23 Aug 2021
Review

รีวิว JBL WAVE 100 TWS หูฟัง True Wireless เสียงฟังสนุก เบสแน่น ดีไซน์โฉบเฉี่ยว ถูกใจวัยรุ่น


  • TopZaKo

เวลาเดินทางไปในที่ต่างๆ หรือเดินทางไปทำงานในชีวิตประจำวันของเรา ส่วนใหญ่มักใช้เวลาอย่างน้อยเป็น 30 นาทีเป็นขึ้นไป คนเราเลยนิยมการฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม เพื่อแก้เบื่อผ่าน Smartphone กันมากขึ้น แล้วถ้ายิ่งเราได้หูฟังดีๆ สักคู่ที่ให้คุณภาพเสียงได้ดีกว่าลำโพงจากมือถือของเราได้ดีกว่าหลายเท่าน่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความสุขระหว่างการเดินทางได้ดีไม่น้อย

วันนี้ผมจะมาแนะนำหูฟัง True Wireless ไร้สาย แยกข้างแบบอิสระ ที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ อย่าง Smartphone, Tablet และ คอมพิวเตอร์ ผ่านการเชื่อมต่อ Bluetooth ไม่ต้องมีสายมาให้คอยเกะกะ แถมยังมีระดับราคาที่เข้าถึงได้ไม่ยาก หูฟังรุ่นที่ว่าก็คือ JBL WAVE 100 TWS มาดูรายละเอียดเจาะลึกที่น่าสนใจในรีวิวกันเลยครับ

สเปคคร่าวๆ ของ JBL WAVE 100 TWS

  • เป็นหูฟังไร้สายแบบ True Wireless
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 5 ชั่วโมง และเพิ่มเป็น 20 ชั่วโมงเมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จ
  • ใช้ Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0
  • ตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 20Hz ถึง 20kHz
  • รองรับการใช้งานคำสั่งเสียง SIri, Google Assistant และ Bixby
  • ราคา 3,990 บาท
มี QR Code ที่หน้ากล่องสำหรับสแกนเพื่อรับประกันเพิ่มฟรี 3 เดือน พร้อมรับสิทธ์พิเศษมากมายจาก Mahajak Plus ด้วย อย่าลืมสแกนกันนะ

ดีไซน์และการออกแบบ

สีทั้งหมดของ JBL WAVE 100 TWS

ดีไซน์ โดยรวมเรียกว่ามาในแบบของ JBL เขาจริงๆ มีความ โฉบเฉี่ยว ดูสปอร์ต หรือเรียกว่ามีความเป็นวัยรุ่นอยู่ในตัวไม่น้อย โดยหูฟังรุ่นนี้จะมีให้เลือกทั้งหมด 4 สีได้แก่ Ivory, Black, Blue และ Purple ตามรูปด้านบนเลย ซึ่งตัวที่ผมได้มารีวิวจะมาในโทนสีเทาอมเขียว ที่ทาง JBL เรียกว่า สี Ivory หรือสีงาช้างครับ

มีโลโก้ JBL อยู่ที่ด้านหน้าตัวเคส และ ที่ตัวหูฟัง

ตัว เคสชาร์จ มีขนาดที่ใหญ่อยู่ในระดับปกติของหูฟังแบบ True Wireless ทั่วไป มีน้ำหนักอยู่ที่ 36.1 กรัม แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ JBL WAVE 100 TWS ตัวนี้แตกต่างหูฟังตัวอื่นก็คือบริเวณด้านบนของตัวเคสจะ เปิดโล่ง ไว้เพื่อให้เราสามารถหยิบหูฟังเข้าออกได้อย่างสะดวก แต่ว่าการไม่มีฝาปิดมาให้แบบนี้หากเราใช้งานไม่ระวังหรือใช้งานไปนานๆ อาจทำให้ฝุ่นเข้าไปเกาะในบริเวณต่างๆ รวมถึงตัวหูฟังได้ง่ายพอสมควรแนะนำว่าเราต้องคอยทำความสะอาดตรงจุดนี้บ่อยสักนิดนึงนะครับ

ด้านหลังของตัวเคส

ที่ ด้านหลัง ของเคสชาร์จจะมีช่อง USB-C สำหรับการชาร์จไฟมาให้ โดยตัวหูฟังเมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็มจะสามารถ ใช้งานได้นานสูงสุด 5 ชั่วโมง และเพิ่มเป็น 20 ชั่วโมงเมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จ ซึ่งแบตเตอรี่ของตัวหูฟังเมื่อหมดเหลือ 0% จะใช้เวลา 2 ชม. ในการชาร์จให้เต็ม

สำหรับวิธีการนำหูฟังออกมาจากเคสชาร์จ ทาง JBL แนะนำให้ผลักหูฟังไปที่ด้านข้างก่อนแล้วค่อยดึงออก โดยข้างซ้ายก็ให้ผลักไปทางซ้าย ข้างขวาก็ให้ผลักไปทางขวา ตอนใช้งานใหม่ๆ เราอาจจะยังไม่คุ้นชินแต่พอใช้ไปสักพักการหยิบเข้าออกแบบนี้ถือว่าทำได้สะดวกและง่ายกว่าหูฟังหลายรุ่นเลย และภายในช่องที่เก็บหูฟังของเคสชาร์จยังมีแม่เหล็กติดตั้งมาให้ด้วย ทำให้เมื่อเรานำหูฟังออกมาใช้งานและจะใส่กลับเข้าไปเพื่อเก็บหรือชาร์จแบตเตอรี่ตัวเคสก็จะทำการดึงหูฟังของเราให้เข้าไปในช่องได้อย่างง่ายดาย

ตัว หูฟัง จะมีสีแบบเดียวกับเคสชาร์จ มีโลโก้ JBL สลักไว้ ที่บริเวณปุ่มกดสั่งงานอยู่ที่ด้านข้าง ขนาดของตัวหูฟังถือว่าเล็กพอสมควร มีน้ำหนักอยู่ที่ 5.1 กรัมต่อข้าง เมื่อสวมใส่มีกระชับเข้ากับรูหูของเราเป็นอย่างดี จากที่ได้ลองทดสอบใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ เช่นเดินไปมา ขึ้นลงบันได รวมถึงได้ลองใส่ขณะออกกำลังกายแบบเบาๆ และได้ลองโยกหัวแรงๆ ตัวหูฟังก็ไม่หลุดออกจากหูแต่อย่างใด

ของทั้งหมดภายในกล่อง

ของที่ให้มาในกล่อง ก็จะประกอบไปด้วย ตัวหูฟัง, เคสชาร์จ, จุกยางทั้งหมด 3 ขนาด (รวมที่ใส่มาพร้อมกับตัวหูฟัง) ได้แก่ไซส์ S, M และ L, สาย USB-C สำหรับชาร์จแบต และ คู่มือการใช้งาน

ฟีเจอร์และลูกเล่นต่างๆ

Dual Connect หูฟังตัวนี้มีความพิเศษตรงที่เราสามารถนำหูฟังข้างใดก็ได้ออกมาใช้ในรูปแบบ Mono Mode ได้ในกรณีที่เราต้องการใช้งานหูฟังพร้อมกับได้ยินเสียงรอบข้างไปด้วย เช่นใช้งานคุยโทรศพท์ หรือใช้หูฟังขณะทำงาน เป็นต้น ซึ่งเราสามารถนำข้างหนึ่งมาใช้งานขณะที่ใส่อีกข้างไว้ในเคสชาร์จได้ รวมถึงจากการทดสอบเสียงทั้งหมดก็จะมาออกที่หูฟังข้างเดียวอย่างครบถ้วนแบบ Mono ไม่มีเสียงใดตกหล่นหายไป

อีกอย่างคือเมื่อเราทำการเชื่อมต่อกับ Smartphone ต่างๆ เราสามารถเรียกใช้งานคำสั่งเสียง หรือผู้ช่วยอัจฉริยะของมือถือที่เราเชื่อมต่อไว้ได้ด้วยอย่าง Siri บน iPhone, Google Assistant บนมือถือ Android และ Bixby บนมือถือ Samsung

ในมือถือรุ่นที่รองรับ มีบอกเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ด้วย ภาพตัวอย่างจาก iPhone X

วิธีการใช้งานและคำสั่งต่างๆ

สั่งงานด้วยการ “กด” ปุ่ม

การสั่งงาน ของหูฟังตัวนี้จะใช้เป็นการ “กด” เข้าไปที่ปุ่ม ตรงโลโก้ JBL ที่ด้านข้างของหูฟัง โดยสามารถสั่งงานแบบเดียวกันได้ผ่านหูฟังทั้ง 2 ข้าง มีคำสั่งการใช้งานต่างๆ ดังนี้

  • กด 1 ครั้ง เพื่อ เล่น/หยุด เพลง หรือ รับ/วาง สายโทรศัพท์
  • กด 2 ครั้ง เพื่อ เล่นเพลงถัดไป
  • กด 3 ครั้ง เพื่อ เล่นเพลงก่อนหน้า
  • กดค้างไว้ 2 วินาที เพื่อ เรียกใช้งานคำสั่งเสียง หรือ เปิด/ไมโครโฟน
  • กด 1 ครั้งและค้างไว้ 5 วินาที เพื่อเข้าโหมด Pairing

จากการทดสอบการกดปุ่มสั่งงานในลักษณะนี้หากกดเข้าไปตรงๆ อาจเกิดอาการเจ็บหูได้ โดยผมมีเทคนิคเล็กน้อยมาแนะนำกันคือให้เราทำการเอานิ้วโป้งกับนิ้วกลางทำการจับตัวหูฟังประคองไว้แล้วค่อยใช้นิ้วชี้กดจะช่วยให้กดสั่งงานได้ง่ายขึ้นแถมลดอาการเจ็บหูไปได้มากพอสมควรเลย