ภาพ
หากอ้างอิงจากตามสเปคแล้ว Acer P8800 ถือได้ว่าเป็น 4K Projector ที่มีสเปคค่อนข้างดี ระยะฉายที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ 1.7 เมตร และไกลที่สุดถึง 9 เมตร (หากใครอยากได้ภาพ 100″ ก็ควรมีระยะฉายสัก 3 เมตร) เป็นโปรเจคเตอร์แบบ DLP ซึ่งเหมือนพูดถึง DLP แล้วหลายคนมักคิดถึงเรื่อง Rainbow Effect ก่อนเป็นลำดับแรก ดังนั้นก่อนจะไปเข้าเรื่องสไตล์ภาพจึงมาตอบข้อสงสัยกันก่อน จากที่ผมนั่งดูภาพรุ่นนี้มามีอาการนี้ไหม ขอบอกว่าแทบไม่เจอเลยครับ นานน๊านน จะมาสักทีหนึ่ง ดังนั้นไม่มีผลกระทบอะไรต่อการรับชม! ส่วนหลอดไฟใช้แบบ UHP Lamp หากใช้งานปกติก็จะมีอายุ 2,000 ชั่วโมง แต่ถ้าหากเปิดโหมด Eco ก็จะสามารถใช้ได้ถึง 3,000 ชั่วโมง
ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ผมหยิบมาทดสอบคือเรื่อง Thor Ragnarok โดยต่อผ่านเครื่องเล่น Oppo UDP-203 ซึ่งกลายเป็นรุ่นหายากไปแล้วในตอนนี้ พอใส่แผ่นเข้าไป ตัว Acer P8800 ก็จะมีการแสดงป๊อบอัพเด้งขึ้นมาด้วยว่าขณะนี้เล่นคอนเทนท์แบบ HDR อยู่ และฉากที่ผมเลือกใช้ทดสอบเป็นฉากในสังเวียนที่ Thor สู้กับ Hulk ฉากนี้ฉากเดียวใช้ดูอะไรได้หลายอย่างเลยครับ ทั้งภาพเคลื่อนไหว ทั้งสีสัน ความคมชัด และความสว่างเจิดจรัสของ HDR
เมื่อใช้โปรเจคเตอร์อารมณ์ Cinematic มาเต็ม อย่างกับยกโรงภาพยนตร์มาไว้ในบ้าน เรื่องความคมชัดก็หายห่วงเพราะ Native Resolution เป็นความละเอียด 3840 x 2160 อยู่แล้ว ระหว่างที่ Thor และ Hulk กำลังซัดกันนัว ภาพเคลื่อนไหวอยู่เกณฑ์ดีเลย ไม่กระตุก ไม่กระชาก และไม่ได้ลื่นปรี๊ดจนดูไม่เป็นธรรมชาติ มีสองคำที่ผมอยากจะให้กับภาพเคลื่อนไหวของตัวนี้คือ “ลงตัว” ส่วนสีสันของของ HDR อยู่ในระดับประทับใจครับ ต้องบอกก่อนว่าความสว่างของ Acer P8800 ที่วัดได้นั้นอยู่ที่ 5000lumens (แต่ถ้า eco จะเหลือราวๆ 4000lumens) ดังนั้น ความสว่าง เจิดจรัสของพวกสายฟ้า พลังต่างๆ จึงทำได้ดี เพียงแต่สีสันจะออกไปในแนวทางสดใสธรรมชาติ และเนื่องจากระดับความสว่างของตัว Acer P8800 ที่ค่อนข้างสูง ทำให้เราสามารถเปิดไฟสลัวๆ ในการรับชมได้ โดยที่ยังไม่สูญเสียอรรถรส มีที่ติเล็กน้อยตรงไหนที่สว่างมากๆ จะติดขอบม่วงมาเล็กน้อยเมื่อดูภาพใกล้ๆ แต่ถ้านั่งชมระยะปกติก็จะไม่เห็น
ดูภาพยนตร์ปกติกันไปแล้ว คราวนี้ก็จับ Acer P8800 ต่อเข้ากับ PlayStation 4 เพื่อเล่นเกมกันบ้าง โดยเกมที่หยิบมาทดสอบในคราวนี้เกมประเภท Fighting อย่าง Street Fighter V เพื่อดู Input lag โดยเฉพาะ ซึ่งก็ต้องบอกว่าเล่นกันจนเพลินครับ กดปุ๊บ มาปั๊บ ไม่มีชะงัก นอกจากจะปิดไฟเล่นแล้ว ผมเองยังทดลองเปิดไฟเล่นดูด้วยเพื่อทดสอบความสว่างระดับ 5000lumens สักหน่อย โดยบนเพดานที่ห้องทดสอบจะมีหลอดไฟนีออนแบบยาวสองหลอด วางอยู่เยื้องๆ จอฉาย ไปหน่อย ภาพที่ออกมาตอนเปิดไฟถือว่าพอใช้ได้ครับ ส่วนถ้าปิดไฟไม่ขอพูดถึงเพราะดีมากอยู่แล้ว
สำหรับโหมดภาพอัตโนมัติที่มาพร้อมกับ Acer P8800 ค่อนข้างจะติดอมแดง เนื่องจากตัวเลือกอุณหภูมิสี D65 ที่ไม่ได้ตรงตามชื่อ แนะนำให้เปลี่ยนตัวเลือกเป็น D75 จะให้สมดุลสีเป็นธรรมชาติกว่า ซึ่งโหมดภาพมาตรฐานที่แนะนำก็คือโหมด Bright เพราะดูจะให้สมดุลสีที่ดีที่สุดคือราวๆ 6314K จุดที่น่าเสียดายคือตัวเครื่องไม่ได้แยกเมมโมรี่ภาพทำให้ทางทีมงานต้องเลือกปรับภาพในโหมด SDR เป็นหลัก
