31 Mar 2017
Review

รีวิว! Aconatic AN-55DU800SM 4K Smart TV จอใหญ่ เครื่องแรกแบรนด์ไทย มาในราคาคุ้มค่า


  • lcdtvthailand

ภาพ

หลังจากเห็นดีไซน์ และช่องต่อการใช้งานไปแล้ว ต่อมาผมจะพาไปดูโหมดภาพนะครับ โดยก่อนจะเริ่มการทดสอบทางผมได้มีการตั้งค่าพอร์ต HDMI Type บนทีวี จากเวอร์ชั่น 1.4 เป็น 2.0 เพื่อให้ทีวีนั้น สามารถแสดงภาพความละเอียด 4K ได้ เนื่องจากว่าวันนี้ผมจะใช้แผ่นหนัง 4K ฺBlu-ray ในการทดสอบโหมดภาพต่างๆ ผ่านเครื่องเล่น Xbox One S ครับ เริ่มที่เรื่องแรกคือเรื่อง Warcraft ด้วยจุดเด่นหนังเรื่องนี้ที่ผมเลือกมาคือ ฉากต่อสู้ ฉากแสงสีเอฟเฟกต์ค่อนข้างเยอะ อีกทั้งจะได้ดูภาพเคลื่อนไหวและโทนภาพไปพร้อมกันเลย

ช่วงแรกผมเปิดหนังขึ้นมา ทางเครื่องเล่น Xbox One S แจ้งป็อปอัพขึ้นมาบนหน้าจอทีวีว่า ไม่รองรับ HDR (High dynamic range) แต่ก็ไม่เป็นไรนะครับ ยังสามารถดูหนังได้ตามปกติ เพียงแต่ภาพที่ออกมาจะมีความละเอียด 4K (3,840 x 2,160) เท่านั้นเอง โดยรวมผมว่าทั้ง สีสัน โทนภาพ ค่อนข้างใช้ได้เลย ส่วนภาพเคลื่อนไหวผมสังเกตเห็นอาการเงาดำตามหลังตัวละคร หรือภาพสั่น ไม่ลื่นไหลมากนัก พอผมลองเข้าไปปรับตัวช่วยเรื่องภาพ ที่ตั้งค่า Motion Compensation เดิมทีวีถูกเซ็ตค่าอยู่ที่ High พอปรับมาที่ Off หรือ Low อาการเงาดำตามหลังตัวละคร หรืออาการภาพสั่นเริ่มหายไป ภาพเคลื่อนไหวดูสมูท ลื่นไหลมากขึ้น

ส่วนโหมดภาพ ผมขอบอกก่อนครับว่าทาง Aconatic ได้มีการบรรจุโหมดภาพมาให้กับ AN-55DU800SM มีทั้งหมด 5 โหมดด้วยกันคือ Standard, Vivid, Home, Mild และ User โดยหลังจากที่ผมทดสอบโหมดภาพครบทุกโหมดแล้ว ผมขอสรุปโดยรวมเลยนะครับ เริ่มจากโหมด Standard และ Vivid โทนภาพมีความสว่าง สดใส สีสันของภาพมีความโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด รายละเอียดของสีมีความสด ช่วงของสีจะกว้างกว่าทุกโหมด สามารถขุดรายละเอียดในฉากมืด หรือฉากที่มีแสงสว่างน้อยให้เห็นชัดเจนดีขึ้น แต่โทนภาพลักษณะนี้ก็จะมีข้อเสีย คือภาพที่ออกมาจะไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงนัก หรือสีสันโอเว่อร์เกินไป ซึ่งจะให้อรรถรสในการรับชมภาพไปอีกแบบนึง ถ้าใครชอบภาพโทนสีสวยสด เอิบอิ่ม ผมก็ขอแนะนำสองโหมดนี้เลย

ส่วนโหมด Home และ Mild ภาพที่ออกมาจะแตกต่างกันเล็กน้อยครับ โดยโหมด Mild สีสันภาพจะออกโทนมืดกว่า นอกจากนั้นก็ใกล้เคียงกันคือ โทนภาพดูอบอุ่น ให้อารมณ์คล้ายๆ กับโรงภาพยนตร์ สีสันของภาพที่ออกมาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สีใกล้เคียงความเป็นจริง และแสงสว่างของภาพออกมาไม่สูงมาก เหมาะสำหรับชมภาพยนตร์ภายในบ้าน ข้อดีคือ แสงไม่แยงตา เวลาดูหนังนานๆ จะไม่รู้สึกปวดตา เหมือนกับโหมด Standard และ Vivid ที่มีแสงสว่างของภาพค่อนข้างสูงกว่า 

โหมดสุดท้าย User จะเป็นโหมดที่ให้ผู้ใช้งานเลือกปรับค่าภาพต่างๆ ได้ตามต้องการ เช่นค่า Contrast = ระดับสีขาว, Brightness = ระดับสีดำ, Saturation = ระดับความสดอิ่มของสี, Sharpness = ความคมชัด และแสง Blacklight เป็นแสงพื้นหลังทีวีก็มีมาให้ด้วยครับ ซึ่งในตอนทดสอบโหมดนี้ ผมลองปรับแสงแบล็คไลท์ และคอนทราสต์เต็ม 100% แล้ว ปรากฏภาพที่ออกมาดูสว่าง สีสันใกล้เคียงกับโหมด Standard และ Vivid เลยครับ 

ฉากที่แสงสว่างเจิดจ้า สามารถถ่ายทอดภาพออกมาสวยงาม เห็นรายละเอียดแสงอาทิตย์ ท้องฟ้าชัดเจน
ทดสอบด้วยเรื่อง Xmen ใบหน้าแมกนีโต้ มีสีสันอยู่ในระดับพอดี ไม่เข้มจนเกินไป
ทดสอบด้วยเรื่อง Life of Pi ฉากตอนกลางคืน ก็ถ่ายทอดภาพออกมาได้สวยสด งดงาม แสดงรายละเอียดความมืดและความสว่างได้ในระดับดี
ทดสอบด้วยเรื่อง Life of Pi ฉากตอนกลางคืน ก็ถ่ายทอดภาพออกมาได้สวยสด งดงาม แสดงรายละเอียดความมืดและความสว่างได้ในระดับดี