26 Apr 2015
Review

รุ่นกลางสเป็คดี !!! รีวิว LG 55LF630T LED TV พร้อม webOS 2.0


  • Dear_Sir

เสียง

ลำโพงของ LG 55LF630T ให้มาแบบ 2 แชนแนล แชนแนลละ 10 วัตต์ รวมเป็น 20 วัตต์ เป็นระบบยิงเสียงลงล่าง มีโหมดเสียงอย่าง Standard, Cinema , Music, Soccer, Music, Game รวมถึงโหมดจำลองเสียงรอบทิศทางด้วย ผมเองทดสอบทั้งคอนเทนต์หนังและเพลงเพื่อหาโหมดเสียงที่ให้ความสมดุลที่สุดเพื่อนำมาแนะนำให้กับทุกท่าน เริ่มจากหนังเรื่อง X-Men II ฉากที่แม็กนีโต้แหกคุกพลาสติก แล้วควบคุมลูกเหล็กตามใจนึก..ให้พุ่งไปอัดหน่วยรักษาความปลอดภัย ทีวีให้ความเฟี้ยวฟ้าวได้ในระดับหนึ่ง ถือว่าพอมีเนื้องเสียงมิแห้งเหือด เช่นเดียวกับคอนเสิร์ตของป๋าๆวง Scorpions ในชุด Moment of Glory โดยใช้เพลง Moment of Glory ที่มีวงออเครสตร้าเล่นประกอบ คุณภาพเสียงก็ถือว่าฟังได้ไม่ขี้เหร่ เนื้องเสียงมี มิติสเตอริโอซ้ายขวาก็พอมี ความสามารถในการแยกชิ้นดนตรีและความสะอาดสะอ้านของเสียงอยู่ในระดับพอประมาณ โหมดเสียงที่คิดว่าโอเคสุดมี 2 โหมดคือ Standard และ Music ที่เหลือมันจะสุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่งจนเกินไป เช่นโหมด Soccer ก็จะเปิดกว้างจนแอบเปิดก้อง บรรยากาศในสนามและเสียงเชียร์มาเต็ม แต่เสียงคนพากย์ก็บางลงอย่างชัดเจน ดังนี้โหมดที่ผมแนะนำข้างต้นน่าจะเหมาะสมสุดแล้วกับทุกประเภทคอนเทนต์แบบครอบจักรวาล ภาพรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้…ไม่ได้มีอะไรให้ติเป็นพิเศษสำหรับทีวีระดับนี้

ทดสอบคุณภาพเสียงด้วยหนังและคอนเสิร์ตเพื่อหาโหมดเสียงที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงมากที่สุด

เพิ่มเติม

มาดูลูกเล่นไฮไลท์ประจำปีอย่าง webOS 2.0 กันบ้าง ย้อนกลับไปปีที่แล้ว LG ได้เปิดตัว webOS เวอร์ชั่นแรก สร้างความฮือฮาให้กับวงการ Smart TV พอสมควร มีดีมีเด่นหลายจุดทั้งการใช้งานที่ง่ายขึ้น นำทัพโดยเจ้า Launcher ซึ่งเป็นเมนูที่สไลด์ขึ้นมาจากด้านล่างเมื่อเรากดปุ่ม Home บนรีโมท ช่วยให้เราเข้าแอพส์ต่างๆได้ทันที กระนั้นยังคงมีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่บ้างเช่น การบู๊ทเครื่องที่ค่อนข้างช้า และอาการหน่วงในหลายๆจังหวะ มาปีนี้ LG เลยนำจุดเหล่านั้นมาปรับปรุงให้ดีขึ้นจนกลายมาเป็น webOS 2.0 นี่แหละ โดยยังคง 3 ซิมเปิ้ลคอนเซ็ปต์หลักดังต่อไปนี้

1) Simple to Connect– เริ่มต้นการใช้งานได้ง่าย เมื่อเราเปิดเครื่องครั้งแรกจะมีตัวการ์ตูน Bean Bird นกน้อยกลอยใจมาคอยสอนเราเซ็ตอัพตั้งแต่จูนทีวียันเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต- มี Input Assist หรือตัวป็อปอัพแจ้งขึ้นมาเมื่อเราเชื่อมต่อ Input เพิ่มเติมเข้าไปถามเราว่า “ท่านจะเปลี่ยนเป็น Input ที่เพิ่งเชื่อมต่อเลยหรือเปล่าเพคะ ?” (ฮา) – Input Picker การเลือกเปลี่ยน Input จากแถบเมนูด้านขวาที่สไลด์เข้ามา โดยไม่ได้มีเมนูใหญ่เทอะทะบังสายตา 

2) Simple to Switch– สามารถสลับหน้าจอไม่ว่าจะเป็นรายการทีวี แอพพลิเคชั่น หรือ VOD ได้แบบทันใจโดยไม่ต้องกดเข้าเมนูหลายชั้นให้ยุ่งยาก – มี Launcher สามารถเปลี่ยนช่องจากรายการปกติไปยังแอพส์หรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออย่าง External HDD ได้ทันที ไม่ต้องกดเข้าเมนูหลักหลายขั้นหลายตอนเหมือนแต่ก่อน- My channel สามารถเพิ่มช่องรายการโปรดในดิจิตอลทีวีได้ถึง 8 ช่อง Add ไว้ในหน้า Launcher ได้เลย ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ webOS 2.0 สามารถจดจำการทำงานครั้งล่าสุดไว้ให้เราสามารถ Resume กลับไปได้เลยทีเดียว

3) Simple to Discover– สามารถค้นหาและดาวน์โหลดแอพส์ต่างๆผ่าน LG Store โดยเฉพาะพวก Premium Contents ที่รวบรวมแอพส์คุณภาพของไทยเพื่อคนไทย 
หมายเหตุMagic Remote ต้องเสียเงินซื้อเพิ่มสำหรับรุ่นนี้ เพราะแถมให้แต่รีโมทธรรมดา แนะนำว่าสามารถโปโหลดแอพ LG TV – webOS มาติดตั้งบน Smart Phone ของท่านเพื่อใช้เป็นรีโมทได้อีกทาง

หน้าตาของ Launcher แถบเมนูลัดไฮไลท์เด็ดของ webOS 2.0
สังเกตได้ว่าผมเล่นแอพ You2Play อยู่ ก็เรียก Launcher ออกมาแสดงได้เลยโดย “ไม่ต้องออกจากแอพ You2Play” แน่นอนว่าขนาด SmartPhone ยังทำแบบนี้ไม่ได้
หน้ารวมแอพพลิเคชั่นใน LG Store
แอป Mthai ที่รวบรวมวีดีโอคลิปสุดเจ๋งไว้มากมาย

จากการลองเล่น webOS 2.0 ก็พบว่าการตอบสนองการใช้งานนั้น “ไวขึ้น” พอสมควร ความรู้สึก “แอบหน่วง” ที่เคยเก็บไว้ในใจตั้งแต่เวอร์ชั่นที่แล้วได้ลดน้อยลงไป การเปิดเครื่องใช้งานครั้งแรกก็บู๊ทได้ไวขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจ แถมเวอร์ชั่นนี้ยังมีเมนูลัดที่สไลด์เลื่อนมาจากด้านขวาของจอเพื่อปรับค่า Quick Setting เช่นโหมดภาพสำเร็จรูป โหมดเสียงสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย โดยส่วนตัวคิดว่าเป็น OS ง่ายๆที่พกความเจ๋งในแบบง่ายๆ ช่วยลดขั้นตอนที่ดูยากและซับซ้อนของ Smart TV ได้อย่างยอดเยี่ยม ในมุมมองของผมและทีมงานก็ถือว่า LG นั้น “มาถูกทาง”  (ส่วนอีกแบรนด์ร่วมประเทศก็ “มาตามนัด” ออก Tizen OS มาชนแล้ววว)