอดจนออกไปเยี่ยมเยียนบ้านลูกค้าจริงทั้งผู้ใช้ทีวีจอตรงและจอโค้ง ขอบอกเลยว่าผลกระทบเรื่องดีไซน์ต่อการใช้งานจริงจัดว่ามีน้อยมาก (เช่น คนขายจอโค้งมักเชียร์บอกว่าจอโค้งมุมมองดีกว่า หรือคนขายจอตรงมักบอกว่ามุมมองการรับชมจอตรงย่อมดีกว่าจอโค้ง => แต่อันที่จริงก็พอๆกัน ขึ้นอยู่กับชนิดขอจอ Panel ซะมากกว่า) ฉะนั้นเลือกเล่นตามที่ "หัวใจ" เราเรียกร้องได้เลย



ทีวีจอโค้งเทรนด์ใหม่

ทีวีจอตรงเรียบหรู


5) ติดตั้งแบบแขวน หรือ ตั้งโต๊ะ : การติดตั้งแบบพื้นฐานที่สุดคือการตั้งบนชั้นวาง (หรือตั้งโต๊ะ) โดยเราสามารถใช้ขาตั้งที่แถมมากับตัวเครื่องทีวีได้เลย ซึ่งดีไซน์ขาตั้งของทีวีแต่ละรุ่นก็ไม่เหมือนกัน บ้างก็เป็นทรง "กิ่งไม้" อยู่ด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง ซึ่งทำให้ทีวีดูมีความเพรียวบาง จะทำให้มีช่องว่างในการสอดพวกเครื่องเล่นหรือพวกกล่อง Set-Top-Box ตรงกลาง ในทางกลับกันพวกฐานตั้งแบบ "แกนกลาง" ทั่วไป ก็มีจุดศูนย์กลางที่ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องเผื่อความกว้างของโต๊ะหรือชั้นวางทีวีมากกนัก สรุปหากจะตั้งโต๊ะ/ชั้นวาง ก็จงเลือกดีไซน์ของขาตั้งทีวีให้สัมพันธ์กับชั้นวางของท่าน ส่วนการแขวนผนังนั้น จะได้เปรียบเรื่องการประหยัดพื้นที่ เหมาะกับพวกคอนโดหรือห้องนอนที่มีขนาดเล็ก หรือห้องนั่งเล่นที่ทำบิลด์อินสวยงามมาเพื่อการนี้เพราะแขวนปุ๊บดูเรียบหรูแบบสไตล์ Minimalist ทันที ระยะสูงต่ำในการแขวนหากอ้างอิงตามทฤษฎี "สายตาควรอยู่กลางจอพอดี" ทว่าเอาเข้าจริงก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวด้วยแหละ บางท่านชอบแขวนสูงขึ้นหน่อยเพื่อในเวลาเแหงนศรีษะขึ้นในท่าขี้เกียจบนโซฟาจะสอดรับกันพอดีเป๊ะ !

จะแขวนผนัง หรือ ตั้งชั้นวาง วางแผนให้ดีก่อนซื้อ !


ฐานตั้งทรง "กิ่งไม้" เรียบหรูแบบ Minimal แต่ก็ต้องใช้ชั้นวางทีวีที่มีความกว้างให้พอดีกัน


6) Smart TV จำเป็นหรือไม่ ? : ระบบปฏิบัติการ Smart TV มีหากแบรนด์หลากรูปแบบทั้ง Tizen, webOS,  Android , Firefox, Super TV ซึ่งมีวิธีการใช้งานแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่จะออกแบบเมนูให้ใช้งานง่าย เน้นโหลดแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานจริงอย่างเช่นแอพส์ดูหนังดูวีดีโอออนไลน์อย่าง YouTube และ Netflix ยิ่งไปกว่านั้นบางค่ายก็ยังรองรับพวกรีโมทแบบพิเศษ เช่น Magic Remote (แอร์เมาส์), Touchpad (ใช้นิ้วโป้งสไลด์), หรือแม้กระทั่ง Gamepad (จอยเกมส์) เป็นตัวช่วยในการควบคุมและสั่งงาน Smart TV ให้คล่องแคล่วขึ้น บ้างก็นำมาใช้ควบคุมการเล่นเกมส์บนจอได้อย่างจริงจัง ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ Smart TV ส่วนใหญ่จะรองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ สามารถแชร์ภาพ แชรร์เพลง แชร์วีดีโอ หรือแม้กระทั่งแชร์ YouTube จากมือถือไปแสดงผลบนจอทีวีจอใหญ่ได้ทันที ย้ำอีกทีวีว่า Smart TV ยุคนี้รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไร้สายทั้งหมด อีกทั้งยังมีพอร์ท LAN ไว้ให้ท่านที่ต้องการเชื่อมต่อด้วยสาย LAN เพื่อความเสถียรสูงสุดของสัญญาณอินเตอร์เน็ตอีกด้วย อรรถประโยชน์ของ Smart TV นั้นมีมากมายก่ายกอง ให้สาธยายทั้งวันก็คงไม่หมด แต่ก็ต้องแลกมาด้วยระดับราคาขายที่สูงขึ้น ฉะนั้นผู้ซื้อต้องถามใจตัวเองก่อนว่าจะใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้หรือไม่ ? ซึ่งไฟท์บังคับทีวีรุ่นกลางไปจนรุ่นบนมักจะมี Smart TV มาให้ด้วย แต่หากคิดว่าที่บ้านให้ผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ้านใช้ดูทีวีหรือดูเคเบิ้ลเพียงอย่างเดียว ก็แนะนำง่าอาจจะไม่จำเป็นนัก ซื้อทีวีรุ่นเริ่มต้นก็เพียงพอต่อการใช้แบบงานเบสิคทั่วไปแล้ว


Smart TV เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและโหลดแอพส์ได้เลย หลักการเดียวกับ Smart Phone


7) ช่องต่อ : ปัจจัยที่หลายท่านมองข้าม ช่องต่อที่มีความสำคัญที่สุดคือ HDMI ที่สามารถให้ภาพและเสียงระดับ HD ได้ในช่องเดียว โดยทั่วไปทีวีก็จะใช้ช่องต่อ HDMI เฉลี่ย 2-4 ช่อง ใหคำนวณเครื่องเล่นหรือกล่องที่เราจะนำมาเชื่อมต่อกับทีวีไว้ให้ดี อาทิ กล่อง Set-Top-Box, เครื่องเล่น DVD / Blu-ray Player, กล่อง HD Player / Android Box, เครื่องเล่นเกมส์ PS4 / XฺBoX หากจำนวนช่อง HDMI ไม่เพียงพอ ก็คงได้ถอดสลับสายกันมันส์แน่ อีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือช่องต่อ USB ซึ่งทีวีส่วนใหญ่จะรองรับการเล่นไฟล์มัลติมีเดีย รูปภาพ เพลง วีดีโอ ผ่านช่องนี้ สุดท้ายหากจะใช้งานทีวีร่วมกับลำโพงซาด์บาร์ ก็ขอแนะนำให้ดูช่องต่ออย่าง HDMI ที่มีระบุว่า ARC : Audio Return Channel และช่องต่อ Optical Out สำหรับส่งผ่านเสียงจากทีวีมาออกยังลำโพงซาวด์บาร์หรือชุดเครื่องเสียงของท่าน



ช่อง HDMI คำนวณจำนวนให้ดีก่อนซื้อ รวมถึงช่องต่อแบบอื่นๆอาทิ USB, AV, Audio Out


8) ลำโพงทีวี หรือ ลำโพงซาวด์บาร์ หรือไปสุดที่ ชุดโฮมเธียเตอร์ : เสียงจากลำโพงทีวีมักจะอยู่ในระดับแค่ "พอฟังได้" เท่านั้น เพราะระดับความบางของตัวเครื่องจะส่งผลต่อการผนวกดอกลำโพงเข้าไป ระดับความดังมักจะอยู่ราว 20 ไปจนถึง 60 วัตต์ หากเป็นตัวท็อปก็มักจะผนวกลำโพงวูฟเฟอร์ฝังหลังเครื่องมาให้ด้วยเพื่อให้เสียงมีน้ำมีนวลไม่แห้งเหือด ฉะนั้นลำโพงซาวด์บาร์ (Soundbar) จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการอัพเกรดคุณภาพเสียงของทีวีโดยไม่กระทบงบประมาณในกระเป๋ามากนัก รวมถึงการติดตั้งที่ง่ายดายแถมไม่กินพื้นที่ ไม่มีสายเกะกะรกรุงรังรอบห้อง ลำโพงซาวด์บาร์ ส่วนใหญ่จะมีกำลังขับสูงถึง 200-400 วัตต์ มาพร้อมซับวูฟเฟอร์ไร้สาย ช่วยยกระดับอรรถรสการรับชมได้อย่างเห็นผลชัดเจน หรือหากอยากได้ระบบเสียงที่รอบทิศทางโอบล้อมสมบูรณ์แบบ มีลำโพงล้อมหน้าล้อมหลังเสมือนโรงภาพยนตร์จริงๆ ก็คงต้องก้าวไปจัดชุดโฮมเธียเตอร์ซักชุดแทน ไม่ว่าจะเป็นแบบชุดสำเร็จรูปหรือซื้อเป็นลำโพงแยกชิ้นก็ตาม



ลำโพงซาวด์บาร์ เสริมอรรถรสการรับชมได้อย่างดีเยี่ยม
ให้ดูว่าทีวีมีช่อง HDMI : ARC และ Optical Out หรือไม่ ?


9) แบรนด์ เกาหลี VS ญี่ปุ่น VS จีน VS ไทย !!! ?
- แบรนด์เกาหลี LG, Samsung : ได้เรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเหนือใคร มีดีไซน์ที่สวยโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ในระดับราคาเดียวกับแบรนด์ญี่ปุ่นก็มักมาพร้อมสเป็คและฟีเจอร์ที่จัดเต็มกว่า
- แบรนด์ญี่ปุ่น Sony, Panasonic, Sharp, Toshiba ชื่อเสียงที่สั่งสมมานานย่อมก่อให้เกิดความไว้วางใจในคุณภาพสินค้า มาตรฐานการผลิตสูงส่ง ความคงทนที่มักมีเหนือแบรนด์ชาติอื่น ดีไซน์ที่ดูเรียบๆแต่ก็สวยแบบยั่งยืน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยระดับราคาที่จะสูงกว่าแบรนด์ชาติอื่นถึง 1-2 สเต็ป
- แบรนด์จีน TCL , Hisense, Skyworth แบรนด์น้องใหม่ไฟแรง หากเทียบคุณภาพและนวัตกรรมอาจจะยังมิได้ทัดเทียมกับแบรนด์เกาหลีและญี่ปุ่น แต่เรื่องความคุ้มค่านี่มาเกินร้อย ราคาถูกกว่าได้จอที่ใหญ่กว่าหรือลูกเล่นที่มากกว่าเป็นต้น
- แบรนด์ไทย ProVision, Mitron, Altron, Aconatic คุณภาพจัดว่าสูสีกับแบรนด์จีน ได้เรื่องความคุ้มค่าเช่นกันเพราะระดับราคาจับต้องได้ บางเจ้ายังมีนวัตกรรมเป็นของตนเองอย่างเช่น ProVision มีระบบ Super TV ดูรายการทีวีย้อนหลังได้ทันที  


แบรนด์จากประเทศไหนดี ?


10) งบประมาณ : ปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือ "เงินในกระเป๋า" เพราะสมัยนี้คุณภาพและลูกเล่นของทีวีจะสูงตามระดับราคา กล่าวคือ ยิ่งราคาสูง = คุณภาพยิ่งดี การแบ่งระดับซีรีส์ของทีวีมีความแม่นยำสูงมากมาก อย่างเช่นซีรส์ 9 ก็จะมีคุณภาพและลูกเล่นที่ดีกว่าซีรีส์ 8,7,6,5 เรียงลงมาตามลำดับแบบขั้นบันได สเป็คและฟีเจอร์ก็จะย่อหยอนลงมาตามระดับราคา อย่าลืมว่าทีวีตัวที่แพงที่สุดอาจะมิใช่ทีวีตัวที่ใช่ที่สุดสำหรับท่าน หากจะซื้อทีวีซักเครื่องเพื่อเสพความสุขจากมัน จงอย่ามองว่า การซื้อทีวี = ค่าใช้จ่าย แต่จงมองว่าการซื้อทีวี = การลงทุน บางทีซีรส์ 6 ที่คุณภาพของภาพและลูกเล่นอยู่ในระดับดีปานกลางเท่านั้น แต่ก็อาจจะเป็น "ตัวที่ใช่" ที่ "เพียงพอ" ต่อการใช้งาน และ "พอดี" กับเงินในกระเป๋า ก็ย่อมหมายถึงการเสพทีวีได้อย่างสุขกายสบายใจไร้ซึ่งกังวล ทว่าบางท่านอาจะมีงบประมาณเหลือเฟือ อยากจะได้กับทีวีจอใหญ่ที่คุณภาพที่ดีที่สุดพร้อมลูกเล่นครบถ้วนสุดซักตัวเพื่อเสพอรรถรสที่ดีที่สุด เพื่อนบรรลุปลายทางก็คือ "ความสุขสูงสุด" จากการรับชมนั่นเอง สรุปสั้นๆว่าเงินซื้อความสุขได้นะ..ใครบอกว่าไม่หละ ? ^ ^


3
"ญี่ปุ่น" ประเทศในฝันของชายไทยหลายท่าน เป็นศูนย์กลางความเจริญในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน แฟชั่น ตลอดจนสินค้าเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าใครเพื่อน หากพูดถึงวงการเครื่องเสียงและโฮมเธียเตอร์บ้านเรา 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่จากแดนอาทิตย์อุทัยที่เราได้ยินชื่อกันมาแต่เด็กก็คงหนีไม่พ้น Onkyo และ Pioneer ในช่วงปี 2015 ที่ผ่านมาก็เกิดปรากฏการณ์การรวมตัวครั้งใหญ่ขึ้น (ยังกับคอนเสิร์ต) ทางบริษัท Onkyo ได้ร่วมเข้าถือหุ้นบริษัท Pioneer และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Onkyo Pioneer Corporation เท่ากับว่าเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญในวงการภาพและเสียง ดังนี้เมื่อวันที่ 18-22 ตุลาคมที่ผ่านมาทาง บริษัท เซ็นทรัล เทรดดิ้ง จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าเครื่องเสียงแบรนด์ Onkyo และ Pioneer จึงได้เชิญพลพรรคสื่อมวลชนในวงการภาพและเสียงเดินทางลัดฟ้าไปยังมหานครโตเกียว เพื่อเข้าเยี่ยมชมทั้ง 2 บริษัท และรับทราบถึงทิศทางการดำเนินงาน ตลอดจนนวัตกรรมสินค้าใหม่ๆ เป็นโอกาสอันดีที่ผม "นายโรมัน" จะได้ร่วมสัมผัสสินค้าใหม่ก่อนใคร และเก็บภาพบรรยากาศตลอดทั้งทริปมาฝากแฟนเว็บทุกท่านครับ เชื่อว่าช่วยให้ท่านได้เห็นมุมมองใหม่ๆของทั้ง 2 บริษัท เพราะแต่เริ่มเดิมทีทางเว็บก็จะมีแต่การตะบี้ตะบันรีวิวสินค้าแบบเจาะลึกเพียงอย่างเดียว

Onkyo Pioneer Corporation

:::: Day 1 & 2 ::::
คณะเริ่มเดินทางแต่เช้าวันที่ 18 ตุลาคม จากสนามบินสุวรรณภูมิและมาถึงสนามบินนาริตะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นในช่วงเย็นใกล้ค่ำของวันนั้น กว่าจะเดินเดินทางเข้าโรงแรมย่านตลาดปลาซึกิจิก็เกือบหมดวันแล้ว รุ่งขึ้นทางคณะก็ได้เริ่มภารกิจเยี่ยมชม บริษัท Pioneer Corporation จำกัด ในวันที่ 19 ตุลาคม ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro และไปต่อรถไฟบนดิน JR สิริรวมแล้วประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงเมืองคาวาซากิซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก ทว่าได้กลิ่นอายความเป็นต่างจังหวัดอยู่มิน้อย สังเกตจากทุ่งหญ้าริมทางระหว่างนั่งรถไฟไปเหมือนดูรายงานเที่ยวญี่ปุ่นตามช้่อง True Visions ยังไงอย่างงั้น พอเข้ามาในอาณาเขต ไม่สิหรือจะเรียกอาณาจักรสำนักงานใหญ่ก็ได้เห็นตัวตึกขนาดใหญ่โตตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า


สำนักงานใหญ่ของ Pioneer ตั้งอยู่ที่เมืองคาวาซากิ ไม่ไกลจากกรุงโตเกียว


ทางคณะผู้บริหาร Pioneer ออกมาต้อนรับคณะของพวกเราและให้เกียรติถ่ายรูปอย่างเป็นกันเอง
ส่วนโฉมหน้าค่าตาของสื่อมวลชนไทยที่ไปในทริปนี้ขอบอกว่าระดับ "บิ๊กเนม" ทั้งนั้นในวงการภาพและเสียง


บรรยากาศภายในโชว์รูมดูโล่งโปร่งสบาย


เริ่มสำรวจอาณาบริเวณภายในสำนักงานใหญ่ก็ไปปะกับอดีตทีวีที่ดีที่สุดในวงการ Pioneer - Kuro
Kuro อ่านว่า คุโระ แปลว่า "ดำ" เพราะว่า Kuro เป็น Plasma TV ที่ให้ระดับความดำได้ดีที่สุดในยุคนั้น
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ยุติการผลิตไปหมดแล้ว คงเหลือแต่สินค้าหมวด Home Theater และ Audio


รูปปั้นของคุณมัทสึโมโต้ ผู้ก่อตั้ง Pioneer


ตู้โชว์ "ลำโพงชิ้นแรก" ของ Pioneer ที่ผลิตโดยผู้ก่อตั้งบริษัท คุณโนโซมุ มัตสึโมโต้
เชื่อไหมครับว่าเริ่มผลิตที่โรงรถเล็กๆในบ้านของเขาเอง เพียงก้าวเล็กๆก้าวนี้ก่อให้เกิดความยิ่งใหญ่อย่างไม่น่าเขื่อ

ก่อนที่ทีมงาน Pioneer จะเริ่มต้นการบรรยายไลน์อัพสินค้าของเขา ผมขอแนะนำประวัติของบริษัท Pioneer ให้ทุกท่านทราบพอสังเขป เริ่มต้นในปี 1938 โดยคุณโนโซมุ มันสึโมโต้ จากเพียงแค่การผลิตลำโพงในโรงรถเล็กๆที่บ้าน จนมาในปี 1947 ก็ได้จดทะเบียนก่อตั้งเป็น บริษัท Pioneer Corporation จำกัด โดยปัจจุบันมีโรงงานผลิตสินค้าอยู่ที่เมืองไซตามะ ส่วนสำนักงานใหญ่ก็ตั้งอยู่ที่เมืองคาวาซากิ มีจำนวนพนักงานทั้งหมดกว่า 19,000 คน มียอดขายปีล่าสุดกว่า 501,676 ล้านเยน และนอกจากนี้ Pioneer ยังเป็นผู้ผลิต "เจ้าแรกของโลก" ในหลายหมวดสินค้าไม่ว่าจะเป็น LD Player, CD Player, Component Car Stereo , Projection Monitor, XGA Plasma TV, และรวมถึงเจ้า Kuro Plasma TV ขนาด 50" กับความละเอียดระดับ Full HD เป็นต้น


5
--------------------------------------------------------------------------------

แจกฟรี 400 ใบ !!! บัตรเข้างาน BAV Show 2010 งานแสดงภาพและเสียงใหญ่ที่สุด

มาแล้วครับกิจกรรม "แจกฟรี 400 ใบ" บัตรเข้างาน BAV Show 2010 ที่กำลังจะจัดขึ้นที่โรงแรม Grand Mercure Fortune วันที่ 29 ก.ค. - 1 ส.ค. 2010 นี้ครับ ทาง LCDTVTHAILAND ก็นำบัตรเข้างานมาแจกแฟนๆเว็บถึง 400 ใบครับ (ทั้งหมด 200 รางวัล  200 ท่าน ท่านละ 2 ใบ รวมเป็น 400 ใบ)

กติกา
1. เพียงท่านตอบคำถามง่ายๆว่า
- อยากให้ภาพยนตร์เรื่องไหนทำเป็น 3D สามมิติมากที่สุด ?
- เพราะอะไร ?


*** ห้ามตอบซ้ำเรื่องกับผู้ที่ได้โพสต์ไปแล้วนะครับ เช่นมีคนตอบเรื่อง Avartar ไปแล้วก็ห้ามตอบซ้ำ ***


2. โพสต์คำตอบลงในกระทู้นี้เท่านั้น !!!

สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด คลิีกที่นี่
http://www.lcdtvthailand.com/webboard/index.php?action=register

3. ประกาศชื่อ Login ผู้โชคดี ที่ตอบถูกเมื่อมีคนโพสต์ตอบ 200 ท่านแล้ว โดยผมจะโพสต์แจ้งลงในกระทู้เลย

4. ให้ Login ผู้โชคดีส่ง PM มาให้นาย Roman
- ชื่อ นามสกุล
- เบอร์โทรศัพท์
- E-mail

5. ผมจะโพสต์ Login รายชื่อผู้ที่ PM มาให้ผมแล้วสรุปเป็น List ภายในวันที่ 26 กรกฎาคม 2010

6. ผู้ที่มีรายชื่อใน List  ก็เดินเข้าไปพร้อมบัตรประชาชน Register หน้างานได้เลยครับ มีเจ้าหน้าที่รอต้อนรับแขก VIP เช่นท่านอยู่ รับบัตรท่านละ 2 ใบนะครับ !!!

__________________________________________________

ตัวอย่าง
- ผมอยากให้หนังเรื่อง Spider Man ภาค 1 ทำเป็นหนัง 3 มิติครับ
- เพราะว่าอยากเห็นตอนพระเอกยิงใยแมงมุมลอยทะลุจอออกมา !!!

__________________________________________________



บัตรใบละ 50 บาทเลยนะเนี่ย !!! 400 ใบก็รวมมูลค่า 20,000 บาทครับ ทุ่มทุนสร้าง !!!


คลิ๊กที่รูปเพื่อดูรายละเอียดของงาน


งาน BAV Show 2010 มีการบรรยายจาก "กูรูระดับเทพ" ทางภาพและเสียง


นายโรมันและทีมงาน LCDTVTHAILAND.COM มีบรรยายเรื่อง
"3D TV เทพอย่างไร ???" ใครสนใจอยากสัมผัส 3D TV หรือสอบถามปัญหาจากทีมงาน
LCDTVTHAILAND.COM ก็ขอเชิญวันที่ 1 ส.ค. 13.00-15.00 น. ฟรี !!!  


------------------------------------------------------------------------------------------------
สรุปรายชื่อผู้ได้รับบัตร งาน BAV Show 2010 ทั้งสิ้น 86 ท่านครับ
ผมจะได้จัดทำ List ให้ท่านเข้างานได้เพียงแค่แสดงบัตรประชาชนที่โต๊ะลงทะเบียนหน้างานครับ

No.   Log In Name
1   Anne~*
2   atom27
3   aui2517
4   badboy_l
5   badz99
6   bananaman
7   bebebubu
8   bigbirm
9   bkrobot
10   blizzard
11   boatcs
12   chainthorn
13   Chestha
14   chillout
15   chomromsin
16   D.N.A.
17   daibutsus
18   Deo2010
19   Devas
20   digitalotis
21   Dongz
22   doodoo
23   drno
24   eer
25   ethong
26   fazer
27   goku
28   GT2540
29   hotneck
30   huaking
31   hydra
32   i-[BuFF]
33   iceberg
34   Innova
35   jackboston
36   jackle
37   kamenriders
38   keng_pu
39   kittikim
40   kitto
41   kodoemoe
42   kritsada
43   kulatep
44   kumaiwang
45   kungfu
46   ky2j
47   llMonzall
48   maewga
49   max
50   meninblack
51   Mr. Smooth
52   moccajava
53   muu
54   MYDVDTT
55   mzp2511
56   nitpop
57   Nokhoog
58   noppawat
59   panupalm
60   PhatDG
61   pow
62   pravitm
63   presitige
64   RaykoComSC
65   renagang
66   RisSie
67   runmac
68   sapphire
69   Sasi999
70   save
71   siriwitu
72   smith744
73   somboonphu
74   srungyos
75   supatt
76   tatee
77   Tauruz
78   tui
79   vichaiki
80   wasano
81   weeratat
82   yiamh
83   yossayut
84   Zer0
85   zerodot
86   zipmix

6
วันนี้ทีมงานได้รวบรวม "บทความ" ที่เป็นประโยชน์สำหรับ "มือใหม่" ที่กำลังหาซื้อ LCD, LED, Plasma TV ครับ
ค่อยๆอ่านเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีทีวีนะครับ ประกอบกับการอ่านรีวิว และสเป็คสินค้า เชื่อว่าจะทำให้ท่านหาทีวีที่ "เหมาะสม" กับการใช้งานและงบประมาณของท่านได้แน่นอนครับ

1. หลักการเลือกซื้อ LCD TV 6 ข้อที่ทุกคนควรทราบ


2. LCD VS Plasma TV ต่างกันอย่างไร อะไรดีกว่า ??


3. LED VS LCD  ต่างกันอย่างไร อะไรดีกว่ากัน ??


4. 4K คืออะไร ? มารู้จักกับมาตรฐานใหม่ของความละเอียดหน้าจอกัน


5. Digital TV คืออะไร ? ใช้กับทีวีที่บ้านเราได้หรือไม่ ? ร่วมไขข้อข้องใจได้ที่นี่ !!


6. ระยะห่างการรับชมและขนาดของจอที่เหมาะสม ??



7. อ่านค่าสเป็คต่างๆ ง่ายนิดเดียว ความหมายของคำศัพท์ Resolution, Contrast Ratio, Response Time, PIP, HDMI และอื่นๆ ??


8. Contrast Ratio คืออะไร ??


9. Response Time คืออะไร ??


10. ดูแลรักษา LCD TV อย่างไรให้อยู่กับเราได้นานๆ ??


11. มารู้จักกับเพื่อนคนสนิทของ Plasma TV ที่ชื่อ Burn in กันเถอะ...



12. แขวน LCD TV สูงเท่าไหร่ดี..ถึงจะรับชมภาพได้ดีที่สุด ???


13. Motion Flow 100Hz 200Hz คือะไร ??? และมีประโยชน์อย่างไร ???


14. 20 เรื่องจริง !!! ของทีวี 3 มิติที่คุณต้องรู้…โดยนายโรมัน


15. แผ่น ปลอม !!! แผ่น Blu-ray แท้ VS แผ่นปลอม ดูอย่างไร ??? เข้ามาเลย


16. HDMI คืออะไร???


17. ทีวี 3 มิติคืออะไร ? มีกี่ประเภท ? เทคนิค 3 ข้อในการชมทีวี 3 มิติ และแนะนำตัวเด็ด


18. มือใหม่ Smart TV / Internet TV มันคืออะไร ??  ทำอะไรได้บ้าง ??


19. คลายทุกข้อสงสัย !!! HD Player คืออะไร ?? ข้อดี ข้อแตกต่าง ทำไมถึงต้องใช้ HD Player ??


20. ก่อนเลือกซื้อทีวี !!! มาดูกันว่า Panel แต่ละชนิด มีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร ที่นี่เลย !!!


21. ปรับภาพนั้น…สำคัญไฉน !!! ความสำคัญของการปรับภาพและเทคนิคการปรับภาพเบื้องต้น


22. จัดให้ !!! มือใหม่มาทางนี้ "ต่อคอมพิวเตอร์เข้าทีวี" ทำอย่างไรให้ภาพขึ้น ที่นี่มีคำตอบ


23. Basic Home Theater FAQ - เลือกโฮมเธียเตอร์ 5.1 หรือ 7.1 ดี?


24. Basic Home Theater FAQ - รู้จักกับระบบโฮมเธียเตอร์


25. 10 เรื่องจริงที่ควรรู้เกี่ยวกับ HDMI version 1.4




ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์และเป็นข้อมูลการกำลังตัดสินใจซื้อ LCD, LED, Plasma TV ลองอ่านดูก่อน ใครมรคำถามสงสัยหรือข้อสงสัยโพสต์กระทู้ใหม่ได้เลยครับ

7

เนื่องจากผู้ผู้ตอบคำถามครบ 50 ท่านแล้ว จึงขอประกาศปิดกระทู้และปิดเกมส์ครับ

สำหรับผู้ที่ตอบถูก 50 ท่านแรก รบกวน PM มาหาผมพร้อมแจ้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ให้ผมด้วยครับ

ทางเราจะรีบจัดส่งบัตรเข้าชมงานให้

รายชื่อสมาชิก LCDTVTHAILAND.COM ผู้ได้รับบัตรเข้าชมงาน Bangkok HIFI & AV Festival 2010 ท่านละ 2 ใบ มีดังนี้

1.   pow
2.   chunbogbog
3.   superslim
4.   opondy
5.   multiple
6.   somboonphu
7.   iron man
8.   kodoemoe
9.   Zohann
10.   zipmix
11.   famzaamzamakmak
12.   CAMARO
13.   runmac
14.   ยุ้ย
15.   phuttipong1
16.   smnart
17.   MYDVDTT
18.   Mr. Smooth
19.   pomkhay
20.   piakzaa
21.   pangkon
22.   tui
23.   virusbe
24.   krizt
25.   golf_009
26.   ripo3522
27.   SKH091
28.   Matrix TriLogy
29.   digitalotis
30.   Yamoto
31.   buddybb
32.   nunene
33.   nra
34.   ppgnart
35.   tottitheking
36.   jernswanya
37.   iceberg
38.   Tongie
39.   golf2012
40.   kamenriders
41.   kissy
42.   moccajava
43.   happy
44.   kendo777
45.   value
46.   hitman
47.   puply
48.   aus_p
49.   schecter
50.   anaphatl
สำรอง (กรณีมีคนสละสิทธิ์)
51.   jiaza
52.   doodoo

ทั้ง 52 ท่ารบกวน PM ชื่อและที่อยู่ ในการจัดส่งบัตรมาให้ผมด้วยครับ

ขอบคุณครับ


____________________________________________________________________________________

อัพเดทรายชื่อผู้ที่ยังไม่ได้ PM ชื่อและที่อยู่ให้ผมนนะครับ มี 7 ท่านครับ


somboonphu
pomkhay
piakzaa
pangkon
nunene



ผู้โชคดีท่านที่เหลือย่าลืม PM ชื่อและที่อยู่ให้ผมนะครับ

ส่วนที่เหลือทั้ง 45 ท่าน บัตรเข้าชมงานพร้อมส่งวันจันทร์นี้ครับ รอรับได้เลย


เอารูปตั๋วที่จะส่งมาฝากครับ ส่งวันที่ 7/3/2010 นะครับ คาดว่า 3-5 วันน่าจะได้ครบ
_____________________________________________________________________________________________

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ LCDTVTHAILAND นำบัตรเข้าชมงาน Bangkok HIFI & AV Festival 2010 ที่จะจัดขึ้นวันที่ 11-14 มีนาคมนี้ครับ งานนี้ขอบอกว่างานใหญ่เลยนะครับ คอไฮไฟและเอวีห้ามพลาดโดยเด็ดขาด โดยทีมงานได้โควต้าตั๋วมาทั้งหมด 100 ใบครับ เลยจะเอามาแจกเพื่อนๆแฟนคลับ LCDTVTHAILAND ให้หมดเลย

สำหรับใครยังไม่รู้รายละเอียดของงาน คลิ๊กไปดูตามลิงค์ได้เลย
http://www.lcdtvthailand.com/news/detail.asp?param_id=367



เงื่อนไข
- แจกทั้งหมด 50 ท่าน รางวัลละ 2 ใบนะครับ รวมเป็น 100 ใบ
- ระยะเวลาร่วมสนุก ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคมครับ
- ประกาศชื่อผู้โชคดี 50 ท่านแรก ในวันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม เลยครับ (จริงๆจะอัพเดททุกวัน)
- จะเริ่มส่งบัตรเข้างานจำนวน 100 ใบ 50 รางวัลให้กับผู้โชคดีทั้ง 50 ท่านทางไปรษณีย์ ในวันจันทร์ที่ 8 มีนาคมนะครับ
- คิดว่าใช้เวลาเดินทางซัก 2-3 วันครับวันพุธผู้โชคดีก็น่าจะได้รับตั๋ว และไปงานวันพฤหัสถึงศุกร์ได้เลย
- สงวนสิทธิ์ให้กับผู้ที่อยากไปจริงๆเท่านั้นนะครับ

กติกา
1. ต้องเป็นสมาชิกเว็บบอร์ด LCDTVTHAILAND ครับ

2. หรือ ถ้ายังไม่เป็นก็รีบสมัครง่ายนิดเดียว คลิ๊กเลย !!!
http://www.lcdtvthailand.com/webboard/index.php?action=register

3. การร่วมสนุกคือการตอบคำถามในข้อ 4 เท่านั้นเองครับ

4. คำถามคือ "คุณชอบทีวียี่ห้อไหนมากที่สุด" และ "เพราะอะไร" ? ให้โพสต์ลงไปเลยในกระทู้นี้ เพียงแค่นี้ก็ได้บัตรแล้ว

5. 50 ท่านแรกที่โพสต์ตอบ ผมจะ PM ไปหาเพื่อขอชื่อและที่อยู่ ในการจัดส่งบัตรเข้าชมงานไปให้

________________________________________________________________________

งานนี้ใครไวหละก็...ได้บัตรแน่ๆ !!!

งั้นมาดูตัวอย่างนะครับเช่น

ผมชอบ "Sony" มากที่สุดครับ เพราะว่า "ใช้อยู่" เป็นต้น


________________________________________________________________________

รีบโพสต์คำตอบลงมาเลยครับ ผู้ตอบถูก 50 ท่านแรก ผมจะ PM ไปถามชื่อที่อยู่เพื่อจัดส่งบัตรเข้างานไปให้ !!!!

 [yes] [yes] [yes] [yes] [yes]

8
     อะแฮ่ม อะแฮ่ม !!! เนื่องจากมีโอกาสรีวิว 22S570 LCD TV ของ Sony ครับ และทางผมทีวีขนาด 29" Wega Engine Flat TV ของทาง Sony ที่คุณแม่ผมใช้มานานนับ 14 ปี เกิดปุ่มเสีย ผมยกขึ้นรถกระบะเปิดหลังไปซ่อม ขากลับเกิดฝนตกเปียกไปทั้งเครื่อง T_T เลยงานเข้าครับ เลยหาทีวีเครื่องเล็กๆใช้งานง่ายๆให้คุณแม่ของผม พอดียกเจ้าตัวนี้มารีวิวที่บ้าน คุณแม่ชอบดีไซน์ครับ และที่สำคัญมันดันมีนาฬิกามาให้ด้วย โดนใจอีกต่อ ก็เลยจัดราคาพิเศษให้เป็นของขวัญมาตัวนึง



อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ตามลิงค์ด้านล่างเลยครับ
http://www.lcdtvthailand.com/review/detail.asp?param_id=234

เนื่องจากหลายๆท่านบ่นอุบมาว่าอยากให้มีกระทู้แฟนคลับของ Sony บ้าง

ก็เลยกระทู้นี้ขอยกให้เป็นแหล่มรวมพลคนใช้ Sony BRAVIA LCD TV ครับ เชิญพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้เลย !!!


[yes] [yes] [yes] [yes] [yes] [yes] [yes]

หน้า: [1]