05 Mar 2020
Article

จำเป็นมั้ยที่เราจะต้องซื้อทีวีใหม่เพื่อ PS5 และ Xbox Series X??? | LCDTVTHAILAND


  • tormoo

แน่นอนว่าการมาของเครื่องเกมคอนโซลยุคใหม่อย่างเครื่อง PS5 และ Xbox Series X นั้นเป็นการก้าวกระโดดอีกหลายๆ อย่างสำหรับวงการเกมไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาของประสิทธิภาพในการแสดงผล, การเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ ในการควบคุมการเล่น, รวมไปถึงการที่ข่าวคราวของเครื่องทั้งสองจะมาพร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อแบบใหม่ที่กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานในอนาคตอย่างช่อง HDMI 2.1 


ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งคำถามที่กำลังเกิดขึ้นกับเกมเมอร์หลายๆ คนว่า “การมาของ PS5 และ Xbox Series X จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องซื้อทีวีใหม” ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาหาคำตอบกันในบทความนี้กันครับ

HDMI 2.1 มีความหมายอะไรกับเครื่องเล่นเกมทั้ง 2 ?

Xbox Series X ที่มีพลังประมวลผลกราฟฟิคสูงถึง 12 Teraflops

แน่นอนสำหรับการเปลี่ยนแปลงพอร์ตมาตรฐานอย่าง HDMI 2.0 ในเครื่องเกมรุ่นปัจจุบันมาเป็น HDMI 2.1 นั้นต้องมีการเพิ่มประสิทธิภาพอะไรหลายๆ อย่างแน่นอนซึ่งความสามารถของพอร์ต HDMI 2.1 นั้นส่งผลโดยตรงในการแสดงประสิทธิภาพของเครื่องเล่นเกมทั้งสองไม่ว่าจะเป็น ความละเอียดที่รองรับมากขึ้นทั้ง 8K ได้แบบเต็มประสิทธิภาพ หรือการรองรับความละเอียด 4K 120FPS

ซึ่งก็รวมไปถึงฟีเจอร์ที่มากับ HDMI 2.1 อีกอย่าง Auto low-latency mode ที่เป็นฟีเจอร์ที่เกิดมาเพื่อเกมเมอร์โดยฟีเจอร์ดังกล่าวจะเป็นการลดความล่าช้าในการส่งข้อมูลระหว่างทีวีและเครื่องเล่นเกม

แท้จริงแล้ว Auto low-latency mode นั่นก็คือการเปิดใช้ฟีเจอร์อย่าง “Game Mode” นั่นแหละแต่การมาอยู่กับช่อง HDMI 2.1 นั้นจะเป็นการเปิดโดยอัตโนมัติและที่สำคัญ Auto low-latency mode จะมีการส่งข้อมูลที่รวดเร็วกว่า Game Mode แบบปกติทำให้การตอบสนองระหว่างเครื่องเกมและทีวีมีความเร็วมากกว่า HDMI 2.0

นอกจากนั้น HDMI 2.1 ยังมีฟีเจอร์อย่าง Variable refresh rate ซึ่งเหล่าเกมเมอร์น่าจะรู้จักกันในชื่ออย่าง adaptive sync ที่เป็นการซิงค์เฟรมภาพของเกมให้เท่ากับ Refresh Rate ของจอภาพเพื่อป้องกันการเกิดอาการภาพขาดหรือ Screen Tearing นั่นเอง เหมือนอย่างฟีเจอร์ FreeSync/G-Sync ที่ใช้กันในวงการเกม PC นั่นเอง

HDMI 2.1 ยังมีฟีเจอร์อย่าง quick frame transport (QFT) และ quick media switching ที่เป็นฟีเจอร์การแทรกเฟรมภาพดำเพื่อเพิ่มเฟรมภาพไม่ให้เกิดอาการภาพขาดนั่นเองซึ่งฟีเจอร์นี้จะมีการทำงารคล้ายกับ VRR ที่กล่าวไว้ด้านบน

นอกจากเรื่องของภาพแล้วเรื่องของระบบเสียงบน HDMI 2.1 อย่าง eARC ที่สามารถสามารถส่งผ่านรูปแบบเสียงแบบไม่บีบอัดได้ซึ่งฟีเจอร์นี้ถ้าหากผู้พัฒนาเกมเลือกที่จะเปิดให้ผู้เล่นสามารถเลือกใช้ระบบเสียงแบบไม่บีบอัดได้ก็จะทำให้ทีวีและเครื่องเสียงของผู้เล่นแสดงศักยภาพเสียงความละเอียดสูงแบบไม่บีบอัดได้โดยไม่มีข้อจำกัดเหมือน HDMI 2.0

HDMI 2.1 คืออนาคตของวงการเกมและทีวี!!

แน่นอนด้วยจากการที่เราเห็นว่าความสามารถและฟีเจอร์ของ HDMI 2.1 นั้นมีอะไรมากมายกว่า HDMI 2.0 ทำได้ทั้งเรื่องของภาพ, ฟีเจอร์ และระบบเสียง และแน่นอนว่าฟีเจอร์เหล่านี้จะมีประโยชน์อะไรถ้าหากไม่มีผู้ผลิตรายใดเลือกใช้ HDMI 2.1

ซึ่งในตอนนี้เราจะได้เห็นว่ามีผู้ผลิตทีวีรายใหญ่หลากหลายเจ้าเลือกที่ใช้ช่อง HDMI 2.1 กันแล้ว ไม่ว่าจะเป็น LG, Samsung, Sony, TCL, และ Vizio ซึ่งถ้าใครเลือกซื้อทีวีใหม่ในปี 2020 นี้แล้วล่ะก็การได้ช่อง HDMI 2.1 ก็เหมือนเป็นการเตรียมความพร้อทสำหรับอุปกร์ใหม่ๆ ซึ่ง PS5 และ Xbox Series X นั้นก็มาพร้อมกับ HDMI 2.1 ด้วยเช่นกัน

และนี่ก็เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าการมาถึงของ HDMI 2.1 นั้นเป็นอนาคตของทั้งวงการทีวีและวงการเกมเพราะทั้งผู้ผลิตเกมและผู้ผลิตทีวีก็ต่างตอบรับมาตรฐานช่องต่อแบบใหม่นี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าช่องต่อนี้จะถูกลอยแพและไม่ได้ใช้งานเหมือนกับเทคโนโลยีอื่นๆ ในอดีต

สรุปแล้วจำเป็นมั้ยที่เราจะต้องซื้อทีวีใหมเพื่อ PS5, Xbox Series X ?

คำตอบนี้เป็นอะไรที่ตอบได้สองทางเลย เราสามารถแยกได้ว่าถ้าหากคุณเป็นเกมเมอร์สายจริงจังที่ต้องการรีดเร้นศักยภาพสูงสุดเท่าที่เครื่องเล่นเกมจะสามารถทำได้รวมถึงต้องการภาพความละเอียดสุดคมกริบและลื่นตา ร่วมด้วยระบบเสียงแบบเต็มพลังแล้วล่ะก็ เราก็แนะนำให้คุณเลือกซื้อทีวีรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับ HDMI 2.1 ได้เลย

แต่ถ้าหากคุณเป็นเกมเมอร์สายแคสชวลเล่นเพื่อความผ่อนคลายการอัพเกรดทีวีของคุณก็อาจจะไม่ได้มีความจำเป็นเท่าไหร่นักแต่ก็ขอแนะนำว่าอย่าใช้ทีวีแบบ HD 720p หรือ 1080p ที่ดูเป็นความละเอียดที่น้อยไปเสียแล้วสำหรับยุคปัจจุบันและอนาคต คุณคงไม่อยากเล่นเกมใหม่ๆ บนภาพความละเอียดต่ำๆ หรอกจริงมั้ย?

ที่มา: polygon