07 Jun 2014
Review

จิ๋วแจ๋วภาค 2 !! รีวิวโปรเจคเตอร์ไซส์จิ๋ว ACER K137 พกพาความสามารถมาเต็มกระเป๋า ลองซะ !!


  • lcdtvthailand

ACER K137 นั้นเป็น LED Projector ส่งผลให้อายุการใช้งานของหลอดภาพยาวนานกว่าโปรเจคเตอร์ทั่วไป โดยเฉลี่ยแล้วในโหมดปกติจะสามารถใช้ได้ 20,000 ชั่วโมง และหากเป็นโหมด Eco นั้นจะสามารถใช้ได้ยาวกว่าถึง 30,000 ชั่วโมง ความละเอียดของภาพเป็นระดับ WXGA คือ 1280 x 800 ซึ่งมี Aspect Ratio เป็น 16:10 แต่สามารถรองรับคอนเทนต์ได้สูงสุดที่ 1920 x 1080 ซึ่งเป็น 16:9 ความคมชัดอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ส่วนตามสเปคนั้นให้ค่า Contrast Ratio มาที่ 10,000:1 ขนาดของภาพสามารถใช้ได้ตั้งแต่ 17″ ไปจนถึง 100″ เลยทีเดียว 

โหมดภาพต่างๆของ ACER K137

เริ่มทดสอบจากโหมดภาพของ ACER K137 ที่ให้โหมดภาพสำเร็จรูปมาทั้งหมด 6 รูปแบบคือ Standard , Bright ,Game , Picture , Movie และสุดท้ายคือ User ครับ โหมดภาพทั้งหมดนั้นจะเป็นรูปแบบที่ Fix ค่ามาตายตัว หากปรับแก้ในโหมดต่างๆนั้น ตัวเครื่องจะปรับเด้งมาที่โหมด User ให้โดยอัตโนมัติเลยครับ โดยรวมแล้วหากใช้งานทั่วๆไป แนะนำเป็นโหมด Bright จะให้ค่าสีที่ค่อนข้างใกล้เคียงธรรมชาติที่สุด หากเป็นโหมดอื่นๆจะติดอมฟ้าเล็กน้อย อ้างอิงจากค่า Color Temp. ที่ 7437 ซึ่งถือว่ามีความใกล้เคียงค่า 6500K มากกว่าโหมดอื่นๆซึ่งอยู่ในระดับ 8000K ครับ ( ทั้งหมดนี้วัดจาก Lamp Mode : Normal ) 

Pre-Calibration รอบแรกนั้นใช้โหมด USER โดยค่า Color Temp อยู่ที่1 และ Degamma ที่ 2 โดยรวมแล้วจะเห็นว่าสีน้ำเงินค่อนข้างทะลุเป้าไปพอสมควร จะเห็นจากแนวภาพที่ไม่ได้ติดแดงแม้แต่น้อบ
หลังจากทำการ Calibrate แล้ว สรุปว่าใช้เป็นโหมด USER โดยปรับค่า Color Temp. ไปที่ระดับ 0 และ Degamma ที่ 4 โดยใช้ Lamp Mode : Normal วัดอุณหภูมิสีได้ที่ 7932K แม้จะมากกว่าในตอนแรกเล็กน้อย แต่แลกมาด้วยระดับ RGB Balance ที่ดีกว่า โดยเรนจ์ของสี (CIE Chart) ที่ใช้อ้างอิงทั้งหมดนั้น คือ Adoby RGB ซึ่งกว้างกว่า Rec709 ครับ
ทดสอบดูหนังแบบ 1080p เรื่อง Spider Man

หนังที่หยิบมาทดสอบเรื่องแรก Amazing Spider Man ซึ่งถูกบันทึกมาในรูปแบบ 4K และบีบอัดลงในแผ่นบลูเรย์แบบ 1080p ซึ่งถือว่ามีระดับความคมชัดพอตัว โดย ACER K137 นั้นก็ถือว่าเป็นโปรเจคเตอร์ที่นำมาใช้งานในด้านโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์ได้อย่างดี ผมทดสอบต่อกับเครื่องเล่นบลูเรย์ OPPO BDP-95 ฉายโดยขนาดหน้าจอที่ 90 นิ้ว ความคมชัดที่แสดงออกมาถือว่าสมราคาค่าตัวระดับ WXGA 1280 x 800 ( HD Ready ) โดยมีจุดเด่นที่ความสว่างของภาพและภาพเคลื่อนไหวที่ทำได้ดีแม้จะเป็นหนังที่มีเฟรมเรท 24FPS แต่หากว่าอยากให้ตัวเครื่องแสดงผลได้คมชัดยิ่งขึ้น แนะนำให้ลองย่นระยะฉายลงมา จนเหลือพื้นที่บนจอฉายประมาณ 50-60 นิ้วถือว่าคมกริบเลยทีเดียว

หลายฉากที่แสดงรายละเอียดในที่มืดก็ยังทำได้ดี
เมนูการปรับค่าภาพมีให้เลือกตามมาตรฐานคือ Brightness , Contrast, Saturation , Tint และในส่วนของ Advance จะมี Color Temp กับ Degamma ส่วน Wall Color จะเป็นการชดเชยสีของภาพ ในกรณีที่พื้นของจอฉายไม่ได้เป็นสีขาว เราสามารถเลือกได้ตั้งแต่ เหลือง น้ำงิน ม่วง เขียว
ใบหน้าของตัวละครนั้นมีความอิ่มและเป็นธรรมชาติอยู่ในตัวสูง

สำหรับการใช้งานในด้านโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์อีกส่วนหนึ่งที่ผมคิดว่า ลูกค้าผู้ใชงานส่วนใหญ่ต้องการ นั่นก็คือการรับชมฟรีทีวีครับ ซึ่งกระแสดิจิตอลทีวีกำลังมาแรงในขณะนี้ รวมถึงใกล้จะมีการแข่งขันฟุตบอลโลกแล้ว แนะนำว่าหากท่านใดมีกล่อง Set Top Box ก็สามารถต่อสาย HDMI จากกล่องเข้ามาที่ต้องเครื่องโปรเจคเตอร์ได้เลย ข้อดีคืรับชมฟุตบอลแบบเต็มตา และยิ่งคอนเทนต์ที่ส่งมา เป็นแบบ HD ก็จะยิ่งเพิ่มอรรถรสเข้าไปได้อีกเพียบ แนะนำเลยครับ 

เรื่อง Journey 2 บรรยากาศโดยรวมในฉากนี้ถือว่ามีมิติภาพใช้ได้

ในส่วนของการรับชมภาพยนตร์จากบลูเรย์ที่สามารถแสดง Ratio เป็นแบบ 16:9 ได้นั้น จากการใช้งานรับชมในห้องโฮมเธียเตอร์ซึ่งมีการคุมแสงได้ค่อนข้างดี จะสามารถแสดงความดำของภาพออกมาได้ดีกว่าโปรเจคเตอร์อีกหลายๆตัว (สูสีกับรุ่น K135 ที่ได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ )  และในช่วงบ่ายผมได้ลองหยิบมาต่อใช้งานในห้องนั่งเล่น ซึ่งเป็นสภาพการใช้งานที่มีแสงจากภายนอกเข้ามารบกวน แต่เมื่อปิดม่านแล้วก็ยังถือว่าโปรเจคเตอร์ตัวนี้มีระดับความสว่างที่สามารถสู้แสงได้ดีในระดับหนึ่งเลย และยิ่งเป็นช่วงเย็นถึงหัวค่ำ แม้จะไม่ใช่ห้องโฮมเธียเตอร์ ก็สามารถนำมาใช้งานได้อย่างสบายๆ

ฉากแพนกล้องในเรื่องนี้มีให้เห็นค่อนข้างเยอะ แต่ก็รับมือได้ดี
ในช่วงก่อนการ Calibrate สีผิวของตัวละครจะมี Contrast ค่อนข้างสูง
หากเป็นความดำของฉากด้านหลัง ต้องบอกว่าทำออกมาได้ไม่น่าเกลียดเลย ในระดับราคาสองหมื่นต้นๆ