ผู้เขียน หัวข้อ: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60  (อ่าน 269346 ครั้ง)

ออฟไลน์ bight

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 328
    • ดูรายละเอียด
Re: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60
« ตอบกลับ #108 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2013, 01:05:21 am »
นั่งอ่านมาทั้งกระทู้ วิจาร์ณได้เยี่ยมยอดมากครับ [ปลื่ม]

ขอบคุณครับ

ขอให้สาย HDMI Aiborg ขายดิบขายดีนะครับ [จุ๊บ]

ขอบคุณครับผม [เท่ห์]

ออฟไลน์ ซ่องเจ๊หวี

  • Hologram 3D TV member
  • ******
  • กระทู้: 5,318
    • ดูรายละเอียด
Re: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60
« ตอบกลับ #109 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2013, 11:22:13 am »


Review สายไฟ JPS GPA2 AC CORD

*บทความนี้ผมเขียนไว้นานมากแล้ว ประมาณช่วงปี ๒๕๕๔ ซึ่งตอนนั้นกระแส JPS จากเวป piyanas มาแรงมาก

สายไฟเส้นนี้เป็นสายไฟที่ผมเล็งไว้นานมากแล้ว
ว่าจะซื้อมาลองดูสักครั้ง เห็นนักเล่นบางกลุ่มเขาชอบเสียงของสาย JPS กันหนักหนา
ส่วนมากบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สายของ JPS รายละเอียดดีมากๆใช้แล้วฟังเพลงอะไรก็ไพเราะไปหมด
แต่สายของ JPS นี่ จะเยี่ยมสมคำร่ำลือหรือไม่ ขอเริ่มทดสอบกันเลยครับ

ราคาสายไฟเส้นนี้ ประมาณ 7,xxx บาท
เมื่อผมได้ของมาแล้วพบว่า...
กล่องบรรจุภัณฑ์เป็นกล่องกระดาษแข็ง ดูแล้วแพ๊คเกจภายนอกห่วยไปหน่อย เมื่อเทียบกับสายไฟราคาระดับนี้ ๕๕๕
แกะกล่องออกมาข้างในมีถุงพลาสติกห่อสายอย่างดีไว้ครับ
สายไฟเส้นนี้เป็นสีฟ้าอ่อน ยาว ๒ เมตร ขนาด 12 AWG
ผลิตจากอเมริกา เข้าหัว-ท้ายเคลือบเนื้อทอง(เหลือง?)hospital grade
ตัวสายมีความยืดหยุ่นสูงมาก ทำให้สะดวกต่อการใช้ในที่แคบๆด้วย

การใช้ในชั่วโมงแรก ผมลองต่อกับจอ LCD 32และ23นิ้ว ดู ปรากฎว่าสายเส้นนี้
ให้รายละเอียดของภาพดีเยี่ยมครับ แต่ภาพยังดูแห้งๆกระด้างๆอยู่
ทดสอบกับระบบเสียงปรากฎว่ารายละเอียดเสียงดี แต่colorของเสียงยังวูบวาบอยู่มาก(สีสันเยอะเกินไป)
ผมเลยเบิร์นสายไปมากกว่า ๒๐๐ ชั่วโมง
แล้วจึงกลับมาทดสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ซึ่งก็ผ่านไปจากวันแรกที่ได้สายไฟมาเป็นเวลา เกือบ ๒ อาทิตย์
ทดสอบกับระบบภาพโดยต่อผ่าน จอ LCD 32และ23นิ้ว ดูอีกครั้ง สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
คือ เฉดสีครับ ให้สีสันที่สด โปร่ง เกลี้ยงและใส ภาพดูสะอาดสะอ้านมาก
ความสว่างนี่เพิ่มขึ้นจากสายยี่ห้ออื่นเยอะเลย โทนสีขาวดูขาวและเนียนมากๆ
(ผิดกับสายหลายๆยี่ห้อที่ให้สีเข้มข้น แต่สีขาวจะอมเหลือง และสีเหลืองจะอมแดง)
โทนสีออกไปทางโทนเย็น ซึ่งดูแล้วทำให้รู้สึกว่าภาพเปิด กว้าง โล่ง ดูมีชีวิตชีวา
จุด Noise แทบจะไม่มีเลย มันลด noise ได้ดีกว่าสายไฟทุกเส้นที่ผมมีอยู่ทั้งหมด
รายละเอียดภาพในส่วนที่เล็กที่สุดเช่นปลายเส้นผมก็สามารถถ่ายทอดออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน
โดยที่เราไม่ต้องไม่เพ่งสายตาดูให้เมื่อยเลย

ทดสอบกับระบบเสียงด้วยการต่อสายไฟเส้นนี้เข้ากับ integrated AMP พบว่า
สายเส้นนี้มีบุคลิกเฉพาะตัวที่สูงมากๆ ไม่มียี่ห้อไหนเหมือนหรือคล้ายเลย
คือ นักร้อง และนักดนตรีจะมีลีลาเฉพาะของตัวเอง
โดยนักร้อง ก็จะร้องเพลงได้อารมณ์เหมือนประมาณว่ามีความสุขที่ได้ร้อง
นักดนตรีก็เล่นได้อย่างมีลีลาไหลลื่นต่อเนื่อง
เหมือนกับได้ค่าจ้างในการเล่นดนตรีมาแพงมาก ประมาณนั้น ๕๕๕๕๕
โทนเสียงออกไปทางสว่างเจิดจ้า
สปีด แรงปะทะ ค่อนข้างพอดิบพอดีไม่มากและไม่น้อยไป
เสียงเบสนุ่มนวล กลมกลึงขึ้นรูปร่างเป็นลูกๆดีมาก
เสียงกลางลื่นไหล ราวกับมีน้ำมันหล่อลื่นมาเลี้ยงไว้ตลอดเวลา ๕๕๕
เสียงแหลม รายละเอียดเยอะ ระยิบระยับดีมาก
การเก็บตัวของหางเสียงค่อนข้างเป็นกลาง คือไม่ช้าและไม่เร็วเกินไป
เวทีเสียงจะเด่นไปแนวกว้าง บรรยากาศเสียงที่ห้อมล้อมเสียงหลักสามารถสัมผัสได้อย่างง่ายดาย
ฟังเพลงร้องก็ได้ ฟังเพลงบรรเลงก็ดี ดูหนังก็สนุก เก็บรายละเอียดหยุมหยิมได้ดีมากครับ
ด้วยลีลาในน้ำเสียง อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะนี่แหละทำให้ฟังแล้วเพลิน
เหมาะอย่างยิ่งที่จะฟังเพลงแนว BOSSA และ JAZZ
ผมลองเปลี่ยนสายไฟเส้นนี้ไปเสียบกับ แหล่งอื่นๆ เช่น cd player
หรือ preamp ผลที่ได้ก็ออกมาคล้ายๆกันกับการต่อเสียบ จาก integrated amp ครับ
สายเส้นนี้จึงสารพัดประโยชน์จริงๆ เพราะสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์ตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง
รายละเอียดของเสียงนั้นถือว่ายอดเยี่ยมมาก แม้แต่สายไฟเส้นละสองหมื่นกว่าบาทบางยี่ห้อ
ยังให้รายละเอียดเสียงได้ไม่มากเท่าสายไฟเส้นนี้เลย

และทั้งหมดนี่คือข้อดีของสายเส้นนี้

คราวนี้มาถึงข้อเสียกันบ้าง
ซึ่งข้อเสียจริงๆแล้ว มันก็ยืนอยู่ตำแหน่งเดียวกันกับข้อดีแหละครับ
นั่นก็คือ เฉดสีที่ออกไปทางโทนสว่าง สด ใส มากเกินไป
คนที่ชอบภาพแบบโทนอุ่น หนา เข้มข้น ก็คงไม่ชอบโทนสว่างแบบนี้แน่นอน
เพราะความสว่างระดับนี้ ผมดูนานๆแล้วจะเกิดอาการปวดตา ทั้งๆที่ตั้ง contrast ของทีวีไว้ต่ำมากแล้ว
อีกทั้งเฉดสีที่ สด ฉ่ำ เกินจริง ติดโทนฟ้านิดๆ ทำให้อุณหภูมิของภาพไปโทนเย็น
จึงดูไม่ธรรมชาติ อย่างเช่น เราดูภาพดอกไม้อยู่ มันจะเหมือนกับว่า
ดอกไม้นั้นไม่ใช่ดอกไม้ของจริง ออกไปในแนวดอกไม้ที่ทำจาก animation เสียมากกว่า ประมาณนี้แหละครับ


ข้อเสียในเรื่องเสียง ก็อยู่บนพื้นฐานของข้อดีเช่นเดียวกับภาพ
 คือ ลีลาเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ในอย่างหนึ่งเมื่อมีคนชอบก็ย่อมมีคนไม่ชอบ
สายไฟเส้นนี้ จะให้อารมณ์เสียงคนร้องที่มีความสุข และเสียงเครื่องดนตรี
ที่มีความสดชื่นมีชีวิตชีวา ซึ่งถ้าพิจรณาในการฟังเน้นเชิงอารมณ์ลึกๆ เช่น
เราฟังเพลงเศร้าแต่นักร้องกลับร้องอย่างมีความสุข
แบบนี้มันก็ขัดแย้งกันครับ ไม่ว่าจะเปิดเพลงไหน นักร้องนักดนตรีก็กระชุ่มกระชวยไปซะหมด
ทำให้รสชาติของดนตรีจากต้นฉบับที่เขาต้องการสื่อมันผิดเพี้ยนไปด้วยครับ
และข้อเสียในจุดสุดท้าย นั่นคือ สเกลเสียงของคนร้องตรงกลางเวทีที่ถอยหลังไปอยู่
ในระนาบเดียวกับวงดนตรีแถวกลาง
จึงทำให้สเกล อิมเมจ ของคนร้องเล็กลง รวมถึงรายละเอียดในเสียงร้อง
ก็น้อยลงตามไปด้วย ในหลายๆเพลงเสียงร้องจะโดนเสียงดนตรีกลบความโดดเด่นไปเลย
ผิดกับสายไฟส่วนใหญ่ในท้องตลาดที่มักจะให้เสียงคนร้องตรงกลางเวที มีสเกลเสียงที่ใหญ่
และโดดเด่นกว่าเสียงดนตรีที่ประกบอยู่ซ้ายขวา
ซึ่งข้อเสียข้อสุดท้ายนี้ นักเล่นเครื่องเสียงที่ชอบฟังเสียงร้องใหญ่ๆ อิ่มๆ มีมวล มีน้ำหนัก อาจจะไม่ชอบครับ


ออฟไลน์ ซ่องเจ๊หวี

  • Hologram 3D TV member
  • ******
  • กระทู้: 5,318
    • ดูรายละเอียด
Re: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60
« ตอบกลับ #110 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2013, 01:20:03 pm »
วิธีเช็คชั่วโมงการใช้งานของ panasonic VT60 (รวมถึง panasonic series 60 รุ่นอื่นๆด้วย)

1. กดปุ่ม Vol - ที่เครื่อง TV ค้างไว้ พอ volume ลดจนเหลือ0แล้ว กดปุ่ม INFO ที่รีโมท ๓ ครั้ง (ห้ามปล่อยปุ่ม volume ตอนกดปุ่ม INFO นะ)
สักพักหน้าจอจะเข้าสู้ SERVICE mode ดังรูปข้างล่างนี้



2. กดเลข 1 ที่รีโมทไปเรื่อยๆ จนไปเจอกับ SRV-TOOL ดังรูปข้างล่างนี้



3. กดปุ่ม OK ที่รีโมท จะไปเจอตาราง ในรูปด้านล่างนี้



4. ใช้ปุ่มลูกศรทีรีโมท เลื่อนไปยังด้านขวาล่างสุดของตาราง แล้วกดปุ่ม mute ที่รีโมทค้างไว้
สักพัก service mode ก็จะแสดงค่าเวลาที่เราใช้งานมาทั้งหมด มีหน่วยเป็น ชั่วโมง:นาที ส่วนด้านขวา คือ จำนวนครั้งที่เปิดเครื่อง



5. จะออกจาก service mode ให้ปิดเครื่องโดยใช้ปุ่มที่ด้านข้างทีวี

 [เท่ห์] [เท่ห์] [เท่ห์]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 31, 2013, 12:09:34 pm โดย dramin »

ออฟไลน์ winkohaku

  • Flat TV member
  • *
  • กระทู้: 59
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
Re: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60
« ตอบกลับ #111 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2013, 03:24:00 pm »


Review สายไฟ JPS GPA2 AC CORD

*บทความนี้ผมเขียนไว้นานมากแล้ว ประมาณช่วงปี ๒๕๕๔ ซึ่งตอนนั้นกระแส JPS จากเวป piyanas มาแรงมาก

สายไฟเส้นนี้เป็นสายไฟที่ผมเล็งไว้นานมากแล้ว
ว่าจะซื้อมาลองดูสักครั้ง เห็นนักเล่นบางกลุ่มเขาชอบเสียงของสาย JPS กันหนักหนา
ส่วนมากบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สายของ JPS รายละเอียดดีมากๆใช้แล้วฟังเพลงอะไรก็ไพเราะไปหมด
แต่สายของ JPS นี่ จะเยี่ยมสมคำร่ำลือหรือไม่ ขอเริ่มทดสอบกันเลยครับ

ราคาสายไฟเส้นนี้ ประมาณ 7,xxx บาท
เมื่อผมได้ของมาแล้วพบว่า...
กล่องบรรจุภัณฑ์เป็นกล่องกระดาษแข็ง ดูแล้วแพ๊คเกจภายนอกห่วยไปหน่อย เมื่อเทียบกับสายไฟราคาระดับนี้ ๕๕๕
แกะกล่องออกมาข้างในมีถุงพลาสติกห่อสายอย่างดีไว้ครับ
สายไฟเส้นนี้เป็นสีฟ้าอ่อน ยาว ๒ เมตร ขนาด 12 AWG
ผลิตจากอเมริกา เข้าหัว-ท้ายเคลือบเนื้อทอง(เหลือง?)hospital grade
ตัวสายมีความยืดหยุ่นสูงมาก ทำให้สะดวกต่อการใช้ในที่แคบๆด้วย

การใช้ในชั่วโมงแรก ผมลองต่อกับจอ LCD 32และ23นิ้ว ดู ปรากฎว่าสายเส้นนี้
ให้รายละเอียดของภาพดีเยี่ยมครับ แต่ภาพยังดูแห้งๆกระด้างๆอยู่
ทดสอบกับระบบเสียงปรากฎว่ารายละเอียดเสียงดี แต่colorของเสียงยังวูบวาบอยู่มาก(สีสันเยอะเกินไป)
ผมเลยเบิร์นสายไปมากกว่า ๒๐๐ ชั่วโมง
แล้วจึงกลับมาทดสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ซึ่งก็ผ่านไปจากวันแรกที่ได้สายไฟมาเป็นเวลา เกือบ ๒ อาทิตย์
ทดสอบกับระบบภาพโดยต่อผ่าน จอ LCD 32และ23นิ้ว ดูอีกครั้ง สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
คือ เฉดสีครับ ให้สีสันที่สด โปร่ง เกลี้ยงและใส ภาพดูสะอาดสะอ้านมาก
ความสว่างนี่เพิ่มขึ้นจากสายยี่ห้ออื่นเยอะเลย โทนสีขาวดูขาวและเนียนมากๆ
(ผิดกับสายหลายๆยี่ห้อที่ให้สีเข้มข้น แต่สีขาวจะอมเหลือง และสีเหลืองจะอมแดง)
โทนสีออกไปทางโทนเย็น ซึ่งดูแล้วทำให้รู้สึกว่าภาพเปิด กว้าง โล่ง ดูมีชีวิตชีวา
จุด Noise แทบจะไม่มีเลย มันลด noise ได้ดีกว่าสายไฟทุกเส้นที่ผมมีอยู่ทั้งหมด
รายละเอียดภาพในส่วนที่เล็กที่สุดเช่นปลายเส้นผมก็สามารถถ่ายทอดออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน
โดยที่เราไม่ต้องไม่เพ่งสายตาดูให้เมื่อยเลย

ทดสอบกับระบบเสียงด้วยการต่อสายไฟเส้นนี้เข้ากับ integrated AMP พบว่า
สายเส้นนี้มีบุคลิกเฉพาะตัวที่สูงมากๆ ไม่มียี่ห้อไหนเหมือนหรือคล้ายเลย
คือ นักร้อง และนักดนตรีจะมีลีลาเฉพาะของตัวเอง
โดยนักร้อง ก็จะร้องเพลงได้อารมณ์เหมือนประมาณว่ามีความสุขที่ได้ร้อง
นักดนตรีก็เล่นได้อย่างมีลีลาไหลลื่นต่อเนื่อง
เหมือนกับได้ค่าจ้างในการเล่นดนตรีมาแพงมาก ประมาณนั้น ๕๕๕๕๕
โทนเสียงออกไปทางสว่างเจิดจ้า
สปีด แรงปะทะ ค่อนข้างพอดิบพอดีไม่มากและไม่น้อยไป
เสียงเบสนุ่มนวล กลมกลึงขึ้นรูปร่างเป็นลูกๆดีมาก
เสียงกลางลื่นไหล ราวกับมีน้ำมันหล่อลื่นมาเลี้ยงไว้ตลอดเวลา ๕๕๕
เสียงแหลม รายละเอียดเยอะ ระยิบระยับดีมาก
การเก็บตัวของหางเสียงค่อนข้างเป็นกลาง คือไม่ช้าและไม่เร็วเกินไป
เวทีเสียงจะเด่นไปแนวกว้าง บรรยากาศเสียงที่ห้อมล้อมเสียงหลักสามารถสัมผัสได้อย่างง่ายดาย
ฟังเพลงร้องก็ได้ ฟังเพลงบรรเลงก็ดี ดูหนังก็สนุก เก็บรายละเอียดหยุมหยิมได้ดีมากครับ
ด้วยลีลาในน้ำเสียง อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะนี่แหละทำให้ฟังแล้วเพลิน
เหมาะอย่างยิ่งที่จะฟังเพลงแนว BOSSA และ JAZZ
ผมลองเปลี่ยนสายไฟเส้นนี้ไปเสียบกับ แหล่งอื่นๆ เช่น cd player
หรือ preamp ผลที่ได้ก็ออกมาคล้ายๆกันกับการต่อเสียบ จาก integrated amp ครับ
สายเส้นนี้จึงสารพัดประโยชน์จริงๆ เพราะสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์ตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง
รายละเอียดของเสียงนั้นถือว่ายอดเยี่ยมมาก แม้แต่สายไฟเส้นละสองหมื่นกว่าบาทบางยี่ห้อ
ยังให้รายละเอียดเสียงได้ไม่มากเท่าสายไฟเส้นนี้เลย

และทั้งหมดนี่คือข้อดีของสายเส้นนี้

คราวนี้มาถึงข้อเสียกันบ้าง
ซึ่งข้อเสียจริงๆแล้ว มันก็ยืนอยู่ตำแหน่งเดียวกันกับข้อดีแหละครับ
นั่นก็คือ เฉดสีที่ออกไปทางโทนสว่าง สด ใส มากเกินไป
คนที่ชอบภาพแบบโทนอุ่น หนา เข้มข้น ก็คงไม่ชอบโทนสว่างแบบนี้แน่นอน
เพราะความสว่างระดับนี้ ผมดูนานๆแล้วจะเกิดอาการปวดตา ทั้งๆที่ตั้ง contrast ของทีวีไว้ต่ำมากแล้ว
อีกทั้งเฉดสีที่ สด ฉ่ำ เกินจริง ติดโทนฟ้านิดๆ ทำให้อุณหภูมิของภาพไปโทนเย็น
จึงดูไม่ธรรมชาติ อย่างเช่น เราดูภาพดอกไม้อยู่ มันจะเหมือนกับว่า
ดอกไม้นั้นไม่ใช่ดอกไม้ของจริง ออกไปในแนวดอกไม้ที่ทำจาก animation เสียมากกว่า ประมาณนี้แหละครับ


ข้อเสียในเรื่องเสียง ก็อยู่บนพื้นฐานของข้อดีเช่นเดียวกับภาพ
 คือ ลีลาเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ในอย่างหนึ่งเมื่อมีคนชอบก็ย่อมมีคนไม่ชอบ
สายไฟเส้นนี้ จะให้อารมณ์เสียงคนร้องที่มีความสุข และเสียงเครื่องดนตรี
ที่มีความสดชื่นมีชีวิตชีวา ซึ่งถ้าพิจรณาในการฟังเน้นเชิงอารมณ์ลึกๆ เช่น
เราฟังเพลงเศร้าแต่นักร้องกลับร้องอย่างมีความสุข
แบบนี้มันก็ขัดแย้งกันครับ ไม่ว่าจะเปิดเพลงไหน นักร้องนักดนตรีก็กระชุ่มกระชวยไปซะหมด
ทำให้รสชาติของดนตรีจากต้นฉบับที่เขาต้องการสื่อมันผิดเพี้ยนไปด้วยครับ
และข้อเสียในจุดสุดท้าย นั่นคือ สเกลเสียงของคนร้องตรงกลางเวทีที่ถอยหลังไปอยู่
ในระนาบเดียวกับวงดนตรีแถวกลาง
จึงทำให้สเกล อิมเมจ ของคนร้องเล็กลง รวมถึงรายละเอียดในเสียงร้อง
ก็น้อยลงตามไปด้วย ในหลายๆเพลงเสียงร้องจะโดนเสียงดนตรีกลบความโดดเด่นไปเลย
ผิดกับสายไฟส่วนใหญ่ในท้องตลาดที่มักจะให้เสียงคนร้องตรงกลางเวที มีสเกลเสียงที่ใหญ่
และโดดเด่นกว่าเสียงดนตรีที่ประกบอยู่ซ้ายขวา
ซึ่งข้อเสียข้อสุดท้ายนี้ นักเล่นเครื่องเสียงที่ชอบฟังเสียงร้องใหญ่ๆ อิ่มๆ มีมวล มีน้ำหนัก อาจจะไม่ชอบครับ



แล้วพอเสียบกับหม้อหุงข้าวแล้ว ผลที่ได้เป็นไงบ้างครับ เม็ดขาวสวยเนียนใสขึ้น รสหวานกลมกล่อมกว่าเดิมมั้ยครับ  [หื่น]

ออฟไลน์ ซ่องเจ๊หวี

  • Hologram 3D TV member
  • ******
  • กระทู้: 5,318
    • ดูรายละเอียด
Re: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60
« ตอบกลับ #112 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2013, 03:34:38 pm »

แล้วพอเสียบกับหม้อหุงข้าวแล้ว ผลที่ได้เป็นไงบ้างครับ เม็ดขาวสวยเนียนใสขึ้น รสหวานกลมกล่อมกว่าเดิมมั้ยครับ  [หื่น]

มันสุดยอดมากเลยครับ

เม็ดข้าวดูเนียนเรียบ สวยงามกว่าเดิม สีขาวของข้าว ดูสะอาดบริสุทธิ์มากๆ ราวกับว่าไม่มีสารพิษเจือปนอยู่เลย

เมื่อข้าวได้สัมผัสถูกชิวหา(ลิ้น) จะรู้สึกได้ถึงรสชาติของข้าวที่กลมกล่อมจัดจ้านนิดๆ จากเม็ดข้าวซึมซาบผ่านสู่ลิ้นอย่างละเมียด
ครั้นเราใช้ฟันเคี้ยวข้าว เมื่อนั้นบรรยากาศรสชาติของข้าว จะกระจายไปทั่วปาก ทุกซอก ทุกมุม และทุกอณูตามไรฟันเต็มไปหมดเลยครับ

ปล.ที่ผมบรรยายเรื่องข้าวมาทั้งหมดนี่ คือการโม้ทั้งสิ้นครับ จริงๆรู้สึกว่าข้าวจะสุกเร็วขึ้นนิดหน่อยแค่นั้นเอง ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ [ปาดเหงื่อ]

ออฟไลน์ winkohaku

  • Flat TV member
  • *
  • กระทู้: 59
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
Re: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60
« ตอบกลับ #113 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2013, 10:26:35 pm »

แล้วพอเสียบกับหม้อหุงข้าวแล้ว ผลที่ได้เป็นไงบ้างครับ เม็ดขาวสวยเนียนใสขึ้น รสหวานกลมกล่อมกว่าเดิมมั้ยครับ  [หื่น]

มันสุดยอดมากเลยครับ

เม็ดข้าวดูเนียนเรียบ สวยงามกว่าเดิม สีขาวของข้าว ดูสะอาดบริสุทธิ์มากๆ ราวกับว่าไม่มีสารพิษเจือปนอยู่เลย

เมื่อข้าวได้สัมผัสถูกชิวหา(ลิ้น) จะรู้สึกได้ถึงรสชาติของข้าวที่กลมกล่อมจัดจ้านนิดๆ จากเม็ดข้าวซึมซาบผ่านสู่ลิ้นอย่างละเมียด
ครั้นเราใช้ฟันเคี้ยวข้าว เมื่อนั้นบรรยากาศรสชาติของข้าว จะกระจายไปทั่วปาก ทุกซอก ทุกมุม และทุกอณูตามไรฟันเต็มไปหมดเลยครับ

ปล.ที่ผมบรรยายเรื่องข้าวมาทั้งหมดนี่ คือการโม้ทั้งสิ้นครับ จริงๆรู้สึกว่าข้าวจะสุกเร็วขึ้นนิดหน่อยแค่นั้นเอง ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ [ปาดเหงื่อ]

555 คุณ Dramin ครับ ผมติดตามอ่านกระทู้ของคุณ จนผมคิดจะเปลี่ยน TV เป็นรุ่น VT60 ตามคุณแล้วเนี่ย แต่ขอรอดูราคาปีหน้า กับข่าวเรื่อง Panasonic จะปิดโรงงานผลิด Plasma ปีหน้า เลยยังไม่กล้าตัดสินใจซื้ออะครับ  [ปาดเหงื่อ]

ออฟไลน์ ซ่องเจ๊หวี

  • Hologram 3D TV member
  • ******
  • กระทู้: 5,318
    • ดูรายละเอียด
Re: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60
« ตอบกลับ #114 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2013, 11:36:47 pm »

555 คุณ Dramin ครับ ผมติดตามอ่านกระทู้ของคุณ จนผมคิดจะเปลี่ยน TV เป็นรุ่น VT60 ตามคุณแล้วเนี่ย แต่ขอรอดูราคาปีหน้า กับข่าวเรื่อง Panasonic จะปิดโรงงานผลิด Plasma ปีหน้า เลยยังไม่กล้าตัดสินใจซื้ออะครับ  [ปาดเหงื่อ]

ถ้า plasma เลิกผลิตจริง คนคงแห่ซื้อ VT60 เพียบแน่ๆเลยครับ
เพราะVT60 มันจะกลายเป็นตำนานสายเลือดplasma รุ่นสุดท้าย แหะๆ [คิคิ]

ออฟไลน์ winkohaku

  • Flat TV member
  • *
  • กระทู้: 59
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
Re: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60
« ตอบกลับ #115 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2013, 11:02:53 pm »

555 คุณ Dramin ครับ ผมติดตามอ่านกระทู้ของคุณ จนผมคิดจะเปลี่ยน TV เป็นรุ่น VT60 ตามคุณแล้วเนี่ย แต่ขอรอดูราคาปีหน้า กับข่าวเรื่อง Panasonic จะปิดโรงงานผลิด Plasma ปีหน้า เลยยังไม่กล้าตัดสินใจซื้ออะครับ  [ปาดเหงื่อ]

ถ้า plasma เลิกผลิตจริง คนคงแห่ซื้อ VT60 เพียบแน่ๆเลยครับ
เพราะVT60 มันจะกลายเป็นตำนานสายเลือดplasma รุ่นสุดท้าย แหะๆ [คิคิ]

ผมกลัวตรงที่มันจะไม่มีอะไหล่ซ่อมหนะซิครับ แต่ถ้าทาง Pana คอนเฟริ์มได้ว่ามีอะไหล่ซ่อมได้แน่นอน ผมก็ไม่ลังเลที่จะสอย VT60 มาครอบครองอย่างแน่นอน

 [หื่น] [หื่น] [หื่น] [หื่น] [หื่น]

ออฟไลน์ ซ่องเจ๊หวี

  • Hologram 3D TV member
  • ******
  • กระทู้: 5,318
    • ดูรายละเอียด
Re: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60
« ตอบกลับ #116 เมื่อ: ตุลาคม 28, 2013, 11:08:42 pm »
ทดสอบจุดอ่อน VT60 กันสักหน่อย

ทดสอบอาการ IR

ในการใช้งานปกติทั่วไปที่ไม่ได้เปิดภาพนิ่งค้างเป็นเวลานาน จะสังเกตเห็นรอย IR ได้ยากมาก โดยเฉพาะการดูในสภาวะที่ห้องมีแสงสว่าง

ส่วนการดูในสภาวะที่ห้องมืดสนิทจะเห็นรอย IR บ้างเล็กน้อย เช่น เวลากดเล่นหนังแล้ว
ในช่วงเวลาประมาณ ๓ วินาที ระหว่างที่สัญญาณinput กำลังถูกส่งไปที่ทีวี โลโก้ ช่อง HDMI ที่เราต่อสัญญาณไว้จะแสดงขึ้นมา
เมื่อโลโก้หายไปแล้ว หน้าจอจะมืดสนิทแว๊บนึง(เป็นช่วงตอนเริ่มหนังทุกเรื่อง) จะเห็นว่ามีเงาโลโก้ HDMI ลางๆอยู่ แต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว
ภายในเวลาไม่ถึง ๔ วินาที ซึ่งจะเห็น IR แบบนี้ได้ก็ต่อเมื่ออยู่ใกล้จอมากๆ แต่ถ้าดูในระห่างสัก 2.5เมตร+ ทั่วไป จะมองไม่เห็น IR

รอย IR นั้นจะสามารถจางหายไปอย่างรวดเร็วในทุกโหมดภาพ ยกเว้น โหมด cinema
ซึ่งถ้าใช้โหมดนี้เห็น IR ได้ง่าย โดยเฉพาะภาพในส่วนของสีเทา-ดำ
เห็นชัดที่สุดก็ตอน END CREDIT ของท้ายหนังเกือบทุกเรื่อง
เมื่อตัวหนังสือเลื่อนขึ้นจากด้านล่างของจอ ไปด้านบนของจอ จะเห็นเป็นรอย IR สีดำลากยาวตามตัวหนังสือเลย (ดูในระยะห่างปกติก็ยังเห็น)
หรือในฉากที่มืดสนิท ถ้าใช้โหมดนี้หากเรากดปุ่ม MENU ขึ้นมาแล้วกดอีกครั้งให้ MENU หายไป
ก็จะเห็นเงาลางๆ ของตาราง MENUด้วย ซึ่งการที่รอยIRโหมดนี้จะจางหายไปนั้นต้องใช้เวลานานกว่าโหมดอื่นๆ แถมยังเห็นIRได้ชัดกว่าด้วย
อย่างไรก็ตามโหมด cinema ก็ยังมีข้อดีตรงที่ dithering noise มีปริมาณน้อยกว่าโหมดอื่นๆ

ปล. กล้องจาก IPAD ไม่สามารถถ่ายให้เห็นรอยIRได้ เพราะกล้องแยกความต่างของระดับสีดำปกติ กับสีดำที่เป็น IR ไม่ได้ครับผม

ออฟไลน์ ซ่องเจ๊หวี

  • Hologram 3D TV member
  • ******
  • กระทู้: 5,318
    • ดูรายละเอียด
Re: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60
« ตอบกลับ #117 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2013, 12:33:43 pm »
VT60 ในสภาวะไม่ได้คุมแสง  [ปาดเหงื่อ]



VT60 ในสภาวะคุมแสงได้  [เท่ห์]

ออฟไลน์ fish_dvd

  • Full LED TV member
  • ****
  • กระทู้: 1,077
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
Re: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60
« ตอบกลับ #118 เมื่อ: ตุลาคม 31, 2013, 09:21:15 pm »
ทดสอบจุดอ่อน VT60 กันสักหน่อย

ทดสอบอาการ IR

ในการใช้งานปกติทั่วไปที่ไม่ได้เปิดภาพนิ่งค้างเป็นเวลานาน จะสังเกตเห็นรอย IR ได้ยากมาก โดยเฉพาะการดูในสภาวะที่ห้องมีแสงสว่าง

ส่วนการดูในสภาวะที่ห้องมืดสนิทจะเห็นรอย IR บ้างเล็กน้อย เช่น เวลากดเล่นหนังแล้ว
ในช่วงเวลาประมาณ ๓ วินาที ระหว่างที่สัญญาณinput กำลังถูกส่งไปที่ทีวี โลโก้ ช่อง HDMI ที่เราต่อสัญญาณไว้จะแสดงขึ้นมา
เมื่อโลโก้หายไปแล้ว หน้าจอจะมืดสนิทแว๊บนึง(เป็นช่วงตอนเริ่มหนังทุกเรื่อง) จะเห็นว่ามีเงาโลโก้ HDMI ลางๆอยู่ แต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว
ภายในเวลาไม่ถึง ๔ วินาที ซึ่งจะเห็น IR แบบนี้ได้ก็ต่อเมื่ออยู่ใกล้จอมากๆ แต่ถ้าดูในระห่างสัก 2.5เมตร+ ทั่วไป จะมองไม่เห็น IR

รอย IR นั้นจะสามารถจางหายไปอย่างรวดเร็วในทุกโหมดภาพ ยกเว้น โหมด cinema
ซึ่งถ้าใช้โหมดนี้เห็น IR ได้ง่าย โดยเฉพาะภาพในส่วนของสีเทา-ดำ
เห็นชัดที่สุดก็ตอน END CREDIT ของท้ายหนังเกือบทุกเรื่อง
เมื่อตัวหนังสือเลื่อนขึ้นจากด้านล่างของจอ ไปด้านบนของจอ จะเห็นเป็นรอย IR สีดำลากยาวตามตัวหนังสือเลย (ดูในระยะห่างปกติก็ยังเห็น)
หรือในฉากที่มืดสนิท ถ้าใช้โหมดนี้หากเรากดปุ่ม MENU ขึ้นมาแล้วกดอีกครั้งให้ MENU หายไป
ก็จะเห็นเงาลางๆ ของตาราง MENUด้วย ซึ่งการที่รอยIRโหมดนี้จะจางหายไปนั้นต้องใช้เวลานานกว่าโหมดอื่นๆ แถมยังเห็นIRได้ชัดกว่าด้วย
อย่างไรก็ตามโหมด cinema ก็ยังมีข้อดีตรงที่ dithering noise มีปริมาณน้อยกว่าโหมดอื่นๆ

ปล. กล้องจาก IPAD ไม่สามารถถ่ายให้เห็นรอยIRได้ เพราะกล้องแยกความต่างของระดับสีดำปกติ กับสีดำที่เป็น IR ไม่ได้ครับผม

ผมว่าเรื่อง Break in 100 ชม. เพื่อลดการ Burn in ไม่ใช้ลดการเกิด ir ครับ

แต่เรื่อง ir ผมสังเกตจาก Plasma Pana รุ่น 42C10 , 42X20 , 42X30
อายุการใช้งานช่วง 200 - 6,000 ชม. ก็ยังเกิด ir ง่าย
โดยเฉพาะพวกตัวหนังสือหรือแถบเส้นสว่างสีขาว
แต่ถ้า ช.ม. การใช้งานมากตั้งแต่ 3,500 ชม. ขึ้นไป
รอย ir จะหายเร็วขึ้นครับ ท่าน dramin  :)

ออฟไลน์ ซ่องเจ๊หวี

  • Hologram 3D TV member
  • ******
  • กระทู้: 5,318
    • ดูรายละเอียด
Re: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60
« ตอบกลับ #119 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2013, 02:48:55 am »


ตอนนี้ได้ HD player ตัวใหม่มาใช้ในระบบ นั่นคือ cen grand 5i 360

จากเดิมใช้ himedia 910b พอเปลี่ยนมาเป็น cen grand 5i 360 พบว่าทั้งภาพและเสียงดีขึ้นอีกหลายระดับ

เวลาดูภาพกับชิป realtek ภาพจะเหมือนมีหมอกขุ่นๆมาบดบังภาพอยู่

แต่กับชิป marvel นั้น รายละเอียดที่ซ่อนอยู่เปิดเผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน บรรยากาศภาพดีมาก ไม่รู้สึกเหมือนมีหมอกมาบังอีกเลย

ภาพสะอาด สดใส dynamicสีกว้างขึ้นมาก สีสด ฉ่ำ สีที่ต้องการความแวววาวเช่นสีเหลืองทอง จะโดดเด่นเป็นพิเศษ(สีเงาวับเลยล่ะ)

ส่วนเสียงขอบอกสั้นๆครับว่า ไม่มีอะไรที่ชิป realtek จะไปเทียบกับชิป marvel ได้เลย ในด้านเสียงยังจะเห็นความแตกต่างมากกว่าด้านภาพซะอีก  [เท่ห์]

แต่ข้อเสียของ cen grand 5i 360 ก็อย่างที่รู้ๆกันครับว่า มันเล่นไฟล์ MKV ได้ห่วยมากๆ ซับไม่ขึ้นบ้าง ภาพกระตุกบ้าง

ยิ่งกับไฟล์ m2ts หลายๆเรื่องภาพกระตุกทั้งเรื่องดูไม่ได้เลย ฉะนั้นมันเหมาะกับคนที่ต้องการดูไฟล์ full rip iso เท่านั้นครับ














ออฟไลน์ kritkris

  • Full LED TV member
  • ****
  • กระทู้: 1,239
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
Re: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60
« ตอบกลับ #120 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2013, 08:54:52 am »
โอ้ววว 3D รึป่าวนั่น  [ปลื่ม] [ปลื่ม] [ปลื่ม] ท่าน dramin ปรับค่า gamma ที่ cengrand ไว้เท่าไหร่ครับ

ออฟไลน์ ซ่องเจ๊หวี

  • Hologram 3D TV member
  • ******
  • กระทู้: 5,318
    • ดูรายละเอียด
Re: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60
« ตอบกลับ #121 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2013, 11:52:19 am »
โอ้ววว 3D รึป่าวนั่น  [ปลื่ม] [ปลื่ม] [ปลื่ม] ท่าน dramin ปรับค่า gamma ที่ cengrand ไว้เท่าไหร่ครับ

gamma off ครับผม

ถ้าเป็น gamma 1.8 รายละเอียดของภาพในส่วนที่มืดจะจมหายไปเยอะเลย 2.5 ก็ยิ่งมืดไปกันใหญ่ ๕๕๕๕๕

ออฟไลน์ ซ่องเจ๊หวี

  • Hologram 3D TV member
  • ******
  • กระทู้: 5,318
    • ดูรายละเอียด
Re: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60
« ตอบกลับ #122 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2013, 01:49:07 pm »
เปรียบเทียบความเหมาะสมในการเล่นเกมส์ระหว่าง VT60 กับ HX750



VT60
ได้พลังของเม็ดสีที่อิ่ม มีน้ำหนัก มากกว่า เฉดสีได้สมจริงกว่า มิติดูดีมากๆ
ภาพจะออกแนวทึมๆ ไม่ค่อยเหมาะกับเกมส์ที่ต้องการสีสันสดใส แต่ถ้าเล่นเกมส์แนวสยองๆ อย่าง RESIDENT EVIL นี่ถือว่าเข้าทางเลย ได้อารมณ์มากๆ
ถ้าปิด game mode จะทำให้มีค่า input lag สูง เล่นแล้วจะหงุดหงิดหน่อยๆ กดปุ่มแล้วมันหน่วงๆดูช้าไปจริงๆ
แต่พอเปิด game mode นอกจากภาพไม่ drop ลงแล้ว ในแง่ของ input lag ก็ดีกว่าเดิม ตอบสนองได้ไว้ขึ้น แต่ยังแอบมีหน่วงๆอยู่เล็กน้อย
แต่ก็ถือว่าการตอบสนองต่อคำสั่งไว้ใช้ได้ดี เมื่อเทียบกับจอ monitor อย่าง HP 2309

ข้อดี
- ภาพเนียน สีอิ่ม มีมิติ เงาของภาพดำสนิท
- game mode ตอบสนองต่อการเล่นได้ฉับไวดี แถมเปิดโหมดนี้แล้วภาพไม่ drop ด้วย

ข้อเสีย
- สีดำจม รายละเอียดในที่มืดหายไปบ้าง
- เห็น dithering noise ยิบๆ ดูรำคาญตา
- แนวภาพไม่สามารถเข้าได้กับทุกเกมส์ ด้วยน้ำหนักสีที่เข้มข้นบางทีก็ทำให้รู้สึกอึดอัด(ใจ)
- เล่นเกมส์ติดต่อกันนานๆ เสี่ยงต่ออาการ IR



HX750
ได้ภาพที่สว่าง กระจ่างเปิดเผย สะอาดใส ไร้ noise
เมื่อเทียบกับ VT60 แล้ว HX750 จะดูเหมือนสีจืดไปบ้าง แต่รายละเอียดในที่มืดเปิดเผยกว่ามาก ภาพดูเป็นแนว DIGITAL เข้าได้กับทุกเกมส์ดี
โหมดภาพอื่นๆ นั้น input lag สูงมากๆ เล่นแล้วเสียอารมณ์สุดๆ บังคับไม่ได้ดั่งใจเลย
แต่พอใช้โหมดภาพเกมส์แล้ว input lag ดีขึ้นมากๆแบบเห็นความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ตอบสนองต่อคำสั่งได้ดีมากๆ ดีกว่า VT60 อีก
แถมภาพในโหมดนี้เมื่อปรับให้ setting ต่างๆเท่ากับโหมดปกติแล้ว ภาพก็ไม่ได้ drop ลงเลย

ข้อดี
- ภาพสว่าง สะอาด เปิดเผย สดใส ดูแล้วไม่รู้สึกอึดอัด(ใจ)
- รายละเอียดในที่มืดดีมากๆ
- เล่นได้นานเท่าที่ต้องการ ไม่ต้องกลัวIR เหมือน plasma
- โหมดภาพเกมส์(อยู่ในคำสั่ง "เลือกฉาก") ใช้แล้ว input lag เยี่ยม ตอบสนองได้ฉับไว

ข้อเสีย
- ลำโพง HX750 เสียงกาก


ออฟไลน์ ซ่องเจ๊หวี

  • Hologram 3D TV member
  • ******
  • กระทู้: 5,318
    • ดูรายละเอียด
Re: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60
« ตอบกลับ #123 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2013, 12:14:17 pm »
Do You Want Some Tea - Hello Venus (130505 SBS Inkigayo) (19.4) [1080i]

ดูทุกคืนก่อนเข้านอน  [หื่น]














ออฟไลน์ ซ่องเจ๊หวี

  • Hologram 3D TV member
  • ******
  • กระทู้: 5,318
    • ดูรายละเอียด
Re: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60
« ตอบกลับ #124 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2013, 01:34:19 pm »
ทดสอบประกายสีทอง cen grand 5i 360 (สีจะเว่อไปไหน)

111023 SM Town Live in New York - SNSD CUT




















ออฟไลน์ ซ่องเจ๊หวี

  • Hologram 3D TV member
  • ******
  • กระทู้: 5,318
    • ดูรายละเอียด
Re: รีวิวแบบกากๆ กับ panasonic 55VT60
« ตอบกลับ #125 เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2013, 01:29:00 pm »
realtek VS mervell

*ภาพจากโหมด normal ตั้งค่า original จากโรงงานเหมือนกัน
ภาพที่ได้ระหว่าง HD player ๒ยี่ห้อ ที่ใช้ชิปคนละตัวนั้นแตกต่างกันมาก

himedia 910b ชิป realtek 1186


cengrand 5i 360 ชิป marvell 3010