เรื่องย่อ
ในโลกที่ประชากร 4% เกิดมาพร้อมความสามารถพิเศษเหนือธรรมชาติ แต่ใช่ว่าพวกเขาจะกลายเป็นมหาเศรษฐรหรือซุปเปอร์ฮีโร่ พวกเขากลับถูกสังคมกดขี่ต้องให้ใช้ชีวิตอยู่อย่างอดอยาก เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อชายคนหนึ่ง (ร็อบบี้ อาเมลล์, The Flash) ต้องดิ้นรนหาเงินมาเพื่อจ่ายค่ารักษาแม่ของเขา เขาทำงานเป็นกรรมกรจนกระทั่งเขาเข้าร่วมกับแก๊งโจร (สตีเฟ่น อาเมลล์, Arrow) ที่สอนให้เขาใช้พลังของตัวเองเพื่อก่ออาชญากรรม ซุงกัง (แฟรนไชส์ The Fast and the Furious) ที่ร่วมแสดงในหนังสั้นต้นฉบับ กลับมารับบทเดิมคือตำรวจที่คอยไล่ล่าโจรที่ใช้พลังแหกกฎหมายอย่างไม่ลดละ
บทวิจารณ์
เราเพิ่งมารู้หลังจากดูหนังเรื่อง Code 8 จบไปแล้ว ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เคยเป็นที่พูดถึงมาก่อน ในฐานะหนังสั้นยอดเยี่ยม แต่พอเอาพล๊อตมาขยายให้ยาวขึ้น กลับพบว่า มันทำให้ Code 8 กลายเป็นหนังเป็ด ที่อะไรก็ดี อะไรก็ติไม่ได้ แต่จริงๆ แล้ว มันไปไม่สุดสักทาง ไม่ว่าจะเป็นฉากแอคชั่น ซีนอารมณ์ หรือรวมไปถึงเทคนิคพิเศษที่ใช้ในการถ่ายทำ
อย่างไรก็ตาม พล๊อตนั้นถือได้ว่าเป็นจุดที่ดีที่สุดของเรื่อง แต่การซ่อนปมยังไม่แนบเนียนสักเท่าไหร่ ตั้งแต่ตอนที่สาวน้อยผิวสีไออยู่ในคอ เหมือนเธอกำลังเป็นโรคอะไรสักอย่างตั้งแต่ต้นเรื่อง ก็พอจะเดาออกแล้วล่ะ ว่าถ้าเธอไม่เป็นโรคร้ายอะไรสักอย่าง เธอก็น่าจะได้รับโรคมาจากใครอีกที ซึ่งพอเฉลยปมก่อนจบเรื่อง ว่าจริงๆ แล้วสาวน้อยคนนี้ไม่ได้มีพลังรักษา แต่เธอแลกเปลี่ยนความบาดเจ็บของผู้อื่นมาไว้ที่ตัวเธอแทนต่างหาก ซึ่งมันนำไปสู่ฉากบีบอารมณ์ ที่พระเอกของเราต้องบังคับเธอให้ไปรักษาโรคมะเร็งที่แม่ของเขากำลังทุกข์ทรมานอยู่กับมัน ทั้งๆ ที่สาวน้อยรู้ชะตากรรมของเธอดี ว่าเธอต้องตายแน่ๆ แต่สุดท้าย พระเอกของเราก็คิดได้ และไม่ใจร้ายจนเกินไป ที่จะปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องตาย
นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างหุ่นยนต์ตำรวจที่ใช้ในประเทศดูไบ และโดรนตรวจการ ที่เริ่มใช้กันบ้างแล้วในหลายๆ ประเทศ ก็ทำให้เรื่องราวของ Code 8 ดูมีสีสันมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องมนุษย์ที่มีพลังวิเศษ อาจจะฟังดูเลื่อนลอยอยู่นิดๆ น่าจะมีเหตุการณ์ หรือเหตุผลสนับสนุนของที่มาของพลังเหล่านั้นมานำเสนอบ้าง จึงจะทำให้ Code 8 กลายเป็นภาพยนตร์ที่สมบูรณ์มากขึ้น
สรุป
บอกตามตรงว่า สำหรับเรา Code 8 เป็นเหมือนแกงจืด ที่ไม่มีรสไหนโดดเด่นให้ตื่นตาตื่นใจได้เลย แต่ยังดีที่ Code 8 เป็นแกงจืดที่น่าสนใจ และค่อนข้างมีความแปลกใหม่ จึงทำให้สามารถดูภาพยนตร์เรื่องนี้ต่อไปจนถึงตอนจบได้ ใครที่ชอบหนังดูง่ายๆ ไม่ตื่นเต้นจนลุ้นหลังไม่ติดเบาะแล้วล่ะก็ Code 8 ก็โอเคอยู่นะ
คะแนน
7.5/10