เพิ่มเติม
ก่อนจะเข้าสู่ในส่วนของเทคนิคด้านภาพ ผมอยากแนะนำฟีเจอร์ที่น่าสนใจหลักๆ ของ ZOWIE XL2546 ที่มีฟีเจอร์ DyAc ว่าดียังไงแล้วส่งผลต่อการเล่นมากน้อยแค่ไหนสำหรับมอนิเตอร์ที่เป็นเกรด e-Sports ที่ผู้เล่นมืออาชีพใช้งานกัน ซึ่งต้องบอกว่าเจ้ามอนิเตอร์ตัวนี้เกิดมาเพื่อเกม FPS โดยเฉพาะ แต่ก็ใช่ว่าจะใช้เล่นเกมอื่นๆ ไม่ได้เลย เดี๋ยวลองมาดูจุดเด่นหลักๆ กันเลยดีกว่าครับ
อย่างแรกคือ ฟีเจอร์ DyAc (Dynamic Accuracy) เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้เวลาการยิงแบบสเปรย์หรือการสาดกระสุนใส่คู่แข่ง ภาพจะเกิดการเบลอน้อยลงและยังสามารถมองเห็นวัตถุและศัตรูคนอื่นที่กำลังเข้ามาในจอได้นอกจากคนที่เราโฟกัสอยู่ ในส่วนนี้จะมีให้เลือกปรับ 2 ระดับคือ High และ Premium สามารถเลือกใช้ได้ตามความชอบของแต่ละคน ซึ่งแต่ละระดับจะส่งผลกับความสว่างของหน้าจอเล็กน้อยแต่ไม่ได้เป็นข้อสังเกตอะไรมาก
สังเกตดูว่าเมื่อเปิด DyAc เราจะสามารถควบคุมการสั่นหรือเบลอของเป้าได้ดีขึ้นอันนี้ลองใช้เองจะเห็นความแตกต่างจริงๆ
ถัดมาเป็นฟีเจอร์ Black eQualizer เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้จะทำให้เรามองเห็นศัตรูและไอเทมต่างๆ ที่อยู่ในที่มืดได้ดีขึ้น ฟีเจอร์นี้นั้นทำส่งผลกระทบต่อสีและภาพน้อยมากต่างจากการเพิ่ม Brightness ทำให้ผมต้องเอามาแนะนำเพื่อนๆ เพื่อเอาไปปรับใช้งานเวลาเล่นเกม
และสุดท้ายคือ Color Vibrance ฟีเจอร์ที่ช่วยเร่งสีให้สดและชัดเจนมากขึ้นหลายคนอาจจะมองว่าเอ๊ะปรับสีนี่นะมันน่าสนใจตรงไหน ผมต้องบอกก่อนเลยว่าหากเป็นผู้เล่นที่ชื่นชอบเกมแนว Battle Royale อย่าง Apex Legens หรือ PUBG ที่ผมเล่นฟีเจอร์นี้ส่งผลพอสมควรเลยครับ เพราะหากเราเร่งค่าสี Color Vibrance มากขึ้นจะทำให้เราแยกแยะวัตถุในฉากได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะสีของผิวคนที่เดินเข้ามาชุดเสื้อผ้ารวมไปถึงยานพาหนะต่างๆ หากผ่านตาเข้ามาในฉากเราต้องเห็นก่อนคนอื่นแน่นอน ถ้าไม่นั่งเหม่อหรือพับจอไปเล่น Facebook อยู่นะฮ่าๆ
ภาพ
สำหรับ ZOWIE XL2546 ตัวนี้ ใช้พาแนล TN คุณภาพสูง ซึ่งข้อดีของพาแนลชนิดนี้คือลดการเกิด Input Lag ได้ดีและแถมยังทำให้รับ Refresh Rate ได้สูงถึง 240Hz ฉะนั้นแล้วมันจึงเป็นจอรองรับความเร็วสูงเวลากวาดเมาส์แบบเร็วๆ ได้และยังให้มุมมองการรับชมที่ดีกว่าจอ TN แบบรุ่นทั่วไป ความละเอียดของจอตัวนี้จะเป็น Full HD 1920×1080 พิกเซล แต่มีขนาดจอ 24.5 นิ้ว อยู่ในขนาดมาตรฐานสำหรับมอนิเตอร์ยุคใหม่ซึ่งไม่ได้เล็กหรือใหญ่จนเกินไป
สำหรับใครที่กังวลว่าคอมของเราที่ใช้อยู่นั้นจะปั่นเฟรมถึง 240fps รึป่าวไม่ต้องกังวลไปเพราะการ์ดจอตั้งแต่ซีรีส์ GTX 980 ขึ้นไปก็สามารถทำได้ถึงแล้วหากใครที่ใช้ GTX ซีรีส์ 10 หรือ RTX รุ่นปัจจุบันอยู่แน่นอนว่าไม่ต้องห่วงเลยหากเล่นเกมแนว FPS คนเล่นมักชอบปรับกราฟิกแบบต่ำสุดอยู่แล้ว
ก่อนเข้าสู่ช่วงทดสอบเกมมาดูสาระเชิงเทคนิคกันก่อนดีกว่าตัวจอทำ Peak Brightness ได้สูงสุดที่ 257 nits ในโหมด Gamer 2 ขอบเขตสีอยู่ที่ 96.6% ของมาตรฐาน Rec.709 ซึ่งก่อน Calibrate นั้นค่า ΔE = 4.5 และเมื่อทำการ Calibrate ค่า ΔE เหลือเพียง 2.3 เท่านั้นถือว่าเข้าใกล้มาตรฐานความถูกต้องของแสงสีขึ้นมาอีกพอสมควรเลย โดยคุณภาพของตัวภาพที่นั้นต้องมี ΔE<2.0 (ΔE=ค่า DeltaE) สำหรับใครต้องการนำไปปรับภาพและใช้งานต้องบอกว่าหากมีการปรับเปลี่ยนฟีเจอร์ต่างๆ ค่าภาพนั้นรีเซ็ตกลับมาค่าเดิมแต่หากต้องการใช้งานค่าภาพที่ปรับไว้ให้เซ็ทค่าภาพไว้ที่โปรไฟล์ทั้ง 3 อันได้ แต่อย่างที่รู้ๆ กันสำหรับชาวเกมเมอร์หรือโปรเพลเยอร์แล้วเรื่องความเที่ยงตรงนั้นเป็นเรื่องรองมากกว่าการตอบสนองของฝีมือกันการเล่น ฉะนั้นเรามาดูการใช้งานจริงในการเล่นเกมกันบ้าง
การตอบสนองของตัวจอทำออกมาได้ดีมากเท่าที่จอจะทำได้สำหรับการเล่นเกมแบบ 60Hz ตัวจอมีค่า Input Lag อยู่ที่ 17.4 ms และแบบ 240Hz อยู่ที่ 3.7 ms เท่านั้นเรียกว่าน้อยมากทำให้การเล่นเกมนั้นทุกช็อตการยิงหรือการกดปุ่มต่างๆ ตอบสนองได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเล่นเกมแนวไหนหมดปัญหาจอยหน่วงแน่นอน
