มีทีวี ภาพสวย ใช้งานดี สเปคถูกใจ ในราคาที่เหมาะกับตัวเราเรียบร้อยแล้ว แต่บางคนอาจจะชื่นชอบการดูหนังฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจซึ่งบางทีเสียงจากลำโพงทีวีอาจจะยังไม่ถูกใจพอ ทาง LCDTVTHAILAND ของเราก็มีรางวัลลำโพง Soundbar ทั้งรุ่นใหญ่มีลำโพงหน้าหลังคุณภาพเทียบเท่าชุดเครื่องเสียง Home Theater รวมถึงลำโพง Soundbar แบบชิ้นเดียวติดตั้งง่าย จะมีรุ่นไหนบ้างมาดูประกอบการตัดสินใจกันได้ครับ
1.) Best of The Best Soundbar Award : JBL Bar 1300
ของบริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด
ซาวด์บาร์รุ่นท็อปของ JBL มาพร้อมตัวขับเสียงที่มากถึง 11.1.4 แชนเนล และที่พิเศษ คือ เทคโนโลยี MultiBeam ที่ช่วยจัดการทำงานของไดรเวอร์ทั้งหมดเพื่อการถ่ายทอดแจกแจงทิศทางการยิงเสียงโอบล้อมที่แม่นยำขึ้น ประสานกับลำโพงเซอร์ราวด์พร้อมแบตเตอรี่ในตัวแบบไร้สาย สามารถใช้งานแบบประกบกับบาร์หลัก หรือถอดแยกไปวางด้านหลัง พร้อมซับวูฟเฟอร์ไร้สาย ขนาดวูฟเฟอร์ใหญ่ถึง 10 นิ้ว นับเป็นหนึ่งซาวด์บาร์ในปีนี้ที่ให้เสียงโอบล้อมได้หนักแน่นดุดัน มีไมโครโฟนใช้ในการคาลิเบรทเสียงในตัว รองรับการถอดรหัสเสียงครบทั้ง Dolby Atmos และ DTS:X
อีกหนึ่งลูกเล่นที่ JBL ให้มาในปีนี้ ดูแหวกแนวแตกต่างจากยี่ห้ออื่น คือ การเพิ่มอรรถประโยชน์ให้กับลำโพงเซอร์ราวด์หลัง โดยสลับการใช้งานเป็น Standalone Stereo Bluetooth Speakers ได้ด้วย ช่องต่อให้ HDMI In ถึง 3 ช่อง รองรับ 4K 60Hz Dolby Vision/HDR10 Passthrough ส่วน HDMI Out รองรับ eARC และยังมี Optical In รวมถึงแคสต์เพลงผ่าน AirPlay/Chromecast Built-in ผ่าน Ethernet/Wi-Fi และ Bluetooth พร้อมควบคุมผ่านแอปฯ JBL One หากเน้นคุณภาพเสียงพร้อม ๆ คุณสมบัติที่ครบครัน รุ่นนี้น่าจะเป็นตัวจบของหลาย ๆ คนแน่นอน
JBL Bar 1300 | ราคา 49,900 บาท
2.) Editor’s Choice : Samsung HW-Q990C
ให้กับคุณธัชพงศ์ เทพาอภิรักษ์ ผู้จัดการแผนกผลิตภัณฑ์กลุ่มธุรกิจโทรทัศน์และเครื่องเสียง
บริษัทซัมซุง (ประเทศไทย) จำกัด
ซาวด์บาร์รุ่นท็อปของ Samsung ต่อยอดความสำเร็จจากรุ่นปีที่แล้ว โดยยังคงดีไซน์ และคุณสมบัติไว้เช่นเดิม อาทิ จำนวนตัวขับเสียง 11.1.4 แชนเนล
ในจำนวนนี้เฉพาะลำโพงเซอร์ราวด์หลังสามารถยิงเสียงอิสระออกไปได้ถึง 3 ทิศทางพร้อมกัน ส่วนลำโพงซับวูฟเฟอร์ไร้สายมีขนาด 8 นิ้ว และเช่นเคยว่า
ถอดรหัสเสียงได้ครบทั้ง Dolby Atmos และ DTS:X ทั้งยังให้ HDMI In มา 2 ช่อง รองรับ 4K 60Hz Dolby Vision/HDR10+ Passthrough พร้อม HDMI Out/eARC และ Optical In สามารถแคสต์ Spotify ผ่าน Ethernet/Wi-Fi รวมถึง AirPlay 2 และมี Bluetooth ให้ นับเป็นซาวด์บาร์ที่ครบเครื่องทั้งคุณสมบัติด้านเสียง และลูกเล่นในแบบรุ่นท็อป ทว่าค่าตัวคุ้มค่าโดดเด่นมาก
Samsung HW-Q990C | ราคา 29,990 บาท
3.) Best Midrange : Bose Soundbar 600
ให้กับคุณพิลวัฒน์ ศรีพระจันทร์ Head of Bose
ซาวด์บาร์ชิ้นเดี่ยว แบบ 3.0.2 แชนแนล มาพร้อมลำโพงยิงสะท้อนขึ้นเพดาน เพื่อรองรับการถอดรหัสเสียง Dolby Atmos ตัวเครื่องมาในขนาดที่กะทัดรัด ติดตั้งง่ายไม่กินพื้นที่ เพียงเสียบสายไฟ กับ HDMI อีกหนึ่งเส้นก็พร้อมใช้งาน แถมยังมี Bose Music App ใช้ควบคุมตั้งค่าต่าง ๆ แบบละเอียด และใช้สตรีมมิ่งเพลงแบบไร้สายได้ด้วย ในส่วนช่องต่อ Soundbar 600 ก็ให้มาทั้ง HDMI eARC และ Optical In รองรับ Chromecast Built-in และ AirPlay 2 ผ่าน Ethernet/Wi-Fi พร้อม Bluetooth แถมยังสะดวกต่อการอัปเกรด เพราะสามารถเพิ่มลำโพงเซอร์ราวด์หลัง และซับวูฟเฟอร์ทั้งแบบสาย และไร้สายได้ด้วย รองรับการใช้งานได้แบบยาว ๆ
Bose Smart Soundbar 600 | ราคา 21,490 บาท
4.) Best Budget : Samsung HW-S61B
Lifestyle Soundbar 5.0 รูปลักษณ์สวยเก๋ สีขาวสะอาดตา ถอดรหัสเสียง Dolby Atmos ได้ พร้อมรองรับ DTS Virtual:X แม้ขนาดจะดูกะทัดรัด แต่เติมเต็มเสียงในห้องได้ครอบคลุมเกินตัว เหนือกว่าลำโพงทีวีอย่างชัดเจน และหากคุณเป็นเจ้าของทีวีซัมซุง ก็สามารถใช้งานฟีเจอร์ Q-Symphony ประสานพลังเสียงของซาวด์บาร์ร่วมกับลำโพงทีวีได้ (ต้องเป็นซัมซุงทีวีที่รองรับฟีเจอร์ Q-Symphony) สามารถเชื่อมต่อผ่านสาย HDMI ARC และ Optical In หรือเชื่อมต่อไร้สายทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth ขนาดที่เล็กช่วยให้ติดตั้งง่าย จะวางบนชั้นทีวีหรือแขวนผนังก็ดูสวยลงตัว อนาคตสามารถอัพเกรดเพิ่มลำโพงซับวูฟเฟอร์ไร้สาย SWA-W510 ที่ออกแบบมาเข้าชุดกันพร้อมเติมเต็มเสียงต่ำลึกให้สมบูรณ์ขึ้นได้ เมื่อเทียบคุณสมบัติและคุณภาพเสียงที่ได้ กับค่าตัวไม่ถึง 7 พัน บาท นับว่าคุ้มค่ามาก
Samsung HW-S61B | ราคา 6,990 บาท
