ย้อนไปเมื่อ 22 ปีที่แล้ว หากจะพูดถึงภาพยนตร์หนึ่งในดวงใจอันดับต้นๆของคอหนังตัวยง ก็คงต้องมีชื่อของ “Jurassic Park” เป็นแน่แท้ ต้องยอมรับว่าหนังที่เกี่ยวกับ “ไดโนเสาร์” ในยุคนั้นไม่เคยมีเรื่องไหนทำกราฟฟิกออกมาได้น่าสนใจเท่านี้อีกแล้ว ความตื่นเต้น เร้าใจของการผจญภัยในเกาะที่สร้างขึ้น โดยมีพล็อตเรื่องเป็นธีมพาร์คของไดโนเสาร์ สัตว์โบราณที่สูญพันธุํไปหลายพันล้านปีก่อน มาเดินเล่นให้ชมกันเหมือนสวนสัตว์ทั่วๆไป ทั้งแนวคิด นักแสดง ทุกอย่างล้วนลงตัวไปหมด นับเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมมากๆ และมีภาคต่อตามมาอีกหลายภาค
สืบเนื่องมาจนถึงวันนี้ วันที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะกลับมาอีกครั้ง ภายใต้ชื่อ “Jurassic World” คอนเซปต์ยังคงเดิม แต่เป็นยุคปี 2015 ซึ่งมีอารมณ์ของธีมพาร์คที่แตกต่างกันออกไป มีกลิ่นอายของความเป็นยุคแห่งอนาคตผสมผสานเข้ามา ทั้งยังแอบสอดแทรกความคลาสสิคในยุค 22 ปีก่อนอยู่อีกด้วย
ตัวผมเองได้มีโอกาสรับชม Jurassic World ค่อนข้างเร็ว จึงอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ให้หลายๆท่านได้ทราบ แน่นอนว่าจะไม่สปอยเนื้อเรื่องของหนังแต่อย่างใด เพียงแค่อยากจะแนะนำอารมณ์ ความรู้สึกหลังจากที่ได้ไปชมมา ซึ่งมีคำถามมากมายเหลือเกินว่า มันจะคุ้มค่าเงินไหม ? ต้องดูภาคก่อนหน้านี้ไปด้วยหรือเปล่า ? หรือควรจะดูที่ไหน 3D หรือ 2D หรือยังไงจะดีที่สุด ? เพียงเท่านี้แหละครับ
อันดับแรกคือในด้านภาพและเสียง
อย่างที่ทราบกันว่าหนังเรื่องนี้มีความเร้าใจตรง “ความอลังการงานสร้าง” ของสัตว์โลกยุคดึกดำบรรพ์ การสื่ออารมณ์ในหนังที่แสดงผ่านหน้าจอถือว่าทำได้น่าตื่นเต้นเอามากๆ หนังจะสนุกหรือไม่ ถ้าดึงอารมณ์คนดูเข้าไปในหนังไม่ได้ ก็ถือว่าจบ ดังนั้นการดูเรื่องนี้จึงมีโจทย์ว่าต้องทำยังไงก็ได้ ให้คนดูรู้สึกเหมือนมีไดโนเสาร์ไล่ตามตลอดเวลา นี่เป็นเหตุผลที่ภาพและเสียงที่ผู้กำกับทำออกมาถือว่าสอบผ่าน บางฉากที่ลุ้นมากๆ ก็ทำเอานั่งตัวเกร็งไปได้เหมือนกัน ตื่นเต้นใช้ได้เลยทีเดียว
ส่วนเรื่องของโรงภาพยนตร์หลายๆคนที่คิดว่าดูหนังที่ไหนๆก็เหมือนกันหมด คิดแบบนี้ก็ถือว่าถูก แต่ไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะถ้าคุณเป็นคนที่ดูหนังไปเรื่อยๆ ไม่ต้องการเสพย์อารมณ์เข้าไปอย่างลึกซึ้ง ดูที่ไหนก็ได้เนื้อเรื่องเดียวกัน คุยกับเพื่อนรู้เรื่องเหมือนกัน แต่หากคุณเป็นคนที่ต้องการอรรถรสที่เต็มที่จริงๆ โรงที่เหมาะกับ Jurassic World มากที่สุด คงหนีไม่พ้น IMAX ล่ะครับ จะเป็นสาขาไหนก็ได้ ทั้งขนาดของจอภาพที่ใหญ่กว่าโรงภาพยนตร์ปกติ หรือระบบเสียงรอบทิศทางที่ดีกว่า เรียกได้ว่าไดโนเสาร์เดินที ก็มีสะเทือนกันไปข้างนึง โดยส่วนตัวแล้วผมไปรับชมที่ The Emquartier มาครับ ซึ่งมีโรง IMAX อยู่เหมือนกัน ความอลังการงานสร้างก็ไม่แพ้ที่ใหญ่ๆอย่างสยามพารากอน หรือเมเจอร์รัชโยธินเลยทีเดียว ภาพและเสียงมาเต็มหมด โดยเฉพาะซับวูฟเฟอร์ที่ลอยมาเต็มๆ ใครชอบแบบกระหึ่มๆ ก็ไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้ด้วยประการทั้งปวง
ดูแบบ 2D หรือ 3D จะดีกว่ากัน ?
มีหนังอยู่ไม่กี่เรื่องที่ผมชอบดูในระบบ 3D นั่นก็เพราะว่าประสบการณ์ในเรื่องเก่าๆทำเอาผมเจ็บมาเยอะ ครั้งนี้การตัดสินใจของผมคงไม่ผิด ได้ดู Jurassic World แบบ 3D มิติของภาพที่ได้ ไม่ทำให้ผมผิดหวัง หรือจะบอกว่าทำได้ดีเกินคาดก็ไม่ผิดความเป็นจริง มีข้อแนะนำอยู่บ้างหลังจากได้ดู 3D ในเรื่อง Jurassic World ถ้าอยากรับชมได้่ถึงเนื้อจริงๆ ควรจะเลือกดูโรงที่จอใหญ่ๆ เพราะด้วยขนาดของหน้าจอที่มีความกว้างใหญ่ ทำให้เวลากรอกตาซ้ายขวา ยังไม่หลุดกรอบของภาพยนตร์ ไดโนเสาร์ทั้งหลายก็มาเต็มๆ จึงได้อรรถรสเพิ่มขึ้นไปอีกด้วย แต่หากเป็นโรงอื่นๆ เรียนตามตรงว่าผมคงเลือกดูแบบ 2D ครับ เพราะโดยปกติแล้ว ไม่ค่อยชอบแบบ 3D เท่าไหร่ ยกเว้นบางเรื่องทีคาดว่าจะทำออกมาได้ดี เช่นเรื่อง Jurassic World
แล้วต้องดูภาคเก่ามาก่อนหรือเปล่า ถึงจะดู Jurassic World รู้เรื่อง ?
สำหรับคำตอบนี้ก็คือ “ไม่จำเป็น” ครับผม แม้ว่าคุณจะไม่เคยดูหนังในตระกูล Jurassic มาก่อนเลยก็ตาม ก็ยังสามารถสนุกกับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่อยู่ดี แต่หากว่าได้ดูมาก่อน ในหนังจะมีหลายๆส่วนที่เกี่ยวข้องกันเป็นไทม์ไลน์ของเรื่อง Jurassic ไล่เรียงมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งพล็อตเรื่องก็ยังคงตื่นเต้น ให้เราลุ้นกันไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าเนื้อเรื่องใน Jurassic World จะเป็นแบบที่เราคาดเดาได้ไม่ยาก แต่กระนั้นความสนุกของหนังเรื่องนี้ก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ได้กลิ่นอายของภาคแรกมาเต็มๆ
ToNy
11-June-58
